ลูกบ้าน‘แอชตัน อโศก’เดินหน้าสู้ยื่นศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่

ลูกบ้าน‘แอชตัน อโศก’เดินหน้าสู้ ยื่นศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ ก่อนหมดอายุความวันที่ 25 ต.ค.นี้ หลังไร้ความคืบหน้าจากอนันดา และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง คาดใช้ศาลใช้เวลาพิจารณา 1- 6 เดือน
กรณีโครงการคอนโดมิเนียมหรู “แอชตัน อโศก” ของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด เป็นคดีความยืดเยื้อมาหลายปีจากการถูกร้องเรียนเรื่องทางเข้า-ออกโครงการ ตามข้อกำหนดอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ รวมถึงการใช้ที่ดินของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กระทั่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ “เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง” เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 ล่าสุด นิติบุคคลอาคารชุด และ “ลูกบ้าน” โครงการ แอชตัน อโศก มอบหมายให้ นายพิสุทธิ์ รักวงษ์ และนางสาวเยาวลักษณ์ สุลีสถิระ จากสำนักงานกฎหมาย พิสุทธิ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัดในฐานะทนาย มายื่นคำร้องขอศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ ก่อนหมดอายุความวันที่ 25 ต.ค.นี้ หลังไร้ความคืบหน้าจากอนันดา และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง คาดใช้ศาลใช้เวลาพิจารณา 1- 6 เดือน
พิสุทธิ์ รักวงษ์ และ เยาวลักษณ์ สุลีสถิระ จากสำนักงานกฎหมาย บริษัท พิสุทธิ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด ในฐานะทนายความนิติบุคคล และลูกบ้าน คอนโด แอชตัน อโศก กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องขอศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ มีประเด็นดังต่อไปนี้ ประเด็นที่ 1 วัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนจาก พ.ร.ฎ. 2 ฉบับ ได้แก่
พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน พ.ศ. 2538 ระบุวัตถุประสงค์ในการเวนคืนว่า “เพื่อสร้างทางพิเศษตามโครงการรถไฟฟ้ามหานครระยะแรก”
พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน (ฉบับที่2) พ.ศ. 2539 (เป็นฉบับที่ออกมาเพื่อแก้ไข ฉบับปี พ.ศ. 2538 ในส่วนเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่เวนคืนไม่ได้ระบุเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการเวนคืน
โดยเหตุผลในการขอพิจารณาคดีใหม่ มี พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนที่ดินที่เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บริเวณโครงการแอชตัน อโศก ทั้งสิ้น 9 ฉบับ ซึ่งแต่ละฉบับได้ระบุถึงวัตถุประสงค์ของการเวนคืนไว้
เจ้าของร่วมเห็นว่าการพิจารณาวัตถุประสงค์ของการกำหนดเขตที่ดินที่เวนคืนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจึงต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาทุกฉบับซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินประกอบกัน
พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็น พ.ร.ฎ. ฉบับล่าสุดเกี่ยวกับการเวนคืนที่ดินสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ระบุวัตถุประสงค์ว่า “เพื่อสร้างหรือจัดให้มีการขนส่งโดยรถไฟฟ้าและที่จอดรถสำหรับผู้โดยสาร ตลอดจนธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้า และธุรกิจอื่นเพื่อประโยชน์แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และประชาชนในการใช้บริการกิจการรถไฟฟ้า”
การที่ รฟม.อนุญาตให้ใช้ที่ดินเป็นทางเข้า-ออกโครงการโดยได้รับการตอบแทนเป็นอาคารจอดรถพร้อมพื้นที่ใช้สอยเป็นการ “จัดให้มีสถานที่จอดรถ” ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของ “กิจการรถไฟฟ้า” ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการเก็บค่าบริการจอดรถให้กับ รฟม. โดยที่ รฟม. ไม่ได้สูญเสียประโยชน์ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน
ประเด็นที่ 2 อำนาจ รฟม. ศาลปกครอง ชี้ว่า รฟม. ไม่มีอำนาจนำที่ดินที่ได้จากการเวนคืนมาอนุญาตให้ใช้เป็นทางเข้าออกโครงการ ซึ่ง เหตุผลในการขอพิจารณาคดีใหม่ หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา รฟม. ได้แก้ไขปรับปรุงทางเข้า-ออก โครงการแอชตัน อโศก โดยใช้ประโยชน์ให้เป็นทางเข้า-ออก ที่จอดรถของ รฟม. เพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชน อันเป็นการใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนแล้ว รฟม.จึงน่าจะอนุญาตให้ใช้ที่ดินดังกล่าว เป็นทางผ่านเข้า-ออกโครงการแอชตัน อโศก เพิ่มเติมจากการใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนได้

จากการที่เจ้าของร่วมใช้ทางเข้า-ออก โครงการเป็นประจำทุกวัน เจ้าของร่วมเชื่อว่า รฟม. ได้ใช้บริเวณพื้นที่ใต้ดินของทางเข้า-ออกดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุขุมวิทที่ประกอบไปด้วยอาคารสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและระบบรางรถไฟฟ้าใต้ดินอันเป็นกิจการรถไฟฟ้าซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนแล้ว ดังนั้น การอนุญาตให้ที่ดินดังกล่าว เป็นทางผ่านเข้า-ออกโครงการแอชตัน อโศกร่วมกับการใช้เป็นทางเข้า-ออก ที่จอดรถของ รฟม. จึงไม่ได้กระทบต่อวัตถุประสงค์การเวนคืน และไม่ได้เป็นการใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์แก่โครงการแอชตัน อโศก เท่านั้น
ในประเด็นนี้นิติบุคคลจะขอให้ศาลออกตรวจสถานที่พิพาทและมีคำสั่งให้ รฟม.จัดส่งแผนผังและระบบงานใต้ดินเพื่อประกอบการแสวงหาข้อเท็จจริงของศาลด้วย ซึ่งหาก รฟม.ได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ใต้ดินทางเข้า-ออก ดังกล่าวจะทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปได้ แม้ศาลปกครองจะเห็นว่าการใช้ที่ดินเป็นทางเข้า-ออก โครงการยังคงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน แต่เมื่อหลักการที่รัฐต้องใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนมุ่งหมายที่จะคุ้มครองเจ้าของที่ดินเดิมหรือทายาท (กำหนดให้มีสิทธิขอคืนที่ดินที่ไม่ได้ใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนได้) แต่ปรากฏว่าพ้นกำหนดเวลาที่เจ้าของที่ดินเดิมหรือทายาทจะขอคืนที่ดินแล้ว ที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์เด็ดขาดของ รฟม. ดังนั้น รฟม.จึงอนุญาตให้ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางเข้า-ออกโครงการได้
“เราได้ทำการศึกษาข้อมูลแล้วว่าหากได้รับการพิจารณาคดีใหม่ในคดีแอชตัน อโศก จะมีเหตุอะไรที่สามารถให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ จึงได้ดูข้ออื่่นประกอบด้วย ข้อเท็จจริง หรือหลักฐานใหม่ ที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้”
ทั้งนี้ ลูกบ้านแอชตัน อโศก ได้ไปติดต่อขอข้อมูลจาก รฟม. เพื่อมาประกอบเพราะมีความเชื่อว่าที่ดินตรงหน้าโครงการแอชตัน อโศก น่าจะใช้เป็นงานโครงสร้าง หรือ งานระบบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิท การตีความจากคำพิพากษาว่าไม่ได้มีการกล่าวถึงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ใต้ดินบริเวณนั้น เบื้องต้นทาง รฟม.ให้ข้อมูลว่าน่าจะมีข้อมูลแต่ขอตรวจสอบก่อน
ทั้งนี้ ทีมทนายเห็นว่า ระยะเวลาในการขอพิจารณาคดีใหม่กำลังจะครบในวันที่ 25 ต.ค. นี้ แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลจากทาง รฟม. ดังนั้นการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ในคดี แอชตัน อโศก วานนี้ (19 ต.ค.) จึงเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะใกล้จะหมดเวลาแล้ว จึงต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้ก่อนเพื่อรักษาสิทธิ
“เพราะหากมีการใช้สิทธิประโยชน์ใต้ดินของ รฟม. จริง เท่ากับว่า ได้ใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนแล้ว แค่มาให้ทางโครงการแอชตัน อโศก ใช้ทางออกร่วม ซึ่งประเด็นนี้ไม่เคยถูกหยิบยกมาใช้ในการพิจารณาคดีแอชตัน อโศก ที่ผ่านมา เป็นประเด็นแรก”
ทีมทนายยังได้ศึกษาข้อมูลโครงการอื่นที่ใช้ทางเข้าออกของ รฟม. เหมือนกันพบว่า ทุกโครงการ รฟม.จะมีข้อสงวนสิทธิ์ว่า รฟม. สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขทางเข้าออกได้ ซึ่งครั้งที่แล้วศาลปกครองระบุว่าถ้ามีเงื่อนไขว่าเปลี่ยนแปลงได้ตลอดทางเข้าออกนี้ ไม่มั่นคงถาวร แต่จากการตรวจสอบทุกโครงการจากข้อมูลที่หาได้ที่เปิดเผยในเว็บไซต์สาธารณะ มีตัวอย่าง 2-3 โครงการที่อยากเสนอให้ศาลเห็นว่า ถ้าโครงการแอชตัน อโศก เกิดติดขัดไม่สามารถใช้ทางเข้าออกได้ด้วยเหตุผลที่ศาลระบุว่า “ไม่ใช่” ทางถาวร รฟม. สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขทางเข้าออกได้ตลอดนั้น โครงการอื่นก็เป็นเหมือนกัน
ทางลูกบ้านอยากนำเสนอให้ศาลเห็นว่า เจตนาที่แท้จริงของ รฟม.การที่อนุญาตหลายโครงการไม่เฉพาะ แอชตัน อโศก ไม่น่าจะเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะอนันดาเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รอบโครงการสถานีรถไฟฟ้ามากกว่า และการที่ รฟม. ออกใบอนุญาตในลักษณะนี้ให้ทุกคนแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงจะไม่ให้ทางเข้าออก ถือว่าเป็นหลักฐานใหม่! ซึ่งในคดีเดิมไม่มีการนำเสนอเอาไว้ว่า มีอีกหลายโครงการที่มีการอนุญาตในลักษณะเงื่อนไขเดียวกัน
ล่าสุด รฟม. ได้มีการปรับพื้นที่ให้มีการเข้าออกที่จอดรถอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทางลูกบ้านมองว่า ต่อให้ศาลมองว่าช่วงเวลาหนึ่งที่มีการปิดทางเข้าออกตรงนั้นให้อนันดาใช้ในการก่อสร้าง แต่ปัจจุบันหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษา รฟม. ได้ทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว จึงน่าจะถือว่าเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ ถือว่าได้ใช้ที่ดินตรงตามวัตถุประสงค์ แห่งการเวนคืนแล้ว
เยาวลักษณ์ ระบุว่า หากไปดูกฎหมายแห่งการเวนคืนจะคุ้มครองเจ้าของที่ดินเดิม หรือ ทายาท ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐเวนคืนมา แล้วนำที่ดินไปใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ คนที่จะขอที่ดินเดิมได้ต้องเป็นเจ้าของที่ดินเดิม หรือทายาท มีระยะเวลาตามกฎหมาย คือ ไม่เกิน 2 ปี นับจากที่เวนคืนไป
ซึ่งตรงนี้ “เราพยายามแสดงให้ศาลเห็นว่า เลยระยะเวลาในการคุ้มครองที่ดินเดิมแล้ว ต่อให้ศาลมองว่าไม่ถูกต้อง ต้องแก้ให้ได้ แต่อยากนำเสนอให้ศาลเห็นว่า คนที่กฎหมายคุ้มครองหมดสิทธิ์ที่จะขอเวนคืนแล้ว”
ดังนั้น อยากให้ศาลพิจารณาในแง่ของการที่ปัจจุบันได้แก้ไขพื้นที่ตรงจุดประสงค์การเวนคืนพื้นที่แล้ว เพื่อนำมาใช้เป็นทางออกร่วมกัน อยากให้ศาลใช้ดุลยพินิจทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งมีหลายเหตุผลประกอบกันในการยื่นคำร้องศาลปกครองพิจารณาคดีแอชตัน อโศกใหม่
“หลังจากยื่นศาลจะพิจารณาก่อนว่าจะรับไว้พิจารณาคดีใหม่หรือไม่ ซึ่งระยะเวลาขึ้นอยู่กับศาลพิจารณาแต่ละคดีไม่เท่ากันจากประสบการณ์เร็วสุด 1 เดือนไปจนถึง 6 เดือน”
ธนา เตรัตนชัย กรรมการนิติบุคคลแอชตัน อโศก กล่าวว่า เหตุผลที่มายื่นคำร้องศาลปกครองพิจารณาคดี “แอชตัน อโศก” ใหม่ เพราะนิติบุคคลและเจ้าของร่วม (ลูกบ้าน) เห็นว่า แม้ว่าหน่วยงานต่างๆ จะออกมาระบุว่าอยู่ระหว่างการแก้ไข
“แต่ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนจึงไม่อยากอยู่นิ่งเฉย เพราะตอนนี้ สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลย คือ ลูกบ้านได้รับความเดือดร้อน เสียหาย ไม่มีใครกล้าซื้อต่อ รีไฟแนนซ์ไม่ได้”
ทางนิติบุคคลและเจ้าของร่วม (ลูกบ้าน) จึงพร้อมที่จะสู้! โดยใช้สิทธิที่มีอยู่ตามกฏหมายที่เปิดช่องให้ดำเนินการ เพื่อขอความเมตตาจากศาลพิจารณาคดีใหม่ ก่อนหมดอายุความภายใน 90 วัน ซึ่งก็คือวันที่ 25 ต.ค.นี้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เอสซี แอสเสทลุยคอนโด“โค้บบ์” เกษตร-ศรีปทุมจับคนรุ่นใหม่

เอสซี แอสเสท สานต่อความสำเร็จคอนโดแบรนด์“ โค้บบ์” โครงการสองมูลค่า1,600 ล้านเน้นดีไซน์ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ชูจุดแข็งทำเลเด่น Double Campus 0 เมตร จาก BTS สถานีบางบัว สายสีเขียวต่อเดียวถึง อโศก-สยาม ติดถนนพหลโยธิน ใกล้มหาวิทยาลัยราคาเริ่ม 2.79 ล้าน
หลังจากที่เปิดตัว “COBE” (โค้บบ์) คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ นำร่องโดย COBE รัชดา-พระราม9 ใกล้ MRT ศูนย์วัฒนธรรม ดึงนักแสดง นักร้องหนุ่ม “พีพี- กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” เป็นพรีเซนเตอร์สื่อถึงคนรุ่นใหม่ ล่าสุด SC Asset ต่อยอดความสำเร็จด้วยการส่ง “COBE เกษตร-ศรีปทุม” ภายใต้แนวคิดการออกแบบ Above the CLOUD มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท
นางกนกอร หลิมกำเนิด หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวสูง บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้นำการเป็น Living Solutions Provider คุณภาพสูง เปิดเผยว่า จากการบุกตลาดคอนโดมิเนียมด้วยแบรนด์ใหม่ “COBE” (โค้บบ์) ที่เปิดตัวโครงการแรกไปบนทำเลย่านรัชดา-พระราม 9 ใกล้ MRT ศูนย์วัฒนธรรม ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำยอดขายทะลุ 65%
เพื่อสานต่อความสำเร็จ SC Asset ได้เปิดตัวอีกหนึ่งโครงการ “COBE เกษตร-ศรีปทุม” โครงการที่สองของการอยู่อาศัยแบบฉบับ COBE | CO-BEING COMMUNITY เพื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอิสระทางความคิด ได้เปิดรับโอกาสใหม่ๆ “Live in a Community of Opportunities” เน้นการดีไซน์และการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับกิจกรรมใน Community เพื่อประสบการณ์การพักอาศัยที่ดีขึ้น ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่หลากหลายในที่เดียวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันตลอด 24 ชั่วโมง
โครงการ COBE เกษตร-ศรีปทุม เน้นการออกแบบดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางเพื่อคนเมือง ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของคอมมูนิตี้แห่งนี้ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “ก้อนเมฆ” ถูกนำมาตีความใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Above the cloud” ผ่าน สี รูปทรง เส้นโค้งที่ถูกนำมาลดทอนให้เรียบง่าย สีขาวของก้อนเมฆ ตัดกับเฉดสีของท้องฟ้าในช่วงเวลาต่างๆ ถ่ายทอดความรู้สึกผ่อนคลาย เบาสบาย เป็นอิสระ พร้อมเปิดรับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆได้เสมอ
“เกษตร-ศรีปทุม” ทำเลศักยภาพที่เป็นไฮไลต์สำคัญของโครงการ “COBE เกษตร-ศรีปทุม” คอนโดฯใหม่ ติดถนนพหลโยธิน ติดสถานี BTS สะดวกสบายในการเดินทางที่มีให้เลือกหลากหลาย เชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้ถึง 4 สาย ที่ทำให้ทุกการเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น อาทิ 0 เมตร จาก BTS สถานีบางบัว รถไฟฟ้าสายสีเขียว ต่อเดียวถึงอารีย์-สยาม-อโศก ไปได้ทุกที่ตามไลฟ์สไตล์ รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ที่จะเปิดให้บริการในปลายปี 2566 นี้ รถไฟฟ้า SRT สายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงินในอนาคตยังมี รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) ที่จะเติมเต็มการเดินทางให้สะดวกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ทำเล“เกษตร-ศรีปทุม” ยังมีจุดแข็งที่เป็นต่อ DOUBLE CAMPUS ใกล้สถาบันการศึกษาทั้งโรงเรียนและใกล้ 2 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ถือว่ามีความชัดเจนด้านดีมานด์นั่นถือเป็นโอกาสที่จะซื้อเพื่อการลงทุนสำหรับปล่อยเช่าให้กับนิสิตนักศึกษา ซึ่งคาดการณ์ผลตอบแทน(Yield) อยู่ที่ 4.5 – 6% ประกอบกับในโซนดังกล่าวยังเหมาะกับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเพราะใกล้แหล่งงานทั้งจากโซนลาดพร้าว, รัชโยธิน, แจ้งวัฒนะ เป็นต้น สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถไฟฟ้า
COBE เกษตร-ศรีปทุม ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 2 ไร่กว่า พัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องชุดเพื่อพักอาศัย 396 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 1 ยูนิต รวมทั้งมีอาคารเพื่อการพาณิชย์สูง 2 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 4 ยูนิต มีจำนวนที่จอดรถ 145 คัน รูปแบบห้องมีตั้งแต่ Studio ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23 – 26 ตารางเมตร(ตร.ม) ,แบบ 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม. ไปจนถึงแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 46 ตร.ม.
และยังมีห้องเพดานสูงขนาด 23 – 46 ตร.ม. อีกด้วย ทุกพื้นที่ทุกฟังก์ชันจัดสรรอย่างลงตัวรองรับการใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเองของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ตกแต่งมาให้ครบแบบ Fully Furnished ครบครันด้วย Facilities ตลอด 24 ชม. เปิด First Preview 20-23 ต.ค.นี้ ในงาน 20th Years Of Good Morning ณ ลาน Parc Paragon พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ แต่งครบเริ่ม 2.79 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 20ต.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.41 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sideway การปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10ปีสหรัฐส่งผลต่อบอนด์ยีลด์ไทยมีโอกาสเห็นแรงขายบอนด์และหุ้นไทยบ้าง จับตาโฟลว์ธุรกรรมทำกำไรทองคำอาจช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 20ต.ค. 2566 ที่ระดับ 36.41 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.47 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ในกรอบไม่ต่างจากช่วงก่อนหน้ามากนัก เนื่องจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเดินหน้าขายหุ้นไทยเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ไทย และทำให้ยังมีโอกาสเห็นแรงขายบอนด์ไทยได้บ้าง อย่างไรก็ดี หากราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากภาวะสงครามที่ยังคงร้อนแรงอยู่ ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำได้
เราคงมองว่า เงินบาทอาจมีโซนแนวต้านแถว 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ขณะเดียวกันโซนแนวรับอาจยังคงเป็นช่วง 36.30 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบตลาด โดยเราคงแนะนำให้ติดตามสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส อย่างใกล้ชิด รวมถึง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ
ทั้งนี้ อีกปัจจัยที่ควรติดตาม คือ ทิศทางเงินหยวนของจีน ซึ่งผันผวนไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของจีนและปัญหาหนี้ภาคอสังหาฯ โดยจะสะท้อนผ่านภาพรวมตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง ดังจะเห็นได้จากการที่ เงินหยวนมักจะอ่อนค่าลงในจังหวะที่ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง
เรายังคงมองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน สถานการณ์สงครามที่เสี่ยงทวีความรุนแรงและบานปลาย ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.30-36.60 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน (แกว่งตัวในช่วง 36.36-36.51 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินจากสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสที่ยังคงร้อนแรง
อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell (ช่วง 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า เฟดพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ได้ส่งผลให้ เงินดอลลาร์เผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ขณะเดียวกัน ราคาทองคำ ก็สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง แม้ว่าในจังหวะเดียวกัน เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นแรงของราคาน้ำมันดิบเพิ่มเติม
แม้ว่าประธานเฟดจะไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ทว่าประธานเฟดยังคงเน้นย้ำถึงความต้องการของเฟดที่จะควบคุมให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% และอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจมีความจำเป็นที่ต้องอยู่ในระดับสูงได้นาน ซึ่งมุมมองดังกล่าวของประธานเฟด
ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 5% กดดันบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของ Tesla ที่ออกมาแย่กว่าคาด ก็ส่งให้ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง -9.3% กดดันให้ โดยรวมดัชนี S&P500 ปรับตัวลงต่อเนื่อง -0.85%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลงกว่า -1.19% จากทั้งความกังวลสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสที่ยังคงร้อนแรง รวมถึง รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนฝั่งยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาด และความกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลักที่อาจอยู่ในระดับสูงได้นานขึ้นกว่าคาด ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้น SAP +5.1% หลังบริษัทเปิดเผยว่ารายได้กลุ่มธุรกิจ Cloud ยังโตได้ดี
ในฝั่งตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ตอกย้ำมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer) ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 5.00% ซึ่งเป็นระดับที่ก่อนหน้านี้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ไม่น่าจะปรับตัวขึ้นมาถึงหรือทะลุไปได้ไกล
และแม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ เราคงมองว่า นักลงทุนสามารถทยอย Buy on Dip ในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจาก Risk-Reward ของการถือบอนด์ระยะยาวในช่วงยีลด์สูงมีความคุ้มค่าและน่าสนใจอยู่มาก
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดไม่ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 106.3 จุด (กรอบ 106-106.6 จุด) อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดกังวลภาวะสงคราม ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นได้
ทว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงได้แรงหนุนจากความต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดกังวลภาวะสงคราม อีกทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนต่อการขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟดก็มีส่วนช่วยหนุนให้ราคาทองคำทยอยปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,988 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษ อย่าง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ โดยหากยอดค้าปลีกชะลอลงแย่กว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจไม่สามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงช้าก็ตาม
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด หลังล่าสุดประธานเฟดก็ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ และส่งสัญญาณเพียงว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจอยู่ในระดับสูงได้นาน เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวกลับสู่เป้าหมายของเฟดได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงติดตามสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หรือ สงครามจะขยายวงกว้างจนกระทบทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“เฮนนิงสวาร์ สเตเดี้ยม” สนามฟุตบอลวิวสุดปังของโลก พร้อมไปเยือนได้ทุกฤดูกาล

เมื่อปี 2016 “Mirror” สื่อชื่อดังจากประเทศอังกฤษ ได้เสนอข่าว พร้อมกับยกให้ “เฮนนิงสวาร์ สเตเดี้ยม” เป็นสนามฟุบอลที่มีโลเคชั่นสวยงามที่สุดของโลกใบนี้
“เฮนนิงสวาร์ สเตเดี้ยม”(Henningsvær Stadion) เป็นสนามฟุตบอลที่ตั้งอยู่บนเกาะโลโฟเทน (Lofoten Island ) ซึ่งเป็นหมู่เกาะของประเทศนอร์เวย์
เอกลักษณ์ของสนามฟุตบอล “เฮนนิงสวาร์ สเตเดี้ยม” แห่งนี้ คือไม่มีที่นั่งสำหรับผู้ชม และใช้เล่นในฟุตบอลระดับสมัครเล่นเท่านั้น และสนามนี้ใช้หญ้าเทียม เนื่องจากมีข้อจำกัดในด้านสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการใช้หญ้าจริง เพราะเมื่อถึงหน้าหนาว ที่นี่มีอุณหภูมิที่ติดลบ และจะปกคลุมไปด้วยหิมะ
จากการที่ตั้งอยู่บนเกาะโลโฟเทน (Lofoten Island ) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆของชาวประมงโบราณมีชื่อเสียงด้านการตกปลา และการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่นี่รายล้อมไปด้วยภูเขาน้ำแข็ง และเป็นหนึ่งในเมืองที่ฮอตฮิตในการมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และที่าำคัญที่นี่ มีประชากรไม่เกิน 500 คน สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีในหลายหลายซีซั่น
ปัจจุบันสนามฟุตบอลบนเกาะแห่งนี้ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ หมู่บ้านชาวประมง ถูกดัดแปลงและสร้างโรงแรมที่พักมากขึ้น แต่ทางการนอร์เวย์ก็อนุญาตให้สร้างขึ้นในจำนวนจำกัด เพื่อต้องการเก็บความเป็นเอกลักษณ์บนเกาะแห่งนี้ให้ยั่งยืนไปตราบนานเท่านาน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
7 ท่านั่งอันตราย ปวดหลัง-ไหล่ไม่รู้จบ

นั่งทำงานเฉยๆ ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเพราะไม่ได้ใช้แรงงานอะไรที่หนักหน่วง แต่เชื่อหรือไม่ว่าการ “นั่งเฉยๆ” ในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ อันตรายไม่แพ้ผู้ใช้แรงอื่นๆ เลยทีเดียว ยิ่งใครที่เป็นหนักถึงขั้นต้องทำกายภาพบำบัดกันเป็นปีๆ เสียเงินเป็นหมื่นๆ ก็มี ท่านั่งอะไรที่ควรหลีกเลี่ยง มาดูกันค่ะ
ท่านั่งอันตราย ปวดหลัง-ไหล่ไม่รู้จบ
1. นั่งไขว่ห้าง
คิดว่าหลายคนน่าจะทราบกันดีกว่า ท่านั่งไขว่ห้างอาจทำให้เราดูบุคลิกดี แต่เมื่อเราลงน้ำหนักไปที่ขาและเท้าข้างใดข้างหนึ่ง บวกกับโลหิตบริเวณขาไหลเวียนได้ไม่ค่อนดี นอกจากจะเมื่อยหนักกว่าแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อสะโพก เอว หลัง ยาวไปถึงหลังศีรษะผิดรูป กล้ามเนื้อข้างกระดูกไม่สมดุล กระดูกชายโครงเกร็งรั้ง และอาจทำให้กระดูกสันหลังคดงอ เส้นประสาททำงานผิดปกติ จนไปถึงหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ที่โรคยอดฮิตของชาวออฟฟิศได้
2. นั่งหลังค่อม พุงแอ่น
นอกจากบุคลิกจะไม่ดีแล้ว การนั่งหลังค่อมยังทำให้กระดูกสันหลังงอ ยิ่งถ้าอยู่ท่าเดิมไปนานๆ โดนไม่ขยับเลย จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เกิดอาการคั่งของกรดแล็คติค จนมีอาการเมื่อยล้าตลอดเวลา และกระดูกคดงอผิดรูปถาวรได้
3. นั่งเบาะไม่เต็มก้น
ลองสังเกตดูดีๆ หลานคนนั่งแค่ครึ่งเบาะ หลังไม่พิงเบาะ จึงเป็นเหตุให้หลังค่อมโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ยังทำให้กล้าเนื้อหลังทำงานหนักมากขึ้น เพราะฐาน (ก้น) รับรองน้ำหนักที่ได้ไม่เต็มที่
4. นั่งขัดสมาธิ
สาวๆ หลายคนชอบเอาขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ การนั่งท่าขัดสมาธินานๆ อาจทำให้เป็นเหน็บชา เนื่องจากโลหิตไหวเวียนได้ไม่สะดวก และใครที่มีความเสี่ยง เช่น น้ำหนักตัวเยอะ อายุมากขึ้น หรือมีปัญหาเรื่องกระดูก การนั่งขัดสมาธินานๆ ยังอาจเป็นสาเหตุของอาการข้อเข่าเสื่อมได้
5. นั่งทับขาข้างใดข้างหนึ่ง
ประเภทที่ยกขาขึ้นมา แล้วเอาขาอีกข้างทับขา หรือเท้าของตัวเอง ทำให้โลหิตไหลเวียนไม่สะดวกเหมือนท่านั่งอื่นๆ นอกจากนี้ยังเสี่ยงอาการกระดูกสะโพก และกระดูกสันหลังคดงอได้เหมือนกับท่านั่งไขว่ห้างเช่นเดียว เพราะความไม่สมดุลขอขาทั้งสองข้างนั่นเอง
6. นั่งยกไหล่
หลายคนไม่ทันสังเกตตัวเองว่าเป็นคนที่นั่งยกไหล่อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา สาเหตุที่ยกไหล่โดยที่ไม่รู้ตัว เพราะตำแหน่งของเบาะเก้าอี้ และโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ไม่สัมพันธ์กัน อาจจะเบาะเก้าอี้ต่ำเกินไป หรือโต๊ะอยู่สูงเกินไป จึงทำให้เวลาพิมพ์งาน หรือใช้เม้าส์ ต้องยกไหล่ขึ้นมาเพื่อทำงานให้ถนัดมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุของอาการปวดไหล่ และปวดหลังเรื้อรังได้
7. นั่งพิมพ์คอมที่วางบนตัก
หากมีเหตุุฉุกเฉินที่ต้องนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คในขณะที่ไม่มีโต๊ะ หลายคนมักวางบนตักแล้วนั่งพิมพ์ และอาจจะนั่งอยู่ท่านั้นนานๆ หากสังเกตดีๆ การที่แป้นพิมพ์ และหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ต่ำเกินไป ทำให้เราก้มลงมองจอคอม จนอาจมีอาการปวดคอ ปวดหลังโดยไม่รู้ตัว
ท่านั่งเพื่อสุขภาพที่ดี บรรเทาอาการปวดเมื่อย
ควรนั่งด้วยท่านั่งธรรมดา ขาปล่อยตรงตามสบายทั้งสองข้าง หลังติดเบาะเก้าอี้ หากเก้าอี้มีที่วางแขนก็ควรใช้ ปรับความสูง-ต่ำของเก้าอี้ และโต๊ะทำงานให้ข้อมือ กับข้อศอกอยู่ในระนาบเดียวกัน ไหล่กับข้อศอกทำมุมฉาก 90 องศา
หากใครที่จำเป็นต้องนั่งทำงานนานๆ สิ่งที่อยากให้จำให้ขึ้นใจคือ ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ อย่านั่งนานๆ หรืออาจจะเปลี่ยนท่านั่งบ้างก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นท่าไขว่ห้าง หรือนั่งขัดสมาธิ คุณสามารถนั่งได้บ้าง แต่ต้องอย่านั่งท่าใดท่าหนึ่งนานๆ ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 15-20 นาที ยืดแขนยืดขา ลุกขึ้นเดินบ้าง ก็จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยบริเวณไหล่ หลัง แขน หรือขาได้อย่างง่ายๆ ค่ะ
ขอเสริมอีกนิด หากเราสวมเสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมง แต่รูปทรงสบายตัว ไม่บีบรัดขา สะโพก เอว หรือลำตัวมากเกินไป ก็จะทำให้เราเปลี่ยนอิริยาบถในการนั่งได้มากขึ้น ลดปัญหาปวดเมื่อยได้เช่นกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
30 สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอาหาร (Food Idioms)

30 สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอาหาร (FOOD IDIOMS)
เพื่อน ๆ เคยเป็นกันไหมคะเวลาดูหนัง ฟังเพลง หรือพูดคุยกับชาวต่างชาติแล้วได้ยินคำศัพท์หรือประโยคที่เกี่ยวกับอาหารหรือมีชื่ออาหารอยู่ แต่ฟังยังไงก็ยังไม่เข้าใจซะที หรือบางทีแปลได้แล้วแต่ก็เหมือนไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังพูดอยู่ นั่นเพราะเค้าไม่ได้หมายความตามที่พูด แต่ใช้ Food Idioms หรือสำนวนที่เกี่ยวกับอาหารแต่ไม่ได้หมายถึงอาหารในบทสนทนานั่นเอง!
วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช มีตัวอย่าง Food Idioms ที่ชาวต่างชาติมักใช้กันเป็นประจำมาฝาก ตามมาดูกันได้เลยว่ามีคำว่าอะไรบ้าง แล้วอย่าลืมนำไปลองใช้กันดูน้าาา
- A piece of cake = ง่ายมาก
- A hard nut to crack = เข้าใจยาก (มักใช้พูดถึงคนที่ดูลึกลับ)
- Apples and oranges = แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
- Apple of one’s eye = ผู้เป็นที่รัก, แก้วตาดวงใจ
- Bad egg = ตัวปัญหา
- Big cheese = คนสำคัญ (VIP)
- Bread and butter = รายได้หลัก, รายได้เลี้ยงชีพ
- Bring home the bacon = หาเลี้ยงครอบครัว
- Butter up = ประจบประแจง
- Cool as a cucumber = ใจเย็น, สุขุม
- Cream on the crop = คนเก่ง, หัวกะทิ
- Don’t cry over spilt milk = อย่ามัวแต่เสียใจในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
- Eat humble pie = ยอมรับผิด
- Egg someone on = การยุยงให้ใครบางคนทำอะไรบางอย่าง
- Full of beans = พลังเยอะเหลือล้น
- Have bigger fish to fry = มีงานที่สำคัญกว่าให้ทำ
- Icing on the cake = โชคสองชั้น
- In a nutshell = โดยสรุป, แบบคร่าว ๆ
- In the soup = ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
- Know your onions = รู้ลึก รู้จริงในเรื่องนั้น
- One smart cookie = คนเก่ง, ฉลาดมาก
- Pie in the sky = ฝันลม ๆ แล้ง ๆ, วาดวิมานกลางอากาศ
- Pull all of one’s eggs in one basket = เชื่อมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากไป
- Sell like hot cakes = ขายดิบขายดี
- Spice things up = ทำให้ตื่นเต้นมากขี้น
- Spill the beans = เปิดเผยความจริง, เผยความลับ
- Stew in one’s own juice = ถูกทิ้งให้แค้นใจและผิดหวังตามลำพัง
- To have a bun in the oven = ตั้งครรภ์
- Use your noodle = ใช้ความคิด
- Walk on the eggshells = ระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
AI กับวงการบันเทิง หรือวันหนึ่งเราจะไม่จำเป็นต้องใช้นักแสดงที่เป็นคน!

ต้องยอมรับว่าโลกยุคปี 2023 นี้ เป็นยุครุ่งเรืองของเทคโนโลยีที่ไร้ขีดจำกัดจริง ๆ โดยเฉพาะการมาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำให้โลกใบนี้ก้าวข้ามขีดจำกัดหลาย ๆ อย่างไปโดยสิ้นเชิง หากจะลองประมวลทุกสิ่งทุกอย่างที่ AI สามารถทำได้ในเวลานี้ เราก็คงพอจะเห็นเค้าลางแล้วว่าในอนาคตต่อจากนี้ คงจะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกยุคเทคโนโลยี
การเกิดขึ้นของเครื่องมือ AI หลายอย่างที่ใช้งานได้จริงและให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง แสดงให้เห็นว่า AI บนโลกยุคใหม่มีการพัฒนาที่รวดเร็วแบบก้าวกระโดด รวมถึงมีการทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถด้านวิชาชีพหรืออาชีพเฉพาะทางชนิดที่สามารถทำลายกรอบความคิดของบางอาชีพที่เคยเชื่อว่า “มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้” ไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ ยังทลายกรอบของจรรยาบรรณและศีลธรรมบางอย่างด้วย เมื่อมีการนำเอา AI มาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์กันมากขึ้น
เมื่อวงการบันเทิงก็โดน AI คุกคาม
จริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรที่จะใช้เทคโนโลยีในวงการบันเทิง ก่อนหน้าที่ AI จะเข้ามามีบทาบาทในอุตสาหกรรมบันเทิง เรามีเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกในการสร้างสรรค์ผลงานทั้งเกมคอมพิวเตอร์ การ์ตูน แอนิเมชัน รวมถึงสื่อภาพยนตร์/โทรทัศน์ เนื่องจากการสร้างสื่อเหล่านี้มักต้องมีการสร้างเอฟเฟกต์หรือองค์ประกอบในภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างสมจริง ต่อมาก็เริ่มมีหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่มนุษย์ในหลาย ๆ ภาคส่วน ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ธนาคาร ร้านอาหาร รวมถึงการใช้หุ่นยนต์แทน “นักแสดง”
ทุกวันนี้ในวงการบันเทิงมีการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างนักแสดงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนดูเหมือนว่า “นักแสดง” จะกลายเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ค่อย ๆ ถูกหุ่นยนต์จากเทคโนโลยี AI คุกคามจนถึงขั้นแย่งงาน ดังที่เราจะเห็นว่าทุกวันนี้มีนายแบบ/นางแบบที่สร้างจาก AI ทำงานอยู่เกลื่อนวงการ มีนักร้อง/ศิลปิน/ไอดอลจาก AI อย่างจริงจัง มีพิธีกร/ผู้ประกาศข่าวที่เป็น AI เช่นกัน
หรืออย่างล่าสุด คือการที่บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Walt Disney ได้มีการตั้งทีมพิเศษขึ้นเพื่อศึกษาเรื่องปัญญาประดิษฐ์และวิธีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับกลุ่มธุรกิจบันเทิง อย่างไรก็ตาม ด้วยผลที่จะตามมาในภายหลัง ทำให้นักเขียนบทและนักแสดงในวงการฮอลลีวูดออกมาต่อสู้เพื่อจำกัดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมบันเทิง เพราะมันจะเป็นภัยคุกคามต่อการจ้างงาน
และไม่ใช่แค่ Walt Disney เท่านั้น เพราะ Netflix เองก็ประกาศจ้างทีมงานใหม่เข้ามาดูแลระบบ AI โดยมีการเสนอรายได้สูงถึงปีละ 9 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30.8 ล้านบาท ซึ่ง AI ดังกล่าวจะถูกใช้เพื่อวางแผนและประเมินการลงทุน รวมถึงดูแลอัลกอริทึมแทนพนักงานที่เป็นมนุษย์ ทั้งนี้ทั้งนั้น Netflix ยืนยันว่า AI จะไม่เข้ามาแทนที่ในส่วนของกระบวนการที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่ทีมงานสตันต์แมนและนักแสดงของ Netflix ในฮอลลีวูด ก็ยังร่วมกันประท้วงหยุดงาน เพื่อเรียกร้องปัญหาค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม และต่อต้านการนำ AI เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง

เทคโนโลยี AI ถูกประยุกต์ใช้ในวงการบันเทิงอย่างไร
เนื่องจากมนุษย์เราพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาก็เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่ตัวเราไม่สามารถแก้ไขได้ หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานต่าง ๆ ทำให้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมบันเทิงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มขยับจากงานเบื้องหลังสู่งานเบื้องหน้า จากที่เรามักจะเห็นในภาพยนตร์ที่ใช้เทคโนโลยี “AI” และ “Deepfake” เข้ามาช่วยแต่งเติมรูปร่างหน้าตาของนักแสดงให้ออกมาตามต้องการ ด้วยหลาย ๆ กรณีไม่ได้ใช้นักแสดงตัวจริงมาแสดงโดยที่เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถเปลี่ยนหน้าตาของนักแสดงเป็นเด็กก็ได้ เป็นหนุ่มสาวก็ได้ หรือจะเป็นวัยชราก็ยังได้
หรืออาจจะเป็นการใช้เสียงของบุคคลหนึ่งพูดข้อความต่าง ๆ โดยที่บุคคลนั้นไม่จำเป็นต้องพูดข้อความนั้น ๆ ก็ได้ ซึ่งการใช้เทคโนโลยีที่มีความสามารถในการเรียนรู้มาช่วยเรียนรู้ จดจำ และถอดรูปแบบเสียงของนักแสดงคนหนึ่ง แล้วนำมาผ่านกระบวนการให้เปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดตามบท ทำให้เราสามารถสร้างนักแสดงตัวปลอมขึ้นมาโดยใช้หน้าและเสียงของนักแสดงจริงได้ ถ้าทำออกมาดี ๆ จะเห็นว่านักแสดงตัวปลอมที่สร้างขึ้นจาก AI นี้ มีลักษณะเหมือนบุคคลจริง ๆ จนแทบดูไม่ออกเลยทีเดียว
เมื่อวงการบันเทิงนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้งานมากขึ้น จะทำให้เราสามารถเห็นหรือได้ยินเสียงนักแสดงหลายคนที่เสียชีวิตไปแล้วหรือลาวงการไปแล้ว กลับมาโลดเล่นในบทเดิมได้ หรือนักแสดงคนเดียวสวมบทเป็นตัวละครในวัยต่าง ๆ โดยที่เราเห็นนั้นจะเป็นหุ่นยนต์ตัวปลอมที่ใส่หน้าและเสียงที่มีการดัดแปลงให้เป็นวัยต่าง ๆ ของนักแสดงคนนั้น ๆ ได้ และที่สำคัญ คือการลดต้นทุนการผลิตจากค่าตัวนักแสดงได้ด้วย เพียงแค่ซื้อลิขสิทธิ์เสียงและหน้าตาของนักแสดงคนนั้นมาปรากฏตัว โดยที่เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องมาถ่ายทำแต่อย่างใด
นอกจากที่เราต้องนั่งดูตัวละครในละครหรือในภาพยนตร์แบบที่ไม่ใช่คนจริง ๆ แล้ว อีกปัญหาที่ตามมาก็คือ มันจะมีขอบเขตที่ตรงไหน หากอุตสาหกรรมบันเทิงจะนำเอาใบหน้าและเสียงของคนคนหนึ่งมาใช้ร่วมกันกับเทคโนโลยีเพื่อหากินตลอด โดยที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวว่าใบหน้าและเสียงของตนเองถูกนำมาใช้ซ้ำ หรืออาจไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว และที่สำคัญก็คือ เอาใบหน้าและเสียงของเขาไปใช้เชิงพาณิชย์โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ค่าจ้างใด ๆ
เมื่อการใช้เทคโนโลยีแทนคนแสดง เกิดปัญหาในเชิงจรรยาบรรณและศีลธรรม
จากประเด็นนี้ ทำให้เหล่านักแสดงจำนวนหนึ่งออกมาเคลื่อนไหว เนื่องจากมันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาเลย หากอุตสาหกรรมบันเทิงจะสามารถใช้เทคโนโลยี AI สร้างใบหน้าและเสียงเลียนแบบนักแสดง โดยที่ทางนายจ้างจะได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ใบหน้าและเสียงนั้นตลอดไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายค่านักแสดงเพิ่ม เมื่อมีการถ่ายทำละครหรือภาพยนตร์เรื่องใหม่ ก็นำเอาใบหน้าและเสียงนั้นมาผ่านกระบวนการสร้างเป็นนักแสดงขึ้นมา ซึ่งมันเป็นการหากินจากใบหน้าของนักแสดงได้โดยไม่รู้จบ โดยที่นักแสดงคนนั้นได้ค่าตอบแทนเพียงครั้งเดียวจบ
คำถามคือ ในเมื่อเทคโนโลยีสามารถสร้างนักแสดงคนหนึ่งขึ้นมาได้เช่นนี้ แล้วอาชีพนักแสดงในอนาคตจะยังมีพื้นที่เหลือให้มนุษย์อยู่หรือไม่ นี่คือสิ่งที่น่าขบคิด ในเมื่อเทคโนโลยีสามารถสร้างตัวตนเสมือนทดแทนนักแสดงได้จริง ๆ ได้ คนที่ประกอบอาชีพนักแสดงก็อาจจะไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นอีกต่อไปแล้วก็ได้
อย่างไรก็ตาม หากจะพูดกันจริง ๆ ในทุกวันนี้ การผลิตสื่อบันเทิงก็ยังจำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของนักแสดงเป็นหลักอยู่ ด้วยการแสดงจำเป็นต้องมีการตีความบทละครออกมาให้สมบทบาท ซึ่งมันยังจำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะทางการแสดงของนักแสดงในการถ่ายทอดออกมาอยู่ เพื่อให้ละครหรือภาพยนตร์มีมิติและสมบูรณ์แบบมากขึ้น ในส่วนนี้ยังมั่นใจได้ว่ามันเป็นศิลปะชั้นสูงที่ AI ยังทำไม่ได้
นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วงการบันเทิงยังจำเป็นต้องใช้นักแสดงจริง ซึ่งมันก็คือตัวตน ชื่อเสียง และภาพลักษณ์ประจำตัวของนักแสดง นักแสดงทั้งหลายล้วนมีแฟนคลับ และตัวตนของนักแสดงก็ยังคงเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนและสร้างความนิยมให้กับตัวนักแสดงเอง ที่ต่อให้วงการบันเทิงจะสร้างนักแสดงเสมือนขึ้นมาแบบที่คัดลอกทุกอย่างจากตัวจริงไป แต่ความนิยมที่เกิดจากตัวตนของมนุษย์ก็ยังลอกเลียนแบบกันได้ยาก ตัวเสมือนที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีไม่มีทางจะมาแทนที่ตัวจริงที่เป็นต้นฉบับได้ ถ้าละครหรือภาพยนตร์ต้องการขายความนิยมของนักแสดง ก็จำเป็นต้องมีนักแสดงคนนั้น ๆ จริง ๆ
แต่ตรรกะดังกล่าวอาจใช้ไม่ได้กับ “นักแสดงประกอบ” เพราะในวันที่อุตสาหกรรมบันเทิงสามารถใช้เทคโนโลยีแทนนักแสดงได้ “นักแสดงตัวประกอบ” จะกลายเป็นองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นต้องใช้คนจริง ๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะนักแสดงประกอบไม่ได้ออกกล้องโดดเด่นเท่านักแสดงหลัก และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องแสดงความสามารถทางการแสดงใด ๆ ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ด้วย เพราะเป็นบทประกอบที่บางทีก็แค่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น รวมถึงนักแสดงประกอบหลายคนไม่ได้เป็นที่รู้จักถึงขั้นที่ผู้สร้างต้องเรียกตัวจริงมาใช้งาน เพื่อสร้างความนิยมให้มีคนดูมาติดตาม
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงแล้วเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประเด็นขนาดย่อม ๆ ในโซเชียลมีเดีย ที่เอ่ยถึงค่ายหนังใหญ่ระดับโลกอย่าง Disney ที่ใช้เทคโนโลยี AI สร้างคนขึ้นมาเป็นนักแสดงประกอบอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่การใช้ AI เป็นนักแสดงสมทบแทนคนจริง ๆ ดังกล่าวก็ถูกจับโป๊ะอย่างง่ายดาย ใคร ๆ ที่ได้ชมก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เนียนเป็นอย่างมาก สามารถดูออกได้ตั้งแต่แว่บแรก และหลายต่อหลายคนก็บอกว่ามันออกจะน่ากลัวและหลอนพอสมควร
หรือก่อนหน้านี้ ก็เคยมีนักแสดงประกอบฉากจากซีรีส์เรื่อง Wanda Vision ที่ออกมาเผยว่าเธอโดน Disney สแกนหน้าและร่างกายเพื่อนำไปใช้สร้างตัวเธอในรูปแบบดิจิทัลโดยที่เธอไม่ได้รับค่าตอบแทน และไม่ทราบเลยว่า Disney จะนำสแกนร่างกายของเธอไปใช้ทำอะไรบ้าง ซึ่งถ้า Disney สร้างเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าในผลงานใหม่ ๆ อย่างไม่รู้จบ มันจะมีผลกระทบต่อคนที่ทำอาชีพนักแสดงประกอบอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาจะไม่ได้รับค่าตอบแทนอะไรเลย
ปัจจุบัน ในวงการบันเทิงมีการสแกนดิจิทัลรูปร่างหน้าตาของนักแสดงประกอบเพื่อมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น หลายแห่งไม่จ่ายค่าจ้างหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหน้าตาตัวจริงเลยด้วยซ้ำ บทบาทของ AI ที่สามารถเนรมิตอะไรขึ้นมาบนหน้าจอก็ได้ โดยเฉพาะการใช้ใบหน้าและเสียงของคนที่มีตัวตนจริง ๆ มาใช้ในเชิงพาณิชย์โดยที่เจ้าตัวไม่ได้อะไรเลย แถมยังเป็นการละเมิดสิทธิในอัตลักษณ์บุคคลด้วย จนหลายคนก็เริ่มตั้งคำถามถึงจรรยาบรรณในการทำงานและศีลธรรมที่สร้างความไม่เป็นธรรมให้แก่นักแสดงตัวประกอบ
เพราะจากที่เมื่อก่อน จำเป็นต้องจ้างนักแสดงประกอบเพื่อเข้าฉาก แต่ทุกวันนี้กลายเป็นว่าเรียกนักแสดงประกอบมาสแกนร่างกายทั้งตัวแล้วให้ค่าจ้างเพียงแค่ 1 คิวเท่านั้น โดยที่สตูดิโอสามารถนำอัตลักษณ์บุคคล (personal identity) ไปใช้หาผลประโยชน์ได้ไม่จำกัดจนเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นกับเจ้าของอัตลักษณ์บุคคล คำถามต่อมาคือ ถ้าในวันที่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปมากกว่านี้อีกขั้น วันที่ AI สามารถสร้างตัวตนที่เป็นต้นฉบับของตัวเอง พัฒนาจนมีความสามารถทางการแสดงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ซึ่งแม้จะไม่เทียบเท่า แต่ก็ทำให้มนุษย์หลงใหลได้ ต่อไปเราอาจไม่จำเป็นต้องมีนักแสดงที่เป็นคนจริง ๆ แล้วก็เป็นได้นะ
และที่สำคัญ มันทำให้เราเห็นว่า AI ที่ว่าน่ากลัว จริง ๆ “คนที่ใช้ประโยชน์จาก AI อย่างเห็นแก่ตัว” นั้นน่ากลัวกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
BCI Equinox in Bangkok 2023 กับนวัตกรรมเทคโนโลยีวัสดุก่อสร้าง

กลับมาอีกครั้งกับชุดนิทรรศการแสดงสินค้ารูปแบบ บูทีคค็อกเทล ที่จัดขึ้นทั่วเอเชีย ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ภายใต้งาน บีซีไอ อีควิน็อกซ์ ที่ห่างหายไป ณ ช่วงสถานการณ์โควิด 19 สำหรับประเทศไทยปี 2566 นี้ที่ BCI Equinox เรามีนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเข้าร่วมจัดแสดงสินค้ามากมายกว่า 16 บริษัท มุ่งเน้นให้เกิดความร่วมมือและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านผลิตภัณฑ์กับผู้ที่สนใจร่วมงานทั้งฝ่ายโครงการ สถาปนิก นักออกแบบ อินทีเรีย วิศวกร ผู้รับเหมาและที่เกี่ยวข้องมากมาย ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างในประเทศ
โดย BCI Equinox in Bangkok 2023 ครั้งนี้ทางผู้จัดฯ ได้รับเกียรติจาก คุณสรรพฤทธิ์ ปัจจะ กรรมการบริหาร บริษัท พี 49 ดีไซน์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด (P49 Deesign & Associates) ให้เกียรติมาร่วมบอกเล่าประสบการณ์การออกแบบและแบ่งปันความรู้ในหัวข้อ ” ” Old is Gold เก่าคือทอง – เน้นอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าออกแบบให้ทันสมัย ตอบสนองต่อสภาพอากาศ และยังคงใช้ได้ดีในปัจจุบัน” จากแนวคิดของโครงการ 137 Pillars House Chiang Mai ที่มีอายุการสร้างยาวนานนับตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 4 นำมารังสรรค์ให้เป็นที่พักแบบ Small Luxury Hotels ที่มีคุณค่าในปัจจุบัน

อีกทั้งภายในงานยังมีนวัตกรรมจากเครื่องทำน้ำแข็ง NT ICEPRO นำโดยคุณพิศพักตร์ สีหพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็นที ไอซ์โปร จำกัด ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมจากบริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด (Dow Chemical) นำโดยคุณพีรพล จิรายุเจริญศักดิ์, Associate TS&D Scientist นวัตกรรมอลูมิเนียมอาคารชั้นนำของโลกจากเทคนัล ประเทศไทย (Technal) โดยคุณพันธวัจน์ เย็นมั่นคง, Country Manager ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ Luxury จาก วิลเลรอย แอนด์ บอค (Villeroy & Boch) หนึ่งในแบรนด์เซรามิกระดับพรีเมียมแนวหน้าของโลกโดยคุณเจธีรา วงศรี, Sales Manager ผลิตภัณฑ์ไม้จริงแปรรูปจากบริษัท ชาเล่ต์ ฟอร์เรส จำกัด โดยคุณคมวิทย์ บุญธำรงกิจ ประธานกรรมการบริหาร และ Mr. Niel Walker, Partner มาร่วมให้ความรู้บนเวที นอกจากนี้ยังมีสินค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆมากมายจากสีฝุ่น interpon จาก Akzo Nobel Paints (Thailand), GOLDMORIC ผู้ผลิตเฟอรนิเจอร์ตามที่ท่านต้องการ, Eastman Chemical ผู้ผลิตกระจกและนวัตกรรมฟิล์มกระจกที่มีประสิทธิภาพ, Vulcan Technology อุปกรณ์และระบบควบคุมการเข้า – ออกในอาคารและเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง, Sangetsu Goodrich วัสดุตกแต่งภายใน วอลเปเปอร์ พรม ผ้า และพื้นไม้ที่มีคุณภาพ, KuDos อุปกรณ์ในห้องน้ำคุณภาพสูง, Vongchai (VCON) ผู้ผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปด้วยเทคนิคการผลิตขั้นสูง, SYSLINK TECHNOLOGY ระบบบ้านและอาคารอัจฉริยะ, Dornbracht Group ผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำที่มีคุณภาพทั้งดีไซน์และวัสดุที่ใช้, Futuretech Intermarketing อุปกรณ์ที่ใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์มีให้เลือกมากมาย และ Workscape นวัตกรรมห้องประชุมเก็บเสียงเคลื่อนที่ ที่ได้เข้าร่วมแจกรางวัลมากมายในทุกช่วงรายการ
BCI Central ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้ความสนใจ และสละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานของเรา และที่ขาดไม่ได้ต้องขอขอบคุณทีมงานและผู้สนับสนุนงานทุกท่านที่มีส่วนทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/10/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,950.00 | 34,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,199.00 | 33,336.84 | 34,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,979.10 | 30,003.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,759.20 | 26,669.47 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 990.00 | 15,008.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 770.00 | 11,673.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,279.00 | 34,549.64 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/10/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.85 | 37.85 | 38.35 | 37.85 | 38.15 | 37.85 | 37.85 | 37.85 | 37.85 | 37.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.58 | 37.58 | 38.08 | 37.58 | 37.88 | 37.58 | 37.58 | 37.58 | 37.58 | 37.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.54 | 35.54 | 36.04 | 35.54 | 35.84 | – | 35.54 | 35.54 | 35.54 | 35.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.69 | 35.69 | – | – | – | – | – | – | – | 35.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.04 | 48.84 | 49.54 | 48.84 | – | – | – | – | – | 44.04 |
เบนซิน 95 | 45.64 | – | – | – | 47.11 | – | 46.14 | 45.79 | – | 45.64 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 40.84 | 42.94 | 48.44 | 42.94 | 42.24 | – | – | – | – | 40.84 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |