อสังหาฯก.ค.62 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยแพงขึ้น
ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเดือนกรกฎาคม 2562 มีการเปิดตัวลดลง โดยมีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 33 โครงการ ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2562 จำนวน 14 โครงการ ทำให้มีจำนวนหน่วยขายและมูลค่าโครงการลดลงตาม โดยลักษณะการพัฒนาเป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัย 32 โครงการ และอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อีก 1 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายรวม 8,379 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 43,719 ล้านบาท
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส กล่าวว่าในภาพรวมโครงการที่เปิดขายใหม่ในเดือนนี้จะมีจำนวนหน่วยขาย มูลค่าโครงการลดลง แต่ราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตเพิ่มขึ้น ประมาณ 27% เนื่องจากมีหน่วยขายที่มีราคาขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 4,883 หน่วย หรือประมาณ 58% ของหน่วยขายทั้งตลาด ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 5.218 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 4.127 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้สูงมากขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 23% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 20% ต่อเดือน โดยประเภทที่มีอัตราการขายได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาดคืออาคารชุดราคา 10-20 ล้านบาท จำนวน 212 หน่วย ขายได้แล้ว 147 หน่วย (69%) รองลงคือ บ้านแฝดระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 180 หน่วย ขายได้แล้ว 98 หน่วย (54%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 1-2 ล้านบาท จำนวน 1,019 หน่วย ขายได้แล้ว 361 หน่วย (35%)
ในด้านทำเลที่ตั้ง จะพบว่าในเดือนนี้มีโครงการที่เปิดตัวใหม่และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นในจำนวน 9 โครงการ ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) จำนวน 16โครงการ เช่น ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา ถนนประชาอุทิศ ถนนเพชรเกษม ถนนกัลปพฤกษ์ ถนนกาญจนาภิเษก และถนนพระราม 2 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีก 8 โครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกซึ่งใกล้แหล่งงาน และชุมชนที่อยู่อาศัยในย่านนั้น เช่น ย่านถนนพุทธมณฑสาย 5 ย่านคลองหลวง ย่านรังสิต-ลำลูกกา และหนองจอก เป็นต้น
หากพิจารณาจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมของปีนี้ เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาจะพบว่า ในปีนี้มีจำนวนโครงการลดลง 5 โครงการ (18%) มีจำนวนหน่วยขายลดลง 326 หน่วย (-4%) แต่มีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น 3,057 ล้านบาท (7%) และมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 4.641 ล้านบาท เป็น 5.218 ล้านบาท (11.7%)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ปิดประตูตีแมว อ่วมอสังหาฯ ‘เมืองนนท์’
คอลัมน์ผ่ามุมคิด
เมื่อผังเมืองใหม่จังหวัดนนทบุรีชัดเจน ยึดโยงภาพใหญ่ประเทศ เปลี่ยนเงื่อนไขรายละเอียดของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซํ้าเติมวิกฤติเก่า แม้ข้อดีคุมกำเนิดโครงการเกิดใหม่ ช่วยระบายสต๊อกคอนโดฯสายสีม่วงค้างเก่านับหมื่นหน่วย แต่อีกแง่ นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ ฐานะนายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี ระบุถึงผู้ถือครองที่ดินลมจับเพราะผุดโครงการใหม่ไม่ได้ แต่กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกำลังจะประกาศใช้อีกตัว ประกอบกับราคาประเมินที่ดินใหม่ ขยับทุกปี 10-15% เป็นภาระก้อนใหญ่ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ประเมินภาพรวมLTV กระทบตลาด เจ้าไหนต้นทุนที่ดินถูกได้เปรียบ…
ภาพรวมอสังหาฯนนท์
ภาพรวมตลาดอสังหาฯในจังหวัดนนทบุรี ขณะนี้คาดมีซัพพลายคอนโดฯบริเวณรถไฟฟ้าสายสีม่วงค้างเก่ารอระบายประมาณ 8 พัน-1 หมื่นหน่วย ขณะเดียวกันช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้น จากสถานการณ์ตลาดที่ไม่ดียาวนาน 3-4 ปี หลังจากโครงการรถไฟฟ้าไม่ประสบความสำเร็จเหมือนที่คิด ส่วนยอดขายที่มีในกลุ่มราคามากกว่า 1 – 2 ล้านบาทพบถูกรีเจ็กต์ (ปฏิเสธสินเชื่อ) นับ 30% ทำให้ดีเวลอปเปอร์แย่เกือบทุกราย แม้ราคาขายในตลาดอยู่ในระดับ 5-8.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตรเท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสวนทาง คือ ราคาที่ดินที่ถูกรถไฟฟ้าดึงขึ้นไป พบปัจจุบันบางแปลงมีราคาซื้อ-ขาย 2.5-3 แสนบาทต่อตารางวา (ซ้าย-ขวา แนวรถไฟฟ้า) ถูกสุดไม่ตํ่ากว่า 1 แสนบาทต่อตารางวา (ราชพฤกษ์-สาทร)
ผังเมืองใหม่อุปสรรคใหญ่
ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า ผังเมืองจังหวัดนนทบุรีฉบับใหม่ จะถูกประกาศใช้ในช่วงปลายปีนี้ ยื่นแก้ไขไม่ทัน เบื้องต้นมีความกังวลในเงื่อนไข FAR (สัดส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน) ที่ถูกลดลงเหลือสูงสุดเพียง 7:1 ในโซนพื้นที่สีแดง ซึ่งมีไม่กี่พื้นที่เท่านั้น เพราะเดิมทีมี FAR สูงสุดที่10:1 ทำให้ผู้พัฒนาใช้พื้นที่ได้น้อยลง ประการต่อมา คือ การกำหนดเงื่อนไขขึ้นตึกสูง ได้เฉพาะในซอยที่มีความกว้าง 10-12 เมตร แต่ซอยส่วนใหญ่ในพื้นที่มีขนาดซอยกว้างเฉลี่ยที่ 5-7 เมตรเท่านั้น ทำให้คอนโดฯเกิดใหม่ คงกระจุกตัวได้แค่แนวรถไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งหมายรวมถึงทำเลรถไฟฟ้าสายใหม่สีชมพูด้วย (ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ) เงื่อนไขทั้ง 2 ส่วน เท่ากับเป็นการตัดโอกาส การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลที่มีศักยภาพในอนาคตด้วย โดยขณะนี้สมาคมอยู่ระหว่างศึกษาผังเมืองรวมของประเทศซึ่งยึดโยงกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และยุทธศาสตร์ย่อย 5 ปี เพื่อขอเสนอปรับเปลี่ยนให้มีความสอดคล้องกับสิ่งที่เป็น แต่คาดต้องใช้เวลาอีกระยะ 2ปี
“สายสีชมพู เข้าซอยกลับสร้างไม่ได้ ควรใช้หลักการเดียวกับสายสีม่วง กำหนดแนว 300เมตร จากแนวรถไฟฟ้า ซ้าย-ขวา ขึ้นตึกสูงได้เหมือนเดิม”
ปิดประตูตีแมว
นายเลิศมงคล ยังระบุอีกว่า ไม่เพียงแต่ผลกระทบจากผังเมืองใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563ผู้พัฒนา ต้องเผชิญกับกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย ซึ่งเดิมการถือครองที่ดินโดยไม่สามารถขึ้นโครงการใหม่ได้นั้น ก็สร้างความเดือดร้อนให้ผู้พัฒนา ระดับหนึ่งอยู่แล้ว การถูกเรียกเก็บภาษี โดยรัฐจะใช้ตัวเลขจากราคาประเมินที่ดินใหม่ซึ่งมีการปรับขึ้นปีละ 10-15% เป็นตัวคำนวณ ยิ่งจะสร้างผลกระทบให้กับผู้ถือครองที่ดิน ลักษณะ “ปิดประตูตีแมว” ผู้พัฒนาหาทางออกไม่เจอ ขณะเดียวกัน อนาคตจะเป็นการสร้างภาระให้กับผู้บริโภคเพราะภาษีทุกบาทที่ผู้พัฒนาถูกเรียกเก็บ จะกลายเป็นต้นทุนของราคาขาย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คลังหวังเงินชิมช้อปใช้เข็นจีดีพีโตได้ 0.2%
คลังลุ้นมาตรการชิมช้อปใช้ 2 หมื่นล้านบาท กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศคึกคัก ดันจีดีพีขยับเพิ่ม 0.2%
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า มีการประเมินว่ามาตรการชิมช้อปใช้ วงเงินดำเนินการ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ผลักดันออกมานั้น จะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกิดการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น และมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.1-0.2%
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค. 2562 พบว่า เริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากปัจจัยสนับสนุนด้านอุปสงค์จากการส่งออกกลับมาขยายตัวได้ในรอบ 5 เดือน โดยขยายตัวที่ 4.3% ต่อปี โดยสินค้าส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เครื่องนุ่งห่ม รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผัก ผลไม้สดแช่แข็งและแปรรูป ยางพารา
ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนภาคเอกชนก็ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จากปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 17.5% ต่อปี ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งกลับมาขยายตัว 0.8% ต่อปี และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัว 11.5% ต่อปี ส่วนยอดภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวติดลบ 9.1% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 62.2 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า
ด้านการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ สะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือน ก.ค. 2562 ขยายตัว 4.7% ต่อปี คิดเป็น 3.33 ล้านคน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาขยายตัวได้ในรอบ 5 เดือน โดยขยายตัวที่ 5.8% ต่อปี ขณะที่นักท่องเที่ยวประเทศอื่นยังคงขยายตัวได้ดี อาทิ อินเดีย ลาว และมาเลเซีย เป็นต้น ส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ อยู่ที่ 1.67 แสนล้านบาท ขยายตัว 3.1% ต่อปี
สำหรับภาคเกษตรขยายตัวได้ 0.2% ต่อปี ขณะที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ติดลบ 3.2% ต่อปี เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ 93.5 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับภัยแล้ง ซึ่งส่งผลต่อภาคการผลิต และเรื่องสงครามการค้า ซึ่งอาจมีผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
เตือนดูแลบุตรหลาน ระวังป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ระวังป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ จากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) โรคนี้พบมากในช่วงฤดูฝน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยทั่วไปเชื้อไวรัส RSV ไม่ใช่ไวรัสที่เป็นอันตรายรุนแรงในคนปกติ มักจะเป็นการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนซึ่งอาจทำให้มีอาการไอหรือมีอาการคล้ายโรคหวัดทั่วไปเท่านั้น เด็กโตและผู้ใหญ่จะมีระบบภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรงไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการหายใจมากจนถึงขั้นที่เป็นอันตราย ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่อาการจะดีขึ้นหลังการรักษา 1-2 สัปดาห์ แนะล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งผู้ติดเชื้อ หากอาการไม่ดีขึ้นรีบไปพบแพทย์ทันที
นายแพทย์อัษฏางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนในประเทศไทยมักพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) โดยเชื้อไวรัสนี้ติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก เสมหะของผู้ป่วย เป็นต้น โดยเชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา จมูก ปาก และจากการสูดหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศในรูปละอองฝอยจากการไอ จามของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังสัมผัสถูกเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4-6 วัน และเมื่อป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อได้นาน 3-8 วัน
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัส RSV ขั้นรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อชีวิต ได้แก่ ทารกที่คลอดก่อนกำหนด เด็กเล็กที่เป็นโรคหัวใจหรือโรคปอดตั้งแต่กำเนิด เด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น เด็กที่ได้รับเคมีบำบัดหรือได้รับการปลูกถ่ายกระดูก ทารกที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กที่แออัด ผู้ใหญ่ที่เป็นโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ หรือเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่เข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่เป็นโรคลิวคิเมียหรือผู้ติดเชื้อ HIV หรือเอดส์ เป็นต้น อาการโดยทั่วไปอาจจะเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่อาการจำเพาะของเชื้อนี้ที่มักพบในเด็กเล็กคือ หลอดลมฝอยอักเสบ โดยเริ่มแรกจะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จนถึงอาการรุนแรง เช่น หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม ได้ยินเสียงปอดผิดปกติ เสียงหายใจดังวี้ด รับประทานอาหารได้น้อย และซึมลง ซึ่งการรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ
สถานการณ์โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี องค์การอนามัยโลก ประมาณการว่า พบเด็กอายุต่ำกว่า5 ปี ทั่วโลกติดเชื้อ RSV ถึงปีละ 33.8 ล้านราย เสียชีวิต 160,000 ราย สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคทางห้องปฏิบัติการย้อนหลัง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ในปี 2560 เชื้อไวรัส RSV จะระบาดในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนตุลาคม โดยพบผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 9 แห่ง (โครงการ WHO RSV Surveillance Project) จำนวน 1,935 ราย ติดเชื้อ RSV 148 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.65 และปี 2561 จำนวน 968 ราย ติดเชื้อ RSV 115 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.88
ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี แต่สามารถปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส โดยการ ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่และน้ำสะอาด ควรสอนให้เด็กๆล้างมืออย่างถูกต้อง และรักษาสุขอนามัยส่วนตัว หลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่น ไม่ควรพาเด็กไปเล่นในที่ที่มีเด็กเล่นอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ผู้ป่วยควรงดการออกนอกบ้านในช่วงที่ไม่สบาย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น และควรปิดปากปิดจมูกเวลาไอจาม ทำความสะอาดบ้าน และของเล่นเด็กเป็นประจำ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง เมื่อบุตรหลานมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
จับสลากวันนี้มีระทึกแน่!!! ครบแล้ว 32 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2019/20
สรุปทีมที่ได้เข้ารอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019/20 และ ทีมในโถต่างๆ ที่จะใช้จับสลากในวันนี้ (29 สิงหาคม)
โดยเกมรอบเพลย์ออฟ รอบสุดท้าย เพิ่งจบลงไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ได้โฉมหน้าทีมครบทั้ง 32 ทีมเป็นที่เรียบร้อย โดยที่จะต้องไปจับสลากแบ่งกลุ่มซึ่งมีทั้งหมด 4 โถ ดังต่อไปนี้
***โถที่ 1
– ลิเวอร์พูล (แชมป์เก่า)
– เชลซี (แชมป์ยูโรปา ลีก)
– บาร์เซโลน่า
– แมนฯ ซิตี้
– ยูเวนตุส
– บาเยิร์น มิวนิค
– ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
– เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
***โถที่ 2
– เรอัล มาดริด
– แอต.มาดริด
– ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
– โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
– นาโปลี
– ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค
– อาแจ็กซ์
เบนฟิก้า
***โถที่ 3
– โอลิมปิก ลียง
– ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
– ซัลซ์บวร์ก
– โอลิมเปียกอส
– คลับ บรูช
– บาเลนเซีย
– อินเตอร์ มิลาน
– ดินาโม ซาเกร็บ
***โถที่ 4
– โลโคโมทีฟ มอสโก
– เรดสตาร์ เบลเกรด
– เกงค์
– กาลาตาซาราย
– ไลป์ซิก
– สลาเวีย ปราก
– อตาลันต้า
– ลีลล์
ทั้งนี้การจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม จะมีขึ้นในช่วงเวลาดึกวันนี้ โดยเงื่อนไขการจับสลากแบ่งในรอบนี้ ทีมจากลีกเดียวกันจะไม่สามารถถูกจับไปอยู่กลุ่มเดียวกันได้ รวมถึงทีมจากรัสเซียจะไม่ถูกจับไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับทีมจากยูเครนเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
‘ฟูจิตสึ’ รุกตลาด โน้ตบุ๊ก-สแกนเนอร์ ตั้งเป้าสิ้นปีชิงแชร์ 30%
ฟูจิตสึ รุกตลาดโน้ตบุ๊ก-สแกนเนอร์ เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ภาครัฐ ธนาคาร โรงพยาบาลและสถานศึกษา ตั้งเป้าสิ้นปีชิงแชร์ตลาด 30% หวังทิ้งห่างอันดับสอง
นายพรชัยพงศ์ เอนกกุล ผู้อำนวยการฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและพันธมิตรธุรกิจโซลูชันบริษัทฟูจิตสึ(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริการและผลิตภัณธ์ของฟูจิตสึนั้นประกอบด้วยบริการแอพพลิเคชันโซลูชันสำหรับการบริการจัดการ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure) ให้กับองค์กรต่างๆ รวมไปถึงบริการลาวด์คอมพิวติ้งเป็นหลัก ฟูจิตสึเน้นโฟกัสการทำตลาดใน 4 กลุ่มธุรกิจ คือ ภาครัฐ ธนาคาร โรงพยาบาล และการศึกษา ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของผลิตภัณฑ์สแกนเนอร์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เน้นทำตลาด ได้แก่ สแกนเนอร์, โน้ตบุ๊กสำหรับองค์กร และบริการเซิร์ฟเวอร์สตอเรจ โดยผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กและสแกนเนอร์ของฟูจิตสึเติบโตปีละประมาณ 5% ขณะที่เซิร์ฟเวอร์สตอเรจเติบโตปีละ 20% ซึ่งผลิตภัณฑ์สแกนเนอร์ A3-A4 มียอดการจำหน่ายอยู่ที่ราว 11,000 เครื่องต่อปี
“ทั้งนี้สำหรับรายได้รวมของฟูจิตสึประเทศไทยอยู่ที่ราว 3,500 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์ของฟูจิตสึนั้นอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจที่มีการใช้บริการคลาวด์สตอเรจมากขึ้นทำให้ในปีนี้ฟูจิตสีตั้งเป้าเติบโตของรายได้รวมอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า10% โดยคาดว่าบริการเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจจะมีการเติบโตมากที่สุด”
ปัจจุบันฟูจิตสีมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ราว 24-25% ขณะที่อันดับ 2 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ราว 20% ซึ่งยังห่างไม่มาก ฟูจิตสึจึงต้องการที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นโดยตั้งเป้าสิ้นปีจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30% โดยเน้นการทำตลาดสแกนเนอร์และโน้ตบุ๊กด้วยผลิตภัณฑ์สแกนเนอร์รุ่นเรือธง fi7900, fi7800 และ iX1500 และโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุด FUJITSU LIFEBOOK U939 วางจำหน่ายในราคา 50,000 บาท และ FUJITSU LIFEBOOK U939X วางจำหน่ายในราคา 55,000 บาท ที่จะเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลักเพระมีความต้องการในการสั่งซื้ออยู่แล้วโดยจะจำหน่ายเป็นอุปกรณ์สำหรับการบริการ (Device as a service) ให้กับองค์กร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 22,250.00 | 22,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,441.00 | 21,845.56 | 22,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,296.90 | 19,661.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,152.80 | 17,476.45 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 648.00 | 9,823.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 504.00 | 7,640.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,493.00 | 22,633.88 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/08/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 | 27.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 | 27.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.34 | 24.34 | 24.34 | 24.34 | 24.34 | – | 24.34 | 24.34 | 24.34 | 24.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.89 | 19.89 | – | – | – | – | – | 19.89 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.76 | – | – | – | 35.21 | – | 35.26 | 35.06 | – | 35.06 |
ดีเซล | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 | 25.79 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 24.79 | 24.79 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.66 | 15.66 | – | – | – | – | – | – | – | – |