สาธร-สามย่านวา2ล. ทุนใหญ่อสังหาฯลุยซื้อที่กลางกรุงผุดมิกซ์ยูส
กูรูชี้ครึ่งปีหลังที่ดินใจกลางกทม.ซื้อขายคึกคัก บิ๊กเนมกลับมาลุยพัฒนาพื้นที่ชั้นในดีเวลอปเปอร์ไทยผนึกทุนต่างชาติลุยโครงการ มิกซ์ยูสย่านพระราม 4 มีที่ดินแปลงใหญ่ของหน่วยงานรัฐอีกมากรอการพัฒนา
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครมีการเติบโตอย่างมาก ส่งผลราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดสอดคล้องกับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ที่เติบโตเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อต้นทุนราคาที่ดินมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งก็พบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ราคาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯมีการปรับตัวเพิ่มสูงกว่าปีละ 8-10% เช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันราคาประเมินของกรมธนารักษ์รอบใหม่ ที่จะประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563-ธันวาคม 2566 ราคาที่ดินเฉลี่ยทั้งประเทศปรับขึ้นราว 11% สำหรับราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ปรับเพิ่มเฉลี่ย 2.45%
แต่นับจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ตลาดอสังหาฯค่อนข้างซึมตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านด้วยเกณฑ์ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย ฉุดกำลังซื้อในตลาดให้ทรุดตัวลง จนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องชะลอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ๆ รวมถึงการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนา ซึ่งท่ามกลางวิกฤติกำลังซื้ออสังหาฯ ราคาที่ดินไม่มีปรับลด แต่กลับพบว่ายังมีซื้อขายอยู่บ้าง ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีที่ดินให้เลือกซื้อ และคู่แข่งไม่มาก ล่าสุดที่ดินแปลงงามปากซอยเอกมัย ที่เดิมเป็นบ้านใร่กาแฟ ทางบมจ.ออลล์ อินสไปร์ คว้ามาได้
นอกจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจและการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ ที่ผลักดันราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ผังเมืองรวมกรุงเทพฯฉบับใหม่ที่จะประกาศใช้ในปีหน้านี้ ก็มีส่วนเปลี่ยนโฉมเมืองด้วย
อโศกรอรับอานิสงส์ผังใหม่
ปัจจุบันผังเมืองกรุงเทพ มหานคร ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 เพิ่มความถี่ของการใช้ประโยชน์ที่ดิน ในรูปแบบเชิงพาณิชย์มิกซ์ยูส ตลอดจนการปรับเปลี่ยนสี ผังการใช้ที่ดิน รัศมีแนวรถไฟฟ้าเส้นใหม่กว่า 10 เส้นทาง ทั้งที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและ เตรียมเปิดใช้เส้นทาง ขณะพื้นที่ชั้นใน ซีบีดีหลัก ได้แก่ สุขุมวิท สีลมสาทร ฯลฯ ส่วนใหญ่ ยังคงพื้นที่ พ.5 (ประเภทพาณิชยกรรม) หรือ ผังใหม่ พ.8 พัฒนาได้มากที่สุด Floor Area Ratio (FAR)(อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน) ในข้อกำหนดผังเมือง ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากเปิดให้พัฒนาเต็มเพดานแล้ว แต่เพิ่มบทบาทของอโศก จาก ย.10 ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก พื้นที่สีนํ้าตาล เป็นย่านพาณิชยกรรม ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว
จับตาราคาที่ 4 ทำเล
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอล ลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จากการที่ผู้ประกอบการหันมาเน้นเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน เช่น สาทร, สีลม, สุขุมวิทตอนต้น มากขึ้น ส่งผลราคาที่ดินในย่านดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น ย่านสาทร ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 100% โดย ปี 2560 บมจ.ศุภาลัย ชนะการประมูลซื้อที่ดินสถานทูตออสเตรีย เนื้อที่ 7 ไร่กว่า มูลค่าที่ดินกว่า 4,600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.45 ล้านบาทต่อตร.ว. และในปัจจุบันพบว่า มีผู้ประกอบการบางรายยอมทุ่มงบประมาณซื้อที่ดินย่านนี้สูงถึง 1.60-1.90 ล้านบาท/ตร.ว. เพื่อนำมาพัฒนาโครงการ
บนถนนสุขุมวิทก็เช่นกัน ที่ดินติดถนนสุขุมวิทในปัจจุบันมีการปรับตัวสูงกว่า ตร.ว.ละ 2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงเป็นอย่างมาก แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ยังคงแย่งชิงกัน เพื่อนำที่ดินมาพัฒนาโครงการเพื่อรองรับกำลังซื้อที่รออยู่
อีกหนึ่งทำเลที่น่าจับตา พระราม 4 (จุฬาฯ-สามย่าน ) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาราคาที่ดินในทำเลสามย่าน-พระราม 4 เติบโตเฉลี่ย 240% จาก 350,000 บาทต่อตร.ว. เป็นราคา 1.20 ล้านบาทต่อตร.ว. หรือเฉลี่ยปีละสูงถึง 24% และอนาคตอาจจะพุ่งไปถึง 1.5 ล้านบาทต่อตร.วา เมื่อโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเปิดให้บริการ
โอกาสรายใหญ่ตุนที่ดิน
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นโอกาสของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่จะหาที่ดินเก็บไว้ในมือได้ไม่ยาก โดยล่าสุดพบว่าที่ดินแปลงใหญ่บนถนนรัชดาฯ 2 แปลง มีผู้ซื้อไปแล้วมีที่ดินบริษัทแหลมทองค้าสัตว์ฯ ใกล้สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ อีกแปลงเป็นโรงแรมอโยธยา นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนเซนต์ดอมินิกบนถนนเพชรบุรี เนื้อกว่าประมาณ 4 ไร่ ประกาศขายในราคา 1.5 ล้านบาทต่อตร.ว.
เทรนด์มิกซ์ยูสแรง
นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้สำเร็จ ทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้น คาดการณ์ว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้การซื้อขายที่ดินจะคึกคักอีกครั้ง หลังซบเซาช่วงต้นปี และแนวโน้มผู้ประกอบการจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส เพื่อสร้างรายประจำให้กับบริษัท หลังจากกำลังซื้อคนไทยค่อนข้างชะลอไปเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและราคาที่อยู่อาศัยค่อนข้างแพง ซึ่งปัจจุบันบริษัทอสังหาฯของไทย มีการร่วมทุนกับต่างชาติหลายราย ทำให้มีเงินทุนพอที่จะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ทั้งนี้บนถนนพระราม 4 มีที่ดินรัฐแปลงใหญ่หลายแปลง เช่น ของโรงงานยาสูบ, ที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และที่ดินสถานีแม่นํ้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อสังหาฯวิกฤติ หดตัว50% จี้รัฐ…ถอนพิษร้าย‘LTV’
จากสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งแรกปี 2562 อยู่ในภาวะชะลอตัวลงมาก ทั้งในแง่จำนวนซัพพลายเปิดใหม่ และยอดการซื้อ-ขาย ขณะที่บางรายงานของบริษัทที่ปรึกษาและสำรวจอสังหาฯ ระบุ 6 เดือนแรกวิกฤติ ตลาดลดลงมากกว่า 50% โดยปัจจัยลบสำคัญยังมาจากผลกระทบใหญ่เรื่อง LTV ที่ไม่เพียงลุกลามไปยังกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุน แต่สะท้อนไปยังเรียลดีมานด์ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่แรงเท่าผลพวงจากเศรษฐกิจไทยทำพิษเงินในกระเป๋าคนซื้อ ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกถูกกดดันด้วยสงครามการค้า 2 ประเทศ จีน-สหรัฐฯประกอบกับเงินบาทแข็งค่า ทำให้ภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยวไทย ไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมาย โดยความวิตกกังวลดังกล่าวถูกมองไกลไปถึงทิศทางตลาดอสังหาฯช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน
โดยนางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่า จากหลายปัจจัยเกี่ยวข้องทำให้บริษัทเตรียมปรับเป้าหมายการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยเฉพาะแผนเปิดโครงการใหม่ในบางทำเลที่มีความกังวลเรื่องซัพพลาย
อย่างไรก็ตาม ยังมองเห็นปัจจัยบวก นั่นคืออัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในแนวโน้มตํ่า ส่งผลให้ราคาบ้านหรืออัตราผ่อนต่องวดลดลง ตลอดจนสงครามการค้าที่ใกล้ยุติ จึงเชื่อว่าไตรมาสที่ 3-4ตลาดโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ยาแรงสำคัญในการกระตุ้นตลาด อยากฝากความหวังไปยังรัฐบาลชุดใหม่ เร่งนำมาตรการทางภาษีมาประกาศใช้เช่นลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะที่เคยได้ผลดีในอดีต
“ง่ายสุดและเร็วที่สุด คือ การนำมาตรการที่เคยใช้ได้ผลในอดีตมาประกาศใช้ เช่น ลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% ให้เหลือ 0.1% พุ่งเป้าไปที่ลดภาระผู้ซื้อ เป็นนโยบายที่ดี และปฏิบัติได้จริง เปรียบเป็นการใช้ยาเดิมรักษาโรคหายแล้วกินซํ้า เพราะตลาดตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลามาลองยาใหม่”
ขณะตัวแทนขายที่อยู่อาศัย นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย)จำกัดมองว่า นอกจากรัฐบาลต้องเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ต่อเนื่องแล้ว ยังต้องลดทอนผลกระทบ LTV ตัวแปรทำให้การซื้อขายคอนโดฯลดลงกว่า 30% ช่วงครึ่งปีแรก และลุกลามต่อครึ่งปีหลัง ด้านค่ายแสนสิริ นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ ระบุว่า LTV ลุกลามต่อเศรษฐโดยรวม นี่คือสิ่งที่อยากให้รัฐบาลแก้ไข
แม้มาตราการสินเชื่อใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นกับดัก “ดีมานเทียม” แต่ในมุมดีเวลอปเปอร์แล้ว เขามองว่าเป็นพิษร้ายทำลายระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลใหม่ต้องจัดการ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
จับตาสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากการประชุมอีซีบี
อย่างไรก็ดี เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์หลังจากความเห็นของเฟดที่สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงินสิ้นเดือนนี้เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันความเสี่ยงการชะลอลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท จากความเชื่อมั่นต่อการลงทุนไทยที่มากขึ้น หลังจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings เพิ่มแนวโน้มของอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลไทยเป็นด้านบวก จากทรงตัว สะท้อนความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับเพิ่มอับดับจากปัจจุบันที่ BBB+ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้น ปิดตลาดที่ระดับ 30.783 (ณ เวลา 17.00 น.)
ตลาดตราสารหนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้เคลื่อนไหวทรงตัวอยู่ในกรอบและยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยที่การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรถูกจำกัดจากประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร รวมไปถึงการดำเนินนโยบายการเงินทั่วโลกเป็นไปในทิศทางที่ผ่อนคลาย
โดยล่าสุดธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ผิดจากที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% รวมไปถึงธนาคารกลางอินโดนีเซียลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps มาอยู่ที่ระดับ 5.75%
ทั้งนี้นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2562 ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงและถ้าพิจารณาจาก CME Group’s Fed Watch tool มีโอกาส 60% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps ในขณะที่ตลาดได้เพิ่มโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 50bps ในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้จาก 25% มาเป็น 40% ภายหลังจากสมาชิกเฟดได้ให้ความเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินในภาวะที่ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ สูงขึ้น ในขณะที่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวโดยมีความชันลดลง ซึ่ง ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 1.75% 1.72% 1.73% 1.74% 1.82% และ 1.95% ตามลำดับในส่วนของกระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิประมาณ 13,017 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 12,014 ล้านบาท ขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 973 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 30 ล้านบาท
ผักคอส สารอาหารล้นเหลือ ผักสลัดยอดนิยม แคลอรี่ต่ำ ตัวช่วยลดน้ำหนัก!!
ผักคอส หรือ ผักกาดหวาน มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Cos Lettuce/Romaine Lettuce มีชื่อวิทยาศาสตร์ Lactuce sativa. longifolla ลักษณะใบเรียวยาว ซ้อนกันเป็นกอขึ้นมา เป็นผักที่มีความกรอบ อร่อย รสชาติออกหวานนิดๆ ไม่มีกลิ่น จึงทำให้ง่ายต่อการรับประทานในทุกๆวัน อีกทั้งยังสามารถรับประทานสดๆได้เลย นิยมรับมารับประทานกับสลัดหรือรับประทานคู่กับยำ
- อุดมไปด้วยวิตามินและธาตุเหล็กสูง ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดงในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
- ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย เป็นยาระบายได้อย่างดีเพราะในผักคอสมีน้ำอุ้มอยู่เป็นจำนวนมากจึงช่วยกระตุ้นลำไส้ทำให้กากอาหารนุ่มลง จึงขับถ่ายสะดวก
- แก้ไอ แก้ไข้ ขับเสมหะ รักษาอาการเจ็บคอ ผักคอสมีวิตามินซีจึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น และวิตามินซียังช่วยแก้ไอ ขับเสมหะได้เป็นอย่างดี
- บำรุงสายตา ผักคอสปริมาณ 100 กรัม มีสารลูทีนและซีแซนทีนถึง 2,312 ไมโครกรัม ซึ่งจะช่วยบำรุงสายตา ชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อม และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง เบต้า-แคโรทีนสูงถึง 5,226 ไมโครกรัม จึงช่วยป้องกันเซลล์ประสาทตาถูกทำลาย และช่วยบำรุงสายตาจากอาการเมื่อยล้าและบำรุงดวงตาให้สดใสแข็งแรง
- ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ เส้นใยอาหารในผักคอสจะช่วยกระตุ้นลำไส้ ขจัดสารพิษ และช่วยให้ขับถ่ายง่ายสะดวก จึงลดการสะสมหมักหมมของอาหารในลำไส้ได้
- ลดความดันโลหิตสูง ผักคอสมีแคลเซียมจึงช่วยให้กล้ามเนื้อบีบตัวได้ดี แล้วยังช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นจึงทำให้ความดันโลหิตลดลง
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะมีเส้นใยสูงทั้งยังอุ้มน้ำได้ดี จึงทำให้รับประทานแล้วอิ่มนานอยู่ท้อง แล้วยังแคลอรี่ต่ำ
- ช่วยให้เลือดแข็งตัว ผักคอสมีวิตามินเคสูงจึงช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด และป้องกันภาวะเลือดไหลมากจนเกินไป
คุณค่าทางโภชนาการของ ผักคอส 100 กรัม
ให้พลังงาน 17 กิโลแคลอรี
ไฟเบอร์ 2.1 กรัม
วิตามินบี1 0.072 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.313 มิลลิกรัม
วิตามินบี5 0.142มิลลิกรัม
วิตามินบี6 0.074 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 436 ไมโครกรัม
วิตามินซี 4.0 มิลลิกรัม
วิตามินเค 102.5 ไมโครกรัม
แคลเซียม 33 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.97 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 14 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 247 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.23 มิลลิกรัม
เบต้า-แคโรทีน 5,226 ไมโครกรัม
ลูทีน-ซีแซนทีน 2,312 ไมโครกรัม
ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com
สาวไทยติดโผ สรุป 8 รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกลูกยางเอเชียยู-23
สรุป 8 รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของศึกวอลเลย์บอลหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2019 หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว..
วันที่ 22 ก.ค. ความเคลื่อนไหวหลังจบศึกวอลเลย์บอลหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2019 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งทีมชาติไทย คว้าอันดับ 4 มาครอง หลังจบทัวร์นาเมนต์ ทางฝ่ายจัดการแข่งขันประกาศรางวัลบุคคล ดังนี้
ลิเบอโรยอดเยี่ยม: จิดาภา นาหัวหนอง (ไทย)
หัวเสายอดเยี่ยม 1 : ซน ฮยาง มี (เกาหลีเหนือ)
หัวเสายอดเยี่ยม 2 : เจิญ ธิ ธัน ธุย (เวียดนาม)
บอลเร็วยอดเยี่ยม 1 : เกาอี้ (จีน)
บอลเร็วยอดเยี่ยม 2 : เหงียน ธิ จิญ (เวียดนาม)
บีหลังยอดเยี่ยม : ซุนเจี๋ย (จีน)
เซตยอดเยี่ยม : รี จอง ฮยาง (เกาหลีเหนือ)
ผู้เล่นทรงคุณค่า : หวูหาน (จีน)
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
จับตาสตาร์ตอัพ ‘เฮลธ์เทค’รุ่ง รับสังคมสูงวัย-ใส่ใจสุขภาพ
แนวโน้มของอุตสาหกรรมเฮลธ์เทคนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี สอดคล้องกับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุของไทยและเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน โดยจำนวนผู้ประกอบการด้านเฮลธ์เทคเพิ่มขึ้นจาก 28 รายในปี 2560 เป็น 55 รายในปี 2561 รวมถึงเฮลธ์เทค สตาร์ตอัพ ที่เติบโตต่อเนื่องจากการสนับสนุนของทั้งภาครัฐและเอกชน
ล่าสุดเฮลธ์เทคสตาร์ตอัพ อย่าง QueQ ระบบบริหารจัดการคิวในโรงพยาบาล ได้รับการลงทุนในระดับ ซีรีส์ A มูลค่าเงินลงทุนราว 2.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ OOCA แพลตฟอร์มช่วยเข้าถึงบริการ ด้านสุขภาพจิต ที่ได้รับการลงทุนจากกองทุน Expara โดยในปีนี้คาดว่าจะมีเฮลธ์เทคสตาร์ตอัพ ที่ได้รับการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายพงษ์ชัย เพชรสังหาร รองนายกสมาคมเฮลท์เทคไทย เปิดเผยว่า จำนวนผู้ใช้งานแอพพลิ เคชันของสมาชิกสมาคมเฮลธ์เทค ไทยมีกว่า 20 ล้านรายการต่อปี ซึ่งส่งผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการองค์กรที่ใช้บริการเฮลธ์เทค ปัจจัยที่น่ากังวล คือ องค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร หรือ โรงพยาบาลเอกชน หันมาพัฒนา นวัตกรรมของตนเอง จนบางครั้งขยายพื้นที่ทับซ้อนมายังบริการของเฮลธ์เทค โดยส่วนตัวมองว่าองค์กรต่างๆ ควรร่วมมือกับสตาร์ต อัพในการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ และมองเฮลธ์เทคเป็นหน่วยงานวิจัยด้านนวัตกรรมที่พร้อมให้องค์กรต่างๆ ร่วมต่อยอดธุรกิจต่อไป
จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเฮลธ์เทคดังกล่าวส่งผลให้ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชียฯ ได้จัดงาน เมดิคัลแฟร์ ไทยแลนด์ ครั้งที่ 9 ขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ นำเสนอแนวคิด เทคโนโลยี นวัตกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ โดยในปีนี้จะเน้นในเรื่องของการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัพ ที่จะมาแสดงสินค้าเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านการแพทย์เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต
ดร.คัคนานต์ สรุงบุญมี นักวิชาการผู้ริเริ่มและก่อตั้งศูนย์เหมืองข้อมูลและสารสนเทศชีวการแพทย์ คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่จะบรรยายภายในงาน เมดิคัล แฟร์ในหัวข้อ “บทบาทของธุรกิจ Start-up ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพในประเทศไทย และ Co-working Space มีส่วนช่วยอย่างไร” ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวว่า เทรนด์ของเทคโนโลยีด้านสุขภาพในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในฐานะของผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เป็นหลัก แต่เป็นส่วนน้อยที่จะผลิตหรือจำหน่ายเอง จึงทำให้นวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์นั้นๆ ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้จริง อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่ออกมาส่วนใหญ่นั้นมุ่งเน้นไปที่การใช้เพื่อรักษา แต่ไม่ใช่การป้องกันไม่ให้เกิดโรคต่างๆ
ทั้งนี้เรื่องของอีโคซิสเต็มในการทำงานเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เนื่องจากนวัตกรรมทางการแพทย์จำเป็นที่จะต้องมีการทดสอบไอเดีย ทดสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งในการพัฒนาค่อนข้างที่จะต้องใช้เวลา มีกระบวนการในการสร้างนวัตกรรม ส่วนหนึ่งที่ทำให้นวัตกรรมทางการแพทย์ของไทยยังไม่รุดหน้า มาจากการไม่มีอีโคซิสเต็มที่เป็นระบบและโคเวิร์กกิ้งสเปซ คอมมิวนิตี ที่เอื้อต่อการทำงาน หากมีองค์ประกอบดังกล่าว ก็จะทำให้การพัฒนานวัตกรรมการแพทย์ของไทยเติบโตไปได้อีกมาก และผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นเมดิคัลฮับ
“นวัตกรรมทางการแพทย์ของไทยเริ่มเกิดขึ้นมากมาย แต่ยังคงเป็นเรื่องที่ยากและมีความท้าทายในการพัฒนา รวมไปถึงการปรับตัวของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งทุกคนต่างก็ทำงานในพื้นที่ของตนเองไม่ได้มีการทำงานร่วมกัน โดยที่เราเรียนรู้จากธุรกิจอื่นเพื่อนำมาปรับใช้กับของตนเอง”
หากพูดถึงเรื่องของธุรกิจสตาร์ตอัพนั้น สิ่งที่นึกถึงคือเรื่องของสเกลหรือขยายขนาดธุรกิจไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ในเชิงการแพทย์นั้นไม่สามารถเร็วได้ นักลงทุนที่เข้ามาจะต้องเข้าใจในจุดนี้ เพราะอาจจะทำให้ได้ผลตอบ แทนที่ช้ากว่าสตาร์ตอัพในอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะที่ประเทศไทยมีโอกาสที่จะเกิดนวัตกรรมได้มาก เนื่องจากมีปัญหาหรือสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขค่อนข้างหลากหลาย
ด้าน ดร.รินา ภัทรมานนท์ ผู้เข้าชิงรางวัลนักวิทยาศาสตร์หญิง ของอาเซียน ASEAN -US Prize for Woman ในปี 2560 และมีส่วนร่วมในโครงการเทคโนโลยี Talent Mobility ที่จะเข้าร่วมบรรยายในหัวข้อ ความท้าทายของผู้หญิงและการเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ส่วนใหญ่มีผู้ชายเป็นผู้ชี้นำ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับบทบาทของผู้หญิงที่ต้องทำงานร่วมกับผู้ชายนั้นจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงมักไม่ได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมในการตัดสินใจในองค์กรธุรกิจต่างๆ หรือแม้แต่ภาคการศึกษา ซึ่งในเชิงของความเป็นมืออาชีพนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับได้แต่ในเชิงจิตวิทยาแล้ว ส่งผลให้เกิดความคิดหรือประเด็นที่ว่า การเป็นผู้หญิงนั้นมีผลอย่างไร ขณะที่ในอนาคตบุคลากรในสายงานด้านการแพทย์นั้นเริ่มมีผู้หญิงเป็นสัดส่วนที่มากกว่าผู้ชาย ดังนั้นความท้าทายจึงน่าจะอยู่ในเจเนอเรชันต่อๆ ไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 20,750.00 | 20,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,344.00 | 20,375.04 | 21,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,209.60 | 18,337.54 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,075.20 | 16,300.03 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 605.00 | 9,171.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 470.00 | 7,125.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,393.00 | 21,117.88 | n/a |
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 28.35 | 28.35 | 28.35 | 28.35 | 28.35 | 28.35 | 28.35 | 28.35 | 28.35 | 28.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 28.08 | 28.08 | 28.08 | 28.08 | 28.08 | 28.08 | 28.08 | 28.08 | 28.08 | 28.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.34 | 25.34 | 25.34 | 25.34 | 25.34 | – | 25.34 | 25.34 | 25.34 | 25.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.39 | 20.39 | – | – | – | – | – | 20.39 | – | – |
เบนซิน 95 | 35.76 | – | – | – | 36.21 | – | 36.26 | 36.06 | – | 36.06 |
ดีเซล | 26.69 | 26.69 | 26.69 | 26.69 | 26.69 | 26.69 | 26.69 | 26.69 | 26.69 | 26.69 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 25.69 | 25.69 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.85 | 15.85 | – | – | – | – | – | – | – | – |