ยผ.แก้ปัญหาผังเมือง ทะลวงที่ตาบอด วางโครงสร้างพื้นฐาน
กรมโยธาฯ แก้ปัญหาผังเมือง ทะลวง ที่ดินตาบอด วางโครงสร้างพื้นฐาน มอบโฉนดที่ดินแปลงใหม่ ตามโครงการจัดรูปที่ดินจังหวัดระยอง
วันนี้ (21 กันยายน 2563) นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า การจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ เป็นภารกิจหนึ่งที่กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนและดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายในการพัฒนาและแก้ปัญหาผังเมืองอย่างเป็นระบบ ด้วยการสร้างโครงข่ายคมนาคม เปิดพื้นที่ตาบอดให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ ซึ่งจะทำให้ประหยัดงบประมาณในการเวนคืนที่ดิน ช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดิน และสามารถพัฒนาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างเท่าเทียม มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็น เพื่อแสวงหาทางเลือกที่ดีและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งเจ้าของที่ดินในโครงการฯ ยอมปันส่วนที่ดินและมีอัตราการเข้าร่วมโครงการฯ ที่สูงถึง 100 %
สำหรับโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ บริเวณหนองมะหาด ตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เป็นความร่วมมือระหว่างกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดระยอง และเทศบาลตำบลทับมา โครงการดังกล่าว ได้ดำเนินการในเขตผังเมืองรวมเมืองระยอง พ.ศ. 2549 ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย (สีเหลือง) และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) มีพื้นที่โครงการประมาณ 24 ไร่ 2 งาน 97.7 ตารางวา จำนวนแปลงที่ดิน 16 แปลง เจ้าของที่ดิน 14 ราย
กรมฯ ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 20.74 ล้านบาท ในการก่อสร้างถนนโครงการตามผังเมืองรวม ขนาดเขตทาง 12.00 เมตร ความยาวประมาณ 380 เมตร เชื่อมระหว่างถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 กับถนนสายหนองมะหาด-ชายกระปอม สามารถใช้เป็นทางลัดเข้าสู่ตัวเมืองระยอง และจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่พอเพียง มีเสาไฟฟ้าระบบโซลาเซลล์ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ทำให้โครงการฯ นี้สามารถดำเนินการจนประสบผลสำเร็จได้
จากความสำเร็จของโครงการจัดรูปที่ดินฯ บริเวณหนองมะหาด ทำให้เกิดโครงการจัดรูปที่ดินฯ แห่งที่ 2 ในจังหวัดระยอง โดยปัจจุบันกรมฯ ได้ดำเนินโครงการเมืองใหม่อัจฉริยะบ้านฉาง เพื่อเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคให้เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบสมบูรณ์ประชาชนสามารถเข้าถึงได้สะดวก รองรับการเติบโตของเมือง และพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ด้วยวิธีการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
การเคหะฯ ออกพันธบัตรเพื่อสังคม 6,800 ล้านสร้างบ้านราคาถูก
การเคหะฯ ออก Social Bond 6,800 ล้าน ระดมทุนสร้างที่อยู่อาศัยมีมาตรฐาน ประชาชนได้ซื้อบ้านดีราคาไม่แพง “ออมสิน” มุ่งบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ชวนนักลงทุนร่วมช่วยเหลือภาคสังคม
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานการออกพันธบัตรเพื่อสังคมของการเคหะแห่งชาติและการลงนามในสัญญาการจัดจำหน่าย ระหว่างการเคหะแห่งชาติและธนาคารออมสิน โดยมี นายเอด วิบูลย์เจริญ ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ นายณัฐพงศ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ Mr.Hideaki Iwasaki, Thailand Country Director, Asian Development Bank และ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ร่วมในการแถลงข่าว ณ ห้องประชุมกำแพงเพชร ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การออกพันธบัตรเพื่อสังคม (Social Bond) ของการเคหะแห่งชาติในครั้งนี้ เป็นการออกพันธบัตรเพื่อสังคมครั้งแรกของรัฐวิสาหกิจไทยตามนโยบายของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ต้องการให้มีการระดมทุนจากตลาดทุนเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมผ่านการลงทุนในพันธบัตรเพื่อสังคม โดยที่นักลงทุนยังได้ผลตอบแทนทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการคลังที่สนับสนุนการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG Bond) ที่สนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจออกพันธบัตรเพื่อสังคม พันธบัตรเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ พันธบัตรเพื่อความยั่งยืน เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้มาพัฒนาประเทศตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ทั้ง 17 เป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกได้ให้การรับรองและคำมั่นในการขับเคลื่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
สำหรับการออกพันธบัตรเพื่อสังคมของการเคหะแห่งชาติ ในครั้งนี้ เป็นการออกพันธบัตรเพื่อ Refinance การลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยทั้งประเภท เช่า เช่าซื้อ และซื้อ ที่มีระดับราคาที่รับภาระได้ เป็นการขับเคลื่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 11 การทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานมนุษย์มีความยั่งยืนและประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่เพียงพอ ซึ่งจะมีประชาชนประมาณ 13,569 ครัวเรือน หรือประมาณ 54,000 คน ได้รับประโยชน์จากการออกพันธบัตรในครั้งนี้ ทั้งนี้ การออกพันธบัตรจะดำเนินการออกเป็น 3 ชุดคือ อายุ 5 ปี วงเงิน 1,000 ล้านบาท อายุ 10 ปี วงเงิน 2,800 ล้านบาท และอายุ 15 ปี วงเงิน 3,000 ล้านบาท กำหนดออกพันธบัตรในวันที่ 23 กันยายน 2563 ซึ่งการออกพันธบัตรเพื่อสังคมในครั้งนี้ การเคหะแห่งชาติได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการแบบให้เปล่าจาก Asian Development Bank ทำให้การออกพันธบัตรเป็นไปตามมาตรฐานสากลของ International Capital Markets Association (ICMA) และ ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) และในปี 2564 กคช. ตั้งเป้าหมายการออกพันธบัตรเพื่อสังคม หรือพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนเพื่อนำเงินที่ได้มาลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารออมสินมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายพันธบัตรเพื่อสังคม หรือ Social Bond ของการเคหะแห่งชาติ พ.ศ.2563 วงเงินไม่เกิน 6,800 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกของรัฐวิสาหกิจไทยที่มีการออกพันธบัตรประเภทนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้คัดเลือกธนาคารออมสินให้เป็นผู้จัดการจัดจำหน่าย พันธบัตรมีจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.02% ต่อปี รุ่น 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.64% ต่อปี และรุ่น 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.90% ต่อปี กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย ทั้งนี้ ได้เปิดให้นักลงทุนแสดงความจำนงแล้วเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 และจะเปิดให้จองซื้อในวันที่ 22 กันยายน 2563 นี้
“ธนาคารออมสินในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีบริการทางการเงินครบวงจร รวมถึงการให้บริการธุรกรรมทางการเงิน เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือตราสารหนี้ต่างๆ ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยเฉพาะพันธบัตรของภาครัฐ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปลงทุนและพัฒนาหลากหลายโครงการ เพื่อช่วยเหลือสังคมในภาพรวม ที่สำคัญเป็นหนึ่งในกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย โดยที่ผ่านมาธนาคารออมสินถือเป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐวิสาหกิจในระดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งการเป็นผู้จัดการจัดจำหน่าย พันธบัตรเพื่อสังคมของการเคหะในครั้งนี้ นอกจากเป็นการให้บริการทางการเงินดังกล่าวแล้ว ยังสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินงานของธนาคารออมสินที่มุ่งเน้นการทำภารกิจด้านสังคม หรือ Social Bank เช่นเดียวกัน” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว
ด้าน นายณัฐพงศ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงนโยบายการออกพันธบัตรของการเคหะแห่งชาติในปี 2564 เพิ่มเติมว่า การเคหะแห่งชาติมีแผนการระดมทุนในรูปแบบการออกพันธบัตรเพื่อสังคม (Social Bond) หรือพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ซึ่งเป็นการจัดหาแหล่งเงินทุนในต้นทุนที่เหมาะสม เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการบ้านเคหะสุขประชา ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้รับนโยบายให้จัดสร้างที่อยู่อาศัยจำนวน 100,000 หน่วย ในระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 – 2569 โดยจัดสร้างปีละ 20,000 หน่วย และส่งมอบในวันที่ 28 กรกฎาคมของทุกปี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้เพื่อให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ข้าราชการชั้นผู้น้อย ข้าราชการเกษียณ และประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้บุกรุกในพื้นที่สาธารณะได้มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย นอกจากนี้โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ มีแผนการออกแบบและก่อสร้างโครงการให้เป็นไปตามเกณฑ์ ECO-VILLAGE ของ กคช. หรือมาตรฐานการประหยัดพลังงาน เช่น บ้านเบอร์ 5 ที่การเคหะแห่งชาติร่วมดำเนินการกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดตัวแพลตฟอร์มทดสอบระบบสกุลเงินดิจิทัล
มาสเตอร์การ์ด บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกด้านการชำระเงิน ระบุว่า เมื่อประเทศทั่วโลกแข่งขันกันเพื่อนำระบบชำระเงินดิจิทัลมาปรับใช้กับระบบการเงินของประเทศตัวเอง ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จึงได้มองถึงอนาคตและมองหาแนวทางสนับสนุนการใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) และนวัตกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในขณะที่ยังต้องรักษานโยบายการเงินและเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ และจากรายงานของธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ หรือ BIS เมื่อต้นปีนี้ ธนาคารกลางกว่า 80% กำลังการศึกษาเกี่ยวกับ CBDC ในรูปแบบต่างๆ โดย 40% มีการต่อยอดจากแนวคิดสู่การทดสอบที่เป็นรูปเป็นร่างและมีแบบแผน
เมื่อเร็วๆ นี้ มาสเตอร์การ์ดได้ประกาศเปิดตัวระบบทดสอบเมือนจริงให้กับเหล่าธนาคารกลางในหลายประเทศเพื่อประเมินการใช้ CBDC ของตนในกรณีต่างๆ ซึ่งตัวแพลตฟอร์มนี้จะทำให้ผู้ทดสอบสามารถจำลองได้ตั้งแต่การออกสกุลเงิน (Issuance) การแจกจ่าย (Distribution) ตลอดจนการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน CBDC ระหว่างธนาคาร ผู้ให้บริการทางการเงิน และผู้บริโภค และในโอกาสนี้ มาสเตอร์การ์ดขอเชิญชวนธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ ตลอดจนบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทที่ปรึกษา ร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อประเมินสกุลเงิน CBDC ของตนในแง่ของการออกแบบเชิงเทคนิค การใช้งานจริงในกรณีต่างๆ และการรองรับการใช้งานร่วมกับช่องทางชำระเงินต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
มาสเตอร์การ์ด เป็นผู้นำด้านการทำระบบชำระเงินในรูปแบบต่างๆ และด้านการรวมพันธมิตรเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย ตั้งแต่ธนาคารไปจนถึงธุรกิจและผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ เพื่อให้ผู้คนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มาสเตอร์การ์ดต้องการใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญที่มีเพื่อพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
“ธนาคารกลางได้เร่งค้นคว้าเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลด้วยวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน ตลอดจนเพื่อพัฒนาระบบชำระเงินให้มีความทันสมัย” นายราช ดาโมดารัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายทรัพย์สินดิจิทัลและบล็อกเชนด้านผลิตภัณฑ์และความร่วมมือ มาสเตอร์การ์ด กล่าว “มาสเตอร์การ์ดทำงานร่วมกับพันธมิตรจากภาครัฐ ธนาคาร บริษัทฟินเทค และบริษัทที่ปรึกษาที่มีค่านิยมและหลักการตรงกับองค์กรในการค้นคว้าเกี่ยวกับ CBDC เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม โดยที่แพลตฟอร์มใหม่นี้จะช่วยสนับสนุนธนาคารกลางในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินงานในปัจจุบันและอนาคตเพื่อเศรษฐกิจของประเทศและในระดับภูมิภาค” นายราช กล่าวเสริม
นางชีลา วอร์เรน หัวหน้าฝ่ายบล็อกเชน ทรัพย์สินดิจิทัล และนโยบายข้อมูล สภาเศรษฐกิจโลก กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการค้นคว้าเกี่ยวกับ CBDC จะช่วยให้ธนาคารเข้าใจถึงโอกาสและศักยภาพด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายของ CBDC ได้ดียิ่งขึ้น และผ่านการสนับสนุนต่างๆ ธนาคารกลางจะได้รับประโยชน์จากการค้นคว้าและวิจัยในแนวทางดำเนินงานของ CBDC รวมถึงการมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
CBDC ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีมูลค่าและหลักทรัพย์ค้ำประกันจากรัฐบาลเหมือนกันกับการออกธนบัตรของแต่ละประเทศ และนอกเหนือจากการออกธนบัตร ธนาคารกลางจะสามารถออก CBDC ในรูปแบบดิจิทัลเพื่อใช้แทนเงินกระดาษได้
การขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สามารถนำไปต่อยอดได้
แม้การดำเนินงานจะมีหลากหลายรูปแบบ แต่แนวทางหลักที่ทุกประเทศจะต้องปฏิบัติตามคือ ธนาคารกลางจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้ออกและกระจายสกุลเงินดิจิทัลผ่านธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการทางการเงินที่ได้รับอนุญาต เฉกเช่นเดียวกันกับธนบัตร มาสเตอร์การ์ดเข้าใจในจุดที่ว่าธนาคารกลางแต่ละแห่งมีแนวทางค้นคว้าเกี่ยวกับ CBDC ที่ต่างกัน ดังนั้น แพลตฟอร์มที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจึงมีความพร้อมสำหรับทุกฝ่ายในการทดสอบว่า CBDC ของตนนั้นตรงกับความต้องการของประเทศหรือภูมิภาคหรือไม่ แพลตฟอร์มเสมือนจริงนี้จึงสามารถถูกปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมของการดำเนินงานของธนาคารกลางแต่ละแห่งได้ ทำให้ธนาคารกลางสามารถ
1. จำลองระบบการออก การกระจาย และการแลกเปลี่ยน CBDC ระหว่างธนาคารและผู้บริโภค รวมทั้งวิธีที่จะสามารถใช้ CBDC ร่วมกับเครือข่ายและโครงสร้างระบบชำระเงินที่มีอยู่ เช่น การใช้บัตร และการชำระเงินแบบเรียลไทม์จำลองสถานการณ์ที่ผู้บริโภคสามารถใช้ CBDC จับจ่ายสินค้าและบริการกับร้านค้าและผู้ให้บริการทั่วโลกที่รับชำระด้วยมาสเตอร์การ์ด
2. ตรวจสอบการออกแบบเชิงเทคนิคของ CBDC และกรณีการใช้งานในรูปแบบต่างๆ เพื่อกำหนดมูลค่าและความเป็นไปได้ในตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
3. ประเมินขั้นตอนการพัฒนา CBDC เช่น การออกแบบเชิงเทคนิค ความปลอดภัย และการทดสอบในช่วงต้นเรื่องการออกแบบและการใช้งาน
CBDC ในอนาคต
มาสเตอร์การ์ดมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนธนาคารกลางในการเลือกเส้นทางเพื่อพัฒนาระบบชำระเงินของตนให้ทันสมัยโดยการมองหาโซลูชันที่จะผนวกกับวิธีการชำระเงินที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนและธุรกิจทำธุรกรรมในแต่ละวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“เนวิลล์” วิจารณ์เดือดหลังเกม “แมนยูฯ” บ้อท่าพ่ายคาบ้านต่อ “พาเลซ”
“แกรี เนวิลล์” กูรูลูกหนังชื่อดัง ออกมาวิจารณ์สุดเดือดหลังเกมที่อดีตทีมเก่าอย่าง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เสียท่าพ่ายแพ้คารังต่อ “คริสตัล พาเลซ” 1-3
วันที่ 22 ก.ย. 63 แกรี เนวิลล์ กูรูลูกหนังชื่อดัง ออกมาวิจารณ์สุดเดือดหลังเกมที่อดีตสโมสรต้นสังกัดเก่าอย่าง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เปิดสนาม โอลด์ แทรฟเฟิร์ด พลาดท่าแพ้คารังต่อผู้มาเยือนอย่าง “อินทรีผงาด” คริสตัล พาเลซ 1-3 ผ่านทาง สกาย สปอร์ตส์ สื่อชื่อดัง
เกมนี้ทีมเจ้าบ้านได้ประตูจาก ดอนนี ฟาน เดอ เบค แข้งตัวใหม่ที่ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองนาทีที่ 81 ด้านทีมเยือนได้ 3 ประตูจาก แอนดรอส ทราวน์เซนด์ นาทีที่ 7, วินฟรีด ซาฮา เบิ้ลสองตุง นาทีที่ 74 (จุดโทษ) และนาทีที่ 85 ของเกมการแข่งขัน นั่นทำให้ทีมเจ้าบ้านประเดิมสนามนัดแรกด้วยการไม่มีคะแนน ส่วนทีมเยือนเก็บ 6 คะแนนเต็ม จาก 2 นัด
ล่าสุด แกรี เนวิลล์ ออกมากล่าวว่า “ผมคิดว่าพวกเขา (คริสตัล พาเลซ) เอาชนะกองหลัง 2 คนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี แม็คไกวร์) ได้ทั้งวันนั่นแหละ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือ จังหวะ 50/50 เขาช่างอ่อนแอมากๆ คุณสามารถพูดถึง เจดอน ซานโช ได้เพราะเขาคือนักเตะที่จะตอบโจทย์ของทีมเรา แต่เราก็จำเป็นที่จะได้กองหลังที่มีความเร็วและเก่งในการดวลตัวต่อตัว ถ้า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ยังใช้ 2 คนนี้เป็นกองหลังเราจะไม่มีวันคว้าแชมป์ลีกได้เลย เกมรับของพวกเขาดีขึ้นอันนี้ไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าคุณกำลังพูดถึงการยกระดับก้าวขึ้นไปอีกขั้นมันยังไม่ดีพอ”
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
แนะแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนคัดกรองโรคโควิด-19
แนะแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนคัดกรองโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากข้อมูลสถานการณ์คนต่างด้าว ของสำนักบริหารต่างด้าว กรมการจัดหางาน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 พบมีจำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย 2,419,452 คน ส่วนใหญ่ทำงานในกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่ม มีทั้งทำหน้าที่ปรุงประกอบอาหาร สัมผัสอาหาร และให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามานั่งรับประทานหรือซื้อกลับบ้าน รวมไปจนถึงร้านที่ให้บริการด้านความบันเทิงร่วมด้วย เช่น การจัดแสดงคอนเสิร์ต ผับ บาร์ เป็นต้น
ซึ่งผู้ประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในสถานที่เหล่านี้ นอกจากจะต้องดูแลด้วยการพาไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องและตรวจคัดกรองโรคให้เรียบร้อยแล้ว ยังคงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังต้องเข้มงวดการจัดระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างบุคคล โต๊ะในร้าน และระหว่างเวทีกับผู้มาใช้บริการ ควบคุมไม่ให้มีกิจกรรมอื่นที่ใช้เสียงดังที่อาจมีความเสี่ยงต่อการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลและการแพร่กระจายเชื้อ รวมไปถึงการทำความสะอาดพื้นที่หรือบริเวณที่มีการสัมผัสร่วมกัน และจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี กรณีสถานที่อยู่ในอาคารหรือเป็นพื้นที่ปิดควรจัดทำระบบระบายอากาศหรือปรับอากาศให้มีอัตราการหมุนเวียนของอากาศอย่างเพียงพอ และทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
รวม คำศัพท์เกาหลี ในชีวิตประจำวัน โต้ตอบกับโอปป้าสบายๆ
ฝึกพูดภาษาเกาหลี กันดีกว่า กับ คำศัพท์เกาหลี ในชีวิตประจำวัน เรียนรู้ไม่ยาก เพราะ ภาษาเกาหลีง่ายนิดเดียว
ไม่ว่าจะหันไปทางไหน รอบๆ ตัวเราก็เต็มไปด้วยความเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นเพลง K-Pop ที่เปิดฟังกันอยู่บ่อยๆ หรือจะเป็นซีรีส์เกาหลีที่ติดกันอย่างงอมแงม จึงไม่แปลกใจเลยที่คนในยุคนี้จะชื่นชอบเกาหลีกันมากขึ้น ดังนั้นการเรียนภาษาเกาหลีจึงเข้ามามีบทบาทกับวัยรุ่นยุคนี้มากขึ้น ดังนั้น Sanook! Campus เราก็เลยรวบรวม คำศัพท์เกาหลี ในชีวิตประจำวัน คำศัพท์ง่ายๆ ที่จะทำให้เราเข้าใจความหมายของเหล่าโอปป้าในซีรีส์ได้ง่ายขึ้นมาฝากเพื่อนๆ กัน จะมีคำอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลย
คำศัพท์เกาหลี สำหรับการทักทาย
안 녕 (อันยอง) สวัสดี
처 음 (ชออึม) ครั้งแรก
븹 다 (เบบดา) พบกัน
감 사 하 나 (กำซาฮาดา) ขอบคุณ
당 신 (ดังซิน) คุณ
평 안 하 다 (พยองอันฮาดา) สบายดี
반 갑 다 (บันกับดา) ยินดี
여 보 세 요 (ยอโบเซโย้) ฮัลโหล
성 함 / 이 름 (ซองฮำ/อีรืม) ชื่อ
무 엇 (มูออด) อะไร
คำศัพท์เกาหลี สำหรับตัวเลข (ใช้กับจำนวนนับ)
하나 (ฮานา) 1
둘 (ทุล) 2
셋 (เซ็ท) 3
넷 (เน็ท) 4
다섯 (ทา ซ็อด) 5
여섯 (ยอ ซ็อด) 6
일곱 (อิล กบ) 7
여덟 (ยอ ดอล) 8
아홉 (อา ฮบ) 9
열 (ยอล) 10
คำศัพท์เกาหลี สำหรับตัวเลข (ใช้กับ วัน เดือน ปี ราคา)
일 (อิล) 1
이 (อี) 2
삼 (ซัม) 3
사 (ซา) 4
오 (โอ) 5
육 (หยุก) 6
칠 (ชิล) 7
팔 (พัล) 8
구 (คู) 9
십 (ชิบ) 10
คำศัพท์เกาหลี สำหรับพูดถึงวัน
오늘 (โอ นึล) วันนี้
어제 (ออ เจ) เมื่อวาน
내일 (แนอิล) พรุ่งนี้
그저게 (คือ ชอเก) เมื่อวานซืน
모레 (โมเร) มะรืน
คำศัพท์เกาหลี สำหรับการขอโทษ
미 안 하 다 (มีอันฮาดา) ขอโทษ
유 감 스 럽 다 (ยูกำซือหรอบดา) เสียใจ
용 서 하 다 (ยงซอฮาดา) ขออภัย
잘 못 하 다 (จัลมดฮาดา) ทำผิด
괜 잖 다 (แกวนซันทา) ไม่เป็นไร
คำศัพท์เกาหลี สำหรับการถาม
누구 (นูกู) ใคร
왜 (แว) ทำไม
어 떻 게 (ออคอเค) อย่างไร
어 디 서 (ออดีซอ) ที่ไหน
คำศัพท์เกาหลี สำหรับบุคคลและครอบครัว
남 자 (นัมจา) ผู้ชาย
여 자 (ยอจา) ผู้หญิง
어 른 (ออ รึน) ผู้ใหญ่
님 자 아 이 (นัมจาอาอี) เด็กชาย
여 자 아 이 (ยอจาอาอี) เด็กหญิง
아 버 지 (อาบอจี) พ่อ
어 머 니 (ออมอนี) แม่
아 들 (อาดึล) ลูกชาย
딸 (ตัล) ลูกสาว
형 (ฮย็อง) พี่ชาย (น้องชายเรียกพี่ชาย)
오 빠 (โอปา) พี่ชาย (น้องสาวเรียกพี่ชาย)
누 나 (นูนา) พี่สาว (น้องชายเรียกพี่สาว)
언 니 (อ็อนนี) พี่สาว (น้องสาวเรียกพี่สาว)
남 동 생 (นัมดงแซ็ง) น้องชาย
여 동 생 (ยอดงแซ็ง) น้องสาว
사 촌 (ซาชน) ลูกพี่ลูกน้อง
남 편 (นัมพย็อน) สามี
아 내 (อาแน) ภรรยา
친 구 (ชินกู) เพื่อน
애 인 /연 인 (แออิน/ยออิน) แฟน/คู่รัก
คำศัพท์เกาหลี สำหรับท่องเที่ยว
공항 (คง ฮัง) สนามบิน
여권 (ยอ กวอน) หนังสือเดินทาง
여행가방 (ยอแฮง คาบัง) กระเป่าเดินทาง
비행기표 (พีแฮงกี พโย) ตั๋วเครื่องบิน
가방 (คาบัง) กระเป๋า
쇼핑 (ชโย พิง) ช็อปปิ้ง
얼마예요? (ออล มาเยโย๊?) ราคาเท่าไหร่?
잔돈 (ชาน โทน) เงินทอน
현금 (ฮยอน กึม) เงินสด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โตโยต้า หนุนชุมชน ลดโลกร้อน
ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือ โลกร้อน มิใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว ในทุกวันนี้เมืองใหญ่ทั่วโลกต่างตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ขณะที่ประเทศไทยในช่วง 2 -3 ปีผ่านมาก็เริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมออกมา อันเป็นผลมาจากการตื่นตัวเรื่องของค่าฝุ่น PM 2.5 ที่พุ่งสูงต่อเนื่อง
ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์ที่ถูกจับตามองว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม -มลพิษ -มลภาวะต่างๆก็มิได้นิ่งนอนใจ เพราะในแง่ของการผลิตหรือพัฒนารถรุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาด ก็สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในแบบต่างๆ นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่ค่ายผู้ผลิตทำคู่ขนานกันมา ก็เป็นพวกโครงการลดโลกร้อนในรูปแบบต่างๆ ที่เห็นเด่นชัดและน่าจะคุ้นหูคุ้นตากันดี ก็มี “โครงการโตโยต้าเมืองสีเขียว”
ภายใต้โครงการดังกล่าว มีกิจกรรมยิบย่อยมากมาย และมีเป้าประสงค์หลักคือการสร้างจิตสำนึกให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงปัญหาด้านภาวะโลกร้อนและหนึ่งในกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จและทำมานานกว่า 14 ปีคือ “โตโยต้า ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา”
โดยโตโยต้าได้จับมือกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เปิดโอกาสให้โรงเรียน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั่วประเทศ จัดทำแผนงานส่งเข้าประกวดเพื่อรณรงค์การลดภาวะโลกร้อนภายในชุมชนของตน โดยตลอดระยะเวลา 14 ปีของโครงการนี้โตโยต้าได้สนับสนุนงบประมาณให้แก่โรงเรียน 299 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 238 แห่ง และ ชุมชน 162 แห่ง ทั่วประเทศ เกิดเป็นโครงการที่สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 23,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
เรียกได้ว่าเห็นผลสัมฤทธิ์ เป็นรูปธรรมสามารถจับต้องได้ ล่าสุดเพื่อเป็นการขยายผลและต่อยอดความสำเร็จ ทางโตโยต้า กับ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. ก็ได้จัดทำอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ ภายใต้ชื่อ “โครงการลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า”
โครงการดังกล่าวมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อลดมลพิษ ลดภาวะโลกร้อนในชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงการให้ความสำคัญกับสถานศึกษาในการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) มาพัฒนาเพื่อปรับใช้ในการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการ “ลดเปลี่ยนโลกกับโตโยต้า” ประกอบด้วย โครงการย่อย 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการนวัตกรรมเยาวชนลดเปลี่ยนโลก และ 2.โครงการชุมชนลดเปลี่ยนโลก
โดยรางวัลชนะเลิศโครงการนวัตกรรมเยาวชนลดเปลี่ยนโลก สายสามัญ ได้แก่ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช จากโครงการถุงนาโนคอมโพสิตจากยางพาราเสริมแรงด้วยนาโนเซลลูโลสจากเปลือกส้มโอ
ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จังหวัดนครพนม จากโครงการข้าวตอกที่เพิ่มและขยายรูพรุนด้วยการลดความดันอากาศภายในภาชนะอบเพื่อดูดซับสารสกัดจากใบกะเพราและใบยาสูบในการล่อและกำจัดแมลงวันทองในสวนผลไม้แทนการใช้ยาฆ่าแมลง
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนแสงทองวิทยา จังหวัดสงขลานครินทร์ จากโครงการระบบแผ่นกรองฝุ่น PM2.5 และ แบคทีเรียจากเส้นใยข้าวโพดเคลือบด้วยอนุภาคเงินนาโน
ส่วนรางวัลชนะเลิศในสายอาชีพ ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากโครงการเครื่องเก็บขยะในทะเลโดยใช้เทคโนโลยีนาโน ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากโครงการเครื่องกำจัดขยะเศษอาหารเป็นปุ๋ยอัตโนมัติ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย จังหวัดหนองคาย จากโครงการเครื่องปั่นไฟชีวมวล
ส่วนโครงการชุมชนลดเปลี่ยนโลก มี 12 แห่ง ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการโดยแต่ละแห่งได้วิเคราะห์ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในพื้นที่และดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหา ลดการปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
โดยรางวัลชนะเลิศได้แก่ ชุมชนบ้านแม่ป๋าม เทศบาลตำบลปิงโค้ง จังหวัดเชียงใหม่ ,รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ชุมชนบ้านดอนยาวน้อย เทศบาลตำบลวังหิน จังหวัดนครราชสีมา และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ชุมชนบ้านวังโป่ง เทศบาลตำบลร้องกวาง จังหวัดแพร่
ผู้ชนะเลิศทั้ง 2 โครงการ จะนำเสนอผลงานแก่ผู้บริหาร จากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงศึกษาดูงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงนวัตกรรมต่าง ๆ จากญี่ปุ่น ทั้งนี้เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดผลงานของตน
นอกจากนั้นแล้วชุมชนที่ชนะเลิศยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการพัฒนาชุมชนของตนให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ “ชุมชนลดเปลี่ยนโลก” ในระดับจังหวัดอีกด้วย เช่นเดียวกับโรงเรียนที่ชนะเลิศจะได้รับการสนับสนุนเงินทุนสร้าง “นวัตกรรมต้นแบบ” ขนาดใช้ได้จริงเพื่อนำไปสู่ชุมชนต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สมุนไพรรางจืด “ราชาแห่งการถอนพิษ”
สมุนไพรรางจืด “ราชาแห่งการถอนพิษ”
รางจืด เป็นสมุนไพรที่กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์ให้เกษตรกรหรือบุคคลทั่วไปเลือกใช้เพื่อใช้แก้พิษต่าง ๆ เช่น พิษจากยาฆ่าแมลง ยาเบื่อ สารตะกั่ว ฯลฯ ยิ่งเมื่ออยู่ในสถานที่ห่างไกลจากโรงพยาบาล การจะนำส่งแพทย์เพื่อรับการรักษาอาจจะต้องใช้ระยะเวลานาน จนอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ แต่ถ้ามีต้นรางจืดปลูกอยู่แถวบ้าน เราก็สามารถใช้ใบรางจืดที่ไม่แก่หรืออ่อนมากเกินไป หรือใช้รากที่มีอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ในขนาดปริมาณเท่านิ้วชี้มาใช้เพื่อรักษาบรรเทาอาการของพิษเฉพาะหน้าไปก่อน ก่อนที่จะนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยานั้นก็ได้แก่ ใบ ราก และเถาสด
ในปัจจุบันผู้คนได้รับสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 45% โดยสารพิษเหล่านี้ร่างกายต่างก็ไม่ต้องการ เพราะเมื่อเกิดการสะสมเข้าไปในร่างกายในปริมาณมากและต่อเนื่อง ก็อาจจะทำให้เป็นโรคต่าง ๆ ขึ้นมาได้ในอนาคต อย่างเช่น โรคมะเร็ง ซึ่งแน่นอนว่าอัตราการเกิดโรคของคนในยุคปัจจุบันนี้ก็ได้เพิ่มมากขึ้นทุก ๆ วัน โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองด้วยแล้วยิ่งน่าเป็นห่วง ซึ่งสมุนไพรรางจืดนี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณในการช่วยขับสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคได้ในอนาคตนั่นเอง
สรรพคุณของรางจืด
- ราก และเถาของรางจืด สามารถใช้รับประทานเป็นยาแก้ร้อนใน (ราก, เถา)
- รางจืดมีสรรพคุณช่วยแก้อาการกระหายน้ำ (ราก, เถา)
- สรรพคุณรางจืด ใบและรากของรางจืดมีสรรพคุณใช้ปรุงเป็นยาถอนพิษไข้ได้ (ใบ, ราก)
- ใบรางจืดมีสรรพคุณใช้เป็นยาพอกบาดแผล (ใบ, ราก)
- สรรพคุณว่านรางจืด ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก (ใบ, ราก)
- ว่านรางจืดมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการผื่นแพ้ต่าง ๆ (ใบ, ราก)
- ช่วยทำลายพิษจากยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ซึ่งจัดเป็นสารพิษที่ร้ายกาจที่สุดชนิดหนึ่ง เพราะในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ก็สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้เลย เพราะสารพิษชนิดนี้จะไปทำให้เกิดการสร้างออกซิเจนที่ไม่เสถียรขึ้นมา ซึ่งออกซิเจนเหล่านี้จะไปทำลายเยื่อหุ้มเซลล์และทำให้เซลล์ตาย โดยสารพิษพาราควอตนั้นจะอันตรายที่สุด เพราะจะไปทำให้เนื้อเยื่อในปอดถูกทำลายจนไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งจากรายงานของโรงพยาบาลศิริราชพบว่าผู้ที่ได้รับสารพิษพาราควอตจะเสียชีวิตทุกราย (อันตราการเสียชีวิตประมาณ 80%) ซึ่งแน่นอนว่ารางจืดสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ แต่ต้องรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ร่วมด้วย ส่วนงานศึกษาวิจัยของอาจารย์พาณี เตชะเสน และคณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าการใช้น้ำคั้นจากใบรางจืดป้อนให้หนูทดลองที่กินยาฆ่าแมลง “โฟลิดอล” พบว่ามันสามารถช่วยแก้พิษได้ โดยช่วยลดอัตราการตายลงเยอะมากจาก 56% เหลือเพียง 5% เท่านั้น และจากงานวิจัยของคุณสุชาสินี คงกระพันธ์ ที่ได้ทำการทดลองใช้สารสกัดแห้งจากใบรางจืดป้อนให้หนูทดลองที่รับยาฆ่าแมลงในกลุ่มออร์แกนโนฟอสเฟตที่มีชื่อว่า “มาลาไธออน” พบว่ามันสามารถช่วยชีวิตหนูทดลองได้มากถึง 30% (ใบ, ราก)
- ช่วยแก้พิษจากสัตว์ที่เป็นพิษและพืชที่เป็นพิษ เช่น แก้พิษจากแมงดาทะเล ปลาปักเป้า ซึ่งเป็นพิษที่อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้โดยง่ายหากได้รับในปริมาณมาก ๆ โดยสารพิษที่ว่านี้คือ เทโทรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีสารแก้พิษนี้โดยเฉพาะ การรักษาต้องรักษาแบบประคับประคองอาการ แต่การใช้รางจืดเพื่อรักษาพบว่าเมื่อผ่านไปประมาณ 40 นาทีผู้ป่วยกลับมีอาการดีขึ้นจนน่าประหลาดใจ (ใบ, ราก)
- รางจืดช่วยต่อต้านพิษจากสารตะกั่วต่อสมอง ซึ่งสารตะกั่วนี้ก็มาจากมลพิษจากเครื่องยนต์ และแน่นอนว่าคนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะมีโอกาสได้รับสารตะกั่วสูงกว่าคนทั่วไป โดยพิษจากสารตะกั่วนี้ก็มีผลต่อระบบภายในร่างกายหลายระบบด้วยกัน แต่ที่สำคัญเลยก็คือระบบสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้ มีงานวิจัยระบุออกมาว่า แม้รางจืดจะไม่ได้ช่วยลดระดับของสารตะกั่วในเลือดของหนูทดลอง แต่มันก็สามารถช่วยลดพิษของสารตะกั่วต่อระบบความจำและการเรียนรู้ในหนูทดลองได้ สรุปก็คือมันทำให้เซลล์ประสาทตายน้อยลงนั่นเอง (ใบ, ราก)
- ช่วยถอนพิษจากยาเบื่อชนิดต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม (เช่น พิษจากผลไม้ที่ติดอยู่ในฝักที่รับประทาน เป็นต้น) รวมไปถึงพิษจากสตริกนินให้เป็นกลาง ซึ่งจากการทดลองของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าถ้าหากใช้ผงจากรากรางจืดผสมกับน้ำยาสตริกนินก่อนป้อนให้หนูทดลอง ปรากฏว่าหนูทดลองไม่เป็นอะไร แสดงให้เห็นว่าผงจากรากรางจืดสามารถช่วยดูดซับสารพิษชนิดนี้ไว้ได้ (ใบ, ราก)
- รางจืด สรรพคุณช่วยในการลดเลิกยาบ้า ซึ่งงานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒพบว่ารางจืดมีฤทธิ์ต่อระบบประสาทคล้าย ๆกับฤทธิ์ของสารเสพติดอย่างแอมเฟตามีนและโคเคน ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนโดพามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่หลั่งออกมามากในขณะที่ผู้ป่วยใช้สารแอมเฟตามีน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยสารสกัดจากรางจืดนั้นเกิดความพึงพอใจ เช่นเดียวกับการใช้สารเสพติด และหากนำไปใช้ในการรักษากับผู้ป่วยก็จะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องทุรนทุรายมากนัก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการช่วยลดและเลิกการใช้เสพติดได้ (ใบ,ราก)
- รางจืด แก้เมา สรรพคุณช่วยแก้อาการเมาค้าง แก้พิษจากแอลกอฮอล์ พิษจากการดื่มเหล้าในปริมาณมากเกินไป โดยคณะเภสัชศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการศึกษาวิจัยฤทธิ์ของรางจืดในการต่อต้านพิษจากแอลกอฮอล์ต่อตับ และพบว่าสารสกัดด้วยน้ำของรางจืดนั้นสามารถช่วยป้องกันการตายของเซลล์ตับซึ่งเกิดจากพิษของแอลกอฮอล์และช่วยลดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดได้ และมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ได้มีการศึกษาฤทธิ์ของรางจืดต่ออาการขาดเหล้า และพบว่าสารสกัดจากรางจืดช่วยทำให้ลดภาวะซึมเศร้า ทำให้พฤติกรรมที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในหนูทดลองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และยังช่วยลดการถูกทำลายเซลล์ประสาทของหนูเนื่องจากการขาดเหล้าได้ แต่ไม่มีผลต่อการช่วยลดความวิตกกังวล (ใบ, ราก)
- รางจืด เบาหวาน รางจืดช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมเบาหวานและความดันได้ จากงานศึกษาวิจัยของหมอชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้ทำการทดลองในหนูเบาหวานที่ได้รับน้ำต้มจากใบรางจืด ได้ผลว่ามันสามารถช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ยังพบว่าการให้สารสกัดด้วยน้ำของใบรางจืดมีฤทธิ์ช่วยลดน้ำตาลในเลือด และยังช่วยทำให้บีต้าเซลล์ของตับอ่อนฟื้นฟูขึ้นบ้างแม้จะไม่สมบูรณ์ และพบว่าสารสกัดจากน้ำของใบรางจืดนั้นมีผลทำให้ความดันโลหิตของหนูลดลง และช่วยทำให้หลอดเลือดแดงคลายตัว (การใช้สมุนไพรรางจืดในการรักษาโรคเบาหวานและความดันนั้น ควรรักษาร่วมไปกับแผนปัจจุบัน รวมทั้งมีการวัดระดับน้ำตาลและระดับความดันอย่างใกล้ชิด เพราะการศึกษาวิจัยดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการทดลองกับสัตว์เท่านั้น รวมไปถึงต้องระวังการเกิดการเสริมฤทธิ์กันเองของตัวยาดังกล่าวด้วย)
- รางจืดมีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง โดยสารใด ๆ ก็ตามที่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ศักยภาพสูงสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ แต่สำหรับข้อดีของรางจืดนั้นมีฤทธิ์ในการต้านไม่ให้สารชนิดดังกล่าวออกฤทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากกวาวเครือ ที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการแบ่งตัวและสร้างนิวเคลียสของเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ขึ้น สารสกัดน้ำจากใบรางจืดมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ช่วยต่อต้านและแก้อาการอักเสบต่าง ๆ เช่น อาการผดผื่นคัน แมลงสัตว์กัดต่อย เริม งูสวัด อีสุกอีใส โดยจากการศึกษาพบว่ารางจืดนั้นมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบสูงกว่ามังคุด ถึง 2 เท่า ! และยังมีความปลอดภัยสูงกว่าอีกด้วย นอกจากนี้สารสกัดจากรางจืดในรูปแบบครีมก็สามารถช่วยลดอาการอักเสบได้ดีเทียบเท่ากับครีมสเตียรอยด์ (ใบ, ราก)
- สมุนไพรรางจืด สมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูงมากชนิดหนึ่ง ซึ่งเราสามารถกินยอดอ่อน ดอกอ่อนเป็นผักได้ โดยจะใช้ลวกกิน แกงกิน ก็ทำได้เหมือนกับผักพื้นบ้านทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ยังนิยมกินน้ำหวานจากดอกรางจืดที่บ้านได้อีกด้วย โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การกินรางจืดในปริมาณติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง อาจจะต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลหิตวิทยาหรือเคมีคลินิกที่อาจเกิดขึ้นต่อไปด้วย
- ชารางจืด ใบรางจืดสามารถนำมาหั่นเป็นฝอย ตากลมให้แห้งแล้วนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มแทนชาได้ ส่วนรสชาติที่ได้ก็ดีไม่แพ้กับใบชาเลยที่เดียว แถมยังมีกลิ่นหอมอีก และยังช่วยล้างพิษในร่างกายได้อีกด้วย
- ในปัจจุบันได้มีการนำสมุนไพรรางจืดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ แคปซูลรางจืดหรือรางจืดแคปซูล เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการใช้ประโยชน์
- การปลูกรางจืดนอกจากจะใช้ประโยชน์ในด้านสมุนไพรแล้ว ก็ยังนิยมปลูกไว้เพื่อชมดอก แล้วก็ยังสามารถช่วยบังแสงแดดทำให้เกิดร่มเงาได้อีกด้วย (แต่อย่าลืมว่ารางจืดเป็นไม้เลื้อย เลื้อยแหลก เลื้อยจนรก เลื้อยแบบไร้การควบคุม)
ขอบคุณข้อมูลจาก thaidhamshop.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,300.00 | 28,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,833.00 | 27,788.28 | 28,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,649.70 | 25,009.45 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,466.40 | 22,230.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 825.00 | 12,507.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 642.00 | 9,732.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,899.00 | 28,788.84 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/09/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.74 | 20.74 | 20.74 | 20.74 | 20.74 | – | 20.74 | 20.74 | 20.74 | 20.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.34 | 18.34 | – | – | – | – | – | – | – | 18.34 |
เบนซิน 95 | 29.66 | – | – | – | 30.11 | – | 30.16 | 29.66 | – | 29.66 |
ดีเซล | 21.69 | 21.69 | 21.69 | 21.69 | 21.69 | 21.69 | 21.69 | 21.69 | 21.69 | 21.69 |
ดีเซล B10 | 18.69 | 18.69 | 18.69 | 18.69 | 18.69 | 18.69 | 18.69 | 18.69 | 18.69 | 18.69 |
ดีเซล B20 | 18.44 | 18.44 | 18.44 | 18.44 | 18.44 | – | 18.44 | 18.44 | – | 18.44 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 26.14 | 26.16 | 28.14 | 28.14 | – | – | – | – | – | 26.14 |
แก๊ส NGV | 14.17 | 14.17 | – | – | – | – | – | – | – | 14.17 |