เพอร์เฟคลุ้น รายได้ทั้งปีแตะ 2.5หมื่นล.
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เชื่อครึ่งปีหลังทำรายได้อีก 15,000 ล้าน ดันรายได้ปี 2562 แตะ 25,000 ล้าน จากการประกอบการ-ขายที่ดิน และเงินลงทุน ไตรมาสสุดท้ายเตรียมเปิดโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น-ฮ่องกงแลนด์
นางสาวศิริรัตน์ วงศ์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการเงิน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 บริษัทจะทำรายได้เติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะ ทำรายได้รวมอีก 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวม 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท
“รายได้ในครึ่งปีหลังนี้ นอกจากจะมาจากผลการดำเนินงานที่ดีแล้ว ยังจะมาจากการขายที่ดินและเงินลงทุน อีกด้วย โดยบริษัทจะมีการรับรู้รายได้ทั้งจากโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ เป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 6,000 ล้านบาท รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 6,000 ล้านบาท ซึ่งรวมคอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น “ยู คิโรโระ” ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม และจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนธันวาคมนี้เป็นมูลค่า 1,900 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทจะมีรายได้จากการขายที่ดินและเงินลงทุนต่อเนื่องอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท และยังมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมและอื่นๆ อีก 2,000 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 บริษัทมียอดขายที่สามารถรับรู้รายได้ (Backlog) ในครึ่งปีหลังแล้วจำนวน 4,797 ล้านบาท ทำให้มั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถดำเนินการตามเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้
จากผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขายที่ดินและเงินลงทุนตามแผนงานที่วางไว้ จะทำให้บริษัทสามารถลดภาระหนี้ลงได้อย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายที่จะลดหนี้ลง 5,000 ล้านบาท ภายในต้นปี 2563 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีอันดับความน่าเชื่อถือหรือเครดิตเรตติ้งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดอกเบี้ยของหุ้นกู้ที่จะออกใหม่มีแนวโน้มลดลง เป็นประโยชน์ต่อการออกหุ้นกู้ใหม่ๆ ในอนาคต โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายในระหว่างวันที่ 23-25 กันยายนนี้ มูลค่า 2,000 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการชำระคืนหนี้เดิม จึงไม่เป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้แก่บริษัทแต่อย่างใด
ด้านแผนพัฒนาโครงการที่พักอาศัยช่วงครึ่งหลังของปี 2562 เตรียมเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนที่เป็นการยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัย ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน กับเปิดตัวคฤหาสน์คอลเลกชันใหม่ในระบบโมดูลาร์ ที่มาพร้อมนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เพิ่มเติมในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ สุขุมวิท 77 มูลค่า 962 ล้านบาท และยังจะมีการเปิดตัวโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์โครงการแรก คือ “เลค เลเจนด์ (Lake Legend) แจ้งวัฒนะ” เป็นบ้านหรูริมทะเลสาบ จำนวน 177 ยูนิต ระดับราคา 19-60 ล้านบาท พื้นที่โครงการ 102 ไร่ มูลค่าโครงการ 5,070 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ถอดสูตร เจ้าพ่อนิติ หัวใจหลักคือ‘บริการ’
เมื่อทำเลที่ตั้งโครงการ ไม่ใช่ตัวแปรหลักการตัดสินใจซื้อของลูกค้าคอนโดฯยุคปัจจุบันเท่านั้น หากแต่สินทรัพย์มีมูลค่า
ใช้อยู่อาศัยนานอย่างตํ่า 30 ปี ยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์บวกบริการที่ได้รับ ผ่านการบริหารจัดการความหวัง นายจรัญ เกษร ฉายา “เจ้าพ่อแห่งวงการนิติ” เปิดวิสัยทัศน์ ฐานะกรรมการผู้จัดการ Strategy Property Management (ฝ่ายยุทธศาสตร์บริหารสินทรัพย์) บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ปั้นทีมนิติบุคคล ลบภาพร้องเรียนชาร์ตความสุขคนอยู่อาศัยแบบครบสูตรภายใต้แนวคิด “สมาร์ท” ขณะการแก้ปัญหาปล่อยเช่ารายวันยอมรับว่ายากสุด
นิยามอยู่อาศัยเปลี่ยน
หากกล่าวถึงแนวคิดการพัฒนาคอนโดฯในอดีตที่ประสบความสำเร็จ คงขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งบวกดีไซน์ที่สวยงาม แต่ภาวะตลาดปัจจุบันที่การแข่งขันแทบจะไล่ตามกันทุกด้าน จำเป็นต้องเปลี่ยนหลักคิด พบ 5-8 ปีที่ผ่านมา ลูกค้ายุคใหม่ต้องการมีส่วนร่วมมากขึ้น ผู้พัฒนาไม่สามารถสร้างและขายแล้วจบ แต่มาแข่งขันในมุมบริการหลังการขายด้วย ประกอบกับยุคที่ข่าวสารส่งต่อรวดเร็ว ปัญหาที่ประสบพบเจอถูกตีข่าววงกว้าง ส่งผลผู้พัฒนาหันมาให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้น ผ่านหัวใจหลัก การดูแลโดยนิติบุคคล สะท้อนจากดีเวลอปเปอร์หลายราย เริ่มปั้นทีมเป็นของตนเองเพื่อให้ง่ายต่อการสานต่อ
“อนาคตนั้น มุมมองการอยู่อาศัยจะถูกให้ความสำคัญมากกว่า ทำเลดี ดีไซน์เจ๋ง หรือ ราคาที่เหมาะสม คนจะพูดถึงประสบการณ์ อยู่แล้วสุข อยู่แล้วดีอย่างไร ทำให้ผู้พัฒนาหันมายกระดับเรื่องนิติบุคคลมากขึ้น
บริหารความหวัง45โครงการ
ปัจจุบัน อนันดา มีคอนโดฯจำนวน 45 โครงการ ผ่าน 4 แบรนด์หลัก เช่น แอชตัน, ไอดีโอ เป็นผู้นำคอนโดฯติดรถไฟฟ้า มีเทคโนโลยีและดีไซน์สำหรับคนเมือง ราคาขายตั้งแต่ 6 หมื่น-2.6 แสนบาท/ตร.ม. ขณะที่ค่าส่วนกลางตั้งแต่ 50-120 บาท/ตร.ม. ภายใต้การดูแลของทีมนิติบุคคลแตกต่างกันแต่ละระดับราคา เช่น เดอะเวิร์ค เจแอลแอล และแอลพีพี (กลุ่มแอลพีเอ็น) แต่ละเดือนมีเรื่องร้องเรียนประมาณ 40-50 เรื่อง หลักๆ คือ ปัญหาเกี่ยวกับคน และเจ้าหน้าที่บกพร่อง
“การร้องเรียนไม่ว่ามาจากช่องทางไหน ถ้าความหวังส่วนบุคคลถูกตอบสนอง ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้บรรยากาศอยู่อาศัยดีขึ้นปัญหาต่างๆก็จะน้อยลง”
แก้เช่ารายวัน
นายจรัญ ยังระบุว่า ปัจจุบันลูกค้าจีนในตลาดคอนโดฯเป็นกลุ่มใหญ่มาก ลงทุนสูง ซื้อเพื่อปล่อยเช่ารายวัน ฮอตสุดย่านใจกลางเมือง เช่น อโศก สีลม สาทร และสามย่าน ปริมาณวัดไม่ได้ แต่มาพร้อมกับความวุ่นวาย แม้ระยะหลังไทยเข้มงวดกับปัญหานี้มากขึ้น เมื่อไม่ได้ผลตอบแทนก็ทำให้ลดความสนใจซื้อไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงเกิดขึ้นในบางโครงการ และเป็นปัญหาหนักใจสำหรับนิติบุคคล เพราะบริการและซอฟต์แวร์ต่างๆไม่ได้ถูกออกแบบไว้สำหรับการพักอาศัยรายวันเช่นโรงแรม ขณะนี้อยู่ระหว่างคิดค้นวิธีการดูแลจัดการปัญหาให้เหมาะสมกับทุกฝ่าย ซึ่งเบื้องต้นการปล่อยเช่าดังกล่าว ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ลูกบ้านส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ นิติบุคคลจึงมีหน้าที่สอดส่อง ออกระเบียบปฏิบัติตามมติร่วมตามลำดับ เช่น ปรับเป็นเงินหลักหมื่นบาท และสุดท้ายหากยังฝ่าฝืน จะมีการใช้กฎหมายของบ้านเมืองมาควบคุม
ชูเทคโนฯทันสมัย
จากปัญหาดังกล่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับสังคมน่าอยู่จึงกลายเป็นกลยุทธ์ “Smart Strategic Operation” หรือการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์อย่างชาญฉลาด ที่บริษัทจะใช้ผลักดันการทำงานของทีมนิติบุคคลอย่างมืออาชีพ เป้าหมายสูงสุด คือ ลดปัญหาต่างๆ ให้ลดน้อย
ลง เน้นความปลอดภัย, ความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยเช่น ลิฟต์ นํ้า ไฟ, การยกระดับส่วนกลางต้องไม่กระทบ
ค่าใช้จ่ายลูกบ้าน, ความสุขของผู้อยู่อาศัยและสังคมดูแลกัน นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการทดลองคอมมานด์เซ็นเตอร์ รวมศูนย์การดูแลซอฟแวร์ต่างๆในทุกโครงการเพื่อลดค่าใช้จ่ายและกำลังคนด้วย
ทั้งนี้ ทุกกระบวนการจะมีดัชนีชี้วัดความพึงพอใจของลูกบ้าน ปีละ 2 ครั้ง เพื่อนำมาปรับปรุงต่อยอด ล่าสุดคะแนนอยู่ระดับ 81.7% ขยับขึ้นมา 2% จากครั้งก่อน ตั้งเป้าภายในปี 2563 จะอยู่ระดับ 85% ซึ่งจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่งต่อปากต่อปาก และอาจนำมาซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิด30.65 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า
เงินบาทเปิดตลาด 30.65 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า หลังดอลล์แข็ง จับตาเจรจาการค้า-การเมืองสหรัฐฯ
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 30.65 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.63/64 บาท/ดอลลาร์
“ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ที่อ่อนค่าจากความกังวล Brexit ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนก็เริ่มมีความคืบหน้าเริ่มที่จะส่งสัญญาณเชิงบวก และน่าจะมีผลต่อมุมมองของเฟดเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย”นักบริหารเงินระบุ