สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2562

เปิดมาสเตอร์แพลน วัน แบงค็อกศูนย์กลางธุรกิจระดับโลกค่า1.2แสนล้าน

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ เปิดมาสเตอร์แพลนวัน แบงค็อก เผยมาสเตอร์แพลนของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรและใหญ่สุดในไทย มูลค่าลงทุนกว่า 1.2 แสนล้าน 

นายปณต  สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด เผยว่า วัน แบงค็อก จะสร้างนิยามใหม่และพลิกโฉมพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ในฐานะโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  โดยภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ความมุ่งมั่น คือการเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยึดหลักความยั่งยืน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และผสานเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างสมบูรณ์ เชื่อมั่นว่า วัน แบงค็อกจะมอบสิ่งที่คู่ควรกับกรุงเทพฯ พร้อมชูให้ประเทศไทยโดดเด่นเป็นสง่าในเวทีโลก และเติบโตในฐานะศูนย์กลางของประเทศอาเซียนต่อไป

 
ด้านนางสาวซู หลิน ซูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วัน แบงค็อก (One Bangkok) กล่าวว่า เป้าหมายคือการยกระดับสถานะของกรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางทางธุรกิจแห่งใหม่ที่จะได้รับการยอมรับในระดับโลก จากมุมมองที่ได้เรียนรู้ผ่านย่านสำคัญต่างๆ ของมหานครทั่วโลก ทำให้ตระหนักว่าการสร้างและผสานพื้นที่ของ วัน แบงค็อก ตามคอนเซ็ปท์มิกซ์ยูสนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เปี่ยมด้วยพลังและไม่มีวันหลับใหล ด้วยขนาดที่ใหญ่ของโครงการ 

จึงวางแผนการใช้งานพื้นที่ให้หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม และที่พักอาศัย พร้อมด้วยพื้นที่ส่งเสริมการศึกษา การพักผ่อน สุขภาพ รวมถึงพื้นที่สำหรับศิลปะและวัฒนธรรม มีพื้นที่สาธารณะซึ่งเปิดให้ทุกคนเข้ามาได้ โดยมุ่งหวังว่าการผสานพื้นที่ให้หลากหลายเช่นนี้จะสร้างแลนด์มาร์คที่สมบูรณ์แบบ  เปี่ยมด้วยศักยภาพในการดึงดูดองค์กรชั้นนำ  และเป็นสถานที่ยอดปรารถนาของนักท่องเที่ยวและคนไทยอย่างแน่นอน

สำหรับมาสเตอร์แพลน  แบบมิกซ์ยูสของ วัน แบงค็อก นั้นจะผสาน 5 หัวใจหลักของโครงการไว้เป็นหนึ่งเดียว โดยเพียบพร้อมด้วยอาคารสีเขียว และการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นผู้อยู่อาศัยเป็นศูนย์กลาง พื้นที่ในโครงการสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมาสเตอร์แพลนประกอบด้วย 4 อาณาบริเวณที่เชื่อมต่อถึงกัน โดยมีใจกลางของโครงการอยู่ที่ Civic Plaza พื้นที่สันทนาการขนาด 10,000 ตร.ม. รอบล้อมด้วยพื้นที่รีเทลและพื้นที่ไลฟ์สไตล์บริเวณส่วนล่างของตึก ส่วนพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยจะอยู่ส่วนบนของตึก

มาสเตอร์แพลนของ วัน แบงค็อก ยังให้ความสำคัญอันดับแรกๆ กับการเข้าถึงและการเดินทางสะดวกสบาย ตัวโครงการเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลุมพินี สะดวกต่อการเดินเข้าถึงทุกจุดของโครงการ พร้อมทางเข้าออกรอบโครงการถึง 6 จุด จากฝั่งถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 รวมถึงทางเชื่อมโดยตรงกับทางด่วนซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการอนุมัติ ทางเข้าออกเชื่อมต่อโดยตรงกับชั้นใต้ดิน  ซึ่งใช้ระบบบริหารจัดการจราจรอย่างชาญฉลาด ช่วยให้การหมุนเวียนด้านการจราจรภายในสะดวกง่ายดาย ทำให้ถนนหลักภายในโครงการปลอดโปร่งและปลอดภัยสำหรับคนเดินเท้า 

โดยวัน แบงค็อก มุ่งสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อคนเดินเท้าด้วยการออกแบบให้ถนนทุกสายและทุกซอยเชื่อมต่อกัน เรียงรายด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ งานศิลปะ และพื้นที่จัดกิจกรรม เชื่อมต่อทุกส่วนประกอบของโครงการเข้าไว้ด้วยกัน ทางเดินในโครงการร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอดแนวถนน ทำให้การเดินภายนอกท่ามกลางสภาพอากาศของกรุงเทพฯ สบายยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ในอาคารมีระบบปรับอากาศแบบประหยัดพลังงาน

ด้วยทำเลทองใจกลางเมือง วัน แบงค็อก มุ่งเป็นที่ตั้งบริษัทที่ทรงคุณค่าและน่าภาคภูมิใจในกรุงเทพฯ  และจะเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจแห่งใหม่ ด้วยพื้นที่เช่าสุทธิของอาคารสำนักงานเกรดเอทั้ง 5 อาคารรวมกันกว่า 500,000 ตร.ม. รองรับบุคลากรขององค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ได้มากกว่า 50,000 คน ออกแบบตามมาตรฐาน LEED และ WELL ติดตั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน  และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น 
โดยกำหนดการก่อสร้างเป็นเฟสให้แล้วเสร็จในระหว่างปี พ.ศ. 2566-2569 นอกจากนี้ อาคารสำนักงานทั้ง 5 อาคารยังสอดคล้องกับการใช้พื้นที่รูปแบบมิกซ์ยูส ตอบโจทย์คนวัยทำงาน รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรอบด้าน ที่เชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิต ทั้งการทำงาน และการพักผ่อนได้อย่างลงตัว

วัน แบงค็อก ยังได้คำนึงถึงนิยามใหม่ให้กับย่านช้อปปิ้งในกรุงเทพฯ นำเสนอมากกว่าทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งและร้านอาหาร แต่จะเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่มอบความครบครัน พร้อมสรรพด้วยกิจกรรมที่หลากหลายสำหรับผู้มาเยือน ซึ่งจะเนรมิตให้วัน แบงค็อกกลายเป็นสถานที่ที่ไม่หลับใหล นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่ให้แบรนด์ต่างๆ ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยพื้นที่รีเทล 4 โซน ที่มีความแตกต่างกันและเชื่อมต่อถึงกัน พร้อมด้วยร้านค้าและร้านอาหารรวมกันกว่า 450 ร้าน บนพื้นที่ 180,000 ตร.ม. รังสรรค์ประสบการณ์รีเทลที่แปลกใหม่และแตกต่าง ภายในที่แห่งเดียว ถือเป็นครั้งแรกของกรุงเทพฯ

สำหรับโรงแรม 5 แห่งภายใน วัน แบงค็อก ทั้งหมดจะเป็นแบรนด์ใหม่สำหรับกรุงเทพฯ เป็นทางเลือกที่โดดเด่นสำหรับนักท่องเที่ยว  ที่ต้องการบริการที่ดีที่สุดรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและความสะดวกสบายครบครัน ครอบคลุมตั้งแต่ระดับบูทีคโฮเทล โรงแรมเพื่อธุรกิจ ไปจนถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี่  รวมกว่า 1,100 ห้อง ได้รับออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้เข้าพักอย่างรอบด้าน โดยโรงแรมลักชัวรี่แห่งแรกคือ The Ritz-Carlton, Bangkok ที่จะพร้อมเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2566

ส่วนที่พักอาศัยของ วัน แบงค็อก จะตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของโครงการ เพื่อความสงบและความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย เปิดรับวิวทั้งจากฝั่งถนนวิทยุและฝั่งสวนลุมพินี โดยมีอาคารที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่ทั้งหมด 3 อาคาร พร้อมมอบเอกสิทธิ์แห่งการใช้ชีวิตที่มองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติของสวนลุมพินี และวิวกรุงเทพฯ แบบพาโนรามาไร้สิ่งบดบัง ซึ่งที่พักอาศัยโครงการแรกจะตั้งอยู่เหนือโรงแรม The Ritz-Carlton, Bangkok  ประกอบด้วยห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราขนาด 2-4 ห้องนอน จำนวน 110 ห้อง พื้นที่เริ่มต้นที่ 130 ตร.ม.พร้อมเปิดตัวช่วงต้นปี พ.ศ. 2563

สิ่งที่ถือเป็นความสำเร็จของ วัน แบงค็อก คือ Signature Tower ที่สูงกว่า 430 เมตร ซึ่งจะเป็น1ใน10ตึกที่สูงที่สุดของอาเซียน  โดดเด่นเป็นสง่าเติมเต็มเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ ภายในประกอบด้วยพื้นที่สำนักงานและโรงแรมหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่  พร้อมมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การชมวิวแบบพาโนราม่า สวยงามแบบไร้ขอบเขตจากยอดตึก

ศิลปะและวัฒนธรรมเป็นอีกส่วนสำคัญที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ  สำหรับการใช้ชีวิตแบบร่วมสมัยในเมือง โดยวัน แบงค็อก มุ่งที่จะเป็นเป้าหมายของแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ต้องมาเยือน และสร้างสีสันให้กับชุมชนด้วยศิลปะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ พื้นที่ทั้งหมดในโครงการจะเชื่อมต่อถึงกันด้วยงานศิลปะตามแนวคิดพหุประสาทสัมผัส เพื่อให้ผู้มาเยือนสัมผัสกับศิลปะรอบตัว นอกจากนี้ ยังมีฮอลล์เอนกประสงค์สำหรับจัดการแสดง พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ รวมถึงกิจกรรมศิลปะวัฒนธรรมตลอดทั้งปี

วัน แบงค็อก ได้รับการออกแบบให้มีสภาพแวดล้อมที่เชิญชวน ปลอดภัย และเต็มไปด้วยสีเขียวด้วยพื้นที่สีเขียวถึง 50 ไร่ จากพื้นที่รวม 104 ไร่ ซึ่งได้รับการจัดสรรให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้ผู้คนได้มาใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ซึ่งรวมถึง Civic Plaza ที่มีพื้นที่กว่า 10,000 ตร.ม. สามารถเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงระดับนานาชาติ  และงานเทศกาลต่างๆ ของไทยได้ และสวนรอบโครงการทั้งทางฝั่งถนนวิทยุและถนนพระราม 4 ที่กว้างกว่า 40 เมตร ร่มรื่นด้วยต้นไม้ เปรียบเป็นส่วนต่อขยายของสวนลุมพินี

ทั้งโครงการจะมีระบบโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางสุดล้ำสมัย ซึ่งนับเป็นแห่งแรกของประเทศไทยสำหรับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยเอกชน ประกอบด้วยระบบทำความเย็น ระบบรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ ระบบการจัดการน้ำและพลังงาน ควบคุมดูแลโดยศูนย์ข้อมูล (District Command Centre) และเซ็นเซอร์มากกว่า 250,000 ตัว ที่คอยบริหารจัดการทุกระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ  การผสานนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนเข้ามาในทุกองค์ประกอบของโครงการ ช่วยให้ทุกคนที่อยู่ในวัน แบงค็อก ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ผู้มาเยือน และผู้อยู่อาศัย ล้วนได้รับประโยชน์จากการประหยัดพลังงาน สิ่งแวดล้อมที่สะอาด ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

สำหรับความคืบหน้าของการก่อสร้าง  งานเสาเข็มของโครงการแล้วเสร็จเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมเปิดเฟสแรกในปี พ.ศ. 2566 และก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2569 มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1.2 แสนล้านบาท

สำหรับ วัน แบงค็อก เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่พัฒนาโดยกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด นับเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย ชูมาตรฐานใหม่ทั้งด้านการออกแบบ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตในสมาร์ท ซิตี้ (Smart City Living) 

โดยตั้งเป้าเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อมอย่าง LEED Neighborhood Development Platinum พร้อมมุ่งเป็นแลนด์มาร์คครบวงจรระดับโลกแห่งใหม่ เปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการดึงดูดบริษัทชั้นนำ นักท่องเที่ยว และคนไทย ด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอ พื้นที่รีเทลชั้นนำ โรงแรมระดับลักชัวรี่ ที่พักอาศัย และพื้นที่ศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เชื่อมต่อทั่วถึงกันทั้งโครงการ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


รฟท.บีบ‘ซีพี’ผุดทางยกระดับ เชื่อมขุมทอง‘มักกะสัน’

รฟท.ขีดแนวเส้นทางสร้างทางยกระดับจากแยกอโศกเชื่อมเข้ากลางที่ดินมักกะสันมอบซีพีดำเนินการ รองรับมิกซ์ยูส หวังลดผลกระทบจราจรพื้นที่โดยรอบ สร้างความสะดวกให้คนเข้าพื้นที่ พร้อมเดินหน้า รื้อย้ายโรงงานอู่ซ่อม บ้านพักข้าราชการ ก่อนส่งมอบ

ที่ดินมักกะสันผืนใหญ่ปัจจุบันมีสภาพเป็นโรงซ่อม อู่ พวงราง บ้านพักข้าราชการ โรงพยาบาลเก่าแก่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กำลังถูกรื้อย้ายพลิกโฉมให้กลายเป็นอภิมหาโปรเจ็กต์กลางใจเมืองรองรับศูนย์คมนาคมมักกะสันเกตเวย์ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีเชื่อมการเดินทางด้วยรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่กลุ่มซีพีและพันธมิตร ชนะประมูล และได้สิทธิ์พัฒนาพื้นที่ดังกล่าว 50 ปี อย่างไรก็ตาม พื้นที่นี้ไม่มีปัญหาผู้บุกรุก เนื่องจากรฟท.เป็นผู้ใช้ประโยชน์

อย่างไรก็ตามเนื่องจากบริเวณนี้จะพัฒนาเป็นเมืองขนาดใหญ่ทั้งการอยู่อาศัย ศูนย์รวมธุรกิจแหล่งงาน ศูนย์การค้า โรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางระบบราง อนาคตจะมีคนเข้าใช้พื้นที่จำนวนมาก อาจกระทบพื้นที่โดยรอบ ดังนั้นเอกชนต้องลงทุนก่อสร้างถนน และทางยกระดับ จากภายในโครงการเชื่อมต่อกับทางสาธารณะ เพื่อแก้ปัญหาจราจรในระยะยาว

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า รฟท.อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ 150 ไร่ เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับกลุ่มซีพี เช่าระยะยาว 50 ปี มูลค่า 52,000 ล้านบาท ตามเงื่อนไขทีโออาร์กรณีชนะประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)โดยเป้าหมายส่งมอบพื้นที่ช่วงแรกภายใน 2 ปี ขณะส่วนที่เหลือซึ่งเป็นพื้นที่พวงรางจะเร่งส่งมอบให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปีนับจากเซ็นสัญญา

เนื่องจากพื้นที่มักกะสันถูกล้อมไปด้วยเมือง แม้จะมีเส้นทางรถไฟฟ้าเชื่อมต่อ แต่เมื่อมีคนเข้าพื้นที่เกรงว่าจะเกิดปัญหาจราจรแออัด กระทบพื้นที่โดยรอบ ดังนั้นจึงต้องก่อสร้างถนน ทางเชื่อมระบายการจราจร ได้มอบให้ซีพี ก่อสร้างถนนทางยกระดับตั้งแต่แยกอโศก เชื่อมเข้าแปลงที่ดินเนื่องจากต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ซึ่งเชื่อว่าจะผ่านการอนุมัติ หากมีแผนแก้ปัญหาจราจรให้ในระยะยาวโดยไม่กระทบการสัญจรบนทางสาธารณะ ซึ่งรัฐได้ประโยชน์ และเอกชนต้องออกค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ภายในโครงการเอกชนต้องทำทางจักรยาน ทางเดินเท้า โซนพื้นที่สีเขียวและอาคารสำนักงาน เพื่อเป็นสมาร์ทซิตี มีนวัตกรรม ส่วนองค์ประกอบอื่นจะมีอะไรบ้างนั้น เป็นหน้าที่ที่เอกชนกำหนด เพียงแต่ระบุว่าพัฒนารูปแบบมิกซ์ยูส

สำหรับความคุ้มค่า ประเมินว่า มูลค่า 52,000 ล้านบาท ที่ให้ซีพีเช่า หากรฟท.ลงทุนเองก็ใช้งบใกล้เคียงกัน ดังนั้นให้เอกชนลงทุน รฟท.ได้ค่าเช่า น่าจะคุ้มกว่า

“ฐานเศรษฐกิจ” สำรวจพื้นที่โดยรอบที่ดินมักกะสันพบว่ามีโครงการของเอกชนเกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งโรงแรมอาคารสำนักงานเกรดเอคอนโด มิเนียม เนื่องจาก เป็นย่านใจกลางเมืองเชื่อมการเดินทางด่วนรถไฟฟ้าสะดวกที่สุด

ขณะที่ การวิเคราะห์ของ คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ที่ดินมักกะสันที่รฟท.จะให้เอกชนเข้าไปพัฒนาพื้นที่กว่า 120 ไร่ สัญญาเช่า 50 ปี กำหนดการใช้พื้นที่สูงสุดของ GFAอยู่ที่ประมาณ 2,400,000 ตร.ม. ความต้องการขั้นตํ่าสำหรับการพัฒนาพื้นที่อยู่ที่ประมาณ850,000 ตร.ม. ซึ่งคอลลิเออร์ส มองว่า หากเอกชนเข้ามาพัฒนาที่ดินย่านดังกล่าวบนพื้นที่กว่า120 ไร่ คาดการณ์ว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาท และใช้เวลากว่า 10 ปีถึงจะคุ้มทุน โดยจะต้องนำที่ดินแปลงดังกล่าวมาพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม พื้นที่ค้าปลีก เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ รวมถึงคอนโดมิเนียม ลีสโฮลด์เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินขนาดใหญ่

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธปท.แจงเศรษฐกิจไทยเดือนมิถุนายนยังชะลอตัว

ธปท.แจงเศรษฐกิจไทยเดือนมิถุนายนยังชะลอตัว

ธปท. แถลงเศรษฐกิจไทยเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ปี 2562 ชะลอลงจากเดือนก่อน จากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงในเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทนที่หดตัวตามยอดขายยานยนต์ในประเทศและยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ สำหรับปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อโดยรวมมีทิศทางชะลอลง ตามรายได้รวมลูกจ้างนอกภาคเกษตรกรรมที่ขยายตัวชะลอลง ส่วนรายได้เกษตรกรในเดือนนี้ขยายตัวเร่งขึ้นจากราคายางและสับปะรดเป็นสำคัญ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรหลักอื่นๆ ยังหดตัว สะท้อนผลดีของการปรับดีขึ้นของรายได้ภาคเกษตรกรรมที่กระจายตัวไม่ทั่วถึง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลงต่อเนื่อง

ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัว จากระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งเครื่องชี้การลงทุนในหมวดก่อสร้างที่หดตัว โดยพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างทั่วประเทศหดตัวต่อเนื่องยกเว้นพื้นที่เพื่อการอุตสาหกรรม ขณะที่ยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขยายตัวได้ และเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์หดตัวในทุกหมวด เมื่อขจัดผลของฤดูกาลแล้ว เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนจากทั้งเครื่องชี้การลงทุนในหมวดก่อสร้างและหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์

ด้านการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำที่หดตัวตามรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ขณะที่รายจ่ายค่าตอบแทนบุคลากรขยายตัวได้เล็กน้อย และรายจ่ายลงทุนที่หดตัวตามกรอบงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่ปรับลดลง ประกอบกับการเบิกจ่ายงบลงทุน หดตัวจากข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพการลงทุนหลังทบทวนโครงการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ

ด้านการส่งออกสินค้า การนำเข้าสินค้า และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่อง สำหรับภาคการท่องเที่ยวกลับมาขยายตัวเล็กน้อยจากนักท่องเที่ยวอินเดียเป็นสำคัญ ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนยังหดตัวต่อเนื่อง

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับลดลง สำหรับอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลทรงตัวจากเดือนก่อน ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลตามดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลงมาก ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากด้านสินทรัพย์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


เด็กไม่ควรแบกกระเป๋าเกิน 10-20 % ของน้ำหนักตัว

เด็กไม่ควรแบกกระเป๋าเกิน 10-20 % ของน้ำหนักตัว thaihealth

แพทย์ชี้การสะพายกระเป๋านักเรียนที่หนักอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อโครงสร้างร่างกายและส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก แนะน้ำหนักที่สามารถสะพายได้ไม่ควรเกิน 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว แนะควรใช้กระเป๋าลากหากต้องสะพายเป็นเวลานาน

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า จากข่าวที่ออกมาว่าเด็กมีอาการกระดูกสันหลังคดเกิดจากการสะพายกระเป๋านักเรียนหนัก จากข้อมูลพบว่าเด็กไทยวัยประถมแบกกระเป๋าที่มีน้ำหนักเกินกว่าร้อยละ 10
ของน้ำหนักตัวเด็ก ซึ่งโดยปกติเด็กควรสะพายกระเป๋านักเรียนน้ำหนักไม่เกิน 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวเด็กเช่น หากมีเด็กน้ำหนัก 30 กก. น้ำหนักกระเป๋าที่เด็กสามารถถือได้ต้องไม่เกิน 3 กก. เท่านั้น แต่ปัจจุบันพบว่ากระเป๋านักเรียน 1 ใบ มีน้ำหนักสูงถึง 4 – 6 กก. การที่ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ ทั้งหนักและนานอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อโครงสร้างร่างกายและส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก ในวัยอนุบาลหรือประถมต้นยังมีการทรงตัวที่ไม่ดีนักเนื่องจากอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตและพัฒนาการการทรงตัว อีกทั้งกำลังแขนขายังไม่แข็งแรงการแบกกระเป๋าใบใหญ่และน้ำหนักมาก อาจทำให้เด็กล้มง่าย เดินลำบากมากขึ้น เกิดการบาดเจ็บทั้งจากการล้มและกล้ามเนื้อที่ใช้ในการแบกกระเป๋า ทั้งนี้ กระเป๋านักเรียนที่ใช้อาจแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ แบกกระเป๋าโดยใช้มือถือ และแบกกระเป๋าโดยแขวนหลัง (back pack) ซึ่งแบบมือถือไม่เหมาะกับการแบกเป็นเวลานานอาจเกิดการบาดเจ็บ และเสียสมดุลร่างกายได้มากกว่าแบบแขวนหลังแต่อย่างไรก็ตาม การแบกกระเป๋าที่หนักเป็นเวลานานจะเพิ่มโอกาสในการบาดเจ็บต่อโครงสร้างร่างกายโดยเฉพาะแขนไหล่และสะบัก

นายแพทย์สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคกระดูก
สันหลังคด เป็นการคดงอหรือบิดเบี้ยวของกระดูกสันหลังไปด้านข้างทำให้เสียสมดุล โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1 กลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุพบบ่อยถึง 80% ในเด็ก ซึ่งแบ่งตามอายุที่เริ่มเป็น คือ 0-3 ปี 4-10 ปี และ 11-18 ปี พบบ่อยในเด็กผู้หญิงมากว่าเด็กผู้ชาย  2 กลุ่มที่ทราบสาเหตุ เกิดจากโรคทางพันธุกรรม เช่น ท้าวแสนปม ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เช่น เด็กสมองพิการ โปลิโอ กลุ่มสาเหตุนี้จะทำให้กระดูกสันหลังคดมาก  ผู้ปกครองสามารถสังเกตอาการโรคกระดูกสันหลังคดได้โดยสังเกตจากลำตัวของเด็กจะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เมื่อเด็กยืนหันหลังจะสังเกตเห็นความสูงของระดับหัวไหล่ ความนูนของกระดูกสะบัก ระดับแนวกระดูกสะโพกที่ไม่เท่ากัน รวมถึงหน้าอก ซี่โครงด้านใดด้านหนึ่งยื่นออกมาด้านหน้า หรือให้เด็กยืนเท้าชิดกัน และให้ก้มตัวมาทางด้านหน้าใช้มือ 2 ข้างพยายามแตะพื้นจะเห็นความนูนของหลังไม่เท่ากัน หากกระเป๋ามีน้ำหนักเกิน หรือต้องแบกเป็นเวลานานควรเปลี่ยนจากกระเป๋าแขวนหลังเป็นกระเป๋าลาก เพื่อป้องกันการปวดหลัง จึงขอแนะนำให้ผู้ปกครองควรสังเกตอาการของเด็ก โดยเฉพาะช่วงอายุ 10-13 ปี หากกระดูกสันหลังผิดรูป ไหล่สูงต่ำ ไม่เท่ากันควรพาเด็กมาพบแพทย์ เพื่อตรวจยืนยันและให้การรักษาต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


3สตาร์ลิเวอร์พูลเข้าชิงแข้งยอดเยี่ยมฟีฟ่า2019

3สตาร์ลิเวอร์พูลเข้าชิงแข้งยอดเยี่ยมฟีฟ่า2019

ฟีฟ่า เปิดโผ 10 รายชื่อนักเตะชิงรางวัลแข้งยอดเยี่ยม 2019 โดยมีผู้เล่น ลิเวอร์พูล ติดถึง 3 ราย ขณะที่ ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ลุ้นเช่นกัน

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศรายชื่อ 10 นักเตะที่เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมประจำปี 2019 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพุธที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ 3 สตาร์ ลิเวอร์พูล มีชื่อเข้าชิงด้วย

10 รายชื่อนักเตะที่เข้าชิงนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมปี 2019 ของ ฟีฟ่า

1. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ยูเวนตุส, ทีมชาติโปรตุเกส)
2. เฟรงกี้ เดอยอง (บาร์เซโลน่า (อาแจ็กซ์), ฮอลแลนด์)
3. มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์ (ยูเวนตุส (อาแจ็กซ์), ฮอลแลนด์)
4. เอแด็น อาซาร์ (เรอัล มาดริด (เชลซี), เบลเยียม)
5. แฮร์รี่ เคน (สเปอร์ส, อังกฤษ)
6. ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล, เซเนกัล)
7. คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (เปแอสเช, ฝรั่งเศส)
8. ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า, อาร์เจนตินา)
9. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล, อียิปต์)
10.  เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล, ฮอลแลนด์)

    สำหรับการคิดคะแนนจะมาจากการโหวตของแฟนบอล 1 ใน 4 ขณะที่อีก 3 ส่วนมาจาก ผู้สื่อข่าว, ผู้จัดการทีมชาติ และกัปตันทีมชาติ โดยระยะเวลาในการโหวตคือระหว่างวันที่ 31 ก.ค. – 19 ส.ค. ก่อนมีพิธีมอบรางวัลในวันที่ 23 ก.ย. นี้

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th

มั่นใจ5Gไม่สะเทือนไฟเบอร์ ทรูฯเปิด Gigatex บรอดแบนด์ 1 กิ๊ก

ทรูมั่นใจ 5G ไม่กระทบบรอดแบนด์ ชี้ความต้องการใช้งานต่างกัน พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีตามเทรนด์ เผยภาพรวมผู้ใช้งานอุปกรณ์ปัจจุบันมากกว่า 5-10 เครื่องต่อครัวเรือน ชู Gigatex ไฟเบอร์บรอด แบนด์ ระดับ 1Gbps รายแรกที่คู่แข่งลอกเลียนไม่ได้

การแข่งขันของเทคโนโลยี และความเร็วของอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์แบบมีสาย หรือไฟเบอร์ออพติก กับโมบายบรอด แบนด์ ไม่มีท่าทีสิ้นสุด การเข้ามาของ 5G ถือเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค และภาคธุรกิจในการเข้าสู่อินเตอร์เน็ต และเป็นแรงกดดันให้บริการบรอดแบนด์ผ่านไฟเบอร์ออพติกขยับความเร็วในการให้บริการขึ้นไป

นายธนภูมิ ภาคย์วิศาล ผู้อำนวยการและหัวหน้าสายงานการพาณิชย์ทรูออนไลน์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า การเข้ามาของเทคโนโลยี 5G นั้นขณะนี้กรณีการใช้งานจริง (ยูสเคส) ถือว่ายังไม่มีความชัดเจน ต้องถามว่าในอนาคตอุปกรณ์ที่รองรับ 5G จะแพร่หลายมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งในการขยายบริการ 5G ที่เป็นโฮมยูส นั้นมีต้นทุนสูงกว่าการเดินสาย ถ้าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น (Dense Area) ซึ่ง 5G เป็นโจทย์สำหรับพื้นที่ห่างไกล พื้นที่ที่เดินสายไปแล้วไม่คุ้ม ก็จะตอบโจทย์ตรงนั้นได้

“ปัจจุบันบริการบรอดแบนด์ของทรูครอบคลุมการใช้งาน กว่า 15 ล้านครัวเรือน จาก 21 ล้านครัวเรือนในพื้นที่ที่มีครัวเรือนอยู่ ส่วนที่เหลือเรียกว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่มีดีมานด์ ตอนนี้เราครอบคลุมพื้นที่ที่เชื่อว่ามีกำลังซื้อมีความต้องการซื้อคือจบ ในอนาคตยูสเคสที่จะมาฆ่าบรอดแบนด์เลยยังไม่มี”

ซึ่งบริการโมบายและบรอดแบนด์ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ของลูกค้า ขณะนี้ 5G ยังมาไม่ถึง แต่เชื่อว่าถ้ามี 5G เข้ามาบริการบรอดแบนด์ ก็คงจะต้องมีการพัฒนาความเร็วไปในระดับที่สูงมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีที่จะต้องมีการพัฒนาตามเทรนด์ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับทางทรูว่าบริการไหนที่ตอบโจทย์ลูกค้าและทำให้บริษัทเติบโตได้ เราก็จะมีโซลูชันที่เหมาะกับในแต่ละการใช้งานของลูกค้า

นายธนภูมิ กล่าวต่อไปว่า ภาพรวมของอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์เติบโตต่อเนื่องทุกปี จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หลายครัวเรือนมีการใช้อุปกรณ์เพื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่มากขึ้น เรียกได้ว่า เป็นปัจจัยที่ 5 เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมที่บ้าน จากแต่เดิมที่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ประมาณ 2-3 อุปกรณ์ต่อครัวเรือน ปัจจุบันเพิ่มเป็น 5-10 อุปกรณ์ โดยทุกพื้นที่ในบ้านมีความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง รวมไปถึงเรื่องของคอนเทนต์ออนดีมานด์ คอนเทนต์สตรีมมิ่งที่เข้ามามีบทบาทต่อการใช้งานของผู้บริโภคมากขึ้น

ปัจจุบันทรูออนไลน์มีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 3.5 ล้านราย ซึ่งเดิมลูกค้าทรูจะมีการใช้งานอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วอยู่ที่ 100-200 เมกะบิตต่อวินาที แต่เนื่องจากความต้องการใช้งานของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ทรูต้องมีการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุด Gigatex Fiber Router เน็ตบ้านไฟเบอร์ 1 กิกะบิตรายแรกในไทย ทั้งนี้ปีที่ผ่านมาทรูมีรายได้จากคอนซูเมอร์บรอดแบนด์กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตขึ้น 11% ขณะที่การเติบโตของอุตสาหกรรมบรอดแบนด์นั้นอยู่ที่ประมาณ 9-10% โดยมีลูกค้าใหม่เติบโตประมาณ 8 แสนรายต่อปี ซึ่งในปีนี้ Gigatex Fiber เป็นแคมเปญใหญ่ที่สุดที่จะทำให้ทรูเติบโตตามเป้า

“ในการแข่งขันเรื่องราคา เราก็พยายามจะฉีกมาเล่นในตลาดที่ไม่มีใครลอกเลียนได้ ซึ่งในระยะเวลาสั้น โอเปอเรเตอร์รายอื่นไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีของฮาร์ดแวร์สำหรับการกระจายสัญญาณให้เทียบเท่าทรูได้”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 20,500.00 20,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,328.00 20,132.48 21,100.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,195.20 18,119.23 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,062.40 16,105.98 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 598.00 9,065.68 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 465.00 7,049.40 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,376.00 20,860.16 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/08/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05
แก๊สโซฮอล์ 91 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78
แก๊สโซฮอล์ E20 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04
แก๊สโซฮอล์ E85 20.24 20.24 20.24
เบนซิน 95 35.46 35.91 35.96 35.76 35.76
ดีเซล 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39
ดีเซลพรีเมี่ยม 25.39 25.39
แก๊ส NGV 15.85 15.85
 
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า