ส่องคอนโดพื้นที่นนทบุรี สายสีม่วงเหลือขายกว่า9.7พันยูนิต
คอลัมน์พร็อพเพอรตี้โฟกัส
ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ณ สิ้นครึ่งแรกของปี 2562 พบว่าอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายที่เหลือขายมีทั้งหมดประมาณ 13,180 ยูนิต จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 35,330 ยูนิต หรือคิดเป็น 62.7% จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด
หากจำแนกเป็น 2 ช่วงคือ ในเขตกรุงเทพมหานครและเขตจังหวัดนนทบุรี พบว่าในเขตกรุงเทพมหานครนั้นคอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 12,467 ยูนิต ขายไปแล้วประมาณ 9,045 ยูนิต หรือคิดเป็น 72% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด และเหลือขายอีกประมาณ 3,422 ยูนิต หรือคิดเป็น 28%ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 22,865 ยูนิต ขายไปแล้วประมาณ 13,106 ยูนิต หรือคิดเป็น 57% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด และเหลือขายอีกประมาณ 9,759 ยูนิต หรือคิดเป็น 43%
เนื่องจากอุปทานที่เหลือขายอีกเป็นจำนวนมาก และมีอัตราการดูดซับที่ค่อนข้างต่ำ จึงสังเกตเห็นว่า อุปทานเปิดขายใหม่คอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ในปี 2559-ครึ่งแรกของปี 2562 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พบว่าคอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีความหลากหลายของระดับราคาที่ค่อนข้างสูง มีบางโครงการเปิดขายในราคาตํ่ากว่า 50,000 บาทต่อตารางเมตร แต่หากเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและใกล้กับตัวสถานีบีทีเอสก็จะมีราคาขายสูงกว่า 120,000 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นกับทำเล และระดับของโครงการโดยราคาขายเฉลี่ยในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 78,000บาทต่อตารางเมตร
จากอุปทานคงค้างในตลาดที่มีเป็นจำนวนมาก สร้างความกังวลใจให้กับทั้งผู้ประกอบการรวมถึงกำลังซื้อในทำเลนี้ เนื่องจากการเดินทางโดยรถไฟฟ้าจากต้นทางสายสีม่วงเข้ามายังกรุงเทพฯชั้นใน ไม่ได้สะดวกสบายหรือว่ารวดเร็วกว่าการเดินทางโดยวิธีอื่นๆ อีกทั้งค่าโดยสารก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ความต้องการคอนโดมิเนียมอาจจะยังไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบรวดเร็ว เหมือนตอนที่โครงการเปิดขายใหม่ในช่วงก่อนหน้า รวมถึงราคาของทาวน์โฮมบางโครงการในทำเลย่านนี้ ก็มีระดับราคาที่ใกล้เคียงกับราคาของคอนโดมิเนียมที่เปิดขาย หรือสูงกว่าเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าบางส่วนเลือกซื้อในส่วนของทาวน์โฮมมากกว่าเนื่องจากได้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า ถึงแม้ว่าทำเลจะไม่ดีเท่ากับโครงการคอนโดมิเนียม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“จุติ” หนุนเต็มสูบฟื้นฟูเมืองดินแดง
รมว.พม. มอบนโยบายสร้างผู้นำชุมชนขับเคลื่อนแผนพัฒนาชุมชนดินแดง
ล่าสุด นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย รายได้ปานกลาง และผู้ด้อยโอกาส มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพชีวิต และสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะแก่การอยู่อาศัย
นอกจากนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องพัฒนาควบคู่กันไปคือการพัฒนาศักยภาพของผู้อยู่อาศัยในชุมชนให้มีความเข้มแข็งและมีความพร้อมในการเป็นผู้นำ รัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญกับชุมชน ต้องการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งชุมชนจากฐานรากผ่านอัตลักษณ์ของพื้นที่ ยกระดับคุณภาพตลาดชุมชน สวัสดิการชุมชน สาธารณสุขชุมชน การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย สร้างชุมชนที่น่าอยู่ สร้างพลังในชุมชน สร้างเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็ง ส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในชุมชน และที่สำคัญ คือ สร้างผู้นำชุมชนเพื่อเป็นแกนนำในด้านพัฒนาชุมชนของตนเองให้เป็นชุมชนเข้มแข็งน่าอยู่อาศัยต่อไป
ด้านนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง เป็นโครงการที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โครงการฯ ประสบความสำเร็จคือการเคหะแห่งชาติได้มุ่งเน้นเรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัยในชุมชนดินแดง จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมโครงการฟื้นฟูชุมชนดินแดง คณะกรรมการชุมชน ผู้นำตามธรรมชาติ และผู้นำกลุ่มต่างๆ ในชุมชน เพื่อเป็นผู้แทนของผู้อยู่อาศัยในการร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมดำเนินการในกิจกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการเคหะแห่งชาติได้จัดอบรมเพื่อให้ความรู้ด้านต่างๆ ให้แก่ผู้อยู่อาศัยเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต และเป็นการปลูกจิตสำนึกให้ผู้อยู่อาศัยมีความรักและหวงแหนในชุมชนของตน
สำหรับโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนพัฒนาชุมชนดินแดง พ.ศ.2563 – 2567 จัดขึ้นเพื่อให้ผู้แทนผู้อยู่อาศัยในชุมชนหรือผู้นำชุมชน ได้มีส่วนร่วมในการวางแผน ตัดสินใจ และกำหนดทิศทางการพัฒนาชุมชนของตนเองแบบบูรณาการ รวมทั้งกำหนดกิจกรรมที่อยากให้เกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากผู้อยู่อาศัยในชุมชนถือเป็นส่วนสำคัญของชุมชนอย่างแท้จริง มีความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชุมชนของตนอย่างถ่องแท้ เมื่อได้มีการจัดทำแผนพัฒนาชุมชนจะสามารถนำปัญหาที่ชุมชนกำลังประสบมาวิเคราะห์และหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันได้อย่างเป็นรูปธรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ติดตามการประกาศจีดีพีไทยในไตรมาส 2 และงานสัมมนาของเฟด
คอลัมน์ มันนี่วีก (Money week) โดย…วรันธร ภู่ทอง, มนัสวิน ฐิติสมบูรณ์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย
สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยมองว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 30.70-31.00 ปัจจัยกดดันตลาดในสัปดาห์นี้จะยังคงเป็นประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ หลังจีนประกาศจะตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ และสัญญาณแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในงานสัมมนาประจำปีของเฟดที่แจ็คสัน โฮล
ด้านการประกาศตัวเลขจีดีพีของไทยในไตรมาสที่ 2 ในวันจันทร์จะมีผลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดค่าเงินบาทเช่นกัน เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์ต่างออกมาคาดกันว่าเศรษฐกิจไทยจะชะลอลงมากจากไตรมาสที่ 1 ที่เห็นการขยายตัวที่ 2.8%YoY และในวันพุธจะมีการประกาศตัวเลขการส่งออกไทยของกระทรวงพาณิชย์ โดยก่อนหน้านี้ ธปท. ได้ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงชัดเจนทั้งในภาคการส่งออก การลงทุน และการบริโภคในประเทศ จนได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งภาพเศรษฐกิจไทยที่อ่อนคาดว่าจะทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธปท. อาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อ ซึ่งจะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่า
ในทางกลับกันตลาดกังวลความเสี่ยงที่เยอรมนีอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยจีดีพีเยอรมนีในไตรมาสที่ 2 หดตัวลง 0.1%QoQ จากที่ขยายตัว 0.4%QoQ ในไตรมาสก่อน และดัชนีการผลิตของยูโรโซนในเดือนมิถุนายนหดตัวลงมากที่สุดในรอบมากกว่า 3 ปีส่งผลให้เงินยูโรอ่อนค่าลงมาก และตลาดเพิ่มการคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่อีซีบีจะลดดอกเบี้ยนโยบายถึง 20bps ในการประชุมเดือนกันยายน โดยรวมส่งผลให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ปิดตลาดวันศุกร์ที่ 30.90 (ณ เวลา 17.10 น.)
ตลาดตราสารหนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเศรษฐกิจหลักปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2562 เวลา 16.00 น. พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของเยอรมนีมีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ -0.70% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของญี่ปุ่นมีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ -0.23% เป็นระดับที่ใกล้เคียงจุดต่ำสุดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯมีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.56% ใกล้เคียงกับระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2012 และปี 2016 นอกจากนี้ได้เกิดสัญญาณ Inverted Yield Curve ในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี กับ 10 ปี กล่าวคืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีลดลงต่ำกว่าพันธบัตรระยะสั้น 2 ปี โดยสัญญาณ Inverted Yield Curve ของคู่นี้เคยเกิดขึ้นล่าสุดในปี 2007 สะท้อนความกังวลที่นักลงทุนมีต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้
ในขณะนี้ ตลาดได้ให้โอกาสที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 50 bps ในการประชุมเดือนกันยายน อยู่ที่ระดับ 34% และให้โอกาสที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 bps อยู่ที่ระดับ 66% ในส่วนของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวโดยมีความชันลดลง ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2562 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 1.47% 1.42% 1.41% 1.40% 1.41% และ 1.48% ตามลำดับ
ในส่วนของกระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิประมาณ 10,549 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 3,906 ล้านบาท ขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 5,994 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 649 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
6 ปัจจัยเสี่ยง โรคหลอดเลือดสมอง ที่คุณอาจไม่เคยรู้ตัว!!!!
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นโรคที่คนไทยป่วยเป็นอันดับต้นๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อีกทั้งยังส่งผลให้เป็นอัมพาตเพราะเกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่จะไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้สมองเสียหายจึงทำให้เป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้อย่างเฉียบพลันทันที นี่คือ 6 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ
1.อายุมากขึ้น
ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มีอัตราเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เพราะเมื่ออายุยิ่งเพิ่มมากขึ้นความเสื่อมของหลอดเลือดสมองก็จะมีมากขึ้นไปด้วย
2.โรคความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ผู้ที่มีค่าความดันโลหิตสูงกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท อาจนำไปสู่การเป็นโรคหลอดเลือดสมองโดยจะทำให้หลอดเลือดเสื่อมเร็วขึ้น จนขาดความยืดหยุ่น และแตกเปราะง่าย อีกทั้งยังทำให้เกิดลิ่มเลือดก่อตัวในหลอดเลือดสมองอีกด้วย
3.โรคเบาหวาน
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานนานๆ อาจทำให้หลอดเลือดสมองแข็งตัวได้ง่าย ส่งผลให้หลอดเลือดตีบตัน อีกทั้งผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในขณะที่มีอายุน้อยกว่าคนทั่วไป
4.ไขมันในเลือดสูง
ภาวะไขมันสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด และไขมันเลว (LDL) ที่สูง ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น เพราะระดับไขมันในเลือดที่สูงจะนำไปสู่การเกิดหลอดเลือดแดงแข็งตัวค่อยๆตีบแคบลง และเกิดการอุดตันในที่สุด
5.สูบบุหรี่เป็นประจำ
ในผู้ที่สูบบุหรี่จัดมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองสูงถึง 2 เท่าของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
6.โรคหัวใจ
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคเกี่ยวกับลิ้นหัวใจ ลิ้นหัวใจพิการ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาจจะทำให้มีลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดสมองได้ รวมถึงการแข็งตัวของเลือดที่เร็วเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com
“จาย” พร้อมลุยสองล้อลู่ญี่ปุ่นสะสมแต้ม ควอลิฟายโอลิมปิกเกมส์
“จาย อังค์สุธาสาวิทย์” ฟิตเต็มร้อยพร้อมลุยศึกจักรยานประเภทลู่ “เจแปน แทร็ค คัพ 2019” ที่ประเทศญี่ปุ่น “พลเอกเดชา” ชี้เพื่อเป็นการรักษาอันดับของตัวเอง ในการลุ้นคว้าโควตาไปแข่ง “เวิลด์ คัพ ซีรีส์” ซึ่งจะเริ่มสนามแรกช่วงเดือนธันวาคม พร้อมทั้งส่งนักกีฬาดาวรุ่งอย่าง “ทักษ์-กัญญารัตน์” ไปชิงชัยเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และความแข็งแกร่ง
วันที่ 18 ส.ค. 62 “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้เตรียมส่งนักกีฬาจักรยานประเภทลู่ทีมชาติไทย ไปแข่งขันรายการ “เจแปน แทร็ค คัพ 2019” ในระดับคลาส 1 ที่เมืองชิซึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค. ศกนี้ โดยมีนักกีฬาจำนวน 9 คน เจ้าหน้าที่ 2 คน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 5 คน ประกอบด้วย “ทีเจ” จาย อังค์สุธาสาวิทย์, วรยุทธ คะปัญญา, นิติรุจน์ กิจพิริยะการณ์, วิศวกร แก้วทอง, ทักษ์ แก้วน้อย, ส่วนนักกีฬาหญิง 4 คน ได้แก่ กัญญารัตน์ หน่อแก้ว, เยาวเรศ จิตมาตย์, ภาสิริ เจริญทรัพยานนท์, แว่นแก้ว น้ำคำ ส่วนเจ้าหน้าที่ 2 คน มร.ชุง มอง จุน ผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ เป็นผู้จัดการทีมและหัวหน้าผู้ฝึกสอน และ พ.อ.อ.นรุตม์ชัย ข้อยุ่น เป็นผู้ฝึกสอน
พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า การแข่งขันรายการ “เจแปน แทร็ค คัพ 2019” เป็นการแข่งขันในระยะสั้นและระยะกลาง ซึ่งเป็นระยะที่ จาย ถนัด ล่าสุด จาย มีอันดับโลกประเภทคิริน ประชาชนชาย อยู่อันดับที่ 21 โดยมีคะแนนสะสม 1,420 คะแนน การไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น ก็เพื่อรักษาอันดับโลกของตัวเอง ในการลุ้นคว้าโควตาไปแข่ง “เวิลด์ คัพ ซีรีส์” ซึ่งจะเริ่มแข่งขันสนามแรก ที่ฮ่องกง ในช่วงเดือน ธ.ค. โดยทางสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) จะประกาศผู้ที่ได้โควตาไปแข่งขันช่วงต้นเดือน ต.ค. หากดูจากอันดับโลกและผลงานแล้ว จาย มีโอกาสสูงที่จะได้ไปแข่งขัน “เวิลด์ คัพ ซีรีส์” ซึ่งรายการนี้จะมีความสำคัญมากต่อการสะสมคะแนนเพื่อคัดเลือกไปแข่งขันมหกรรมโอลิปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในปีหน้า ตอนนี้ก็ให้ จาย ไปแข่งขันสนามต่างๆ โดยมีฝ่ายเทคนิคของสมาคมฯ จะพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแกร่งก่อนไปลุยรายการใหญ่
นายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ กล่าวเสริมอีกว่า ตอนนี้ จาย เดินทางมาอยู่ที่ประเทศไทย เพื่อฝึกซ้อมอย่างขะมักเขม้นกับนักกีฬาคนอื่นๆ ที่เวลโลโดรม หัวหมาก ส่วนสภาพร่างกายของ จาย มีความสมบูรณ์เต็มร้อย ไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด การแข่งขันรายการ เจแปน แทร็ค คัพ 2019 เราต้องการให้นักกีฬาเพิ่มพูนประสบการณ์และความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักกีฬาเยาวชนอย่าง ทักษ์ แก้วน้อย หรือ กัญญารัตน์ หน่อแก้ว ซึ่งเพิ่งลงแข่งขันจักรยานประเภทลู่ เยาวชนชิงแชมป์โลก 2019 ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยทั้ง 2 คนก็ทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ
สำหรับคณะนักกีฬาจักรยานประเภทลู่ทีมชาติไทยชุดนี้ จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ในวันอังคารที่ 20 ส.ค. ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG642 ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 23.50 น. ถึงสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เวลา 08.10 น. ของวันพุธที่ 21 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นก็เข้าพักที่โรงแรม ก่อนจะลงฝึกซ้อมในช่วงเย็น และทำการแข่งขันวันแรก ในวันศุกร์ที่ 23 ส.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
หัวเว่ย ปักเป้าธุรกิจสู่เทคโนโลยี AI
“เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้ง “หัวเว่ย” หวังที่จะพัฒนาเทคโนโลยีไปไกลกว่า 5G โดยเล็งที่อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI)
มร. เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย กล่าวในระหว่างการประชุมภายในว่า “5G เป็นแค่เครื่องเคียง ส่วน AI เป็นอาหารจานหลัก และ AI จะอยู่ในแผนการพัฒนาเชิงกลยุทธ์หลักของหัวเว่ย” ในเดือนสิงหาคมนี้ หัวเว่ยได้เปิดศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จังหวัดซูโจว มณฑลเจียงซูในภาคตะวันออกของจีน ศูนย์วิจัยแห่งใหม่นี้จะมุ่งเน้นการทดสอบการนำ AI ไปใช้เพื่อสร้างสมาร์ทชิตี้และพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะ
เครือข่าย 5G เป็นเครือข่ายที่มีแบนด์วิดธ์ สูง ค่าความหน่วงเวลาต่ำ (Low latency) และพร้อมรองรับงานวิจัยและพัฒนา AI มร. เหริน กล่าวโดยเปรียบเทียบว่า 5G เป็นดั่งไขควงและ AI ก็เป็นรถยนต์ แล้วกล่าวว่า “ไขควงนั้นมีไว้ใช้ประกอบรถยนต์ แต่มันก็ไม่ใช่รถยนต์”
ตอนนี้เราได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาเทคโนโลยี AI แล้ว ในอีก 10 ถึง 15 ปีข้างหน้า AI จะมีความฉลาดในระดับเท่า ๆ กับความฉลาดของมนุษย์ โดยเฉลี่ย และในอีก 2-3 ปี การใช้ AI จะมีความแพร่หลายมากขึ้น
มร. เหริน กล่าวว่า “การพัฒนา AI ต้องได้รับการสนับสนุนจากซุปเปอร์คอมพิวติ้ง ที่จัดเก็บข้อมูลความจุสูงพิเศษ และการเชื่อมต่อที่มีความเร็วระดับซุปเปอร์สปีด สหรัฐอเมริกาเองมีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์และที่จัดเก็บข้อมูลความจุสูงแล้ว แต่ไม่มีการเชื่อมต่อระดับซุปเปอร์สปีด เพราะมีเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกไม่เพียงพอ นี่เป็นสาเหตุให้สหรัฐฯ ยังล้าหลังในวงการอุตสาหกรรม AI”
มร. เหรินประกาศกับพนักงานหัวเว่ยว่า บริษัทมีความมั่นใจว่าจะฝ่าฟันและรอดพ้นการโจมตีจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ “เราเจ็บปวดจากบาดแผล แต่เราต้องเข้าเส้นชัย” และกล่าวอีกว่า “เหล็กกล้าถูกหลอมขึ้นมาด้วยความร้อน และพนักงานของเราจะเป็นดั่งเหล็กกล้า เราต้องอดทนต่อแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกา เราจะไม่เพียงอยู่รอด แต่เราต้องชนะ”
มร. เหริน ให้สัญญาว่า ในอีกห้าปีข้างหน้า หัวเว่ยจะสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถมาเข้าร่วมทีมวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้น โดยทีมดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเคย
ยกตัวอย่างเช่น หัวเว่ยให้เงินรางวัลมูลค่า 229,800 ดอลลาร์สหรัฐ แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรี 3 คน ที่ชนะการแข่งขัน ASC Student Supercomputer Challenge ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และยังให้ค่าจ้างรายปีมูลค่าถึง 2 ล้านหยวน หรือประมาณ 290,000 ดอลลาร์สหรัฐ แก่ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาเอกและพนักงานผู้เชี่ยวชาญรวม 8 คน ทั้งจากประเทศจีนและต่างประเทศ
นอกจากการหาคนเก่งๆ มาร่วมทีมแล้ว หัวเว่ยยังจะเพิ่มเงินเดือนให้แก่ทีมนักวิทยาศาสตร์จำนวน ปัจจุบัน หัวเว่ยมีพนักงานเป็นนักคณิตศาสตร์มากกว่า 700 คน นักฟิสิกส์ 800 คน และนักเคมี 120 คน นอกจากนี้ยังมีทีมนักวิจัยมากประสบการณ์อีก 15,000 คนอีกด้วย
มร. เหริน ให้สัมภาษณ์ว่า “AI จะพัฒนาในวงกว้างมากขึ้น และเราต้องหานักคณิตศาสตร์ชั้นนำจำนวนมากขึ้นมาร่วมงานกับเรา”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 21,950.00 | 22,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,422.00 | 21,557.52 | 22,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,279.80 | 19,401.77 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,137.60 | 17,246.02 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 640.00 | 9,702.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 498.00 | 7,549.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,474.00 | 22,345.84 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/08/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.74 | 24.74 | 24.74 | 24.74 | 24.74 | – | 24.74 | 24.74 | 24.74 | 24.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.09 | 20.09 | – | – | – | – | – | 20.09 | – | – |
เบนซิน 95 | 35.16 | – | – | – | 35.61 | – | 35.66 | 35.46 | – | 35.46 |
ดีเซล | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 25.09 | 25.09 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.66 | 15.66 | – | – | – | – | – | – | – | – |