สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 18 มิถุนายน 2562

‘เซ็นทรัล’ บูมรังสิต ดันคอนโดคึก

ตลาดลงทุนคอนโดฯรังสิตคึกรับเมกะโปรเจ็กต์เอกชนสร้างเมืองใหม่ 1,000ไร่ เซ็นทรัลปักหมุด 600 ไร่ บูมรังสิต ฟิวเจอร์พาร์ค ขยับปรับปรุง

แนวนโยบายขยายความเจริญของเมือง ผ่านผังเมืองฉบับใหม่และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐก่อให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยในโหนดใหม่ๆ รวมถึงโอกาสสำหรับนักลงทุน

นายชัยวัฒน์ จักรแต๋ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ครีเอเตอร์ส เอชคิว จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันย่านรังสิต กลายเป็นตลาดที่น่าจับตาของผู้พัฒนาและนักลงทุนอสังหาฯ เนื่องจาก เป็นประตูทางออกสู่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออกของประเทศ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่น ของกลุ่มคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรม ครู อาจารย์ แพทย์ พยาบาล รวมถึงเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยรังสิต ทำให้มีความต้องการในด้านที่อยู่อาศัยจากกลุ่มนักศึกษาสูงมาก ทั้งในแง่การซื้อหรือเช่า มีการพัฒนาโครงการเมกะรังสิต กว่า 1,000 ไร่ ให้เป็นเมืองใหม่, การพัฒนาเซ็นทรัลเอ็ม ซึ่งเป็นห้างใหม่ของกลุ่ม CPN อีก 600 ไร่, แผนปรับปรุงฟิวเจอร์พาร์ครังสิตให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม รวมถึงการขนส่ง ระบบคมนาคมที่ถูกพัฒนา เชื่อมต่อพื้นที่ชั้นในและชั้นนอก ผ่านโครงการรถไฟฟ้า,รถไฟความเร็วสูง, มอเตอร์เวย์สายใหม่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้รังสิตเป็นทำเลแห่งอนาคต มีความน่าสนใจ

“ย้อนไป 3 ปี รังสิตไม่มีความเคลื่อนไหวของราคาที่ดินอย่างเป็นนัย แต่หลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม สถานีบางซื่อ-รังสิต-สู่สถานีเชียงราก กำหนดเสร็จอีก 3 ปีข้างหน้า, มีถนนมอเตอร์เวย์สายใหม่ผ่านรังสิต ไม่นับรวมแผนพัฒนาสนามบินเฟส 3 ทำให้พื้นที่เจริญสูงมาก ราคาที่ดินเติบโตสูงขึ้น 5-10%”

ด้าน นางอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันทำเลรังสิตรัศมี 5 กิโลเมตร รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีซัพพลายที่อยู่อาศัยยอดนิยม 3 กลุ่มหลัก คือ คอนโดมิเนียม หอพัก และอพาร์ต เมนต์ รวมเพียง 23,000 หน่วย ซึ่งยังไม่เพียงพอสำหรับความต้องการของกลุ่มนักศึกษา ที่มีมากกว่า 7 หมื่นราย และนักศึกษาใหม่อีกปีละ 8 พันราย ขณะที่ผลตอบแทนในการลงทุนปล่อยเช่าเติบโตอย่างน่าสนใจ อยู่ที่ 4-6% อัตราการเช่า 95% ตลอดทั้งปี

“เป็นทำเลที่มีความน่าสนใจในแง่การเติบโตของราคาขาย พบ 1-2 ปีก่อนหน้า คอนโดฯเกิดใหม่ ราคาขายประมาณ 7 หมื่นบาท/ตร.ม. ปัจจุบันขยับไปแตะ 1 แสนบาท/ตร.ม. สะท้อนถึงช่องว่างการเติบโตของราคาได้อีกมาก เมื่อเทียบกับการลงทุนในทำเลใจกลางเมือง ที่ราคาเต็มเพดาน ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าลดลง” 

ขอบคุณข้อมูล thansettakij.com


กทม.เร่งปรับปรุงสถานีสูบน้ำ ยกเครื่องโซนหลักสี่ บางเขน วิภาวดีฯ

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ร่วมกับนายณรงค์ เรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ นางสาววนิดา เจียงไพศาลกุล ผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ สำนักงานเขตในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ลงพื้นที่ติดตามโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณสถานีสูบน้ำคลองวัดหลักสี่ขาเข้า สถานีสูบน้ำคลองบางซื่อขาเข้าฝั่งเหนือ สถานีสูบน้ำคลองบางซื่อขาออกฝั่งเหนือ งานก่อสร้างระบบระบายน้ำซอยแจ้งวัฒนะ 5 จากถนนแจ้งวัฒนะถึงคลองเปรมประชากร การปรับปรุงซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 42 และโครงการก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) บริเวณสถานีตำรวจนครบาลบางเขน

“โดยการดำเนินงานในครั้งนี้สอดคล้องกับแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ยุทธศาสตร์ มหานครปลอดภัย ที่มีเป้าหมายให้กรุงเทพมหานครปลอดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยวางมาตรการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสม อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีปลอดมลพิษ มีระบบการจัดการน้ำเสียและระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ”

นอกจากนั้นกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เนื่องจากถนนวิภาวดีรังสิตเดิมอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมทางหลวง ต่อมาเมื่อปี 2542 กรมทางหลวงได้มอบให้กรุงเทพมหานครดูแลรับผิดชอบระบบระบายน้ำบริเวณคูน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งนี้สถานีสูบน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตได้เปิดใช้งานมาเป็นระยะเวลายาวนาน อัตรากำลังสูบน้ำที่มีอยู่เดิม 59 ลบ.ม./วินาที ไม่สามารถระบายน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สำนักการระบายน้ำจึงดำเนินโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิต จำนวน 15 สถานี โดยปรับปรุงเพิ่มอัตรากำลังสูบน้ำเป็น 81 ลบ.ม./วินาที 

สำหรับสถานีสูบน้ำที่อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุง 3 สถานี ได้แก่ สถานีสูบน้ำคลองบางซื่อขาออกฝั่งเหนือ ผลงานที่ทำได้ 30% สถานีสูบน้ำคลองบางซื่อขาเข้าฝั่งเหนือ ผลงานที่ทำได้ 40% และสถานีสูบน้ำคลองวัดหลักสี่ขาเข้า ผลงานที่ทำได้ 26%

ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้ผู้รับจ้างดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราว ในระหว่างที่การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อเร่งระบายน้ำจากถนนวิภาวดีรังสิตและคูน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตลงสู่คลองในพื้นที่ เมื่อโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตแล้วเสร็จทั้งหมด จะเพิ่มอัตรากำลังสูบน้ำจาก 81 ลบ.ม./วินาที เป็น 110 ลบ.ม./วินาที สามารถเร่งระบายน้ำลงสู่คลองบางซื่อ คลองลาดยาว คลองบางเขน คลองวัดหลักสี่ ระบายออกสู่คลองเปรมประชากร และอีกส่วนหนึ่งระบายออกคลองลาดพร้าว ตลอดจนช่วยดึงน้ำบริเวณคูน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตทั้งฝั่งขาเข้าและฝั่งขาออกลงสู่ระบบอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้สำนักการระบายน้ำได้ดำเนินงานก่อสร้างระบบระบายน้ำซอยแจ้งวัฒนะ 5 จากถนนแจ้งวัฒนะถึงคลองเปรมประชากร โดยวางท่อระบายน้ำค.ส.ล. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.50 ม. ความยาว 720 ม. ภายในซอยแจ้งวัฒนะ 5 เพื่อดึงน้ำจากถนนแจ้งวัฒนะเข้าสู่บ่อสูบน้ำกำลังสูบ 4.5 ลบ.ม./วินาที ระบายลงสู่คลองเปรมประชากร ประกอบด้วย ก่อสร้างบ่อสูบน้ำค.ส.ล. จำนวน 1 แห่ง ก่อสร้างท่อระบายน้ำค.ส.ล. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.50 ม. ความยาว 720 ม. พร้อมบ่อพัก ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า กำลังสูบ 0.5 ลบ.ม./วินาที จำนวน 1 เครื่อง เครื่องสูบน้ำไฟฟ้า กำลังสูบ 1.0 ลบ.ม./วินาที จำนวน 2 เครื่อง เครื่องสูบน้ำไฟฟ้า กำลังสูบ 2.0 ลบ.ม./วินาที จำนวน 1 เครื่อง

ฃ“ขณะนี้ผู้รับจ้างได้ดำเนินการวางท่อระบายน้ำค.ส.ล. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.50 ม. ได้ความยาว 720 ม.แล้วเสร็จ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า จำนวน 4 เครื่อง กำลังสูบรวม 4.5 ลบ.ม./วินาที พร้อมติดตั้งหม้อแปลงและมิเตอร์ไฟฟ้าแล้วเสร็จ ผลงานโดยรวมทำได้ 95% โดยวันนี้ผู้รับจ้างได้ทดลองเปิดเดินเครื่องทดสอบระบบระบายน้ำซอยแจ้งวัฒนะ ซึ่งระบบระบายน้ำดังกล่าวสามารถใช้งานได้แล้ว โดยจะช่วยดึงน้ำจากถนนแจ้งวัฒนะระบายลงสู่คลองเปรมประชากร บรรเทาและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนและผู้มาติดต่อราชการในบริเวณดังกล่าว”

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวต่อว่าได้มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำติดตามโครงการอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งรัดผู้รับจ้างให้ดำเนินการเก็บรายละเอียดของงานในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

สำหรับการปรับปรุงซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 42 ประกอบด้วย การวางท่อระบายน้ำค.ส.ล. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.00 ม. ความยาว 359 ม. สร้างบ่อพักระบายน้ำค.ส.ล. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.00 ม. พร้อมฝาบ่อพักในผิวจราจร จำนวน 26 บ่อ สร้างชั้นพื้นฐานหินคลุกบดอัดแน่น ความหนาเฉลี่ย 0.15 ม. พร้อมสร้างผิวทางค.ส.ล. ความหนาเฉลี่ย 0.15 ม. ความกว้าง 2.60 ม. เนื้อที่ประมาณ 957 ตร.ม. ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ

“มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำและสำนักงานเขตหลักสี่ พิจารณาหาจุดที่เหมาะสมในการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม และดำเนินการสำรวจท่อระบายน้ำบริเวณซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 42 และบริเวณใกล้เคียง เพื่อปรับปรุงท่อระบายน้ำให้เชื่อมต่อถึงกัน เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำจากซอยงามวงศ์วาน 47 ไปลงคลองลาดโตนด ผ่านเข้าสู่ระบบระบายน้ำศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางซื่อได้ดียิ่งขึ้น”

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวอีกว่า ในส่วนโครงการก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) บริเวณสถานีตำรวจนครบาลบางเขน ประกอบด้วย ก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำค.ส.ล. จำนวน 1 บ่อ ก่อสร้างบ่อรับน้ำค.ส.ล. จำนวน 2 บ่อ ก่อสร้างบ่อส่งน้ำค.ส.ล. จำนวน 1 บ่อ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า กำลังสูบ 1 ลบ.ม./วินาที จำนวน 1 เครื่อง โดยก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำที่ซอยอัมรินทร์ 3 และบ่อรับน้ำที่ปลายคลองบางบัว เพื่อดึงน้ำฝนที่ท่วมขังบริเวณวงเวียนบางเขนมากักเก็บไว้ในบ่อหน่วงน้ำ เมื่อฝนหยุดตกหรือระดับน้ำในคลองลดต่ำลง จะสูบน้ำที่เก็บไว้ระบายลงคลองบางบัว และอีกส่วนหนึ่งระบายลงคลองรางอ้อรางแก้ว สำหรับบ่อหน่วงน้ำดังกล่าว มีขนาดกว้าง 6 ม. ยาว 30 ม. ลึก 6 ม. สามารถเก็บน้ำได้ 1,000 ลบ.ม. ครอบคลุมพื้นที่ 25,000 ตร.ม.

ทั้งนี้โครงการก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) บริเวณสถานีตำรวจนครบาลบางเขน ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายปี 2561 สำหรับรูปแบบการก่อสร้างบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) จะเริ่มจากการก่อสร้างบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ใต้ดิน พร้อมทั้งก่อสร้างบ่อส่งน้ำเพื่อรับน้ำที่ท่วมขังส่งไปยังบ่อหน่วงน้ำ โดยวางท่อระบายน้ำเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 1.20 ม. สำหรับรับน้ำฝนในช่วงเวลาที่ฝนตกเข้ามาเก็บไว้ที่บ่อหน่วงน้ำ โดยการเชื่อมท่อระบายน้ำเข้ากับท่อระบายน้ำเดิม หรืออาจจะวางท่อระบายน้ำใหม่จากบ่อหน่วงน้ำไปยังคลองโดยตรง และดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เมื่อฝนหยุดตกหรือระดับน้ำในคลองลดต่ำลง จะสูบน้ำจากบ่อหน่วงน้ำออกไปตามแนวท่อระบายน้ำไปยังบ่อรับน้ำเพื่อระบายลงสู่คลองในพื้นที่ต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บลจ.ยูโอบี 4 เดือนโต 7 % สูงกว่าอุตสาหกรรม

บลจ.ยูโอบี 4 เดือนโต 7 % สูงกว่าอุตสาหกรรม

เน้นกลยุทธ์ขยายธุรกิจตามกลุ่มลูกค้า แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บลจ. ยูโอบี มีการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอยูเอ็ม) ณ สิ้นเดือนเมษายน ปี 2562 โดยมีมูลค่า 224 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 7% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2562 ในขณะที่อุตสาหกรรมเติบโตเพียง 5% (ที่มา : AIMC ณ เม.ย. 2562)โดยธุรกิจกองทุนรวม ที่เติบโตกว่า 4 % โดยในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่มีความหลากหลาย ทั้งกองทุนตราสารทุน กองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF ) เพื่อเป็นทางเลือกในการจัดสรรพอร์ตการลงทุนและกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนจากสภาวะตลาดการลงทุนโลก และเศรษฐกิจโลกที่มีการชะลอตัวทั้งนี้ บลจ. ยูโอบี นำเสนอกองทุนใหม่ทั้งหมด 5 กองทุน ในช่วง 4 เดือนแรก ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ลงทุน โดยมียอดซื้อในช่วงไอพีโอ รวมทุกกองทุนกว่า 3,492 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 2562)สำหรับกองทุนรวมเดิมของบลจ. ยูโอบี ที่มีการเติบโตโดดเด่นตั้งแต่ต้นปี 2562 ประกอบด้วย 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด โกลบอล ควอลิตี้ โกรท ฟันด์ (UGQG) มี AUM เพิ่มขึ้น 213% (465 ล้านบาท) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล ไดนามิค บอนด์ ฟันด์ (UDB) มีเอยูเอ็ม เพิ่มขึ้น 67% (1,566 ล้านบาท) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด เฟล็กซิเบิ้ล อินคัม ฟันด์ (UFIN) มี AUM เพิ่มขึ้น 48% (3,048 ล้านบาท) (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนเม.ย. 2562)ทางด้านธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตั้งแต่ต้นปีนั้น ได้รับความไว้วางใจให้บริหาร กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำหรับลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว (กสจ.) ประเภทกองทุนผสม และได้บริหารเงินลงทุนเพิ่มในส่วนตราสารทุน สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทำให้ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีการเติบโตโดยประมาณ 21% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2561
ในส่วนของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ได้รับความเชื่อมั่นให้บริหารกองทุนส่วนบุคคล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเภทกองทุนผสม (ตราสารหนี้ – ตราสารทุน) โดยมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการทรัพย์สินของกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่ดีและสม่ำเสมอเพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบลจ. ยูโอบีเสมอมาในขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่จะเสริมสร้างความสะดวกให้กับผู้ลงทุน ในการเร่งพัฒนาบริการออนไลน์เพื่อตอบโจทย์ผู้ลงทุนรุ่นใหม่ในโลกดิจิทัล โดยบริการรับชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนด้วยระบบ “QR code” จะพัฒนาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2 นี้ เพื่อรองรับการชำระค่าซื้อหน่วยลงทุนได้จากธนาคารชั้นนำหลายแห่ง บริการรับชำระค่าซื้อหน่วยลงทุนด้วยระบบ QR Code นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการพัฒนานวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งของบลจ. ยูโอบี เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุนนายวนา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เน้นการรักษา และดูแลลูกค้าในแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการและวัตถุประสงค์ในการลงทุนของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างแท้จริง

อีกทั้งมีการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งในรูปแบบสัมมนาการให้ความรู้ คำแนะนำทางการเงินและกองทุนรวม รวมไปถึงการจัดกิจกรรม ความบันเทิงต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างความหลากหลาย ซึ่งที่ผ่านมาทางบลจ. ยูโอบี ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอดพร้อมกันนี้ มีการทำงานอย่างใกล้ชิด และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบลจ.ยูโอบี ประเทศสิงคโปร์ และในภูมิภาคเอเชีย ในการกำหนดกลยุทธ์ แนวทางในการดำเนินธุรกิจในระดับต่างๆ บนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาลที่ดี โปร่งใส รวมถึงด้านจรรยาบรรณ และความรับผิดชอบต่อสังคมนอกจากนี้ ยังมีการจับมือร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกเพื่อนำเสนอทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายแก่ผู้ลงทุน ในสภาวะการณ์ต่างๆ ทำให้กลุ่มบลจ.ยูโอบี มีการเติบโตในระดับภูมิภาคอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีแผนการพัฒนานวัตกรรมในด้านต่างๆเพื่อผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจ และการลงทุน ขณะนี้ บลจ. ยูโอบีมองว่าสภาวะการลงทุนทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ซึ่งประเด็นหลักมาจากเรื่องสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่มีท่าทีว่าจะยืดเยื้อต่อไปอีก ล่าสุดสหรัฐฯพร้อมขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนอีก หากจีนไม่ให้ความร่วมมือส่วนรัฐบาลจีนได้ออกมากล่าวเตือนบริษัทเทคโนโลยีต่างๆให้เตรียมรับมือถึงผลกระทบระยะยาว หากบริษัทเหล่านี้ยกเลิกการทำธุรกิจกับบริษัทจีน ตามคำสั่งของประธานาธิบดี่ทรัมป์ จากประเด็นดังกล่าวมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้สามารถเติบโตได้ในระดับปานกลางแต่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และส่งผลให้ตลาดทุนมีความผันผวนสูงขึ้นอย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางในประเทศต่างๆเล็งเห็นถึงความเสี่ยงของการเจรจาการค้า จึงเริ่มดำเนินการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน โดยตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปีนี้น.ส.รัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ กล่าวถึงมุมมองการลงทุนของบลจ. ยูโอบี ว่า ความรุนแรงจากภาวะสงครามการค้าอาจเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งต้องติดตามดูว่าจีนจะตอบโต้การขึ้นภาษีและการแบนบริษัทจีนในการทำธุรกิจกับบริษัทของสหรัฐฯอย่างไร ตลาดหุ้นจะผันผวนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วง ทำให้การให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการลดความเสี่ยงและความผันผวนทางด้านหุ้น แนะนำลงทุนในกองทุนที่มีการกระจายตัวของสินทรัพย์ และเน้นหุ้นคุณภาพสูงเป็นหลัก สำหรับการลงทุนในรายประเทศหรืออุตสาหกรรมเฉพาะตัว จะมีความผันผวนสูงแต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นได้ในจังหวะการลงทุนที่ถูกต้อง จึงเหมาะสำหรับการลงทุนแบบยืดหยุ่นที่จัดสรรการลงทุน ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาว และแสวงหาโอกาสในการลงทุนช่วงสั้นถึงกลาง ทั้งนี้ บลจ. ยูโอบี ได้คัดสรรกองทุน 6
กองทุนเพื่อครอบคลุมโอกาสการลงทุนที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ดังนี้
1) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ (UGIS) ระดับความเสี่ยงกองทุน 5 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่แสวงหาโอกาสรับรายได้แบบสม่ำเสมอ และลดความเสี่ยงจากปัจจัยดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง กองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ PIMCO GIS Income Fund (Class I) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพ มีนโยบายกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ที่หลากหลาย การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
2) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล ไดนามิค บอนด์ ฟันด์ (UDB) ระดับความเสี่ยงกองทุน 6 ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ The Jupiter Global Fund – Jupiter Dynamic Bond (Class I) (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไมน้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพยสินสุทธิของกองทุน เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่สามารถลงทุนได้ทั่วโลก และสามารถลงทุนได้ในระยะปานกลางถึงระยะยาว 
3) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด เฟล็กซิเบิ้ล อินคัม ฟันด์ (UFIN) ระดับความเสี่ยงกองทุน 6 ลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สินแต่ละประเภทในสัดส่วนตั้งแต่ 0-100 % ของเอ็นเอวีกองทุน และกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79 % ของเอ็นเอวีกองทุน
กองทุน UFIN เน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ในทุกภูมิภาคทั่วโลก ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 4 แห่งทั้งในและนอกประเทศ กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
4) กองทุนเปิด ยูโอบี หุ้นระยะยาว ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล (UOBLTF) และกองทุนเปิด ยูโอบี หุ้นระยะยาว ชนิดจ่ายเงินปันผล (UOBLTF-D) ระดับความเสี่ยงกองทุน 6 กองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน โดยมีฐานะการลงทุนสุทธิในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65 % ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม เงินส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารทางการเงิน และ/หรือ ตราสารแห่งหนี้ต่างๆ โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง
5) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล ควอลิตี้ โกรท ฟันด์ (UGQG) ระดับความเสี่ยงกองทุน 6 กองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ United Global Quality Growth Fund (Class USD Acc) (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนหลักเป็นกองทุนที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดยบลจ.ยูโอบี (สิงคโปร์) ลงทุนในหุ้นคุณภาพที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง มีงบดุลที่แข็งแกร่ง เพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 
6) กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไดนามิค บอนด์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น ฟันด์ 3Y2 (UDBC3Y2) ระดับความเสี่ยงกองทุน 5 (กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง หรือซับซ้อน – ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนนี้ได้ในช่วงเวลา 3 ปีแรกนับจากวันจดทะเบียนกองทุนได้ ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียการลงทุนจำนวนมาก)ทั้งนี้ กองทุน UDBC3Y2 เสนอขายครั้งแรกในวันที่ 17 – 25 มิ.ย. 2562 กองทุนตราสารหนี้ ที่แบ่งโครงสร้างการลงทุนของกองทุนออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1) ซี่งเป็นส่วนของเงินต้น กองทุนจะกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก อายุประมาณ 3 ปี โดยมีกลยุทธ์การลงทุนครั้งเดียวเพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และส่วนที่ 2 กองทุนจะลงทุนในสัญญาวอร์แรนท์ ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุน Jupiter Dynamic Bond L EUR Acc ซึ่งกองทุนถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสี่ยงตลาดขาลง ในขณะที่ยังคงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในตราสารหนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


โรคยอดฮิตช่วงฤดูฝน คนธาตุลม-ผู้สูงอายุเสี่ยงป่วย

โรคยอดฮิตช่วงฤดูฝน คนธาตุลมและผู้สุงอายุเสี่ยงเจ็บป่วย thaihealth

ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย อากาศเย็นชื้นช่วงฤดูฝนกระทบร่างกาย เสี่ยงธาตุลมในร่างกายแปรปรวน แนะใช้ผักพื้นบ้านปรุงเป็นอาหารป้องกันโรค และวิธีการรักษาอาการหวัดภูมิแพ้อากาศง่าย ๆ ทำได้ด้วยตนเอง

นายแพทย์ปราโมทย์  เสถียรรัตน์ โฆษกกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย เรียกฤดูกาลนี้ว่า วสันตฤดู สภาพอากาศจะเย็นและชื้น หากกระทบร่างกาย จะส่งผลให้ธาตุลมในร่างกายเสียสมดุลเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ดูแลสุขภาพไม่ดี และโรคที่มักเกิดได้บ่อย ได้แก่ อาการหวัด คัดจมูก ไอ จาม ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ตาลาย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น กลุ่มเสี่ยงที่เจ็บป่วยได้ง่าย คือ คนธาตุลม ตามหลักการแพทย์ แผนไทย หมายถึง คนที่เกิดเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ซึ่งจะต้องรักษาสุขภาพเป็นพิเศษ

จึงขอแนะนำประชาชนอย่ามองข้ามภูมิปัญญาพื้นบ้านที่นำพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีรสเผ็ดร้อนมาปรุงอาหารเพื่อป้องกันโรค เพราะสมุนไพรรสเผ็ดร้อนจะกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก ช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้วิงเวียนศีรษะได้ดี สมุนไพรที่แนะนำ ได้แก่ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบกะเพรา กระชาย แมงลัก สะระแหน่ ช้าพลู ขมิ้นขาว ขมิ้นชัน ผักชี โหระพา หอมแดง กระเทียม ใบมะกรูด พริกไทย เป็นต้น เมนูอาหารที่แนะนำ เช่น แกงส้ม ต้มยำ น้ำพริกผักจิ้ม ไก่ผัดขิง ฯลฯ น้ำสมุนไพร เช่น น้ำตะไคร้ น้ำขิง ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณการบริโภคช่วงฤดูฝน คือ อาหารที่มีรสหวานจัด มันจัด และอาหารที่ย่อยยาก เพราะเป็นสิ่งกระตุ้นให้ธาตุลมในร่างกายแปรปรวนและเสียสมดุลมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย

แต่หากเกิดอาการหวัด คัดแน่นจมูก หรือภูมิแพ้อากาศ ทางการแพทย์แผนไทยก็มีวิธีแก้ง่าย ๆ ด้วยการรมไอน้ำ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากสามารถทำที่บ้านได้ด้วยตนเอง โดยการนำหอมแดง 3-4 หัว ทุบพอแหลก ใบมะขามและใบส้มป่อยอย่างละ 1 กำมือ ใส่กะละมังหรือหม้อที่ทนความร้อนแล้วเติมน้ำร้อนใส่พอท่วมสมุนไพร ปิดฝาหม้อไว้ 2-3 นาที ให้น้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรส่งกลิ่นหอม จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ คลุมศีรษะ และเปิดฝาหม้อรมไอน้ำให้ทั่วใบหน้าสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ ประมาณ 5-10 นาที หรือกว่าไอน้ำจะหมด ทำช่วงเช้าเป็นระยะเวลา 4-5 วัน อาการคัดแน่นจมูกจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


โตโยต้าเปิดตัว“โคสเตอร์”รถโดยสารอเนกประสงค์20ที่นั่งเคาะราคา1.96ล้าน

โตโยต้าเปิดตัว“โคสเตอร์”รถโดยสารอเนกประสงค์20ที่นั่งเคาะราคา1.96ล้าน

โตโยต้าเปิดตัว โคสเตอร์ (Coaster) รถโดยสารอเนกประสงค์ 20 ที่นั่ง ห้องโดยสารกว้างขวาง ระบบมาตรฐานความปลอดภัยครบครัน พร้อมสมรรถนะทรงพลัง ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม สนนราคา 1.96 ล้านบาท
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถโดยสารอเนกประสงค์ โคสเตอร์ (Coaster) ตอบสนองนโยบายภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่กำลังมองหารถโดยสารอเนกประสงค์ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจการเดินทาง เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรม รถโดยสารรับ-ส่ง รถที่ใช้ในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เป็นต้น
รถโดยสารอเนกประสงค์ โคสเตอร์ ถูกประกอบและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ได้รับการออกแบบดีไซน์ภายนอกให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในห้องโดยสาร กว้างขวางสะดวกสบายตลอดการเดินทาง มาพร้อมกับจำนวนที่นั่งผู้โดยสาร 20 ที่นั่ง และระบบปรับอากาศทุกที่นั่ง กระจายความเย็นสบายได้อย่างทั่วถึง เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยในขณะก้าวขึ้น-ลงในเวลากลางคืนด้วยไฟส่องสว่างบันไดข้าง

ขณะเดียวกัน ยังเพียบพร้อมไปด้วยความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ อาทิ ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) ป้องกันล้อล็อกและลื่นไถล สามารถหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้เมื่อรถเบรกกระทันหัน ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ควบคุมรถให้ทรงตัวอย่างมั่นคงแม้ในทางโค้งหรือถนนเปียกลื่น ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่ง ล็อคคันเร่งอัตโนมัติ ป้องกันรถเคลื่อนที่ ขณะที่ประตูผู้โดยสารปิดไม่สนิท มั่นใจอีกขั้นด้วย ถุงลมเสริมความปลอดภัย 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ทุกที่นั่ง เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นในการโดยสารด้วยโครงสร้างแชสซีส์และเหล็กกันโคลงหน้า-หลัง โครงสร้างตัวถังพร้อมคานเสริมนิรภัยที่ออกแบบพิเศษให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปกป้องผู้โดยสารจากการชนได้อย่างดี

ทั้งนี้ รถโดยสารอเนกประสงค์ โคสเตอร์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4.0 ลิตร ที่ให้สมรรถนะทรงพลัง ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ไอเสียต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกจากโตโยต้า ที่พร้อมนำเสนอให้กับผู้ประกอบการธุรกิจการเดินทาง หรือองค์กรที่ต้องการใช้งานรถโดยสารอเนกประสงค์ ที่ให้ความสะดวกสบาย ความอุ่นใจและปลอดภัยในทุกการเดินทาง

รถโดยสารอเนกประสงค์ โคสเตอร์ รุ่น 4.0 M/T เกียร์ธรรมดา ราคาจำหน่าย 1,960,000 บาท โดยราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ


ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,800.00 19,900.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,283.00 19,450.28 20,400.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,154.70 17,505.25 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,026.40 15,560.22 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 577.00 8,747.32 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 449.00 6,806.84 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,330.00 20,162.80 n/a
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/06/2562 
ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05
แก๊สโซฮอล์ 91 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78
แก๊สโซฮอล์ E20 24.04 24.04 24.44 24.04 24.44 24.04 24.04 24.04 24.04
แก๊สโซฮอล์ E85 19.69 19.69 19.69
เบนซิน 95 34.46 34.91 34.96 34.76 34.76
ดีเซล 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79
ดีเซลพรีเมี่ยม 24.79 24.79
แก๊ส NGV 15.94 15.94
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า