สาระน่ารู้ประจำวันที่ 31 มีนาคม 2566

ถอดแนวคิด MQDC ตั้งเป้า ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นลบในปี 2050

ถอดแนวคิด MQDC ตั้งเป้า สร้างผลเชิงบวกต่อธรรมชาติพร้อมปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นลบในปี 2050 ชู โครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์ ” ต้นแบบโปรเจ็กต์กู้โลก

30 มีนาคม 2566 –  ” สภาวะโลกร้อน ” ทั้งจากอากาศที่ร้อน พร้อมภัยธรรมชาติที่มากและถี่ขึ้นทุกปี สู่ “ภาวะโลกรวน” หรือ Climate change ซึ่งกำลังบ่งบอกว่า ขณะนี้โลกเราไม่ได้เผชิญแค่ปัญหาอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังคาดเดาได้ยากยิ่งขึ้นว่าในอนาคตจะเกิดภัยพิบัติรุนแรงอะไรขึ้นอีก 

เจาะวงการสถาปัตยกรรมและวงการก่อสร้างไทย พบผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงนักออกแบบกำลังตื่นตัวกับประเด็นดังกล่าวอย่างมาก เพราะถูกคาดหวังว่ากระบวนก่อสร้างที่ใส่ใจรายละเอียด ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน การเลือกวัสดุอุปกรณ์ ประเภท Low-Carbon เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะเป็นส่วนช่วยลดคาร์บอนให้กับโลกได้ 

“ฐานเศรษฐกิจ” มีโอกาสได้ร่วมสัมภาษณ์พิเศษ ผู้พัฒนาโปรเจ็กต์ยักษ์ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ที่วางแนวคิดการพัฒนาโครงการไว้อย่างเข้มข้น เหนือชั้น กับตำแหน่งผู้นำนวัตกรรมเพื่อสังคม For All Well-being ซึ่งนอกจากจะเป็นโปรเจ็กต์ ที่ปฎิวัติวงการอสังหาฯ ไทย โดยเน้นการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยแบบยั่งยืน เพื่อคนหลากหลายเจเนอเรชั่น เสริมสร้างสุขภาวะแก่ผู้อาศัย พร้อมกับทำเซอร์ไพร์ส สร้าง “ผืนป่า” ขนาดใหญ่ กลางเมือง เพื่อมุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สรรพสิ่งแล้ว พบมิติของคำว่า “ยั่งยืน” ที่มาพร้อมกับ “พันธกิจใหม่” ที่ต้องการ ‘สร้างผลเชิงบวกต่อธรรมชาติและปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นลบภายในปี 2593“ หรือ Nature Positive & Carbon Negative 2050” 

จากบ้านประหยัดพลังงาน สู่ “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” หรือ “Sustainnovation”

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC เผยถึงที่มา ว่า “กว่า 30 ปี  MQDC ยึดมั่นตามแนวคิด ‘For All Well-Being’ จะเห็นได้ว่า บริษัทไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกบ้านโครงการเท่านั้น แต่ตระหนักถึง สังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย เพื่อตอบคำถามให้ได้ว่า “ลูกหลานจะอยู่อย่างไร?” ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นพิษ และคุณภาพชีวิตกำลังถูกบ่อนทำลายลง อีกทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของสรรพสิ่งอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

ทำให้บริษัทพยายาม คิดค้น นำนวัตกรรมหลากหลายมาปรับใช้ในการก่อสร้าง โดยมุ่งหวังให้เกิดความยั่งยืน จนเกิดคำว่า ” Sustainnovation ” ซึ่งถูกใช้เป็นแกนในการก่อสร้างโครงการทั้งหมดของบริษัท และในอนาคต โครงการของ MQDC จะต้องดูดซับคาร์บอนกลับมาได้มากกว่าที่ปล่อยออกไปอีกด้วย”

ทั้งนี้ โครงการต้นแบบที่มีการนำ Sustainnovation มาใช้อย่างจริงจัง เพื่อเดินไปสู่พันธกิจใหญ่ และจะช่วยลดภาวะโลกรวนอย่างเป็นรูปธรรมนั้น คือ ” โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์”  อาณาจักรที่อยู่อาศัยของโลกยุคใหม่ ที่มีมาตรฐานระดับโลกการันตี เพราะนอกจากจะมีองค์ประกอบสำคัญอย่างผืนป่าขนาดใหญ่ พื้นที่ 30 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางโครงการ เสมือนปอดฟอกอากาศ และจะช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาระบบนิเวศดั้งเดิมแล้ว 

บริษัทยังทำการบ้านอย่างเข้มข้น ผ่านการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ โดยศูนย์วิจัยและค้นคว้านวัตกรรมด้านต่างๆ ในองค์กรที่มีถึง 6 แห่ง นำมาซึ่งโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่มีอาคารประหยัดพลังงาน การออกแบบ ระบบทำความเย็นรวมศูนย์ (District Cooling System) อาคารสาธารณูปโภคส่วนกลาง (Central Utilities Plant: CUP) แห่งแรกของไทย และมีการพัฒนา Biodiversity Standard สำหรับพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของโลก เพื่อรักษาและส่งเสริมระบบนิเวศให้กับทุกชีวิตอย่างยั่งยืน 

“จากเดิม MQDC ริเริ่ม ทำบ้านประหยัดพลังงานลดการใช้ทรัพยากรโลก เลือกสรรวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สู่ต้นแบบใหม่ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ที่เป็นโครงการระดับโลก เพราะเราทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างหนัก โดยเฉพาะการลงทุนเพื่องานวิจัย โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนและคำนึงถึงทุกสรรพสิ่งบนโลก” 

“เดอะ ฟอเรสเทียส์ ” ต้นแบบโปรเจ็กต์กู้โลก

ภายใต้การกวาดรางวัลและคำชื่นชมยกย่องในหลายมิติของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ผู้บริโภคยุคใหม่ ตอบสนองในแง่ยอดขายอย่างน่าแปลกใจ จนขึ้นแท่นเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ขายดีในยุคโควิด-19 ชื่อของศูนย์วิจัย “RISC by MQDC” หรือ “ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” ถูกเอ่ยถึงหลายต่อหลายครั้ง ในแง่ที่เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญเบื้องหลังอภิมหาโปรเจ็กต์นี้ โดยเฉพาะการเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำมาใช้ได้จริง และนับจากนี้จะเป็นหน่วยงานสำคัญในการเดินหน้าพันธกิจ Nature Positive & Carbon Negative 2050 ของ MQDC อีกด้วย

คีย์แมนสำคัญ รศ. ดร. สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษา RISC by MQDC ระบุว่า “วันนี้คำว่า Net Zero Carbon ถูกมองเป็นเรื่องยากและท้าทายกับภาคธุรกิจ เช่นเดียวความท้าทายครั้งสำคัญของ MQDC ที่กำลังตั้งเป้าจะปล่อยก๊าซคาร์บอนลงสู่ระดับสุทธิเป็นลบ (Carbon negative) ในปี 2050 โดยจะนำการประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment) มาใช้ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อจัดทำคาร์บอนฟุตพรินท์ขององค์กร 

“โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ จึงเป็นแบบอย่างระดับประเทศ ตั้งแต่การลดการใช้พลังงาน การผลิตพลังงานสะอาดติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับโครงการ การออกแบบและใช้วัสดุก่อสร้างที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างระบบนิเวศและพื้นที่สีเขียวให้สิ่งมีชีวิตนานาชนิดและผู้คนได้ใช้ประโยชน์ และระบบท่อส่งน้ำดื่มไปถึงห้องพัก เพื่อลดขยะพลาสติก”

อาคาร คือ ธนาคารรับฝากวัสดุ 

ในขณะที่ กลยุทธ์ที่จะนำไปสู่เป้าหมายใหญ่ Nature Positive & Carbon Negative 2050 ถูกกำหนดเป็นแผนงานระยะสั้น กลางและยาว ไปจนถึงปี 2050 แกนหลักจะเน้นกระบวนการออกแบบสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ปรับมุมมองว่าอาคารเป็นเสมือนธนาคารรับฝากวัสดุก่อสร้างประเภทต่าง ๆ ซึ่งเมื่อมีการใช้งานเสร็จแล้วก็สามารถถอดเอาวัสดุบางส่วนไปประกอบขึ้นเป็นอาคารใหม่ได้ ทดแทนแนวคิดเดิมที่หากอาคารไม่เป็นที่ต้องการแล้วต้องมีการทุบทำลายก่อให้เกิดขยะปริมาณมหาศาล

“เรามีการลงทุนมากถึง 6 พันล้านบาท สำหรับศูนย์วิจัย แต่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะไม่เพียงแค่เป็นประโยชน์ต่อโครงการของ MQDC เท่านั้น แต่จะเป็นทางออกของมวลมนุษยชาติ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และเอกชน เข้ามาศึกษาดูงานเพื่อนำไปต่อยอด “

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ MQDC ทิ้งท้ายไว้ อาจเป็นอนาคตที่เราอยากเห็นมากที่สุด โดย นายวิสิษฐ์ กล่าวว่า “การยกระดับวงการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในหลายมิติ ของ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’  ต้องการปลุกให้ทุกส่วนตระหนักและเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ภายใต้ เป้าหมายของไทยที่ต้องการลดการปล่อยเรือนกระจกลงให้ได้ 30% ภายในปี 2030 หรือ ภารกิจเป็น Net Zero ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2065  อีกส่วนยังเห็นว่า การสร้างความสมดุลระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตลอดทั้งชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม เป็น 1 ในจิกซอว์สำคัญ ของเทรนด์การทำธุรกิจยุคใหม่ ที่จะสร้างคุณค่ากลับมาเป็นความยั่งยืนทางด้านรายได้ในอนาคตเช่นกัน …

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เรียลแอสเสท” กลุ่ม จึงรุ่งเรืองกิจ เดิมพันโครงการ 1.4 หมื่นล้าน บู๊อสังหาฯ

เรียลแอสเสท บริษัทอสังหาฯ ตระกูล จึงรุ่งเรืองกิจ วางเป้าธุรกิจ 3 ปี พัฒนาโครงการ 1.4 หมื่นล้านบาท ขณะปีนี้รุก 4 โปรเจ็กต์ หวังดัน New High รายได้สูง 7 พันล้าน ปี 67 จับตากลยุทธ์ ดึงพันธมิตรใหญ่จากญี่ปุ่น “SOTETSU“ลุยลงทุนยาว

30 มีนาคม 2566 – นายบดินทร์ธร  จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ REAL ASSET เผยถึง แผนธุรกิจ ว่า ภายใน 3 ปี (2566-2568) บริษัทจะพัฒนาโครงการรวมกว่า 14,000 ล้านบาท เพื่อสร้างสมดุลของรายได้ ระหว่าง รายได้จากการโอน และ Recurring Income  ทั้งนี้ตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะสร้างรายได้จาก Recurring Income จากการพัฒนา 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,700 ล้านบาท  

โดยปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัททำยอดขายได้ทั้งสิ้น 2,288 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายปี 2566  อยู่ที่ 3,470 ล้านบาท  ซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมากว่า 50% ทั้งนี้ยังวางแผนนโยบายเชิงรุกจากการพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูง จากโครงการที่เปิดใหม่และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ยอดขายและรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด 

โดยใน 3 ปีข้างหน้านี้ (ปี2566-2568) บริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการ โดยเป้ายอดขายตั้งไว้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนรายได้นั้นจะเริ่มเห็นชัดขึ้นในปี 2567 ที่คาดการณ์ว่าจะมีรายได้ถึง 7,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นสถิติ  New High ที่จะเกิดขึ้นของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ มี Backlog รองรับการรับรู้รายได้ อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาทและคาดการณ์ว่า จะสร้าง Backlog เพิ่มในช่วงปีนี้และปีถัดไปรวมอีก 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการโอนในอนาคต”

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2566 นี้ ว่า บริษัทฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการรวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 5,900 ล้านบาท  ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง (คอนโดมิเนียม) จับกลุ่มตลาดกลางถึงตลาดบน ทั้งในรูปแบบของการพัฒนาโครงการเองและแบบ  M & A (Mergers and Acquisitions ) พร้อมทั้งยังมองหาโอกาสขยายสู่การพัฒนาโครงการในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial Building)  เพื่อเสริมสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทฯ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
 

สำหรับโครงการแนวราบ วางแผนเปิดตัวทั้งสิ้น 2 โครงการ ในช่วงครึ่งหลังของปี คือ

1.     โครงการ VIVALDI Bangna  (วีวัลดี บางนา) บริเวณซอยวัดคลองปลัดเปรียง  ห่างจากถนนบางนาเพียง 1.8 กิโลเมตร พัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เตรียมยกระดับมาตรฐานเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Hi-End Segment ของโครงการแนวราบมากยิ่งขึ้น ราคาขายเริ่มต้นที่ 10-20 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,300 ล้านบาท

2.     โครงการ VIRANYA Rangsit – Wongwaen  (วิรัณยา รังสิต – วงแหวน) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว บนทำเลวงแหวน –  ลำลูกกา คลอง 5  ราคาขายเริ่ม 3.XX ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,250 ล้านบาท

ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเบื้องต้นมีแผนจะเปิด 2 โครงการ คือ

1.       โครงการ THE STAGE Made by Me Ratchada – Huaikhwang  พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม High Rise Condo ความสูง 31 ชั้น บนทำเลรัชดา – ห้วยขวาง มูลค่าโครงการประมาณ 2,130 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นที่ 2.89 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะเปิดขายรอบแรก Online booking 3 เมษานี้

2.       แบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อโครงการ ARLO LASALLE 17 (เดิมคือโครงการ The Excel ลาซาล 17) เป็นคอนโดมิเนียม   Low Rise 4 อาคาร บนที่ดินกว่า 4 ไร่ จำนวนห้องพักอาศัย 581 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 1,240 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัท ฯ ในแบบ  M & A  ช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาโครงการและสร้างผลตอบแทนเร็วขึ้น เป็นการเข้าซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเดิมที่มีศักยภาพมาพัฒนาต่อเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงต้นปี 2567 โดยจะเปิดขายในไตรมาส 3 / 2566

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท โซเทสึ เรียลเอสเตท (SOTETSU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Sotetsu Group ที่ดำเนินธุรกิจรถไฟและรถบัส ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ต และธุรกิจโรงแรมโดยส่วนใหญ่อยู่ในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น และมีประสบการณ์ดำเนินงานมาประมาณ 70 ปีในการพัฒนาที่อยู่อาศัย 

ขณะนี้ ได้ร่วมลงทุนในโครงการ A Space Mega ,โครงการ THE STAGE Mindscape Ratchada – Huaikhwang  และ โครงการ VIVALDI Bangna รวมทั้งมีเป้าหมายจะพัฒนาโครงการใหม่ร่วมกันอีกในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทฯเชื่อมั่นในประสบการณ์ที่สะสมมานานของ SOTETSU ที่จะมาช่วยยกระดับที่อยู่อาศัย ผ่านการออกแบบดีไซน์ ,ฟังก์ชัน , Innovation และ Sustainability

บริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยยังมีทิศทางที่เติบโตและผู้บริโภคยังมีความต้องการ เพราะที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าภาคธุรกิจอสังหาฯ ยังเผชิญกับปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวังในการกำหนดนโยบายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ราคาต้นทุนที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น และ ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีทิศทางปรับราคาสูงขึ้นเช่นกัน

ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อธุรกิจ แต่อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนและส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ธุรกิจต่างๆ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมไปถึงการเปิดประเทศ ที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 31มี.คที่ระดับ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ “

ค่าเงินบาทอาจยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง โดยเฉพาะฟันด์โฟลว์ฝั่งตลาดหุ้นว์จากนักลงทุนต่างชาติ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง

เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 31มีนาคม 2566ที่ระดับ  34.13 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.25 บาทต่อดอลลาร์


 นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้น ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์
และ

การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ อย่างไรก็ดี ในช่วงวันนี้ ก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังคงถูกจำกัดอยู่ ในลักษณะ Sideways
 
โดยในระหว่างวัน ค่าเงินบาทอาจยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้างจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในฝั่งตลาดหุ้น หลังบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง

นอกจากนี้ แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอาจมาจาก 1) รายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ออกมาแย่กว่าคาด รวมถึง 2) รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของยูโรโซนที่ชะลอลงชัดเจน ทำให้ผู้เล่นในตลาดลดโอกาส ECB เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแรง กดดันให้เงินยูโรอาจอ่อนค่าลง และหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
 
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ (ช่วงประมาณ 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย) โดยหากอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด หรือ ไม่ได้ชะลอลงชัดเจน (เน้นจับตาการเปลี่ยนแปลงรายเดือน หรือ %m/m) 

ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยปรับมุมมองว่า เฟดอาจสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ และ/หรือ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ซึ่งมุมมองดังกล่าวก็อาจช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน และ


การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์ รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง โดยในกรณีนี้ เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 34.30-34.40 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก

 ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอลงตามคาด หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง ซึ่งก็สามารถช่วยหนุนให้ราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนเงินบาทก็มีโอกาสแข็งค่าทดสอบแนวรับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์
 
ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก) ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
 
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.00-34.35 บาท/ดอลลาร์ 

บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth (Amazon +1.8%, Nvidia +1.5%) 

หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อย สู่ระดับ 3.55% หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย โดย GDP ไตรมาส 4 โต +2.6%q/q เทียบกับตลาดมอง +2.7%q/q 

ส่วนยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 198,000 ราย สูงกว่าที่ตลาดคาด 196,000 ราย อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากการย่อตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร (Wells Fargo -1.6%, BofA -1.3%) หลังคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เตรียมเสนอมาตรการกำกับดูแลภาคธนาคารสหรัฐฯ ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
 
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 เดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อ +1.03% หลังผู้เล่นในตลาดกล้าที่จะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ตามความกังวลปัญหาเสถียรภาพระบบธนาคารสหรัฐฯ และยุโรปที่คลี่คลายลง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารต่างปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง (UBS +3.4%) 

ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ก็ปรับตัวขึ้นต่อได้ (ASML +3.0%) หลังอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของสเปน ในเดือนมีนาคม ชะลอตัวลงมากกว่าคาดสู่ระดับ 3.3% (จาก 6.0% ในเดือนก่อนหน้า)

 ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจไม่จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยไปมากนัก หากเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น  
 
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102.2 จุด หลังผู้เล่นในตลาดยังคงทยอยลดสถานะถือครองเงินดอลลาร์ลง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด และ

ส่วนหนึ่งก็มาจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาดไปมาก ทั้งนี้ เรามองว่า หากรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ PCE ไม่ได้ชะลอตัวลงชัดเจน เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้ 

โดยเฉพาะในกรณีที่ ผู้เล่นในตลาดเริ่มเชื่อว่าเฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ยลงหรือเฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อตาม Dot Plot ล่าสุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ว่า ตลาดจะกลับมาเปิดรับความเสี่ยง แต่การปรับตัวลดลงของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯและ

เงินดอลลาร์ สามารถช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะเผชิญแรงขายทำกำไรและย่อลงเล็กน้อยสู่ระดับ 1,996 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ซึ่งเราคาดว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
 
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ PCE ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า

 โมเมนตัมของอัตราเงินเฟ้อ PCE ในเดือนกุมภาพันธ์ อาจชะลอลงสู่ระดับ +0.4%m/m ตามการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าพลังงานและราคาสินค้าโดยรวม ส่งผลให้ อัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอลงสู่ระดับ 5.1%


 อย่างไรก็ดี หากตัดผลของราคาพลังงานและราคาอาหาร โมเมนตัมของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE จะอยู่ที่ +0.4%m/m ทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ยังคงอยู่ที่ระดับ 4.7%

 สอดคล้องกับภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว ทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ในส่วนภาคการบริการที่ไม่รวมผลของที่อยู่อาศัย (Core Services Ex. Housing) ชะลอตัวลงช้า

 หากอัตราเงินเฟ้อ PCE และ Core PCE ไม่ได้เร่งตัวสูงขึ้น กอปรกับ ภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อจากผลกระทบของปัญหาสภาพคล่องในระบบธนาคาร ก็จะช่วยลดความจำเป็นที่เฟดจะต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนทะลุระดับ 5.25%

 แต่ทว่า เฟดอาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมาย 2% อย่างชัดเจน ซึ่งเรามองว่า ภาพดังกล่าวอาจเกิดขึ้น

พร้อมกับการชะลอตัวลงมากขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะการจ้างงาน ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด 

หลังผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนกันยายน)
 
ทางฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB)


หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ชะลอลงสู่ระดับ 7.1% ตามคาด ในเดือนมีนาคม ก็อาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า ECB อาจสามารถชะลอการขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
 
ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs)


 โดยตลาดประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจจีนก็มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง หลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคบริการเดือนมีนาคม ที่ระดับ 50.5 จุด และ 54.3 จุด ตามลำดับ (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.06-34.08 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.10 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ที่ทบทวนใหม่ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด 
 
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.05-34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนก.พ. ของธปท. ตัวเลข PMI เดือนมี.ค. ของจีน อัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของยูโรโซน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด พัฒนาการปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ และยุโรป และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อจากมุมมองของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนมี.ค. 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“บาส-ปอป้อ” ไม่พลาด-ทะลุ 8 คู่แบดสเปน

“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสมมืออันดับ 4 ของโลกและมือวางอันดับ 1 ของรายการ สยบคู่นักตบสหรัฐอเมริกา ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศการแข่งขันแบดมินตันรายการ “มาดริด สเปน มาสเตอร์ส 2023” ระดับเวิลด์ทัวร์ซูเปอร์ 300 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ประเทศสเปน
 
รอบสอง หรือรอบ 16 คู่สุดท้าย ในประเภทคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย เต็งหนึ่งของรายการ พบกับ วินสัน ชิว-เจนนี่ ไก คู่มืออันดับ 38 ของโลกจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งสองคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อน
 
ปรากฏว่า บาสกับปอป้อเล่นด้วยฟอร์มที่เหนือกว่าเป็นฝ่ายชนะไปสองเกมรวด 21-7, 21-5 ด้วยเวลา 19 นาที ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศไปเจอกับคู่ของเดนมาร์ก แมเธียส คริสเตียนเซ่น-อเล็กซานดร้า บอจ์ คู่มืออันดับ 19 ของโลกและมือวางอันดับ 8 ของรายการต่อไป

ด้านคู่ผสมอีกคู่ “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ-“เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่มืออันดับ 15 ของโลก และมือวางอันดับ 6 พบกับ เจียง เจิน ปัง-เว่ย หย่า ซิน มืออันดับ 25 ของโลกจากจีนที่เพิ่งคว้าแชมป์ “สวิส โอเพ่น” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
เกมนี้ปรากฏว่า เล่นกันได้อย่างสูสี ก่อนที่คู่จากจีนจะเบียดเอาชนะไป 2-0 เกม 21-17, 25-23 ใช้เวลา 33 นาที

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เสื้อ “สี” อะไร ป้องกัน “ฮีทสโตรก” ได้ดีที่สุด

แค่อากาศร้อนก็ว่าทรมานแล้วยิ่งต้องใส่แมสด้วยยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ยังไม่ดีขึ้น จะถอดแมสก็ไม่ได้ สิ่งที่พอจะช่วยคลายร้อนลงได้บ้างก็คงเป็นสีเสื้อเนี่ยแหละ สีเสื้อนอกจากจะช่วยเสริมดวงในสายมูเตลูแล้วยังช่วยในป้องกัน “ฮีทสโตรก” หรือ “โรคลมแดด” ได้ด้วย มาหาคำตอบว่าสีไหนช่วยป้องกันฮีทสโตรกได้ดีที่สุดกัน

สีขาวยืนหนึ่ง! กันฮีทสโตรกได้ดีสุด

คุณโทชิอากิ อิจิโนเสะ (Toshiaki Ichinose) นักวิจัยจากสถาบันสิ่งแวดล้อมศึกษาแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น (National Institute for Environmental Studies) ได้ทำการทดลองเพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิพื้นผิว โดยนำเสื้อเชิ้ตโปโล 9 ตัวที่ทำจากวัสดุชนิดเดียวกันแต่ต่างสีกัน 9 สี ได้แก่ เหลือง แดง ขาว ม่วง น้ำเงิน เทา เขียว เขียวเข้ม และดำ มาเรียงไว้ที่กลางแจ้งที่แทบไม่มีลมเลย อุณหภูมิขณะทำการทดลองอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส หลังจากโดนแสงแดดเป็นเวลา 5 นาที พบว่าอุณหภูมิพื้นผิวของเสื้อเปลี่ยนไปอย่างมาก สีที่มีอุณหภูมิต่ำที่สุดคือสีขาวและสีเหลือง สูงขึ้นมาเล็กน้อยคือสีเทาและสีแดง ตามมาด้วยสีม่วงและสีน้ำเงิน สีที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดคือสีเขียว สีเขียวเข้ม และสีดำ แต่ที่น่าสนใจก็คือในขณะที่เสื้อสีขาวมีอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส เสื้อสีดำและสีเขียวเข้มกลับมีอุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส ซึ่งมีความแตกต่างกันมากกว่า 20 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

ทำไมสีเสื้อถึงต่อผลต่ออุณหภูมิบริเวณผิว (Surface Temperature)

เพราะอัตราที่วัตถุสะท้อนพลังงานที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์จะแตกต่างกันไปตามสี พลังงานจากการแผ่รังสี (Radiant Energy) ที่ไม่ถูกสะท้อนจะถูกดูดซับและแทนที่ด้วยความร้อน ดังนั้นสีที่มีการสะท้อนสูง เช่น สีขาวและสีเหลือง จึงมักจะเก็บความร้อนได้น้อยกว่าสีที่มีการสะท้อนต่ำ เช่น สีดำและสีเขียวเข้ม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นลมแดดจึงควรเลือกสีที่สะท้อนแสงสูงและไม่เก็บความร้อนนั่นเอง

สีเสื้อนั้นนอกจากจะช่วยเสริมความเป๊ะปังเรียกโชคกวักลาภขจัดภัยแล้วยังช่วยป้องกันฮีทสโตรกได้อีกด้วย เห็นทีต้องจดลงตารางสีเสื้อมงคลประจำวันแล้วล่ะค่ะ ถ้าใครเอาไปลองทำดู สามารถมาแชร์กันได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รวมศัพท์บอกว่า เหงา เปื่อย ต้อนรับช่วงสงกรานต์(ที่ผ่านไปแล้ว)

ช่วงเทศกาลแบบนี้ หลายๆคนคงจะตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆเลย ที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัว เพื่อน หรือว่าไอต้าว (แซว) แต่ก็นะ อาจจะไม่ใช่กับทุกคน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะได้หยุดงานน่ะสิ ไม่ได้หยุดงานไม่พอ ยังต้องปั่นงานยิกๆๆได้หยุดอีกทีก็เสาร์อาทิตย์นู่นแหน่ะ ทั้งยุ่งทั้งเหงาแบบนี้ มันเหงามันเศร้าหัวใจ๋ 

Alone (adj. adv.)

ความหมาย : ลำพัง, โดดเดี่ยว, ไม่มีใครอื่น

Deserted (adj.)

ความหมาย : ไม่มีคน, ที่ถูกปล่อยทิ้งไว้, รกร้าง

Desolate (adj.)

ความหมาย : ไร้ผู้คน, โดดเดี่ยว, อ้างว้าง (ใช้กับคนหรือสถานที่ก็ได้)

Forlorn (adj.)

ความหมาย : โดดเดี่ยว, ที่ถูกทิ้งไว้, ไม่มีเพื่อน

Friendless (adj.)

ความหมาย : ไม่มีเพื่อน, ปราศจากเพื่อน

Lonely (adj.)

ความหมาย : เปล่าเลี่ยว, โดดเดี่ยว, เดียวดาย (พูดง่ายๆว่า เหงา นั่นแหละ)

Lone (adj.)

ความหมาย : อย่างโดดเดี่ยว, เลือกทำด้วยตัวเองคนเดียว

Loner (n.)

ความหมาย : คนที่ชอบทำอะไรคนเดียว, เลือกทำด้วยตัวเอง (จะบอกว่านิสัยชาว Introvert ก็ได้)

Lonesome (adj.)

ความหมาย : ที่รู้สึกเหงา/เศร้าเพราะตัวคนเดียว 

Non-sociable (n.)

ความหมาย : คนที่ไม่ชอบ/ไม่เลือกเข้าสังคม 

Single (adj.)

ความหมาย : เดี่ยว, โสด 

Sole (ad่j.)

ความหมาย : หนึ่งเดียว, เดี่ยว

Solitary

ความหมาย : โดดเดี่ยว, สันโดษ, คนเดียว-สิ่งเดียว

Solo

ความหมาย : ฉายเดี่ยว, มาหนึ่ง

Unaccompanied (adj.)

ความหมาย : ปราศจากเพื่อนร่วมทาง

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


“ชัยวุฒิ” เแถลงด่วนกรณี แฮกเกอร์ “9near” ขโมยข้อมูล 55 ล้านรายชื่อ

“ชัยวุฒิ” เแถลงด่วนกรณี แฮกเกอร์ “9near” ขโมยข้อมูลคนไทย 55 ล้านรายชื่อ ล้วงข้อมูลเลขที่บัตรประชาชน มือถือ และ วันเดือนปีเกิด ล่าสุด

จากกรณีที่มีกระแสข่าวกลุ่ม แฮกเกอร์ “9near” ขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทย จำนวน 55 ล้านรายชื่อ โดยแฮกเกอร์ 9near ล้วงข้อมูลด้วยการนำเอาเลขที่บัตรประชาชนจำนวน 13 หลัก , วันเดือนปีเกิด, ที่อยู่ และ เบอร์มือถือ ถูกหลุดออกไปอยู่ในมือกลุ่มแฮกเกอร์ 9Near (ไนน์เนียร์) ที่ประกาศว่าถ้าหน่วยงานที่ทำข้อมูลเหล่านี้หลุดไม่ติดต่อทางกลุ่มภายในวันที่ 5 เม.ย. 2566 เวลา 16.00 น. ตามเวลาไทย 9Near จะประกาศว่าหน่วยงานไหนทำข้อมูลเหล่านี้หลุด และวิธีการที่กลุ่มแฮกข้อมูลเหล่านี้มาได้

ขณะที่นายสรุยุทธ สุทัศนจินดา ถูกแฮกเกอร์9Near ดูดข้อมูลเช่นเดียวกัน โดย “เขา”  เปิดเผยในการเรื่องเล่าเช้านี้เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า มี SMS พนันส่งข้อมูลมาที่มือถือ แสดงว่าถูกแฮกฯข้อมูลหรือไม่ “ดีนะไม่กดลิ้งค์เข้าไปดูข้อมูลไม่เช่นนั้นแย่แน่”

ล่าสุด นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เตรียมแถลงข่าวช่วงเช้าเวลา 08.30 น. จะแถลงข่าว 9Near แฮกข้อมูล 55 ล้านรายชื่อ ที่ชั้น 9 กระทรวงดิจิทัล  ศูนย์ราชการอาคารบี

สำหรับแฮกเกอร์ 9near เป็นเว็บบอร์ดที่ใช้สำหรับซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลที่หลุดออกมาจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


10 ประโยชน์ “เห็ดเข็มทอง” ลดน้ำหนัก-เบาหวาน

“เห็ดเข็มทอง ทำอะไรก็อร่อย” เราเป็นคนหนึ่งที่เชื่ออย่างนั้นค่ะ เพราะไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ทอด ยำ นึ่ง ใส่ลงไปในเมนูไหนก็อร่อยไปหมด แล้วที่สำคัญ เห็ดเข็มทอง ไม่ได้อร่อยแต่เพียงอย่างเดียว เพราะยังมีประโยชน์อีกมากมาย ที่อ่านแล้วคุณต้องอยากพุ่งตัวออกไปซื้อมาทำอาหารทานทันที จะมีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

10 ประโยชน์ “เห็ดเข็มทอง”

1. ช่วยดักจับไขมันส่วนเกินในเลือด จึงช่วยลดน้ำหนักได้ และยังป้องกันโรคอ้วนได้อีกด้วย

2. ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

3. บำรุงผิวพรรณให้มีน้ำมีนวลขึ้น

4. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย

5. รักษาโรคตับ กระเพาะอาหาร และลำไส้เรื้อรัง

6. มีสารเฟรมมูลิน (Flammulin) ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

7. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย

8. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

9. บำรุงสมอง เสริมสร้างความจำให้ดีขึ้น

10. กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่ายกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซับสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่าเห็ดเข็มทองจะทำอาหารได้อร่อยทุกเมนู แต่อย่าลืมว่าเห็ดเข็มทอง ต้องล้างให้สะอาด ตัดรากออก และต้องทำให้สุกก่อนทานนะคะ อย่าเผลอทานดิบล่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/03/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,900.0032,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,066.0031,320.5632,500.00
ทองรูปพรรณ 90%1,859.4028,188.50n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,652.8025,056.45n/a
ทองรูปพรรณ 50%930.0014,098.80n/a
ทองรูปพรรณ 40%723.0010,960.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,141.0032,457.56n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/03/2566


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.3536.3537.4436.3536.3536.3536.3536.3536.3536.35
แก๊สโซฮอล์ 9136.0836.0837.1436.0836.0836.0836.0836.0836.0836.08
แก๊สโซฮอล์ E2034.0434.0434.8434.0434.0434.0434.0434.0434.04
แก๊สโซฮอล์ E8534.4934.4934.49
เบนซิน 9544.1644.2144.6644.3144.16
ดีเซล B733.4433.4434.2433.4433.4433.4433.4433.4433.4433.44
ดีเซล33.4433.4434.2433.4433.4433.4433.4433.4433.4433.44
ดีเซล B2033.4433.4434.2433.4433.4433.44
ดีเซลพรีเมี่ยม42.5642.6644.6443.7643.7642.56
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า