สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 16 กันยายน 2562

เจาะพื้นที่ ‘อันตราย’  บ้านว่างมากสุด  ‘นนทบุรี’ ยืนหนึ่ง 

คอลัมน์พร็อพเพอร์ตีโฟกัส

ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์สฯ หรือ AREA เปิดพื้นที่ๆอันตราย ที่มีสัดส่วนบ้านว่างมากเป็นพิเศษ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อันดับที่ 1 คือพื้นที่ นนทบุรี มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 335,421 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 45,848 หน่วย หรือคิดเป็น 14% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ  7 หน่วย 

อันดับที่ 2 คือพื้นที่ บางนา มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 231,192 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 31,289 หน่วย หรือคิดเป็น 14% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ  7 หน่วย และอันดับที่ 3 คือพื้นที่ บางใหญ่ มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 221,492 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 28,016 หน่วย หรือคิดเป็น 13% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ  8 หน่วย

ถ้าเจาะลึกลงไปตามประเภทที่อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ จะพบว่าห้องชุดในแทบทุกระดับราคาเฉพาะใน
พื้นที่บางใหญ่ บางพลี บางนา มีนบุรี บางกะปิ นนทบุรี บางเขน บางบัวทอง และคลองเตย มีความน่าห่วงใยมาก เพราะมีสัดส่วนห้องชุดที่เป็นบ้านว่างมากถึง 13.5- 17.5% กล่าวคือ ในห้องชุดทุก 6 หน่วย จะมีผู้เข้าอยู่อาศัย 5 หน่วย และอีก 1 หน่วยเป็นบ้านว่าง สินค้าห้องชุดในพื้นที่นี้มีโอกาสที่จะมาขายแข่งกับสินค้าใหม่ๆ ของผู้ประกอบการได้ ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร การลงทุนจึงมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ

สำหรับพื้นที่ที่ปลอดภัย มีบ้านว่างน้อย อันดับที่ 1 คือพื้นที่ บางพลี มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 198,272 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 16,674 หน่วย หรือคิดเป็น 8% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ  12 หน่วย  อันดับที่ 2 คือพื้นที่ มีนบุรี มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 226,940 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 19,976 หน่วย หรือคิดเป็น 9% ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ  11 หน่วย และอันดับที่ 3 คือพื้นที่ ลาดกระบัง มีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 156,375 หน่วย ไม่มีผู้อยู่อาศัย 14,009 หน่วย หรือคิดเป็น 9%
ซึ่งเท่ากับว่ามีบ้านว่าง 1 หน่วยในทุกๆ  11 หน่วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จี้รัฐคลายมาตรการเข้ม ทางรอดอสังหาฯไทย

ท่ามกลางอสังหาฯไทยปี2562 อยู่ในช่วงขาลง ผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์ เลือกกลุ่มลูกค้า เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ เฟ้นทำเลขายคล่องหนีความเสี่ยง ขณะที่กลุ่มคนซื้อมีความต้องการ แต่รายได้ไม่สู้ราคาบ้าน กู้สินเชื่ออนุมัติยาก ไม่ต่างจากกลุ่มผู้ซื้อนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ถูกมาตรการ LTV (อัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านเทียบกับมูลค่าบ้าน)คุมสัญญาที่ 2 แย่หนักกลุ่มคอนโดฯ ส่งผลซัพพลายเก่าและใหม่ระบายออกยาก ทั้งนี้ เว็บไซต์สำรวจและวิจัยพฤติกรรมคนซื้อ ต่างออกมาชี้แนะภาครัฐ ให้เร่งหามาตรการสนับสนุนกลุ่มต้องการบ้านหลังแรก พร้อมกับแนวทางกระตุ้นกำลังซื้อต่างชาติ โดยให้เหตุผลว่ากลุ่มคนซื้อยังมีสูง

ทั้งนี้เว็บไซต์สำรวจและเก็บข้อมูลวิจัยอสังหาริมทรัพย์ นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการบริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด (เว็บไซต์TerraBKK.com)สะท้อนมุมมอง ต่อภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี2562 ว่าคาดตลาดอยู่ในช่วงขาลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา เพราะผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวจากมาตรการLTVเร่งปรับกลยุทธ์ทำสินค้าออกมาให้ตอบโจทย์ลูกค้า และราคาให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2563 แต่อย่างไรก็ตาม พบตลาดยังคงมีโอกาส หากได้รับแรงกระตุ้นผ่านมาตรการต่างๆของภาครัฐ

 

เนื่องจากผลสำรวจ “พฤติกรรมการซื้อบ้าน ของคนไทย” จากกลุ่มตัวอย่าง402ราย ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พบกลุ่มผู้ซื้อในวัยต่างๆ ยังคงมีความต้องการครอบครองอสังหาฯ ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อลงทุน เก็บเป็นสินทรัพย์ โดย ผู้ที่มีรายได้ 1-3.5 หมื่นบาทต่อเดือนกว่า 43% เป็นกลุ่มที่ยังไม่มีการถือครองอสังหาฯ แม้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีเงินออมอยู่ในระดับตํ่า ขณะที่อีกราว 40-43% เป็นกลุ่มที่มีการถือครองอสังหา ริมทรัพย์เท่านั้นนอกจากนี้ยังพบคนกลุ่ม Gen Yตอนกลาง (อายุ 26-30 ปี) กว่า 55% ต้องการซื้ออสังหาฯหลังแรกเพื่อการอยู่อาศัยเอง ส่วนกลุ่มGen X (อายุ 36-54 ปี) และBaby Boomer (อายุมากกว่า54 ปี) มีแนวโน้มการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและเป็นสินทรัพย์ในอนาคตถึง55% ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าว สะท้อนว่า กลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 36 ปี ขึ้นไป มีการวางแผนทางการเงินด้วยการลงทุนในอสังหาฯเพราะมองว่าเป็นการออมเงินในสินทรัพย์ความเสี่ยงตํ่า และยังสามารถเก็บเป็นทรัพย์สินสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตไว้ให้ลูกหลานได้ด้วย

สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาตินั้นยังคงมีความน่าสนใจเช่นกัน หลังจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี2558-2562) อสังหาฯ ของประเทศไทย ยังคงรั้งอันดับ 4 สำหรับกลุ่มประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุด ผ่านการจัดอันดับของเว็บไซต์Globalpropertyguide.comเนื่องด้วยอัตราผลตอบแทน จากการให้เช่าสูงถึง 5.13%สูงกว่า มาเลเซีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ขณะที่ราคามีการเปลี่ยนแปลงราว16.29%ซึ่งปรับตัวน้อยกว่ามาเลเซีย ที่ราคาปรับตัวถึง 43.35% และญี่ปุ่นปรับตัวถึง 29.85% ส่งผลให้กำลังซื้อชาวจีนยังสนใจเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง

ฉะนั้น หากภาครัฐออกมาตรการสนับสนุนกำลังซื้อในกลุ่มต่างๆทั้งคนไทยและต่างชาติอย่างถูกจุดและผ่อนคลายมาตรการด้านสินเชื่อที่เข้มงวดลงคาดจะทำให้ตลาดฟื้นตัวดีขึ้นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หมดทางรมว.คลังยื้อลดภาษีมนุษย์เงินเดือน10%

หมดทางรมว.คลังยื้อลดภาษีมนุษย์เงินเดือน10%

รมว.คลัง สั่งตั้งคณะกรรมการศึกษาซื้อเวลาลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา 10% ตามที่หาเสียงไว้

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ที่นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังแต่งตั่ง เปิดเผยว่า คณะกรรมการได้มีการประชุมครั้งแรก ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร โดยได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานกลับไปดูรายละเอียดแนวทางการเก็บภาษีในปัจจุบันทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และของโลกหรือไม่ อะไรที่เป็นอุปสรรคต้องแก้ไข โดยหลายเรื่องแต่ละกรมภาษีได้มีการศึกษาไว้แล้ว

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ไปดูเรื่องการเชื่อมโยงภาษีของ 3 กรมภาษีเข้าด้วยกัน เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว อำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียภาษี และเกิดประโยชน์กับประเทศในการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น

“คงต้องใช้เวลาประชุมกันอีกหลายครั้ง เพราะเรื่องภาษีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นจากสังคม ว่าทิศทางการจัดเก็บภาษีของประเทศควรจะเป็นอย่างไร” นายประสงค์ กล่าว

นายประสงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ตามนโยบายหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ต้องมีการศึกษาในภาพรวม คงไม่สามารถสรุปได้ภายในปีนี้ เพราะว่าต้องทำให้เกิดความยุติธรรมกับผู้ประกอบการและประชาชน โดยประเทศไทยต้องการมีสวัสดิการที่ดี แต่ต้องการเสียภาษีน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่สวนทางกันกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ยุโรปมีสวัสดิการที่ดีมาก จากการเสียภาษีในอัตราสูง ขณะที่ไทยต้องการมีสวัสดิการที่ดี แต่ไม่ต้องการเสียภาษี

สำหรับการลดภาษีต้องพิจารณาให้คนรายได้น้อย และรายได้ปานกลางได้ประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่เป็นการลดภาษีแล้วช่วยให้คนรวย หรือเศรษฐีได้ประโยชน์มากกว่าคนรายได้น้อย หากมีการลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดาและคนรายได้น้อยที่ปกติไม่เสียภาษีอยู่แล้วก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แต่กลับกลายไปเป็นประโยชน์กับคนที่เสียภาษีมากที่จะได้ประโยชน์ เพราะเสียภาษีน้อยลง

ทั้งนี้ ปัจจุบันความเหลื่อมล้ำระหว่างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคลน้อยมาก เพราะอัตราภาษีนิติบุคคลอยู่ที่ 20% แต่ยังต้องเสียภาษีเงินปันผลด้วยอีกส่วนหนึ่ง ทำให้เมื่อรวมกันแล้วผู้ประกอบการต้องเสียภาษีอยู่ที่ 28% ขณะที่บุคคลธรรมดาเสียภาษีอัตราสูงสุด 35% แต่เมื่อหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว จะเสียภาษีจริงอยู่ที่ 29% ซึ่งจะเห็นว่าการเสียภาษีที่แท้จริงของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลใกล้เคียงกันมาก แทบไม่มีความเหลื่อมล้ำกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


อย่ามองข้าม!! วิตามินดี ช่วยป้องกันกระดูกหัก และ โรคกระดูกพรุน

ประโยชน์ของวิตามินดี ปริมาณวิตามิน ปริมาณวิตามินต่อวัน วิตามิน วิตามินดี

วิตามินดี เป็นสารอาหารที่เราได้รับจากแสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้าหรือเย็น แต่ถ้าได้รับแสงแดดในปริมาณที่ไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้ร่างกายเริ่มขาดวิตามินดี ซึ่งแต่ละคนมีความต้องการปริมาณวิตามินดีไม่เท่ากัน

การขาดวิตามินดีอาจจะทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็ก นอกจากนี้การขาดวิตามินดีในผู้ใหญ่ก็จะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดกระดูกหักและโรคกระดูกพรุน ดังนั้นเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูกจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินดีควบคู่กับแคลเซียมไปด้วย

ดังนั้นหากใครที่รับประทานอาหารเสริมแคลเซียมควรรับประทานวิตามินดีควบคู่ไปด้วย เพราะวิตามินดีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น จึงช่วยให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกพรุน แต่ทั้งนี้ก็ควรระวังการบริโภควิตามินดีในปริมาณที่มากเกินไปก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกันเพราะจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระดูกแตกหักได้

วิตามินดี

การทานอาหารเสริมเหล่านี้มีประโยชน์มากสำหรับผู้สูงอายุ

  • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • ป้องกันโรคมะเร็ง
  • ป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด

ตามที่ National Academy of Medicine ประกาศปริมาณวิตามินดีที่คนเราควรได้รับในแต่ละวันมี ดังนี้

  • ทารก ควรได้รับวิตามินดีวันละ 400 IU
  • ผู้ที่มีอายุ 1 ถึง 70 ปี ควรได้รับวิตามินดีวันละ 600 IU
  • ผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปี ควรได้รับวิตามินดีวันละ 800 IU

ได้มีการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าการบริโภควิตามินดีเป็นประจำจะส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิตลดลง และผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่าการบริโภควิตามินดีนั้นมีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยต้านโรคมะเร็งและทำให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com


“พรหมพจน์” ซิวแชมป์ศึก “บีซีพีจี จูเนียร์ กอล์ฟ คลาสสิก”

“พรหมพจน์ ทรงกลด” กด 1 อันเดอร์ในวันสุดท้าย ผงาดแชมป์ในคลาส เอ ชาย ศึกสวิงเยาวชน “บีซีพีจี จูเนียร์ กอล์ฟ คลาสสิก 2019” ขณะที่ ปกรณ์ วงษ์เพ็ญ เบิ้ลแชมป์เพิ่มอีกหนึ่งสนามในคลาส ซี

วันที่ 16 ก.ย.62 บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับออล แมนเนจเมนต์ กรุ๊ป(AMG) เดินหน้าสนับสนุนสวิงเยาวชนต่อเนื่องเป็นปี 3 เปิดศึก “บีซีพีจี จูเนียร์ กอล์ฟ คลาสสิค 2019” โดยรายการนี้ เป็นการเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 7 ของทัวร์เยาวชน “ช้าง-เอเอ็มจี ไทยแลนด์ จูเนียร์ กอล์ฟ ทัวร์ ฤดูกาล 2019” ระหว่างวันที่ 14-15 กันยายนที่ผ่านมา ที่สนามสปริงฟิลด์ รอยัล คันทรี คลับ (คอร์สบี-ซี) จ.เพชรบุรี

สำหรับผลการแข่งขันในรอบสุดท้าย มีดังนี้ คลาสเอส ชาย (อายุ 19-21 ปี) ที่ 1 ชนินทร์ ทินตระกูล สกอร์รวม 2 วันที่ 3 โอเวอร์พาร์ 147 (75-72) ที่ 2 ธนภูมิ ครรชิตวรกุล สกอร์รวม 4 โอเวอร์พาร์ 148 (74-74) ที่ 3 อธิคม สุขวารี สกอร์รวม 6 โอเวอร์พาร์ 150 (77-73)

คลาสเอส หญิง (อายุ 19-21 ปี) วรนิษฐา จิตรชัยนานุกูล แชมป์รุ่นนี้ สกอร์รวม 2 วันที่ 6 โอเวอร์พาร์ 150 (74-76) ที่ 2 กัญญ์กุลณัช โกสุมสวัสดิ์ 15 โอเวอร์พาร์ 159 (78-81) ที่ 3 ธนกร รอดรัต 19 โอเวอร์พาร์ 163 (80-83)

คลาสเอ ชาย (อายุ 15-18 ปี) พรหมพจน์ ทรงกลด ไม่พลาดเก็บแชมป์ได้สำเร็จ รอบสุดท้ายจบอีเวนต์พาร์ สกอร์รวม 2 วันที่ 1 อันเดอร์พาร์ 143 (71-72) ส่วน ศุภกิจ สีลานาแก ได้ที่ 2 สกอร์รวม 3 โอเวอร์พาร์ 147 (71-76) อันดับ 3 เป็นของ อธิษฐ์ เครือประยงค์ สกอร์รวม 5 โอเวอร์พาร์ 149 (77-72)

คลาสเอ หญิง (อายุ 15-18 ปี) ที่ 1 มธุสร รอดเณร สกอร์รวม 4 โอเวอร์พาร์ 148 (75-73) ที่ 2 ภิมพิศา สีสุธรรม สกอร์รวม 7 โอเวอร์พาร์ 151 (77-74) ที่ 3 พิมพ์มาดา ว่องธนะวิโมกษ์ สกอร์รวม 9 โอเวอร์พาร์ 153 (75-78)

คลาสบี ชาย (อายุ 13-14 ปี) กรกร จันทะคัด คว้าแชมป์สำเร็จ สกอร์รวม 2 วันที่ 9 โอเวอร์พาร์ 153 (74-79) ที่ 2 เป็นของ คุณานนต์ กอวณิชกุล สกอร์รวม 15 โอเวอร์พาร์ 159 (83-76) ที่ 3 ไกรวิทย์ ชูกลิ่น สกอร์รวม 19 โอเวอร์พาร์ 163 (86-77)

คลาสบี หญิง (อายุ 13-14 ปี) ในคลาสนี้ต้องดวลเพลย์ออฟเดือดถึง 6 หลุม ระหว่าง นวพร สุนทรียภาส และ บุษปภาพร สุขเติม ผลปรากฏว่า นวพร เหนียวกว่า เก็บพาร์ได้ทำให้คว้าแชมป์ไปครอง สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 149 (76-73) ส่วน บุษปภาพร สุขเติม ได้ที่ 2 สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 149 (75-74) ที่ 3 อารยา สิงห์ฉลาด สกอร์ 7 โอเวอร์พาร์ 151 (77-74)

คลาสซี ชาย (อายุ 11-12 ปี) ปกรณ์ วงษ์เพ็ญ คว้าถ้วยกลับบ้าน เก็บแชมป์เพิ่มอีกหนึ่งสนาม จบ 2 วันสกอร์รวม 10 โอเวอร์พาร์ 154 (78-76) ส่วน พัชรพล วัฒนาดิกกุล เยาวชนเจ้าถิ่น ไล่ไม่ทัน พ่ายไป 2 สโตรค ได้ที่ 2 สกอร์รวม 12 โอเวอร์พาร์ 156 (79-77) ที่ 3 เป็นของ ธรรมาวุธ งามเหลา สกอร์รวม 28 โอเวอร์พาร์ 172 (89-83)

คลาสซี หญิง (อายุ 11-12 ปี) แชมป์เป็นของ ธัญจิรา อิสสระพล แข่ง 2 วันสกอร์รวม 9 โอเวอร์พาร์ 153 (79-74) ที่ 2 สาริศา พจนาลัย สกอร์รวม 12 โอเวอร์พาร์ 156 (78-78) ส่วน ปณาลี ปรัชฌวิทยากร ผู้นำวันแรก ฟอร์มแผ่ว จบที่ 3 สกอร์รวม 14 โอเวอร์พาร์ 158 (76-82)

สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจร่วมการแข่งขัน รายการที่ 8 ซึ่งเป็นรายการสุดท้ายของฤดูกาล “บางจาก จูเนียร์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2019” โดยในสนามนี้เป็นรายการที่มีการเก็บคะแนนสะสม World Amateur Golf Ranking แข่งขันระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2562 ที่สนามศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก สวนสน ประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ สมัครแข่งขันโทร.098-260-5547 หรือ www.amg-golf.com

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


มหาอำนาจ AI

บทความโดย:

พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ

อดีตรองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และ ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย

    หากใครได้อ่านหนังสือเรื่อง AI Superpowers: China, Silicon Valley, and the New World Order ของ Kai-Fu Lee ก็จะเห็นถึงเรื่องราวของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเส้นทางวิวัฒนาการของประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา ก็ยิ่งพบความสามารถอันน่าทึ่งของ AI และการเป็นมหาอำนาจด้าน AI ของจีน 

   สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าก็คือการใช้ความสามารถของ AI ควบคู่ไปกับความสามารถของมนุษย์ ซึ่งในการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรนี้จะควบคุมพลังแห่งปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งความคาดหวังสำหรับอนาคตนั้นอยู่ที่การผสานการทำงานร่วมกันระหว่างปัญญาประดิษฐ์และมนุษย์ โดยผู้เชี่ยวชาญหลายท่านมองว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ต้องเติมเต็มไปด้วยการเอาใจใส่และความเห็นอกเห็นใจด้วยความเป็นมนุษย์ในสังคมของเรา ไม่ใช่กลายเป็นหุ่นยนต์เต็มรูปแบบ

  แม้ว่าในการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมาได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในแวดวงอุตสาหกรรม ทำให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปมีแนวโน้มที่จะขยายใหญ่ขึ้นและส่งผลกระทบที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้เกิดขึ้นมาแล้วในหลายชั่วอายุคน แต่การปฏิวัติของ AI จะผลักดันให้เกิดผลกระทบที่ชัดเจนกว่าและรวดเร็วกว่า

    แนวโน้มที่ชัดเจนคือ AI จะเป็นเทคโนโลยีเอนกประสงค์ที่ประเทศจีนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและประยุกต์ใช้ โดยการเข้าสู่อุตสาหกรรม AI ของจีนถือเป็นการเร่งความเร็วครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในการปฏิวัติอุคตสาหกรรมที่ผ่านมา ซึ่งนวัตกรรมที่ใช้ในการปฏิวัติอุตสาหกรรม ได้เปลี่ยนแปลงลักษณะของการใช้แรงงานและประเภทของงานที่ใช้ทักษะการคิดเป็นหลัก (cognitive labor) ซึ่ง AI ก็ทำให้ทั้งสองทักษะนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก 

    ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและครั้งที่สองได้มีการเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการผลิตและยังผลักดันให้การทำงานใช้แรงงานที่มีทักษะต่ำลง เนื่องจากสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยต้องการแรงงานที่มีทักษะสูง กลับสามารถดำเนินการได้โดยใช้แรงงานที่มีทักษะต่ำแทนได้ ซึ่งปรากฏการณ์นี้ผลักดันการสร้างงานใหม่ๆ และปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของคนเรา โดยที่ Robert J. Gordon นักเศรษฐศาสตร์ ได้อธิบายไว้ในหนังสือเรื่อง The Rise and Fall of American Growth แต่อย่างไรก็ตาม การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สาม ได้เริ่มต้นขึ้นในปลายทศวรรษที่ 1960 ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามรูปแบบเดียวกันกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งก่อนหน้านั้น โดยสิ่งสำคัญก็คือ AI ได้ผลักดันให้เกิดผลกระทบต่อการจ้างงานที่ไม่ใช่การสร้างงานให้กับผู้มีทักษะต่ำ แต่เป็นการแทนที่งานด้วยเครื่องจักรที่ชาญฉลาดมากขึ้น โดยต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมากขึ้นและมาแทนแรงงานทักษะต่ำ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นของ AI มีตั้งแต่การทำให้เกิดข้อมูลปริมาณมากขึ้นอย่างมหาศาล เกิดพลังแห่งการคำนวณและการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น และเกิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆขึ้นมากมายเกี่ยวกับการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) ซึ่งหากพิจารณาการพัฒนา AI ในช่วงเวลาต่างๆ สามารถแบ่งคลื่นแห่งการพัฒนา AI ได้เป็น 4 ช่วง ได้แก่:

    ในการพัฒนาในช่วงคลื่นสองลูกแรก ก็คือ Internet AI และ business AI ที่กำลังก่อร่างสร้างโลกดิจิทัล และโลกแห่งธุรกิจของมนุษย์เราขึ้นมาใหม่ ซึ่งหากมีข้อมูลมากพอก็จะทำให้เกิดความแม่นยำในการทำ AI ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น

   ในช่วงคลื่นลูกที่สาม คือ Perception AI ซึ่งทำให้โลกทางกายภาพกลายเป็นโลกดิจิทัล และเรียนรู้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ มีความเข้าใจ และมองเห็นโลกรอบๆ ตัวเราได้ง่ายยิ่งขึ้น

    คลื่นลูกสุดท้าย ที่มีผลกระทบมากที่สุด ก็คือ Autonomous AI อย่างเช่น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง โดรนอัตโนมัติ และหุ่นยนต์อัจฉริยะ เป็นต้น

   การศึกษาเกี่ยวกับประเทศจีน โดยเฉพาะการมองเข้าไปในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน จะช่วยให้เราเข้าใจแนวทาง ความคิด และแรงบันดาลใจของคนจีน ซึ่งนั่นจะทำให้สามารถเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นว่าจีนกำลังกลายเป็นมหาอำนาจในด้าน AI ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแรงผลักดันจากความสำเร็จของ AlphaGo ในปี 2016 ทำให้จีนได้เริ่มวางแผนที่จะเป็นผู้นำด้าน AI โดยหัวใจสำคัญที่สุดของจีนก็คือ การเปลี่ยนแปลงในระดับโลกที่ขับเคลื่อนในการเปลี่ยนแปลงสองช่วง ได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงจากยุคของการค้นพบไปสู่ยุคของการดำเนินการ และ 2) การเปลี่ยนแปลงจากยุคของความเชี่ยวชาญไปสู่ยุคของข้อมูล โดยสหรัฐอเมริกาได้ครอบงำยุคของความเชี่ยวชาญ แต่จีนยังคงยืนหยัดในยุคแห่งการดำเนินการ 

   จุดแข็งของจีนก็คือ ผู้ประกอบการที่พร้อมเข้าสู่สนามรบทางการค้า ปริมาณข้อมูลที่หาที่เปรียบมิได้ และสภาพแวดล้อมของนโยบายที่สนับสนุน ต่างก็เป็นเหตุผลผลักดันให้จีนเป็นผู้นำด้าน AI ได้ไม่ยาก ซึ่งเราเรียนรู้ว่าบริษัทสตาร์ทอัพของจีนล้วนมีวัฒนธรรมทางความคิดในการลอกเลียนแบบ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบธุรกิจของชาวอเมริกัน และจากนั้นก็เริ่มทำการแข่งขันอย่างดุเดือดเพื่อนำมาปรับใช้และปรับให้เหมาะสมสำหรับชาวจีน ซึ่งวัฒนธรรมการลอกเลียนแบบนี่แหละ ที่ทำให้สนามรบแห่งนี้สามารถสร้างผู้ประกอบการในระดับโลกขึ้นมาได้  

การประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดของจีน ทำให้ทุกคนสามารถจ่ายเงินทุกอย่างผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่ง Mobile Payment และกิจกรรมทุกๆอย่างบนมือถือนี้เองที่เป็นตัวสร้างข้อมูลอันมหาศาล และข้อมูลมหาศาลนี้เองที่เป็นตัวผลักดันการพัฒนา AI ให้กับจีน อย่างเช่น WeChat ที่เป็นแอปพลิเคชั่นที่ครบวงจร ที่ทำให้ Tencent อาจเป็นระบบนิเวศข้อมูลที่สมบูรณ์แบบที่สุดของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหมดของจีน  

    นอกเหนือจากผู้ประกอบการและข้อมูลแล้ว จีนยังมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อนโยบาย โดยพวกเขาใช้ผู้ประกอบการและนวัตกรรมจำนวนมาก และมีการส่งเสริมระบบนิเวศของธุรกิจสตาร์ทอัพโดยการสนับสนุนด้านนวัตกรรม รัฐบาลจีนพยายามที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานทางเศรษฐกิจของพวกเขา โดยเปลี่ยนจากการเติบโตที่อาศัยภาคการผลิตไปสู่การเติบโตที่อาศัยนวัตกรรม 

    โดยหลักการรัฐบาลจีนจะให้ความสำคัญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ โดยจะทำการสำรวจ แต่ไม่ได้เป็นการชะลอการใช้งานเทคโนโลยี ดังนั้นวัฒนธรรมทางการเมืองที่มีประโยชน์กับเทคโนโลยีของจีน จะสามารถปูทางไปสู่การปรับใช้นวัตกรรมที่เปลี่ยนเกมไปสู่ชัยชนะได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ซึ่งในทศวรรษที่ผ่านมาผู้ประกอบการระดับโลกของจีนจะใช้การเรียนรู้อย่างลึกซึ้งกับปัญหาต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับใช้ AI ในเกือบทุกอุตสาหกรรม ซึ่งยุทธศาสตร์ AI ของจีนไม่เพียงแต่การพัฒนาในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีการสร้างความร่วมมือในการพัฒนา AI กับ Silicon Valley และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับท้องถิ่น (localization) มากขึ้น ซึ่ง AI มีความชาญฉลาดในการปรับเปลี่ยนดังกล่าวมากกว่าการให้บริการอินเทอร์เน็ตในยุคก่อนหน้านี้มาก 

    ความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ชาวจีนชื่นชอบกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานระดับโลกทุกประเภท จะกลายเป็นช่องทางที่คู่แข่งในประเทศจีนสามารถเอาชนะคู่แข่งในระดับโลกได้  นอกจากนี้บริษัทในสหรัฐอเมริกาและจีนยังใช้วิธีการที่แตกต่างกันมากในตลาดโลก ในขณะที่ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาพยายามที่จะเอาชนะตลาดเหล่านี้ด้วยตนเอง แต่จีนกำลังเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศตนเอง แนวทางของจีนที่ใช้วิธีการสร้างความร่วมมือมากกว่าการเอาชนะ อาจพิสูจน์ได้ว่าเหมาะสมกับยุคโลกาภิวัตน์ทางเทคโนโลยี ที่ต้องใช้ทั้งผู้เชี่ยวชาญและการรวบรวมข้อมูลในท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองในอินเดียที่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการเดินถนนของคนในบังกาลอร์เท่านั้น 

    ตำแหน่งผู้นำด้าน AI ของประเทศจีนจะเปลี่ยนดุลอำนาจของโลก ซึ่งจุดที่น่าสนใจคือแอปพลิเคชั่นในโลกแห่งความเป็นจริงของ AI จะทำให้เกิดผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในระดับที่มองไม่เห็นนับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งจากการศึกษาของ PWC ได้คาดการณ์ว่าแอปพลิเคชั่นในโลกแห่งความจริงเหล่านี้ จะทำให้ GDP ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 14% หรือประมาณ 15.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2030 โดยคาดว่าจีนจะมี GDP เพิ่มขึ้น 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และอเมริกาเหนือจะมี GDP เพิ่มขึ้น 3.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ  

    ภัยคุกคามที่แท้จริงที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็คือความสับสนวุ่นวายทางสังคมขนาดใหญ่ และการล่มสลายทางการเมืองอันเนื่องมาจากการว่างงานที่มีเพิ่มมากขึ้นและความไม่เท่าเทียมในสังคม อันเนื่องมาจากไม่สามารถปรับรูปแบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน AI จึงทำให้หลายประเทศอาจประสพปัญหาด้านแรงงานที่ไม่สามารถทำงานได้กับโลกใหม่ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ตำแหน่งงานหายไปจากโลก แต่หมายความถึงตำแหน่งงานใหม่มากมายที่เกิดขึ้นไม่สามารถมีคนเข้าไปทำได้เพราะ skill ไม่ถึง ซึ่งในยุคอุตสาหกรรมนี้ทำให้เรามองว่าบทบาทและสถานภาพหลักทางสังคมของมนุษย์ ก็คือการที่มนุษย์สามารถทำงานที่มีประสิทธิผลและได้รับค่าจ้าง แต่ในยุคที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่นั้น จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในความคิด วัฒนธรรม และค่านิยมของมนุษย์ โดยการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมสามารถเกิดขึ้นได้จากนโยบายที่ทันสมัยของรัฐบาล

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 21,600.00 21,700.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,399.00 21,208.84 22,200.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,259.10 19,087.96 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,119.20 16,967.07 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 630.00 9,550.80 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 490.00 7,428.40 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,450.00 21,982.00 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 16/09/2562 

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65
แก๊สโซฮอล์ 91 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38
แก๊สโซฮอล์ E20 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64
แก๊สโซฮอล์ E85 20.04 20.04 20.04
เบนซิน 95 35.06 35.51 35.56 35.36 35.36
ดีเซล 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09
ดีเซลพรีเมี่ยม 25.09 25.09
แก๊ส NGV 15.66 15.66
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า