อสังหาฯยังทรงตัว แนะรัฐกระตุ้นบ้านมือสอง
เน็กซัสฯ วิเคราะห์ตลาดอสังหาฯไทยอยู่ในภาวะทรงตัว ปัจจัยลบตลาดจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน ผสมโรงมาตรการ LTV ผู้ประกอบการเร่งปรับตัวครึ่งปีหลัง แนะรัฐลดค่าธรรมเนียมการโอน-ภาษีธุรกิจเฉพาะ พร้อมเปิดโอกาสบ้านมือสอง กระตุ้นตลาดช่วงที่เหลือของปี
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาคาดว่า ในช่วงที่เหลือของปีตลาดยังคงเผชิญภาวะความไม่แน่นอน ซึ่งหากดูในภาพรวมของเศรษฐกิจโลก เรื่องของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้จีนต้องลดค่าเงินหยวน และกระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนจีนในตลาดต่างชาติ รวมถึงประเทศไทยด้วย อีกทั้งความไม่สงบทางการเมืองในฮ่องกงทำให้เกิดภาวะชะงักงันในการลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน ประกอบกับค่าเงินบาทของไทยที่แข็งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อสังหาริมทรัพย์ไทยมีราคาสูงขึ้น แต่ด้วยตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย มีกลุ่มผู้บริโภคหลักคือผู้บริโภคภายในประเทศ ทำให้ประเมินได้ว่าผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกอาจมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่เกิน 10-15% ของตลาดที่อยู่อาศัยรวมเท่านั้น แม้จะไม่ส่งผลต่อภาพรวมตลาดแต่มีผลกระทบต่อตลาดทุนไทยแน่นอน
นอกจากปัจจัยลบภายนอกประเทศแล้ว ปัจจัยภายในประเทศอย่างมาตราการ LTV และหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นก็ยังเป็นปัจจัยลบที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากตั้งแต่รัฐบาลประกาศว่าจะมีการใช้มาตราการ LTV เพื่อมาสกัดการเก็งกำไรในกลุ่มนักลงทุน (โดยมีผลบังคับใช้ 1 เมษายนที่ผ่านมา) ผู้บริโภคต่างก็เร่งก่อหนี้ เพื่อให้ทันก่อนที่มาตรการจะมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้เกิดการหดตัวลงของการอนุมัติสินเชื่อนับตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่มีการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีตลาดอสังหาริมทรัพย์จะไม่สามารถเติบโตได้เหมือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อมาพิจารณาในส่วนของมาตรการ LTV พบว่า นับตั้งแต่มาตราการมีผลบังคับใช้ตลาดมีการชะลอตัวลงในทุก Sector ไม่ว่าจะเป็น บ้านหรือคอนโดมิเนียมในทุกระดับราคาเนื่องจากผู้ซื้อต้องพิจารณาถึงความสามารถในการกู้ของตนมากขึ้น ซึ่งก็เป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการรายใหญ่-รายกลาง ต่างออกมาประกาศผลกระทบจากมาตรการที่มีต่อธุรกิจ และเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนนโยบายดังกล่าว หลายโครงการที่เปิดตัวในไตรมาส 2/2562 มีการปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดและมุ่งหวังยอดขายจากตลาดผู้ซื้อจริงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดก็ยังคงมีปัจจัยบวกมาสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการโดยตรงกล่าวคือ สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยมีต้นทุนที่ต่ำลง ในขณะที่ผู้กู้รายย่อยก็สามารถยื่นขอสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเช่นกัน อีกทั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งยังเป็นรัฐบาลขั้วเดิม ทำให้เกิดความต่อเนื่องในการสานต่อนโยบายต่างๆ ทั้งทางด้านการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ระบบขนส่งมวลชน โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
แม้ว่าตลาดจะมีปัจจัยบวก แต่ก็ยังส่งผลดีกับตลาดอสังหาฯในสัดส่วนที่น้อยกว่าปัจจัยลบ ดังนั้นจึงอยากร้องขอรัฐบาลชุดนี้ให้ช่วยกำหนดมาตรการช่วยกระตุ้นตลาดในช่วงที่เหลือของปี เช่น การพิจารณาลดค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีธุรกิจเฉพาะให้กับอสังหาฯที่พร้อมโอนในปีนี้ เป็นการช่วยกระตุ้นให้ผู้มีกำลังซื้อที่ผ่านเงื่อนไข LTV สามารถมีต้นทุนการซื้อที่ต่ำลง ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถระบายสินค้าที่เสร็จแล้วได้ โดยกำหนดให้สามารถลดค่าธรรมเนียมดังกล่าวในอสังหาฯทุกระดับราคา ตลอดจนการให้สิทธิพิเศษกับอสังหาริมทรัพย์มือสองบ้าง เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองของไทย ยังคงไม่เติบโตมากทั้งๆ ที่เป็นโอกาสให้ผู้ซื้อได้ซื้ออสังหาฯคุณภาพดี ที่มีขนาดใหญ่กว่าสินค้าใหม่ในปัจจุบัน ในราคาใกล้เคียงกับราคาปัจจุบัน บนทำเลที่มีศักยภาพ ก็น่าจะช่วยให้ตลาดมีการขยายตัวได้ดีขึ้น” นางนลินรัตน์ กล่าว
สำหรับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีคาดว่า หลายๆ บริษัทต้องเร่งระบายสินค้าที่มีอยู่ โดยวิเคราะห์จากความต้องการที่แท้จริง เพราะการพึ่งตลาดต่างชาติอาจไม่ได้หวือหวาเหมือนเมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมาโดยเฉพาะตลาดจีนและฮ่องกง และการหันไปปรับแผนการลงทุนสู่ธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้ระยะยาวมากขึ้น เช่น การลงทุนในธุรกิจโรงแรม อาคารสำนักงาน หรือลงทุนในต่างประเทศ การขายที่ดินบางแปลงที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ออกจากบริษัท หรือแม้แต่ในที่ดินที่ซื้อมาแล้วก็อาจปรับแผนพัฒนาโครงการจากตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการขายเป็นตลาดเพื่อการลงทุนระยะยาวมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บัตรเดียวจบ… ครบทุกเรื่องช่าง
คอลัมน์ผ่ามุมคิด
ธุรกิจวัสดุก่อสร้างเป็นอุตสาหกรรมต้นนํ้าที่สำคัญของภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากข้อมูลของศูนย์วิจัยทางเศรษฐกิจหลากหลายสำนักพูดไปในทิศทางเดียวกันว่าธุรกิจวัสดุก่อสร้างจะเติบโตไปในทิศทางที่ดี ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการในการใช้วัสดุก่อสร้างภายในประเทศ ไม่เพียงแต่เมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐแต่ยังรวมไปถึงโครงการบ้านและที่อยู่อาศัย ทำให้การเกิดขึ้นของผู้รับเหมาก่อสร้างเติบโตตามขึ้นมาด้วย ดังนั้นหลายบริษัทจึงคิดช่องทางส่งเสริมธุรกิจก่อสร้างตอบโจทย์เงินทุน เติมเต็มโดยเฉพาะผู้รับเหมา
จากการพูดคุย นายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจจัดจำหน่ายและช่องทางการค้าปลีก บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่าในปีนี้รวมถึงปีหน้าคาดว่าการเติบโตของกลุ่มช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะรายย่อยจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่สำคัญในการทำให้ธุรกิจก่อสร้างเกิดปัญหาคือสภาพคล่องของเงินทุนในการซื้อวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นแกนหลักในการจัดการคือจะทำอย่างไรให้กลุ่มช่างเหล่านี้มีแหล่งเงินทุนที่ถูกกฎหมาย
ด้วยความสำคัญดังกล่าวจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการจับมือระหว่าง 2 พันธมิตร คือ “เอสซีจี” ผู้นำในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และ “เคทีซี” ผู้นำธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อจัดทำและนำเสนอ บัตรเครดิต “KTC-SCG VISA Purchasing” โดยชูแนวคิด “บัตรเดียวจบ ครบทุกเรื่องช่าง” กล่าวได้ว่าเป็นบัตรแรกและบัตรเดียวของไทยที่เจาะกลุ่มตลาดช่างและผู้รับเหมาก่อสร้าง
นายวิโรจน์ สะท้อนว่าความร่วมมือนอกจากมิติของการสร้างแหล่งทุนที่ถูกกฎหมาย เพิ่มสภาพคล่องแล้ว ยังจัดการกับปัญหาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินและร้านวัสดุก่อสร้าง ที่สำคัญได้ทำให้กลุ่มช่างรายย่อยหลีกหนีจากการใช้เงินทุนนอกระบบ อันนำมาสู่การเพิ่มภาระต้นทุน และเข้าสู่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือ การทิ้งงานนั่นเอง อย่างไรก็ดีบัตรเครดิตร่วมดังกล่าวสามารถใช้บริการผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายของเอสซีจีได้ทั่วประเทศกว่า 130 ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าย่อย 100,000 ราย มองดูแล้วยังมีโอกาสที่จะเพิ่มสภาพคล่องให้กับกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งกลุ่มช่างรายย่อยรายใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้นในตลาดธุรกิจก่อสร้างในอนาคต
ดังนั้นการจัดการด้านต้นทุนเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการก่อสร้าง ฉะนั้นความร่วมมือครั้งนี้นอกจากแสดงออกถึงการตอบโจทย์การเพิ่มแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายให้กับกลุ่มช่างและผู้รับเหมารายย่อยแล้ว ยังถือเป็นการช่วยสนับสนุนให้ผู้รับเหมาไทยมีโอกาสพัฒนาวงการก่อสร้างในอนาคตไม่ได้จบอยู่แค่เรื่องบ้านแต่ยังควบรวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
ขณะ KTC เอง ได้ระบุว่ายินดีให้ความร่วมมือเพราะต้องการช่วยให้เกิดความคล่องตัว โดยครึ่งแรกของปี 2562 มีกลุ่มช่างรายย่อยถือบัตรดังกล่าวแล้วกว่า 1,000 ราย มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่อนุมัติแล้วเป็นจำนวนสูงถึง 100 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อบัตรมียอดใช้ประมาณ 500,000 บาทต่อใบซึ่งผู้ที่ได้รับการอนุมัติส่วนใหญ่ไม่เคยเข้าถึงการเงินในรูปแบบบัตรเครดิตมาก่อน ถือว่าตอบโจทย์ในเรื่องของแหล่งเงินทุนและเพิ่มสภาพคล่อง โดยในช่วงไตรมาส 3 และปลายปี 2562จากนี้ตั้งเป้าเพิ่มกลุ่มช่างรายย่อยอีก 500 ราย โดยวางยอดใช้จ่ายรวมไว้ที่ 200 ล้านบาท
ด้านวงเงินที่อนุมัติสูงสุดถึง 1 ล้านบาทต่อราย มีจุดเด่นในด้านระยะเวลาในการปลอดดอกเบี้ยที่นานสูงสุดถึง 45 วัน อีกทั้งยังมีสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น คะแนนสะสม บริการผ่อนชำระเป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้การสั่งซื้อเกิดความสะดวกสบายและมีความทันสมัยสอดรับกับยุคดิจิทัล กลุ่มช่างรายย่อยสามารถโทร.สั่งสินค้าและชำระเงินผ่านฟังก์ชัน KTC QR Pay ผ่านแอพพลิเคชัน“KTC Mobile” โดยไม่ต้องไปชำระค่าสินค้าด้วยตนเองที่ร้านค้า ในขณะที่ร้านค้าเองก็มั่นใจได้ว่าสินค้าที่สั่งซื้อดังกล่าวได้รับการชำระเรียบร้อยแล้ว โดยตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชัน “KTC Tap Merchant”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทิสโก้หั่นเศรษฐกิจโต2.9%คาดกระตุ้นช่วยไม่ได้
ทิสโก้ปรับเป้าเศรษฐกิจปี 2562 จาก 3.5% เหลือ 2.9% ชี้ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า-มาตรการกระตุ้นภาครัฐฯช่วยได้ไม่มาก
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินรวม 3.16 แสนล้านบาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2562 นั้น TISCO ESU ประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวอาจช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ได้ไม่เต็มที่นัก เพราะเม็ดเงินส่วนใหญ่ 2.07 แสนล้านบาท เป็นการพึ่งพิงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินของรัฐฯ ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูงในการเบิกใช้วงเงิน
ในขณะที่เม็ดเงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยตรงอย่างการให้เงินช่วยเหลือค่าครองชีพ และเม็ดเงินกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนในประเทศ รวมกันจำนวนประมาณ 4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีราว 0.2% เท่านั้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอที่จะหนุนให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้เกิน 3% ตามเป้าหมายของภาครัฐฯ ได้
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. มาตรการบรรเทาค่าครองชีพ ผ่านบัตรสวัสดิการรัฐขยายระยะเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน รวมถึงมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นของกองทุนหมู่บ้าน 2. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร โดยช่วยลดดอกเบี้ยรวมถึงขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย, มาตรการปล่อยสินเชื่อ และโครงการช่วยเหลือเงินต้นทุนเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปี และ 3. มาตรการเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ โดยสนับสนุนการบริโภคผ่านเงินช่วยเหลือการท่องเที่ยวในประเทศ, ส่งเสริมการลงทุนผ่านการลดภาษีใช้จ่ายซื้อเครื่องจักร, สนับสนุน SMEs ผ่านการให้สินเชื่อจากกองทุน และสถาบันการเงินของรัฐ รวมถึงส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อบ้าน
“จะสังเกตได้ว่ามาตรการส่วนใหญ่จะใช้เม็ดเงินมาจากสถาบันการเงินของรัฐฯซึ่งแน่นอนว่าขั้นตอนการปล่อยสินเชื่อ และการลดดอกเบี้ยนั้น สถาบันการเงินต่างๆ จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อธุรกิจในระยะยาว ดังนั้น อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าเงินจะเข้าสู่ระบบ และมีความไม่แน่นอนสูงในการเบิกใช้วงเงิน” นายคมศรกล่าว
ดังนั้น ในช่วงครึ่งหลังของปี TISCO ESU คาดว่า GDP ของไทยจะขยายตัว 3.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ซึ่งแม้จะดูดีขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ขยายตัว 2.6% YOY แต่การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นนี้ก็เป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในช่วงปลายปีที่แล้ว ประกอบกับโมเมนตัมการขยายตัวของเศรษฐกิจยังนับว่าอ่อนแอลงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถูกกดดันจากสงครามการค้า รวมทั้งความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้ง การอนุมัติงบประมาณล่าช้า และการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว TISCO ESU จึงประเมินว่า GDP ทั้งปี 2562 จะโตได้เพียง 2.9% YOY ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 3.5% YOY ส่วนในปี 2563 มองเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำต่อเนื่องที่ 3.1% YOY
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ดื่มปัสสาวะรักษาโรค ไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์ยืนยัน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเตือนการดื่มปัสสาวะนอกจากจะไม่สามารถรักษาโรคได้แล้วอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆในร่างกาย แนะยาที่สามารถรักษาโรคได้ดีที่สุด คือการดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยเน้นโภชนาการที่ดี พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหากพบความผิดปกติของร่างกายให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาที่ถูกต้อง
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจากที่มีกลุ่มบุคคลเปิดเผยตนเอง ว่า ดื่มน้ำปัสสาวะเป็นประจำแล้วรู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้น จึงเกิดกระแสตื่นตัวทางโลกออนไลน์ขึ้น ว่าการดื่มน้ำปัสสาวะ เสมือนยาอายุวัฒนะ บำบัดโรคร้ายได้นั้น แต่สำหรับความจริงแล้วการใช้น้ำปัสสาวะบำบัดไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์และคลินิกที่น่าเชื่อถือรองรับ ซึ่งหากนำมาใช้โดยไม่ระวังอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งปัจจุบันวิทยาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจึงมีทางเลือกในการรักษาโรคหลากหลายช่องทาง ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก ดังนั้นจึงควรตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษาเป็นสำคัญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายมุ่งเน้นทางด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟูภาวะความเจ็บป่วย โดยมีโรงพยาบาลที่ให้บริการรักษาโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทางแก่ประชาชนอยู่ทั่วประเทศ จึงอยากให้ประชาชนเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยหรือปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในโรงพยาบาลในพื้นที่ เพราะการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นวิธีการรักษาโรคที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพมากกว่าทางเลือกอื่น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเน้นย้ำต่อไปว่า สำหรับวิธีรักษาโรคที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด ไขมันสูง กินผักและผลไม้ให้มาก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ตรวจสุขภาพประจำปี ในกรณีหากพบความผิดปกติของร่างกาย ต้องรีบพบแพทย์ใกล้บ้านและรักษาและปฏิบัติตัวภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื่องจากน้ำปัสสาวะเป็นของเสียหรือสารที่เป็นส่วนเกินของร่างกายที่ไตขับออกมา แม้ว่าจะมีสารต่าง ๆ อยู่มาก ทั้งยูเรีย เกลือแร่ แคลเซียม และโซเดียมคลอไรด์ รวมถึงสารอื่น ๆ แต่สารเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกินความต้องการของร่างกาย หากสะสมไว้มากเกินไปกลับจะเป็นอันตรายต่อร่างกายเช่นเกิดภาวะความดันโลหิตสูง น้ำท่วมปอด หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นต้น ร่างกายจึงขับทิ้งตามระบบ ดังนั้นหากดื่มกลับเข้าไปซ้ำอีก จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย นอกจากนี้น้ำปัสสาวะที่ขับออกมายังอาจปนเปื้อน อุจจาระ ทำให้มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ อย่างเชื้อบิด อาจติดต่อไปยังผู้อื่นที่นำน้ำปัสสาวะนั้นมาดื่ม นอกจากนี้ไตซึ่งทำหน้าที่กลั่นกรองของเสียออกจากร่างกาย ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพราะต้องขับของเสียออกซ้ำและอาจเกิดการคั่งค้างของสารต่าง ๆในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ หรือโรคที่ต้องควบคุมปริมาณน้ำ แร่ธาตุ และสารอาหารให้เหมาะสม อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
บูลลี่ bully คืออะไร? ทำความเข้าใจคำว่า “บูลลี่”
เคยได้ยินคำว่า “บูลลี่” กันไหมคะ บางคนอาจเคยและไม่เคยได้ยิน และเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมคะว่าคำว่า บูลลี่ bully คืออะไร? วันนี้ทีนเอ็มไทยจะพาไปรู้จักความหมายของคำคำนี้กันบูลลี่ bully คืออะไร?
คำว่า “บูลลี่” คือ พฤติกรรมกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่าและมักเกิดขึ้นในโรงเรียนเกือบทั่วโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทยการถูก บูลลี่ ไม่ใช่เรื่องปกติ
ประโยคที่ว่า “แค่เด็กแกล้งกันเล่น” คำนี้ฟังดูเบาสำหรับผู้ใหญ่ แต่ในสังคมของเด็กนั้น เป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาได้เลยนะคะเพราะนั่นหมายความว่าเด็กคนหนึ่งกำลังถูกทอดทิ้ง และจะโดนกลั่นแกล้งแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นปมในวัยเด็ก
กลุ่มเด็กที่มักถูก เพื่อนบูลลี่ เป็นประจำ
เด็กที่ชอบกลั่นแกล้งเพื่อน มักมุ่งเป้าไปที่เด็กย้ายเข้ามาใหม่ หรือเด็กที่มีข้อบกพร่องอื่นๆ เช่น หน้าตารูปลักษณ์ไม่ดี ผลการเรียนไม่ดี รวมไปถึงฐานะครอบครัว จนเด็กเกิดคำถามว่า แกล้งฉันทำไม? ฉันไปทำอะไรให้เธอ? และยิ่งหากไม่มีผู้ใหญ่เข้าใจ ยื่นมือมาปกป้อง เด็กกลุ่มนี้ก็จะถูกรักแกอยู่แบบนี้
วิธีแก้ปัญหาการถูกเพื่อนบูลลี่
หนึ่งในวิธีสำคัญต้องไม่ใช่ แค่การลงโทษ แต่คือ “การพูดคุย” ผู้ใหญ่คือตัวอย่างของเด็กๆ เสมอ ไม่ว่าจะดีและไม่ดี ดังนั้นจึงควรเข้ามาช่วยเด็กๆ ปรับความเข้าใจ ใช้ความอ่อนโยนพูดคุยให้พวกเขาเห็นว่าพฤติกรรมบูลลี่นี้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในสังคม และให้เวลาพวกเขาในการปรับปรุงตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com
ทีโอที เปิดสนามเยาวชน TDYT เสนอนวัตกรรมตอบโจทย์อุตสาหกรรม
ทีโอที เปิดสนามเยาวชน TDYT เสนอแนวคิดและผลงานนวัตกรรมตอบโจทย์ความต้องการ ของภาคอุตสาหกรรม
ดร.มนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดกิจกรรมนำเสนอโครงการโดยนักศึกษาภายใต้โครงการ”Thailand Digital Young Talent Development Project”(TDYT) รุ่นที่ 1 โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(depa) และสถาบันวิชาการ ทีโอที เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านดิจิทัลให้มีความพร้อมก่อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม มีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ 89 คน โดยได้ร่วมฝึกงานและพัฒนาโครงการของสถานประกอบการรวม 28 โครงการ ทั้งนี้ ได้มีการนำข้อเสนอโครงการต่อทีมคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อรับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์และนำไปพัฒนาโครงการร่วมกับสถานประกอบการต่อไป
ทั้งนี้ โครงการ Thailand Digital Young Talent Development Project เป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยมี 10 สถาบันการศึกษา และ 14 สถานประกอบการ ร่วมกันพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์สู่ยุค Digital Thailand โดยมุ่งเน้นพัฒนาสมรรถนะกำลังคนด้านดิจิทัลให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ/ปริมณฑล และพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยในระยะแรกตั้งเป้าหมายพัฒนานักศึกษา 200 คน เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลด้วยการเรียนรู้จากอุตสาหกรรมจริงจากผู้ประกอบการในพื้นที่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 22,150.00 | 22,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,435.00 | 21,754.60 | 22,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,291.50 | 19,579.14 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,148.00 | 17,403.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 646.00 | 9,793.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 502.00 | 7,610.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,487.00 | 22,542.92 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/08/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.34 | 24.34 | 24.34 | 24.34 | 24.34 | – | 24.34 | 24.34 | 24.34 | 24.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.89 | 19.89 | – | – | – | – | – | 19.89 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.76 | – | – | – | 35.21 | – | 35.26 | 35.06 | – | 35.06 |
ดีเซล | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 24.79 | 24.79 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.66 | 15.66 | – | – | – | – | – | – | – | – |