จี้กคช. เร่งร่วมทุน 8 หมื่นล้าน ขายโครงการร้าง ลดภาระ-เพิ่มรายได้
รมว.พม. เร่งรัดผลักดันโครงการร่วมทุนเอกชนของการเคหะแห่งชาติ มูลค่า 7- 8 หมื่นล้านบาท พร้อมสั่งให้ระบายขายซังก์คอสต์-อาคารคงเหลือ เพิ่มรายได้ ลดภาระของการเคหะฯ โดยเร็ว
นายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลการเคหะแห่งชาติ ได้เร่งรัดให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการโครงการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (Public Private Partnership-PPP) โดยดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน เพื่อที่รัฐจะได้ไม่ต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาโครงการมากนัก อีกทั้งยังใช้ประโยชน์จากที่ดินที่การเคหะแห่งชาติถือครองอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่เนื่องจากเป็นนโยบายต่อเนื่องของรัฐบาล
ธัชพล กาญจนกูล
ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติจัดแบ่งประเภทการร่วมทุนเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การร่วมลงทุนภาคเอกชน วงเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท/โครงการ จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 50,000-60,000 ล้านบาท โครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน วงเงินลงทุนน้อยกว่า 1,000 ล้านบาท/โครงการ จำนวน 7-8 โครงการ มูลค่ารวม 2,000-3,000 ล้านบาท และโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน โดยเอกชนเป็นเจ้าของโครงการ และการเคหะแห่งชาติทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินโครงการ ขณะนี้ได้มีผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 20 ราย และจะเริ่มลงมือได้ก่อนเลย 10 โครงการ
ผวาทุนยักษ์ กวาดยกซอย บ้านสมัยสงครามโลกสูญพันธุ์
ผังกทม.ใหม่ ขยายศูนย์กลางธุรกิจลามสุขุมวิทซอย 28-30 เศรษฐี -มูลนิธิโลกสีเขียวต้านไม่หยุด ผวา ทุนยักษ์ กว้านซื้อที่ดิน -บ้านโบราณสมัยสงครามโลก ยกซอย ปั้น มิกซ์ยูสศูนย์การค้า-โรงแรม
ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 ขยายพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทพาณิชยกรรมศูนย์กลางเมือง (ซีบีดี) ในเขตท้องที่วัฒนาบางบริเวณตั้งแต่แยกอโศกมุ่งหน้าไปโซนตะวันออกตามเส้นทางบนถนนสุขุมวิทหรือวิ่งไปตามเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส บริเวณสุขุมวิทซอย 28, ซอย 30 ใกล้สถานีพร้อมพงษ์ และเขตคลองเตย โฟกัสโซนที่ดินแปลงงามติดริมแม่นํ้าเจ้าพระยาของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ส่งผลให้ชุมชนออกมาคัดค้าน สะท้อนถึงความไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงเพราะหวาดผวาความวุ่นวายพลุกพล่าน ไม่เงียบสงบเหมือนเดิม หากต้องมี ห้างสรรพสินค้า โรงแรมเข้ายึดพื้นที่
แหล่งข่าวจากมูลนิธิโลกสีเขียวยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนสีผังเมืองจากพื้นที่สีนํ้าตาลเป็นพื้นที่พาณิชยกรรมสีแดง เพราะชุมชนในซอยสุขุมวิท 28 และสุขุมวิท 30 ส่วนใหญ่ เป็นบ้านเก่าแก่ มีตึกสูงน้อยมาก มีเพียงบมจ.เอพีไทยแลนด์ที่สร้างคอนโดมิเนียมบริเวณปากซอยสุขุมวิท28 ขณะซอยทองหล่อ และ เอกมัย เจริญกว่า มีตึกสูงมี ห้างสรรพสินค้า เกิดขึ้นก่อนเหตุใดจึงไม่ปรับบริเวณนั้น
อย่างไรก็ตาม หากผังเมืองเปลี่ยนสีเป็นสีแดง เกรงว่า จะมีนายทุนใหญ่เข้ามากว้านซื้อเหมายกซอย และเจาะทางเชื่อมพัฒนา เป็นโครงการมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ฯลฯ ซึ่งเชื่อว่าการปรับผังครั้งนี้ มีนายทุนใหญ่อยู่เบื้องหลัง
ด้านนางสาวสรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ประธานกรรมการมูลนิธิโลกสีเขียว ในฐานะนักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ในซอย 28 ยอมรับว่าไม่เห็นด้วย เพราะมีบ้านโบราณตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงวิตกว่า จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสีผังเมือง จากที่อยู่อาศัยเป็นห้างสรรพสินค้าได้ ซึ่งความเจริญในลักษณะนี้เราไม่ต้องการ ที่สำคัญเกรงว่านายทุนใหญ่ย่านพระราม 4 จะเข้ามาซื้อที่ดินอีกประเด็นที่กังวลคือ หากมีการปรับให้เป็นพื้นที่สีแดง มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะสูงขึ้น จะมีผลกับภาษีที่ดินที่จะประกาศใช้ตามมา
อย่างไรก็ตาม คอนโดมิเนียม ยังแทรกตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท กลางเมือง แม้ซอยแคบสร้างตึกสูงนายสุธี ลิมปนชัยพรกุล ประธานอำนวยการ บริษัทนายณ์ เอสเตท จำกัด พัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ในซอย สุขุมวท 26 ซึ่งยอมรับว่าเป็นซอยที่ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ โดยใช้สภาพแวดล้อมที่มีอยู่มาเป็นจุดขาย แนวคอนโดมิเนียมกึ่งรีสอร์ต ซึ่งชาวต่างชาตินิยมมาก
แหล่งข่าวจากกทม. ยอมรับว่า ซอยสุขุมวิท มีการรวมตัวคัดค้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนตระกูลดังโดยอ้างว่ามีบ้านพักทูต และสถานทูตอยู่บริเวณนั้นจึงไม่เหมาะที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นย่านพาณิชย์อีกทั้งยังเป็นซอยที่มีต้นไม้ใหญ่ ชุมชนจึงไม่ต้องการให้ถูกทำลายโดยนายทุน จึงรับเรื่องร้องเรียนนี้ไว้พิจารณา
สำหรับโซนคลองเตย ที่ดินของการท่าเรือฯ ติดริมแม่นํ้าเจ้าพระยา เตรียมพัฒนาเชิงพาณิชย์ตามนโยบายรัฐบาลซึ่งโซนนี้ต้องการให้เชื่อมต่อกับพระราม 4 ซีบีดีเดิม แต่ชุมชน คลองเตยไม่เห็นด้วย เช่นเดียวกับ สำนักงานเขตคลองเตย กล่าวว่า ที่ดินการท่าเรือฯ มีชุมชนอยู่อาศัย 416ไร่ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยขึ้นอยู่กับการเจรจาค่าชดเชยแต่ ปลายปีนี้ โครงการพัฒนาที่ดินคลองเตย น่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
หาขุมทองใหม่…
ทำเลต้องจรัส
กรุงเทพมหานครสำรวจบ้านอยู่อาศัยเก่าแก่ ของตระกูลไฮโซซอยสุขุมวิท อาณาบริเวณเฉลี่ยกว่า1-5 ไร่ ยังมีอยู่กระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก หลายหลังขาย ให้นายทุนเพราะเห็นว่าแออัด ไม่น่าอยู่ รอบบ้านถูกปิดล้อมไปด้วยตึกสูง แต่หลายหลังก็ต้องการใช้ชีวิตอยู่ที่เดิม เมื่อเมืองขยายความเจริญก้าวเข้ามา มีรถไฟฟ้า แน่นอนว่าผังเมืองต้องทำหน้าที่ปลดล็อกพื้นที่ให้เอื้อต่อการพัฒนาที่ีมากขึ้น
ประกอบกับการขยายขุมทองย่านทำเงินให้กับประเทศจะต้อง พิจารณาจากองค์ประกอบ พื้นที่ที่มีศักยภาพ มีเส้นทางรถไฟฟ้า เชื่อมต่อจากซีบีดีเดิม เพื่อเปิดพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์ ประเภทศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน รองรับการติดต่อการค้าการลงทุน การท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ขณะซีบีดีเดิมอย่าง สีลม สาทร สุขุมวิทตอนต้นแออัดจนไม่มีเหลือที่ดินให้พัฒนา
ทั้งนี้พื้นที่ที่เหมาะสม ขยายเป็น โซนซีบีดี จะต่อจาก ซีบีดีเดิม โดยมีถนนอโศกมนตรี ถนนวงแหวนรัชดาฯ เป็นแกนกลาง ขึ้นเหนือไปชนกับมักกะสันทะลุพระราม 9 และหากวิ่งย้อนกลับไปตามถนนวงแหวนรัชดาฯ ไป ฃยังท่าเรือคลองเตย เพชรเม็ดงามจรัสแสง ติดริมแม่นํ้าเจ้าพระยา มีเป้าหมายเชื่อมต่อเป็นเนื้อเดียวกับถนนพระราม 4 อาณาจักรเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ผังเมืองกทม.ใหม่ ได้ถักทอเป็นทำเลทองใหม่ในอนาคต
สำหรับ สาเหตุที่คนสุขุมวิทคัดค้านการปรับสีผัง ปมใหญ่ แหล่งข่าวจากกทม. ระบุว่า เนื่องจากการปรับพื้นที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ จากสุขุมวิท เชื่อมต่อกับฮับมักกะสัน ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่ง มีแผนพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส โดยกลุ่มซีพี จากการชนะประมูลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน กับที่ดินการท่าเรือฯที่เชื่อมต่อการพัฒนากับถนนพระราม 4 จึงต่างเกรงกันว่าจะถูกนายทุนยึดพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้ ไม่เป็นความจริง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อัตราดอกเบี้ย มีผลอย่างไรต่อกองทุนรวม
คอลัมน์ Investment Tracker
เรื่อง อัตราดอกเบี้ย มีผลอย่างไรต่อกองทุนรวม
บทความโดย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร
……………………………………………….
กองทุนรวมอาจมีความซับซ้อนขึ้นอยู่กับลักษณะและนโยบายที่หลากหลายของพอร์ตลงทุน แต่ถ้าเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนใดล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน
ตามปกติแล้ว กองทุนตราสารหนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีเมื่อธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยลดลง เนื่องจากตราสารหนี้เดิมในพอร์ตของกองทุนมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ที่ออกใหม่และทำให้มูลค่าของพอร์ตเพิ่มขึ้น
ในทางตรงกันข้าม หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น กองทุนตราสารหนี้ จะได้รับผลกระทบในแง่ลบเนื่องจากพันธบัตรใหม่ที่ให้ผลตอบทนสูงขึ้นจะกดดันมูลค่าตลาดของพันธบัตรเก่าลดลง
มูลค่าของหน่วยลงทุนในกองทุนรวม จะพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (Net Asset Value หรือ NAV) คำนวณจากมูลค่าตลาดรวมของพอร์ตการลงทุน ซึ่งรวมถึงดอกเบี้ยหรือเงินปันผลที่ได้รับจากสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน นำไปหารด้วยจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด อัตราดอกเบี้ยเป็นตัวแปรที่มีอานุภาพต่อมูลค่าสินทรัพย์ เพราะ NAV จะผันแปรไปตามมูลค่าตลาดของสินทรัพย์ในกองทุน
ดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อ NAV ของกองทุนตราสารหนี้ที่ถือพันธบัตรที่เพิ่งเสนอขาย ในทางกลับกันดอกเบี้ยที่ลดลงจะทำให้ราคาพันธบัตรที่กองทุนถือครองปรับสูงขึ้น ก็จะทำให้ NAV ของกองทุนอาจปรับขึ้นสูงด้วย ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่เสาะหากองทุนรวมเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะสั้น การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในช่วงนั้นๆ อาจเป็นได้ทั้งความหายนะ หรือ ความน่ายินดี
ระยะเวลาของพันธบัตร เป็นตัวแปรที่มีผลกระทบต่อมูลค่าตลาดที่ผันแปรตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย เช่น พันธบัตรที่ครบกำหนดคืนเงินต้นภายใน 1 ปี อาจได้รับผลกระทบต่ำจากการสูญเสียมูลค่าหรือการเพิ่มมูลค่า และเมื่อจะครบกำหนดชำระคืนเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าตลาดของหุ้นกู้ในช่วงนั้นจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับมูลค่าที่ตราไว้หรือจำนวนเงินต้นที่ต้องไถ่ถอนนั่นเอง ในทางตรงกันข้าม พันธบัตรที่มีอายุคงเหลืออีกหลายปีจะมีผลกระทบมากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไป
กองทุนตลาดเงิน (Money Market Funds) หรือกองทุนรวมอื่นๆที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเสนอขายโดยรัฐบาลหรือองค์กรที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงจะมีความเสี่ยงน้อยจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
ในทำนองเดียวกัน นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนของกองทุนที่มีพันธบัตรระยะยาว สามารถจัดการความผันผวนของ NAV จากอัตราดอกเบี้ยด้วยการถือกองทุนนั้นๆ ในระยะยาว เพราะมูลค่าของพันธบัตรในพอร์ตเข้าใกล้มูลค่าที่ตราไว้เมื่อเวลาผ่านไปอีกทั้งกองทุนยังสามารถซื้อพันธบัตรใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นเมื่อสินทรัพย์เก่าครบกำหนด
จริงหรือไม่ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทำให้การลงทุนน่าสนใจน้อยลง?
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบชัดเจนต่อมูลค่าของกองทุนรวมตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้กองทุนรวมและสินทรัพย์ลงทุนประเภทอื่นๆมีความน่าสนใจน้อยลงเนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยทำให้นักลงทุนและธุรกิจมีเงินลงทุนลดลงซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังกองทุนรวมเพราะยิ่งเม็ดเงินทุนน้อย ยิ่งทำให้ยากในการสร้างผลตอบแทนที่ดี นอกจากนี้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบในแง่ลบต่อผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนทั่วไปและกองทุนรวมต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
วิธีรับมือ เมื่อลูกเป็นเด็ก “ขี้กลัว”
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ เผย ลูกขี้กลัวไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หากพ่อแม่มีความเข้าใจสามารถรับมือปรับพฤติกรรมความกลัวของลูกได้
นายแพทย์ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ความกลัวของเด็กพบได้ตามธรรมชาติในช่วงวัย 3-5 ปี สาเหตุหลัก ๆ ที่ลูกน้อยกลายเป็นเด็กขี้กลัว คือ มีแบบอย่างของคนขี้กลัว วิตกกังวล ถูกข่มขู่ ถูกหลอกทำให้ตกใจกลัวอยู่บ่อย ๆ หรือ มีประสบการณ์ที่ทำให้ตกใจอย่างรุนแรงมาก่อน เช่น ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ถูกตี ดุว่าอย่างรุนแรง ขาดคนประคับประคอง ขาดการฝึกฝนทักษะ ทำให้ขาดความมั่นใจ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ไม่ดี
ผศ.พิเศษ แพทย์หญิงปราณี เมืองน้อย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการแก้ไขเพื่อปรับพฤติกรรมลูก คือ ลดท่าทีข่มขู่ การหลอกทุกรูปแบบให้เด็กหวาดกลัว เพราะจะเป็นการเพิ่มความวิตกกังวลและความกลัวให้แก่เด็กโดยไม่มีความจำเป็น ควรแสดงท่าทีอบอุ่น ปลอบประโลม เข้าใจความรู้สึกของเด็ก บอกความจริงที่เกิดขึ้น และเบี่ยงเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่น ทำซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ เพิ่มทักษะในการช่วยเหลือตนเองการตัดสินใจและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ จะส่งผลให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเองและสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น ฝึกให้เผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป และคอยให้กำลังใจเป็นระยะ จนเด็กสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวได้อย่างไรก็ตามถ้าลองแล้วยังไม่ได้ผลควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อทำการบำบัดรักษาต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
เช็คอีกครั้ง เปิดโปรแกรมของ “ตบสาวไทย” คัดโอลิมปิก 2020
เปิดโปรแกรมของ “วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย” ที่จะลงเล่นในศึก โอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือก ในระหว่างวันที่ 2-4 ส.ค.นี้ ที่ประเทศโปแลนด์
วันที่ 30 ก.ค. 62 เปิดโปรแกรมของ “ตบลูกยางสาว” วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่จะลงเล่นในศึก โอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือก ในระหว่างวันที่ 2-4 ส.ค.นี้ ที่ประเทศโปแลนด์ โดยลูกทีมของ “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล อยู่ในกลุ่มเอร่วมกับ ทีมชาติเซอร์เบีย, ทีมชาติโปแลนด์ และ เปอร์โตริโก
โปรแกรมการแข่งขัน
02/08/2562 : ทีมชาติไทย VS ทีมชาติเซอร์เบีย เวลา 22.00 น.
03/08/2562 : ทีมชาติโปแลนด์ VS ทีมชาติไทย เวลา 01.30 น.
04/08/2562 : ทีมชาติไทย VS ทีมชาติเปอร์โตริโก
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
CEITEC สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ แห่งสาธารณรัฐเช็ก และโอกาสความร่วมมือกับประเทศไทย
บทความพิเศษโดยนางอุรีรัชต์ เจริญโต เอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก
ปัจจุบันนี้ ใคร ๆ ก็พูดถึงการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ วัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี แต่น้อยคนอาจจะทราบว่า สาธารณรัฐเช็กเป็นที่ตั้งของสถาบันเทคโนโลยีแห่งยุโรปกลาง หรือ Central European Institute of Technology (CEITEC) ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับในฐานะสถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ วัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยีชั้นนำ
สถาบัน CEITEC ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในเมืองเบอร์โนจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ (1) Masaryk University (2) Brno University of Technology (3) Mendel University (4) University of Veterinary and Pharmaceutical Science Brno – BUT (5) Institute of Physics of the Academy of Sciences of the Czech Republic (ASCR) and (6) Veterinary Research Institute โดยมีพื้นที่ถึง 25,000 ตรม. ที่ประกอบไปด้วยห้องปฏิบัติการหลักที่ใช้ร่วมกัน 12 แห่ง พร้อมด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ครบครัน ซึ่งความพิเศษนอกเหนือไปจากนี้ก็คือ สถาบันแห่งนี้ยังเปิดให้บุคลากรทั้งภายในและภายนอกสถาบันฯ ในประเทศและต่างประเทศ เข้าใช้บริการได้ด้วย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางอุรีรัชต์ เจริญโต เอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก ได้เข้าเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถาบัน CEITEC และ โครงสร้างพื้นฐานการวิจัยนาโนแห่งสถาบันฯ (CEITEC Nano Research Infrastructure) ซึ่งพบว่านอกจากสถาบันแห่งนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญมากมายแล้ว ยังมีอุปกรณ์เกี่ยวกับ nanofabrication, nanocharacterization, structural analysis และ x-ray tomography กว่า 70 ชิ้นในห้องปฏิบัติการ เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้าน Nanotechnology และ Advanced Materials อีกด้วย ที่แห่งนี้มีผู้ใช้งานกว่า 500 คน รวมไปถึงมีบริษัทต่าง ๆ มาใช้บริการแล้วมากกว่า 55 บริษัท และมีการใช้งานอุปกรณ์การวิจัยมากกว่า 7,000 ชม./ปี
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก ยังได้หารือกับผู้อำนวยการสถาบัน CEITEC ถึงความเป็นไปได้และโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและวิชาการระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็กในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ซึ่งอย่างน้อยมี 3 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านการศึกษา โดยการสนับสนุนให้นักศึกษาไทยในระดับอุดมศึกษาไปศึกษาต่อที่ CEITEC และ BUT ในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน Nanotechnology โดย CEITEC เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทและเอก ในขณะที่ BUT เปิดสอนในระดับปริญญาตรี โท และเอก ทั้งนี้ BUT เป็นมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพการศึกษาในระดับสากล มีการเรียนการสอนทั้งในภาษาเช็กและภาษาอังกฤษ ค่าเล่าเรียนสมเหตุสมผล นอกจากนี้ นักศึกษายังมีโอกาสขอรับทุนการศึกษาและการทำวิจัยในหลากหลายสาขาวิชา ตลอดจนมีโอกาสใช้ห้องปฏิบัติการ เครื่องมือ และอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนที่ทันสมัย
(2) การจัดการพื้นที่โครงการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ทั้งในรูปแบบการศึกษาการบริหารจัดการ การแลกเปลี่ยน ผชช./นักวิจัย และการแลกเปลี่ยนการฝึกงานของบุคลากรที่จะเป็นผู้บริหารและปฏิบัติงานในศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ ของไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นใน EECi และ
(3) ด้าน R&D ความร่วมมือระหว่างนักวิชาการ นักวิจัย นักศึกษาไทยและเช็กและจากประเทศอื่น ๆ ในการทำการวิจัยร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ และการพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างไทยและเช็กให้เป็นรูปธรรมและนำผลการวิจัยไปสู่การประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้มากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ของไทย ได้จัดตั้งศูนย์เทคโนโลยี 4 แห่ง ได้แก่ BIOTEC MTEC NECTEC และ NANOTEC ซึ่งนับว่ามีการดำเนินการในลักษณะที่ใกล้เคียงกับ CEITEC นอกจากนี้ ภายใต้แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) ไทยยังมีมีแนวนโยบายการพัฒนา EECi 2 แห่ง ได้แก่ (1)อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ และ (2) วังจันทร์วัลเลย์ โดยมุ่งที่จะให้มีการลงทุนใน 6อุตสาหกรรมหลัก ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เช็กมีศักยภาพใน 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ (1)อุตสาหกรรมแบตเตอรี่และยานยนต์สมัยใหม่ (2) อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และ (3) อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ จึงเห็นได้ว่า ไทยกับเช็กมีโอกาสที่จะร่วมมือกันในด้านนี้ที่ไม่ควรมองข้าม และหากสามารถพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันให้เป็นรูปธรรมแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 20,700.00 | 20,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,341.00 | 20,329.56 | 21,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,206.90 | 18,296.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,072.80 | 16,263.65 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 603.00 | 9,141.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 469.00 | 7,110.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,390.00 | 21,072.40 | n/a |
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.04 | 25.04 | 25.04 | 25.04 | 25.04 | – | 25.04 | 25.04 | 25.04 | 25.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.24 | 20.24 | – | – | – | – | – | 20.24 | – | – |
เบนซิน 95 | 35.46 | – | – | – | 35.91 | – | 35.96 | 35.76 | – | 35.76 |
ดีเซล | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 25.39 | 25.39 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.85 | 15.85 | – | – | – | – | – | – | – | – |