ซีบีอาร์อี”ชี้โควิดพลิกอสังหาฯ บ้าน-ออฟฟิศ สู่นิวนอร์มอล
การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด19) ปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของคนทั่วโลก รวมไปถึงรูปแบบการพัฒนาธุรกิจให้รองรับสังคมยุคใหม่ ทั้งช่วงเริ่มต้นโควิด และช่วงหลังโควิด โดยเข้ามาพลิกโฉมนิยามความต้องการใหม่(New Normal)
อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จนทำให้อัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ (จีดีพี) ติดลบในรอบกว่า 20-30 ปี วิกฤติโควิดถือเป็นวิกฤติครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2540 ที่มีวิกฤติต้มยำกุ้ง , วิกฤติซัพไพร์ม ในสหรัฐปี 2552 ,วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในไทยปี 2554 และปี 2563 กับวิกฤติโควิด-19 ที่หน่วยงานภาครัฐคาดว่าจีดีพีจะติดลบ 5.3%
โดยแต่ละวิกฤติจะส่งผลทั้งบวกและลบต่อธุรกิจอสังหาฯ เช่น น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ส่งผลทำให้ความต้องการบ้านเพิ่มขึ้น ขณะที่วิกฤติโควิดส่งผลทำให้ราคาขายอสังหาฯในตลาดลดลง บางแห่งติดเกือบ 50% เช่น คอนโดมิเนียม ใจกลางเมือง ที่เคยขายราคา 300,000 บาทตารางเมตร(ตร.ม.) อาจจะลดลงเหลือประมาณ 2-2.5 แสนบาท ขณะที่ราคา 2-2.5 แสนบาทต่อตร.ม. อาจจะลดลงต่ำสุดอยู่ที่ 1.5แสนบาทต่อตร.ม.
ในปี 2563 จึงเป็นปีที่ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ ลดราคาเพื่อระบายสต็อกคงค้าง ทั้งสินค้าที่กำลังสร้าง และสินค้าที่สร้างเสร็จแล้ว จึงถือเป็นปีแห่งการล้างสต็อก ( Clearance) ซัพพลายในตลาด โดยจำนวนโครงการที่อยู่ใจกลางเมืองที่ก่อสร้างแล้วเสร็จระหว่างปี 2560-2562 มีจำนวน 29,000 ยูนิต ซึ่งมียอดขายไปแล้ว 86.9% จึงเหลือโครงการก่อสร้างเสร็จในตลาดที่รอขายประมาณ 13.1%
ขณะที่โครงการใจกลางเมืองที่เปิดตัวระหว่างปี 2560-2562 อยู่ที่ 29,000 ยูนิต ซึ่งขายไปแล้ว 55% จึงเหลือซัพพลายเปิดใหม่ที่รอขายประมาณ 45% โดยจำนวนคอนโดใจกลางเมืองที่เหลือในตลาดประมาณ 16,849 ยูนิต ที่ทางผู้ประกอบการอสังหาฯ เร่งระบายสต็อกพร้อมกันกับปรับแผนชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ในปี 2563 เพื่อบริหารความเสี่ยง ทำให้คาดว่าทั้งปีจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ติดลบไม่ต่ำกว่า 60% ที่สำคัญความต้องการบ้านแนวราบเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหันไปเปิดตัวโครงการใหม่เน้นที่อยู่อาศัยแนวราบสัดส่วนสูงกว่าคอนโด
“ปีนี้เป็นปีที่ผู้ประกอบการเร่งระบายสต็อกที่เหลือ ระบายของเก่าออกก่อน แทนการเปิดตัวโครงการใหม่ จึงถือเป็นปีทองของผู้ซื้อ เพราะปีนี้ราคาลดลงมาแทบจะต่ำที่สุดในรอบหลายปี ไม่มีช่วงไหนที่ราคาต่ำได้ขนาดนี้อีกแล้ว หากรอไปนานกว่านี้อาจจะช้า”
อลิวัสสา ยังกล่าวต่อว่า ปีนี้ยังเป็นปีที่มีการแข่งขันกันนำที่อยู่อาศัยทั้งคอนโด และแนวราบ มาลดราคาจำนวนมากส่วนใหญ่โครงการที่ลดก่อนจะได้เปรียบในการชิงดีมานด์ที่มีจำกัด ซึ่งผู้ที่ลดราคาในเปอร์เซ็นต์ที่สูงเกือบ 50% อาจจะเป็นโครงการที่เหลือจำนวนมาก หากโครงการที่เหลือไม่กี่ยูนิต ก็ไม่จำเป็นต้องลดราคาสูง
ทั้งนี้ประเมินในเบื้องต้น สถานการณ์จะเริ่มผ่อนคลายความตรึงเครียดลงในช่วงหลังจากจบไตรมาสที่ 2 ที่จะส่งผลกระทบทำให้ตลาดสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวตามหลังเศรษฐกิจหลังจากนั้นอีก 6 เดือนดังนั้นดีมานด์ที่มีในตลาด จะเป็นกลุ่มตลาดนักลงทุนระยะยาว ตลาดต่างชาติที่จะมีความต้องการบ้านหลังที่ 2 เพิ่มความต้องการมาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ซื้อที่มีความพร้อมในไทยก็ซื้อที่อยู่อาศัยในราคาถูก
ผู้บริหารซีบีอาร์อี ยังประเมินว่าภายหลังโควิด -19 ถือเป็นการพลิกโฉมความต้องการอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังนั้นหลังจากที่ผู้ประกอบการระบายสต็อกสินค้าเก่าหมดแล้ว จากนั้นจะปรับรูปแบบที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกันกับยุคโควิด นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านที่อยู่อาศัย และการใช้ชีวิตในสถานที่ๆต่างๆ ผ่าน 4 เทรนด์ ประกอบด้วย
1. การอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดี ส่งเสริมสุขภาพดี 2. เว้นระยะห่างทางสังคม 3. การบริหารจัดการความเสี่ยง และ 4. การพัฒนาเทคโนโลยี จากปัจจัยความต้องการที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป นักพัฒนาอสังหาฯ จึงต้องแปลงเทรนด์ไปสู่การออกแบบสำนักงาน ที่อยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหลังจากโควิด
ภายในสำนักงานจะต้องมีพื้นที่ความต้องการเล็กลง หลังจากทำงานที่บ้าน (Work From Home) ทำให้ปรับมีรูปแบบคล้าย Co- Working space ใช้พื้นที่ในสำนักงานเล็กลง มีการแบ่งปันพื้นที่ส่วนกลาง และมีพื้นที่ส่วนตัว ขณะด้านที่อยู่อาศัยในอนาคต มีความต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น และกว้างขึ้นสำหรับ Work From Home รวมไปถึงการมีพื้นที่มุมสงบให้คนในครอบครัว พื้นที่ส่วนกลางก็จะต้องมีการเพิ่มมุมสำหรับทำงานส่วนตัว และประชุมออนไลน์มากขึ้น รวมไปถึงการเปิดให้มีจุดรับ-ส่งอาหาร ดิลิเวอรี่
ไพสิฐ แก่นจันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเทรนด์ที่อยู่อาศัยหลังโควิดว่า ความต้องการของคนนั้นเปลี่ยนไป แต่เป็นการเปลี่ยนกลับมาสู่วิถีชีวิตเดิม ชีวิตปกติ นักอสังหาฯ จึงต้องนิยามคำว่าบ้านใหม่ (Redefine) บ้าน จะต้องเป็นสถานที่ที่ใช้ชีวิตได้จริงยาวนาน 24 ชั่วโมง โดยไม่รู้สึกอึดอัด มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีพื้นที่สำหรับทำงาน ออกกำลังกาย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เช็กความพร้อม “การเดินทาง” หากรัฐคลายล็อกดาวน์
หลังจากภาครัฐคลายล็อกดาวน์เป็นระยะ ๆ ให้กับหลายภาคส่วนธุรกิจ ทำให้หลายคนเริ่มออกมาทำงาน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น ลองมาเช็กว่าด้านการเดินทางแต่ละประเภทมีความพร้อมอย่างไรกันบ้าง
จากการที่ภาครัฐคลายล็อกดาวน์ 6 กลุ่มกิจการ-กิจกรรม ได้แก่ ตลาด ร้านอาหาร กิจการค้าปลีก-ส่ง กีฬาสันทนาการ ร้านตัดผม-เสริมสวย และร้านตัดแต่งขนสัตว์ ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 และเตรียมจะประกาศให้กิจการขนาดใหญ่เปิดได้ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ซึ่งคาดว่าจะทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนกลับมาเหมือนปกติอีกครั้ง
แน่นอนว่าการเดินทางในปัจจุบันที่ค่อนข้างคล่องตัวจะกลับมาหนาแน่นเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน โดยหลายภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับทางด้านคมนาคม โดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวมากขึ้น โดยสามารถอัปเดตได้ดังนี้
ขสมก. ขน 2,500 คัน ช่วยช่วงเร่งด่วน
ด้านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เปิดเผยว่า ในช่วงปกติ ขสมก. มีผู้โดยสารใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ล้านคน/วัน แต่ช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้ลดลงเหลือ 300,000 คน/วัน โดยมีรถโดยสารให้บริการ 2,000-2,100 คัน/วัน หรือ 70% ของจำนวนรถทั้งหมด
แต่หลังรัฐบาลผ่อนคลายกิจการ 6 ประเภท ทำให้ยอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 คน/วัน จึงได้จัดรถเพิ่มขึ้น 2,500-2,600 คัน/วัน หรือคิดเป็น 80% ของจำนวนรถทั้งหมด ในช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็น จะปล่อยรถถี่ขึ้นเป็น 5 นาที/คัน ช่วงนอกเวลาให้รถเมล์แต่ละสายเป็นผู้พิจารณาเอง
ทั้งนี้ จะมีการเพิ่มรถเมล์เข้าไปในระบบมากขึ้น เพราะรถเมล์แต่ละคันยังจำเป็นต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร ทำให้บรรทุกผู้โดยสารได้เพียง 25 คน/คัน โดยจะยังการให้บริการยังเป็นเวลา 05.00-21.00 น.
คนใช้รถไฟพุ่งเกือบ 4 แสนคน
หลังจากภาครัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ กรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า สถิติการเดินทางรถไฟและรถไฟฟ้า ณ วันที่ 4 พฤกษภาคม 2563 มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากสภาวการณ์ช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ที่มีผู้โดยสารเฉลี่ย 189,000 เที่ยวคน/วัน มาเป็น 395,062 เที่ยวคน/วัน แบ่งเป็น
– รถไฟปกติ 2,151 เที่ยวคน/วัน
– แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 19,081 เที่ยวคน/วัน
– รถไฟฟ้า MRT 140,530 เที่ยวคน/วัน
– รถไฟฟ้า BTS 233,300 เที่ยวคน/วัน
โดยยังคงมาตรการคุมเข้มด้านการดูแลรักษาสภาพรถโดยสาร ระบบการเดินรถ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีความพร้อมสมบูรณ์ในการให้บริการ หากมีความหนาแน่นในแต่ละสถานี ให้หน่วยงานผู้ให้บริการ บริหารการเข้าสู่ระบบ ตั้งแต่ก่อนการขึ้น-ลง เข้าสู่ชั้นจำหน่ายตั๋ว ก่อนผ่านหน้าประตูกั้นจัดเก็บค่าโดยสาร และก่อนเข้าสู่ขบวนรถ รวมถึงเว้นระยะห่างทางสังคม 1-2 เมตร สวมหน้ากากตลอดเวลา และขอให้ประชาชนวางแผนเผื่อเวลาในการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ได้สั่งจัดขบวนรถให้บริการอย่างเต็มที่ สายสีน้ำเงินได้นำรถใหม่ทั้ง 36 ขบวนออกวิ่งให้บริการทุกขบวน และให้เพิ่มความถี่ปล่อยขบวนรถช่วงเร่งด่วนเป็น 3.5-4.5 นาที/ขบวน ส่วนสายสีม่วง ได้จัดขบวนรถออกวิ่งเต็มที่ประมาณ 12-16 ขบวน และเพิ่มความถี่ในการปล่อยขบวนรถในช่วงเร่งด่วนเป็น 4-5 นาที/ขบวน
ขณะที่รถไฟฟ้า BTS ได้นำรถไฟฟ้าที่มีอยู่ 98 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ รวม 392 ตู้ ออกให้บริการทั้งหมด รองรับผู้โดยสารอย่างเต็มที่ โดยได้รับความร่วมมือจากทางกรุงเทพมหานครได้จัดเทศกิจมาช่วยจัดระเบียบ อำนวยความสะดวก ให้ผู้ใช้บริการในสถานีหลัก 17 สถานี ที่มีผู้ใช้บริการมากช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็น ให้เว้นระยะห่าง ไม่กระจุกตัว
นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการให้เผื่อเวลาเดินทาง แม้จะนำขบวนรถที่มีอยู่ออกวิ่งให้บริการทั้งหมด แต่การจัดที่นั่งให้มีระยะห่างภายในขบวน ทำให้ความจุผู้โดยสารแต่ละขบวนลดลงเหลือเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนผู้โดยสารที่รองรับได้ในภาวะปกติ
เพิ่มความถี่เรือรองรับผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น
อีกหนึ่งรูปแบบการเดินทางที่มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นหลังจากมีการคลายล็อกดาวน์ โดยแบ่งเป็น
– เรือโดยสารคลองแสนแสบ มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นแตะ 10,000 คน/วัน จากเดิมที่มีเพียง 5,000-6,000 คน/วัน โดยทางกรมเจ้าท่าและบริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด จะมีการเพิ่มเรือในช่วงเร่งด่วน ทั้งช่วงเช้า เวลา 06.30-09.00 น. และช่วงเย็น เวลา 16.00-19.00 น. จาก 40 ลำ เป็น 60 ลำ และเพิ่มความถี่ปล่อยเรือทุก 3-5 นาที/ลำ
นอกจากนี้ยังคงมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้โดยสาร, ติดตั้งจุดกดเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร รวมถึงต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ใช้บริการ
– เรือด่วนเจ้าพระยา จะมีการปล่อยเรือโดยสารให้ถี่ขึ้น จากเดิมจากต้นทางท่าเรือนนทบุรีมีความถี่อยู่ที่ 10 นาที/ลำ เป็นออกทันทีเมื่อผู้โดยสารเต็มลำ
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
‘อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์’ ไตรมาส 1/2563 กำไรสุทธิ 118 ล้านบาท COVID-19 ทำให้เกิด New Normal ดันยอดขายออนไลน์โต 150%
บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือ ILM แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 118 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นมากจากการการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของสินค้า (Product Mix) ในขณะที่ COVID-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค เกิด New Normal หนุนยอดขายออนไลน์ไตรมาสแรกเติบโต 150% พร้อมเสนอจ่ายเงินปันผล 0.46 บาท ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 2,211 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 118 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปิดสาขาส่วนใหญ่ของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ตามคำสั่งของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดต่างๆ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของ COVID-19
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่หลายบริษัทดำเนินมาตรการ Work From Home (WFH) เพื่อเพิ่มระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้า โดยพบว่าผู้บริโภคเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าหมวดหมวดโต๊ะเก้าอี้สำนักงาน (Home Office) และหมวดของใช้ของตกแต่งบ้าน (Home decoration) โดยบริษัทฯ ได้ขยายความร่วมมือกับ Market Place เช่น Lazada, Shopee, และ JD Central รวมถึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมส่งสินค้าฟรีทั่วประเทศ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ไตรมาสแรกที่ผ่านมามีอัตราเติบโตสูงถึง 150% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และบริษัทฯ เชื่อมั่นว่ายอดขายผ่านช่องทางออนไลน์จะสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 45.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 43.8% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของสินค้า (Product Mix) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในเครื่องจักรที่ยังไม่เริ่มใช้อีกประมาณ 70 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.46 บาท บาท เตรียมเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 กรกฏาคม 2563
สำหรับทิศทางไตรมาส 2/2563 เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทยอยเปิดสาขาต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังหน่วยงานภาครัฐเริ่มมีมาตรการผ่อนปรนตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกันได้มุ่งเน้นการเพิ่มประเภทสินค้าใหม่ๆ (Product Range) สำหรับช่องทางออนไลน์ รวมถึงงานโปรเจ็คที่อยู่อาศัยยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เร่งดำเนินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อส่งมอบโครงการให้ลูกค้าได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีแผนปรับปรุงสาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่ขายสินค้าผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายและอัตรากำไรที่สูงขึ้น ทดแทนการขยายสาขาที่จะชะลอออกไปก่อนในปีนี้ โดยการปรับปรุงสาขาใช้กระแสเงินสดจำนวนไม่มากแต่จะสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างคุ้มค่า โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ปรับปรุงอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ไปแล้ว 3 สาขา ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมีแผนขยายสาขาแฟรนไชส์ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในปีนี้ อาทิ เวียดนาม และเมียนมาร์ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ไว้อย่างรอบด้าน เช่น การลดค่าใช้จ่าย การชะลอการใช้จ่ายเงินและการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน แผนการรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลง รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดสำหรับทั้งลูกค้าและพนักงาน หลังภาครัฐเริ่มมีมาตรการผ่อนปรนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเริ่มทยอยเปิดสาขาต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้เหมือนที่เคยผ่านมาได้ในทุกครั้ง และสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแรงอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com
พาณิชย์ เอาจริงฟันโกงตาชั่งทุเรียน โทษหนักคุก 7ปี
กรมการค้าภายใน เร่งสอบ ล้ง-รถเร่ -พ่อค้าแม่ค้าหัวใสดัดแปลงตาชั่ง โกงน้ำหนักขายทุเรียน หลังพบชาวบ้านร้องเรียนถูกโกงน้ำหนัก เตือนทำผิดโทษหนักไม่คุ้มเงินโกง
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายศูนย์ชั่งตวงวัด สำนักงานสาขาชั่งตวงวัดทั่วประเทศออกตรวจสอบเครื่องชั่งที่ใช้รับซื้อผลไม้ตามล้ง รถเร่ และพ่อค้าคนกลางตามแผงทั่วประเทศ โดยเฉพาะทุเรียน ผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากชาวบ้านในช่วงนี้อย่างมาก หลังจากที่ผ่านมาพบว่าถูกพ่อค้าแม่ค้าบางรายโกงชาวบ้านด้วยการดัดแปลงแกไขเครื่องชั่ง โดยให้มีน้ำหมักมากกว่าปกติ เช่น ตั้งค่าให้น้ำหนักเกินของจริงประมาณ2-3 ขีดจนไปถึงระดับ 1 กก. ต่อทุเรียน 1 ลูก ดังนั้นจึงขอเตือนบรรดาพ่อค้าแม่ไม่ควรซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในภาวะที่ทุก]คนไทยได้รับผลกระทบการระบาดโควิด-19
“ที่ผ่านมาก็มีผู้บริโภคร้องเรียน 1569 และทางกรมก็ส่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบซึ่งก็เจอพบผู้กระทำความผิด ขณะเดียวกันก็มีพบเจอผู้กระทำความผิดด้วยการตรวจสอบเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ โดยโทษกระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาดัดแปลงส่วนประกอบของเครื่องชั่งทำให้เครื่องชั่งแสดงน้ำหนัก เกินอัตรา เผื่อเหลือเผื่อขาดการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 75/1 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีและปรับไม่เกิน 280,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นจึงไม่อยากให้พ่อค้าแม่ค้ามีพฤติกรรมที่หลอกลวงผู้บริโภคเพราะจะสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านและที่สำคัญหากถูกจับได้ก็ไม่คุ้มค่ากับเงินที่โกงไปแค่หลักสิบหรือหลักร้อยบาท”
ทั้งนี้ในช่วงผ่านก็กรมการค้าภายในก็ได้มีการจัดคาราวานสายตรวจเพื่อตรวจสอบเครื่องชั่งรับซื้อ-ขายผลไม้ ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดระยอง ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งผลิตผลผลิตที่สำคัญในช่วงนี้ พร้อมทั้งขอเตือนพ่อค้าให้ใช้เครื่องชั่งที่ผ่านการตรวจให้คำรับรองจากกรมการค้าภายใน ซึ่งเครื่องชั่งที่ผ่านการตรวจให้คำรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่จะมีการประทับเครื่องหมายคำรับรองตราครุฑและติดสติกเกอร์ที่ตัวเครื่องชั่ง
นอกจากนี้ยังพบว่ามีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน ได้แชร์เตือนภัยประชาชนผู้ชอบทานทุเรียนที่ตอนนี้เริ่มมีพ่อค้าแม่ค้าโกงตาชั่งได้เริ่มระบาดแล้ว ล่าสุดมีชาวบ้านได้ร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 กรมการค้าภายในว่า พ่อค้ารถเข็นขายทุเรียนบริเวณวัดตรีทศเทพ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร โกงประชาชนโดยใช้เครื่องชั่งที่มีการดัดแปลงจากการตรวจสอบเครื่องชั่งพบว่ามีการทำลายเครื่องหมายคำรับรองและทำการดัดแปลงแก้ไขส่วนประกอบภายในของเครื่องชั่งพบว่าค่าน้ำหนักที่แท้จริง 2 กก. แต่เครื่องชั่งกลับมีน้ำหนักเป็น 3.1 กก. หรือเป็นการเอาเปรียบประมาณ 1 กก.ต่อทุเรียน 1 ลูกและตำรวจได้ลงเป็นคดีอาญาแล้ว
“ครั้งนี้โกงเยอะสุดตั้งแต่เคยจับมา ทุเรียนหนึ่งลูกโกงหนึ่งกิโล โดยทุเรียนกก.ละ 150 บาท ซึ่ง 1 วันขายได้ 40 ลูก ก็เป็นการโกงประชาชนได้เงินวันละ 6,000 บาท ดังนั้นประชาชนหากไม่ไว้ใจอย่าให้พ่อค้าก็อย่าปอกเปลือกแล้วแกะให้ แต่ควรซื้อเป็นลูกแล้วหาเครื่องชั่งมาชั่งทุเรียนอีกครั้ง หากได้ทุเรียนไม่ครบตามที่ซื้อแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 “รองอธิบดีกรมการค้าภายใน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
แฟนพรีเมียร์ลีกเฮลั่น!รัฐบาลอังกฤษเปิดไฟเขียวฟุตบอลกลับมาเตะ มิ.ย.
คอลูกหนังอังกฤษได้ยิ้มกว้าง เพราะล่าสุดรัฐบาลคอนเฟิร์มแล้ว เกมฟุตบอลสามารถกลับมาแข่งขันได้ต่อตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งตอนนี้เหลือแค่การตัดสินใจของทาง พรีเมียร์ลีก เท่านั้น
โอลิเวอร์ ดาวเด้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล, วัฒนธรรม, สื่อ และการกีฬา ยืนยันว่า ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และลีกล่างต่างๆ ประจำฤดูกาล 2019/20 สามารถกลับมาแข่งขันต่อได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ดาวเด้น พูดในระหว่างการประชุมกับ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ), พรีเมียร์ลีก และ ฟุตบอลลีก อังกฤษ เกี่ยวกับแผนการที่จะกลับมาแข่งขันฟุตบอลอีกครั้ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยที่ทาง พรีเมียร์ลีก มีคิวประชุมใหญ่อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคมนี้ เพื่อสรุป “โปรเจ็กต์ รีสตาร์ท” และคาดว่าน่าจะกลับมาฟาดแข้งกันต่อได้ในวันที่ 12 มิถุนายน โดยเป็นการแข่งแบบสนามปิด
“เราทุกคนต่างเห็นด้วยที่จะให้เป็นไปตามนั้น ถ้าหากปลอดภัย เรื่องสุขภาพ และสวิสดิภาพของตัวผู้เล่น, โค้ช และสต๊าฟฟ์ทุกคน ต้องมาก่อน ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานของฟุตบอลแล้ว ที่จะตอบตกลงและสรุปรายละเอียดต่างๆ ตามแผนที่วางเอาไว้ ซึ่งมันเป็นผลดีโดยรวมต่อทั้งแฟนบอล, วงการฟุตบอล และประเทศชาติ ทางรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ต่างพร้อมที่จะให้คำแนะนำและสนับสนุนเกมฟุตบอลต่อไปเรื่อยๆ” ดาวเด้น ระบุ
นอกจากนี้ ดาวเด้น ยังเน้นย้ำว่า ควรจะให้แฟนบอลได้รับชมการถ่ายทอดสดที่บ้านอย่างทั่วถึง และตรวจสอบให้แน่ใจว่า การกลับมาแข่งขันใหม่จะไม่ส่งผลกระทบต่อด้านการเงินในวงกว้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
แนะเก็บแปรงสีฟันเอาด้ามลง เว้นระยะห่างระหว่างแปรง ป้องกันโควิด-19
สธ.เผย 5 อาการฉุกเฉินมารับบริการทันตกรรมได้ ผ่านระบบนัดหมายของ รพ. ส่วนกรณีไม่เร่งด่วนให้รอก่อน หรือโทร.สอบถามหรือนัดหมาย “หมอฟัน” แนะวิธีดูแลสุขภาพช่องปากพื้นฐาน เตือนโควิดชอบความเย็นชื้น เก็บแปรงสีฟันให้เอาด้ามลง เว้นระยะห่างระหว่างแปรง แยกหลอดยาสีฟันคนในบ้าน
วันนี้ (14 พ.ค.) นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมคลินิกทันตกรรมบริการประชาชนช่วงโควิด-19 ว่า หากเป็นภาวะฉุกเฉินยังคงให้บริการงานทันตกรรม โดยใช้ระบบการนัดหมายผ่านแอปพลิเคชันของสถานพยาบาล หรือนัดหมายทางโทรศัพท์ ซึ่งอาการฉุกเฉินเร่งด่วน คือ 1. เหงือกหรือฟันปวดบวม กินยาแก้ปวดยาฆ่าเชื้อหากไม่หาย 2-3 วันให้ไป รพ. ซึ่งโรงพยาบาลหลายแห่งมีวิดีโอคอลสอบถามได้ 2. เครื่องมือจัดฟัน ฟันเทียมแตกหัก ทิ่มแทงเนื้อเยื่อ ครอบฟันชำรุด 3. เลือดออกภายในช่องปาก 4. อุบัติเหตุปวดบวมบริเวณใบหน้าและขากรรไกร 5. กรณีรักษาเฉพาะทางที่มีการดูแลร่วมกันระหว่างแพทย์และทันตแพทย์ เช่น ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ซึ่งต้องรักษาฟันก่อน เป็นต้น
นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีไม่เร่งด่วน คือ 1. มีการรักษาต่อเนื่องที่ค้างอยู่ เช่น รักษาคลองรากฟัน ฟันผุลึกที่อุดชั่วคราวอยู่ ให้โทร.นัดหมายมาใช้บริการได้ 2. การขูดหินปูน อุดฟันสวยงาม จัดฟันใหม่ ตรวจสุขภาพฟันให้เลื่อนไปก่อน 3. กรณีอื่นๆ หากไม่แน่ใจอาการให้โทร.สอบถามสถานพยาบาลที่รักษาต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริการทันตกรรมเปิดเกือบปกติแล้ว ประชาชนต้องคัดกรองตัวเอง เมื่อมาถึง รพ.จะคัดกรองอีกครั้ง ก่อนส่งเข้าห้องทันตกรรม และดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยในห้องทันตกรรม การทำความสะอาดช่องปาก ทำความสะอาดใบหน้า สวมเฟซชิลด์ บ้วนปากก่อนทำฟัน เป็นต้น
นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ขณะที่สถานพยาบาลจะมีการจัดโซนนิงนั่งคอย แยกจากจุดทำฟัน ระบบการถ่ายเทอากาศมีการดูแลอย่างดี มีการเว้นเก้าอี้ห่าง 1 เว้น 1 อย่างไรก็ตาม เพื่อลดจำนวนคนมา รพ.จึงขอความร่วมมือจากประชาชนที่มารับบริการ ขอให้มาคนเดียว หากจำเป็น เช่น ผู้สูงอายุ หรือเด็ก อาจจะมีคนร่วมเดินทาง 1 คน ขณะนี้ สธ.จะจัดบริการให้ครอบคลุมทั่วถึงพอเพียง บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์
ด้าน ทพญ.วรางคนา เวชวิธี รองผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวว่า โรคในช่องปากเป็นเรื่องที่ป้องกัน ชะลอการลุกลามได้ ในสถานการณ์ปกติควรไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่สถานการณ์นี้ขอให้ดูแลตัวเองก่อน หากจำเป็นก็ค่อยไปพบทันตแพทย์ ดังนั้น จึงแนะนำการดูแลสุขภาพช่องปากพื้นฐาน คือ แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เพื่อป้องกันฟันผุ หลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง ไม่ควรรับประทานอาหารหรือน้ำหวาน เพื่อลดจุลินทรีย์ในช่องปาก นอกจากนี้ เชื้อโควิดชอบความเย็น ความชื้น การเก็บแปรงสีฟันซึ่งมีความชื้น ให้เอาด้ามลง อย่าเก็บในแก้วเดียวกัน คือ ต้องเว้นระยะห่างระหว่างแปรงสีฟัน เหมือนการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล แยกหลอดยาสีฟันของคนในบ้าน เป็นต้น
ทพญ.วรางคนา กล่าวว่า โรคในช่องปากที่ยังไม่มีอาการ เช่น ขูดหินปูน ฟันบิ่นเล็กน้อย ฟอกสีฟัน แก้ปัญหาความห่างของช่องฟัน อยากให้งดเว้นการรับบริการไปก่อน แต่หากมีปัญหา จำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์ ควรใช้ระบบการนัดหมาย เพื่อลดความแออัดในสถานบริการ นัดแล้วแปรงฟันก่อนออกจากบ้าน เพื่อลดเชื้อโรคในช่องปาก เมื่อถึงสถานพยาบาลให้บอกข้อมูลตามจริง ทั้งนี้ ขอให้สวมหน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในสถานบริการจนกว่าจะถึงช่วงเวลาทำฟัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของต่างๆ เมื่อทำฟันเสร็จแล้วให้สวมหน้ากากเมื่อออกไปที่ชุมชน
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
20 คำพูดวลีภาษาอังกฤษ-ไทย เพื่อสร้างกำลังใจให้ผ่านพ้นวิกฤต และความท้อแท้สิ้นหวัง มีคำว่าอะไรบ้าง
ในช่วงที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตไม่ว่าจะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือโรคระบาดไปทั่วโลก รวมทั้งปัญหาต่างๆที่ประดา ประดังเข้ามาพร้อมๆกัน จนกระทบมาถึงตัวเราแบบตั้งรับกันไม่ทัน หลายๆคนอาจจะรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง จนต้องหยุดชะงัก พักยกไม่อยากเดินหน้าต่อเลย หากเพื่อนๆคุณผ้อ่านบนโลกออนไลน์ และเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภาคนใหน ที่ช่วงนี้รู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ หรือเบื่อหน่ายกับชีวิต ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่า “ขอให้มีพลังใจในการสู้ต่อไป เดี่ยวทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไป” วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอนำเสนอคำคมภาษาอังกฤษ แปลเป็นภาษาไทย เพื่อให้กำลังใจตัวเองในการเดินหน้าสู้ชีวิตต่อไป มาให้ได้อ่านกันค่ะ
1.keep fighting
(คีป ไฟลท์ติ้ง)
หมายถึง สู้ๆ สู้ต่อไปนะ
2.smile on chin up
(สไมล์ ออน ชิน อัพ)
หมายถึง ยิ้ม เริ่ด เชิ่ดเข้าไว้ ผ่านไปได้อย่างแน่นอนจ้า
3.Look on the bright side.
(ลุ๊ก ออน ดิ ไบรท์ ไซด์)
หมายถึง มองโลกในแง่ดีบ้างเถอะ
4.Don’t worry, be happy
(ด๊อน วอรี่ บี แฮปปี้)
หมายถึง อย่ากังวัลไปเลย จงมีความสุขเข้าไว้
5.keep going
(คีป โกอิ้ง)
หมายถึง จงก้าวต่อไปนะ สู้ๆ
6.don’t give up
(ด้อน กีฟ อัพ)
หมายถึง อย่ายอมแพ้
7.don’t get discouraged
(ด๊อน เกท ดิสคอเรก)
หมายถึง อย่างเพิ่งหมดกำลังใจ
8.Don’t worry about it.
(ด๊อน วอรี่ อะบ้าว อิท)
หมายถึง อย่ากังวลใจไปเลย
9.Don’t feel so bad.
(ด๊อน ฟีล โซ แบด)
หมายถึง อย่ารู้สึกแย่ไปเลย
10.Snap yourself out of it.
(สแนบ ยัวเซล เอ้าท์ ออฟ อิท)
หมายถึง ลืมมันไป ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ
11.It can’t be that bad.
(อิท คั่น บี แดท แบด)
หมายถึง มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ
12.To Be strong
(ทู บี สตร้อง)
หมายถึง เข้มแข็งไว้ สู้ๆ
13.Don’t discourage.
(ด๊อน ดิชคอเรก)
หมายถึง อย่าเพิ่งท้อแท้ไปเลย
14.Don’t think too much.
(ด๊อน ติ้ง ทูมัช)
หมายถึง อย่าคิดมากเลยน่า
15.Hang in there
(แฮง อิน เฮีย)
หมายถึง สู้ๆ อย่าหยุด
16.Nothing lasts forever.
(น็อทติ้ง ลาสฟอเอฟเวอร์)
หมายถึง ไม่มีอะไรยั่งยงถาวรหรอกนะ เดี่ยวมันก็ผ่านไป
17.Come on, just look on the bright side, you could have
(คัมมอน จัส ลุ๊ก ออน ดิ ไบร์ท ไซด์ ยู คูท แฮฟ)
หมายถึง ไม่เอานะอย่าท้อแท้ มองไปยังด้านดีๆในตัวของคุณก็มีอยู่แล้ว
18.You can do it.
(ยู แคน ดู อิท)
หมายถึง คุณทำได้แน่
19.You’ll get through this
(ยู วิว เกท ทรู อิท)
หมายถึง เดี๋ยวคุณก็ผ่านมันไปได้นะ สู้ๆ
20 Keep going, I’ll support you.
(คีฟ โกอิ้ง ไอ วิว ซัพพอร์ต ยู)
หมายถึง ทำต่อไป สู้ต่อไปนะ ฉันจะสนับสนุนคุณเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก khunnaiver.blogspot.com
Google และ Facebook เพิ่มเวลา Work From Home แก่พนักงานจนถึงสิ้นปี
จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ไม่สู้ดีนักในสหรัฐฯ และส่งผลให้ในบางรัฐต้องยืดเวลา Lockdown ยาวออกไปอีก (เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย) ทำให้สองบริษัทไอทียักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Facebook ประกาศยืดเวลา Work From Home (WFH) การทำงานที่บ้านให้กับพนักงาน ยาว ๆ ไปจนถึงสิ้นปี 2020 นี้เลย
เริ่มจาก Google จากเดิมมีนโยบายให้พนักงานส่วนหนึ่ง สามารถ WFH ได้จนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 63 แต่ทางด้าน Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ได้ออกมาประกาศยืดเวลา WFH ใหม่ด้วยตัวเอง โดยรอบนี้เพิ่มเวลาออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ หรือยาวไปช่วงต้นปี 2021 กันเลย แต่ถ้าพนักงานคนไหนต้องการมาที่บริษัท ก็สามารถมาได้ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป พร้อมมาตรการเผ้าระวังเต็มที่
ทางด้าน Facebook ก็มีโฆษกออกมาประกาศคล้ายกันกับทาง Google โดยประกาศยืดเวลา WFH เป็นเวลาถึงสิ้นปีนี้เช่นเดียวกัน พร้อมกล่าวว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ซึ่งมีการอิงข้อมูลจากทั้ง หน่วยงานสาธารณสุข ศูนย์ควบคุมโรค มหาวิทยาลัย Johns Hopkins และรวมไปถึงแนวทางของรัฐบาลด้วย
ก่อนหน้านี้ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ก็เคยกล่าวในช่วงเดือนเมษายนว่า “จากภาพรวมแล้ว ทางเราก็ไม่คาดหวังให้ทุกคน (พนักงาน) กลับมาทำงานที่สำนักงานของเราสักพัก”
ขอบคุณข้อมูลจาก techhub.in.th
9 ต้นไม้ปลูกในบ้าน ฟอกอากาศ
สำหรับต้นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะสำหรับปลูกภายในบ้าน ใครชอบต้นไหนรีบไปหากันมาปลูกเลยค่ะ เพราะว่าฝุ่นเยอะมากเราต้องพึ่งเจ้าต้นไม้พวกนี้แหละ
ลิ้นมังกรนั้นมีหลายชนิด เช่น ลิ้นมังกรสั้น ลิ้นมังกรยาว ลิ้นมังกรลาย หรือเรียกว่าหอกพระอินทร์ ลิ้นมังกรมีลำต้นเป็นหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบโผล่พ้นดินเป็นใบยาวแหลมคล้ายหอกแข็งตั้งตรงสูงประมาณ 1 เมตร ใบสีเขียว มีลายตามแนวขวาง ลิ้นมังกรยาวจะมีสีเหลืองบริเวณขอบใบเป็นแนวยาว ดอกมีสีขาวอมเขียว คุณสมบัติเด่นของลิ้นมังกรอยู่ที่เป็นพืชที่คายออกซิเจนออกมาตอนกลางคืนและดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป จึงเหมาะที่จะปลูกไว้ในห้องนอน
พลูด่างเป็นไม้เลื้อยที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารและบ้านเรือนมานานแล้ว ด้วยรูปใบและสีเขียวแต้มเหลืองที่ดูสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อมันเลื้อยพันหรือห้อยย้อยลงมาดูอ่อนช้อยและเพิ่มความมีชีวิตชีวา แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ถึงความสามารถในการดูดสารพิษในอากาศของพลูด่าง
ในบรรดาต้นไม้ขนาดใหญ่ด้วยกันแล้ว ยางอินเดียเป็นไม้ประดับภายในอาคารที่น่าสนใจ เพราะเจริญเติบโตได้ดีถึงแม้จะมีแสงน้อย ปลูกง่าย ทนทาน ต้องการน้ำไม่มาก แต่ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นพืชที่คายความชื้นได้มาก และที่สำคัญเป็นพืชที่สามารถดูดสารพิษช่วยฟอกอากาศภายในบ้านและสำนักงานได้อย่างดีเยี่ยม
เขียวหมื่นปีเป็นไม้ประดับที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้กระถางภายในบ้านเรือน หรือเป็นไม้ประดับภายในอาคารสำนักงาน ด้วยจุดเด่นที่เป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงง่าย ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มาก ทนทาน แม้ในที่ที่มีสภาพแห้งแล้งและความชื้นต่ำ รวมทั้งสามารถเจริญงอกงามได้ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อย เขียวหมื่นปีจะมีความสามารถในการดูดสารพิษไม่มากนัก คืออยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็มีอัตราการคายความชื้นสูง และมีประสิทธิภาพสูงในการดูดสารพิษจำพวก ฟอร์มัลดีไฮด์ จึงเหมาะที่นำไปปลูกเป็นไม้ประดับสำหรับดูดสารพิษอีกชนิดหนึ่ง..
เดหลีเป็นไม้ประดับที่โดดเด่นมากชนิดหนึ่งเป็นไม้ที่คายความชื้นสูง ในขณะที่มีความสามารถสูงในการดูดพิษภายในอาคาร เดหลีเป็นไม้ประดับที่มีใบสีเขียวเข้มมันเป็นวาว ดอกเป็นช่อสีขาวหรือขาวแกมเหลือง กาบหุ้มช่อดอกมีสีขาวคล้ายดอกหน้าวัว เดหลีสามารถดูดสารพิษจำพวกแอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีนและฟอร์มาดีไฮด์ และสามารถดูดได้ในปริมาณมาก
เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในอาคาร บอสตันเฟิร์นต้องการการดูแลพอสมควร เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องการความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ ถ้าขาดน้ำสีของใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและร่วงอย่างรวดเร็ว จึงควรหมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นหรือฉีดพ่นด้วยละอองน้ำสม่ำเสมอ เป็นไม้ประดับที่ช่วยทำความสะอาดให้แก่อากาศภายในได้ดีชนิดหนึ่ง สามารถดูดสารพิษได้มาก โดยเฉพาะสารจำพวกฟอร์มาดีไฮด์ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่อาคารภายในอาคารได้เป็นอย่างดี
ชอบความชื้น ปลูกและดูแลค่อนข้างง่าย อายุการปลูกค่อนข้างยาวนาน สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดช่วงอายุการปลูกและยังช่วยฟอกอากาศอีกด้วย
ต้นไทรใบสักนั้นไม่ยากนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องวางในตำแหน่งที่มีแสงแดดส่องเข้าถึงสักวันละ 3-5 ชั่วโมง หรือแดดรำไรตลอดทั้งวันก็ได้ อย่างเช่นริมหน้าต่าง ระเบียงหน้าบ้าน หรือใต้ต้นไม้ใหญ่ หากมันไม่ได้รับแสงแดดเลย ใบจะหลุดร่วง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้ามันโดนแดดแรงๆ ตลอดทั้งวันก็จะทำให้ใบไหม้เป็นรอยด่างสีน้ำตาลได้ ไทรใบสักไม่ชอบน้ำแฉะ ดังนั้นอย่ารดน้ำให้ชุ่มมากเกินไปเพราะหากมีน้ำขังจะทำให้รากเน่าได้
หลักๆแล้วกวักมรกตนางเป็นต้นไม้ขนาด เล็ก – กลาง สำหรับต้นไม้ปลูกในร่มเนอะ ไม่ได้ยืนต้นเหมือนไทรใบสัก ชั้นว่าไซส์ที่กำลังสวย วางมุมไหนในห้องแล้วก็ดูคูลไปหมดคือประมาณ 80-100 cm นะมีให้เลือกกัน 2 สีด้วยกันเนอะ คือสีเขียวและสีดำ ซึ่งสีที่แตกต่างกันหมายถึงราคาและการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน กวักมรกตสามารถผลิตออกซิเจนได้ในเวลากลางคืน
ขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/05/2563
ชนิดทอง
ราคารับซื้อ กรัมละ
ราคารับซื้อ บาทละ
ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%
n/a
26,050.00
26,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5%
1,687.00
25,574.92
26,750.00
ทองรูปพรรณ 90%
1,518.30
23,017.43
n/a
ทองรูปพรรณ 80%
1,349.60
20,459.94
n/a
ทองรูปพรรณ 50%
759.00
11,506.44
n/a
ทองรูปพรรณ 40%
590.00
8,944.40
n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%
1,748.00
26,499.68
n/a
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 15/05/2563
ปตท.
บางจาก
เชลล์
เอสโซ่
คาลเท็กซ์
ไออาร์พีซี
พีที
ซัสโก้
เพียว
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95
19.25
19.25
19.25
19.25
19.25
19.25
19.25
19.25
19.25
19.25
แก๊สโซฮอล์ 91
18.98
18.98
18.98
18.98
18.98
18.98
18.98
18.98
18.98
18.98
แก๊สโซฮอล์ E20
17.74
17.74
17.74
17.74
17.74
–
17.74
17.74
17.74
17.74
แก๊สโซฮอล์ E85
16.39
16.39
–
–
–
–
–
16.39
–
–
เบนซิน 95
26.66
–
–
–
27.11
–
27.16
26.66
–
26.66
ดีเซล
18.79
18.79
18.79
18.79
18.79
18.79
18.79
18.79
18.79
18.79
ดีเซล B10
15.79
15.79
15.79
15.79
15.79
15.79
15.79
15.79
–
15.79
ดีเซล B20
15.54
15.54
15.54
15.54
15.54
–
15.54
15.54
–
15.54
ดีเซลพรีเมี่ยม
22.64
22.66
24.64
24.64
–
–
–
–
–
–
แก๊ส NGV
15.31
15.31
–
–
–
–
–
–
–
–