สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562

ทุนต่างชาติ ไม่หวั่น LTV แห่ซื้อที่-เปิดโครงการ

ทุนต่างชาติ ไม่หวั่น LTV แห่ซื้อที่-เปิดโครงการ

 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้อยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากผลกระทบจากนโยบายจากภาครัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเอง ผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะเปิดขายโครงการใหม่ลดลง และหันไปเร่งขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ หรือมีกำหนดสร้างเสร็จในเร็ววันนี้แทน ถ้าเปิดขายโครงการใหม่ ก็จะเป็นโครงการที่มั่นใจแล้วว่าสามารถปิดการขายหรือทำยอดจองได้สูง ในช่วงที่เปิดขาย เพราะผู้ประกอบการไม่อยากให้โครงการที่เปิดขายใหม่ของตนเองเหลือขายเป็นระยะเวลานาน เพราะบางโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จในการขายช่วงแรกๆ จะไม่สามารถดันยอดขายขึ้นไปได้ช่วงที่โครงการก่อสร้างใกล้เสร็จ

          ขณะที่ผู้ประกอบการไทยหลายรายเลือกที่จะชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปนั้น พบว่ามีผู้ประกอบการต่างชาติบางรายเดินหน้าเปิดขายโครงการใหม่ในช่วงนี้ แต่ละโครงการมีมูลค่า มาก กว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป

          ในกลุ่มผู้ประกอบการต่างชาติที่ลงทุนสวนทางตลาดในปัจจุบันมี 5 รายจากญี่ปุ่น, จีน และฮ่องกง ทุกรายล้วนเข้ามาพัฒนาโครงการในไทยก่อนหน้านี้ 1-2 ปี หรือนานกว่านั้น ในจำนวนนี้มี 4 บริษัทที่ลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นรูปแบบโครงการที่ผู้ประกอบการต่างชาติ โดยเฉพาะที่มีสัญชาติทั้งจากประเทศจีนเอง รวมไปถึงนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจ เนื่องจากสามารถได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้ในเวลาไม่นานนัก และได้เป็นกอบเป็นกำทีเดียวเลย เว้นไฮไชน์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป เปิดตัวโครงการล่าสุด รีเกิล สุขุมวิท 76 พัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส มีอาคารที่พักอาศัย 8 อาคาร และพื้นที่ศูนย์การค้า 15,000 ตร.ม. มูลค่าโครงการกว่า 16,000 ล้านบาท บนพื้นที่โครงการขนาด 21 ไร่

          แต่ก็มีผู้ประกอบการบางรายที่เลือกลงทุนในโครงการที่สร้างรายได้ในระยะยาว เช่น โรงแรม อาคารสำนักงาน หรือโครงการรูปแบบอื่นๆ โดยผู้ประกอบการที่เลือกลงทุน ซื้อที่ดิน ซื้อโครงการ หรือเริ่มพัฒนาในรูปแบบนี้ในปี 2562 เช่น ทีเอ โกลบอล เบอราด จากประเทศมาเลเซีย ที่ซื้อโรงแรมโฟร์พอยต์ บาย เชอราตัน ไปในราคา 2,250 ล้านบาท จากกลุ่มเดสติเนชั่น รีสอร์ท หรือลัคกี้ ลิฟวิ่ง จากประเทศสิงคโปร์ มีแผนจะพัฒนาโครงการโรงแรม Canopy by Hilton ในซอยสุขุมวิท 12 หรือ เอฟเจ กรุ๊ป จากประเทศญี่ปุ่นจะพัฒนาโครงการโรงแรมในชื่อ Hotel Forza สุขุมวิท กรุงเทพฯ ในซอยสุขุมวิท 29

          เจแอลเค โฮลดิ้ง จากประเทศไต้หวัน ซื้อที่ดินขนาดกว่า 3 ไร่ ติดสถานีรถไฟฟ้านานา ในราคาตารางวาละ 2.496 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส หรือ เมอร์คิวเรียส แคปปิตอล อินเวสท์เม้นท์ จากประเทศสิงคโปร์ซื้อหุ้น 50% กว่า 335,000,000 บาท จากบริษัท แกรนด์เบย์ โฮเทล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ เพื่อร่วมพัฒนาโครงการเชอราตัน ภูเก็ต แกรนด์ เบย์ รีสอร์ท และแชงกรี-ลา โฮเต็ล ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่จากฮ่องกงซื้อที่ดินขนาด 657.5 ตารางวาในซอยทองหล่อในราคารวม 1,885.50 ล้านบาท หรือประมาณ 2.87 ล้านบาทต่อตารางวา เพื่อพัฒนาโครงการโรงแรม

          นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัวโครงการและการซื้อขายที่ดินต่างๆ ที่มีการประกาศออกมาในปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในช่วงชะลอตัวนั้น ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนต่างชาตินั้นไม่เข้าใจตลาดหรือว่าไม่ได้สนใจความเป็นไปของตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทย แต่พวกเขามองเรื่องของการลงทุนในตลาดอสังหา ริมทรัพย์ในระยะยาวมากกว่ามองแค่ช่วง 1-2 ปีนี้เท่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่โครงการที่อยู่อาศัย

          ส่วนบริษัทที่ลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยในช่วงนี้อาจจะมั่นใจตนเองสามารถแบกรับต้นทุนในการพัฒนาโครงการต่อไปได้จนโครงการสมบูรณ์ หรือมีช่องทางในการหาแหล่งเงินทุนมาพัฒนาโครงการต่อไปได้แม้ว่าจะไม่สามารถสร้างรายได้จากการขายคอนโดมิเนียมหรือบ้านจัดสรรได้ เช่น เงินทุนจากบริษัทแม่ในต่างประเทศ เงินทุนจากเจ้าของบริษัท หรือการหาสินเชื่อโครงการจากช่องทางอื่นๆ บริษัทต่างชาติ เหล่านี้มองการลงทุนในประเทศไทยในระยะยาวมากกว่า จึงไม่ได้เลือกช่วงเวลาในการเปิดตัว เปิดขายโครงการหรือซื้อที่ดิน ซื้อโครงการ

          ขณะที่นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผู้ประกอบการพัฒนา
อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นต่างชาติว่า กลุ่มนี้จะมีลูกค้าต่างชาติจากประเทศของตัวเองไหลตามเข้ามาในสัดส่วน ต่างชาติ คือ 49% ที่เหลือก็จะเป็นลูกค้าคนไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com


ห่วงคอนโด สต๊อกเก่า เจอภาษีที่ดิน

ห่วงคอนโด สต๊อกเก่า เจอภาษีที่ดิน

ผู้ประกอบการอสังหาฯกังวลคอนโดฯสต๊อกเก่าพร้อมอยู่ ถูกเรียกเก็บภาษีที่ดินฯ ถ้าขายไม่หมดภายใน 3 ปีหลังพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบังคับใช้ เริ่มต้นปี 2563

           ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กฎหมายใหม่ที่จะเข้ามาบังคับใช้ช่วงต้นปี 2563 แทนที่ภาษีโรงเรือนและที่ดิน รวมถึงกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ ที่มีการประกาศใช้ยาวนานมานับ 80 ปี ตามเป้าหมายใหม่ เพื่อให้การจัดเก็บรายได้ไปสู่ท้องถิ่นมีประสิทธิภาพ ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น และลดความ
เหลื่อมลํ้า การทุจริตคอร์รัปชันในระดับเจ้าหน้าที่นั้น

           นางสาววิลาวัลย์ วีระกุล รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า แม้จะมีการประกาศราคาประเมินใหม่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ แต่ยังคงเป็นตัวเลขเดิมไปอีก 1 ปี ตามรอบบัญชีปี 2559-2563 ไม่ต้องการให้กังวลว่าสิ่งปลูกสร้างจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงแตกต่างกัน เพราะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ตามสิ่งปลูกสร้าง 5 ประเภท เช่น บ้านตามแบบ 36 แบบหลัก เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้ เช่นเดียวกับที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทจะมีราคาเดียว โดยไม่ต้องใช้ดุลพินิจของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เช่นในอดีต

           อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องว่างในกระบวนการของอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ที่ต้องเร่งหารือ หลังจากเดิมมีราคาประเมินรอไว้ก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องแรก แต่กฎหมายใหม่ต้องมีเอกสารสิทธิห้องชุดก่อน ถึงจะจดทะเบียนโอนห้องแรก และค่อยประกาศราคาประเมินตามมา

           ด้านนายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ในระยะสั้นช่วง 1-2 ปีแรก ภาพที่เกิดขึ้นกับผู้พัฒนาอสังหาฯ ภาษีดังกล่าวไม่ได้เป็นภาระมากนัก เพราะมีการยกเว้นกลุ่มสร้างใหม่ ลดหย่อน 3 ปี แต่หนักใจในแง่ของหน่วยคอนโดมิเนียมที่เป็นสต๊อกเก่าพร้อมอยู่ ตามภาษีใหม่จะถูกเรียกเก็บด้วย หลังหมดช่วงลดหย่อนให้ ซึ่งไม่ค่อยเห็นด้วย ส่วนระยะต่อไป ผู้ประกอบการคงต้องขยับปรับตัว

           กลุ่มแนวราบไม่น่ามีปัญหา ง่ายหน่อย ควบคุมซัพพลายได้ พัฒนาเท่าไหร่ถึงไม่กระทบต้นทุน แต่ในกลุ่มคอนโดฯ เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะเป็นตึกสูง บริหารยาก เพราะฉะนั้นอนาคตผู้บริโภคอาจต้องซื้อบ้าน-คอนโดฯราคาแพงขึ้น นายวสันต์กล่าว

           นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์ แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เชื่อว่าภาษีที่ดินฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2563 แทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อคอนโดฯ เพราะค่าภาษีไม่สูงนัก และคาดว่าจำนวนอุปทานใหม่ในปี 2562 จะชะลอตัวลง เนื่องจากนักพัฒนาโครงการเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป รวมถึงการเข้าซื้อพื้นที่เพื่อพัฒนาที่พักอาศัย ซึ่งพวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่การขายห้องที่เหลืออยู่ในตลาดแทน อีกทั้งจะยื่นข้อเสนอส่วนลดและโปรโมชันพิเศษ เพื่อที่จะขายทั้งยูนิตที่สร้างเสร็จแล้วและที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างไปพร้อมๆกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘คมนาคม’ 4 เดือน รื้อใหญ่

'คมนาคม' 4 เดือน รื้อใหญ่

‘ศักดิ์สยาม’ สั่งเปลี่ยนนโยบายกระทรวง-รถตู้ แผนซื้อฝูงบิน เขย่าบอร์ด รสก. จ่อเคาะลงทุนทางด่วน 2 ชั้น เร่งสรุปต่อสัมปทาน 30 ปี

“คมนาคม” ภายใต้การคุม “ศักดิ์สยาม” แค่ 4 เดือน สั่งรื้อยกใหญ่ ทั้งนโยบายรถตู้ ไม่บังคับเปลี่ยนเป็นมินิบัส เร่งเคลียร์ 2 ค่าโง่ มั่นใจได้ข้อสรุปต่อสัมปทานทางด่วน 30 ปี จ่อสรุปเงื่อนไขโครงการทางด่วน 2 ชั้น ขีดเส้น 6 เดือนทบทวนแผนซื้อฝูงบิน 1.5 แสนล้าน พร้อมเขย่าบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ลุ้นประธานการบินไทยคนใหม่

การดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีการผลักดันนโยบายใหม่และมีการเปลี่ยนแปลงหลายนโยบาย นับจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยทันทีที่เข้ารับตำแหน่งได้ประกาศนโยบายสำคัญ คือ การบริหารงานภายใต้รัฐบาลปัจจุบันจะต้องไม่มีค่าโง่ และนายศักดิ์สยามกำกับดูแล 13 หน่วยงานหลัก ด้านระบบราง ทางบกและทางอากาศ ในขณะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมอีก 2 คน กำกับดูแล 9 หน่วยงาน

นายศักดิ์สยาม ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคมเพื่อผลักดันตามแผนงาน รวมถึงทำหนังสือที่ คค 0100/1421 ลงวันที่ 27 ส.ค.2562 กำหนดให้ต้องนำเรื่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทราบก่อนไม่น้อยกว่า 7 วัน เช่น การแต่งตั้งนักบริหารระดับสูง การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับแผนปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศและประชาชน และการจัดซื้อจัดจ้างตามแผนงานตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการหน่วยงานงานในสังกัดสรุปความคืบหน้าการดำเนินของกระทรวงเพื่อชี้แจงสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุถึง นโยบายกลุ่มขนส่งทางบกที่ปรับเปลี่ยนและผลักดันใหม่ 3 นโยบาย คือ 1.การเปลี่ยนนโยบายรถตู้โดยสารหมวด 1 และหมวด 4 กรุงเทพมหานครที่มีอายุครบ 10 ปี ต้องเปลี่ยนเป็นมินิบัส โดยเปลี่ยนนโยบายจากการบังคับเป็นสมัครใจ ซึ่งมีเหตุผลว่าการเปลี่ยนเป็นมินิบัสทุกคันจะทำให้เกิดปัญหาอุปทานมากกว่าอุปสงค์ ดังนั้นหากพิจารณาเฉพาะผลตอบแทนทางการเงินอาจไม่เหมาะสม

รวมทั้งการเปลี่ยนเป็นมินิบัสอาจทำให้จราจรติดขัดมากขึ้น เพราะตัวรถขนาดใหญ่กว่ารถตู้ทำให้การเปลี่ยนช่องจราจรหรือการเคลื่อนตัวทำได้ช้ากว่า รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการสร้างรถไฟฟ้า สะพานข้ามแยกและอุโมงค์ทางลอดหลายแห่งที่กระทบการจราจร ในขณะที่ประเด็นอุบัติเหตุพบว่าเส้นทางรถหมวด 1 ในเขตกรุงเทพฯ ทำความเร็วไม่ได้จึงเสี่ยงต่ออุบัติเหตุต่ำ

นอกจากนี้ ที่ผ่านมายังมีนโยบายการยืดอายุการใช้งานรถตู้จาก 10 ปี เป็น 12 ปี โดยมีเงื่อนไขสภาพรถต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด

  • เปิดทางรถบ้านวิ่งแข่งแท็กซี่

2.นโยบายการอนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคลมารับจ้างสาธารณะผ่านแอพพลิเคชันได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกการใช้แท็กซี่ ซึ่งที่ผ่านมามีข้อร้องเรียนรถแทกซี่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร ทำให้มีการใช้บริการรถยนต์ส่วนบุคคลผ่านแอพพลิเคชัน แต่ไม่มีกฎหมายกำกับดูแลทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับการคุ้มครอง และการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ดังนั้นจึง ยกร่างกฎกระทรวง 2 ฉบับ เพื่อกำหนดคุณสมบัติผู้นำรถยนต์มารับจ้าง ลักษณะรถ หลักฐานการยื่นคำขอ เงื่อนไขการจ้างและคุณสมบัติเครื่องสื่อสาร โดยกำลังรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสียในช่วง 6 เดือนนี้

3.นโยบายติดตั้ง GPS รถส่วนบุคคล เพื่อลดอุบัติเหตุ โดยจะมีการแจ้งเตือนความเร็วและติดตามพฤติกรรมการใช้รถ ซึ่งเป็นมาตรการสมัครใจและภาครัฐจะจูงใจด้วยการเจรจากับบริษัทประกันภัยเพื่อมีส่วนลดค่าประกันภัยรถ

  • เร่งเคลียร์ค่าโง่ 2 ข้อพิพาท

สำหรับการดำเนินงานในส่วนข้อพิพาทกับเอกชนที่มีคำพิพากษาของศาลให้รัฐจ่ายเงินชดเชยมี 2 โครงการ คือ 1.คดีข้อพิพาทระหว่างกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กับบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้จ่ายเงินชดเชยให้กรณีรัฐบอกเลิกสัญญา โดยกระทรวงคมนาคมสรุปวงเงินที่ต้องจ่าย 24,798 ล้านบาท (ณ 19 ต.ค.2562) และสถานะปัจจุบันรอคำสั่งอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุดประเด็นการฟื้นคดี และอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

2.ข้อพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความเสียหายของรัฐฯ มาพิจารณาแนวทางดำเนินการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและยังไม่มีข้อสั่งการเพิ่ม

  • ‘ศักดิ์สยาม’ มั่นใจได้ข้อสรุป

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ความคืบหน้าของการยุติข้อพิพาททางด่วนระหว่าง กทพ.และบีอีเอ็ม อยู่ระหว่างคณะทำงานพิจารณาสมมติฐาน เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่าสมมติฐานในการแพ้คดีของฝ่ายภาครัฐเปลี่ยนไปแล้ว เพราะที่ผ่านมาไม่นาน กทพ.ชนะข้อพิพาทกับบีอีเอ็ม 1 คดี ดังนั้นตอนนี้คงต้องทบทวนเงื่อนไขกันใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการและคงไม่นานจะได้ข้อสรุป

นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาการยุติข้อพิพาทระหว่าง กทพ.และบีอีเอ็ม ระบุว่าคณะทำงานฯ เพิ่งได้ข้อมูลจาก กทพ.ยอมรับว่าอาจใช้เวลาในการพิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ

นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ.กล่าวว่า กทพ.ส่งผลการศึกษาเปรียบเทียบแนวทางยุติข้อพิพาททั้งหมดให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ตอบทุกข้อสงสัย โดยเฉพาะหากจะต่ออายุสัมปทานเพื่อยุติข้อพิพาท ก็จะต้องพิจารณาให้ครบรอบด้านว่าต้องต่ออายุกี่ปี

ส่วนกรณีสัมปทานที่อยู่ในข้อพิพาทบางส่วนจะหมดอายุปี 2563 เบื้องต้น กทพ.พิจารณาแนวทางแก้ไขแล้ว โดยจะไม่ให้กระทบประชาชนและทางด่วนจะต้องเปิดบริการต่อเนื่อง ซึ่งแนวทางที่ ศึกษามีทั้ง กทพ.นำสัญญาทางด่วนช่วงที่หมดอายุสัมปทานมาบริหารเอง หรือจ้างผู้รับสัมปทานเดิม คือ บีอีเอ็ม ให้บริหารก่อน

  • เร่งเคลียร์ข้อเสนอทางด่วน 2 ชั้น

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เผยว่า การแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางด่วน ก่อนหน้านี้คณะทำงานแก้ไขปัญหาข้อพิพาท ที่มีนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ได้เสนอแนวทางยุติข้อพิพาทให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณา แต่ได้รับมอบหมายให้กลับไปพิจารณาสัญญาและเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นความจำเป็นที่ กทพ.ต้องมอบสิทธิ์ให้บีอีเอ็มลงทุนก่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) จากด่านประชาชื่น-อโศก ระยะทาง 17 กิโลเมตร

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องการให้ศึกษาเปรียบเทียบความคุ้มค่าการก่อสร้าง Double deck จะส่งผลให้ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ (EIRR) มีระยะเวลานานขึ้น และจะทำให้สัญญาอายุยาวขึ้นอย่างไร และจำเป็นเพียงใดในการมอบสิทธิ์ให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนก่อสร้าง รวมทั้งโครงการจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างไร

ในขณะที่ก่อนหน้านี้ กทพ.ได้ยืนยันข้อมูลว่า การก่อสร้าง Double Deck มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาจราจร แต่การก่อสร้างมีข้อจำกัดเพราะต้องก่อสร้างบนพื้นที่เดิม โดยตอม่อของ Double Deck ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างทางด่วนขาไปและขากลับของทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วน D)

ดังนั้นระหว่างการก่อสร้าง Double Deck จึงต้องทุบหรือปิดการจราจรทางด่วนเส้นปัจจุบันบางส่วน ทำให้การก่อสร้างจะมีผลต่อความปลอดภัยทางด้านวิศวกรรม และกระทบสัญญาทางด่วนเส้นปัจจุบัน โดยหากการก่อสร้างโครงการนี้เป็นเอกชนอื่นมาดำเนินการอาจกระทบทางด่วนที่บีอีเอ็มบริหาร ซึ่งการมอบให้บีอีเอ็มพัฒนาจึงเป็นแนวทางที่อาจแก้ไขปัญหาได้

นอกจากนี้ หากแนวทางยุติข้อพิพาทระหว่างบีอีเอ็ม ไม่มีเงื่อนไขการพัฒนา Double Deck ก็ยังมีทางออกอื่นที่ กทพ.เดินหน้าโครงการต่อได้ คือ กทพ.เป็นผู้พัฒนาเอง โดยอาจนำเงินจากส่วนแบ่งรายได้มาลงทุน Double Deck แต่จ้างบีอีเอ็มเป็นผู้ก่อสร้าง ซึ่งอาจไม่ต้องขยายสัญญาทางด่วนของบีอีเอ็มถึง 30 ปี

  • รื้อแผนซื้อฝูงบิน 1.5 แสนล้าน

สำหรับนโยบายที่มีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา 3 นโยบาย คือ 1.การเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ–บางขุนนนท์) มูลค่าโครงการ 122,041 ล้านบาท

2.การซื้อฝูงบินใหม่ 38ลำ ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นแผนดำเนินการระหว่างปี 2562-2569 วงเงิน 156,000 ล้านบาท โดยข้อเสนอเดิมจากรัฐบาลชุดที่แล้วแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรก 23 ลำ ครอบคลุมเครื่องบินลำตัวแคบและลำตัวกว้าง ส่วนระยะที่สองรวม 13 ลำ ซึ่งไม่มีการระบุยี่ห้อและรุ่นเครื่องบินที่จะซื้อ

ทั้งนี้ การดำเนินการในปัจจุบันอยู่ระหว่างการทบทวนแผนจัดซื้อ ตามมติคณะกรรมการการบินไทยที่ให้ฝ่ายบริหารไปทบทวนสมมติฐานในโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการบินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งทบทวนการพิจารณาแหล่งเงินทุนให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ล่าสุดของการบินไทย เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรและประเทศ โดยให้เสนอคณะกรรมการการบินไทยภายใน 6 เดือน และขณะนี้ฝ่ายบริหารกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน

  • เปลี่ยนประธานบอร์ด รสก.

3.การปรับเปลี่ยนคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งหลังการรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มอบนโยบายให้มีการประเมินการดำเนินงานของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยช่วงที่ผ่านมามีการเปลี่ยนประธานกรรมการรัฐวิสาหกิจที่สำคัญ คือ การแต่งตั้งนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานกรรมการ ร.ฟ.ท.แทนนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานที่ลาออก

การแต่งตั้งนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เป็นประธานกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แทนนายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย ที่ลาออก และขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมแต่งตั้งประธานกรรมการการบินไทยคนใหม่แทนนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ที่ลาออกเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


มาแล้ว​ ยูเออี​  แจงเหตุซ้อมไทยก่อนบุกเวียดนาม

มาแล้ว​ ยูเออี​  แจงเหตุซ้อมไทยก่อนบุกเวียดนาม

ขุนพลนักเตะทีมชาติ ยูเออี ที่มี เบิร์ต ฟาน มาไวต์ กุนซือ ชาวฮอลแลนด์ คุมทัพเพื่อเตรียมทีมสำหรับสู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม จี  นัดที่ 4 วันที่ 14 พ.ย.62 มีคิวบุกไปเยือน เวียดนาม ที่มีดิงห์ สเตเดี้ยม โดยผลงาน 3 เกมที่ผ่านมาลูกทีมของกุนซือชาวดัตซ์ เก็บมาได้ 6 แต้ม จากผลงาน บุก ชนะมาเลเซีย 2-1, เปิดบ้าน ชนะ อินโดนีเซีย 5-0 และ บุกพ่ายไทย 1-2

       โดยเกมบุกเยือนเวียดนาม ยูเออี ขาดกองหน้าตัวเก่งอย่าง อาลี มับคุต หัวหอกจาก สโมสรอาจาซีล่า  ที่ยิงไปแล้ว 6 ประตูให้ทีมชาติยูเออีในทัวร์นาเมนต์นี้เนื่องจากติดโทษแบน 2 ใบเหลือง เบิร์ต ฟาน มาไวต์  กุนซือใหญ่อยู่ในช่วงของการปรับจูนทีมแห่งอนาคตพยายามเรียกผู้เล่นอายุไม่เกิน 23 ปี เข้าสู่ทีมก่อนหน้านี้ถึง 9 รายเพื่อสร้างประสบการณ์สำหรับเกมในช่วงเลกที่สอง ซึ่ง ยูเออี จะมีโปรแกรมในบ้านมากกว่าเลกแรก นอกจากนั้นสุดสัปดาห์ที่แล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ย.62 ขุนพลนักเตะ ยูเออี ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อตั้งแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมที่  เอสซีจี สเตเดี้ยม เป็นเวลา 4 วัน นำโดย โอมาร์ อัลดุลระห์มาน ,อาเหม็ด คาริล ก่อนเดินทางเข้าเวียดนาม  เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนบุกเยือนเวียดนามในวันที่ 14 พ.ย.62

        ดร.ฮัสซัน ซูฮาอิล หัวหน้าคณะนักกีฬายูเออีเผยถึงการเดินทางมาเก็บตัวในครั้งนี้ว่า การเลือกเก็บตัวที่ไทยเนื่องจากทุกอย่างมีความพร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีหลายอย่าง เกมบุกเยือนเวียดนามนัดนี้สำคัญมากจึงต้องทำงานกันละเอียดมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสถานการณ์ของกลุ่ม จี ใกล้เคียงกันมากๆ เราจำเป็นต้องเปลี่ยนทุกอย่างของทีมให้เป็นบวก ยูเออี มีแต้มตามหลัง ไทยและเวียดนาม 1 แต้ม ทุกคนในทีมจึงทำงานหนักเป็นสองเท่า

        สำหรับโปรแกรมทีมชาติ ยูเออี ที่เหลือ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย 5 เกม  14 พ.ย.62 พบ เวียดนาม (เยือน), 26 มี.ค.63 พบ มาเลเซีย(เหย้า),31 มี.ค.63 พบ อินโดนีเซีย(เยือน),4 มิ.ย.63 พบ ไทย (เหย้า) และ 9 มิ.ย.63 พบ เวียดนาม(เหย้า)

มาแล้ว​ ยูเออี​  แจงเหตุซ้อมไทยก่อนบุกเวียดนาม

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


แนะประชาชนดูแลสุขภาพ ช่วงปลายฝนต้นหนาว

แนะประชาชนดูแลสุขภาพ ช่วงปลายฝนต้นหนาว thaihealth

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา​ แนะประชาชนดูแลสุขภาพ ช่วงปลายฝนต้นหนาว เพื่อห่างไกลโรค

นายพีระ  อารีรัตน์  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในขณะนี้ใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และบางพื้นที่มีฝนตก ซึ่งเรียกว่าช่วงปลายฝนต้นหนาว มีโอกาสในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจได้ง่าย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม โดยอาการของไข้หวัดจะมีอาการมีไข้ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บ หรือแสบคอ และอาจมีอาการหนาวสั่นด้วย ผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่จะมีอาการหนาวสั่น ตัวร้อนจัด มึนหัว ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว ปวดกระดูก และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยผู้ป่วยหากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อาการสามารถหายได้ในเวลา 57 วัน แต่ถ้าไม่ดูแลตนเองหรือมีอาการแทรกซ้อน อาจจะเกิดโรคปอดบวมตามมา ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่เป็นโรคอ้วน โรคเรื้อรัง โดยในระยะเริ่มแรกของโรคปอดบวมจะมีอาการหอบเหนื่อย มีอาการไข้ ไอ หรือมีเสมหะ ระยะต่อมาเสมหะจะเป็นหนอง ในรายที่มีอาการรุนแรง จะเป็นหนองในเยื่อหุ้มปอด และเจ็บหน้าอก ส่วนบางรายที่ติดเชื้อรุนแรงจะมีความดันโลหิตต่ำ และอาจทำให้เสียชีวิตได้ วิธีการในการป้องกันโรคในช่วงปลายฝนต้นหนาว สามารถปฏิบัติตนเองให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและเป็นภูมิต้านทานป้องกันโรคด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้ ได้แก่

1.หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือคลุกคลีกับผู้ป่วย รวมทั้งไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น จาน ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผู้ป่วยในบ้านควรให้ปิด ปากด้วยหน้ากากอนามัย เวลาไอหรือจาม

2. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ

3. ช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนแออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก

4. หมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายอย่างเสมอ กินอาหารทีมีประโยชน์ ควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้ระบบภูมิต้านทานโรคในร่างกายต่ำลง และติดเชื้อได้งำย ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่น และไม่ใส่เสื้อผ้าที่เปิยกชื้น

5. เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ควรนอนพักมากๆ และดื่มน้ำบ่อยๆ ถ้าตัวร้อนมาก กินยาลดไข้ และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือถ้าอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีอาการไอมากขึ้น แน่นหน้าอกนานเกิน 2 วัน ควรไปพบแพทย์ทันที่

6. หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่และมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ควรไปพบแพทย์ ทันที

จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง เพื่อห่างไกลโรค หากมีอาการเจ็บป่วยหรือไม่สบาย ให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ณ สถานบริการใกล้บ้านในทันที

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


 

ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 20,850.00 20,950.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,351.00 20,481.16 21,450.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,215.90 18,433.04 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,080.80 16,384.93 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 608.00 9,217.28 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 473.00 7,170.68 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,400.00 21,224.00 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/11/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25 27.25
แก๊สโซฮอล์ 91 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98 26.98
แก๊สโซฮอล์ E20 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24 24.24
แก๊สโซฮอล์ E85 19.94 19.94 19.94
เบนซิน 95 34.66 35.11 35.16 34.66 34.66
ดีเซล 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59
ดีเซล B10 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59
ดีเซล B20 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59
ดีเซลพรีเมี่ยม 29.44 29.46 29.84 29.84 29.84
แก๊ส NGV 15.73 15.73
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า