อสังหาฯปรับสู่สมดุลใหม่ ลลิล ปรับโฉมฟังก์ชั่น-ดีไซน์
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ชี้กระแส New Normal ตัวแปรสำคัญที่จะพลิกโฉมดีไซน์และฟังก์ชัน ตอบรับความต้องการกลุ่ม Real Demand เผยตลาดอสังหาฯกำลังปรับสู่สมดุลใหม่ มั่นใจสถานการณ์การเงินยังแข็งแกร่ง พร้อมรับมือทุกสภาวการณ์
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ได้ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปกลายเป็น New Normal ที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการเว้นระยะห่าง (Physical distancing) การทำงานและเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน (Work-Learn from Home) รวมถึงกิจกรรมบางอย่างที่มีการปฏิสัมพันธ์กันก็จะมี New Way of Life ที่จะเชื่อมต่อกันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมาพบปะกันด้วยการหันมาใช้ระบบออนไลน์ทดแทน ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม
“เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป จากที่เคยให้ความสำคัญในเรื่องของ Sharing Economy มีการแชร์พื้นที่ แชร์สินค้าและบริการกัน เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 มีการล็อคดาวน์ ความต้องการจึงเปลี่ยน กลับมาต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้นเพื่อตอบ New Normal ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ของการดีไซน์และฟังก์ชันของการอยู่อาศัย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบซึ่งเป็นตลาดของกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand)”
นายชูรัชฏ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และหลังการแพร่ระบาด ในส่วนของการพัฒนาสินค้าได้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยภายใน เพื่อรองรับการทำงานที่บ้าน โดยมีห้องเอนกประสงค์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ไม่ว่าจะเป็น Work from Home หรือ Learn from Home หรือจะปรับเป็นห้องนอนก็ยังสามารถทำได้ โดยปรับฟังก์ชันห้องให้เป็น Flexible Function เพื่อให้ลูกค้าสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเขาได้ เช่น ทาวน์เฮ้าส์ 4 ห้องนอน สามารถปรับห้องนอนที่ 4 ให้เป็นห้องทำงาน ที่ตอบโจทย์หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่กลางวันทำงานประจำและใช้เวลากลางคืนในการทำงานฟรีแลนซ์ ทำให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้นำเสนอแบบบ้านใหม่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปนิกชื่อดังชาวฝรั่งเศส เลอ กอร์บูซีเย (Le Corbusier) กับแนวคิด Modern Geometry ที่เน้น “ฟังก์ชั่นหรือการใช้งาน” เป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบบ้านให้สามารถใช้สอยพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างแท้จริง และ Le Modular หรือหลักความสอดคล้องของสัดส่วนมนุษย์ (Human Scale)ในการจัดสรรพื้นที่ให้เพียงพอ และเหมาะสมกับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การวางตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ไปจนถึงการกำหนดสัดส่วนของพื้นที่เพื่อให้เกิดฟังก์ชันที่ตอบวัตถุประสงค์การใช้งาน รวมไปถึงระยะการหยิบจับสิ่งของ ซึ่งแนวคิดในการพัฒนาแบบบ้านดังกล่าวได้สอดคล้องกับกระแส New Normal ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
สำหรับ โครงการ ลลิล ทาวน์ แลนซิโอ คริป บางนา-เทพารักษ์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวดีไซน์หรู King Size 4 ห้องนอนสไตล์ฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยแบบบ้านดีไซน์ใหม่ในสไตล์ Modern Geometry ที่ผสมผสานความสวยงามกับการออกแบบพื้นที่ใช้สอยแบบใหม่ ตอบรับทุกช่วงวัยอย่างมีระดับ ให้สมาชิกอยู่รวมกันอย่างมีความสุข ตอบสนองการใช้งานได้อย่างแท้จริง ใส่ใจมากกว่าในทุกคุณภาพวัสดุ อุปกรณ์ตกแต่งภายใน สะท้อนรสนิยมอันทันสมัย เชื่อมชีวิตสู่ทุกจุดหมายการเดินทางบนทำเลศักยภาพ มั่นใจยิ่งกว่าด้วยระบบรักษาความปลอดภัย พร้อมกล้อง CCTV ตลอด 24 ชม. ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้กว้างขวาง พร้อมคลับเฮาส์ ฟิตเนส เพื่อทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งยังเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสวย และซุ้มสไตล์ Art-Deco หรูหราโมเดิร์นท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่น โครงการติดถนนใหญ่ บนทำเลที่เดินทางสะดวกที่สุด เชื่อมต่อสุขุมวิท เอกมัย พระรามเก้า ง่ายดายด้วยทางด่วนบูรพาวิถี ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก และถนนมอเตอร์เวย์ ให้การทำงานและชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องใกล้กัน รายล้อมไปด้วย ห้างสรรพสินค้าและ Lifestyle Mall ขนาดใหญ่ ทั้ง Mega บางนา, Central Village และ Market Village สุวรรณภูมิ ,สวนหลวง ร.9 สวนสาธารณะและสวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร, Sky Lane สนามปั่นจักรยานสนามบินสุวรรณภูมิ ระดับราคา 3-6 ล้านบาท และโครงการไลโอ บลิสซ์ บางนา-เทพารักษ์
ทาวน์โฮมแบบใหม่ล่าสุด ฟังก์ชัน Modern GeoMetry ที่ดีไซน์ด้วยลายเส้นที่ลงตัว สไตล์ของ เลอ กอร์บูซีเย (Le Corbusier) พร้อมฟังก์ชันภายในที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของทุกวัย บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อสู่เมืองได้สะดวกด้วย 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ บางนา-ตราด,เทพารักษ์ และสุขุมวิทสายเก่า บนทำเลที่ตั้งใกล้แหล่งชุมชน รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ปรับสมดุลชีวิต ด้วยสมดุลธรรมชาติ ด้วยสวนที่ร่มรื่นขนาดใหญ่ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ และโมเดิร์นคลับเฮ้าส์ในโครงการ ราคาเริ่มต้นที่ 1.99 ล้านบาท
“เรื่องของการพัฒนา Product ให้สามารถปรับเปลี่ยนทั้งดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่บริษัทฯ คำนึงถึงมาโดยตลอด เรามีการออกแบบบ้านให้เป็น Flexible Function ซึ่งสอดรับกับกระแส New Normal” นายชูรัชฏ์ กล่าว “นอกจากนี้ ยังได้ปรับรูปแบบการทำงานผ่านทางออนไลน์ ทั้งการประชุม และการทำตลาดที่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการเข้าชมโครงการ ด้วยการลงทะเบียนและนัดหมายเข้าชมโครงการผ่านระบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า บริหารจัดการเว้นระยะห่าง ไม่ให้มีจำนวนผู้ชมที่มากเกินไป ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ถึงความปลอดภัยเมื่อเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ รวมถึงการทำตลาดผ่านสื่อดิจิทัลเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
ทั้งนี้ หากมองไปที่ Next Normal ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมของตลาดที่ยังพอไปได้ในกลุ่มของ Real Demand ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบหรือแนวสูง ถ้าหากพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าในราคาที่จับต้องได้ ยังเชื่อว่าตลาดก็ยังพอไปได้ โดยเฉพาะบ้านแนวราบ ซึ่งได้รับผลดีจากการที่ผู้บริโภคต้องการใช้พื้นที่ส่วนตัวเพิ่มจากการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น โดย ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้วางแผนและปรับตัวรับมือกับภาวะตลาดชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายการลงทุนอย่างระมัดระวัง พยายามรักษาสัดส่วนหนี้ต่อทุนไม่ให้เกิน 1 เท่า ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.8 เท่า และในปีนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องของการบริหารจัดการ Cash Flow มีการบริหารสต๊อกอย่างเหมาะสม รองรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทำให้บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งที่จะสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คอนโดฯภูเก็ตเหลือขาย ฉุดตลาดชะลอตัว
REIC วิเคราะห์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ พบจังหวัดภูเก็ตน่าห่วง หลังอัตราดูดซับร่วง เหลือ 2.8% คาดตลอดทั้งปี 2563 จะมีหน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขาย 8,966 หน่วย มากสุดในกลุ่มคอนโดฯ ขณะมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ติดลบมากกว่า 40%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสงขลา จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วยพบว่า ณ สิ้นปี 2562 มีโครงการที่อยู่อาศัยเสนอขายจำนวนทั้งสิ้น 17,928 หน่วย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 5.0 ของจำนวนที่อยู่อาศัยใน 26 จังหวัดหลักซึ่งมีจำนวนรวม 355,145 หน่วย นับได้ว่ากลุ่มจังหวัดภาคใต้มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจากพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งมีจำนวน 209,868 หน่วย โดยจังหวัดภูเก็ตพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญ เป็นจังหวัดที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยเสนอขายมากที่สุดในกลุ่มจังหวัดภาคใต้
จังหวัดภูเก็ตอาคารชุดเหลือขายฉุดตลาดชะลอตัว
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่าจากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ สิ้นปี 2562 พบว่ามีจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างเสนอขายจำนวนทั้งสิ้น 133 โครงการ จำนวน 9,291 หน่วยลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกร้อยละ -13.5แบ่งเป็นอาคารชุด จำนวน 5,978 หน่วย บ้านจัดสรร จำนวน 3,313 หน่วย เนื่องจากที่ดินมีต้นทุนราคาที่สูงมากโครงการส่วนใหญ่จึงพัฒนาเป็นอาคารชุด โดยโครงการที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังคงมีสัดส่วนอาคารชุดเปิดขายใหม่สูงกว่าเช่นกัน ซึ่งจากจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ 1,207 หน่วย ประกอบด้วยอาคารชุด 868 หน่วย และบ้านจัดสรร 339 หน่วย
เมื่อพิจารณาจากหน่วยขายได้ใหม่จากการสำรวจพบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2562 มีหน่วยขายได้ใหม่จำนวน 1,550 หน่วย ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกร้อยละ -31.8 ในจำนวนดังกล่าวเป็นการขายห้องชุด 1,060 หน่วย และเป็นบ้านจัดสรร 490 หน่วย ด้วยจำนวนโครงการใหม่ลดลงส่งผลให้จำนวนหน่วยเหลือขายลดลงด้วย โดยมีจำนวน 7,741หน่วย มูลค่ารวม 37,409 ล้านบาท ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ร้อยละ -8.6 แบ่งเป็นหน่วยเหลือขายประเภทโครงการอาคารชุดจำนวน 4,918 หน่วย บ้านจัดสรรจำนวน 2,823 หน่วย
“จากการที่จำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีอัตราการขายได้ลดลงถึงร้อยละ -31.8 จึงส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายมีจำนวนทั้งสิ้น 7,741 หน่วย มูลค่า 37,409 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวเป็นหน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขาย (พร้อมโอน) หรือเป็น Inventory จำนวน 1,037 หน่วย มูลค่า 4,645 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากอัตราการดูดซับเป็นการสะท้อนภาวะความสมดุลระหว่างตัวอุปทานอยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ภาพรวมของอัตราการดูดซับในครึ่งหลังของปี 2562 ลดต่ำลงมาค่อนข้างมากซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวการณ์ขายไม่ดี โดยอัตราดูดซับลดเหลือเพียงร้อยละ 2.8 ต่ำกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งมีอัตราดูดซับเฉลี่ยร้อยละ 4.4 และต่ำกว่าอัตราดูดซับในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งอยู่ในระดับร้อยละ 3.5
โดยทำเลขายดี 5 อันดับแรกพิจารณาจากหน่วยที่ขายได้ใหม่ได้แก่ 1.หาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 365 หน่วย 2.เกาะแก้ว-รัษฎา จำนวน 214 หน่วย 3.หาดราไวย์ จำนวน 183 หน่วย 4.หาดกมลา จำนวน 171 หน่วย และ 5.เทพกระษัตรี-ศรีสุนทร จำนวน 127 หน่วย แต่ด้วยอัตราการขายได้ใหม่ลดต่ำลงอย่างมากส่งผลให้ทำเลขายดีบางทำเลกลายเป็นทำเลที่มีหน่วยสร้างเสร็จเหลือขายมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เกาะแก้ว-รัษฎา จำนวน 268 หน่วย 2.หาดในยาง-หาดไม้ขาว จำนวน 221 หน่วย 3.หาดป่าตอง จำนวน 131 หน่วย 4.เทพกระษัตรี-ศรีสุนทร จำนวน 100 หน่วย และ 5.หาดบางเทา-หาดสุรินทร์ จำนวน 86 หน่วย
อย่างไรก็ตามศูนย์ข้อมูลฯได้ประมาณการว่าในปี 2563 จะมีที่อยู่อาศัยเหลือขายอยู่ในตลาดจำนวน 8,966หน่วย ประกอบด้วยอาคารชุดจำนวน 5,679 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์จำนวน 1,510 หน่วย บ้านเดี่ยวจำนวน 937 หน่วย บ้านแฝดจำนวน 786 หน่วย และอาคารพาณิชย์จำนวน 54 หน่วย เป็นโครงการเปิดขายใหม่จำนวน 2,700 หน่วย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีที่มีการเปิดขายปีละประมาณ 4,800 หน่วย คาดว่าในปี 2563 อัตราดูดซับจะลดทุกกลุ่มประเภทที่อยู่อาศัยโดยลดเหลือประมาณร้อยละ 1.1-1.8 และที่อยู่อาศัยเหลือขายจะยังคงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอาคารชุดจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน
ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยซึ่งแสดงถึงอุปสงค์ที่แท้จริงคาดการณ์ในปี 2563 ก็จะลดลงมาอยู่ที่ 6,553 หน่วย ลดลงร้อยละ-18.1 มีมูลค่าประมาณ 14,401 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -40.2 เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่มีมูลค่า 19,157 ล้านบาท ด้วยภาพรวมดังกล่าวผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การเสนอขาย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่มีอัตราการดูดซับชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงต้นปี 2562 และคาดว่าจะต่อเนื่องมาถึงปี 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ธปท.แจงเงินบาทแข็งค่าสอดคล้องกับภูมิภาค
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับเงินสกุลในภูมิภาค โดยนับตั้งแต่สิ้นเดือน พ.ค. ถึงปัจจุบัน (11 มิ.ย. 63) เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้น 2.71% รองจากเงินรูเปียของอินโดนีเซีย และเงินวอนของเกาหลีใต้ สาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ส่งผลให้เงินทุกสกุลในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์
สำหรับเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นเงินไหลกลับของนักลงทุนที่เป็นทั้งนักลงทุนไทยและกองทุนต่างๆ ที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศในช่วงก่อนหน้า ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรในเดือนมิถุนายน แต่ยังไม่มา
อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนในสภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกและของไทย อาจส่งผลให้ค่าเงินมีความผันผวน จึงขอแนะนำให้ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ และควรกระจายสกุลเงินในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ หลีกเลี่ยงการอิงกับสกุลเงินดอลลาร์ เพียงสกุลเดียว โดยเฉพาะหากเป็นการซื้อขายระหว่างกันเองในภูมิภาค การพิจารณาเลือกเงินสกุลเพื่อกำหนดราคาสินค้า (invoicing currency) ในสกุลที่เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันจะมีโอกาสช่วยลดความผันผวนของรายรับในสกุลบาท นอกจากการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่สถาบันการเงินให้บริการอยู่แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
สรุป 9 ข่าวตลาดนักเตะรอบวัน หงส์-ผีมีเป้าใหม่ สิงห์ติดขัดดีลแวร์เนอร์
สรุปข่าวซุบซิบในตลาดซื้อขายนักเตะรอบวัน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มีเป้าหมายใหม่มาให้เดอะค็อปลุ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล็ง 2 ดาวยิง รวมทั้งอัปเดตเพิ่มเติมของทีมเชลซี และ อาร์เซนอล
-“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ยังไม่ประกาศคว้าตัว ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าทีมชาติเยอรมนีของ แอร์เบ ไลป์ซิก ทั้งที่ตกลงจ่ายค่าฉีกสัญญาแล้ว เพราะต้องรอตรวจร่างกาย แวร์เนอร์ ไม่สามารถเดินทางไปที่สหราชอาณาจักรเพราะติดกฎโควิด-19 ของบุนเดสลีกา ส่วนแพทย์ของเชลซีก็ไม่สามารถบินไปเยอรมนีได้ เพราะถ้ากลับมาอังกฤษต้องกักตัว 14 วัน ดังนั้นจึงอาจต้องรอบุนเดสลีกาจบฤดูกาลวันที่ 27 มิ.ย.นี้ (ดิ แอธเลติก)
-“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเป้าหมายใหม่ สนใจคว้าตัว อูมาร์ ซาดิค กองหน้าวัย 23 ปี ชาวไนจีเรียของ ปาร์ติซาน เบลเกรด ที่ซัดไปแล้ว 17 ประตู จากการลงเล่น 35 นัดในฤดูกาลนี้ โดยเขามีประสบการณ์เคยไปค้าแข้งกับ โรมา และ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส แบบยืมตัวมาแล้ว (เดอะ ซัน)
-“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำลังพิจารณาคว้าตัว นิโคโล ซานิโอโล ตัวรุกทีมชาติอิตาลีวัย 20 ปี ของโรมา มาร่วมทัพ คาดกันว่าโรมาต้องการค่าตัวสูงถึง 53.9 ล้านปอนด์เลยทีเดียว (ตุตโตสปอร์ต)
-“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี กำลังพิจารณาว่าอาจจะปล่อย เอ็นโกโล ก็องเต กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ออกจากทีมเพื่อระดมทุนเสริมทัพ เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจ่อปิดดีล ติโม แวร์เนอร์ ด้วยค่าตัว 54 ล้านปอนด์ แถมยังมีข่าวกับ เบน ชิลเวลล์ แบ็กขวาของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีค่าตัวสูงถึง 75 ล้านปอนด์อีกต่างหาก ถ้าสิงห์บลูพร้อมปล่อย ก็องเต คาดว่า เรอัล มาดริด อาจสนดึงร่วมทีม (อาส)
-“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงให้ความสนใจ มุสซา เดมเบเล กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสของ โอลิมปิก ลียง ที่โชว์ฟอร์มสุดเจ๋งซัดไป 16 ประตูในลีก เอิง ซีซั่นล่าสุด (แมนเชสเตอร์ อีฟนิง นิวส์)
-จาค็อบ ปาเตย์ พ่อของ โธมัส ปาเตย์ กองกลางตัวเก่งของแอตเลติโก มาดริด เผยไม่ได้มีแค่ อาร์เซนอล ทีมเดียวที่สนใจลูกชายของตน ถ้าทีมไหนอยากได้ก็แค่ทุ่มค่าฉีกสัญญา 44.5 ล้านปอนด์
-“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ต้องระวังให้ดี หลังมีข่าว อินเตอร์ มิลาน พร้อมทุ่มเงิน 27 ล้านปอนด์ ขอซื้อตัว เฮคตอร์ เบเยริน แบ็กขวาชาวสเปนไปเสริมทัพ หลังจากตัวนักเตะยังไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่กับปืนใหญ่แทนที่ของเดิมที่จะหมดลงในปี 2023 (เดอะ มิร์เรอร์)
-ทอตแนม ฮอตสเปอร์ กับ เชลซี อาจต้องคิดหนัก เมื่อพวกเขาอาจต้องทุ่มเงินบวกกับแนบกองหลังไปอีก 1 ราย เพื่อแลกกับการคว้าตัว ฟิลิปเป คูตินโญ กองกลางของบาร์เซโลนา (สปอร์ต).
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
“อาหาร” พัฒนา “สมอง”
“สมอง” อวัยวะสำคัญของมนุษย์ เพราะสมองมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว พฤติกรรม และภาวะธำรงดุล เช่น การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น นอกจากนี้หน้าที่ของ “สมอง” ยังเกี่ยวข้องกับการรู้ หรือความรู้ความเข้าใจ อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว และความสามารถอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากค่ะ Lady MIRROR ที่เราต้องดูแลและใส่ใจ “สมอง” เป็นพิเศษ นอกเหนือจากการใช้สมองบ่อยๆ เรายังสามารถดูแลสมองได้ด้วยการรับประทาน “อาหาร” วันนี้ MIRROR จึงมีข้อมูลดีๆ อย่าง “อาหาร” พัฒนา “สมอง” มาฝากทุกคน
โดย “สารอาหาร” ที่สำคัญ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อระบบการทำงานของสมอง ดังนั้นการรับประทาน “อาหาร” ในสัดส่วนที่เหมาะสม จึงเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งสำหรับการสร้างและรักษาพลังงานของ “สมอง”
“สารอาหาร” พัฒนา “สมอง”
น้ำ
โปรตีน
“สารอาหาร” ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อกระบวนการสร้างเซลล์ในสอง และการพัฒนาระบบการทำงานของจิตใจ โดยโปรตีนมักจะพบในเนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ชีส ถั่ว และธัญพืช
คาร์โบไฮเดรต
“สารอาหาร” ที่ให้พลังงานแก่ “สมอง” และมีส่วนช่วยในการรักษาระดับกลูโคสของร่างกาย ซึ่งคาร์โบไฮเดรตนั้นมักพบได้ในธัญพืช ผัก และผลไม้
กรดไขมันที่สำคัญ
“กรดไขมัน” เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการมองเห็น ซึ่งสามารถส่งผลดีต่อการเรียนรู้ และความทรงจำได้ “น้ำมันปลา” คือสารอาหารที่พบกรดไขมัน อย่างในปลาแซลมอน ปลาซาดีน และปลาแมกคอเรล นอกจากนี้เรายังพบกรดไขมันได้ในถั่วอีกด้วย
วิตามินบีรวม
“วิตามินบีรวม” เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ “สมอง” และมีบทบามสำคัญในการสร้างพลังงาน วิตามินบีรวมมักพบได้ทั่วไปในตับ ผักกะหล่ำ และถั่วเหลือง
วิตามินเอ ซี อี
“วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี” วิตามินทั้งสามชนิดถือเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นผลดีต่อความทรงจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ โดยมักพบสารดังกล่าวได้จากผักและผลไม้
“อาหาร” เสริมความทรงจำ
การรับประทาน “อาหาร” ประเภท “ผัก” และ “ผลไม้” เป็นจำนวนมาก สามารถช่วยปกป้องสมอง รักษาความทรงจำของคนเราได้ โดยมีส่วนในการเสริมสร้างสาร “โดเพมีน” ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานร่วมกันของ สมอง ความทรงจำ และอารมณ์ โดยจะพบสารดังกล่าวได้จากผลไม้รสเปรี้ยว แครอท มันฝรั่ง แห้ว ถั่ว น้ำมันปลา และยีสต์ในเบียร์
ทั้งนี้ “อาหาร” อื่นๆ ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของ “สมอง” ประกอบไปด้วย พริกหยวก หัวหอม บรอกโคลี บีทรูท มะเขือเทศ ถั่ว ชีส เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
นี่คือ…“อาหาร” พัฒนา “สมอง” ที่สาวๆ ควรรู้และหามารับประทานเป็นประจำ เพื่อให้สมองของเราได้รับการพัฒนานอกเหนือจากการฝึกฝน และเพื่อ “สุขภาพ” ที่ดีด้วย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
คำศัพท์ เมนูอาหาร & บอกรสชาติ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่าน คำแปล
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หมวดอาหาร เมนูอาหาร รายการอาหาร ของกิน ทานเล่น และการบอกรสชาติอาหาร ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่าน คำแปล (Food อ่านว่า ฟูด แปลว่า อาหาร)
คำศัพท์ อาหาร ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน อ่านว่า | คำแปล แปลว่า |
breakfast | เบรค’ฟาสทฺ | อาหารเช้า, อาหารมื้อเช้า |
lunch | ลันชฺ | อาหารกลางวัน, อาหารเที่ยง |
dinner | ดิน’เนอะ | อาหารมื้อเย็น, อาหารมื้อค่ำ |
supper | ซัพ’เพอะ | อาหารมื้อสุดท้ายของวัน |
cereal | เซีย’เรียล | ธัญพืช |
yogurt | โย’เกิร์ท | นมเปรี้ยว |
sausage | ซอส’ซิจฺ | ไส้กรอก, กุนเชียง |
fried egg | ไฟรดฺ-เอก | ไข่ดาว |
yolk | โยล์คฺ | ไข่แดง |
albumen | แอลบู’เมน | ไข่ขาว |
omelet | ออมเล็ท | ไข่เจียว, ไข่ทอด |
boiled egg | บอยลดฺ-เอก | ไข่ต้ม |
steamed egg | สทีมดฺ-เอก | ไข่ตุ๋น |
soft-boiled egg | ซอฟทฺ-บอยลดฺ-เอก | ไข่ลวก |
steamed fish | สทีมดฺ-ฟิช | ปลานึ่ง |
steamed crab | สทีมดฺ-แครบ | ปูนึ่ง |
grilled chicken | กรีลดฺ-ชิคเคิน | ไก่ย่าง |
grilled squid | กรีลดฺ-สควิด | ปลาหมึกย่าง |
grilled fish | กรีลดฺ-ฟิช | ปลาย่าง |
steamed fish with curry paste | สทีมดฺ-ฟิช-วิธ-เคอรี-เพสทฺ | ห่อหมกปลา, ห่อหมก |
dried shrimp | ไดรดฺ-ชริมพฺ | กุ้งแห้ง |
dried shredded pork | ไดรดฺ-เชรดเด็ด-พอร์ค | หมูหยอง |
porridge | พอ’ริดจฺ | ข้าวต้มข้าวโอ๊ต |
rice porridge | ไรซฺ-พอริดจฺ | ข้าวต้ม |
fried rice | ไฟรดฺ-ไรซฺ | ข้าวผัด |
sticky rice | สทิคคี-ไรซฺ | ข้าวเหนียว |
curry | เคอรี | แกงกะหรี่ |
green curry | กรีน-เคอรี | แกงเขียวหวาน |
fried chicken | ไฟรดฺ-ชิคเคิน | ไก่ทอด |
soup | ซูพ | น้ำแกง, แกงจืด, ซุป |
chili sauce | ชิลลิ-ซอส | ซอสพริก |
tofu | โทฟู | เต้าหู้ |
sushi | ซูชิ | ข้าวปั้น, ข้าวหน้าปลาดิบของญี่ปุ่น |
sukiyaki | สุคิยะคิ | สุกี้ยากี้ |
canned fish | แคนดฺ-ฟิช | ปลากระป๋อง |
pickled fish | พิค’เคิลดฺ-ฟิช | ปลาร้า (ปลาหมักดอง) |
fermented fish | เฟอ’เมินทดฺ-ฟิช | ปลาร้า (ปลาหมักดอง) |
steak | สเทค | เนื้อสเต็ก |
green salad | กรีน-แซลเลิด | สลัดผัก |
fruit salad | ฟรุท-แซลเลิด | สลัดผลไม้ |
dressing | เดรส’ซิง | น้ำสลัด |
papaya salad | พะพายา-แซลเลิด | ส้มตำ |
hot dog | ฮ็อท-ด็อก | ไส้กรอกประกบด้วยขนมปัง |
pizza | พิท’ซะ | พิซซ่า |
hamburger | แฮม’เบอเกอะ | แฮมเบอร์เกอร์ |
French fries | เฟรนชฺ-ไฟรซฺ | มันฝรั่งทอด |
mashed potato | แมชทฺ-พะเทโท | มันฝรั่งบด, มันบด |
crispy pork | คริสพี-พอร์ค | หมูกรอบ |
barbecue | บาร์’บิคิว | เนื้อย่าง, บาร์บีคิว |
meatball | มีทบอล | ลูกชิ้น |
noodle | นูด’เดิล | ก๋วยเตี๋ยว, บะหมี่ |
pasta | พาส’ทะ | พาสต้า (อาหารอย่างหนึ่งของอิตาลี) |
spaghetti | สพะเกท’ที | สปาเก็ตตี้ |
lasagna | ละแซนยะ | ลาซานญ่า |
macaroni | แมคคะโร’นี | มะกะโรนี |
vegetarian food | เวจจิแทเรียน-ฟูด | อาหารมังสวิรัติ (ไม่มีเนื้อสัตว์) |
fast food | ฟาสทฺ-ฟูด | อาหารจานด่วน, อาหารฟาสต์ฟู้ด |
ice cream | ไอซฺ-ครีมฺ | ไอศกรีม, ไอติม |
banana in coconut milk | บะแนนนะ-อิน-โคโคนัท-มิลคฺ | กล้วยบวชชี |
candy | แคน’ดี | ลูกอม, ลูกกวาด |
jelly | เจล’ลี | วุ้น, เยลลี่ |
potato chip | โพเทโท-ชิพฺ | มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ |
popcorn | พอพคอร์นฺ | ข้าวโพดคั่ว |
chestnut | เชสท์นัท | เกาลัด |
biscuit | บิส’คิท | ขนมปังกรอบ |
marshmallow | มาร์ชเมลโลวฺ | ขนมมาร์ชเมลโล่ (นุ่มนิ่มเคี้ยวหนึบๆ) |
บอกรสชาติอาหาร ภาษาอังกฤษ (Taste อ่านว่า เทสทฺ แปลว่า รสชาติ)
บอกรสชาติ ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน อ่านว่า | คำแปล แปลว่า |
sweet | สวีท | หวาน, มีรสหวาน |
salty | ซอล’ที | เค็ม, มีรสเค็ม |
oily | ออย’ลี | มัน, เลี่ยน |
bitter | บิท’เทอะ | ขม |
sour | เซา’เออะ | เปรี้ยว, มีรสเปรี้ยว |
spicy | สไพ’ซี | เผ็ด, มีรสเผ็ด |
tasteless | เทสท์เลสฺ | จืดชืด, ไม่มีรสชาติ, ไร้รสชาติ |
yummy | ยัม’มี | อร่อย, รสเด็ด, รสเยี่ยม |
yucky | ยัคกี | ไม่อร่อย, รสชาติแย่ |
ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com
เก็บVat บริการอีเซอร์วิส ‘เฟซบุ๊ก-กูเกิล’ กระอักแน่
ยักษ์ “เฟซบุ๊ก-กูเกิล” หนาว! ครม.เห็นชอบร่าง พรบ.เก็บภาษี VAT บริการอี-เซอร์วิสแพลตฟอร์มข้ามชาติ กูรูวงการดิจิทัลตบเท้าหนุน ระบุต่อไปรัฐรู้ข้อมูลไทยขาดดุลการค้าดิจิทัลชัดเจน ชี้ที่ผ่านมาเงินไหลออกมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีล่าสุด (9 มิ.ย. 63) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลรัษฎากรฯ จัดเก็บภาษี “อี-เซอร์วิส” หรือ เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจาก แพลตฟอร์มดิจิทัลจากต่างประเทศ ที่ไม่มีบริษัทลูกในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเข้ามา ซึ่ง พรบ.ดังกล่าวนั้นมีนัยยะสำคัญมากกว่ารายได้จากที่กระทรวงการคลังคาดว่าจะได้รับเพิ่ม 3,000 ล้านบาท แต่จะทำให้ภาครัฐสามารถรับรู้ข้อมูลเม็ดเงินของไทยที่ไหลออกไปสู่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างประเทศ และสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้วางแผน หรือ ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อลดการพึ่งพาต่างประเทศ
โดยนายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา นายกสมาคมผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เห็นด้วยกับการเรียกเก็บภาษี “อี-เซอร์วิส” หรือ เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ ที่ไม่มีบริษัทลูกในไทย เนื่องจากรัฐบาลไม่รู้เม็ดเงินที่คนไทยจ่ายให้ผู้ให้บริการเหล่านี้ การที่มีกฎหมายดังกล่าวเหล่านี้ออกมาจะบังคับให้ผู้บริการเหล่านี้ต้องรายงานตัวเลขการจัดเก็บภาษี VAT จากธุรกิจ หรือ ผู้บริโภคในไทย ซึ่งจะทำให้เราสามารถรู้รายได้ที่ชัดเจน หรือ เงินที่ไหลออกไปสู่ผู้ให้บริการเหล่านี้ที่ปีหนึ่งมีมูลค่ามหาศาล
ด้านนายภาวุธ พงษ์วิทยภานุกรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com กล่าวว่าพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลรัษฎากรฯ จัดเก็บภาษี “อี-เซอร์วิส” หรือ เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างประเทศ จะทำให้รัฐบาล มีข้อมูลตัวเลขการขาดดุลทางดิจิทัลของประเทศให้กับผู้ให้บริการต่างประเทศ และมีข้อมูลการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาอี-เซอร์วิส เพื่อลดการพึ่งพาบริการอี-เซอร์วิสจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอี-เซอร์วิส น่าจะเป็นผู้ใช้บริการภาคธุรกิจ หรือ ทั้งผู้บริโภค
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดี กรมสรรพากรกล่าวว่า การจัดเก็บภาษีอี-เซอร์วิสเป็นการทำตามแนวทางของโออีซีดี ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีรายได้จากการให้บริการมายื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อกรมสรรพากร ซึ่งสิ่งที่กรมสรรพากรจะทำคือ ทำอย่างไรให้กระบวนการยื่นจดทะเบียนและชำระภาษีสะดวกและง่าย ซึ่งขณะนี้มี 60 ประเทศทั่วโลกเริ่มจัดเก็บภาษีอี-เซอร์วิสแล้ว ทำให้บริษัทใหญ่ๆยินยอมที่จะทำตามแนวทางของโออีซีดี เพียงแต่ให้ออกมาเป็นกฎหมายเท่านั้น
“สิ่งสำคัญคือ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการในประเทศที่ต้องเสียภาษี ขณะที่ต่างประเทศที่รายได้จากการให้บริการในไทยกลับไม่ได้เสียภาษี ดังนั้นต่อไปแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีรายได้จากการให้บริหารเกินปีละ 1.8 ล้านบาท มีหน้าที่มายื่นจดภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษี”
แหล่งข่าวจากวงการดิจิทัลรายหนึ่ง กล่าวว่าผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษี “อี-เซอร์วิส” หรือ เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% คือ เฟชบุ๊ก กูเกิล ที่ไม่ได้จดทะเบียนบริษัทในไทย โดยหากพรบ.ดังกล่าวผ่านสภา และมีผลบังคับใช้ บริษัทเหล่านี้ต้องรายงานตัวเลขการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งน่าจะทำให้รัฐบาลรู้ตัวเลขที่ชัดเจนรายได้ที่ไทยสูญเสียให้กับผู้ให้บริการเหล่านี้ โดยเฉพาะเม็ดเงินจากโฆษณาออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างชาติเหล่านี้ที่มีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านบาท หรือ 80-90% ของมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์
ทั้งนี้รายงานตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลของไทย โดยสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) ระบุว่าคาดการณ์ว่าในปี 2020 จะมีการใช้จ่ายเม็ดเงินด้านโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล จะมีมูลค่าสูงถึง 22,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 13%
จากข้อมูลพบว่า แพลตฟอร์มระดับโลกอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) และยูทูป (YouTube) ยังคงเป็นแพลตฟอร์มหลักที่แบรนด์ต่างๆ เลือกใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภค
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แพงพวยน้ำ สรรพคุณและประโยชน์ของผักแพงพวยน้ำ 22 ข้อ !
แพงพวยน้ำ
แพงพวยน้ำ ชื่อสามัญ Sunrose willow[2], Periwikle[3], Creeping water primrose[4], Water primrose[5]
แพงพวยน้ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ Ludwigia adscendens (L.) H.Hara (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Jussiaea repens L.) จัดอยู่ในวงศ์พญารากดำ (ONAGRACEAE)[1],[3],[5]
สมุนไพรแพงพวยน้ำ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักแพงพวย, ผักพังพวย, ผักแพงพวยน้ำ, พังพวย ผักปอดน้ำ (ภาคเหนือ), ก้วย ชื่อเผื่อเข่า จุ่ยเล้ง นั่งจั้ว ปี่แป่ฉ่าย (จีนแต้จิ๋ว), กั้วถังเสอ สุ่ยหลง (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[2],[7]
ลักษณะของแพงพวยน้ำ
- ต้นแพงพวยน้ำ มีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วไปในเขตร้อนของทวีปเอเชีย ในประเทศไทยสามารถพบได้ทุกภาค โดยจัดเป็นพรรณไม้เถาเลื้อยหรือไม้ล้มลุกที่อาศัยอยู่ในน้ำ มีลำต้นทอดยาวไปตามผิวน้ำหรือบนดินเหลว มีความสูงของต้นประมาณ 30-60 เซนติเมตร ลำต้นไม่มีขนปกคลุม ลำต้นเรียบเป็นสีเขียวอมสีแดงเล็กน้อย ลักษณะอวบน้ำ เป็นรูปกลม เป็นข้อปุ่ม ตามข้อของลำต้นจะมีรากแก้วเป็นฝอยและมีปุ่มที่ช่วยในการพยุงตัว ทำให้สามารถลอยน้ำได้ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการแยกลำต้นปลูก มักขึ้นบนดินโคลนตามข้างทาง ทุ่งนา หรือตามห้วย หนอง คลองบึงต่าง ๆ (ในช่วงที่น้ำในนาและหนองบึงแห้งแล้ง ต้นแพงพวยน้ําก็ยังคงอยู่ได้ แม้ต้นจะแคระแกร็นและแข็ง นับว่าเป็นต้นไม้ที่มีความทนทานมากชนิดหนึ่ง)[1],[2],[5],[6]
- ใบแพงพวยน้ำ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบมนรีหรือกลมมน โคนใบเรียวสอบเข้าหาก้านใบ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 0.5-2.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร ผิวใบเรียบ บ้างว่ามีขนขึ้นปกคลุมทั้งสองด้านของแผ่นใบ หน้าใบเป็นสีเขียวเข้มเป็นมัน[1],[2]
- ดอกแพงพวยน้ำ ดอกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามง่ามใบ ก้านดอกมีความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ดอกเป็นสีขาว ใจกลางของดอกเป็นสีเหลืองอ่อน ดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ แตกออกเป็นแฉก 5 แฉก ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับ ยาวประมาณ 12 มิลลิเมตร ตั้งชูออกจากข้อ ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบห่อหุ้มอยู่ มีเกสรเพศผู้ 10 ก้าน เพศเมีย 1 ก้าน มีรังไข่ 5 อัน อยู่ส่วนล่างของเกสร สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี[1],[6]
- ผลแพงพวยน้ำ ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวแบบทรงกระบอก หรือเป็นรูปหลอดยาวคล้ายเทียนนา ยาวได้ประมาณ 2-3 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มิลลิเมตร ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก ลักษณะของเมล็ดมีรูปร่างไม่แน่นอน และเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล[1],[2],[4]
สรรพคุณของแพงพวยน้ำ
- ทั้งต้นมีรสจืด เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอดและกระเพาะปัสสาวะ ใช้เป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำคั้นเอาน้ำ 60-120 กรัม ผสมกับน้ำผึ้งเดือนห้าอุ่นให้อุ่นใช้กินเป็นยา (ทั้งต้น)[1],[7] บ้างว่าใช้ส่วนยอดของลำต้นนำมาตำให้ละเอียด ใช้โปะกระหม่อมเด็กเป็นยาแก้ร้อนใน (ยอด)[9]
- แก้ไข้หวัดตัวร้อน ไอแห้ง ให้ใช้ยาแห้ง (ทั้งต้น) 30 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน (ทั้งต้น)[1],[7]
- ใบมีสรรพคุณดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ไข้พิษร้อน (ใบ)[3]
- ช่วยขับน้ำชื้น (ทั้งต้น)[1]
- ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้พืชชนิดนี้ 60 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน (ทั้งต้น)[7]
- ช่วยแก้บิด (ทั้งต้น)[1]
- ช่วยแก้อาการท้องผูก ด้วยการใช้ต้นสด นำมาตำคั้นเอาน้ำ 60-120 กรัม ผสมกับน้ำผึ้งเดือนห้า แล้วอุ่นกิน (ทั้งต้น)[7]
- ทั้งต้นเป็นยาขับปัสสาวะ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ (ทั้งต้น)[1],[3]
- ช่วยแก้โรคหนองใน ปัสสาวะเป็นหนอง ด้วยการใช้ต้นสด 30 กรัม น้ำตาลกรวด 15 กรัม นำมาต้มรวมกัน ใช้กินหลังอาหาร วันละ 2 ครั้ง (ทั้งต้น)[1],[7]
- ช่วยแก้อาการบวมน้ำ ด้วยการใช้แพงพวยน้ำ ชะเอมเทศ จุยฮ่วยเฮีย จุยเจ่ากับ หกเหล็ง อย่างละ 15 กรัม นำมารวมกันต้มกับน้ำกิน (ทั้งต้น)[1]
- ช่วยแก้ดีซ่านอันเกิดจากพิษสุรา ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือ นำมาคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำผึ้งเดือนห้ากิน (ทั้งต้น)[7]
- ใช้แก้แผลหกล้ม แผลเน่าเปื่อย แผลอักเสบอื่น ๆ ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำพอกบริเวณแผล (ทั้งต้น)[7]
- ช่วยแก้พิษงู งูกัด แมลงสัตว์กัดต่อย สุนัขบ้ากัด ด้วยการใช้ต้นสดล้างสะอาด 1-2 กำมือ นำมาตำคั้นเอาแต่น้ำกิน ส่วนกากที่เหลือนำมาพอกบริเวณแผล (ทั้งต้น)[1],[7]
- ใบใช้พอกดับพิษปวดแสบปวดร้อน (ใบ)[3]
- ใช้รักษาโรคงูสวัด (ทั้งต้น)[1]
- ต้นใช้ตำพอกแก้กลากน้ำนม (ทั้งต้น)[7]
- ช่วยแก้ฝีหนองภายนอกบริเวณผิวหนัง ฝีหัวดาวหัวเดือน แก้เด็กเป็นฝี มีหัวกลัดหนอง ยังไม่แตก โรคผิวหนังต่าง ๆ ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำพอกบริเวณที่เป็น (ทั้งต้น)[1],[7]
- ช่วยแก้ผดผื่นคัน ออกหัด มีไข้ตัวร้อน ไข้ไม่ลด ให้ใช้ต้นสด 60 กรัม นำมาตำคั้นเอาแต่น้ำ นำไปนึ่งก่อนกิน (ทั้งต้น)[1],[7]
- สรรพคุณอื่น ๆ ของแพงพวยน้ําที่ผู้เขียนอ่านเจอในหลาย ๆ เว็บไซต์ (แต่ข้อมูลไม่มีแหล่งอ้างอิง) ระบุว่าทั้งต้นมีสรรพคุณแก้เบาหวาน ลดความดันโลหิต ส่วนใบมีสรรพคุณบำรุงหัวใจ แก้มะเร็ง แก้เบาหวาน แก้ท้องผูกเรื้อรัง และรากใช้เป็นยารักษามะเร็งในเม็ดเลือด แก้บิด ขับพยาธิ ขับประจำเดือน ทำให้แห้ง ช่วยห้ามเลือด (ส่วนนี้ไม่ขอยืนยันความถูกต้องนะครับ อีกทั้งยังไม่แน่ใจด้วยว่าเป็นสรรพคุณของ “แพงพวงฝรั่ง” หรือไม่)
วิธีใช้สมุนไพรแพงพวยน้ำ
- วิธีใช้ตาม [1] ถ้าเป็นยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 10-35 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ถ้าเป็นยาสดให้ใช้ครั้งละ 30-70 กรัม นำมาตำคั้นเอาแต่น้ำกินหรือใช้ตำพอกแผลภายนอก[1]
- การเก็บมาใช้ ให้เก็บในช่วงกำลังออกดอกและลำต้นงอกงามดีแล้ว แล้วนำมาล้างให้สะอาด ตากให้แห้งเก็บเอาไว้ใช้ หรือจะใช้แบบสด ๆ เลยก็ได้[7]
- ลักษณะของยาแห้งที่ดี ควรมีลักษณะของลำต้นยาวและอวบอ้วน มีความกว้างประมาณ 3-5 มิลลิเมตร สีออกน้ำตาลแดง มีรอยย่นทั้งตามยาวและตามขวาง มีเนื้อนิ่ม ตามใต้ข้อมีรากแห้งเป็นฝอยสีดำคล้ายเส้นผม กลีบมันร่วงง่าย และมักร่วงหายหมดไป[7]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของแพงพวยน้ำ
- ทั้งต้นพบสารที่มีปฏิกิริยาทางเคมีจำพวก Flavonoid glycoside, Pinenols, Amino acid, Glucoline เป็นต้น[1]
ประโยชน์ของแพงพวยน้ำ
- ยอดอ่อน ใบอ่อน และลำต้นอ่อนของแพงพวยน้ํา นำมาลวกให้สุกแล้วนำมาทำยำ จิ้มกินกับน้ำพริก หรือใช้ประกอบอาหารได้ เช่น แกงส้ม ฯลฯ โดยคุณค่าทางโภชนาการของส่วนที่รับประทานได้ ต่อ 100 กรัม ประกอบไปด้วยพลังงาน 38 แคลอรี, น้ำ 87%, โปรตีน 3.3 กรัม, ไขมัน 4.8 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 4.8 กรัม, ใยอาหาร 3.3 กรัม, เถ้า 1 กรัม, วิตามินเอ 9,875 หน่วยสากล, วิตามินบี2 0.01 มิลลิกรัม, วิตามินบี3 2.8 มิลลิกรัม, วิตามินซี 3 มิลลิกรัม, แคลเซียม 57 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 300 มิลลิกรัม และธาตุเหล็ก 1.3 มิลลิกรัม[2],[5]
- ชาวบ้านจะใช้ลำต้นผสมกับกะปิ เติมน้ำเล็กน้อย แล้วนำไปให้วัวควายกินเป็นยารักษาโรคปากเปื่อยและเท้าเปื่อย[9]
- ใช้ปลูกเป็นไม้น้ำประดับทั่วไปตามแหล่งน้ำ หรือใช้ประดับในอ่างเลี้ยงปลา สวนหย่อม สามารถออกดอกได้ตลอดปี[6],[9]
ข้อควรระวังในการนำแพงพวยน้ำมาใช้
- เนื่องจากแพงพวยน้ำเป็นผักที่ใช้รับประทานสดและเป็นไม้น้ำ หากเกิดขึ้นในบริเวณแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด ในแหล่งน้ำชุมชนที่มีสารพิษ หรือมีไข่พยาธิ ไม่ควรเก็บมาใช้หรือกิน และก่อนนำมากินควรล้างผักให้สะอาดเสียก่อน ด้วยการแช่น้ำด่างทับทิม[8]
ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,350.00 | 25,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,642.00 | 24,892.72 | 25,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,477.80 | 22,403.45 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,313.60 | 19,914.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 739.00 | 11,203.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 575.00 | 8,717.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,702.00 | 25,802.32 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/06/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 21.45 | 21.45 | 21.45 | 21.45 | 21.45 | 21.45 | 21.45 | 21.45 | 21.45 | 21.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.18 | 21.18 | 21.18 | 21.18 | 21.18 | 21.18 | 21.18 | 21.18 | 21.18 | 21.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 19.94 | 19.94 | 19.94 | 19.94 | 19.94 | – | 19.94 | 19.94 | 19.94 | 19.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 17.89 | 17.89 | – | – | – | – | – | 17.89 | – | – |
เบนซิน 95 | 28.86 | – | – | – | 29.31 | – | 29.36 | 28.86 | – | 28.86 |
ดีเซล | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 | 21.89 |
ดีเซล B10 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 | 18.89 |
ดีเซล B20 | 18.64 | 18.64 | 18.64 | 18.64 | 18.64 | – | 18.64 | 18.64 | – | 18.64 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 26.04 | 26.06 | 28.04 | 28.04 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.31 | 15.31 | – | – | – | – | – | – | – | – |