Blog Post

ทุนจีนยึด บางแสน ผุดคอนโดยักษ์ 4,000 หน่วย

อสังหาฯเมืองชลซึมทุนจีนถล่มซํ้าผุดคอนโดยยักษ์โครงการเดียว 4,000 หน่วยทำเลม.บูรพา“ณรงค์ชัย คุณปลื้ม” นายกเล็ก ระบุคอนโดฯเหลือขายบานลุ้นรัฐบาลปลุกท่องเที่ยวฟื้นกำลังซื้อบางแสน

จังหวัดชลบุรี เมืองขึ้นชื่อในแง่การท่องเที่ยวติดริมทะเล ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร ด้วยความเป็นเมืองท่องเที่ยว ส่งผลให้มีความคึกคักสูงในช่วงวันหยุดยาวและวันเสาร์-อาทิตย์ จากนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เช่น กลุ่มคนจีน ประกอบกับเป็นทำเลที่ตั้งของมหาวิทยาลัยบูรพา ส่งเสริมให้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดย่อมที่น่าจับตามองเรื่อยมา โดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์ ในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย

แต่พบปัจจุบันด้วยข้อจำกัดเรื่องราคาและที่ดินที่หาได้ยาก จำนวนนิสิตลดน้อยลง ประกอบกับปัจจัยกดดันกำลังซื้อกลุ่มนักลงทุน เงื่อนไขแอลทีวี ส่งผลตลาดซึมโดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียม ที่เหลือขายนับ 40% อย่างไรก็ตาม นายกเล็กบางแสนเริ่มเห็นแนวโน้มตลาดดีขึ้นหลังพบกลุ่มทุนจีน เตรียมพัฒนาพื้นที่ 20 ไร่ จ่อส่งซัพพลายใหม่เข้าตลาดนับ 4 พันหน่วย ลุ้นฟื้นการท่องเที่ยว นิสิตเพิ่มทำตลาดกลับมาคึกคัก

นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข (บางแสน) จังหวัดชลบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ยอมรับว่าปัจจุบันมีซัพพลายคงค้างโดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมราคาตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไปประมาณ 30-40% หรือ 2 พันหน่วย หลังจากช่วงที่ผ่านมา กลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าเฉลี่ย 7-8 พันบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพานั้น ลดจำนวนลงไปมาก จากนโยบายของรัฐและมหาวิทยาลัยปรับลดจำนวนนิสิต เหลือเพียง 3 หมื่นคน จากปกติ 5 หมื่นคนต่อปี ไม่ต่างจากปัญหากลุ่มนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้กลุ่มนักลงทุนเองยังต้องเผชิญกับหลักเกณฑ์การขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ (แอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท .) ซํ้าเติมอีก ทำให้การกู้ทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่กล้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจากเดิมที่จะมีหน่วยใหม่เกิดขึ้นในแต่ละปีประมาณ 500-600 หน่วย ขณะที่ตลาดแนวราบ กลุ่มบ้านเดี่ยวทาวน์เฮ้าส์ และบ้านแฝด ตั้งแต่ระดับราคา 1.5-3.5 ล้านบาทยังคงไปได้ หลาย โครงการขายดีเนื่องจากความต้องการหลักยังเป็นคนในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ไม่มีความกังวลมากนักหลังจากพบว่ามหาวิทยาลัยบูรพา มีนโยบายใหม่เตรียมเปิดรับนิสิตเพิ่มในปีการศึกษาหน้า ซึ่งจะเอื้อต่อธุรกิจหอพัก และคอนโดฯปล่อยเช่า ขณะเดียวกับการที่รัฐเดินหน้าพัฒนาเกี่ยวกับอีอีซีอย่างต่อเนื่อง น่าจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯได้มาก ประกอบกับเริ่มเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหญ่เตรียมเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิ เนียมขนาดใหญ่ ร่วมกับบริษัทอสังหาฯของไทย รวมทั้งสิ้นมากกว่า 4 พันหน่วย จำนวน 5 อาคาร สูง 46 ชั้น ภายใต้ชื่อ “ทรีโอเนส” บนพื้นที่เกือบ 20 ไร่ติดหาดวอนนภาขณะนี้ยื่นขอเปิดเฟสแรกแล้วจำนวน 850 หน่วย

ทั้งนี้ปัจจุบันมีผู้พัฒนาอสังหาฯ ทั้งที่เป็นรายใหญ่ของท้องถิ่นประมาณ 10 ราย และบริษัท อสังหาฯรายใหญ่จาก กทม. เช่นพฤกษา, ศุภาลัย และแสนสิริ เข้ามาแข่งขันในตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่มีข้อจำกัดเรื่องที่ดินที่ปรับตัวสูงและหาได้ยากขึ้น โดยเฉพาะริมชายหาดที่เป็นที่ต้องการของผู้พัฒนาพบมีราคาสูงตั้งแต่ 7 หมื่น-1.5 แสนบาทต่อตารางวา ขณะที่ติดถนนสุขุมวิทมีการซื้อ-ขายเริ่ม 5 หมื่นบาทต่อตารางวา

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

---

แห่ผุดธุรกิจรับสูงวัย ‘กลุ่มคุณปลื้ม’ผนึกญี่ปุ่น-ซีนิเซ่นส์ชูซีเนียร์ลิฟวิ่ง

เอกชนแห่ลงทุนซีเนียร์ ลิฟวิ่ง รับสังคมผู้สูงวัย “กลุ่มคุณปลื้ม” จับมือทุนญี่ปุ่น “โอกุระ กรุ๊ป” ทุ่มเงิน 200-300 ล้านบาท เดอะ ซีนิเซ่นส์ ควักเกือบ 3,000 ล้านปั้น 3 โปรเจ็กต์รอบเมือง “จิณณ์” เปิดโมเดลเช่ารายวัน เริ่ม 4,000 บาท

ในปีที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุราว 11 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ส่งให้ไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aging Society) เต็มรูปแบบเร็วกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ และการดูแลผู้ป่วยกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่พูดถึง จุดประกายให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนจำนวนมากทั้งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ รวมไปถึงด้านการท่องเที่ยว ที่ใช้โอกาสนี้ในการเข้ามาลงทุนต่อยอดธุรกิจเช่นกัน

บางแสน สมาร์ทซิตีผู้สูงอายุ

นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข (บางแสน) จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันเมืองบางแสนมีแผนพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็น Destination ด้านการท่องเที่ยวและกีฬาได้ นอกจากนี้ยังมองเห็นโอกาสอีกด้าน คือ การพัฒนาเมืองในด้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย (Aging Socity) ด้วย ซึ่งนำร่องการส่งเสริมกิจกรรมของผู้สูงอายุผ่านโครงการพัฒนา “ศูนย์เดย์แคร์ เซอร์วิส” เริ่มเปิดให้บริการเดือนพฤศจิกายนนี้ นับเป็นแห่งที่ 2 ของประเทศ โดยร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ในการส่งต่อองค์ความรู้เพื่อกำหนดกิจกรรมและให้บริการด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย หลังจากในพื้นที่มีจำนวนประชากรที่เป็นผู้สูงวัยมากกว่า 6 พันคน และในอนาคตคาดจะสามารถดึงผู้สูงวัยจากกทม. เข้ามาพักผ่อนและอยู่อาศัยได้อีกจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มผู้เกษียณจากต่างชาติด้วย

ทั้งนี้ มีปัจจัยหลายอย่างเอื้อต่อโอกาส ทั้งล่าสุด สีของผังเมืองที่จะประกาศใหม่ พื้นที่ของบางแสนถูกกำหนดให้เป็นสีส้มทั้งหมด ซึ่งจะสามารถพัฒนาได้ทั้งโรงแรม เชิงพาณิชย์ และที่อยู่อาศัย จากเดิมเป็นสีเหลือง ที่พัฒนาได้เพียงที่อยู่อาศัยเท่านั้น

“ทุกวันนี้ภาพลักษณ์ของบางแสนไม่ใช่แค่เป็นเมืองท่องเที่ยว แต่เป้าหมายคือการผลักดันให้เป็นเมืองน่าอยู่อาศัยรองรับแผนพัฒนา อีอีซี โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผ่านการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้กรุงเทพฯ ใกล้ รพ. คาดในอนาคตจะดึงดีเวลอปเปอร์ เข้ามาร่วมในการพัฒนาดังกล่าวได้จำนวนมาก”

นายณรงค์ชัย ยังระบุว่า ในฐานะผู้ประกอบการอสังหา ริมทรัพย์ บริษัท บางแสนบุรีฯ ซึ่งมีที่ดินสะสมนับพันไร่ในจังหวัดชลบุรีทั้งในเขตศรีราชา พัทยา และแค่ในเฉพาะบริเวณบางแสน ประมาณ 200 ไร่นั้น มีแผนจะนำที่ดินดังกล่าวจำนวน 70 ไร่ (หนองมน)มาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับโอกาสจากผู้สูงวัยเช่นกัน ภายใต้ชื่อ “ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง” คาดมูลค่าเฟสแรกอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบและความเป็นไปได้ กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น “โอกุระ กรุ๊ป” ให้เข้ามาช่วยบริหารจัดการภายใน คาดจะเห็นภาพในช่วง 5 ปีนับจากนี้ โดยมีโครงการหมู่บ้านสแกนดิเนเวีย บางแสน โดยกลุ่มทุนสแกนดิเนเวีย และโครงการสวางคนิเวศ เป็นต้นแบบในการพัฒนาเชิงที่อยู่อาศัยผสมผสานการให้บริการและดูแล

นอกจากนี้บริษัทยังมีที่ดินรอการพัฒนา ซึ่งอยู่ติดริมทะเลอีกจำนวน 5 แปลง เป็นแปลงขนาดใหญ่จำนวน 2 แปลง ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ในการนำมาพัฒนาเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าวด้วย

ปั้นเดอะ ซีนิเซ่นส์ 3 พันล.

นายอำนาจ ประสิทธิ์ดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เค.พี.เอ็น.ซีเนียร์ลิฟวิ่ง จำกัด ผู้บริหารโครงการเดอะ ซีนิเซ่นส์ (The Senizens) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทใน 5 ปีนับจากนี้จะเดินหน้าลงทุนศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูผู้สูงวัย ภายใต้ชื่อ “เดอะ ซีนิเซ่นส์” 3 โครงการ ประกอบไปด้วย 1. เดอะ ซีนิเซ่นส์ ราชพฤกษ์-จรัญสนิทวงศ์ 13 บนพื้นที่ 8 ไร่ จำนวน 8 อาคารใช้งบลงทุนกว่า 800 ล้านบาท สามารถรองรับผู้สูงวัยได้ 400 เตียง เป็นโครงการที่เชื่อมต่อกับโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วยสูงอายุเฌ้อสเซอรี่โฮม โดยอาคารแรกเปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และจะเปิดอาคารที่ 2 ในเดือนเมษายน 2563 และครบทั้งหมดภายในปี 2564

“หลังจากโรงพยาบาลเฌ้อสเซอรี่โฮม เปิดให้บริการเมื่อ 2 ปีก่อนพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงเพิ่มรูปแบบการให้บริการโครงการศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูผู้สูงวัย โดยเริ่มต้นที่เดอะ ซีนิเซ่นส์ ราชพฤกษ์-จรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งตั้งอยู่ในที่ดินเดียวกัน ทำให้สามารถดูแลและรักษาผู้สูงวัยได้ตลอด 24 ชม. โดยเดอะ ซีนิเซ่นส์ จะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง โดยมีค่าบริการ 3.5 หมื่น-1 แสนบาทต่อเดือน”

2. โครงการ เดอะ ซีนิเซ่นส์ ราชพฤกษ์-ปทุมธานี บนพื้นที่ 80 ไร่ จำนวน 40 อาคาร พร้อมโรงพยาบาล 1 โรง ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางส่งเสริมและฟื้นฟูผู้สูงวัย ใช้งบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน) รองรับผู้สูงวัยได้ 2,000 คน เริ่มลงทุนในปี 2564 พร้อมเปิดให้บริการในปี 2565 และ 3. โครงการเดอะ
ซีนิเซ่นส์ สุขุมวิท 49 ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูผู้สูงวัยระดับไฮเอนด์ เน้นรองรับผู้สูงวัยระดับบน และชาวต่างชาติ จะเปิดให้บริการได้ในปี 2566

มธ.ทุ่ม500ล.ดูแลผู้สูงวัย

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ได้ประกาศให้ศูนย์พัทยา เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษสำหรับกิจการการแพทย์ครบวงจร (EECmd) บนเนื้อที่ 566 ไร่ แล้ว ได้ร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้โครงการสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุบนเนื้อที่ 5 ไร่ ในพื้นที่ EECmd พัฒนาโครงการ “ศูนย์กลางพัฒนาสุขภาพพลานามัยผู้สูงอายุ” (Senior Complex) หรือ โครงการ Lakeside Premier Complex โดยธอส. จะให้งบประมาณศึกษาความเป็นไปได้ 5 ล้านบาท และกู้สำหรับก่อสร้างโครงการ 500 ล้านบาทในเฟสแรก

ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัย จำนวน 3 หลัง ห้องพักขนาด 50-60 ตารางเมตร จำนวน 150 หน่วย คลินิกเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ การตรวจรักษาทั่วไป คลินิกทันตกรรมผู้สูงวัย คลินิกฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และคลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัย มีการให้ความรู้เรื่องอาหาร สมาธิ โยคะ เป็นต้น คาดว่าผลการศึกษาจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ ละหลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างต่อไป

สวนสามพรานผุดเอจแคร์

อีกหนึ่งรูปแบบที่เกิดขึ้น เพื่อตอบรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย คือ การให้บริการโรงแรมผสมผสานสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งนางปัญจมา พลาหน ผู้อำนวยการโครงการ โรส การ์เด้น ณ สวนสามพราน บริษัท โรส การ์เด้น เรสซิเด้นท์เซส จำกัด ผู้บริหารโครงการ “โรส การ์เด้น เอจแคร์” กล่าวว่า บริษัทเช่าพื้นที่สวนสามพรานระยะยาวเพื่อนำมาให้บริการเป็นสถานที่พักผ่อน ดูแลสุขภาพและกายภาพบำบัดผู้สูงอายุ โดยมีทีมพยาบาลและผู้ช่วยตลอด 24 ชม. จำนวน 19 ห้องพร้อมกิจกรรมต่างๆ อาทิ นั่งสมาธิ ดนตรีบำบัด จัดดอกไม้ ฯลฯ

“เน้นรับผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไปที่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และมีความต้องการพัฒนาชีวิตผู้สูงอายุให้ดีขึ้น”

จิณณ์ฯเพิ่มโมเดลเช่ารายวัน

นพ. ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มรูปแบบการให้บริการโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ โครงการที่พักอาศัยของผู้สูงอายุ โดยเปิดเป็นโมเดล Assisted Livine จำนวน 40 ยูนิต แบบตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที ในรูปแบบเช่าทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ราคาระหว่าง 4,000-100,000 บาท เพื่อให้เช่าแก่ผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแบบพิเศษตลอด 24 ชม. ขณะที่อาคารที่พักอาศัยก็ยังคงมีจำหน่ายต่อเนื่อง โดยขณะนี้มียอดจองแล้วเกือบ 200 ยูนิต

ขณะที่กลุ่มเวชพงศ์โอสถ ก็หันจับมือกับฮันโนะ โรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงวัยจากประเทศญี่ปุ่น ร่วมลงทุนกว่า 150 ล้านบาทเปิดให้บริการ “ฮันโนะ-เวชพงศ์” ย่านเอกมัย-รามอินทรา ขนาด 42 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

---

แบงก์กรุงศรีคาดกนง.ลดดอกเบี้ยอีกฉุดศก.ดิ่ง

5 สมุนไพรไทย รักษาโรคเบาหวาน ช่วยให้อาการดีขึ้นและหายได้!!

โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง การรับประทานสมุนไพรไทยบางชนิดสามารถช่วย รักษาโรคเบาหวาน ได้นี่จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เรามาดูสูตรวิธีการรับประทานสมุนไพรแต่ละชนิดกันเลย

ใบหม่อน

ใบหม่อน มีฤทธิ์ช่วยขับสารพิษลดเบาหวาน เพียงดื่มชาใบหม่อนเป็นประจำจะสามารถลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน โดยชงชาใบหม่อนแล้วทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที หรือใช้ใบหม่อนทั้งใบอ่อนและใบแก่นำมาต้มดื่มเช้าเย็นก็จะช่วยรักษาโรคเบาหวานได้

ใบบัวบก

เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นจึงสามารถดับร้อน มีสรรพคุณช่วยแก้ร้อนใน ตัวร้อน อ่อนเพลีย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดี โดยสามารถรับประทานเป็นผักสดแกล้มกับน้ำพริก หรือนำใบบัวบกต้มในน้ำร้อนแล้วดื่มก่อนอาหาร

มะระขี้นก

มีสารที่ชื่อว่า ชาแรนติน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน ช่วยเสริมการเผาผลาญน้ำตาล และยังชะลอการดูดซึมน้ำตาลบริเวณลำไส้เล็ก จึงรักษาโรคเบาหวานได้ดี โดยดื่มน้ำชามะระขี้นก ให้นำเนื้อมะระขี้นกตากแดดจนแห้งแล้วชงกับน้ำร้อน หรือดื่มน้ำคั้นสดนำเมล็ดข้างในออกแล้วนำไปปั่นจนละเอียดจะแยกกากหรือไม่ก็ได้

ว่านหางจระเข้

ผู้ป่วยเบาหวานเพียงดื่มน้ำว่านหางจระเข้หรือรับประทานเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้ ก็จะช่วยระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ว่านหางจระเข้สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวานได้ดีและไม่ทำให้มีอาการข้างเคียงต่อตับและไตอีกด้วย

ตำลึง

การรับประทานใบ ราก ผลของตำลึง จะสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน มีการพบว่าใบตำลึงช่วยให้ระดับอินซูลินเพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงเป็นผักที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพียงนำเถาตำลึงแก่ๆ จำนวน 1 กำมือ ไปต้มกับน้ำร้อนดื่มเช้า-เย็น จะช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้

ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com

---

“อาคิตะ” เปิดเมืองดูแลทัพ “นักกีฬาไทย” ชุบตัวล่าทอง “พาราลิมปิก”

จังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น เปิดบ้านต้อนรับนักกีฬาบอคเซียและวีลแชร์บาสเกตบอลไปชุบตัวที่เมืองโอดาเตะและเซมโบคุ พร้อมสานต่อความสัมพันธ์ด้านกีฬา แต่งตั้ง “บิ๊กนิดหน่อย” จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี เป็นแอมบาสเดอร์ประจำเมือง

วันที่ 26 ส.ค. 62 “บิ๊กนิดหน่อย” นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายโนริฮิสะ ซาตาเกะ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น, นายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ นายฮิซาโอะ คิคูจิ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ การท่องเที่ยวจังหวัดอาคิตะ ประจำประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าว “อาคิตะ เฟสติวัล 2019” ร่วมเปิดประสบการณ์และทำความรู้จัก “อาคิตะ” ในมุมมองใหม่ผ่านความสัมพันธ์ด้านกีฬา ณ อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ อโศก เมื่อวันที่ 26 ส.ค.62

นายจุตินันท์ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดอาคิตะ พร้อมคณะที่เดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ สำหรับเหตุผลที่ทำให้ “อาคิตะ เฟสติวัล 2019” เกิดขึ้นก็เพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจไมตรีและการต้อนรับที่อบอุ่นที่ตนพร้อมทีมผู้บริหารและนักกีฬาได้รับในทุกๆ ด้าน จากผู้ว่าราชการจังหวัดอาคิตะ รวมถึง นายจุนจิ ฟูกูฮาระ นายกเทศมนตรีเมืองโอดาเตะ และนายมิตสึฮิโร่ คาโดวากิ นายกเทศมนตรีเมืองเซมโบคุ ซึ่งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ ทั้งก่อนและหลังจากลงนามความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพาราลิมปิก ซึ่งก่อนหน้านี้ ร้อยโท ณัยณพ ภิรมย์ภักดี นายกสมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย ได้เป็นประธานร่วมในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง สมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย กับกลุ่มจังหวัดอาคิตะ เมืองโอดาเตะ เพื่อร่วมกันพัฒนานักกีฬาผู้พิการทางสมอง และล่าสุดทางกลุ่มจังหวัดอาคิตะยังได้เปิดเมืองเซมโบคุ เป็นพื้นที่ในการเก็บตัวฝึกซ้อมให้นักกีฬาวีลแชร์บาสเกตบอลของไทยอีกด้วย

“เราได้ร่วมมือกันที่จะพัฒนานักกีฬาบอคเซียของไทย ซึ่งจะไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่เมืองโอดาเตะ และวีลแชร์บาสเกตบอล จะไปที่เมืองเซมโบคุ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 25 ส.ค.-6 ก.ย.2563 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีกีฬาเป็นตัวเชื่อม ซึ่งเชื่อมความสัมพันธ์คนทุกเพศทุกวัย รวมถึงคนพิการและคนปกติ” นายจุตินันท์กล่าว

ประธานพาราลิมปิกไทย กล่าวว่า “นักกีฬาบอคเซียได้เดินทางไปเก็บตัวที่นั่นมาแล้วและกำลังจะกลับไปอีกในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ส่วนวีลแชร์บาสเกตบอลจะไปครั้งแรกในเดือน ก.ย. เช่นกัน ตนเชื่อว่าด้วยน้ำใจไมตรี สิ่งแวดล้อมที่สวยงาม ความเงียบสงบและอากาศที่ดี จะทำให้นักกีฬามีสมาธิ มีขวัญและกำลังใจก่อนสู้ศึกพาราลิมปิกเกมส์ 2020 อย่างแน่นอน”

ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า จากการลงนามความร่วมมือเพื่อใช้สถานที่สำหรับเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาก่อนการแข่งขันพาราลิมปิก ปี 2020 ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันและนำไปสู่ความต้องการที่อยากให้คนไทยได้รู้จักจังหวัดอาคิตะมากขึ้น ซึ่งเมืองในจังหวัดอาคิตะคือ โอดาเตะ และ เซมโบคุ จะได้ร่วมต้อนรับนักกีฬาบอคเซียและวีลแชร์บาสเกตบอลของไทย ทั้

ขณะที่ ดร.ก้องศักด กล่าวว่า กกท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือและแลกเปลี่ยนด้านกีฬา ร่วมกับจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นนโยบายของประเทศญี่ปุ่น เจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 24 ก.ค.-9 ส.ค.2563 และกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 25 ส.ค.-6 ก.ย.2563 ณ กรุงโตเกียว ที่ต้องการให้เมืองต่างๆ นั้นร่วมเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับนักกีฬาเข้าไปฝึกซ้อมด้วย และเป็นเรื่องน่ายินดีที่นักกีฬาบอคเซียและวีลแชร์บาสเกตบอลได้ไปซ้อมที่จังหวัดอาคิตะ และหวังว่าในอนาคตจะมีนักกีฬาพาราไทยได้ไปเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อเตรียมความสำหรับสู้ศึกใหญ่ที่นั่นอีก

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th

---

หัวเว่ย อวดโฉม “Ascend 910” ชิป AI ทรงพลังที่สุดในโลก

หัวเว่ย เปิดตัว Ascend 910 โปรเซสเซอร์ AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก และ MindSpore เฟรมเวิร์กการประมวลผล AI สำหรับทุกสถานการณ์

มร. อีริค สวี่ ประธานกรรมการบริหารแบบหมุนเวียนตามวาระ บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ จำกัด  กล่าวว่าโครงการของหัวเว่ยมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ที่ประกาศกลยุทธ์ที่มุ่งเน้น AI ไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว  ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาไปจนถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เราได้ให้สัญญาไว้ว่าจะสร้างพอร์ตโฟลิโอ AI ที่ครบวงจรสำหรับทุกสถานการณ์ และวันนี้เราทำสำเร็จแล้ว ด้วยการเปิดตัว Ascend 910 และ MindSpore การเปิดตัววันนี้นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นจากกลยุทธ์ AI ของหัวเว่ย”

Ascend 910 เป็นโพสเซสเซอร์ AI ใหม่จากชิปเซ็ตในซีรีส์ Ascend-Max ของหัวเว่ย โดยหัวเว่ยได้ประกาศสเปกที่คาดไว้ของโพสเซสเซอร์ตัวนี้ในงานหัวเว่ย คอนเน็กต์ 2018  หลังจากที่ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าโปรเซสเซอร์ Ascend 910 บรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพโดยใช้พลังงานน้อยกว่าที่คาดไว้มาก

ในการทดสอบจำนวนจุดลอยตัวแบบฮาล์ฟ เพรซิชั่น (FP16) Ascend 910 ทำความเร็วเท่ากับ 256 เทราฟล็อปส์ และทำความเร็วเท่ากับ 512 เทราฟล็อปส์ สำหรับการคำนวณอินเทอเจอร์ เพรซิชั่น (INT8)นอกจากประสิทธิภาพจะเหนือกว่าแบบเทียบกันไม่ติดแล้ว อัตราการใช้พลังงานสูงสุดของ Ascend 910ยังอยู่ที่ 310 วัตต์อีกด้วย ซึ่งน้อยกว่าสเปกที่คาดการณ์ไว้ที่ 350 วัตต์

“Ascend 910 ทรงพลังกว่าที่เราคิดไว้มาก  โดยพลังในการประมวลผลของตัวนี้นั้นเหนือกว่าโพสเซสเซอร์ AI ตัวอื่นๆ ในโลกแบบไม่ต้องสงสัย”

Ascend 910 นำมาใช้ในการเทรนโมเดล AI ในเซสชันการเทรนปกติโดยอิงจาก ResNet-50 เมื่อใช้Ascend 910 และ MindSpore ร่วมกัน การเทรนโมเดล AI จะเร็วขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับการ์ดการเทรนอื่นๆ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายผ่าน TensorFlow

ในอนาคต หัวเว่ยจะยังลงทุนกับโปรเซสเซอร์ AI เพื่อมอบพลังการประมวลผลที่สมบูรณ์ เข้ากับทุกสถานการณ์ และมีราคาที่เหมาะสม ตลอดจนตอบสนองความต้องการในสถานการณ์ที่หลากหลาย (เช่น เอจคอมพิวติ้ง การประมวลผลในยานพาหนะสำหรับการขับขี่อัตโนมัติ และการเทรนโมเดล)

ในงานดังกล่าว หัวเว่ยยังได้เปิดตัว MindSpore เฟรมเวิร์กการประมวลผล AI ที่รองรับการพัฒนาการใช้งาน AI ในทุกสถานการณ์   เฟรมเวิร์กการประมวลผล AI จะช่วยทำให้การพัฒนาการใช้งาน AI ง่ายขึ้น และยังทำให้มีการใช้ AI ในวงกว้างและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะช่วยรับรองการปกป้องความเป็นส่วนตัว

ในปี 2561 หัวเว่ยประกาศเป้าหมายการพัฒนา 3 ประการสำหรับเฟรมเวิร์ก AI ได้แก่ 1.การพัฒนาอย่างง่าย: ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเทรนลงไปอย่างมาก , 2.การทำงานที่มีประสิทธิภาพ: ใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุดโดยให้มี OPS/W มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  และ 3. นำไปใช้ได้กับทุกสถานการณ์: รวมถึงการใช้งานในดีไวซ์ เอจ และระบบคลาวด์ทั้งหมด

MindSpore พัฒนาไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ปัจจุบันการปกป้องความเป็นส่วนตัวนั้นมีความสำคัญกว่าที่เคย การรองรับทุกสถานการณ์จะช่วยให้ AI ใช้งานได้อย่างแพร่หลายและมีความปลอดภัย นี่ถือเป็นฟีเจอร์หลักในเฟรมเวิร์ก MindSpore ซึ่งสามารถปรับตามความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายได้ ไม่ว่าสภาพแวดล้อมของต้นทุนสำหรับทรัพยากรจะใหญ่หรือเรียบง่ายมากๆ MindSpore ก็รองรับทุกสภาพแวดล้อม

MindSpore จะช่วยรับรองการปกป้องความเป็นส่วนตัว เพราะระบบจะจัดการเฉพาะข้อมูลเกรเดียนต์และข้อมูลโมเดลที่ผ่านการประมวลผลแล้วเท่านั้น แต่จะไม่ทำการประมวลผลข้อมูลด้วยตนเอง ดังนั้น ข้อมูลส่วนตัวของผูใช้จะได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบข้ามสถานการณ์ นอกจากนี้แล้ว MindSpore ยังมีเทคโนโลยีการปกป้องโมเดลในตัวเพื่อดูแลให้โมเดลมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

เฟรมเวิร์ก AI MindSpore สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับทุกสถานการณ์ได้ พร้อมรองรับดีไวซ์ เอจ และสภาพแวดล้อมคลาวด์ทุกประเภท พร้อมมอบการทำงานร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์มแบบออนดีมานด์ด้วย คอนเซปต์การออกแบบ “AI Algorithm As Code (ใช้อัลกอริทึม AI เป็นโค้ด)” ช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์พัฒนาการใช้งาน AI ขั้นสูงได้ง่ายๆ พร้อมเทรนโมเดลได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย

ในโครงข่ายประสาทเทียมทั่วไป (Neural Network) สำหรับการประมวลผลภาษามนุษย์ (NLP) MindSporeมีโค้ดหลักน้อยกว่าเฟรมเวิร์กชั้นนำในตลาดถึง 20% ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างน้อย 50%

ด้วยนวัตกรรมด้านเฟรมเวิร์ก รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพที่ส่งเริมการทำงานระหว่าง MindSpore และโปรเซสเซอร์ Ascend โซลูชันของหัวเว่ยจะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์จัดการปัญหาการประมวลผลของ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมตอบสนองความต้องการด้านพลังในการประมวลผลที่หลากหลายในการใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ผลที่ได้ก็คือ ประสิทธิภาพอันทรงพลังและการปฏิบัติงานที่ได้ผลลัพธ์มากขึ้น นอกเหนือจากโปรเซสเซอร์ Ascend แล้ว MindSpore ยังสามารถรองรับ GPU, CPUและโปรเซสเซอร์ประเภทอื่นๆ ได้อีกด้วย

ในขณะเปิดตัว MindSpore มร. ซวี่ ได้เน้นย้ำความตั้งใจของหัวเว่ยในการช่วยสร้างอีโคซิสเต็ม AI ที่แข็งแกร่งและมีความแอ็กทีฟยิ่งขึ้น “MindSpore จะเป็นโอเพนซอร์สในไตรมาสแรกของปี 2020 เราต้องการขับเคลื่อนการใช้งาน AI ที่แพร่หลายขึ้นและสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในเรื่องที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด” 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

---