“บ้านจัดสรร’”ถึงเวลาต้องเปลี่ยน”รักษ์โลก”
“บ้านจัดสรร’”ถึงเวลาต้องเปลี่ยน”รักษ์โลก”
แม้การปรับแก้ข้อกำหนดการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2550 ของกรมที่ดินจะเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ส่งผลกระทบตามมาคือการผลักภาระให้ผู้บริโภคบวกต้นทุนเกลี่ยเข้าไปในตัวบ้าน เนื่องจากที่ดินแพง ขณะความเข้มข้นร่างข้อกำหนดใหม่ต้องเว้นพื้นที่ว่าง เป็นพื้นที่สีเขียวจัดทำสวนสาธารณะ ค่อนข้างมากในโครงการบ้านจัดสรร อีกทั้งเพิ่มพื้นที่จอดรถ ซึ่งจะเหลือพื้นที่ขายในเชิงพาณิชย์ลดลง เมื่อเทียบกับข้อกำหนดเดิม
หากมองในมุมกลับจะเป็นผลดีต่อโครงการ สร้างจุดขายดึงลูกค้า สังเกตุจาก บริษัทรายใหญ่มุ่งเน้นขายโครงการรักษ์โลก สร้างบ้านกันฝุ่น พัฒนาโครงการเขียว ลดพลังงาน ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม สร้างความนิยมยิ่ง ให้กับคนรักษ์สุขภาพ สิ่งแวดล้อม โครงการคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า เช่นเดียวกัน มาระยะหลังสังเกตุเห็นแต่ละค่ายต่างกันพื้นที่ส่วนกลางสร้างปอดขนาดใหญ่ให้ลูกบ้านอาศัยร่มเงา กรองฝุ่นพิษ นอกจากเทคโนโลยี ที่ ประดิษฐ์ขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ทุกโครงการที่มีสำนึกท่ามกลาง สิ่งแวดล้อมโลกเปลี่ยนเชื้อโรคร้ายที่มองไม่เห็น ย่างกรายเข้ามาอย่างโคโรนา หรือโควิด -19 ฝุ่นจิ๋ว พีเอ็ม 2.5 มีผลอย่างมาก ต่อสุขภาพชีวิตความเป็นอยู่ ในสังคมเมืองแออัด เมื่อกรมที่ดิน ดำริยกร่างแก้ไขปรับปรุง ข้อกำหนดจัดสรรที่ออกตามความในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การจัดสรรที่ดิน พ.ศ 2543 ปรับสิ่งแวดล้อมให้บ้านแต่ละหลังมีภูมิคุ้มกัน ไปพร้อมกับการขยายตัวของเมือง
นักวิเคราะห์ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ จากเว็บไซต์ thaipropertymentor สะท้อน แนวคิดในการปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน เพื่อยกระดับมาตรกฐานการพัฒนาบ้านจัดสรรให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของกรมที่ดิน ว่าแม้จะมีเจตนาที่ดี แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณากันอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบที่จะลงมาถึงผู้บริโภค ประชาชนคนซื้อบ้าน
แน่นอนว่า การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ย่อมมาพร้อมกับ ราคาบ้านที่แพงขึ้นไม่มากก็น้อย และอาจทำให้การเข้าถึงที่อยู่อาศัยในระดับพื้นฐานของประชาชนคนทั่วๆ ไป เป็นเรื่องที่ยากลำบากยิ่งขึ้น ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่อีกหนึ่งข้อที่กรมที่ดินต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะตามมา
ลองมาฟังความเห็นจาก นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และยังเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ของกรมที่ดิน ซึ่งมีทั้งมุมที่เห็นด้วยและมุมที่เห็นต่าง เกี่ยวกับการปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินในครั้งนี้ ซึ่งกรมที่ดินตั้งธงเอาไว้ใน 7 หัวข้อใหญ่ด้วยกัน
นายอิสระ เริ่มต้นด้วยสภาพในปัจจุบัน ซึ่งข้อกำหนดการจัดสรรที่ดิน รวมถึงพ.ร.บ.การจัดสรรที่ดินที่บังคับใช้กันอยู่ก็มีข้อกำหนดในเรื่องของสิ่งแวดล้อมในโครงการหลายเรื่องอยู่แล้ว เช่น การกำหนดขนาดที่ดินของที่อยู่อาศัยในแต่ละประเภททั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ การกำหนดพื้นที่โล่งว่างในโครงการรวมกันกว่า 30-40% เป็นต้น
“ข้อกำหนดเหล่านี้ทำให้โครงการบ้านจัดสรรมีความหนาแน่นน้อย มีพื้นที่โปร่งโล่งอยู่มากพอสมควร ทำให้มลภาวะในโครงการนั้นมีน้อยกว่าโครงการประเภทอื่นอยู่แล้ว และมีมาตรฐานที่สูงกว่าที่อยู่อาศัยภายนอกโครงการบ้านจัดสรร ไม่ว่าจะเป็นอาคารชุด หรือบ้านเรือนที่ปลูกสร้างเองอยู่แล้ว”
โดยสรุปการเปิดฉากรับฟังความคิดเห็น ร่างโครงการ “บ้านจัดสรรรักษ์โลก:สะอาด สะดวก สบาย ปลอดภัย” (Go Green Living) มีทั้งเอกชนเห็นด้วยและเห็นต่าง ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างไรก็ตาม นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน สะท้อนว่า ปัจจุบันประเทศ ไทยมีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและการขยายตัวของเมืองอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ต่างๆ มากมาย กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว อาทิ ฝุ่น PM 2.5, ก๊าซเรือนกระจก, ขยะล้นเมือง, ปัญหานํ้าเน่าเสีย และความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน กรมที่ดินตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับมาตรฐานบ้านจัดสรรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “บ้านจัดสรรรักษ์โลก : สะอาด สะดวก สบาย ปลอดภัย” ที่สอด คล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศและก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ จึงได้จัดทำโครงการ “การปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม กรุงเทพ มหานคร พ.ศ. 2550” ที่ใช้มานานกว่า 10 ปีขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานบ้านจัดสรร อาทิ ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพิ่มการปลูกต้นไม้ยืนต้น 35% จากเดิม 25%และส่งเสริมให้ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพ หรือระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในระบบไฟสาธารณะของหมู่บ้าน ลดปัญหาจราจรในชุมชนหมู่บ้านจัดสรรด้วยการทำลูกระนาดชะลอความเร็ว สำหรับอาคารพาณิชย์ให้เพิ่มที่จอดรถจาก 1 คันต่อ 1 แปลง เป็น 2 คันต่อ 1 แปลง เพื่ออำนวยความสะดวกผู้มาติดต่อธุรกิจ การลดปัญหาขยะล้นเมือง ด้วยการเพิ่มพื้นที่พักขยะและจัดระบบการ
คัดแยกขยะให้มีเนื้อที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น และเพื่อสร้างการมีความร่วมประชาชนอย่างรอบด้าน และนำไปสู่การพัฒนา “บ้านจัดสรรรักษ์โลก : สะอาด สะดวก สบาย ปลอดภัย” ตอบสนองความต้อง การประชาชนอย่างแท้จริง
นอกจากพื้นที่ กทม.แล้วประเมินว่าคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด แต่ละจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน จะแก้ไขข้อกำหนดฯ รักษ์โลกล้อตามนำพาโครงการอยู่อาศัย สะพรั่งบานน่าอยู่ไปทั่วประเทศ
โรคร้ายภัยเงียบ เทียบไม่ได้กับโลกนวัตกรรม…นาทีนี้ถึงคราวต้องเปลี่ยน โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อาคารสำนักงานยืนเหนือโควิด ลูกค้าหลักโค-เวิร์กกิ้งสเปซ-แบงก์-หน่วยงานรัฐ
ตลาดอาคารสำนักงานภาพรวมดีกว่าอสังหาฯประเภทอื่น ไตรมาสแรกมีพื้นที่อาคารสำนักงานเพิ่มกว่า 5.7 หมื่นตารางเมตร จาก 3 โครงการที่สร้างเสร็จ ลูกค้ากลุ่มใหญ่ โค-เวิร์คกิ้งสเปซ สถาบันการเงิน หน่วยงานรัฐ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีความรุนแรงและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ธุรกิจการส่งออก การบริโภคได้รับผละทบ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่มีการหดตัวแรง
แต่สำหรับตลาดอาคารสำนักงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ฝ่ายวิจัยและการสื่อสารคอลลิเออร์อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รายงานว่า ณ สิ้น ไตรมาสแรกปี 2563 พบว่าอุปทานพื้นที่สำนักงานรวมยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 8.857 ล้านตารางเมตร จากการเปิดตัวของโครงการอาคารสำนักงาน 3 แห่ง ได้แก่ สปริงทาวเวอร์ บนถนนพญาไท มีพื้นที่เช่า 27,255 ตารางเมตร ทิปโก้ ทาวเวอร์ 2 บนถนนพระราม 6 พื้นที่เช่า 14,238 ตารางเมตร และทีอาร์อาร์ทาวเวอร์ บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ พื้นที่เช่า 15,524 ตารางเมตร รวมพื้นที่ทั้ง3โครงการ 57,071 ตารางเมตร
ทั้งยังพบว่าช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมามีอุปสงค์พื้นที่สำนักงานรวมอยู่ที่ประมาณ 45,000 ตารางเมตร โดย โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ สถาบันทางการเงิน รวมถึงหน่วยงานของภาครัฐบางส่วนเป็นผู้ที่เข้าใช้พื้นที่ของอาคารสำนักงานมากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกของปีผ่านมา
กลุ่มผู้เช่าเหล่านี้ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่า 3,000 ตารางเมตร จึงส่งผลให้อาคารสำนักงานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมาบางอาคารมีการใช้พื้นที่ไปแล้วกว่า 80% และคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้เช่าเหล่านี้จะยังคงเป็นผู้เช่าหลักของอาคารสำนักงานในอนาคต
สำหรับภาพรวมพื้นที่สำนักงานเกรด เอ ในกรุงเทพมหานคร ในปี 2563 นอกจากที่กล่าวมาแล้วคาดการณ์ช่วงไตรมาสที่ 2- ไตรมาสที่ 4 จะมีพื้นที่สำนักงานก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 329,255 ตารางเมตร และในปี 2564 ถึงปี 2565 จะมีพื้นที่สำนักงานที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ 368,032ตารางเมตร และ 401,174ตารางเมตร ตามลำดับ
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสารคอลลิเออร์ อินเตอร์เนชั่นแนลฯวิเคราะห์ว่า หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวกลับสู่ภาวะปกติ ผู้ประกอบธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าควรพิจารณาและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นี้ ด้วยการปรับลดขนาดพื้นที่เช่าให้เล็กลง หรือการลงนามสัญญาเช่า อาจปรับลดระยะเวลาการเช่าให้สั้นขึ้น จากปกติสมัยก่อนต้องลงนาม 3 ปีขึ้นไป เพื่อที่จะปล่อยพื้นที่เช่าได้เร็วขึ้น
ส่วนการบรรเทาให้กับผู้เช่า ในระยะสั้นผู้ประกอบการควรให้ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน และค่าบริการอื่นๆ อย่างน้อย 3-6 เดือน โดยแบ่งตามประเภทธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ หรือให้สามารถแบ่งชำระค่าเช่า ค่าบริการรวมถึงขยายเวลาชำระเงินกำหนดเดิมออกโดยไม่คิดดอกเบี้ย เพื่อให้ผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบสามารถประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นไปได้และเพื่อให้ผู้เช่ายังคงสามารถเช่าพื้นที่ต่อได้โดยไม่ยกเลิกสัญญาเช่า
สำหรับผู้เช่าหากได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว ควรติดต่อผู้ให้เช่าเพื่อพูดคุยและหาแนวทางเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป หรือหากครบกำหนดต่อสัญญาอาจพิจารณาเป็นการต่อสัญญาระยะสั้นไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป
ถึงแม้ตลาดอาคารสำนักงานจะเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ เนื่องจากโดยรวมแล้วในปีนี้อุปทานที่เหลืออยู่ยังคงไม่เพียงพอหรือมีอย่างจำกัด เพื่อรองรับความต้องการของบริษัทต่างๆ ที่ต้องการย้ายอาคารสำนักงานใหม่ หรือขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาคารเกรดเอ
แต่หากว่าหลังช่วงไตรมาสที่ 3 ไปแล้ว สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ตลาดอาคารสำนักงานก็อาจจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ เนื่องจากการสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทยคาดการณ์ว่าแพร่ระบาดดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้มีคนว่างงานมากกว่า 6.5 ล้านคน ซึ่งแน่นอนว่าผู้เช่าหลายรายที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องธุรกิจอาจปิดตัวลงจนต้องยกเลิกสัญญาเช่าหรือปรับลดขนาดพื้นที่ลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้สามารถประคับประคองธุรกิจไปได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 32.35บาทต่อดอลลาร์ ทิศทางทรงตัว
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.35 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.34 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทวันนี้ทิศทางยังทรงตัว ขณะที่การเคลื่อนไหวของดอลลาร์ยังไร้ทิศทาง โดยนักลงทุนรอติดตามการพิจารณามาตรการเยียวยาภาคธุรกิจสหรัฐของสภาคองเกรส และผลการประชุม รมว.คลังยูโรโซน
“บาททรงตัว เนื่องจากการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ยังไร้ทิศทาง” นักบริหารเงิน กล่าว
“เมอร์สัน” พูดถึงฟอร์ม “แมนยูฯ” ก่อนลีกหยุดแข่งโยงถึงซีซั่นหน้า
“พอล เมอร์สัน” กูรูลูกหนังชื่อดัง ออกมาวิเคราะห์ถึงฟอร์มการเล่นของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ยอดทีมแดนผู้ดี ก่อนลีกหยุดแข่งด้วยพิษ “โควิด-19” พร้อมโยงถึงซีซั่นหน้า
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 22 เม.ย. ว่า พอล เมอร์สัน กูรูลูกหนังชื่อดัง ออกมาวิเคราะห์ถึงฟอร์มการเล่นของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก่อนลีกหยุดแข่งด้วยพิษ “โควิด-19” ที่กำลังระบาดอย่างหนักในเวลานี้ พร้อมโยงถึงฤดูกาลหน้า
โดยในช่วง 11 นัดหลังสุดทุกรายการ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ นำทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อไม่พบกับความปราชัยเลย โดยแบ่งออกเป็นชนะ 8 เสมอ 3 นัด ยิงได้ 23 ประตูและไปเพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น ตลอดจนการของ บรูโน เฟอร์นันเดส แข้งเจ้าของค่าตัว 47 ล้านปอนด์ และ โอเดียน อิกาโล (ยืมตัว) ก็เข้ามายกระดับทีมได้เป็นอย่างดี
ล่าสุด พอล เมอร์สัน ออกมากล่าวผ่านถึงฟอร์มการเล่นของยอดทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ว่า “พวกเขาอยู่ในฟอร์มที่ดีก่อนลีกจะหยุดแข่ง และผมคิดว่าในฤดูกาลหน้าลูกทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จะดีขึ้นกว่านี้อีกจนอาจก้าวไปสู่ทีมลุ้นแชมป์ถ้าพวกเขาทำในสิ่งและพัฒนาต่อไปได้ตามแนวทางอย่างถูกต้องแบบที่ทำอยู่ในเวลานี้”
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
เพิ่มกำลังการผลิตยารักษาโควิด-19
“องค์การเภสัชกรรม” เพิ่มกำลังการผลิตยารักษาโควิด-19 จำนวน 5 รายการ และนำเข้าจากญี่ปุ่นอีกกว่าแสนเม็ด เตรียมพร้อมสำหรับใช้รักษาให้มีเพียงพอ
ดร.ภญ.มุกดาวรรณ ประกอบไวทยกิจ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางการใช้ยาต้านไวรัส สำหรับใช้รักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด -19 และได้กำหนดให้มียาจำเป็นสำหรับใช้ในการรักษาจำนวน 7 รายการ สำหรับใช้ร่วมกันในการรักษาโรคติดเชื้อโควิด -19 ให้มีเพียงพอเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นยาที่องค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินการผลิตยาขึ้นเอง จำนวน 5 รายการ
ประกอบด้วยยาต่าง ๆ ดังนี้ 1. ยาคลอโรควิน รักษาโรคมาลาเรีย สำรองไว้ จำนวน 1.8 ล้านเม็ด 2. ยาต้านไวรัสเอดส์สูตรผสม โลพินาเวียร์ และ ริโทรนาเวียร์ ( Lopinavir / Ritonavir) สำรองไว้ จำนวน 30.6 ล้านเม็ด 3. ยาต้านไวรัสเอดส์ดารุนาเวียร์ (Darunavir) สำรองไว้จำนวน 1.9 ล้านเม็ด 4. ยาต้านไวรัสเอดส์ริโทรนาเวียร์ (Ritonavir) สำรองไว้จำนวน 1.9 ล้านเม็ด และ 5. ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) ยาปฏิชีวนะใช้รักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย สำรองไว้จำนวน 3.4 ล้านเม็ด
รองผู้อำนวยการ อภ. กล่าวอีกว่า ส่วนยาอีก 2 รายการองค์การฯ ได้จัดซื้อมา คือ 6. ยาฟาวิพิราเวียร์ ( Favipiravir ) ซึ่งเป็นยาสำคัญสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด -19 ที่มีการจัดซื้อจากแหล่งผลิตอยู่ 2 แหล่งหลัก คือญี่ปุ่นเจ้าของสิทธิบัตร และจีนซึ่งได้รับใบอนุญาตจากญี่ปุ่น โดยองค์การฯได้มีการจัดหาไปแล้ว 140,000 เม็ด กรมควบคุมโรคจัดหา 47,000 เม็ด รวมเป็น 187,000 เม็ด และจะมีการส่งมอบที่จัดซื้อจากญี่ปุ่นเพิ่มอีก 103,860 เม็ด ในปลายเดือนเมษายนนี้ ส่วน 7. ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน องค์การฯได้ดำเนินการจัดซื้อไปแล้วจากผู้ผลิตในประเทศ จำนวน 1.09 ล้านเม็ด
“ยาทั้ง 5 รายการที่องค์การฯ ผลิตเองนั้น เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อใช้สำหรับรักษาผู้ติดเชื้อโควิด -19 ซึ่งยามีเพียงพอและไม่กระทบต่อผู้ป่วยที่ใช้ยาเหล่านี้อยู่เดิม และขอเตือนว่ายาเหล่านี้เป็นยาที่ใช้เฉพาะโรค เป็นยาอันตราย การสั่งใช้ต้องเป็นไปตามการสั่งของแพทย์เท่านั้น ประชาชนห้ามซื้อมากินเองเด็ดขาด เนื่องจากยาทุกชนิดมีทั้งคุณประโยชน์และโทษ”ดร.ภญ.มุกดาวรรณ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
Basic Grammar ไวย์กรณ์แม่นๆ..ใช้ได้จริงๆ
ในชีวิตประจำวันของพวกเรา ล้วนแล้วแต่มีการพูดคุย การเขียน หรืออาจจะเม้าท์ได้ในทุกเรื่อง ยิ่งถ้าคุณทำงานเป็นหลักแล้วล่ะก็ คุณคงจะหนีการใช้ภาษาอังกฤษไปไม่พ้นเป็นแน่ ไม่ว่าจะพูดหรือเขียนก็ตาม
ที่เราเลือก Have ก็เพราะว่าประธานอยู่ในกลุ่มของ I, We, You, They และถ้าเป็น He, She, It ก็จะเลือกใช้ Has ส่วนคำว่า since ก็แปลว่าตั้งแต่ถ้าอยู่ในโครงสร้างของ Present Perfect และจะต้องตามด้วยคำหรือประโยคที่เป็นอดีตด้วยนะ..พอเห็นภาพบ้งแล้วใช่ใหมล่ะ
อย่าไปคิดว่ายาก แต่อยากจะขอแนะว่าลองมองให้ออก สนุกกับประโยคที่เราจะต้องเจอะเจอ แล้วคุณจะเก่งขึ้นๆไปจนถึงขั้นเซียนได้อย่างอย่างแน่นอน!
ผุดแอพ Chula Teleclinic ฝ่าวิกฤติโควิด
ผุดแอพ Chula Teleclinic ช่วยคุณหมอฝ่าวิกฤติโควิด
นายพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ทรู ได้พัฒนาแอพพลิเคชันภายใต้ชื่อ Chula Teleclinic ให้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คุณสมบัติของแอพฯนี้เป็นเทคโนโลยีแชตบอต ช่วยคัดกรองผู้สงสัยติดเชื้อโรคโควิด-19
ระบบบริหารจัดการด้านการแพทย์ แสดงผลเชิงสถิติผ่าน Dashboard เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์
เทคโนโลยีสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วย ผ่านระบบแชตและวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
เพิ่มช่องทางให้คนไทยเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างรวดเร็ว และ ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อจากการเดินทางไปโรงพยาบาล
โดยมีระบบประมวลผลข้อมูล วิเคราะห์เชิงสถิติ และแสดงผลผ่าน Dashboard อาทิ ข้อมูลภาพรวมสถานะของผู้ที่เข้ามาทำการประเมินความเสี่ยง และ ประวัติการตอบคำถามตามแบบประเมิน และผลที่ระบบทำการคัดกรองเบื้องต้น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การนัดหมายพูดคุยปรึกษาแพทย์
เทคโนโลยีสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย ผ่านระบบแชตและวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ อำนวยความสะดวกในการพูดคุยปรึกษากับแพทย์ ทั้งก่อนเข้ารับการรักษา และติดตามการรักษาได้ โดยผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ติ้วขาว สรรพคุณและประโยชน์ของต้นติ้วขาว 18 ข้อ ! (ผักติ้ว)
ติ้วขาว
ติ้วขาว ชื่อวิทยาศาสตร์ Cratoxylum formosum (Jacq.) Benth. & Hook.f. ex Dyer (Cratoxylum formosum subsp. formosum) ปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์ติ้ว (HYPERICACEAE)
สมุนไพรติ้วขาว มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แต้วหิน (ลำปาง), ผักเตา เตา (เลย), ติ้วส้ม (นครราชสีมา), กวยโชง (กาญจนบุรี), ตาว (สตูล), ติ้วแดง ติ้วยาง ติ้วเลือด ติ้วเหลือง (ภาคเหนือ), ติ้วเหลือง (ภาคกลาง), แต้ว (ภาคใต้), ผักติ้ว เป็นต้น[1]
หมายเหตุ : ต้นติ้วขาว (ผักติ้ว) ชนิดที่กล่าวถึงในบทความนี้ (สามารถรับประทานได้) เป็นพรรณไม้คนละชนิดกันกับต้นติ้วขน หรือ ติ้วหนาม (ไม่สามารถรับประทานเป็นผักได้) ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cratoxylum formosum subsp. pruniflorum (Kurz) Gogelein อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ติ้วขน
ลักษณะของติ้วขาว
- ต้นติ้วขาว จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง มีความสูงของต้นเฉลี่ยประมาณ 3-12 เมตร และอาจสูงได้ถึง 35 เมตร เรือนยอดเป็นทรงพุ่มกลม โคนต้นมีหนาม กิ่งก้านเรียว ส่วนกิ่งอ่อนมีขนนุ่มอยู่ทั่วไป เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลแดง แตกล่อนเป็นสะเก็ด ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีน้ำตาลแกมเหลือง ลำต้นมีน้ำยางสีเหลืองปนแดงซึมออกมาเมื่อถูกตัดหรือเกิดแผล ขยายพันธุ์วิธีการใช้เมล็ด เป็นต้นไม้ที่ทนแล้งได้ดี พบได้ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทางภาคใต้ตอนเหนือ โดยจะขึ้นตามป่าดิบแล้ง ป่าโปร่ง ป่าเต็งรัง ป่าตามเชิงเขา และตามป่าเบญจพรรณ[1]
ใบติ้วขาว ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปวงรีแกมรูปไข่กลับ หรือเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบสอบเรียบ ส่วนขอบใบโค้งเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5-4.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-13 เซนติเมตร ผิวใบทั้งสองด้านมีขนละเอียด ใบเมื่ออ่อนจะเป็นสีชมพูอ่อนถึงสีแดง เรียบและเป็นมันวาว โดยในช่วงฤดูหนาวจะเห็นเรือนพุ่มทั้งหมดเป็นสีชมพูอ่อน ใบแก่เป็นสีเขียวสด เรียบ เกลี้ยง หลังใบบนเป็นมัน ส่วนท้องใบมีต่อมกระจายอยู่ทั่วไป ใบแก่เป็นสีแดงหรือสีแสด มีเส้นข้างใบประมาณ 7-10 คู่ โดยจะโค้งจรดกันใกล้ขอบใบ และมีก้านใบยาวประมาณ 0.6-1.6 เซนติเมตร[1]
- ดอกติ้วขาว ออกดอกเป็นช่อแบบกระจุกตามกิ่งเหนือรอยแผลของใบ กลีบดอกเป็นสีขาวอมสีชมพูอ่อนถึงสีแดง กลีบดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกตามซากใบ หลุดร่วงได้ง่าย ดอกมีอยู่ 5 กลีบ เมื่อดอกบานจะขยายออกประมาณ 1.2 เซนติเมตร ก้านดอกเรียวเล็กและมีกาบเล็ก ๆ ที่ฐานกลีบด้านใน ดอกมีเกสรตัวผู้สีเหลือง สั้น ๆ อยู่จำนวนมาก ก้านเกสรเชื่อมติดกันเป็นกลุ่ม 3 กลุ่ม ส่วนเกสรตัวเมีย ก้านเกสรเป็นสีเขียวอ่อนมี 3 อัน และมีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวอ่อนปนสีแดง โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม[2]
- ผลติ้วขาว ผลเป็นแบบแห้งและแตกได้ ลักษณะของผลเป็นรูปไข่แกมรูปกระสวย ผิวผลมีนวลสีขาว ผลเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลดำ ลักษณะของผลเป็นแบบแคปซูล ปลายแหลม ผิวเรียบและแข็ง มีขนาดกว้างประมาณ 0.4-0.6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.3-1.8 เซนติเมตร และจะแตกออกเป็น 3 แฉกเมื่อแก่ ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาล ส่วนที่ฐานดอกมีกลีบเลี้ยงยังคงอยู่[2]
สรรพคุณของติ้วขาว
- ช่วยบำรุงโลหิต ฟอกโลหิต (ยอด, ใบอ่อน, ดอก, เถา)[1]
- เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำกินแก้ธาตุพิการ (เปลือกต้น)[1]
- ช่วยแก้ประดง (ยอด, ใบอ่อน, ดอก, เถา)[1]
- ผักติ้วเป็นผักที่มีวิตามินเอสูง จึงมีสรรพคุณช่วยป้องกันไม่ให้เด็กเป็นตาบอดกลางคืน และโรคตาไก่[7]
- ช่วยขับลม (ยอด, ใบอ่อน, ดอก, เถา)[1]
- รากและใบ ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการปวดท้อง (รากและใบ)[1]
- ใช้รากผสมกับรากปลาไหลและหัวแห้วหมู นำมาต้มกับน้ำดื่มวันละ 3 ครั้งเป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการปัสสาวะขัด (ราก)[1],[7]
- แก่นและลำต้น ใช่แช่กับน้ำดื่ม ช่วยแก้ปะดงเลือด หรืออาการเลือดไหลไม่หยุด (แก่นและลำต้น)[1]
- ต้นและยางจากเปลือกต้น ใช้ทาแก้อาการคัน (ยาง)[1]
- เปลือกและใบ นำมาตำผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใช้ทารักษาโรคผิวหนังบางชนิด (เปลือกและใบ)[1]
- น้ำยางจากต้น ใช้ทารักษารอยแตกของส้นเท้าได้ (ยาง)[1]
- ช่วยแก้อาการปวดตามข้อ แก้ไขข้อพิการ (ยอด, ใบอ่อน, ดอก, เถา)[1]
- มีงานวิจัยเรื่องการทดลองสารที่พบจากใบผิวติ้วขน โดยพบว่ามีฤทธิ์ในการต้านมะเร็งตับได้ และยังไม่ทำลายเซลล์ปกติอีกด้วย แต่งานวิจัยดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้นพอที่จะเอาไปใช้ต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ จึงสรุปได้แต่เพียงว่า การรับประทานผักติ้วเป็นประจำจะช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งตับได้ (ใบ)[6]
ประโยชน์ของติ้วขาว
- ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อนของติ้วขาวหรือผักติ้วใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับลาบ ก้อย น้ำตก แจ่ว ซุปหน่อไม้ น้ำพริก น้ำพริกปลาร้า ขนมจีน หมี่กะทิ เมี่ยงญวน แหนมเนืองเวียดนาม หรือจะนำไปประกอบอาหาร เช่น ใส่ต้มหรือแกงต่าง ๆ เพื่อใช้ปรุงรสเปรี้ยวแทนการใช้มะนาว เช่น แกงเห็ด แกงปลา[1],[2],[6],[7]
- ดอกอ่อน ใช้ทำซุปหรือยำได้ แต่จะนิยมใช้ติ้วขาวมากกว่าติ้วขน เพราะติ้วขาวมีรสชาติขมและฝาดน้อยกว่าติ้วขน[2]
- สารสกัดด้วยน้ำของติ้วขนมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้กับปลานิล โดยปลานิลที่เลี้ยงด้วยอาหารที่ผสมด้วยสารสกัดติ้วขน (อัตราส่วน 1.5% (w/w)) จะมีภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ (Nonspecific immune response) สูงขึ้น[5]
- สารสกัดจากผักติ้ว (ยอดอ่อน) ที่เข้ากระบวนการสกัดผสมกับเอทานอล (และขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน) จนได้สารจากผักติ้วที่ชื่อว่า “คอลโรจินิกเอซิก” สามารถนำไปใช้ยับยั้งกลิ่นหืนของอาหารได้เป็นอย่างดี (งานวิจัยของนิสิตโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)[6]
- ไม้ติ้วขาวสามารถนำมาใช้ในการก่อสร้าง ทำโครงสร้างบ้าน สร้างขื่อบ้าน ทำกระดานพื้น สร้างรั้ว ทำเสาเข็ม ทำด้ามเครื่องมือ จอบ เสียม เครื่องตกแต่งภายในเรือน กระสวยทอผ้า ทำหีบใส่ของ ฯลฯ[7]
คุณค่าทางโภชนาการของผักติ้ว (ยอดอ่อน, ใบอ่อน, ดอก) ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 58 กิโลแคลอรี
- โปรตีน 2.4 กรัม
- ไขมัน 1.7 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม
- เส้นใยอาหาร 1.4 กรัม
- เถ้า 0.6 กรัม
- น้ำ 85.7 กรัม
- วิตามินเอ 7,500 หน่วยสากล
- วิตามินบี1 0.04 มิลลิกรัม
- วิตามินบี2 0.67 มิลลิกรัม
- วิตามินบี3 3.1 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 56 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 67 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 2.5 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 19 มิลลิกรัม
ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,900.00 | 26,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,678.00 | 25,438.48 | 26,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,510.20 | 22,894.63 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,342.40 | 20,350.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 755.00 | 11,445.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 587.00 | 8,898.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,739.00 | 26,363.24 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/04/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 16.95 | 16.95 | 16.95 | 16.95 | 16.95 | 16.95 | 16.95 | 16.95 | 16.95 | 16.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 16.68 | 16.68 | 16.68 | 16.68 | 16.68 | 16.68 | 16.68 | 16.68 | 16.68 | 16.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 15.44 | 15.44 | 15.44 | 15.44 | 15.44 | – | 15.44 | 15.44 | 15.44 | 15.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 15.04 | 15.04 | – | – | – | – | – | 15.04 | – | – |
เบนซิน 95 | 24.36 | – | – | – | 24.81 | – | 24.86 | 24.36 | – | 24.36 |
ดีเซล | 18.49 | 18.49 | 18.49 | 18.49 | 18.49 | 18.49 | 18.49 | 18.49 | 18.49 | 18.49 |
ดีเซล B10 | 15.49 | 15.49 | 15.49 | 15.49 | 15.49 | 15.49 | 15.49 | 15.49 | – | 15.49 |
ดีเซล B20 | 15.24 | 15.24 | 15.24 | 15.24 | 15.24 | – | 15.24 | 15.24 | – | 15.24 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 22.34 | 22.36 | 24.34 | 24.34 | 24.34 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.31 | 15.31 | – | – | – | – | – | – | – | – |