สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 14 สิงหาคม 2562

“พฤกษา”โตสวนตลาด  ครึ่งปีแรกโกยเกือบ 2 หมื่นล้าน

พฤกษาโชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกโกยรายได้รวม 19,662 ล้านบาท โต 3% ทำกำไร 2,618 ล้านบาท  ส่วนครึ่งปีหลังลุยอีก 26 โครงการมูลค่า 2.6 หมื่น พร้อมตุน Backlog ปีนี้รวม 17,435 ล้านบาท  ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.60 บาท/หุ้น 

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ถึงผลประกอบการในครึ่งปีแรกว่า “บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวม 19,662 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3% ทำกำไรได้อยู่ที่ 2,618 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดขายอยู่ที่ 23,368 ล้านบาท ซึ่งจากรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นชี้ให้เห็นว่าพฤกษายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว 

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 36,938 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 17,435 ล้านบาท และจากผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก พฤกษาจึงได้มีการพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2562 ให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท 

ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาพฤกษาได้สร้างบรรยากาศการขายให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง จากการเปิดขาย “บ้านพฤกษา สุขุมวิท – บางปู” เพียง 2 วัน โกยยอดขายไปกว่า 810 ล้านบาท ทุบสถิติยอดขายบ้านแนวราบของพฤกษา และนับเป็นยอดขายสูงสุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบในไตรมาสที่ 2 รวมไปถึงการเปิดขายคอนโดริมน้ำ “แชปเตอร์ เจริญนคร – ริเวอร์ไซด์” ในรอบ Open house เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์เป็นจำนวนมาก จนสามารถปิดการขาย SOLD OUT ทั้งโครงการ รวมมูลค่ากว่า 4,800 ล้านบาท ไปได้อย่างรวดเร็ว 

ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลครึ่งปีแรกมีมูลค่าอยู่ที่ 200,650 ล้านบาท เติบโตลดลงจากปีก่อนถึง 13% ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงเดือน เม.ย – พ.ค. ที่ผ่านมามียอดโอนอยู่ที่ 41,906 ล้านบาท ลดลงถึง 24% ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตลาดเกิดการชะลอตัวลง สำหรับแผนการดำเนินงานของพฤกษาในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนปรับกลยุทธ์ให้แข็งแกร่งเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของตลาดและสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง 26 โครงการ มูลค่า 26,952 ล้านบาท โดยทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านการขายเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็น Real Demand ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ผนวกกับการใช้กลยุทธ์การขายแบบครบวงจรผ่าน Sales Excellence อีกทั้งได้มีการวิเคราะห์ จัดการฐานข้อมูลลูกค้าและผู้ที่สนใจซื้อบ้าน (AI Machine Learning) เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยให้บริษัทฯ บรรลุตามเป้าหมายที่ยอดขาย 50,000 ล้านบาท และรายได้ 45,000 ล้านบาท ตามที่ตั้งไว้  นางสุพัตรา กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธุรกิจรับสร้างบ้านรายเล็ก ผวาตายเรียบ ขึ้นค่าแรง400บาท

รับสร้างบ้านผวานโยบายหาเสียงขึ้นค่าแรง 400 บาท กระทบต้นทุน ป่วนราคาบ้าน ธุรกิจขนาดเล็กตายเรียบ ขณะลูกค้าระดับบนสร้างบ้านแพงยังเติบโตดี

ความกังวลต่อนโยบายการเตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นตํ่าวันละ 400 บาท ที่พรรคการเมืองมีการหาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง และคาดว่าจะมีการผลักดันนโยบายดังกล่าวแน่นอน เนื่องจากจะมีผลโดยตรงต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านของผู้ประกอบการ เพราะเดิมทีค่าแรงถือเป็นสัดส่วน 30%ของค่าก่อสร้างทั้งหมด หากมีการปรับค่าแรงขึ้นสูงถึงวันละ 400 บาทตามที่ระบุจริง อาจทำให้ราคาบ้านที่ออกสู่ตลาดขยับขึ้นสูงอีกประมาณ 5-10% เพราะคาดภาคอื่นๆ เช่น วัสดุก่อสร้างจะปรับราคาขึ้นตาม

นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีสมาชิกทั่วประเทศ รวมมากกว่า 150 ราย เปิดเผยว่า การปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท ต่อวัน จะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งเปรียบเป็นธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง (เอสเอ็มอี) ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ หลังจากปัจจุบันไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการก่อสร้าง การจ่ายค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน และอาจล้มหายตายจากไปหลายร้อยราย เช่นเดียวกับช่วงที่มีการปรับค่าแรงวันละ 300บาท เมื่อหลายปีก่อน แม้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการ พยายามใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะการลดภาระด้านแรงงานให้ลดลงก็ตาม จ่ายค่าแรงแพงแต่ระดับฝีมือการทำงานยังเท่าเดิม ไม่ได้ถูกพัฒนาไปด้วย ผู้ประกอบการจะแย่ แค่ธุรกิจนี้ก็ควบรวมหลายส่วน อาจส่งผลต่อราคาบ้านในอนาคต ซึ่งหากรัฐบาลประกาศขึ้นแบบไม่ศึกษา ไม่มีสเต็ปการขึ้นทีละขั้น และไม่มีการวางแผนพัฒนาฝีมือแรงงานควบคู่ไปด้วย SMEs ธุรกิจรับสร้างบ้านคงตายหลายราย

ด้าน นายจิระวัฒน์ มาลีรักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เนเชอรัลโฮม จำกัด ฐานะอุปนายกฝ่ายกิจกรรมพิเศษสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันแรงงานในอุตสาหกรรมดังกล่าวมักเป็นแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เมียนมา และกัมพูชา สูงถึง 80% ฉะนั้นการปรับขึ้นค่าแรง แรงงานคนไทยแทบไม่ได้รับประโยชน์ และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการขึ้นไปอีกในสภาวะที่เศรษฐกิจไม่ได้เอื้อ เพราะเดิมทีแรงงานต่างด้าว มีหลักกฎหมายการทำงานรองรับอย่างสมเหตุสมผลอยู่ก่อนแล้ว เช่น กรณีมีเหตุทำให้ไม่สามารถทำงานได้ (ฝนตก) กฎหมายระบุนายจ้างจำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างให้เปล่าๆ ไม่ตํ่ากว่า 75% ของค่าจ้าง ซึ่งถือเป็นภาระหนักสำหรับผู้ประกอบการอย่างมาก และอัตราค่าแรง ยังจะถูกนำไปคำนวณในการคิดค่าทำงานล่วงเวลา (OT)อีกด้วย จึงต้องการให้รัฐบาลศึกษาและเข้าใจภาพรวมก่อนประกาศใช้นโยบายใดๆ

“ตอนนี้ค่าแรงอยู่ที่วันละ 325 บาท คาดว่ารัฐบาลคงปรับขึ้นอีก ส่วนตัวเสนอให้ขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ 10-20 บาทยังรับไหวแต่ไม่ใช่สูงถึง 400 บาท ขาดตรงไหนไปเติมส่วนนั้นเป็นค่าครองชีพทดแทนไป เพราะคนไทยแทบไม่ได้ประโยชน์” นายจิระวัฒน์กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธปท.กล่อม”สุริยะ”ยอมรับบาทแข็งมาจากเกินดุล

ธปท.กล่อม"สุริยะ"ยอมรับบาทแข็งมาจากเกินดุล

รมว.อุตสาหกรรม เข้าใจ ธปท. ดูแลค่าบาทต่อเนื่อง แต่ต้องระวังเรื่องการถูกกล่าวหาแทรกแซง

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังการเข้าหารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้ได้รับทราบว่า ธปท. มีมาตรการต่างๆ ในการช่วยดูแลค่าเงินบาทเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องอยู่ภายในเงื่อนไขที่ไม่ถูกประเทศอื่นๆ กล่าวหาว่ามีการแทรกแซงค่าเงินเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางการค้า

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ธปท. ได้ให้ข้อมูลว่า การที่เงินบาทแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่วนสำคัญเป็นผลจากที่ประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับที่สูงถึง 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่ได้แข็งค่าจากการที่มีเงินทุนไหลเข้ามาพักเพื่อเก็งกำไรในประเทศเป็นปัจจัยหลัก

“ค่าเงินบาทในระดับนี้ไม่ใช่ไม่เป็นอุปสรรค ธปท.ก็พยายามดูแลในระดับหนึ่ง แต่ถ้าดูแลมากไป ก็จะถูกประเทศอย่างสหรัฐฯ ขึ้นบัญชี ว่าเราเป็นประเทศที่เข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท ดังนั้นเราจึงต้องระวังตรงนี้” นายสุริยะ กล่าว

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯธปท. ยังได้แนะนำแนวทางที่จะช่วยลดผลกระทบของภาคธุรกิจจากเงินบาทแข็งค่า 4 ข้อ คือ 1.ให้ผู้ประกอบการใช้สกุลเงินบาทในการทำการค้าระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน หากสามารถเปลี่ยนแปลงให้ผู้ประกอบการ เสนอราคาเป็นเงินบาทได้ ก็จะทำให้ปัญหานี้ลดน้อยลงไป

2. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการส่งออกทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจากการส่งออก 3. เสนอให้บีโอไอออกมาตรการเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้โอกาสที่บาทแข็งเพิ่มการลงทุนในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศได้ในราคาถูกลง 4. เสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในต่างจังหวัดด้วยการสร้างความรู้ความเข้าใจในการทำธุรกิจการลงทุน ไม่ใช่การสนับสนุนเฉพาะแหล่งเงินทุนเพียงอย่างเดียว

ขอบคุณข้อมมูลจาก posttoday.com

ฝรั่งสีชมพู หรือ ฝรั่งขี้นก สรรพคุณดีๆที่ถูกมองข้าม ต้านสารพัดโรค!!

ผลไม้ ฝรั่ง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งสีชมพู ฝรั่งสีชมพู ประโยชน์ ฝรั่งสีชมพู สรรพคุณ

ฝรั่งสีชมพู หรือ ฝรั่งขี้นก (Pink Guava) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Psidium Guajava L. ผลมีสีเขียวเมื่อสุกเนื้อข้างในมีสีชมพู รสชาติหวานกรอบ มีกลิ่นหอม มาดูสรรพคุณของฝรั่งขี้นกกันเลยว่าเจ๋งขนาดไหน

8 สรรพคุณและประโยชน์ ของ ฝรั่งสีชมพู

  1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ฝรั่งสีชมพูปริมาณ 100 กรัม มีไลโคปีนเป็นจำนวนถึง 5,204 ไมโครกรัม ซึ่งมากกว่ามะเขือเทศถึง 2 เท่า สารไลโคปีนจะช่วยต้านอนุมูลอิสระจึงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด
  2. ป้องกันหวัด ปริมาณฝรั่งสีชมพู 100 กรัม มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 3 เท่า จึงช่วยป้องกันหวัด เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
  3. แก้อาการท้องผูก ฝรั่งสีชมพูเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเพราะมีไฟเบอร์สูงจึงช่วยทำให้อิ่มท้องนานแล้วยังช่วยในการกระตุ้นระบบขับถ่าย ทำให้อุจจาระนิ่ม ป้องกันอาการท้องผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่
  4. ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ไฟเบอร์ในฝรั่งสีชมพูมีสรรพคุณช่วยลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) จึงช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
  5. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ฝรั่งสีชมพูป็นผลไม้ที่ปริมาณน้ำตาลต่ำและใยอาหารสูง จึงช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาลในเลือด จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  6. ช่วยลดความดันโลหิตสูง โพแทสเซียมในฝรั่งสีชมพูสามารถลดระดับความดันโลหิตได้ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิต โรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
  7. บำรุงดวงตา ฝรั่งสีชมพูนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอและเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะช่วยในการมองเห็นทำให้ดวงตามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา ลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก และป้องกันโรคตาบอดกลางคืน
  8. ปกป้องผิวหมองคล้ำจากแสงแดด ฝรั่งสีชมพูมีปริมาณไลโคปีนสูงมาก ซึ่งไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายจากรังสี UVA และ UVB ในแสงแดด จึงช่วยให้ผิวไม่คล้ำเสียง่าย

ฝรั่งสีชมพู

คุณค่าทางโภชนาการของฝรั่งสีชมพู 100 กรัม

พลังงาน 68 กิโลแคลอรี
เส้นใยอาหาร 5.4 กรัม
โปรตีน 2.55 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 14.3 กรัม
วิตามินเอ 624 IU
วิตามินซี 288 มิลลิกรัม
วิตามินอี 0.73 กรัม
วิตามินบี1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 1.084 มิลลิกรัม
วิตามินบี5 0.451 มิลลิกรัม
โฟเลต 49 ไมโครกรัม
ธาตุแคลเซียม 18 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.26 มิลลิกรัม
ธาตุโพแทสเซียม 417 มิลลิกรัม
ธาตุทองแดง 0.230 มิลลิกรัม
บีตา-แคโรทีน 374 ไมโครกรัม
ไลโคปีน 5,204 ไมโครกรัม

ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com


ฟอร์มเข้าตา นักซิ่งลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ลงแข่งเอฟวันให้ “เรดบูล เรซซิ่ง”

ผลงานมันเข้าตา “เรดบูล เรซซิ่ง ทีม” ดึง “อเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์” เสียบแทนนักแข่งชาวฝรั่งเศส ลงสู้ศึกเอฟวัน 2019 อีก 9 สนามสุดท้าย… 

วันที่ 13 ส.ค. อเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักแข่งรถลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ในศึกฟอร์มูลา วัน ได้รับโอกาสครั้งสำคัญ หลังจาก “เรดบูล เรซซิ่ง ทีม” ที่เคยสร้าง “เซบาสเตียน เวทเทล” เป็นแชมป์โลก 4 สมัยซ้อนมาแล้วเมื่อปี 2010-13 เห็นความสามารถ จึงเลื่อนให้อัลบอนขึ้นมาเป็นนักขับของทีมในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของปี 2019 ร่วมกับ แมกซ์ เฟอร์สแตปเพน โดยสลับกับ ปิแอร์ แกสลี นักแข่งชาวฝรั่งเศส ที่จะลงไปขับให้ทีมโตโร รอสโซ อีกครั้ง

สำหรับ อัลบอน วัย 23 ปี ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาแข่งเอฟ วัน เป็นฤดูกาลแรก โดยทำผลงานกับ โตโร รอสโซ ทีมลูกของ “เรดบูล เรซซิ่ง ทีม” ได้อย่างคงเส้นคงวา ซึ่ง 12 สนามที่ผ่านมาสามารถเก็บไปได้ 16 คะแนน

อย่างไรก็ตาม “เรดบูล เรซซิ่ง ทีม” จะดูผลงานของอัลบอนในการแข่งขัน 9 สนามที่เหลืออยู่ โดยเริ่มตั้งแต่สนามที่ 13 ที่ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม-1 กันยายน ก่อนตัดสินใจเลือกนักขับของทั้ง 2 ทีมในฤดูกาล 2020 ต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ฟู้ด ดีลิเวอรี แข่งเดือด GET เปิดศึก Grab ชิงตลาด 35,000 ล้าน

การแข่งขันของธุรกิจส่งอาหารในไทยนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าในปี 2562 นี้ บริการส่งอาหารหรือ Food Deliver จะมีมูลค่าสูงถึง 33,000-35,000 ล้านบาทหรือ เติบโตประมาณ 14% จากปีที่ผ่านมา จากการเปลี่ยน แปลงของเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องมีการปรับตัวและเพิ่มช่องทาง ในการขายที่นอกเหนือจากหน้าร้านแบบออฟไลน์ มาสู่โมเดลธุรกิจแบบออนไลน์มากขึ้น เช่นเดียวกับแอพพลิเคชันบริการส่งอาหารที่ต่างออกมาสาดแคมเปญในช่วงครึ่งหลังของปีกันอย่างดุเดือด เพื่อชิงแชร์ยอดผู้ใช้งาน

นายภิญญา นิตยา-เกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GET เปิดเผยว่า ตอนนี้ GET FOOD ถือได้ว่าเป็นบริการหลักของเก็ท เพราะหลังจากที่เปิดให้บริการมาประมาณครึ่งปี พบว่า
ยอดผู้ใช้งานเติบโตมากถึง 6 เท่า โดยมีปริมาณการสั่งซื้ออาหารที่เติบโตถึง 168% ปัจจุบันเก็ทมีร้านอาหารพันธมิตรกว่า 2 หมื่นร้าน และมีผู้ใช้แอกทีฟ (Active User) ที่ใช้บริการของ GET อยู่ที่ราว 5 แสนรายต่อเดือน ซึ่งช่วยสร้างงานและรายได้ให้กับทั้งร้านอาหารและคนขับของเก็ทหลายหมื่นคน

ล่าสุด เก็ทได้เปิดตัว แคมเปญภายใต้ชื่อ “อยากกินอะไร สั่ง GET เลย” โดย ดึง “นนท์-ธนนท์” มาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของเก็ท หวังเจาะกลุ่มลูกค้าในระดับแมสมากขึ้น อีกทั้งแคมเปญนี้ยังมีคอลเลกชันอาหารสุดพิเศษ “Only At GET เรื่องกินต้องเก็ท” ที่นำเสนออาหารจานเด็ดที่ไม่สามารถหาที่อื่นได้ โดยเป็นเมนูที่สร้างสรรค์ขึ้นมาพิเศษเพื่อลูกค้า GET โดยเฉพาะจาก 4 เชฟชื่อดัง ทั้งเชฟต้น จากร้านบ้าน เชฟกิ๊ก จากร้านเลิศทิพย์ เชฟเปเปอร์ จาก ร้าน ICI และเชฟเก๊า หรือเฮียเก๊า จากร้านเจ๊โอวในตำนาน ทั้งนี้ เก็ทยังได้เปิดให้บริการฟีเจอร์ใหม่อย่าง OMAKASE ที่ช่วยแนะนำเมนูอาหารที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน การ ค้นหาร้านค้าที่มีความแม่นยำ และเพิ่มความสะดวกในการใช้ บริการสั่งอาหารได้พร้อมกันครั้งละหลายร้าน อีกทั้ง GET Food ยังได้เร่งพัฒนาคุณภาพการบริการโดยสามารถจัดส่ง อาหารได้ในเวลา 30 นาที

นางสาววงศ์ทิพพา วิเศษเกษม ผู้อำนวยการธุรกิจ GET FOOD กล่าวเพิ่มเติมว่า เก็ทได้มี การศึกษาพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าและนำข้อมูลมาใช้เพื่อวิเคราะห์ความต้องการ และนำเสนอบริการที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละราย โดยเก็ท ได้แบ่งพฤติกรรมลูกค้าเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.Explorers คือ ลูกค้าที่ใช้เก็ทในการค้นหาร้านอาหารที่ต้องการในขณะนั้น ลูกค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 58% 2.Chillaxer คือ กลุ่มคนที่ต้องการสั่งอาหาร แต่ยังไม่รู้จะสั่งอาหารประเภทใดซึ่งมีสัดส่วนอยู่ราว 18% และ 3.Routine lovers คือ กลุ่มคนที่มีเมนูอาหารที่ต้อง การอยู่แล้วและเข้ามาเพื่อสั่งอาหารผ่านแอพเก็ท มีประมาณ 16% ซึ่งสิ่งที่ผู้ใช้ 3 กลุ่มนี้ให้ความสำคัญคือ เรื่องของโปรโมชันและแคมเปญทางการตลาด โดยเมนูค้นหายอดนิยม 3 อันดับแรก ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยว, ขนมปัง และส้มตำ

ขณะที่ทาง แกร็บฟู้ด ก็ได้มีการเปิดตัวแคมเปญแห่งปีอย่าง “GrabFood 8.8 Mega Sale” หลังจากที่ประสบความสำเร็จไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยในเดือนกรกฎาคม 2562 แกร็บฟู้ดสามารถสร้างรายได้ให้กับพันธมิตรร้านอาหารเพิ่ม ขึ้นเฉลี่ย 8 เท่าจากปีที่ผ่านมา ซึ่งแกร็บยังได้จับมือกับ เพจรีวิวอาหารออนไลน์ อย่าง “STARVINGTIME เรื่องกินเรื่องใหญ่” และพาร์ตเนอร์ร้านอาหารกว่า 250 แห่ง เพื่อ มาร่วมในแคมเปญ “GrabFood 8.8 Mega Sale” โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% และดีลพิเศษกว่า 8,000 ดีล

นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บฟู้ดเป็นบริการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และขึ้นแท่นเป็นแพลตฟอร์มการส่งอาหาร แบบออนดีมานด์อันดับ 1 ของไทย เนื่องจากพันธมิตร  ร้านอาหารมีความเชื่อมั่นในแพลตฟอร์มของแกร็บ เนื่องจากแกร็บสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับพาร์ตเนอร์ร้านอาหารเฉลี่ย 8 เท่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และยังมีส่วนช่วยให้ร้านอาหารปรับตัวเข้ากับยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ทำให้แกร็บสามารถขยายฐานพาร์ตเนอร์ร้านอาหารออกไปได้อย่างรวดเร็ว 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 21,800.00 21,900.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,412.00 21,405.92 22,400.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,270.80 19,265.33 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,129.60 17,124.74 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 635.00 9,626.60 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 494.00 7,489.04 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,463.00 22,179.08 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/08/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25
แก๊สโซฮอล์ 91 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98
แก๊สโซฮอล์ E20 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24
แก๊สโซฮอล์ E85 19.79 19.79 19.79
เบนซิน 95 34.66 35.11 35.16 34.96 34.96
ดีเซล 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59
ดีเซลพรีเมี่ยม 24.59 24.59
แก๊ส NGV 15.85 15.85
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า