COVID-19 แช่แข็งโครงการใหม่ ม.ค.-มี.ค. ก่อสร้างวูบ 36.5%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยสถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 1/2563 พบปัจจัยโควิด-19 กระทบความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ สัดส่วนการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ลดลง27.7% ขณะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล วูบหาย 36.5 %
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยไตรมาส 1 ปี 2563 เป็นช่วงเวลาที่สะท้อนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ ไวรัส COVID-19 ต่อการลงทุนในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการซื้อขายที่อยู่อาศัยอย่างเป็นรูปธรรม โดยภาพรวมชะลอตัวลงทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งเป็นการปรับสมดุลของตลาดลดความเสี่ยงปัญหาอุปทานส่วนเกิน
อุปสงค์ภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์และสินเชื่อที่อยู่อาศัยลดลงแต่ไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
สถานการณ์ด้านความต้องการที่อยู่อาศัยไตรมาส 1 ปี 2563 ประเมินจากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย พบว่าภาพรวมทั่วประเทศในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 มีหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 89,024 หน่วย ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2562 ร้อยละ -16.7 แต่เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 โดยมีมูลค่ารวม 210,294 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2562 ร้อยละ -20.6 แต่เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 โดยการโอนกรรมสิทธิ๋ที่อยู่อาศัยประเภทห้องชุดมีสัดส่วนใกล้เคียงกับบ้านเดียว แต่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเดี่ยวมีสัดส่วนสูงที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2563 พบว่า มีจำนวนรวม 45,678 หน่วย ลดลงจากไตรมส 4 ปี 2562 ร้อยละ -18.3 และลดลงร้อยละ -4.4 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์มีจำนวน 129,406 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2562 ร้อยละ -24.4 และลดลงร้อยละ -2.7 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562
ในส่วนของภูมิภาค ไตรมาส 1 ปี 2563 มีจำนวนรวม 43,346 หน่วย ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2562 ร้อยละ -14.9 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์มีจำนวน 80,888ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2562 ร้อยละ -13.5 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.0 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562
โดยศูนย์ข้อมูลฯคาดการว่าในปี 2563 จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศจำนวน 311,719 หน่วย ลดลงร้อยละ -16.7 จากปี 2562 มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์รวม 746,206 ล้านบาท ลดลงร้อยละ – 14.8 จากปี 2562 ในจำนวนดังกล่าวประมาณการเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจำนวน 160,350 หน่วย มูลค่ารวม 472,401 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ -19.1 และลดลงร้อยละ -17.4 ตามลำดับ ประมาณการหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ในภูมิภาครวม 151,369 หน่วย มูลค่ารวม 273,805 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ -14.0 และลดลงร้อยละ -9.9 ตามลำดับ
ด้านภาพรวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศ พบว่าในไตรมาส 1 ปี 2563 มีมูลค่ารวม 138,238 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -13.0 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยคาดการว่าปี 2563 จะมีจำนวนสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศรวม 571,196 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -10.8 จากปี 2562
อุปทานที่อยู่อาศัยปรับลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
สำหรับอุปทานใหม่ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 พบว่ามีการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 60,165 หน่วย ลดลงร้อยละ -17.9 จากไตรมาส 4 ปี 2562 และลดลงร้อนละ -27.7 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ในจำนวนดังกล่าวเป็นการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 20,590 หน่วย ลดลงร้อยละ -18.6 จากไตรมาส 4 ปี 2562 และลดลงร้อยละ -36.5 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ส่วนในภูมิภาคพบว่ามีการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยจำนวน 39,575 หน่วย ลดลงร้อยละ -27.8 จากไตรมาส 4 ปี 2562 และลดลงร้อยละ -30.9 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562
” ศูนย์ข้อมูลฯคาดการว่าในปี 2563 จะมีการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 256,601 หน่วย ลดลงร้อยละ-16.5 เมื่อเทียบจากปี 2562 โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะมีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยจำนวน 97,441 หน่วย ลดลงร้อยละ -20.7 ในส่วนภูมิภาคคาดว่าจะมีการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยจำนวน 154,160 หน่วย ลดลงร้อยละ -22.7 “
นอกจากนี้จากข้อมูลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ของศูนย์ข้อมูลฯ พบว่าในช่วงไตรมาส1ปี 2563 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีที่อยู่อาศัยทุกประเภทเปิดขายใหม่จำนวนรวม 15,932 หน่วย ลดลงร้อยละ-49.3 จากไตรมาส 4 ปี 2562 และลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ร้อยละ -29.6 โดยประมาณการว่า ปี 2563 เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ทุกประเภทรวม 79,408 หน่วย เป็นโครงการบ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่ประมาณ 35,734 หน่วย และอาคารชุดเปิดขายใหม่ประมาณ 43,674 หน่วย ลดลงร้อยละ -19.9 เมื่อเทียบกับปี 2562
ขณะที่รายงานที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2563 ก็ลดลงด้วยเช่นกัน โดยมีจำนวน 21,260 หน่วย ลดลงร้อยละ -24.7 จากไตรมาส 4 ปี 2562 และลดลงร้อยละ -12.3 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยคาดการว่าในปี 2563 จะมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนจำนวนประมาณ 80,563 หน่วย ลดลงร้อยละ -27.8 จากปี 2562
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
MQDC เชื่อมั่น ศก.ไทยลั่นเดินหน้าทุกโครงการ ต้นปี 2564 เปิดTHE FORESTIAS เมกะโปรเจค 1.25 แสนล้านบาท
MQDC เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย ประกาศเดินหน้าต่อทุกโครงการ เตรียมพร้อมเปิด “THE FORESTIAS” เมกะโปรเจค 125,000 ล้านบาท ต้นปี 2564 ชูแนวคิด ‘For All Well – Being’
20 พฤษภาคม 2563 กรุงเทพฯ – นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า บริษัท MQDC มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการที่ชัดเจน โดยเฉพาะการเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาโครงการประเภท Mixed-Use ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีมูลค่าโครงการสูง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ตรงความต้องการของลูกค้า ทำให้เกิดการตอบรับเป็นอย่างดี
ด้วยกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการร่วมกับ Global Partner ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในระดับโลก ทำให้โครงการที่เราพัฒนามีความโดดเด่น สามารถพัฒนาโครงการให้มีมาตรฐานในระดับโลก เป็นที่สนใจจากลูกค้าจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ โครงการทั้งหมดจึงได้รับผลตอบรับจากตลาดได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือโครงการ ICONSIAM ซึ่ง MQDC เป็นหุ้นส่วนในโครงการ ICONSIAM และเป็นเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมระดับ High-end คือ Magnolias Waterfront Residences ICONSIAM และ The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok ที่บริหารโดยเครือ Mandarin Oriental ซึ่งได้กลายเป็น Iconic ของประเทศไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนั้นยังมีโครงการ Magnolias Ratchadamri Boulevard ซึ่งก็มีโรงแรม Waldorf Astoria ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว หรือระดับ Top สุดในเครือ Hilton ถือว่า exclusive มาก เพราะเป็น Waldorf Astoria Bangkok ที่แรกของ South East Asia.
อีกก้าวสำคัญของ MQDC คือการเปิดตัวโครงการเดอะ ฟอเรสเทียร์ (THE FORESTIAS) ที่มีมูลค่าโครงการ ถึง 125,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการพัฒนาที่อยู่อาศัย จะขายเพียงความคุ้มค่า ทำเล ความสะดวกสบาย คงจะไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหลังจากวิกฤตโควิด – 19 ต้องคิดไปถึงคุณภาพชีวิตจนถึงสุขภาพ และความสุขของผู้อยู่อาศัย เพราะผู้คนจะพิถีพิถันในการดำเนินชีวิตมากขึ้น แนวคิดของ THE FORESTIAS คือ “เมืองคู่ป่า” ที่แรกในโลก สิ่งนี้เป็นครั้งแรกในโลก ที่ผืนป่าขนาดใหญ่ถูกนำมาหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมือง เพื่อนำธรรมชาติ กลับเข้าสู่ชุมชนและพื้นที่ที่เป็นเมือง อีกทั้ง โครงการ THE FORESTIAS เป็นการดำเนินโครงการตามปรัชญาของ MQDC ที่มุ่งเน้นเรื่องสร้างสรรค์โครงการที่ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมและให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ตามแนวคิด ‘For All Well – Being’
ในโครงการ THE FORESTIAS จึงถูกพัฒนา แบบ Mixed-Use Lifestyle ทั้งที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีก อาคารสำนักงาน ศูนย์สุขภาพ สถานศึกษา อาคารนวัตกรรม พื้นที่สำหรับกิจกรรมการเรียนรู้และสร้างสรรค์ของครอบครัว ที่สามารถครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้ทุกกลุ่ม ได้แก่ คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘Whizdom’ กลุ่มคอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘Mulberry Grove’ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘Mulberry Grove Villas’ กลุ่มที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘The Aspen Tree’ และยังมีที่อยู่อาศัยและโรงแรมจากแบรนด์ระดับโลก คือ กลุ่มที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘Six Senses’ โรงแรมแบรนด์ ‘Six Senses’ และอื่นๆ
“เราตั้งใจที่จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมนี้ให้ไปสู่คุณภาพชีวิตและสังคมที่ดีขึ้น ‘For All Well-Being’ โดยเราให้ความสำคัญกับการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยร่วมกับพาทเนอร์ระดับโลก เพื่อหาปัจจัยที่จะสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้คนมีความสุข ซึ่งกลายเป็นว่าสิ่งที่ MQDC ทำอยู่จากผลงานวิจัยและศึกษา สอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบ New Normal หลังโควิด-19 ที่คนหันมาใส่ใจในรายละเอียดกับการใช้ชีวิตมากขึ้น”นายวิสิษฐ์ กล่าว
เมื่อเกิดวิกฤตโควิด – 19 สิ่งแรกที่ MQDC คำนึงถึงคือ ความปลอดภัยของลูกบ้านในทุกโครงการและสมาชิกองค์กรของเราทุกคน MQDC ได้ดำเนินการจัดตั้งมาตรการเพื่อสร้างความปลอดภัยและอุ่นใจให้กับทุกคน มีทั้งมาตรการดูแลลูกบ้าน มาตรการดูแลสมาชิกองค์กรรวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่โครงการ และในส่วนของสำนักงานและสำนักงานขายโครงการของ MQDC มีมาตรการในการทำความสะอาดตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และยังมีมาตรการในการดูแลพันธมิตรคู่ค้าของเราด้วย เช่นเจ้าหน้าที่งานก่อสร้าง เราได้ออกกฎเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
ในช่วงวิกฤตโควิด – 19 ที่ต้องทำงานแบบ Work From Home ทางผู้บริหารสูงสุดของ MQDC อย่างคุณทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิคี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ก็มีวิสัยทัศน์ในเรื่องการ Work Anywhere มานานแล้ว คือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพนักงานก็สามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ ทำให้การทำงานของ MQDC มีระบบและกระบวนการทำงานรองรับการทำงานแบบ Work From Home เมื่อเกิดวิกฤตโควิดที่ทำให้ต้องมีการ Lockdown บริษัท จึงไม่ต้องปรับตัวและได้รับผลกระทบมากนักในเรื่องนี้
อีกเรื่องที่มุ่งแน้น คือ การบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และ MQDC ยังคงมุ่งมั่นเน้นการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และโครงการอย่างต่อเนื่อง เพราะเรื่องคุณภาพและการสร้างมูลค่า ถือเป็น DNA ที่อยู่ในทุกโครงการของ MQDC อยู่แล้ว
นอกจาก MQDC ได้มีพาทเนอร์ระดับโลกที่ศึกษาและวิจัยด้านการอยู่อาศัยที่มีความสุขแล้ว ทางเรายังได้จัดตั้งศูนย์วิจัย 2 ศูนย์ คือ คือ ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา FutureTales Lab โดยมี ดร.การดี เลียวไพโรจน์ มาเป็นที่ปรึกษาที่ดูแลโครงการนี้ โดยการหาข้อมูลจากทั่วโลกเพื่อมาประมวลแนวโน้มการอยู่อาศัยในอนาคต โดยมองไปถึงอีก 40 ปีข้างหน้า และแม้แต่จากวิกฤตโควิดในครั้งนี้ ทาง FutureTales Lab ก็ได้มีการออกงานวิเคราะห์ออกมาในเรื่อง ชีวิตหลังโควิด-19 ที่จะมีการเปลี่ยนไปจากเดิม โดยประเด็นหนึ่งคือความคิดด้านการซื้อที่อยู่อาศัยจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่อยู่แต่ในเมือง โดยยึดการเดินทางแนวทางใกล้รถไฟฟ้าเป็นปัจจัย แต่ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อการทำงานในอนาคต สามารถทำงานที่บ้านได้ จึงจะปรับแนวคิดเป็นบ้านนอกเมือง แต่มีพื้นที่มากขึ้น มีสวน มีธรรมชาติ มีการปรับเปลี่ยนบ้านพักตากอากาศมาใช้อาศัยประจำแทน THE FORESTIAS ได้มีการวางแนวทางไว้ตามนี้มาแต่ต้น
อีกศูนย์วิจัยในกลุ่มของ MQDC คือศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) นำโดย รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของ MQDC ที่ต้องการเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน โดยมีการวิจัยและพัฒนาเป็นพื้นฐานของแนวคิดในมิติต่างๆเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยของ MQDC ผลงานวิจัยที่เราศึกษาและค้นคว้าขึ้น ไม่เพียงเพื่อนำมาใช้เฉพาะกับโครงการต่างๆขององค์กรเท่านั้น แต่ยังพร้อมเปิดพื้นที่วิจัยนี้ให้กับทุกคน ทุกองค์กร ที่สนใจด้านการพัฒนาและก่อสร้างอย่างยั่งยืน เสมือนห้องค้นคว้าของประชาชน บุคคลภายนอกได้เข้ามาเรียนรู้ นำไปประยุกต์ใช้จริง เพื่อยกมาตรฐานความเป็นอยู่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนสร้างนวัตกรรมต่าง ๆเพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ให้กับเมืองสาธารณชนด้วย เพื่อตอกย้ำการคิด ‘For All Well-Being’ เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป
“แม้เมื่อเกิดวิกฤตโควิด – 19 MQDC ยังมุ่งเดินหน้าต่อด้วยความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาวและเชื่อว่า รัฐบาลยังคงผลักดันในเกิดเมกะโปรเจค เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) การปรับแผนงานโดยส่วนใหญ่จะเป็นการปรับแผนระยะสั้นมากกว่าแผนระยะยาว เช่น การเปิดตัวโครงการใหญ่ก็จะชะลอไปเปิดต้นปีหน้า แต่การเปิดขายโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบันคงดำเนินต่อไป จากผลงานของรัฐบาลและสาธารณสุขไทย ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก และความร่วมมือร่วมใจ ความมีวินัยของคนไทย ที่ได้แสดงให้ชาวโลกประจักษ์ รวมถึงความมีน้ำใจ ความแบ่งปันของคนไทย เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยให้ประเทศไทยจะเป็นที่น่าที่ลงทุนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะปัจจัยสำคัญตัวนึงที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์โควิด-19 สำหรับในการเลือกลงทุนในประเทศใดของนักลงทุนต่างชาติ คือความปลอดภัย และระบบสาธารณสุข
ทาง MQDC ของเราก็เคยผ่านปัญหาในสมัยวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งมาแล้ว ทำให้เราบริหารงานด้วยความระมัดระวังมาตลอดเวลา ดังนั้นปัญหาจากวิกฤตในโควิด-19 ในครั้งนี้จึงไม่ได้ทำให้เราหยุดที่จะเดินหน้าต่อ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นมุมมองของ MQDC ต่อการทำธุรกิจ โดยมีการคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของการดำเนินชีวิต ซึ่งก็สอดคล้องกับชีวิตแบบ New Normal จากนี้ไป”นายวิสิษฐ์ กล่าวเสริมในตอนท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กรุงศรีเผยเศรษฐกิจหมดกระสุนดอกเบี้ย
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 3 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ระดับ 31.92 ต่อดอลลาร์ ภายหลังการลงมติ โดยนับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า 6% ซึ่งเป็นผลจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และภาวะเงินทุนไหลออก อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายตลาด เงินบาทกลับมาซื้อขายที่ระดับแข็งค่ากว่าก่อนการประกาศมติ โดยคณะกรรมการยังแสดงความกังวลในเรื่องความเป็นไปได้ที่เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
คณะกรรมการ กนง. มีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ตามทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลงต่อเนื่องและติดลบ ขณะที่เสถียรภาพการเงินเริ่มเปราะบางมากขึ้น การชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก รวมทั้งการหดตัวของอุปสงค์ในประเทศจากการว่างงานที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ส่งผลให้เศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรง
คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ความเห็นของ กนง. ในวันนี้ยังแสดงถึงมุมมองที่สนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนปรน แม้ว่าการลงมติด้วยคะแนนสูสีที่ 4:3 โดยมีคณะกรรมการ 3 ท่านต้องการให้คงดอกเบี้ย แสดงให้เห็นถึงการสิ้นสุดของวัฎจักรการปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้แล้ว และคณะกรรมการ กนง. ได้กล่าวย้ำถึงความพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทางการเงินที่เห็นว่าเหมาะสมและจำเป็น แต่ได้ตัดคำว่า “ดอกเบี้ยนโยบาย” ออกไป ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอล มาร์เก็ตส์คาดว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ที่ระดับ 0.50% ในระยะข้างหน้า และ กนง. น่าจะใช้มาตรการแบบเจาะจงเป้าหมายเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัส
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ฝืนไม่ไหว “อาดูริซ” ประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 39 ปี
อาริตซ์ อาดูริซ กองหน้าจอมเก๋าของ แอธเลธิก บิลเบา ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการแล้วในวัย 39 ปี หลังมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน ซึ่งจะทำให้เขาพลาดลงสนามนัดชิงโกปา เดล เรย์ปลายฤดูกาลนี้
โดยแข้งมากประสบการณ์รายนี้นับเป็นอีกตำนานบนผืนหญ้าแดนกระทิงดุ หลังได้โลดแล่นระดับอาชีพมาตั้งแต่ปี 1999 พร้อมลงเล่นระดับสโมสรไปมากถึง 780 นัด พังตาข่ายได้มากถึง 285 ประตู
ก่อนหน้านี้ อาดูริซ วางแผนที่ปิดฉากอาชีพการค้าแข้งกับทีมฤดูกาลนี้ ไปพร้อมกับการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ โคปา เดล เรย์ กับ เรอัล โซเซียดาด ก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลในประเทศจะถูกเลื่อนออกไปเพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ล่าสุดเจ้าตัวได้ประกาศแขวนสตั๊ดผ่านทางโซเชียลของตัวเองแล้ว อาดูริซ กล่าว”เวลานี้มันได้มาถึงแล้ว ผมเคยบอกมาแล้วหลายครั้งว่าฟุตบอลมันจะจากคุณไปก่อนที่คุณจะอำลาจากมัน”
“เมื่อวันก่อนหมอบอกกับผมว่าผมต้องเข้าพบศัลยแพทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อใส่ชิ้นส่วนเทียมที่สะโพก และพยายามใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ผมไม่สามารถจะช่วยเพื่อนร่วมทีมอย่างที่ต้องการ หรือตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ แต่ชีวิตนักกีฬาอาชีพมันก็เป็นแบบนี้ เรียบง่ายจริงๆ”
“น่าเสียดายที่เราต้องมาอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทำให้พวกเราเจ็บปวดแบบนี้ แต่เราต้องสู้ไปด้วยกัน”
“เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้พวกคุณมากังวลกับผม นี่มันเป็นแค่เรื่องราวเล็กๆน้อยๆ”
“ลืมเรื่องนัดชิงที่เราฝันถึงไปก่อน เพราะเราจะใช้เวลาเพื่อการบอกลา และตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่ผมต้องบอลลาแล้ว นี่คือจุดสิ้นสุดเส้นทางของผม มันน่าเหลือเชื่อและจะเป็นที่จดจำเสมอ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย”
“ขอขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สำรองยารักษาโควิด-19 ทั้งในวิกฤตและระยะยาว
เตรียมความพร้อมสำรองยารักษาโควิด-19 ทั้งในวิกฤตและระยะยาวไว้เพียงพอ พร้อมเร่งผลิตเพิ่มหากมีการระบาดรอบสอง ชี้ วัคซีนต้องใช้เวลาอักสักระยะหนึ่ง
ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฏกกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรม เปิดเผยถึงยารักษาโรคโควิด-19 ว่า องค์การเภสัชกรรมได้สำรองยาเพื่อใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ทั้งในภาวะวิกฤตและระยะยาว รวมทั้งสิ้น 7 รายการ โดยองค์การเภสัชกรรมมีรายการยาที่ผลิตเองอยู่แล้ว 5 รายการ
ได้แก่
1.ยาคลอโรควิน ซึ่งใช้รักษาโรคมาลาเรีย สำรองไว้ 1.8 ล้านเม็ด
2.ยาต้านไวรัสเอดส์สูตรผสมโลพินาเวียร์และริโทรนาเวียร์ ซึ่งมีสำรองไว้ 30.6 ล้านเม็ด
3.ยาต้านไวรัสเอดส์ ดารุนาเวียร์ สำรองไว้ 1.9 ล้านเม็ด
4.ยาต้านไวรัสเอดส์ริโทรนาเวียร์ สำรองไว้ 1.9 ล้านเม็ด
5.ยาอะซิโธรมัยซิน ยาปฏิชีวนะ ใช้รักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย สำรองไว้ 3.4 ล้านเม็ด
นอกจากนี้ยังมียาอีก 2 รายการ คือ ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน ซึ่งจัดซื้อจากผู้ผลิตภายในประเทศ 1.09 ล้านเม็ด และยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งใช้ในการรักษา ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีโรงงานผลิต แต่ก่อนหน้านี้ที่มีการระบาดในเบื้องต้น องค์การเภสัชกรรมและกรมควบคุมโรคได้นำเข้ามาประมาณ 1.87 แสนเม็ดจากบริษัทยาในประเทศญี่ปุ่นคือ Fujifilm Toyama Chemical Co.,Ltd. เจ้าของสิทธิบัตรจำนวน 85,000 เม็ด และจาก บริษัท Zhejiang Hisun Pharmaceutical Company ซึ่งได้รับใบอนุญาตผลิตจากญี่ปุ่นประเทศจีน จำนวน 102,000 เม็ด
“ยาที่สำรองมาในเบื้องต้นคราวแรกได้กระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ แล้วประมาณ 1 แสนเม็ด และขณะนี้มีสำรองในคลังขององค์การเภสัชกรรม 87,000 เม็ด และจะมีการส่งมอบเพิ่มเติมในเดือนพฤษภาคม เพื่อสำรองอีก 303,860 เม็ด ทั้งจากประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 1 แสนกว่าเม็ดซึ่งได้เลื่อนการส่งมอบมาจากปลายเดือนเมษายน และจากประเทศจีนอีกประมาณ 2 แสนเม็ด ซึ่งจะทำให้เรามียาฟาวิพิราเวียร์ใช้ต่อเนื่องเป็นระยะยาว”
ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมได้มีการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อมาพัฒนายาเม็ดผลิตขึ้นเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาในห้องปฏิบัติการเพื่อพัฒนาหาสูตรที่เหมาะสม โดยในกระบวนการพัฒนามีการตรวจสอบวิเคราะห์ทั้งด้านกายภาพและเคมีว่าได้ตามสเป็คที่กำหนดหรือไม่ และเมื่อได้ข้อมูลที่ดีแล้วก็จะขยายกำลังการผลิตเป็นระดับกึ่งอุตสาหกรรม มีปริมาณผลิตไม่ต่ำกว่า 1 แสนเม็ด
คาดว่าจะเริ่มผลิตวัตถุดิบในระดับกึ่งอุตสาหกรรมได้ต้นปี 64 และจะศึกษาชีวสมมูล โดยจะนำยาต้นแบบและยาที่พัฒนาขึ้นเองไปให้อาสาสมัครสุขภาพดีรับประทาน และเจาะเลือดเพื่อวิเคราะห์ปริมาณยาในเลือดที่เวลาต่างๆและประเมินทางสถิติว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ขนาด 200 กรัมที่ผลิตเองกับยาต้นแบบมีการละลายและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดไม่ต่างกัน หลังจากนั้นประมาณปลายปี 64 จะรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นขึ้นทะเบียน และประมาณต้นปี 65 คงได้ผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายได้ ซึ่งจะทำให้มียาสำรองไว้ใช้อนาคต พราะคาดว่าโรคโควิดคงอยู่กับเราไปอีกนาน
ในส่วนของสิทธิบัตรยานั้น จะต้องมีการเจรจาทำ Voluntary Licensing กับบริษัทเจ้าของสิทธิบัตร เพื่อให้สามารถผลิตและจำหน่ายได้ แต่ยาเหล่านี้เป็นยาที่ใช้เฉพาะโรค เป็นยาอันตราย การสั่งใช้ต้องเป็นไปตามการสั่งของแพทย์เท่านั้น ประชาชนห้ามซื้อมากินเองเด็ดขาด ส่วนถ้ามีการระบาดในรอบที่ 2 ยาที่มีสำรองไว้ 1 แสนเม็ด รวมกับยาที่กำลังจะมีการนำเข้ามาเพิ่มอีก 3 ล้านเม็ด รวมเป็น 4 แสนเม็ดน่าจะเพียงพอ
ส่วนเรื่องการวิจัยและพัฒนาวัคซีนนั้น ภญ.นันทกาญจน์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยมีหลายหน่วยงานได้เริ่มศึกษาวิจัยและทดสอบในสัตว์ทดลองอยู่ ขณะที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติก็ได้พิจารณาเบื้องต้นร่วมกับหน่วยงานที่มีความพร้อมในการผลิตวัคซีนได้หรือไม่ อย่างองค์การเภสัชกรรมก็เป็นหน่วยงานหนึ่งที่สถาบันวัคซีนฯจะมาประเมินว่าจะมีความพร้อมผลิตวัคซีนได้หรือไม่ โดยเบื้องต้นอาจจะซื้อวัคซีนจากประเทศที่นำหน้าเราไปแล้วมาแบ่งบรรจุหรืออาจจะมีการ Transfer เทคโนโลยีมา ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมิน คาดว่าต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
ประโยคภาษาอังกฤษน่ารู้เพื่อใช้ที่สนามบิน
หลายคนที่พูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน อาจพบว่า การที่ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ต่างๆเวลาอยู่ที่สนามบินต่างประเทศเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะหลายครั้งเราก็นึกคำศัพท์ไม่ออก หรือไม่รู้ว่าคำที่เราใช้ทับศัพท์จากภาษาอังกฤษอยู่นั้นเป็นคำที่เขาใช้พูดกันจริงๆหรือเปล่า วันนี้เราจะมาดูคำศัพท์และรูปประโยคที่ใช้บ่อยเวลาอยู่ที่สนามบิน เพื่อที่เราจะไม่เด๋ออีกในทริปต่อไป
1. เวลา check-in
เวลาที่เราจะเอาสัมภาระไปเช็คอินนั้น ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า check เฉยๆ เช่น
เจ้าหน้าที่: Are you checking any luggage? (เช็คอินกระเป๋าใบไหนบ้างคะ?)
คุณ: This one only. (อันนี้อันเดียวคะ)
ถ้าหากในกระเป๋ามีสิ่งของที่แตกหักได้ เราควรพูดว่า
คุณ: Please mark this bag as fragile. (ช่วยติดป้ายว่าข้างในมีของแตกได้ด้วยนะคะ)
เจ้าหน้าที่: Do you have any flammable materials or a power bank in your luggage? (ในกระเป๋ามีของไวไฟหรือพาวเวอร์แบงค์อยู่ไหมคะ?)
คุณ: No (ไม่มีค่ะ – ถ้ามีก็ต้องรีบเอาออกมาด่วนเลยนะจ๊ะ)
เวลาเลือกที่นั่ง เจ้าหน้าที่จะถามเราว่า
เจ้าหน้าที่: Would you like an aisle or a window seat? (อยากได้ที่นั่งริมทางเดินหรือริมหน้าต่างคะ)
คุณ: I prefer an aisle seat. (ขอที่นั่งริมทางเดินดีกว่าค่ะ)
หรือว่าถ้ามากันหลายคน
คุณ: We would like to sit together please. (ขอนั่งด้วยกันดีกว่าค่ะ)
พอเวลาได้ boarding pass แล้ว
เจ้าหน้าที่: Here’s your boarding pass. This is your boarding time and please proceed to gate 10. (อันนี้เป็น boarding pass นะคะ ส่วนตรงนี้คือเวลา boarding และกรุณาไปที่ gate 10 เพื่อขึ้นเครื่องค่ะ)
คุณ: Do you know where gate 10 is? Is it far?
เจ้าหน้าที่: After security, please turn left and keep following the signs. Gate 10 is quite far. You might need to spare 30 minutes to get to the gate if you also plan to shop in the Duty Free. (หลังจากที่เจอ security แล้ว ให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตามป้ายไปเรื่อยๆ เกท 10 นี้ไกลหน่อยนะ คุณอาจจะต้องเผื่อเวลาไว้ครึ่งชั่วโมงเพื่อเดิน ถ้าหากว่าคุณจะเข้าไปช็อปใน Duty Free ด้วยค่ะ)
2. เวลาผ่าน security
เวลานี้เราก็ไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากต้องถอดสิ่งที่เป็นโลหะออกจากตัว รวมทั้งเสื้อตัวนอกหรือรองเท้า พร้อมเอาอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ออกจากกระเป๋า carry-on
เจ้าหน้าที่: Please empty your pockets and place your jacket and electronic devices in separate trays. (กรุณาเอาของออกจากกระเป๋าเสื้อผ้า และวางเสื้อตัวนอกและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ใส่ลงไปในถาดแยกกันนะคะ)
คุณ: Do I need to take off my shoes too? (ต้องถอดรองเท้าด้วยไหมคะ)
เจ้าหน้าที่: No. Please walk through the metal detector. (ไม่ต้องค่ะ เดินผ่านเครื่องตรวจโลหะเข้าไปได้เลย)
3. เวลาขึ้นเครื่อง
เมื่อใกล้ๆเวลาเครื่องออก อาจมีการประกาศหากเรายังไม่ไปถึง gate เช่น
เจ้าหน้าที่: This is the final call for flight BA10 to London. Please proceed to gate 10 immediately. (ประกาศครั้งสุดท้ายสำหรับเที่ยวบิน BA10 ที่กำลังจะเดินทางไปลอนดอน โปรดขึ้นเครื่องที่ทางออกหมายเลข 10 ด่วน)
เวลานี้เจ้าหน้าที่จะประกาศให้ผู้โดยสารทยอยขึ้นเครื่อง โดยอาจจะมีการประกาศตามลำดับเช่น
We are now inviting our first- and business-class passengers to board. (ขอเชิญผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ)
We are now inviting passengers with small children and passengers requiring special assistance to begin boarding. (ขอเชิญผู้โดยสารที่มากับเด็กเล็ก และผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ)
We are now inviting passengers seated in row 50 to 62 to begin boarding. (ขอเชิญผู้โดยสารแถวที่ 50 ถึง 62 ขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ – คอยฟังแถวตัวเองดีๆและไปเมื่อเขาเรียกนะจ๊ะ)
4. ขณะอยู่บนเครื่อง
เมื่อขึ้นเครื่องแล้ว
เจ้าหน้าที่: Please secure your baggage in the overhead compartment or under the seat in front of you. (กรุณาเก็บกระเป๋าไว้บนที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ หรือใต้ที่นั่งด้านหน้าของคุณด้วยค่ะ)
เรา: The compartment is full. Where can I put this? (ที่เก็บข้างบนที่นั่งเต็มแล้วค่ะ เก็บที่ไหนได้บ้างคะ?)
เจ้าหน้าที่: You can also put it here. (เก็บไว้ตรงนี้ก็ได้ค่ะ)
เมื่อเครื่องออกแล้วและสัญญานรัดเข็มขัดดับลง เราอาจมีคำถามมากมายอื่นๆ เช่น
Are there more lavatories at the back of the aircraft? (ท้ายเครื่องบินมีห้องน้ำอีกไหมคะ?)
หรือเวลาแอร์มาถามเราว่าอยากจะรับน้ำอะไร
Can I have a glass of water please. (ขอน้ำเปล่าหนึ่งแก้วค่ะ)
หรือถ้าฟังไม่ชัดว่าเมนูอาหารมีอะไรบ้าง
Can you repeat that again please? (ช่วยพูดอีกรอบได้ไหมคะ)
หรือเวลามีอะไรเสียและต้องการอันใหม่
Can I have new headphones please? This one is broken. (ขอหูฟังอันใหม่ได้ไหมคะ อันนี้มันเสีย)
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
“ไอติม” ดันแอพ StartDee หนุนเด็กไทย เรียนออนไลน์ ฟรี! จนเปิดเทอม
ไอติม ดันแอพ StartDee หนุนเด็กไทย เรียนออนไลน์ ฟรี! จนเปิดเทอม พร้อมจับมือ เอไอเอสแจกซิมฟรี ลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท เอ็ดดูเคชั่น เทคโนโลยี จำกัด หรือ แอพพลิเคชัน StartDee เปิดเผยว่า เมื่อประเด็นการศึกษา หรือการ เรียนออนไลน์ กลายเป็นประเด็นหลักของทุกครอบครัวที่มีลูกหลานอยู่ในวัยเรียน ซึ่งการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาบุคคลากรที่มีคุณภาพในอนาคต ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และความไม่เท่าเทียมของระบบการศึกษาของเด็กไทยกว่า 8 ล้านคน ที่มีฐานะทางครอบครัวแตกต่างกัน มีการเข้าถึงการศึกษาอย่างมีคุณภาพที่อาจจะไม่เท่าเทียมกัน StartDee จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการ เรียนออนไลน์ โดยมุ่งสู่เป้าหมายเพื่อให้เด็กไทยทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่ดี ภายใต้ 3 เสาหลัก 1.มีคุณภาพ (Quality) 2.ราคาไม่สูง (Affordable) 3.เข้าถึงง่าย (Available) ฟรีค่าเทอม! จนกว่าโรงเรียนจะเปิดเทอมตามปกติ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2563
เนื้อหาการ เรียนออนไลน์ ที่ครอบคลุมตามหลักสูตรการศึกษา
1. StartDee Room (ม.1 – ม.6) ห้องเรียนที่อัดแน่นไปด้วยหลายร้อยบทเรียนใน 7 วิชาหลักของนักเรียนระดับชั้นมัธยม ทั้งในรูปแบบวิดีโอ แบบฝึกหัด ชีทสรุปบทเรียน และเร็วๆ นี้กับห้องเรียนในระดับประถมศึกษา (ป.1 – ป.6)
2. StartDee Daily Class คลาส เรียนออนไลน์ ประจำวัน ติวเสริมสำหรับนักเรียนระดับชั้น ม.3 และ ม.6 ที่จะมีการสอบระดับชาติในปลายปีการศึกษา ครอบคลุมเนื้อหาครบทุกวิชาหลัก และคั่นด้วยรายการพักสมองสนุกๆ อาทิ การสอนมายากล และเทคนิคการเล่นเกม RoV
3. StartDee Live Class คลาสเรียนสด ทั้งเนื้อหาวิชาการในหลักสูตรและความรู้หรือทักษะนอกหลักสูตร
. ทั้งนี้การ เรียนออนไลน์ กับ StartDee ยังมีทีมวิชาการประจำ ที่คิดและพัฒนาเนื้อหาการเรียนออนไนการสอนอย่างต่อเนื่อง โดยคุณครูทุกคนผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน มีความหลากหลายในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากทั่วประเทศ
– เรียนออนไลน์ ให้สนุก มีสมาธิ และมีแรงจูงใจ
นอกจากเนื้อหาที่แม่นยำแล้ว วิธีการและรูปแบบในการสอนก็เป็นสิ่งสำคัญ สอนอย่างไรให้เด็กที่อยู่ในวัยอยากเล่นหันมาสนใจที่อยากจะ เรียนออนไลน์ ผ่าน StartDee ที่เปรียบเหมือน Netflix การศึกษาไทย คือเป็นมากกว่าแค่การเรียน แต่ทุกการเรียน ทุกสาระ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักเรียน กิจกรรมพบปะเพื่อนใหม่ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสรู้จักกันจากทั่วประเทศ รวมถึงการนำแอนิเมชั่นมาประกอบในการ เรียนออนไลน์ ทำให้เด็กรู้สึกสนุก ดึงดูดความสนใจ และเข้าถึงเนื้อหาได้ง่าย
– ลดความเหลื่อมล้ำอยู่ที่ไหนก็ เรียนออนไลน์ ได้
อย่างไรก็ตามการ เรียนออนไลน์ ที่ StartDee มีหน่วยงานพิเศษ ทำหน้าที่ในการหาวิธี และแก้ไขปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาโดยเฉพาะ ด้วยการผนึกความร่วมมือกับหลากหลายพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ อาทิ เอไอเอส (AIS) ที่สนับสนุน “ซี้ดซิม” (ZEED SIM) พร้อมอินเทอร์เน็ตฟรี! ให้กับเด็กๆ ได้ เรียนออนไลน์ ผ่านแอพพลิเคชัน StartDee
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
10 อันดับสมุนไพรที่หายาก
ต้นไม้มงคล ดอกสวย ลำต้นงาม พันธุ์หายาก… รับรองได้เลยว่าคุณสมบัติเหล่านี้สามารถปลุกกระแสความนิยมของคนรักต้นไม้เป็นอย่างดี ชวนให้หลายคนหลงใหลอยากจับจองความงดงามของพืชพันธุ์นานาชนิดนี้ ยิ่งถ้าได้รับการยอมรับถึงความเป็นที่สุดด้วยแล้ว จึงมักมาพร้อมกับราคาที่แพงลิบลิ่ว!
ถ้าใครอยากรู้จักพันธุ์ไม้ราคาแพงอันดับต้นๆ ของเมืองไทย วันนี้ M-feature จะพาตะลุยถึงพิพิธภัณฑ์พืชสิรินธร เพื่อขอความรู้จากกูรูต้นไม้ วินัย สมประสงค์ กองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร รับรองว่าได้รู้คำตอบที่ถูกใจนักเลงต้นไม้ไทยอย่างแน่นอน
พันธุ์ไม้ราคาแพงที่คนนิยม
พันธุ์ไม้ราคาแพงและเป็นที่นิยมปลูกหลายชนิดในไทย บางครั้งนำมาจากแหล่งหายากเช่นกัน หรือไม่ก็ขยายพันธุ์ยาก แต่มีต้นและดอกที่สวยงาม ยิ่งสร้างความท้าทายแก่นักเลงต้นไม้ นอกจากจะอาศัยกระแสความนิยมเป็นที่ตั้งแล้ว เรื่องของราคาก็ไม่เบาเช่นกัน M-featureจึงได้จัด 10อันดับความนิยมไว้ดังนี้
1.ว่านเพชรหึง เป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถสูงได้ถึง 3 เมตร มีดอกสีเหลือง หรือสีเขียวอ่อนและมีจุดสีน้ำตาล ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของต้น ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีความสูงเป็นเมตรจะมีราคาแพงเป็นพิเศษ เมื่อเทียบอายุประมาณ 10 ปี มีขนาดสูง 1 เมตร อาจมีราคาถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นกอขนาดเล็กประมาณ 300-400 บาท
“ว่านเพชรหึงที่พิพิธภัณฑ์พืชสิรินธร เราปลูกมาเกือบ 20 ปีแล้ว ขนาดสูงประมาณ 200 ซม. ถือว่าโตช้ากว่าพืชอีกหลายชนิดในตระกูลเดียวกันและขยายพันธุ์ยากมาก ซึ่งแล้วแต่เทคนิคในการขยายพันธุ์ เนื่องจากว่านชนิดนี้ใช้การขยายพันธุ์แบบแยกกออย่างเดียว หรือไม่ก็มีวิธีการเอาเมล็ดไปเพาะพันธุ์เนื้อเยื่อเพื่อให้ได้ต้นขึ้นมา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีผลเป็นอย่างไรบ้างเพราะส่วนใหญ่ทำได้ยาก”
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,050.00 | 26,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,687.00 | 25,574.92 | 26,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,518.30 | 23,017.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,349.60 | 20,459.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 759.00 | 11,506.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 590.00 | 8,944.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,748.00 | 26,499.68 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/05/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 20.25 | 20.25 | 20.75 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 19.98 | 19.98 | 20.48 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 18.74 | 18.74 | 19.24 | 18.74 | 18.74 | – | 18.74 | 18.74 | 18.74 | 18.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 16.99 | 16.99 | – | – | – | – | – | 16.99 | – | – |
เบนซิน 95 | 27.66 | – | – | – | 28.11 | – | 28.16 | 27.66 | – | 27.66 |
ดีเซล | 19.79 | 19.79 | 20.29 | 19.79 | 19.79 | 19.79 | 19.79 | 19.79 | 19.79 | 19.79 |
ดีเซล B10 | 16.79 | 16.79 | 17.29 | 16.79 | 16.79 | 16.79 | 16.79 | 16.79 | 16.79 | 16.79 |
ดีเซล B20 | 16.54 | 16.54 | 17.04 | 16.54 | 16.54 | – | 16.54 | 16.54 | – | 16.54 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 23.64 | 23.66 | 26.14 | 25.64 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.31 | 15.31 | – | – | – | – | – | – | – | – |