สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 03 มีนาคม 2564

ลุยจัดงาน “รับสร้างบ้าน 2021” เป้ายอดขาย 2 พันล.

ลุยจัดงาน “รับสร้างบ้าน 2021” เป้ายอดขาย 2 พันล.

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน รวมแบบบ้าน 1,000 แบบ เดินหน้า จัดงาน “รับสร้างบ้าน FOCUS 2021” ตั้งเป้ายอดขาย 2,000 ล้านบาท

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมฯ พร้อมที่จะจัดงาน “รับสร้างบ้าน FOCUS 2021 ” ระหว่างวันที่ 10-14 มีนาคม 2564 ณ อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี 

ซึ่งปีนี้ยังคงจัดงานภายใต้แนวคิด BUILD YOUR OWN SPACE สร้างบ้าน สร้างสุข งานเดียวครบ! พบกับมืออาชีพของการสร้างบ้าน พร้อมแบบบ้านหลากสไตล์มากกว่า 1,000 แบบ และมีบ้านที่พร้อมตอบโจทย์กำลังซื้อของผู้บริโภคในทุกระดับราคาตั้งแต่ 1-100 ล้านบาท และในปีนี้ก็ตั้งเป้ายอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาทซึ่งเป็นยอดขายใกล้เคียงกับการจัดงานปีก่อน
 
ภายในงานมีโปรโมชั่น ลุ้นรางวัลพิเศษ iPhone 12 Pro (128GB)นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดตั้งแต่ 10-30% เป็นการลดตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้านบาท และของแถมจากบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ

แบบบ้านแห่งปี 2021 มากกว่า 50 แบบ จาก 26 บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพ อีกทั้งยังได้รับบริการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ที่มาร่วมออกบูธภายในงาน ส่วนธนาคารอื่นที่เป็นพันธมิตรไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงไทย ซึ่งถึงแม้ทั้งสองธนาคารจะไม่มาร่วมออกบูธในครั้งนี้ แต่ก็ได้เตรียมแคมเปญอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้กับผู้บริโภคที่ปลูกสร้างบ้านกับสมาชิกของสมาคมฯ ด้วยเช่นกัน

ลุยจัดงาน “รับสร้างบ้าน 2021” เป้ายอดขาย 2 พันล.

นายวรวุฒิ กล่าวด้วยว่า ได้รับข้อมูลที่ได้จากแบบสอบลูกค้าจากการจัดงานในหลายปีที่ผ่านมาว่าระยะเวลา 4 วันที่จัดงานนั้นสั้นไป ทำให้ผู้บริโภคบางรายนั้นไม่สะดวกมาร่วมงานในช่วงเวลาที่กำหนด ทั้งๆ ที่มีความต้องการที่จะปลูกสร้างกับบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ดังนั้น ในการจัดงาน“รับสร้างบ้าน FOCUS 2021 BUILD YOUR OWN SPACE สร้างบ้าน สร้างสุข” ปีนี้ได้ขยายเวลาเพิ่มเป็น 5 วัน (จากปกติที่จะจัดเพียง 4 วัน) ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม ทำให้สมาคมฯ นั้นมีความมั่นใจว่าการจัดงาน “รับสร้างบ้าน FOCUS 2021  BUILD YOUR OWN SPACE สร้างบ้าน สร้างสุข” จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคมากขึ้น

ลุยจัดงาน “รับสร้างบ้าน 2021” เป้ายอดขาย 2 พันล.

ทั้งนี้ สะท้อนจากยอดที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานนั้นมีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่สมาคมฯ ได้เริ่มทำการประชาสัมพันธ์ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็เหลือเพียง 8 วันก็จะถึงวันจัดงานคือ วันที่ 10-14 มีนาคม 2564 ณ อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี โดยปีนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงาน 

ซึ่งสมาคมฯ ก็มีโครงการ “แบบบ้านประหยัดพลังงาน” หรือ “บ้านเบอร์ 5” ที่จะดำเนินการร่วมกับกระทรวงพลังงานราย ซึ่งมีรายละเอียดอื่นๆ อีกหลายด้าน โดยแบบบ้านที่ได้การรับรองให้ติด “ฉลากเบอร์ 5” นั้นจะต้องมีรายละเอียดระดับประสิทธิภาพที่ตรวจสอบหรือวัดได้ชัดเจนว่าได้ว่าประหยัดพลังงานได้จริงๆ จำนวนกี่หน่วยหรือคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี เป็นต้น ซึ่งคาดว่าภายในงานจะมีการพูดคุยในประเด็นนี้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘ทีมกรุ๊ป’ โชว์กำไรปี 63 กว่า 119 ล้านบาท

'ทีมกรุ๊ป' โชว์กำไรปี 63 กว่า 119 ล้านบาท

“TEAMG” โชว์กำไรปี 63 กว่า 119 ล้านบาท คาดปี 64 เติบโตต่อเนื่อง ทุ่มเงิน 109ล้านบาท จ่ายปันผลปี 63 รวม 0.16 บาทต่อหุ้น

นาย อภิชาติ สระมูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563  บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 119.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 3.38% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 115.45 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,712.92 ล้านบาท ลดลง 130.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 7.06%  เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 1,843.12 ล้านบาท 

ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทฯ ยังคงมาจากการให้บริการงานโครงการภาครัฐ  เนื่องจาก ยังคงรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอจากโครงการเดิมที่ดำเนินการอยู่ และคาดว่าในปีนี้จะมีโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในลาว โครงการท่าอากาศยานใน EEC โครงการรถไฟรางคู่ โครงการอุโมงค์ระบายน้ำ โครงการอุโมงค์ส่งน้ำประปา และโครงการรถไฟฟ้าสีต่างๆ เป็น potential project เข้ามาเพิ่มขึ้น และมีรายได้จากการให้บริการงานโครงการเอกชนและโครงการต่างประเทศลดลง จากมีหลายโครงการที่ชะลอการดำเนินการ  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทฯ ยังคงทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่เหลืออย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้น บริษัทฯ มีค่าจ่ายที่ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 1,570.30 ล้านบาท ลดลง 130.35 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 7.66% เนื่องจากรายได้ที่ลดลง แต่มีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการบริหารค่าใช้จ่ายบุคลากรและควบคุม Workload ของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี

“ในปีที่ผ่านมาแม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด -19 แต่เนื่องจากบริษัทฯ สามารถบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จึงยังคงทำให้รักษาระดับการเติบโตของบริษัทฯ ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า และคาดว่าในปีนี้จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น”   ดร.อภิชาติ กล่าว

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัท เอทีที คอนซัลแตนท์ จำกัด หรือ ATT  ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทีม ได้ร่วมกับ บริษัท TEPCO Power Grid, Inc. หรือ TEPCO PG จากประเทศญี่ปุ่น ได้ลงนามสัญญาโครงการที่ปรึกษาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยใต้ดินลุมพินี  กับการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน. เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อเสริมศักยภาพของระบบส่งไฟฟ้าและความมั่นคงของระบบจ่ายไฟฟ้าในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ 

ซึ่ง ATT เป็นบริษัท Lead ในโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการลำดับที่สองของ ATT ในการเป็นที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยใต้ดินให้กับ กฟน. หลัง ATT ได้ให้บริการในโครงการสถานีไฟฟ้าย่อยใต้ดินคลองเตยเป็นโครงการแรก  โดย ATT และ TEPCO PG ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการออกแบบเบื้องต้น ประมาณการราคา จัดเตรียมเอกสารประมูลงานจ้างก่อสร้าง ตรวจแบบก่อสร้างและจัดฝึกอบรมการออกแบบสถานีไฟฟ้าย่อยใต้ดินลุมพินี
 

โดยกฟน. จะดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยใต้ดินลุมพินี ให้กลมกลืนกับโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ของสวนลุมพินี รับวาระครบรอบ 100 ปี ในปี 2568 รวมทั้งสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ 

สำหรับ บริษัท ATT เป็นบริษัทย่อยของ TEAMG ให้บริการที่ปรึกษาด้านพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมันก๊าซ ปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งท่าเรือและสาธารณูปโภค ส่วน TEPCO PG เป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของญี่ปุ่นในสาขาพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซ ท่าเรือ สาธารณูปโภค รวมทั้งการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยใต้ดิน และการดำเนินงานและการบำรุงรักษาในพื้นที่มหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นมากว่า 40 ปี 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หุ้น,น้ำมันสหรัฐลดลง/ทองพุ่ง

หุ้น,น้ำมันสหรัฐลดลง/ทองพุ่ง

ดาวโจนส์ปิดลบ 143.99 จุด จีนเตือนฟองสบู่ตลาดการเงิน ด้านราคาน้ำมัน ลดลง 89 เซนต์ ขณะที่ทองคำพุ่ง 10.60 ดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,391.52 จุด ลดลง 143.99 จุด หรือ -0.46% ขณะที่ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,870.29 จุด ลดลง 31.53 จุด หรือ -0.81% ส่วนดัชนี แนสแดค ปิดที่ 13,358.79 จุด ลดลง 230.04 จุด หรือ -1.69%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันที่ 2 มี.ค. เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิลและหุ้นเทสลาที่ถูกเทขายอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 89 เซนต์ ปิดที่ 59.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 99 เซนต์ ปิดที่ 62.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 10.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,733.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ศึกสองล้อถนน-เสือภูเขา ที่ทองผาภูมิ คึกคัก ผู้สมัคร 500 คน คาดมีเงินสะพัดกว่าสิบล้าน

ศึกสองล้อประเภทถนนและเสือภูเขา สนามแรก ที่กาญจนบุรี สุดคึกคักมียอดผู้สมัครเกือบ 500 คน “เสธ.หมึก” เผยจะส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นฟู และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนคาดมีเงินสะพัดนับสิบล้านบาท

วันที่ 2 มี.ค. 64 “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้กำหนดจัดการแข่งขันจักรยานประเภทถนน ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” และการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขา ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับกิจกรรมขี่จักรยาน “ปั่นเพื่อสุขภาพ” Bike for Life ประจำปี 2564 สนามที่ 1 ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักปั่นทั่วประเทศ ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มีนาคม มียอดผู้สมัครเข้าแข่งขันทั้งประเภทถนน และเสือภูเขาเกือบ 500 คน โดยสมาคมฯ จะเปิดรับสมัครทางออนไลน์ถึงวันพุธที่ 3 มีนาคม เวลา 12.00 น.

พลเอกเดชา กล่าวว่า ถึงแม้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. จะมีมาตรการผ่อนคลายให้การแข่งขันกีฬามีผู้ชมได้แบบจำกัดจำนวน แต่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ยังคงวางมาตรการเข้มข้นเหมือนเดิม โดยจะปฏิบัติตามคู่มือจัดการแข่งขันที่ได้ผ่านความเห็นชอบจาก ศบค. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสมาคมฯ เตรียมตั้งจุดคัดกรองที่สนามแข่งขันภายในเขื่อนวชิราลงกรณ ถึง 2 ชั้น สำหรับชั้นแรกทุกคนที่เข้าสนามจะต้องมีการวัดอุณหภูมิร่างกาย โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอทองผาภูมิ ร่วมกับฝ่ายแพทย์ของสมาคมฯ ส่วนชั้นที่สองจะเป็นการคัดกรองอย่างเข้มงวด ซึ่งทุกคนจะต้องสแกน QR Code “ไทยชนะ” เพื่อเช็กอิน และดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” จากนั้นนักกีฬาที่จะตรวจสอบรายชื่อและคุณสมบัติด้วยการสแกน QR Code มีการวัดอุณหภูมิร่างกายอีกหนึ่งรอบ รวมทั้งพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่รถจักรยาน

นายกสองล้อไทย กล่าวต่อไปว่า ประการสำคัญนักกีฬาทุกคนจะต้องทำไลเซนส์ (license) หรือบัตรอนุญาตแข่งขัน และต้องทำประกันอุบัติเหตุด้วย จึงจะมีสิทธิลงแข่งขันได้ ส่วนพิธีมอบรางวัลจะให้นักกีฬาไปรับเหรียญรางวัลบนแท่นรับรางวัล พร้อมใบประกาศนียบัตรและช่อดอกไม้ด้วยตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส ด้านกิจกรรมขี่จักรยาน “ปั่นเพื่อสุขภาพ” Bike for Life ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับ สมาคมกีฬาจักรยานฯ และเทศบาลตำบลทองผาภูมิ จัดขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป โดยได้รับเกียรติจาก นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรมครั้งนี้จะจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพียง 200 คน และทุกคนต้องผ่านจุดคัดกรองอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกัน สำหรับเส้นทางการปั่นเริ่มจากบริเวณหน้าเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ปั่นเข้าในตลาดมุ่งหน้าไปยังวงเวียนบนถนนหมายเลข 3272 ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ และมีความสวยงาม เป็นการปั่นผ่านวงเวียนครั้งแรกของชาวทองผาภูมิ แล้ววนกลับมาเข้าเส้นชัยที่เดิม ระยะทาง 3.2 กม.

พลเอกเดชา กล่าวเสริมว่า นอกจากกิจกรรมขี่จักรยาน “ปั่นเพื่อสุขภาพ” Bike for Life แล้ว สมาคมฯ ยังเปิดคลินิกซ่อมรถจักรยานฟรี โดยเปิดให้ประชาชนนำรถจักรยานเก่ามาซ่อมแซมให้ใช้งานได้อีกครั้ง เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายตาม “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และยังมีกิจกรรมประกวดรถจักรยานที่มีความสวยงามตกแต่งแบบประหยัด รวมทั้งการประกวดรถจักรยานเก่าโบราณ และมีการมอบรางวัลให้แก่ผู้ขี่จักรยาน “ปั่นเพื่อสุขภาพ” Bike for Life ที่มีอายุมากที่สุด กับอายุน้อยที่สุด ทั้งชายและหญิงอีกด้วย

“จากยอดผู้สมัครเข้าแข่งขันเกือบ 500 คน และน่าจะมีเพิ่มมากขึ้นอีกก่อนจะถึงกำหนดปิดรับสมัคร ซึ่งยังไม่รวมผู้ติดตามหรือครอบครัวของนักปั่น คาดว่าในช่วงแข่งขันจะมีผู้ไปเยือนอำเภอทองผาภูมิ มากกว่า 2,000 คน ส่งผลให้โรงแรมที่พัก และรีสอร์ตต่าง ๆ ในอำเภอเต็มหมดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมไปถึงอำเภอใกล้เคียงด้วย ส่วนร้านอาหารก็จะมีความคึกคัก มีผู้คนไปจับจ่ายใช้สอย เป็นการสร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าในชุมชน และน่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท ส่งผลให้เศรษฐกิจในอำเภอทองผาภูมิฟื้นฟูอีกครั้งหนึ่ง หลังจากซบเซาเพราะการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา” พลเอกเดชา กล่าว

สำหรับการแข่งขันทุกประเภท จะใช้เส้นทางภายในบริเวณเขื่อนวชิราลงกรณ โดยมีโปรแกรมดังนี้ วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม แข่งขันประเภทถนน ไทม์ไทรอัล เริ่มเวลา 09.00 น., วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม แข่งขันประเภทเสือภูเขา ครอสคันทรี่ เริ่มเวลา 09.00 น. และดาวน์ฮิล เริ่มเวลา 10.00 น. ซึ่งการแข่งขันดาวน์ฮิล จะมีการถ่ายทอดสดในรอบชิงชนะเลิศ ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ และยูทูบ Thaicycling Association เวลา 13.00-16.00 น., วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม แข่งขันประเภทถนน อินไลน์เรซ เริ่มเวลา 08.00 น. มีการถ่ายทอดสด รุ่นทั่วไปชาย ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ระหว่างเวลา 14.00-16.00 น. และการแข่งขันเสือภูเขา อิลิมิเนเตอร์ มีการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ และยูทูบ Thaicycling Association ตั้งแต่รอบแรกถึงรอบชิงชนะเลิศ เวลา 09.00-12.00 น.

อนึ่ง ในพิธีเปิดการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขา วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม เวลา 08.30 น. จะมีพิธีการส่งมอบธงสัญลักษณ์การเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 2 ให้แก่ จังหวัดสงขลา โดยมี นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ประธานชมรมกีฬาจักรยานจังหวัดสงขลา ผู้แทน นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นผู้รับมอบธงสัญลักษณ์การเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจังหวัดสงขลาจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน สนามที่ 2 ระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน

ทั้งนี้ นักกีฬาที่ต้องการสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน และทำไลเซนส์ (license) หรือบัตรอนุญาตแข่งขัน สามารถสมัครและลงทะเบียนทำไลเซ่นส์ ได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมฯ www.thaicycling.or.th ส่วนการทำประกันอุบัติเหตุ สมาคมฯ ได้ประสานงานกับ บริษัท รู้ใจ จำกัด หรือประกันภัย “รู้ใจ” มาตั้งบูธให้บริการในวันแข่งขัน โดยนักกีฬาสามารถทำประกันอุบัติเหตุในราคา 60 บาท กรมธรรม์ครอบคลุมตลอดการแข่งขันทั้ง 3 วัน หรือสอบถามได้ที่ โทร.0-2719-3340-2 ในวันและเวลาราชการ.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


แนะสร้างหุ่นกระชับ ลดไขมัน ด้วยหลัก FITT

แนะสร้างหุ่นกระชับ ลดไขมัน ด้วยหลัก FITT thaihealth

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนที่ต้องการมีรูปร่างที่กระชับ หรือลดน้ำหนักออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ด้วยหลัก FITT เพื่อช่วยลดไขมันสะสมในร่างกาย สร้างสุขภาพดี

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่มีหญิงอายุ 54 ปีเข้าไปทำศัลยกรรมดูดไขมันที่คลินิกแห่งหนึ่งและเสียชีวิตนั้น เป็นวิธีการที่ไม่ปลอดภัย และเสี่ยงอันตราย ซึ่งวิธีการ ลดน้ำหนัก ลดหุ่นให้กระชับสัดส่วน และปลอดภัย ไร้ไขมัน สามารถทำได้ด้วยวิธีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม หรือหันมาออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญไขมันด้วยหลัก FITT เพื่อสร้างสุขภาพดีในระยะยาว ประกอบด้วย   1. F-Frequency ความถี่ในการออกกำลังกาย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือประมาณวันเว้นวัน   2. I-Intensity ความหนักในการออกกำลังกาย หนักระดับที่ร่างกายรับได้ โดยสังเกตจากอาการขณะออกกำลังกาย คือ สำหรับการออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง เช่น การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ควรออกในระดับที่เหนื่อยยังพอพูดได้เป็นประโยคสั้นๆ หรือออกกำลังกายแบบแรงต้าน เช่น การยกน้ำหนัก บอดี้เวท ควรออกในระดับที่รู้สึกตึงกล้ามเนื้อ โดยไม่ควรกลั้นหายใจขณะออกแรง และควรเพิ่มระดับความท้าทายอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

3. T-Time ระยะเวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง หรือ คาร์ดิโอ ในแต่ละครั้งควรออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย  10  นาทีขึ้นไป ได้จนถึง  30  นาที หรืออาจมากกว่านั้นได้หากมีความชำนาญหรือคุ้นชินแล้ว และ 4. T-Type ชนิดของการออกกำลังกาย แบ่งเป็น  3  ชนิด ได้แก่ แบบต่อเนื่อง หรือ คาร์ดิโอ เช่น การเดิน การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แบบแรงต้าน เช่น ยกน้ำหนัก บอดี้เวท และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นส่วนต่าง ๆ เพื่อความยืดหยุ่น ลดอาการตึงรั้ง บรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ในระดับหนึ่ง

“สำหรับการลดไขมันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อต่างๆแบบง่ายๆ โดยเฉพาะส่วนหลัง เช่น ท่ายันกำแพง ให้ยืนเท้าชิด ยืดมือให้สุดแขนยันกำแพงไว้ เขยิบปลายเท้าให้ห่างจากกำแพงในระยะสุดแขนพอดี ลำตัวเอียงเล็กน้อยโน้มตัวงอศอกให้ข้อศอกอยู่ช่วงลำตัว ออกแรงดันที่มือ ค้างไว้  10  วินาที จากนั้นยืดแขนกลับสู่ท่าเดิม แล้วทำซ้ำ  10-15  ครั้ง หากไหวให้ทำ  2-3  เซต  หรืออาจจะเป็นการแพลงก์กับเก้าอี้ เตียง เบาะ หรือทำกับพื้นก็ได้ ท่านี้จะช่วยลดไขมันและ ยังช่วยกล้ามเนื้อ หัวไหล่ หน้าท้อง และแกนกลางแข็งแรงได้ด้วยโน้มตัวต่ำลง ยันมือไว้บนเก้าอี้หรือเบาะ ยืดแขนให้สุด ค่อยๆ ขยับปลายเท้าออกห่างจากเบาะให้มากที่สุด จนลำตัวตรง หลังไม่หย่อน หรือโค้งงอ ทำมุมเฉียงกับพื้น  45  องศาค้างไว้  30-60  วินาที  หากไหวให้ทำ  2-3  เซต เป็นต้น” นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าว

อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในตอนท้ายว่า  การออกกำลังกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกายหลากหลายรูปแบบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบหัวใจ การหายใจ และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ระบบหัวใจและหลอดเลือด และช่วยเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ และลดภาวะซึมเศร้าได้อีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งนี้ กรมอนามัยขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการก้าวท้าใจ Season 3  พิชิต  100  วัน  100  กิโลเมตร  เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่าน Line ID @thnvr เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้งสมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่  ซึ่งจะมีการคัดกรองสุขภาพโดยการประเมินค่าดัชนีมวลกาย ส่งผลและรายงานผลการออกกำลังกาย ซึ่งใน  Season  3  มีการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังสถานประกอบการ  ชุมชน  และสถานศึกษา รวมทั้งมีการจัดแข่งขันภายในกลุ่มและเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มอีกด้วย  รวมทั้งสามารถสะสม  Health  Point  หรือแต้มสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ในกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มเป็นการสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการออกกำลังกายของประชาชนเพิ่มมากขึ้น  โดยจะเริ่มสะสมแต้มพร้อมกันวันที่  1   มีนาคม  2564

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


เด็กไทยเจ๋ง! คว้า 5 ที่นั่ง แข่งแผนสตาร์ทอัพระดับโลก

เด็กไทยเจ๋ง! คว้า 5 ที่นั่ง แข่งแผนสตาร์ทอัพระดับโลก

ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin School of Management) จัดการแข่งขัน “SCG Bangkok Business Challenge @ Sasin 2021” ในรอบการแข่งขันระดับโลก (Global Competition) เพื่อเฟ้นหาสุดยอดทีมพัฒนาแผนธุรกิจสตาร์ทอัพ ภาคภาษาอังกฤษ พร้อมชวนคนไทยร่วมให้กำลังใจ 5 ทีมนิสิตนักศึกษาจากประเทศไทย ที่จะเข้าประชันไอเดียร่วมกับอีก 15 ทีม จาก 13 ประเทศ ในวันที่ 8 – 9 มีนาคมนี้บนแพลตฟอร์ม Hopin

การแข่งขันในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Growing Beyond Profit with Sustainable Innovation” ที่มุ่งเน้นการเสนอแนวคิดไอเดียธุรกิจเพื่อต่อยอดความยั่งยืนและเพื่อดำเนินกิจกรรมพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการธุรกิจรุ่นใหม่ หรือ สตาร์ทอัพ (Start Up) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการยกระดับความสำเร็จให้เกิดขึ้นแก่ผู้เรียน ทั้งนี้การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นรอบต่างๆ ได้แก่

1.รอบ KASIKORNBANK Global 60-Second Pitch Round เป็นการแข่งขันนำเสนอแผนธุรกิจภายใน 60 วินาที โดยผู้ร่วมแข่งขันต้องสร้างแผนธุรกิจที่ตอบโจทย์สำคัญต่างๆ ได้อย่างดี

2.รอบ SAA Coaching Round เป็นรอบฝึกซ้อมสำหรับทีมผู้เข้าแข่งขัน โดยสมาคมนิสิตเก่าสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ฯ (Sasin Alumni Association, SAA) มาให้ความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ตรงให้กับผู้เข้าแข่งขัน ก่อนก้าวเข้าสู่การแข่งขันจริง

3.รอบรองชนะเลิศ จะแบ่งผู้เข้าแข่งขันทั้ง 20 ทีม ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม A, B, C, และ D โดยผู้ชนะในแต่ละกลุ่มจะมีสิทธิ์เข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศทันที

4.รอบ Play-off Round มาจากทีมที่ได้อันดับ 2 และ 3 ของแต่ละกลุ่มในรอบรองชนะเลิศ โดยแบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็น 2 กลุ่มใหม่ ได้แก่ กลุ่ม A และ B โดยผู้ชนะจากทั้ง 2 กลุ่ม จะได้เข้าไปแข่งขันต่อในรอบชิงชนะเลิศ

5.รอบ Sustainability Award Round คัดเลือก 4 ทีมที่มีนวัตกรรมที่ยั่งยืนจากรอบรองชนะเลิศ โดยเสนอแผนธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อการจัดการความยั่งยืน อันเป็นวิธีการหนึ่งในการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว พร้อมทั้งการสร้างโอกาสต่อธุรกิจภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

6.รอบชิงชนะเลิศ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 6 ทีม จะต้องนำเสนอแผนการพัฒนาธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้เกิดแนวคิดในการประกอบธุรกิจจากฐานความรู้ หรือจากเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นการสร้างธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศต่อไป

การคัดเลือกผู้ชนะจะตัดสินผ่านรูปแบบการแข่งขันออนไลน์ โดยทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันจะได้รับรางวัลเกียรติคุณพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และทีมที่ชนะรางวัลพิเศษด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะได้รับรางวัลเกียรติคุณพระราชทาน H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn’s Sustainability Award จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทั้งรางวัลเงินสดรวมทุกรางวัลมูลค่ากว่า 47,500 เหรียญสหรัฐ หรือ 1,400,000 บาท

สำหรับทีมไทยที่ผ่านเข้าสู่รอบการแข่งขันระดับโลกมีทั้งสิ้น 5 ทีม ได้แก่ ทีม Staplect จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ผ่านการคัดเลือกจากการแข่งขันระดับประเทศ (Thailand Competition) รวมถึงทีมที่ผ่านการคัดเลือกในรอบ First Round ของการแข่งขันระดับโลก (Global Competition) โดยมี SNAPO ทีมจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Sugar Tech ทีมจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Rambler ทีมจาก School of Global Studies มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ Kidney in a Box จากมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งจะเข้าร่วมแข่งขันกับอีก 15 ทีม จาก 13 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา สวีเดน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไต้หวัน ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ โดยมาจากการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 242 ทีม จาก 64 สถาบันการศึกษา ใน 26 ประเทศ ครอบคลุมทั้ง 6 ทวีป

ร่วมรับชมและเป็นกำลังใจให้กับนิสิตและนักศึกษาจากประเทศไทยที่เข้าแข่งขันในระดับโลกผ่านไลฟ์สตรีมมิ่งบนแพลตฟอร์ม Hopin ได้ที่ https://bit.ly/3dVF1vI ในวันที่ 8 – 9 มีนาคม 2564 โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามลิงก์ชมการแข่งขันและการประกาศผลทีมผู้ชนะการแข่งขันได้ที่ www.facebook.com/bangkokbusinesschallenge

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ศัพท์และสำนวนเกี่ยวข้องกับคำในความหมายที่ว่า “พอกันที”

เอ่อ…ครูไม่ได้จะเลิกสอนและไม่ได้ต้องการให้พี่ๆน้องๆ ล้มเลิกความตั้งใจในการเรียนภาษาอังกฤษนะครับ

เพียงแต่ว่า วันนี้ครูจะมาแนะนำศัพท์และสำนวนเกี่ยวข้องกับคำในความหมายที่ว่า “พอกันที” หรือ “ไม่ไหวแล้ว” “ไม่ทนอีกต่อไปแล้ว” ฯลฯ

ซึ่งเป็นคำที่เรามักจะได้ยินกันในซีรี่ส์หรือภาพยนตร์ต่างประเทศกันอยู่บ่อยๆ หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินในชีวิตจริงก็ได้นะครับ

1)“Enough is enough”

สำนวนนี้ค่อนข้างจะเดาได้ไม่ยาก แลtในเว็บไซต์เจ้าของภาษาเอง ก็ให้คำจำกัดความไว้ชัดเจนว่า…

“Enough is enough” = “No more will be tolerated.”

พูดง่ายๆ คือ มันมีความหมายประมาณว่า “พอกันที” หรือ “จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว” นั่นเองครับ

2) Fed up with

คำว่า Fed up ใช้ในฐานะคำคุณศัพท์ (Adj.) ซึ่งเป็นสำนวนที่มีความหมายในทำนองว่า “เอือมระอา” หรือ “สุดจะทน” กับบางสิ่งบางอย่าง มักใช้คู่กับคำว่า “Enough is enough”

ตัวอย่างเช่น

I’m fed up with his behavior. Enough is enough!
(ฉันสุดจะทนกับพฤติกรรมของเขาจริงๆ พอกันที!)
สังเกตนะครับว่า fed up ต้องนำหน้าด้วย V. to be

I’m really fed up with my job.
(ฉันเอือมระอากับงานที่ทำอยู่จริงๆ)
สังเกตอีกอย่างนะครับว่า หลัง with ต้องเป็นคำนาม ดังนั้น ถ้าเป็นกริยาก็ต้องทำให้เป็นคำนามด้วยการเติม -ing

3)sick of/ tired of

คำว่า sick ปกติจะแปลว่า ป่วย
ส่วนคำว่า tired ปกติจะแปลว่า เหนื่อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อนำมาทำเป็นสำนวนด้วยการเติมคำว่า of เข้าไป จะหมายถึง “เบื่อหน่าย” หรือ “เอือมระอา” ได้เช่นกัน

ลองดูตัวอย่างการใช้ในประโยคนะครับ

I am sick of his excuses.
(ฉันเอือมระอากับคำแก้ตัวของเขา)

I am tired of eating the same food.
(ฉันเบื่อหน่ายกับการที่ต้องกินอาหารซ้ำๆ)

สังเกตนะครับว่า sick of/ tired of ต้องนำหน้าด้วย V. to be และตามหลังด้วยคำนามเช่นกัน

เอาล่ะ…วันนี้พอเท่านี้ก่อนครับ Enough is enough! (อะ…ล้อเล่นนนน) ไปลองทำแบบทดสอบกันก่อนนะคร๊าบบบ

คำถามทดสอบ:

1) ข้อใดเขียนได้ถูกต้อง
a. I am so fed up with answering the same questions.
b. I do so fed up with answering the same questions.
c. ถูกทั้ง a. และ b.
d. ผิดทั้ง a. และ b.

2) ข้อใดเขียนได้ถูกต้อง
a. I am tired of walking to school every morning.
b. I am sick of walking to school every morning.
c. I am fed up with walking to school every morning.
d. ถูกทุกข้อ

3) ข้อใดเขียนได้ถูกต้อง
a. I am tired of walk to school every morning.
b. I have sick of walking to school every morning.
c. I am fed up of walking to school every morning.
d. ผิดทุกข้อ

เฉลย
1. (ข้อ a.) เพราะ fed up ต้องตามหลัง V. to be ครับ

2. (ข้อ d.) เพราะเขียนได้ถูกต้องตามหลักแกรมมาร์ทุกข้อครับ

3. (ข้อ d.) เพราะเขียนไม่ถูกต้องตามหลักแกรมมาร์สักข้อเลยครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


กระเทียมโทน สรรพคุณสูง

กระเทียมโทน สรรพคุณสูง

เชื่อไหมว่า กระเทียมโทน จัดเป็นพืชมีสรรพคุณทางสมุนไพรสูง ป้องกันโรคหัวใจ ควบคุมไขมันในเส้นเลือด ป้องกันการจับตัวเป็นลิ่มของเลือด รักษาโรคความดันฯลฯ

กระเทียมโทน สรรพคุณทางสมุนไพรสูงกระเทียมโทนแก้อาการคัดจมูกหายใจไม่ออกช่วงอากาศช่างหนาวเหน็บเกิดอาการแพ้อากาศ คัดจมูก หายใจไม่ออกมันช่างทรมานจริง ๆ 

ก็ได้สมุนไพรอย่าง กระเทียมโทน นี่แหละมีสรรพคุณดีจริง 

ทานได้มื้อสองมื้อก็เริ่มสบายตัวแล้ว ก็เลยลองเอาสูตรมาบอกต่อ ๆ กัน

ส่วนผสม:

กระเทียมโทน 10-15 หัว, น้ำเปล่าต้มสุก ½ ลิตร, 

น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย และ น้ำมะนาว 1 ผล

วิธีทำ:

ก็นำส่วนผสมทั้งหมดนะแหละไปปั่นด้วยเครื่องปั่น กรองเอาแต่น้ำไปแช่ตู้เย็นไว้

ดื่มเจ้าน้ำกระเทียมโทนนี้เช้าเย็น ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ 

ก็รู้สึกช่วยให้หายใจโล่งขึ้นเยอะจริง ๆ

มาทำความรู้จักกระเทียมโทนกันเถอะกระเทียมโทน

(ALLIUM SATIVUM LINN) อยู่ในวง ALLIACEAE มีผลงานทางการวิจัยกล่าวถึง 

สรรพคุณของกระเทียมโทน ก็คือ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด 

ป้องกันการจับตัวเป็นลิ่มของเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด รักษาความดันโลหิตสูง 

ในตัวกระเทียมโทนเองก็ยังมีสาร “อัลลิซิน” 

ซึ่งเป็นตัวช่วยควบคุมระดับคอเลสเทอรอลในเลือด 

และที่สำคัญในใบของเจ้ากระเทียมโทนก็ยังมีสารจำพวก วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม 

ฟอสฟอรัส และตัวที่โดดเด่นมากๆ ก็คือ “บีตาแคโรทีน”

กระเทียมสมุนไพรมหัศจรรย์

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ระบุว่า กระเทียม (garlic) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum Linn. แทบทุกครัวเรือนรู้วิธีการเจียวกระเทียมในน้ำมันให้หอมก่อน แล้วจึงใส่เนื้อสัตว์หรือผัก เป็นวิธีดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์และเพิ่มรสชาติให้กับอาหารประเภทผัดชนิดต่างๆ ได้อย่างดี ทั้งยังใช้กระเทียมเจียวโรยหน้าอาหารอีกหลายอย่าง หรือใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในเครื่องแกงชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเป็นตัวช่วยแต่งกลิ่นและรสร่วมกับมะนาวในน้ำพริกกะปิ แม้แต่พริกน้ำปลาหรือน้ำจิ้มรสแซบก็จะลืมกระเทียมไปไม่ได้ นอกจากนี้ใบและหัวกระเทียมสดๆ ยังเป็นผัก รวมถึงกระเทียมดองของอร่อย

กระเทียมยังเป็นสมุนไพรแก้ไขบรรเทาปัญหาสุขภาพของชาวบ้านมาโดยตลอด หมอพื้นบ้านไทยใช้กระเทียมสดรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน โรคบิด ป่วง แก้ไอ และกระจายโลหิต กระทั่งเป็นที่สรุปได้ว่า กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่น 2 ประการ คือ ใช้ทารักษาโรคผิวหนัง และรับประทานแก้โรคความดันโลหิตสูง

การศึกษาทดลองคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาในระยะหลัง พบว่า กระเทียมมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกหลายอย่าง แต่การนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้ผลอย่างจริงจังยังจะต้องมีการศึกษาผลทางคลินิกวิทยาให้ถ่องแท้เสียก่อน โดยสรรพคุณต่างๆ ของกระเทียมมีดังนี้

1.ฆ่าเชื้อรา คือ กลาก เกลื้อน และเชื้อราที่เกิดตามเล็บ หนังศีรษะและผม

2.ฆ่าเชื้อยีสต์ชนิดที่ทำให้เกิดลิ้นขาวเป็นฝ้าในเด็กทารก และทำให้เกิดโรคมุตกิดระดูขาวที่มักจะเกิดในหญิงที่ตั้งครรภ์ หรือกินยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ

3.ลดความดันโลหิตสูง

4.ลดไขมันและคอเลสเตอรอล

5.ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว

6.ลดน้ำตาลในเลือด

7.ฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแทบทุกชนิด กล่าวคือ มีสารอัลลิซิน ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่มักทำให้เกิดโรคได้ถึง 15 ชนิด โดยเฉพาะยับยั้งเชื้อพวกที่ดื้อยาเพนนิซิลินได้ดีกว่าเชื้อพวกที่ไม่ดื้อยาอีกด้วย นอกจากนี้ ยังฆ่าเชื้อบิดมีตัวที่มีพิษต่อลำไส้ได้ดี โดยมีสารที่สำคัญคือกาลิซิน รวมทั้งสามารถยับยั้งเชื้อบิดเทียม ซึ่งไม่รบกวนแบคทีเรียตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อลำไส้

8.ยับยั้งเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง และใช้รักษาแผลสด แผลที่เป็นหนอง คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เชื้อวัณโรค และเชื้อปอดบวม

9.รักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

10.เป็นยาขับเสมหะและมีฤทธิ์ขับเหงื่อและขับปัสสาวะ

11.รักษาโรคไอกรน

12.แก้หืดและโรคหลอดลม

13.แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย

14.ควบคุมโรคกระเพาะ คือมีสารเอเอส 1 ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ และยังช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้ด้วย

15.ขับพยาธิต่างๆ ได้หลายชนิด ได้แก่ พยาธิเข็มหมุด พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย และมีรายงานทดสอบจากอินเดียว่า กระเทียมมีสารไดอัลลิลไดซัลไฟด์ มีฤทธิ์ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนได้ดี

16.แก้เคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารอัลลิซินเป็นตัวช่วยทำให้เลือดไหลเวียนมายังบริเวณที่ทาถูนวดยาได้ดีมากขึ้น

17.แก้ปวดข้อและปวดเมื่อย

18.ต่อต้านเนื้องอก

19.กำจัดพิษตะกั่ว

20.บำรุงร่างกาย

ประเทศญี่ปุ่นได้ค้นพบสารในกระเทียมชื่อสคอร์ดินิน ไม่มีกลิ่น แต่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง รวมทั้งช่วยให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตและช่วยลดไขมันในร่างกาย และยังมีผู้พบว่าในกระเทียมมีธาตุเจอร์เมเนียมค่อนข้างสูง ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหืด โรคไต โรคตับอ่อนและอาการท้องผูก รวมถึงมีสารชักนำวิตามินบี 1 เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นเท่าตัว โดยรวมเป็นสารอัลลิลไทอะมิน ทำให้วิตามินบี 1 ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นถึง 20 เท่า

สวัสดีครับ วันนี้ผมขอนำเสนอเกี่ยวกับกระเทียมโทนครับ ปกติผมชอบรับประทานอยุ่แล้วครับ สำหรับกระเทียมโทน  เพราะช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี บ้างก็บอกว่าเป็นยาโดฟร่างกาย ช่วยให้คุณผู้ชายสดชื่อ กระปรี้กระเปร่าครับ 

กระเทียม สรรพประโยชน์ล้ำค่า จากตำนานสมุนไพร

เรามารู้จักกระเทียมกันก่อนครับ ว่ามาจากไหน

     กระเทียม ถูกนำมาใช้เป็นยาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณเรื่อยมา เข้ามาในยุโรป อินเดีย และเอเชียและเผยแพร่เข้าไปในอเมริกา ปัจจุบันมีการวิจัยพยายามศึกษาหาสารในกระเทียมว่า มีสารอะไรบ้าง ที่มีประโยชน์ในการรักษาโรค โรคที่ใช้รักษาได้คือ โรคหัวใจ, มะเร็ง, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ใช้ต่อต้านอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำลายเซลล์ดีๆ ของร่างกาย ฯลฯ เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวอยู่ใต้ดิน แต่ละหัวประกอบด้วยกลีบเรียงซ้อนกันประมาณ 4-15 กลีบ บางพันธุ์จะมีเพียงกลีบเดียว เรียกว่า “กระเทียมโทน” แต่ละกลีบมีกาบเป็นเยื่อบางๆสีขาวอมชมพูหุ้มอยู่โดยรอบ กระเทียมมีรากไม่ยาวนัก ใบมีลักษณะยาวแบน ปลายใบแหลมแคบ โคนมีใบหุ้มซ้อนกัน ดอกออกเป็นช่อ มีสีขาวติดเป็นกระจุกที่ปลายก้านช่อ กระเทียมมีกลิ่นหอมฉุน รสชาติเผ็ดร้อน

    สารสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีกลิ่นหอมฉุนเผ็ดร้อนคือเอนไซม์อัลลิเนส (Allinase) ที่เปลี่ยนสารอินทรีย์กำมะถันอัลลิอิน (Alliin) ให้เป็นน้ำมันหอมระเหยอัลลิซิน (Allicin) และเมื่อนำหัวกระเทียมสดมากลั่นด้วยไอน้ำจะได้น้ำมันกระเทียม (Garlic oil) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหาร น้ำ กรดไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล กรดอะมิโน เหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินซี ฯลฯ

     การกินกระเทียมทั้งสดหรือแห้งเป็นประจำสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ความดันโลหิตสูง และปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันโรคหวัด วัณโรค คอตีบ ปอดบวม ไทฟอยล์ มาลาเรีย คออักเสบและอหิวาตกโรคได้อีกด้วย วิธีการใช้กระเทียมเพื่อรักษาโรคต่างๆคือ

         1. ใช้ขับเหงือ ขับปัสสาวะ และขับเสมหะ โดยใช้กระเทียมสดครึ่งกิโลกรัม ทุบพอแตก แช่ในน้ำหวานหรือน้ำผึ้ง 1 ถ้วย ประมาณ 1 สัปดาห์ รับประทานครั้งละครึ่งช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง

         2. ใช้ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ โดยใช้กระเทียมสด 5-7 กลีบ บดให้ละเอียด ผสมกับน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย กรองเอาแต่น้ำ ดื่มวันละ 3 ครั้ง หลังรับประทานอาหาร

         3. ใช้รักษาแผลสด แผลเป็นหนอง โดยใช้กระเทียมสดปอกเปลือก นำมาทุบหรือฝานทาในบริเวณที่เป็นแผล

         4. ใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกี่ยวกับเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน น้ำกัดเท้า เชื้อราในช่องคลอด โดยใช้น้ำที่คั้นจากกระเทียมสดทาบริเวณที่เป็น

         5. ลดอาการปวดฟันจากฟันผุ โดยใช้กระเทียมสดสับละเอียดทุกฟันที่ผุ

         6. ใช้รักษาอาการปวดหู หูอื้อ หูตึง โดยใช้น้ำกระเทียมหยอดหูประมาณ 1-2 หยด วันละ 3-4 ครั้ง

ข้อควรระวัง

1. ถ้าเก็บกระเทียมไว้นานเกินไป สารสำคัญในกระเทียมจะลดน้อยลง และหากจะใช้กระเทียมให้ได้ผลดีก็ไม่ควรกินหรือกลืนกระเทียมทั้งกลีบ ควรจะทุบหรือสับให้ละเอียดเสียก่อน เพื่อให้น้ำมันในกระเทียมมีฤทธิ์ในการรักษามากยิ่งขึ้น

2. หากจะเก็บกระเทียมไว้เพื่อรับประทานได้นานๆให้นำไปดองในน้ำส้มสายชูหรือน้ำซีอิ๊ว เพราะจะช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารของกระเทียมได้เป็นอย่างดี

3. การปรุงกระเทียมโดยใช้ความร้อน เช่น การเจียว การต้ม จะทำให้คุณค่าในการเป็นยารักษาโรคน้อยลง ดังนั้น ควรรับประทานกระเทียมในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิม

4. คนที่เป็นโรคกระเพาะหรือท้องว่าง ไม่ควรรับประทานกระเทียม เพราะจะทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร และเมื่อเกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ ควรรับประทานกระเทียมให้น้อยลง

ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสนใจการรักษาแบบผสมผสานหรือการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีหลายวิธีที่นำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง หนึ่งในนั้นคือ การใช้สมุนไพรธรรมชาติมารักษา จากจารึกในอดีตพบว่ากระเทียมจัดเป็นพืชสมุนไพรเก่าแก่ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรคของชาวจีน อียิปต์ บาบิโลน กรีก และโรมัน มานานกว่าสามพันปี

        การค้นคว้าและวิจัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสารสำคัญล้ำค่าของสมุนไพรใกล้ตัวอย่างกระเทียมของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกว่า 2,500 การทดลอง ทำให้เราทราบว่าธรรมชาติมีการผสมผสานสารสำคัญในกระเทียมไว้อย่างลงตัว อาทิเช่น

–   สารประกอบซัลเฟอร์อย่างน้อย 33 ชนิด ซึ่งรวมถึง อัลลิซินและ S allylmercaptocystein

–   กรดอะมิโนและไกลโคไซด์กว่า 17 ชนิด

–   เอ็นไซม์หลากหลายชนิด

–   เกลือแร่ โดยเฉพาะ เซเลเนียม

โดยสารสำคัญเหล่านี้ เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีประโยชน์มากมายแก่ร่างกาย เป็นเสมือนยารักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โดยช่วยลดระดับไขมันในกระแสเลือด เช่น ลดโคเลสเตอรอลชนิดรวม และแอล ดี แอล โคเลสเตอรอล จึงเหมาะกับผู้ที่มีระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูงมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร มีผลในการลดความดันโลหิตสูง ช่วนส่งเสริมให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น และกระเทียมยังเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อต่างๆ โรคมะเร็ง และ ช่วนต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกาย 

กระเทียม………สร้างความสมดุลให้แก่หัวใจ หัวใจ….เป็นอวัยวะที่ต้องทำงานตลอดชีวิต เพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หากหัวใจของคุณมีปัญหาจนนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว  เมื่อนั้นความสมดุลในชีวิตของคุณจะหายไปทันที ดังนั้นจึงควรหาทางป้องกันโรคหัวใจตั้งแต่วันนี้ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสารอาหารธรรมชาติที่มีส่วนช่วยดูแลหัวใจ

การผสมผสานคุณประโยชน์ 3 ประการ ของกระเทียมที่ช่วยสร้างสมดุลให้แก่หัวใจ

1.ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน

เพราะปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจส่วนใหญ่ เนื่องมาจากการสะสมตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งกระเทียมมีส่วนช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในกระแสเลือด โดยไขมันชนิดนี้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดการอุดตันของเส้นเลือด จากการวิจัยพบว่าสารประกอบซัลเฟอร์ในกระเทียมโดยเฉพาะอัลลิซิน สามารถลดระดับโคเลสเตอรอลรวม และโคเลสเตอรอลชนิดร้ายได้ดี

สำหรับกรณีผู้ที่มีปัญหาระดับไขมันโคเลสเตอรอลสูงกว่า 210 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ควรเสริมด้วยเลซิตินควบคู่กับกระเทียมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดให้ดียิ่งขึ้นแต่กรณีผู้ที่มีปัญหาระดับไขมันโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูงทั้งคู่ ควรเสริมด้วยน้ำมันปลา (โอเมก้า – 3)ควบคู่กับกระเทียม จะช่วยลดไขมันทั้งโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ได้อย่างดี รวมทั้งน้ำมันปลายังมีผลในการเพิ่มระดับไขมันดคเลสเตอรอลชนิดดี ที่มีหน้าที่ในการพาไขมันโคเลสเตอรอล ที่สะสมอุดตันตามผนังหลอดเลือดกลับไปทำลายหรือเผาผลาญที่ตับ ดังนั้น หากสามารถเพิ่มระดับไขมันโคเลสเตอรอลชนิดดี เพียง 1 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 3-4%

1. ลดภาวะความดันโลหิตสูง

โดยเฉพาะลดความดันโลหิตค่าบน ได้ 7.7มิลลิเมตรปรอท และลดความดันโลหิตค่าล่าง ได้ 5มิลลิเมตรปรอท

2.  ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือดได้ถึง 58%

เพราะการมีไขมันสะสมที่หลอดเลือดมากเกินไปจนก้อนไขมันเกิดการแตกตัว จะส่งผลกระตุ้นให้เกิดการอุดตัน ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน หรือสมองขาดเลือด จนเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

กระเทียม……สร้างสมดุล เสริมสร้างต้านทาน ลดภูมิแพ้

            คุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมีปัญหาเช่นนี้หรือไม่ พออากาศเริ่มเปลี่ยน ก็มีอาการคันจมูก ตา และลำคอ จนต้องไอหรือจาม ไม่ยอมหยุด บางครั้งอาจมีน้ำมูกใสๆไหลออกมา พร้อมกับอาการปวดบรอเวณศีรษะ โหนกแก้ม และหน้าผาก หากคำตอบคือ ใช่ คุณ คือ ผู้หนึ่งที่มีอาการของโรคภูมแพ้

สาเหตุของโรคภูมิแพ้ เกิดจาก 2 ปัจจัย คือ

ปัจจัยภายใน เกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์

ปัจจัยภายนอก โดยการกระตุ้นจากมลภาวะต่างๆ เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่น ควัน หรือมลพิษ

มีหลายวิธีเราสามารถปฏิบัติเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รับปนะทานผักและผลไม้ เสริมวิตามิน เช่น วิตามินซี ควบคู่กับการเลือกใช้สมุนไพร เช่น กระเทียม เพื่อช่วยรรเทาอาการภูมิแพ้ เสริมภูมิคุ้มกันได้…………….เนื่องจาก

 1.กระเทียม มีสารสำคัญ คือ อัลลิซิน จึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายดดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว เช่น Macrophges และ T-Iymphocyte เพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายมีเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น จะส่งผลในการช่วยบรรเทาและลดอาการภูมิแพ้

2.ฤทธิ์ของกระเทียมที่เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะ ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคที่เรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ดังนั้นกะเทียมจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดภูมิแพ้ และอาการเรื้อรังทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด หอบหืด ไซนัส หูอักเสบ เป็นต้น

สำหรับกรณีที่เสริมด้วย วิตามินซีควบคู่กับกระเทียม พบว่าช่วยบรรเทาและลดความถี่ของดรคภูมิแพ้ เนื่องจากวิตามินซีและกระเทียมจะเสริมฤทธิ์กันในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวของร่างกายส่งเสริมให้ภูมมิต้านทานร่างกายดีขึ้นอย่างชัดเจน

ขอบคุณข้อมูลจาก namnuntawan.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 24,800.00 24,900.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,606.00 24,346.96 25,400.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,445.40 21,912.26 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,284.80 19,477.57 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 723.00 10,960.68 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 562.00 8,519.92 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,664.00 25,226.24 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/03/2564

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 26.05 26.05 26.55 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05
แก๊สโซฮอล์ 91 25.78 25.78 26.28 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78
แก๊สโซฮอล์ E20 24.54 24.54 25.04 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54
แก๊สโซฮอล์ E85 20.54 20.54 20.54
เบนซิน 95 33.46 33.91 33.96 33.46 33.46
ดีเซล B7 26.99 26.99 27.19 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99
ดีเซล 23.99 23.99 24.19 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99
ดีเซล B20 23.74 23.74 24.14 23.74 23.74 23.74 23.74
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.44 31.46 33.64 32.84 31.44
แก๊ส NGV 13.35 13.35 13.35
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า