สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 19 กันยายน 2562

อสังหาฯกับนัยเศรษฐกิจ

คอลัมน์ผ่ามุมคิด

เมื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ มีนัยต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะเปรียบเป็นต้นนํ้ากระตุ้นภาคต่างๆ เช่น การจ้างงาน ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง การตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ท่ามกลางตลาดท้าทาย ไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ กระทบเศรษฐกิจภูมิภาคและกำลังซื้อภายในประเทศ บวกมาตรการเข้มงวดก่อให้เกิดความสะดุด

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ระบุ ไม่ได้นิ่งนอนใจ วางเป้าไม่เกิน 2 เดือน เห็นภาพทางออก หลังจ่อหารือผู้ประกอบการ-ภาคธนาคาร หาทางปลดล็อกเงื่อนไข พร้อมชูหมัดเด็ด แผนดึงนักลงทุนอยู่ยาวอุ้มตลาด ยํ้า “อสังหาฯไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก”

นำร่องกระตุ้นความเชื่อมั่น

ธุรกิจอสังหาฯ มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลายประเภท ขณะเดียวกันการมี “บ้าน หรือที่อยู่อาศัย” เป็นของตนเอง คือหนึ่งในความมั่นคงของชีวิต ที่ก่อให้เกิดการพัฒนา ลงทุนต่อยอดด้านอื่นๆ ตามมา ฉะนั้นภาคอสังหาฯเปรียบเป็นวงจรขับเคลื่อนจีดีพีไทยมานาน แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ปี 2562 เป็นปีแห่งความท้าทายของผู้ประกอบการและผู้ซื้อ เพราะความชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางประมาณการจีดีพีที่เติบโตบวกลบประมาณ 3% รัฐเองกำลังเร่งหาทางสนับสนุนช่วยเหลือ ผ่านมาตรการระยะแรก 3 แสนล้านบาท ของกระทรวงการคลัง เพื่อหวังกระตุ้นความเชื่อมั่นของทุกภาคส่วนให้กลับมา หลังประสบกับภาวะสุญญากาศช่วงการเลือกตั้งและไร้รัฐบาล มานาน โดยมาตรการดังกล่าว ประกอบกับการจัดตั้ง ครม.เศรษฐกิจ ถือเป็นการนำร่องให้เกิดความคึกคัก ตื่นตัวในระบบภาพรวม ก่อนแก้ปัญหาลงรายละเอียดในภาคอื่นๆตามมา

 

กอบศักดิ์ ภูตระกูล

จ่อปลดล็อกข้อจำกัด

นายกอบศักดิ์ ระบุว่า แม้ในมาตรการระยะแรก รัฐพยายามจะแตะภาคอสังหาฯ ผ่านมาตรการให้ ธอส. ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท แต่อาจยังไม่เป็นที่ถูกใจต่อทุกฝ่าย เร็วๆนี้ ระยะไม่เกิน 1 เดือนครึ่ง เตรียมเชิญ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ พร้อมภาคธนาคารและสถาบันการเงิน เข้ามาหารือพูดคุยเพิ่มเติม ถึงมาตรการช่วยขับเคลื่อนภาคอสังหาฯอย่างแท้จริง ต่อคิวภาคการส่งออก เอสเอ็มอี การท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชนที่สำคัญ โดยเฉพาะเน้นต่อยอดการสนับสนุนบ้านล้านหลัง, มาตรการส่งเสริมบ้านหลังแรก รวมถึงปัญหาสำคัญ เพิ่มกำลังซื้อ ปลดล็อกเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อที่ถูกจำกัดอยู่ เช่นเดียวกับ ภาระของผู้ประกอบการ เพื่อหวังลดต้นทุน ช่วยเหลือผู้ซื้อไปในตัว

“อสังหาฯ คือ ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจไทย รัฐบาลให้ความสนใจกับภาคดังกล่าวมากพอสมควร ว่าจะทำอย่างไรให้เดินต่อไปได้ โดยเฉพาะเรื่องโอกาสการเพิ่มกำลังซื้อ”

กอบศักดิ์ ภูตระกูล

ทุกวิกฤติมีโอกาส

นอกจากกำลังซื้อภายในประเทศแล้ว ในฐานะรัฐบาลยังมองเห็นโอกาสจากวิกฤติที่เกิดขึ้นของความขัดแย้งหลายชาติ เช่น สงครามการค้าของจีน-สหรัฐฯ, ฮ่องกง ก่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุน ขณะนี้รัฐกำลังจัดทำแผน เพื่อดึงดูดนักลงทุนเหล่านั้นมายังไทย ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงกับภาคอสังหาฯ เพราะการเข้ามาลงทุนจะก่อให้เกิดการพำนัก ซื้อที่พักอาศัย เช่นเดียวกับความขัดแย้งของฮ่องกง หลังพบมีชาวฮ่องกงจำนวนมาก เริ่มเล็งหาที่พำนักใหม่ โดยเชื่อ ประเทศไทยจะเป็นประเทศปลายทางต้นๆ ที่ชาวฮ่องกงนึกถึง โดยต้องทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อให้อสังหาฯไทย มีหน้ามีตาในเวทีภูมิภาค และจะได้รับการดูแลอย่างจริงจังตามมา

“ต้องไม่ถอดใจ ในภาวะเศรษฐกิจขึ้นลง ต้องมองหาทางปรับตัว เช่น ฮ่องกง มองหาที่อยู่อาศัยหลังที่ 2,3 เราต้องเปิดพื้นที่ี ให้เป็นที่สนใจ สกัดกั้นการไหลไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ เพราะถ้าตัวไป ธุรกิจก็ไป”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ แบรนด์ดัง ปั้นพื้นที่กว่า 1 แสนตร.ม.  

 

คอลัมน์พร็อพเพอร์ตีโฟกัส

โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ พื้นที่ทำงานรูปแบบใหม่ สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้ได้รับการยอมรับในวงกว้างไป
ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาพัฒนา ส่งผลภาพรวมตลาดโค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ในกรุงเทพมหานครและในประเทศไทยขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ หรือ ซีบีดี และอาคารสำนักงานเกรด A

ในปี 2561 มีผู้ประกอบการต่างชาติรายใหญ่เข้ามาลงทุนพัฒนาโค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ในประเทศไทย เป็นจำนวนมาก ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีสไตล์ของพวกเขา ซึ่งครอบคลุมหลายชั้นและส่วนใหญ่ใช้พื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร ซึ่งการเข้ามาด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่ของผู้ประกอบการต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ ในประเทศเริ่มมีขีดจำกัดในการแข่งขันที่น้อยลง

ปัจจุบันพื้นที่ โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ในกรุงเทพฯ ณ ช่วงครึ่งแรกปี 2562 มีประมาณ 113,280 ตารางเมตร และยังมีพื้นที่อีกกว่า 50,000 ตารางเมตร ที่จะเข้าสู่ตลาดในอนาคต

 

 ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่อุปทานหรือพื้นที่ที่มีจำกัด ส่งผลให้โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ในกรุงเทพฯ มีอัตราการเช่าที่ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในย่านสุขุมวิท สยาม-ปทุมวัน สีลมและสาทร คาดการณ์ว่าค่าเช่าโค-เวิร์กกิ้ง สเปซในกรุงเทพมหานครจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2562 แม้ว่าอาจจะน้อยกว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาก็ตาม

พื้นที่ส่วนใหญ่สุขุมวิท, สยาม, ปทุมวัน, สีลมและสาทร มีการปรับขึ้นค่าเช่าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ส่วนใหญ่ที่เปิดให้บริการมีอัตราการเช่าที่ค่อนข้างสูงและพื้นที่โค-เวิร์กกิ้ง สเปซใหม่ที่มีอย่างจำกัด ถูกเพิ่มเข้ามาในตลาดรวมถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


 ก.ล.ต.ฟันพนักงานบล.กิมเอ็งหาประโยชน์จากลูกค้า

ก.ล.ต.ฟันพนักงานบล.กิมเอ็งหาประโยชน์จากลูกค้า

ก.ล.ต. สั่งพักงาน “กิตติชัย ปึงวัฒนา” พนักงาน บล. กิมเอ็ง ฐานแสวงหาประโยชน์จากผู้ลงทุนโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงาน

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับรายงานการตรวจสอบจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนมี.ค. 2560 นายกิตติชัยตกลงรับผลประโยชน์ 1% จากการโอนเงินจากต่างประเทศ มูลค่า 500 ล้านยูโร ตามที่ลูกค้าเสนอ โดยการช่วยเหลือลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไว้สำหรับเตรียมการในการทำธุรกรรมรับโอนเงินจากต่างประเทศ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ดังกล่าว

ทั้งนี้ ธุรกรรมการโอนเงินดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นตามที่ลูกค้าแจ้งนายกิตติชัย การกระทำของนายกิตติชัยข้างต้น เป็นการแสวงหาประโยชน์จากผู้ลงทุนโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ก.ล.ต. จึงสั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 1 ของนายกิตติชัยเป็นเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2562

แต่เนื่องจากระยะเวลาในการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 1 ของนายกิตติชัย มีอายุถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 จึงสั่งพักการให้ความเห็นชอบจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนในคราวต่อไปจากวันที่ 31 ธันวาคม 2562 จนครบกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่การพักความเห็นชอบมีผล

อนึ่ง ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์พบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายการการโอนเงินจำนวนมากที่กล่าวข้างต้น บริษัทหลักทรัพย์ต้องระมัดระวังในการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงการทำธุรกรรมต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้าเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้บริษัทหลักทรัพย์เป็นช่องทางในการทำธุรกรรมที่ไม่เหมาะสม ผิดกฎหมาย หรือฟอกเงิน

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


“โรคผื่นรูปเหรียญ” ภาวะแพ้ฝุ่นพิษ – สารเคมี

“โรคผื่นรูปเหรียญ” เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง พบได้ทุกเพศ ทุกวัย มักเกิดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ผื่นจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังเป็นเวลานาน โดยมีอาการคันเป็นอาการเด่นของโรค

นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การดำเนินชีวิตในแต่ละวันต้องสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน ผงชักฟอก แชมพู เครื่องสำอาง ครีมบำรุงต่างๆ เป็นต้น และต้องสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ เช่น ฝุ่นละออง ควันรถยนต์ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ส่งผลต่อร่างกาย ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการแพ้ มีผื่นเรื้อรัง รุนแรงได้ เช่น โรคผื่นรูปเหรียญมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผื่นกำเริบ เช่น ผิวแห้ง การไหลเวียนเลือดไม่ดี มีแผลที่ผิวหนัง การแพ้โลหะบางชนิด รวมถึงแพ้ไรฝุ่น ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนังเพื่อดูแลรักษาตามอาการ ซึ่งสามารถรักษาให้หายขาดได้แต่ต้องใช้ระยะเวลานาน

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคผื่นรูปเหรียญ เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง พบในผู้ที่มีผิวแห้งหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มี อากาศแห้ง ผื่นมีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายเหรียญบาท แดง หนา และคัน ผิวเป็นขุย หรือมีน้ำเหลืองซึม บริเวณที่พบได้บ่อย คือ ขาส่วนล่าง แขน มือ ลำตัว เป็นได้ทุกเพศทุกวัย พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ส่วนมากพบในช่วงอายุมากกว่า 50 ปี

สาเหตุของโรคไม่ทราบแน่ชัด แต่มีลักษณะอาการสำคัญคือมีผื่นแดงรูปเหรียญขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-10 เซนติเมตร คันมากในระยะแรก ผื่นมักมีสีแดงคล้ำร่วมกับมีหนองหรือน้ำเหลืองซึม เฉอะแฉะ เมื่อเวลาผ่านไปผื่นจะแห้ง ตกสะเก็ด และตรงกลางของผื่นมักจะจางลงก่อนทำให้ผื่นมีลักษณะเป็นวงกลม  เมื่อผื่นหายมักทิ้งรอยดำ บริเวณที่มักเป็นผื่น คือ แขนและขา ไม่พบผื่นบริเวณลำตัวหรือในร่มผ้า บนใบหน้า หากผู้ป่วยมีผื่นที่ใบหน้าหรือคอ ควรตรวจแยกโรคอื่น ๆ 

ทั้งนี้ โรคผื่นรูปเหรียญมีอาการเรื้อรัง มักเป็น ๆ หาย ๆ เป็นเวลานาน โรคนี้มักมีอาการคันเป็นอาการเด่นและมีผื่นมีลักษณะจำเพาะทำให้สามารถแยกจากผื่นชนิดอื่น ๆได้ จึงไม่จำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ หลักการสำคัญของการรักษา คือ รักษาอาการแห้งของผิวหนัง ลดการอักเสบ และรักษาตามอาการ และควรทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามหากมีการวินิจฉัยโรคที่ดี ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดจะหายขาดจากโรคนี้ แต่มักใช้ระยะเวลานาน

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปการ์ตูน

วันนี้มีสำนวนภาษาอังกฤษมาฝากกันค่ะ

1. สำนวนแรกการใช้สํานวนภาษาอังกฤษ น้อยใจ
น้อยใจ ภาษาอังกฤษคือ hurt หรือ upset ก็ได้ เช่น I”m hurt แปลว่า ฉัน/ผมรู้สึกน้อยใจ
ตัวอย่างเช่น è She”s upset with you แปลว่า เธอน้อยใจกับคุณ

2. “แล้วแต่คุณ” ใช้ในกรณีที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของอีกฝ่าย
อิส ซับ ทู ยู สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่า è It”s up to you.
ว็อทเอฟเวอะ ยู เซ สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่า è Whatever you say!

3. สำนวน”ตกลงตามข้อเสนอนี้นะ” ใช้ว่า…
อิส สะ ดีล สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่า è It”s a deal.

4. สำนวน”อย่าเข้าใจฉันผิดนะ”
ด้น เกท มี รอง สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่าè Don”t get me wrong!

5. สำนวน”คุณพูดอีกก็ถูกอีก” ใช้ในกรณีที่เห็นด้วยสุดๆ
ยู แคน เซ แด็ท อะเกน สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่า èYou can say that again!

6. สำนวน”” ฉันสนุกมาก””
อ่าย รี้ล หลิ เอน จอย ดิด สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่า è I really enjoyed it.

7. สำนวน “เกิดอะไรขึ้น”

ว้อท แฮพ เพ่น สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่า èWhat happen? หรือ
ว้อทส รอง สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่า èWhat’s wrong?

8. สำนวน “ง่ายมากๆ เรื่องจิ๊บๆ”

อะ พีซ ออฟ เค้ก สํานวนภาษาอังกฤษ ใช้ว่า è A piece of cake

ตัวอย่างเช่น è It”s easier than I thought. It”s a piece of cake. มันง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้ ง่ายมากเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยล่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก pasa24.com 


เตือนรับมือ 7 ปัจจัยเสี่ยงสึนามิดิจิทัล

วันนี้ (18ก.ย.62) “ฐานเศรษฐกิจ” จัดการสัมมนา “พลิกวิกฤติสร้างเศรษฐกิจไทย : Do or Die” โดยเชิญ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปาฐกถาพิเศษ ที่ห้องไทยจิตรลดา แกรนด์ บอลรูม โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค

สุวิทย์ เมษินทรีย์

โดย ดร.สุวิทย์ ใช้เวลา 45 นาทีในการปาฐกถา เริ่มต้นด้วยการเล่าย้อนที่มาถึงนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและนวัตกรรมของประเทศ ซึ่งมนุษย์ก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมภายใต้โลกใหม่ ทั้งเรื่องการดำรงชีวิต การทำงานและการเรียนรู้ พร้อมกับสรุปให้เห็นถึง 7 เรื่องที่น่ากลัวและท้าทายของประเทศว่า 1. Career Migration  ถ้าทำงานถึงจุดหนึ่งมีสิทธิ์ตกงาน แล้วจะเปลี่ยนงานอย่างไร นี่คือโจทย์สำคัญของรัฐบาล จึงไม่โฟสกัสแค่บัณฑิตที่จบออกไป แต่ต้องดูแลแรงงาน 38 ล้านคน ที่มีโอกาสตกงาน 2. Jobless Growth อนาคตการเติบโตของเศรษฐกิจจะเกิดจากดาต้า และ Ai เป็นอัตราการเติบโตที่ดี แต่จะไม่มีการจ้างงานเลย 

3. Skill Divide คนที่มีทักษะจะไปรอด แต่ยังไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศที่ห่างไกลดิจิทัล ทำให้คนถูกแยกเป็น 2 กลุ่ม รัฐบาลจึงเน้นใน 2 ส่วน ส่วนหนึ่งไปข้างหน้าให้สุด แต่ส่วนหนึ่งคือการเน้นการท่องเที่ยว เมืองหลัก เมืองรอง ในการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้คนจำนวนหนึ่งถูกทิ้ง ไม่เช่นนั้นสังคมจะถูกแยกเป็นสองส่วน

4. Competing for Talents  มหาวิทยาลัยจะอยู่ลำบาก เพราะทุกวันนี้ ก.พ. กระทรวงวิทยาศาสตร์ มีทุนให้แต่ไม่มีคนรับทุน เพราะทุนมีทั่วโลก กลายเป็นมหาวิทยาลัยต่างชาติมาขอทุนเราเพื่อแย่งเด็กของเราไป เด็กเก่งๆไม่เรียนในไทย จบ ม.3 ก็ไปเรียนเมือนอกแล้ว เพราะการแย่งคนจะมีความสำคัญ

5. Multistage Life  การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เดิมเรามีชีวิต เรียนรู้ เรียนเยอะ แล้วทำงาน เกษียณ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว 6. Intellectual Capital Investment เราเจอสังคมสูงวัย คนมีชีวิตยืนยาวขึ้น นี่คืองานของกระทรวงฯ ที่มองเรื่องการศึกษาสำหรับคนสูงวัย ที่อาจจะเป็นสตาร์ทอัพที่จะตองสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้คนกลุ่มนี้

6. Career of the Future  การแยกคนออกเป็นสองกลุ่ม เราต้องเตรียมคน เตรียมพลังสมองของประเทศในการเปลี่ยนขับเคลื่อนประเทศ ว่าเราจะลงทุนอย่างไร และจะมีการเปลี่ยนปลงอีกเยอะ 

“เป็นภารกิจที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยขับเคลื่อนภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษาฯ  ในการทำหน้าที่ทรานฟอร์มประเทศไปสู่ Ai และ ดาต้าอีคอนอมี่ นโยบายเราเห็นสิ่งนี้แล้วต้องเตรียมพร้อม เพราะนี่คือระบบเบสิกในอนาคต และไม่เกิน 3-5 ปี จะได้เห็นเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ ถ้าถามนโยบายหากไม่ทำอะไรเลย เราอาจจะไม่ Do แต่อาจจะ Die ได้ “นายสุวิทย์ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 21,550.00 21,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,396.00 21,163.36 22,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,256.40 19,047.02 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,116.80 16,930.69 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 628.00 9,520.48 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 489.00 7,413.24 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,447.00 21,936.52 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/09/2562 

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65
แก๊สโซฮอล์ 91 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38
แก๊สโซฮอล์ E20 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64
แก๊สโซฮอล์ E85 20.04 20.04 20.04
เบนซิน 95 35.06 35.51 35.56 35.36 35.36
ดีเซล 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09 26.09
ดีเซลพรีเมี่ยม 25.09 25.09
แก๊ส NGV 15.49 15.49
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า