บิ๊กอสังหาฯ-ธปท.แนะ ลดเสี่ยงรับตลาดซบ
บิ๊กอสังหาฯ-แบงก์ชาติเตือน ชะลอสร้างคอนโดฯ ไม่ปล่อยซัพพลายใหม่เข้าตลาด เผยกำลังซื้อหดหาย สงครามการค้า-แอลทีวี พ่นพิษ
การดำเนินธุรกิจในปี 2562 ผู้ประกอบการต่างยอมรับความเหนื่อยยาก โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ที่ไม่ได้มีความหวือหวาเหมือนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ กำลังซื้อซบเซา เศรษฐกิจ เปรียบเป็นยุคข้าวยากหมากแพง สำหรับคนซื้อและคนขาย ทั้งยังถูกจำกัดกำลังซื้อโดยมาตรการสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลัก ประกัน หรือแอลทีวีและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่อยู่ในขั้นชะลอการเติบโต แต่อย่างไรก็ตาม ฐานะที่เคยผ่านวิกฤติมาแล้วหลายครั้ง ยังยืนยันว่า สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้มีความคล้ายกับวิกฤติฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 ที่ครั้งนั้นเปรียบเป็น “ปรมาณูทำลายล้างลูกใหญ่” สถาบันการเงิน ดีเวลอปเปอร์ล้มหายตายจากไปหมด แค่ครั้งนี้หากให้เปรียบคงเป็นเพียงคลื่นเล็กๆ ของวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ (ซับไพรม์) ของช่วงปี 2551 เท่านั้น และถือเป็นโอกาสการปรับตัวที่ดีอย่างมาก เตือนให้ทุกฝ่าย ระวังดีเวลอปเปอร์เองไม่ปล่อยซัพพลายใหม่เข้าตลาด ขณะที่สถาบันการเงินไม่แข่งขันกันปล่อยสินเชื่อ หลังจากยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยภายนอกเป็นเรื่องใหญ่
“สงครามการค้าโลกจะหยุดเมื่อไหร่ สถานการณ์ตลาดโลก และตลาดอสังหาฯไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่มีใครตอบได้เพราะไม่แน่นอน สิ่งที่จะพยุงได้ คือ หันมาดูกลยุทธ์ของตนเอง ปรับอย่างไรให้อยู่รอด หนี้ต่อทุนต้องไม่สูง ที่ดินไม่จำเป็นต้องตุนไว้มาก ไม่มีเงินก็ไม่ต้องซื้อ ที่สำคัญต้องสร้างสมดุลให้สินค้าลดความเสี่ยง ทั้งนี้ ยังมั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ว่าแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน เพราะทุกคนกลัวเหมือนปี 2540 จึงต่างมีแผน เตรียมตัวตั้งรับกันมานานแล้ว”
นายสุวัชชัย ใจข้อ ผู้อำนวยการสำนักสถิติเศรษฐกิจ ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุถึงความเสี่ยงที่ระบบเศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญหลังจากนี้ ว่า ตลาดอสังหาฯ ยังคงซึมอีกระยะ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการออกมาตรการมากระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง และล่าสุดมีการผ่อนปรนเงื่อนไขผู้กู้ร่วมออกจากมาตรการ LTV แล้ว คาดจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้
ขณะเดียวกัน ต้องการให้ผู้ประกอบการปรับตัว สร้างภูมิต้านทาน เพื่อรับต่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆด้วย เพราะสงครามการค้าโลกยังไม่มีวี่แววจบง่ายๆ เป็นลบต่อการส่งออกไทย และในภาคแรงงาน จะมีการปรับลดการผลิตและการจ้างงานเกิดขึ้น รอเพียงปัจจัยบวกโดยรัฐต้องเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและประกาศใช้งบประมาณปี 2563 ให้เร็วที่สุด เช่นเดียวกับการเร่งลงทุนของภาครัฐและเอกชน สานต่อโครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี เป็นต้น
“เศรษฐกิจโลกข้างหน้ามีความหม่นหมอง ทำให้เศรษฐกิจไทยและความซบเซาของตลาดอสังหาฯ น่าจะชะลอตัวต่อเนื่องถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2563 เพราะกำลังซื้อของคนภาคการเกษตร และทั่วไป ยกเว้นกลุ่มคนมีเงินเดือนยังตํ่า เราเองเหมือนคนป่วยเรื้อรัง มีโอกาสติดเชื้อจากโรคได้ง่าย เพราะหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูง 78.7 พบ 1 ใน 5 ของคนอายุ 29 ปีเป็นหนี้เสีย คนผ่อนบ้าน จากเดิม 211 เดือน ปัจจุบันกลายเป็น 221 เดือน”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘วอร์นิ่งอินดิเคเตอร์’ บทบาทใหม่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ
คอลัมน์ผ่ามุมคิด
ท่ามกลางยุคตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย แข่งขันสูง รายใหญ่รุกหนัก รายเล็กอยากเข้า ทำเลเกิดใหม่มีต่อเนื่องเดิมฐานข้อมูล (Big Data) โดยหน่วยงานอิสระ อย่างศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย (REIC) จึงมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางแผนพัฒนาโครงการเพื่อขายของดีเวลอปเปอร์แต่ละราย ผ่านการวิเคราะห์ดีมานด์-ซัพพลายที่มี แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดอสังหาฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่คนซื้อ-คนขาย แต่เปรียบเป็นเข็มทิศเล่มหนึ่ง ชี้เป็น-ชี้ตาย ระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวมด้วย นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ฐานะประธานกรรมการศูนย์ REIC ระบุ นับวันตลาดยิ่งมีความท้าทายและเสี่ยงสูง ข้อมูลดิบอาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันเหตุ เปรียบไม่อยากซํ้ารอยครั้งวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 หลังภาคอสังหาฯถูกจัดเป็นตัวร้ายอันดับต้น สบวาระครบรอบ 15 ปี ประกาศปฏิวัติสถานะและบทบาทใหม่สู่เครื่องมือเตือนภัย หรือ “วอร์นิ่งอินดิเคเตอร์” พระเอกขี่ม้าขาวแห่งวงการ
ย้อนรอยฟองสบู่แตก
สถานการณ์ก่อนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง จนส่งผลรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทยนั้น ภาคอสังหาฯ ถูกกล่าวขานว่าเป็นผู้ร้ายอันดับต้นที่ทำให้ฟองสบู่แตก เพราะ ณ ขณะนั้นมีการเกิดขึ้นของอุปสงค์เทียม การเก็งกำไรระยะสั้น และขายใบจองจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยและที่ดิน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการแห่ลงทุนเปิดโครงการใหม่มหาศาล สถาบันการเงินทั้งรัฐและเอกชน ติดหล่มแข่งปล่อยเงินกู้ รวมทั้งการกู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุนด้วย โดยขณะนั้นประเมินกันว่า ซัพพลายในตลาดมีมากกว่าดีมานด์ 2-3 เท่าตัว ซึ่งสาเหตุหนึ่งทำให้ฟองสบู่ในภาคอสังหาฯ แตก เพราะไทยไม่มีฐานข้อมูล เพื่อใช้วิเคราะห์ตลาด บอกสถานการณ์
สถานการณ์ตลาดปี 62
ยอมรับว่าตลาดค่อนข้างชะลอตัว เพราะเผชิญหลายปัจจัยลบ โดยเฉพาะมาตรการเข้มสินเชื่อ (แอลทีวี) ของ ธปท. แม้มีหลักการที่ดีต้องการดูแลโครงสร้างหนี้โดยรวมของคนในประเทศ แต่ถือเป็นข้อจำกัดด้านการตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ตาม การมีข้อมูลที่แม่นยำ คงจะสะท้อนได้ว่าหนี้ภาคครัวเรือนด้านที่อยู่อาศัยที่ ธปท. กังวลนั้น น่าเป็นห่วงจริงเท็จอย่างไร
“ตลาดตอนนี้ไม่ถึงขั้นฟองสบู่ เพราะสถานะการเงินยังแข็งแรง มีข่าวออกมามากมาย เช่น บ้านว่างมหาศาล ซึ่งวัดจากการหมุนของมิเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ยังไม่มีใครไปวิเคราะห์ ว่าจริงเท็จอย่างไร ว่าง เพราะขายไม่ออกหรือจริงแล้วแค่ไม่มีคนอยู่ ”
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก และจากปัจจัยภายในเอง แต่คาดว่าทุกฝ่ายจะพยุงสถานการณ์ไปได้ และในฐานะศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง จึงถือว่ามีความท้าทายอย่างมาก
ความท้าทาย
นายนรินทร์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันทุกหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน ให้ความสำคัญกับฐานข้อมูลอย่างมาก เป็นยุคที่ต้องการข้อมูลข่าวสารและความรวดเร็วประเภทเรียลไทม์ด้วยซํ้า แต่ในแง่ของศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ทำหน้าที่จัดเก็บและให้บริการข้อมูลเชิงดิบ เกี่ยวกับดีมานด์ ซัพพลาย รวมถึงอัตราดูดซับของแต่ละพื้นที่นั้น ยังทำหน้าที่ได้ไม่เพียงพอ ในแง่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกันการเข้ามาของดิจิทัลดิสรัปชัน เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในแวดวงอสังหาฯ และตลาดที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็ว เช่น มีการใช้บล็อกเชน, ใช้ AI เพื่อสร้างและเก็บข้อมูล ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบต่อวงการ จำเป็น ต้องวิเคราะห์และติดตามเรื่องดังกล่าวด้วย เช่นเดียวกับรูปแบบนำเสนอ ที่ไม่ควรเป็นแค่ตัวหนังสือ กราฟแท่งที่เคยทำ แต่ควรนำข้อมูลดิบที่ผ่านการสังเคราะห์มาอย่างดี มาเปลี่ยนรูปแบบนำเสนอโดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ของการสื่อสาร ที่จะช่วยให้คนเข้าใจ เห็นภาพ และนำไปปฏิบัติได้ง่ายกว่าที่เป็น
ก้าวต่อไปของศูนย์ข้อมูล
เดิมศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ถูกกำหนดบทบาทในการเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลที่กระจายในมือของรัฐและเอกชนมาจัดหมวดหมู่ เช่น ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม และที่ดินเปล่า (ปัจจุบันเก็บเฉพาะที่อยู่อาศัย) ก่อนจัดทำและรายงานสถานการณ์ตลาด ให้ภาครัฐกำหนดนโยบายมาควบคุมดูแล อีกด้านคือให้บริการข้อมูลต่อผู้ประกอบการรายต่างๆ แต่เป้าหมายสูงสุด เรายังอยากเป็น “วอร์นิ่งอินดิเคเตอร์” หรือ ผู้ส่งสัญญาณเตือนภัย -ชี้แนะ ให้ภาครัฐและผู้ประกอบการรับรู้ถึงความเป็นจริงของสถานการณ์ต่างๆ ในตลาด เช่น มาตรการแอลทีวี, ดีเอสอาร์ ที่จะออกมาดีหรือไม่ดีอย่างไร และขณะนี้มีผลกระทบแล้วมากน้อยแค่ไหน เพื่อใช้กำหนดแผนดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้อง หรือรัฐเองจะได้ไม่ออกมาตรการมาซํ้าเติม รวมถึงต้องการผลักดันฐานข้อมูลลงทะเบียนสำหรับผู้ต้องการที่อยู่อาศัยทั้งประเทศแบบเรียลไทม์ ก่อนส่งต่อข้อมูลไปยังผู้ประกอบการตามความต้องการเฉพาะนั้นๆ หากทำได้ จะเป็นการช่วยกระตุ้นตลาดและลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
“แต่ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องเร่งแก้ไขก่อน คือ เรื่องสถานะของศูนย์ข้อมูลฯ หลังยังไม่ชัดเจน ทำให้โครงสร้างงบประมาณและบุคลากรมีข้อจำกัด กลายเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงหลัก ทั้งนี้เพื่อรองรับความท้าทายต่างๆ และต้องการยกระดับมาตรฐานวงการ อสังหาฯ ไทยให้เทียบชั้นต่างประเทศด้วย” นายนรินทร์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
CIMBร่วมกลุ่มแบงก์โลกทำธุรกิจยั่งยืน
CIMB และธนาคาร 130 แห่งทั่วโลก รับหลักการของการเป็นธนาคารที่มีความรับผิดชอบ เพื่อปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
CIMB Group Holdings Berhad หรือกลุ่มซีเอ็มบี บริษัทแม่ของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งหลักการด้านการธนาคารที่มีความรับผิดชอบมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติและข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในฐานะผู้ลงนามในหลักการด้านการธนาคารที่มีความรับผิดชอบ กลุ่มซีไอเอ็มบีเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคาร 130 แห่งทั่วโลก ซึ่งมีสินทรัพย์รวมกันกว่า 47 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ให้คำมั่นที่จะมีบทบาทสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายอนาคตที่ยั่งยืน
“หลักการของธนาคารเพื่อการรับผิดชอบของสหประชาชาติ (The UN Principles for Responsible Banking) เป็นแนวทางสำหรับอุตสาหกรรมธนาคารทั่วโลกที่จะตอบสนอง ขับเคลื่อน และได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่พัฒนาอย่างยั่งยืน The Principles นี้จะสร้างภาระรับผิดชอบ (accountability) ที่ทำให้ตระหนักในความรับผิดชอบ (responsibility) และความทะเยอทะยานที่จะสามารถขับเคลื่อนให้เกิดการลงมือทำ” นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวในงานเปิดตัว โดยมี 130 องค์กรและผู้บริหารระดับสูงกว่า 45 คนขององค์กรนั้นๆร่วมลงนาม
เต็งกู ซาฟรูล อาซิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี กล่าวว่า ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งของ UNEP-FI Principles for Responsible Banking เราเชื่อมั่นว่าสังคมซึ่งก่อตั้งขึ้นบนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนเท่านั้น ที่จะทำให้พนักงานของเรา ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ สามารถเจริญเติบโตได้ ซึ่งการลงนามในหลักการ เรามุ่งมั่นที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ และความสัมพันธ์ เพื่อสนับสนุนและเร่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและวิถีชีวิตที่จำเป็นเพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันทั้งคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นอนาคต
The Principles for Responsible Banking ได้รับการสนับสนุนโดยกรอบการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและภาระรับผิดชอบ และจากการร่วมลงนาม กลุ่มซีไอเอ็มบีมุ่งมั่นในความโปร่งใส จากผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบที่มีต่อผู้คนและโลกใบนี้ กลุ่มซีไอเอ็มบีจะมุ่งเน้นไปที่จุดที่มีผลกระทบมากที่สุดในธุรกิจหลัก และจะกำหนดและดำเนินการตามเป้าหมายเพื่อขยายผลลัพธ์เชิงบวก พร้อมทั้งชี้เป้าผลกระทบเชิงลบใดๆก็ตามที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ระดับโลกและระดับประเทศ
The Principles for Responsible Banking จะช่วยให้กลุ่มซีไอเอ็มบีมีกรอบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ในการระบุและคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่พัฒนาอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ธนาคารสามารถระบุและจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มซีไอเอ็มบีเป็นกลุ่มธนาคารเดียวในอาเซียนที่จะเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของหลักการด้านการธนาคารที่รับผิดชอบ ด้วยความยั่งยืนที่ฝังอยู่ในแผนเติบโตเชิงกลยุทธ์ในปัจจุบัน นั่นคือ Forward23 กลุ่มซีไอเอ็มบีจึงเริ่มมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญเช่นหน่วยงานกำกับดูแล นักลงทุน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ พนักงาน และชุมชนเพื่อที่จะร่วมการเดินทางไปกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นสำหรับทุกคน ในฐานะหนึ่งในขั้นตอนแรกของการเร่งการดำเนินการเพื่อความยั่งยืนในวันพรุ่งนี้ผ่านภาคธุรกิจและการเงิน กลุ่มซีไอเอ็มบีจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน The Cooler Earth [https://coolerearth.cimb.com/] การประชุมสุดยอดด้านความยั่งยืนขั้นต้นในวันที่ 1-2 ตุลาคม 2562 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ท่านอนแบบไหน ช่วยลดอาการปวดหลัง ทำแบบนี้สิรับรองหลับสบาย!!
ประมาณ 80% ของคนเราต่างเคยทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดหลังอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต คุณสามารถเปลี่ยน ท่านอน เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่คุณกำลังเผชิญอยู่ และนี่คือวิธีง่ายๆที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังของคุณได้
อาการปวดคอและหลังส่วนบน
ท่านอนหงายเป็นท่านอนหลับที่ดีท่าหนึ่งเพราะจะช่วยกระจายน้ำหนักในแต่ละส่วนของร่างกายจึงเป็นการลดแรงกดทับ เช่น คอ หลังส่วนบน นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยจัดเรียงแนวกระดูกสันหลัง เคล็ดลับง่ายๆก็คือเพียงเพิ่มหมอนมาหนุนไว้เพื่อช่วยในการรองรับคอและหัวเข่าก็จะช่วยรักษาแนวกระดูกสันหลังให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ปวดกระดูกสันหลัง
สำหรับใครที่มักจะนอนคว่ำเป็นประจำ มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณในการที่จะต้องเปลี่ยนไปนอนหลับในท่าอื่น หากใครที่ชอบนอนคว่ำให้หาหมอนเล็กๆสักใบมาหนุนรองไว้ใต้ท้อง ที่สำคัญหมอนควรเป็นแบบบางๆ ไม่ควรหนาเกิน 3 นิ้ว ในขณะที่คุณนอนหลับการรองหมอนไว้ใต้ท้องจะช่วยลดแรงกดจากหลังได้
ปวดหลังส่วนล่าง
เมื่อคุณนอนตะแคงจะเป็นการฝืนให้กระดูกสันหลังโค้งในท่าที่ไม่เป็นธรรมชาติ สิ่งที่ดีที่สุดคือควรงอเข่าขึ้นเล็กน้อยแล้วรองหมอนไว้ระหว่างขา วิธีนี้จะช่วยลดอาการปวดหลังส่วนล่างและช่วยรักษาความโค้งตามธรรมชาติของร่างกาย
ปวดเอว
หากคุณมีอาการปวดบริเวณเอวที่ด้านหลังส่วนล่าง การนอนในท่าเอนตัวอาจจะช่วยคุณได้ โดยวางหมอนอิงและหมอนไว้ด้านหลังและคอ เพื่อรองรับสรีระให้ปรับความโค้งตามธรรมชาติ แต่ถ้าอยากสบายเป็นพิเศษให้หนุนหมอนไว้ใต้หัวเข่าและเท้าด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com
แกรนด์สปอร์ต เปิดตัวชุดแข่งซีเกมส์ เน้นความเป็นไทย
“แกรนด์สปอร์ต” เปิดตัวชุดแข่งขันและชุดเดินทางให้ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย สวมใส่สู้ศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ภายใต้แนวคิด “SOUL OF SIAM” ด้วยการนำลายผ้าไทยที่ได้รับความนิยมทุกยุคทุกสมัยมาผสมผสานกับลวดลายกราฟิกแบบร่วมสมัยให้ดูโดดเด่น และนำแฟชั่นลวดลายความเป็นไทย ผสมผสานกับสีสันมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ พร้อมเปิดจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป 24 ก.ย.นี้…
วันที่ 24 ก.ย. 62 นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาทีมชาติไทย เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดตัวชุดนักกีฬาทีมชาติไทย ของ “แกรนด์สปอร์ต” ให้แก่นักกีฬาทีมชาติไทยสวมใส่ไปแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม ที่ประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมด้วย นายธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม รองประธานกรรมการอำนวยการ บริษัทในเครือแกรนด์สปอร์ต ร่วมแถลง
นายธนา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา บริษัท แกรนด์สปอร์ต ได้เข้ามาสนับสนุนในการออกแบบและผลิตชุดให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมในการแข่งขันกีฬารายการต่างๆ ในนามคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่แกรนด์สปอร์ตได้เข้ามาพัฒนาแบบชุดกีฬาร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ให้นักกีฬาทีมชาติไทยมาอย่างต่อเนื่อง มีความร่วมสมัยประยุกต์ความเป็นไทยสู่สากล สวยงาม สวมใส่สบาย และในมหกรรมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 นี้ นักกีฬาทีมชาติไทยจะได้สวมใส่ชุดแข่งของแกรนด์สปอร์ตจะมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะมีการออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะรูปแบบที่สวยงามสะดุดตา ทำให้นักกีฬาไทยมีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั้งยังเป็นความภาคภูมิใจของนักกีฬาไทยที่ได้สวมชุดแข่ง ชุดฝึกซ้อม ชุดเดินทางของแกรนด์สปอร์ต ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทย แต่คุณภาพไม่แพ้ชาติใด ซึ่งออกแบบมาเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และเป็นปัจจัยหนึ่งที่สร้างความมั่นใจและความสำเร็จแก่นักกีฬาทีมชาติไทย
ด้าน นายธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม เปิดเผยว่า แกรนด์สปอร์ตมีความรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ในการจัดหาชุดฝึกซ้อม, ชุดแข่ง และชุดเดินทางของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทีม ที่จะสวมใส่ระหว่างการเข้าร่วมแข่งกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ซึ่งถือเป็นมหกรรมการแข่งกีฬาที่ยิ่งใหญ่ และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของทัพนักกีฬาไทย
“สำหรับชุดแข่งและชุดเดินทาง แกรนด์สปอร์ตใช้คอนเซปต์ SOUL OF SIAM นำลายผ้าไทยที่ได้รับความนิยมทุกยุคทุกสมัย มาผสมผสานกับลวดลายกราฟิกแบบร่วมสมัย ดูโดดเด่นเมื่อสวมใส่ ทั้งยังบอกถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยได้อย่างลงตัว สำหรับสีหลักที่ใช้ยังคงเป็นสีของธงชาติไทย คือ น้ำเงิน ขาว แดง และเพิ่มสีพิเศษของปีนี้คือสีเหลือง โดยชุดเดินทางทุกชุดจะนำลวดลายของผ้าไทย ผสมผสานกับการออกแบบดีไซน์ให้เข้ากับเทรนด์แฟชั่นในปัจจุบัน โดดเด่นด้วยงานพิมพ์ THAILAND ที่มีลายผ้าไทยอยู่ด้านในตัวอักษร ส่วนชุดแข่งฟุตบอล เน้นการใช้เทคโนโลยี ด้วยการทอแบบ FULL JACQUARD เพื่อให้เกิดลายที่สวยงามและสามารถระบายอากาศได้ดี ผสมผสานกับลายเส้นปะแนวตั้งสีธงชาติไทย ทำให้ดูคลาสสิกมากยิ่งขึ้น ซึ่งขนาด XS-XL ราคา 890 บาท, 2XL-3XL ราคา 930 บาท” นายธิติ กล่าว
นอกจากนี้ นายธิติ กล่าวอีกว่า แกรนด์สปอร์ตให้ความสำคัญในเรื่องของแฟขั่น และการคัดสรรวัตถุดิบเพื่อช่วยเพิ่มสมรรถนะของนักกีฬา วัตถุดิบที่นำมาใช้ทั้งในชุดแข่ง ชุดซ้อม และชุดเดินทาง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของนักกีฬา โดยคำนึงถึงประโยชน์ของการใช้งานเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นขอเชื่อมั่นได้ว่า แกรนด์สปอร์ตได้เลือกสิ่งดีที่สุดให้กับทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในครั้งนี้ และพร้อมจำหน่ายในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ที่ร้านแกรนด์สปอร์ต ช็อป ทุกสาขา, Grand sport shop online, Sport mall และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ธุรกิจการพิมพ์เปลี่ยน… เอชพีมุ่งนวัตกรรมดิจิทัล รับเทรนด์ Customize
เอชพี เผยดิจิทัล ดิสรัปต์ เปลี่ยนเทรนด์การพิมพ์ดั้งเดิมสู่ดิจิทัล ระบุโตปีละ 2 หลัก พร้อมเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเครื่องพิมพ์รองรับตลาด Customize ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
นายปวิณ วรพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ เอชพี อิงค์ ประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า เทรนด์ ของผู้บริโภคในปัจจุบันนั้นมุ่งไปที่เรื่องของความเฉพาะเจาะจงของแต่ละบุคคล หรือ customization เพราะผู้บริโภคมีความหลากหลายมากขึ้น ขณะที่แนวโน้มของเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ ดิจิทัล (Digital Printing) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดเครื่องพิมพ์ในไทยนั้นเปลี่ยนจากการพิมพ์แบบดั้งเดิม (Traditional) มาสู่การพิมพ์แบบดิจิทัลจากปัจจัยของการผลิตที่เดิมทีหากพิมพ์จากโรงพิมพ์ทั่วไปจะเน้นที่ปริมาณ ซึ่งต้องพิมพ์ครั้งละจำนวนมากจึงจะได้ราคาที่ถูกลง แต่ธุรกิจในปัจจุบัน เช่น เสื้อผ้าแฟชั่นที่ออกมาสู่ตลาดนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นธุรกิจเหล่านี้จึงต้องการงานที่เร็ว และจำนวนไม่มาก ซึ่งการตลาดแบบ Customization จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้
อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าทิศทางของคอมเมอร์เชียลนั้นลดลงเพราะถูกดิสรัปต์ก่อน ทั้งหนังสือ นิตยสาร โอกาสที่จะพิมพ์ในปริมาณมากก็จะน้อยลง การพิมพ์แบบ ดิจิทัลจึงเข้าไปตอบโจทย์ตรงนั้น แต่ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ (Packaging) หรือ ผลิตภัณฑ์ผู้บริโภค (Consumer Product) อย่างเช่น บรรจุภัณฑ์อาหารยังสามารถที่จะเติบโตไปได้อย่างแน่นอนเพราะเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคน เพียงแค่เปลี่ยนจากแมสไปเป็นแบบ Customize นอกจากนี้เทรนด์ในเรื่องของการพิมพ์ผ้านั้นปัจจุบันการพิมพ์บนผ้านั้นยังต้องพิมพ์แบบทรานส์เฟอร์แต่ในอนาคตจะสามารถพิมพ์ตรงลงบนผ้าได้เลย
“สำหรับดิจิตอลพรินติ้งนั้นผมเชื่อว่าอัตราการเติบโตจะเป็นเลข 2 หลัก (Double Digit) ในทุกๆ ปีและในทุกๆ เซ็กเมนต์ เรื่องของความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ อย่างธุรกิจสตาร์ต อัพที่ต้องการความรวดเร็ว รวมถึงเรื่องของ Productivity การลดต้นทุน ทำอย่างไรให้ตอบโจทย์ทั้งปริมาณ (Volume) และมูลค่า (Value) ซึ่งเครื่องพิมพ์ดิจิทัลจะช่วยสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับธุรกิจขนาดเล็กในตลาดได้”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 22,050.00 | 22,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,428.00 | 21,648.48 | 22,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,285.20 | 19,483.63 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,142.40 | 17,318.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 643.00 | 9,747.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 500.00 | 7,580.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,480.00 | 22,436.80 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/09/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.94 | 24.94 | 24.94 | 24.94 | 24.94 | – | 24.94 | 24.94 | 24.94 | 24.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.19 | 20.19 | – | – | – | – | – | 20.19 | – | – |
เบนซิน 95 | 35.36 | – | – | – | 35.81 | – | 35.86 | 35.66 | – | 35.66 |
ดีเซล | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 | 26.39 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 25.39 | 25.39 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.49 | 15.49 | – | – | – | – | – | – | – | – |