อีอีซีบูมออริจิ้นรุกเจาะลูกค้าองค์กร พร้อมเสิร์ฟคอนโด-โรงแรม-คลังสินค้า
- ภาพรวมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ครึ่งแรกปี 2567 มีจำนวน 562 โครงการ เพิ่มขึ้น 92% (yoy) คิดเป็นมูลค่า 179,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%
- จาก 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
- จำแนกเป็นสัญชาติเป็น จีน ไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตามอันดับ
อภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า พื้นที่อีอีซีเป็นเขตเศรษฐกิจระดับท็อปของประเทศ ดังนั้นช่วง 15 ปี บริษัทพัฒนาโครงการ 33 แห่ง มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท ขึ้นแท่นเบอร์1 ในตลาดอีอีซี
“เศรษฐกิจกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังเผชิญวิกฤติมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงปรับกลยุทธ์ Origin EEC Empowered ด้วยการรวมสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในเครือมาเชื่อมโยงเป็นอีโคซิสเท็ม และส่งมอบโซลูชั่นบริการแก่ลูกค้าองค์กร”
โดยผนึก 5 บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ,บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) บริษัท ออริจิ้น โฮเทล จำกัด (มหาชน) บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด และบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน)
“คนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่อีอีซี ไม่ได้มีแค่ลูกค้าทั่วไป แต่ขยายขอบเขตไปถึงกลุ่มลูกค้าคอร์ปอเรตที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ ต้องการที่อยู่อาศัยรองรับพนักงานย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดอื่น รวมถึงพนักงานต่างชาติ (Expat)”
ลูกค้ากลุ่มคอร์ปอเรตไม่ได้หาแค่ที่อยู่อาศัย แต่ต้องการโซลูชันที่ช่วยให้ทำทุกอย่างได้ง่ายขึ้น บริษัทจึงรวบรวมที่อยู่อาศัยที่พัฒนาสะสมกว่า 12,000 ยูนิต โรงแรมทั้งในชลบุรี และระยอง 550 ห้องพัก พร้อมพื้นที่รองรับการจัดประชุมสัมมนา พื้นที่เช่าคลังสินค้า บริการที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัย มารวมพร้อมเสิร์ฟในที่เดียว ซึ่งจะช่วยให้แผนการขยายการลงทุนของบริษัทต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น
ปธาน สมบูรณสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม กล่าวว่า โซนอีอีซี เป็นพื้นที่เศรษฐกิจเติบโตสูงอันดับ 1 ของประเทศ เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยจีดีพีไทย มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐ และภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
ในระยะ 5 ปี (2567-2571) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตั้งเป้าหมายดึงดูดการลงทุนเข้ามาในพื้นที่มูลค่า 5 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท ส่งผลให้ความต้องการโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
โดยโรงงานและคลังสินค้า คือจุดเริ่มต้นของอีโคซิสเท็มในอีอีซี ปัจจุบัน แอลฟา มีโครงการคลังสินค้าในอีอีซี 5 แห่ง เป็นพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 1.99 แสนตร.ม. บางส่วนทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 อัตราเช่าเฉลี่ย 80% ส่วนที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกกว่า 87,000 ตร.ม. ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 1/2568 และมีแผนพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าในอีอีซีต่อเนื่อง
สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อีอีซี เปรียบเสมือนจุดหมายปลายทางการลงทุนทางธุรกิจ โดยเฉพาะการตั้งโรงงานผลิตของธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้เกิดการขยายตัวทั้งแรงงานชาวไทย และชาวต่างชาติ เพิ่มมากขึ้น
“ครึ่งแรกปี 2567 มีการยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี 1.79 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 17% โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คาดณ์ประชากรในอีอีซี เพิ่มขึ้น 1.2-1.5 ล้านคนภายในปี 2580”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“เจ้าสัวเจริญ” 10 ปี ปั้น วัน แบงค็อก “One Bangkok” พระราม 4 ผงาด ตึกสูง อาเซียน
“เจ้าสัวเจริญ” 10 ปี ปั้น “One Bangkok” ทำเลพระราม 4 ผงาด ตึกสูง อาเซียน พลิกที่ดิน ทำเลทอง ถนนวิทยุ-พระราม4 แลนด์มาร์คระดับโลก ย่านห้างหรู – อาคารสำนักงานอัจฉริยะ สีเขียว กลางใจเมือง
นับเป็นเวลา 10 ปี ที่ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของอาณาจักร พระราม 4 ปักหมุด วัน แบงค็อก (One Bangkok) โครงการอภิมหาโปรเจ็กต์ มูลค่า1.2 แสนล้านบาท บนที่ดิน สำนักทรัพย์สินพระมหากษัติย์ 108 ไร่ สร้างประวัติศาสตร์ ความเป็นที่สุดของโครงการ ที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด มูลค่าสูงที่สุด มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่สุด ที่จอดรถ มากที่สุด อาคารอัจฉริยะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
ปั้นติดอันดับตึกสูงสุด 1 ใน 10 อาเซียน
ที่เป็นไฮไลต์ พัฒนา” Signature Tower” ตึกที่สูงที่สุดในไทยและติด1 ใน 10 อาเซียน ที่ความสูง 430 เมตร หากเปิดให้บริการ โดยที่มีแผนพัฒนาในอนาคตอันใกล้ หรือปี2569 และมีแผนแล้วเสร็จทั้งโครงการปี2570
หลังจากเมื่อ7ปีก่อน (3เมษายน 2560 ) เจ้าสัวเจริญ ประกาศ พัฒนาโครงการ วันแบงค็อก “One Bangkok” เป็นครั้งแรก ท่ามกลางสายตาหลายคู่ จับจ้องว่าในที่สุดแล้วจะประสบความสำเร็จได้จริงหรือไม่
อีกทั้ง ทำเลที่ตั้ง อยู่ บนถนนพระราม4 ที่ดินสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ ที่ค่อนข้างเงียบ หากเทียบกับย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือCBD อย่าง สุขุมวิท เพลินจิต สีลม สาทร แล้วดู อาจห่างชั้นกันมาก
ด้วยประสบการณ์ การมองกาลไกลของเจ้าสัวเจริญ นักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย มองขาด ที่ดินผืน นี้ ว่าเป็นทองคำฝังเพชร อันทรงคุณค่า ที่มีประวัติศาสตร์ เรื่องราว จารึก มาอย่างยาวนาน และจะเป็นตำนานในอนาคตให้คนรุ่นใหม่เข้ามาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และวิธีคิดนี้ก็เป็นเรื่องจริง
ที่ เจ้าสัวเจริญ ต้องการ ตอบแทนคุณแผ่นดิน ด้วยการนำที่ดินที่เป็นประวัติศาสตร์ของชาติ ถ่ายทอดความทรงจำ ผ่านอาคาร กลายเป็นเรื่องเล่าขาน ให้คนรุ่นหลังได้จดจำสร้างความเจริญเติบโตก้าวไปข้างหน้า
โดยเฉพาะ ถนนพระราม 4 ย่านการค้าเก่าแก่ เดิมเรียกว่า ถนนตรง และ ถนนหัวลำโพง (นอก) เป็นถนนที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2400 เนื่องจากกงสุลอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศสได้เข้าชื่อกัน พร้อมทั้งนายห้างต่างประเทศ ขอร้องรัฐบาลสยามว่า เรือลูกค้าที่ขึ้นมาค้าขายถึงกรุงเทพมหานครมีระยะทางไกล
อีกทั้ง ถนนวิทยุ ก่อนจะมาเป็นทำเลศักยภาพ เดิม เป็นที่ตั้งของสถานีโทรเลขและสถานีวิทยุแห่งแรกของประเทศไทยที่สามารถ ส่งสัญญาณ เชื่องโยงทางไกล ไปยัง กรุง เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และ นี่คือก้าวสำคัญในการเชื่อมโยง ของโลกภายนอก จาก โครงการ วัน แบงค็อก “One Bangkok”
เจ้าสัวเจริญ ได้มองเห็นและสร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญให้โลกต้องจารึก ขณะสวนลุมพินีที่สร้างขึ้น ในสมัยรัชกาลที่6 เป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาเมืองที่ทันสมัย สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นที่สันทนาการสำคัญของคนกรุงเทพฯ
ส่วน โรงเรียนเตรียมทหารสร้างบุคลากรของประเทศไทย เช่นเดียวกับ สนามมวยลุมพินีที่เป็นพื้นที่สันทนาการที่เชื่อมโยงผู้คนในอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งคนทุกรุ่นที่เติบโตมาจากสถานที่แห่งนี้
สถานที่หลอมรวมความรู้คนคุณภาพของประเทศรวมถึงการผลิตศิลปวัฒนธรรมของไทยอันทรงคุณค่า ที่ล่าสุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่25 ตุลาคม2567 สร้างความตื่นตระการตา สะกดสายตาชาวโลก ด้วย กลุ่มอาคารที่ทรงคุณค่า และตึกสูงที่สุดในไทย และ สูงติด1ใน10 อาเซียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
สำหรับวัน แบงค็อก “One Bangkok” ภายในประกอบด้วย อาคารสำนักงานแบบพรีเมียม จำนวน 5 อาคาร โรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่และไลฟ์สไตล์ 5 แห่ง อาคารที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่อีกจำนวน 3 อาคาร ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะเป็นหัวใจหลัก
และเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับโครงการฯ คือ One Bangkok Retail จุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของกรุงเทพฯ รวบรวมร้านค้าชั้นนำทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศกว่า 750 ร้าน และ Food Loop
ที่มีร้านอาหารชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 250 ร้าน ซึ่งจะทยอยมาเปิดให้บริการ ตลอดจน Art Loop เส้นทางแห่งศิลปะและวัฒนธรรมความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ครอบคลุมทั่วทั้งโครงการ รวมถึง The Wireless House One Bangkok ที่รอเผยโฉมให้ได้เห็นเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ในส่วนของโรงแรม เตรียมพบกับ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2567 และโรงแรมแอนดาซ วัน แบงค็อก โรงแรมแบรนด์แอนดาซแห่งแรกในกรุงเทพฯ ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการในปี 2568 รวมถึง เฟรเซอร์ สวีทส์ กรุงเทพ ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569
นอกจากนี้ยังมีศูนย์แสดงนิทรรศการและคอนเสิร์ตฮอลล์ระดับโลกเพื่อความทรงจำสุดพิเศษ แหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมที่มอบแรงบันดาลใจในทุก ๆ วัน พร้อมกับพื้นที่สาธารณะเปิดโล่งและพื้นที่สีเขียว 50 ไร่ ตลอดจนการเป็นเมืองอัจฉริยะ
ที่เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน วัน แบงค็อก เป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยมาตรฐาน LEED for Neighborhood Development ระดับ Platinum พร้อมมุ่งสู่การรับรองมาตรฐานอาคาร WELL เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 31ต.ค. “อ่อนค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 33.79 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวSidewaysท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาดลักษณะ Two-Way Volatility เงินบาทยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องชัดเจน จนกว่าตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯและผลการเลือกตั้ง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้31ต.ค.2567 ที่ระดับ 33.79 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.70 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways โดยเงินบาทยังคงมีโซนแนวต้านแถว 33.85 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไปจะอยู่แถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์)
เพราะถึงแม้ว่า เงินดอลลาร์จะมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง หรือบรรดานักลงทุนต่างชาติจะยังคงเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทย อย่างต่อเนื่อง ทว่า เงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น
เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจน จนกว่าตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และผลการเลือกตั้งสหรัฐฯทำให้ในช่วงนี้ เงินบาทก็อาจพอมีโซนแนวรับแรกจะอยู่ในช่วง 33.65 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวรับถัดไปแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เพราะหาก BOJ มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจน ว่าพร้อมทยอยเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย โดยไม่ได้กังวลต่อสถานการณ์การเมืองญี่ปุ่น ก็อาจเป็นปัจจัยหนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง
ขณะที่ หาก BOJ ย้ำจุดยืน ไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย พร้อมแสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมือง ก็อาจกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่นมีจังหวะอ่อนค่าลงต่อได้เช่นกัน ซึ่งในช่วงนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็ทยอยเข้าซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) พอสมควร โดยเฉพาะในจังหวะที่เงินเยนญี่ปุ่นได้อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินบาท และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง หรือชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้
ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาด ลักษณะ Two-Way Volatility ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางไปมา ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.90 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลง ในลักษณะ Sideways Up (กรอบการเคลื่อนไหว 33.67-33.81 บาทต่อดอลลาร์) โดยในช่วงแรกเงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงบ้างของราคาทองคำ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลงบ้าง
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็เริ่มชะลอลงแถวโซนแนวต้าน 33.80 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ตามรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งออกมาขยายตัว +2.8% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี น้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ +3.0%
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ ยังถูกกดดันจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลักฝั่งยุโรป ทั้งเงินยูโร (EUR) ซึ่งได้แรงหนุนจากการปรับลดความคาดหวังการเร่งลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB อีกทั้ง รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาสที่ 3
รวมถึง อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีก็ออกมาสูงกว่าคาด นอกจากนี้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ก็รีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน หลังรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยงบประมาณฉบับแรก ซึ่งอาจไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจอย่างที่ผู้เล่นในตลาดได้กังวล
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ยังได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำทยอยปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้จุดสูงสุดก่อนหน้าอีกครั้ง ซึ่งช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้บ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่ม Semiconductor ท่ามกลางความกังวลปัญหาบัญชีของหุ้น Super Micro Computer -32.7% รวมถึงรายงานผลประกอบการที่แย่กว่าคาดของ AMD -10.6% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Alphabet +2.8% ซึ่งรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในวันก่อนหน้า ทำให้โดยรวม ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -0.56% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.33%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงกว่า -1.25% กดดันโดยรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาน่าผิดหวัง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่ม Semiconductor เช่นเดียวกับในฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ASML -3.2% นอกจากนี้ การปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของ ECB ก็มีส่วนกดดันบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ยุโรปเพิ่มเติมเช่นกัน
ในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสะท้อนภาพการขยายตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (แม้ว่า อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 จะน้อยกว่าคาด ทว่า ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ก็ออกมาดีกว่าคาดพอสมควร)
อีกทั้ง การทยอยปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้น เข้าใกล้โซน 4.30% อีกครั้ง ซึ่งการปรับตัวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ดังกล่าว ก็สอดคล้องกับภาพที่เราประเมินไว้ ทำให้เรายังคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะแข็งค่าขึ้น ก่อนที่จะเผชิญแรงกดดันจาก ทั้งแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD รวมถึงการกลับมาแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลักฝั่งยุโรป ทั้งเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ตามการปรับลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของ ECB
ส่วนงบประมาณฉบับแรกของรัฐบาลพรรคแรงงานของอังกฤษก็ไม่ได้น่ากังวลอย่างที่ตลาดคาดการณ์ อนึ่ง เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการอ่อนค่าของ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ตามส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่กว้างขึ้น โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 104.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.9-104.4 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) จะเผชิญแรงกดดันจากจังหวะการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แต่ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการถือของผู้เล่นในตลาด หนุนให้ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้น กลับสู่โซน 2,790-2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเป็นการประชุมหลังการเมืองญี่ปุ่นเผชิญความไม่แน่นอนอีกครั้ง หลังพรรค LDP และพรรคพันธมิตร Komeito ได้เสียการครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ จนอาจมีผลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ BOJ ได้ ทำให้แม้ว่าในการประชุม BOJ ครั้งนี้ เรามองว่า BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.25% ตามเดิม ทว่า เราจะจับตาอย่างใกล้ชิด ต่อการส่งสัญญาณของ BOJ เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงิน ภายใต้ความเสี่ยงการเมืองญี่ปุ่น
ส่วนในฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) เดือนตุลาคม เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
ทางฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อยูโรโซน เดือนตุลาคม รวมถึงถ้อยแถลงจากบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ PCE เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด
นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Amazon, Apple และ Intel ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อเล็กซี่ พอพิริน พลิกล้ม เมดเวเดฟ ร่วงรอบสองเทนนิส ปารีส มาสเตอร์ส
ดานิล เมดเวเดฟ ชายเดี่ยวมือ 5 ของโลก จากรัสเซีย ต้องจบเส้นทางในเทนนิสเอทีพี มาสเตอร์ส 1000 โรเล็กซ์ ปารีส มาสเตอร์ส 2024 หลังพ่ายให้กับ อเล็กซี่ พอพิริน มือ 24 ของโลกจากออสเตรเลีย 1-2 เซต
การแข่งขันเทนนิส เอทีพี มาสเตอร์ส 1000 รายการโรเล็กซ์ ปารีส มาสเตอร์ส 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 6,946,835 ยูโร หรือประมาณ 257,032,895 บาท ที่แอคคอร์ อารีน่า ในกรุงปารีส ประเทษฝรั่งเศส เมื่อวันพุธที่ 30 ต.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบสอง
ประเภทชายเดี่ยว รอบสอง ดานิล เมดเวเดฟ มือวางอันดับ 4 ของรายการ มืออันดับ 5 ของโลกจากรัสเซีย อดีตแชมป์เมื่อปี 2020 พบกับ อเล็กซี่ พอพิริน มืออันดับ 24 ของโลกจากออสเตรเลีย
เกมนี้ เมดเวเดฟ แม้จะเกมเสิร์ฟได้ดีกว่า โดยเสิร์ฟเอชไปถึง 11 ครั้ง รวมไปถึงได้แต้มจากเสิร์ฟแรก และ เสิร์ฟสองที่ดีกว่า แต่ พอพิริน มาเล่นเกมรีเทิร์นได้แม่นยำ และ ยิงวินเนอร์สไป 32 ครั้ง พลิกล็อกเอาชนะไปแบบสนุก 2-1 เซต 6-4 ,2-6 และ 7-6 (7-4) ใช้เวลาแข่งขัน 2 ชั่วโมง 30 นาที อเล็กซี่ พอพิริน ผ่านเข้ารอบสามไปรอพบผู้ชนะระหว่าง จิโอวานนี เอ็มเปตชี เพอร์ริการ์ด มืออันดับ 31 ของโลก หรือ คาเรน คาชานอฟ มืออันดับ 21 ของโลกจากรัสเซีย
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
น้ำมันตับปลา VS น้ำมันปลา เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ และทานกันอย่างแพร่หลาย คงหนีไม่พ้นน้ำมันตับปลาที่อยู่ในแคปซูล เม็ดใหญ่ๆ สีเหลืองๆ ทานกันเป็นกระปุกๆ แต่หลายคนอาจจะเคยได้ยินทั้ง “น้ำมันตับปลา” และ “น้ำมันปลา” จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้เหมือนกัน หรือคนละอย่างกันแน่นะ
น้ำมันปลา และ น้ำมันตับปลา แม้จะมีชื่อคล้ายกัน แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างอย่างมาก ทั้งในด้านแหล่งที่มา สารอาหารสำคัญ และประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ โดยแต่ละชนิดมีข้อดีเฉพาะตัวที่เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน
น้ำมันตับปลา VS น้ำมันปลา เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
น้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) แหล่งวิตามินเอและดีที่เข้มข้น
น้ำมันตับปลา คือ น้ำมันที่สกัดมาจากตับของปลา ส่วนใหญ่เป็นปลาทะเล เช่น ปลาค็อด ภาษาอังกฤษจึงเรียกว่า cod liver oil น้ำมันตับปลาเต็มไปด้วยวิตามินเอ และดีสูง
ประโยชน์ของน้ำมันตับปลา
น้ำมันตับปลาสกัดจาก ตับปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาค็อด จึงอุดมไปด้วย วิตามินเอ และ วิตามินดี ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
- วิตามินเอ: ช่วยเสริมสร้างเยื่อบุผิวหนัง กระดูก และระบบภูมิต้านทาน ช่วยบำรุงสายตาให้สามารถมองเห็นได้ดีในที่ที่มีแสงน้อย และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการตาบอดตอนกลางคืน
- วิตามินดี: ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย ส่งผลดีต่อกระดูกและฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโตและผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก
ข้อควรระวังในการบริโภคน้ำมันตับปลา
แม้จะมีประโยชน์มาก แต่น้ำมันตับปลาก็มีคอเลสเตอรอลสูง ดังนั้นหากบริโภคในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายสูงเกินได้ นอกจากนี้ เนื่องจากวิตามินเอและดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หากสะสมมากเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้หรือเวียนศีรษะ ดังนั้นควรรับประทานตามคำแนะนำเพื่อประโยชน์สูงสุด
น้ำมันปลา (Fish Oil) แหล่งกรดไขมันโอเมก้า-3 เพื่อหัวใจและสมอง
น้ำมันปลา หรือ น้ำมันปลาทะเล สกัดมาจากปลาทะเลเช่นเดียวกัน แต่สกัดจากส่วนหนัง เนื้อ หัว และหางของปลาทะเลน้ำลึก เราจึงเรียกแค่น้ำมันปลาว่าเป็น fish oil เฉยๆ
ประโยชน์ของน้ำมันปลา
น้ำมันปลาสกัดจาก ส่วนหนัง เนื้อ หัว และหางของปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอนและแอนโชวี่ น้ำมันปลาอุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า-3 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในด้านต่างๆ ดังนี้
- DHA: มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบประสาทและสมอง โดยเฉพาะในเด็กแรกเกิด อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบการมองเห็น
- EPA: ช่วยลดระดับไขมันในเลือด บำรุงหัวใจ และลดการอักเสบในร่างกาย
การเพิ่ม DHA ในร่างกาย
แม้ร่างกายจะสามารถสร้าง DHA ได้ในปริมาณน้อยจากกรดแอลฟ่าลิโนเลนิก (ALA) แต่การบริโภคปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอนและแมคเคอเรล จะช่วยเพิ่มระดับ DHA ในร่างกายได้มากขึ้น นอกจากนี้ คุณแม่ที่ต้องการเสริม DHA ให้กับลูกน้อย ควรบริโภคปลาหรือผลิตภัณฑ์ที่มี DHA เพื่อส่งผ่านไปยังลูกน้อยผ่านน้ำนม
สรุปการเลือกใช้ น้ำมันปลา vs น้ำมันตับปลา
- หากต้องการโอเมก้า-3 ในปริมาณสูง ควรเลือกรับประทานน้ำมันปลา
- หากต้องการประโยชน์จากวิตามินเอและดี ควรเลือกรับประทานน้ำมันตับปลา
รู้ถึงความแตกต่างของน้ำมันตับปลา และน้ำมันปลาแล้ว ก็เลือกทานกันให้ดีว่าจะทานตัวไหน เพื่ออะไรนะคะ ที่สำคัญของย้ำอีกที ก่อนทานน้ำมันทั้งสองชนิดนี้ ควรศึกษาวิธีทาน ปริมาณที่ควรทานให้พอดีกับร่างกายของตัวเอง และระยะเวลาในการทานให้ดี เพื่อที่จะให้อาหารที่เราทานมีประโยชน์ต่อร่างกายให้มากที่สุด และไม่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
‘PwC ประเทศไทย’ มอง ‘เจนเอไอ’ หัวใจของกลยุทธ์ทางธุรกิจยุคดิจิทัล
PwC จับมือ SAP พันธมิตรทางธุรกิจสร้างเอไอโซลูชันหนุนธุรกิจไทย มอง “เจนเอไอ” หัวใจของกลยุทธ์ทางธุรกิจยุคดิจิทัลที่ต้องเริ่มต้นที่ “ผู้นำ”
ปัจจุบันหลายธุรกิจมีการขับเคลื่อนด้วย “เจเนอเรทีฟเอไอ” (Generative AI) หรือ “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายขีดความสามารถใหม่ ๆ อีกทั้งช่วยองค์กรในการลดต้นทุนและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า หรือช่วยให้ธุรกิจเอาตัวรอดได้ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
ดร. กษิภณ อภิมุขคุณานนท์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับทาง “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันองค์กรในไทยมากกว่า 50% เริ่มมองเห็นความสำคัญของการนำ เจนเอไอ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้ประเทศก้าวสู่ยุคดิจิทัล (Digital Era) อย่างสมบูรณ์แบบ
ทั้งนี้ ดร. กษิภณ มองเห็นถึง 5 ประโยชน์สำคัญของการนำ เจนเอไอ มาใช้กับภาคธุรกิจ ดังต่อไปนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเอไอสามารถเข้ามาช่วยงานที่ซ้ำซาก จำเจ หรืองานที่ต้องใช้เวลานาน ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้พนักงานทำงานได้รวดเร็วขึ้นและมีเวลาไปโฟกัสกับงานอื่น ๆ ที่ต้องการทักษะเฉพาะ อีกทั้งยังช่วยให้องค์กรนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการออกสู่ตลาดได้เร็วกว่าเดิม
- ตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลาย เอไอสามารถปรับแต่งการบริการให้ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ ทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจและเกิดความภักดีต่อแบรนด์มากขึ้นและส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
- สร้างโอกาสการจ้างงานทักษะด้านเอไอใหม่ การนำเจนเอไอเข้ามาใช้ภายในองค์กรต้องอาศัยพนักงานที่สามารถคิดค้นและพัฒนากรณีศึกษาใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการจ้างงานใหม่ ๆ ที่มีคุณค่า
- สร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ การนำเจนเอไอมาประยุกต์ใช้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างโมเดลธุรกิจที่แตกต่างและสร้างรายได้ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
- เพิ่มอัตรากำไร แน่นอนว่าการใช้เจนเอไอในการทำงานและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ จะช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ ส่งผลให้มีอัตรากำไรที่ดีขึ้น
ดร. กษิภณ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีบริษัทไทยที่เป็นผู้เล่นหลักในการนำเทคโนโลยี เจนเอไอ มาใช้ภายในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้เริ่มมองเห็นภาพของการใช้เทคโนโลยีใหม่ในโครงการต่าง ๆ และในบางองค์กรก็กำลังอัปเกรดซอฟต์แวร์ของตนให้เป็น “SAP S/4HANA” ซึ่งเป็นระบบการวางแผนทรัพยากรขององค์กรที่รองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง เจนเอไอ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจในยุคดิจิทัลเปลี่ยนเร็ว
อย่างไรก็ดี ทางลัดสู่ความสำเร็จนั้นสามารถเรียนรู้ได้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันเครือข่าย PwC ทั่วโลกมีกรณีศึกษาของการนำซอฟต์แวร์ SAP S/4HANA มาประยุกต์ใช้กับองค์กรมากกว่า 400 กรณี ซึ่งถึงแม้ว่ากรณีศึกษาเหล่านี้จะสามารถนำมาปรับแต่งฟังก์ชันการทำงานเพื่อใช้กับองค์กรได้ทันที แต่ในบางกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ เช่น ในยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา ก็อาจนำมาปรับใช้ในประเทศไทยได้เพียงประมาณ 50 ถึง 60% เท่านั้นด้วยความแตกต่างด้านวัฒนธรรม โครงสร้างพื้นฐาน และความพร้อมของเทคโนโลยี นี่จึงเป็นที่มาของการพัฒนา “การทดสอบความเป็นไปได้” (Proof of Concept) ร่วมกับผู้ใช้งาน เพื่อทดสอบและปรับแต่งเจนเอไอให้เหมาะสมก่อนที่จะนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้จริงกับองค์กร
นอกจากนี้ PwC ยังมีโมเดลการทำงานที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานร่วมกับเจนเอไอได้อย่างยั่งยืนโดยเริ่มจากการจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศ” (Center of Excellence) ภายในองค์กรที่ประกอบด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอจากภายนอกประมาณ 20 ถึง 30% และพนักงานขององค์กร โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอจะทำการถ่ายโอนความรู้ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาความสามารถในการใช้เอไอ จนเมื่อสุดท้ายองค์กรเริ่มมีความชำนาญในการใช้เอไอมากขึ้น ก็จะสามารถพัฒนาและจัดการระบบเอไอของตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาที่ปรึกษาอีกต่อไป
ดร. กษิภณ ยังกล่าวต่อด้วยว่า ในปี 2566 PwC ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในอีกสามปีข้างหน้า เพื่อสร้างและพัฒนากรณีการใช้งานเจนเอไอที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพผ่านความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง SAP ไมโครซอฟต์ และอเมซอน
อย่างไรก็ดี ดร. กษิภณ ยอมรับว่า ไทยยังคงเป็น “ผู้ตาม” ในการประยุกต์เทคโนโลยีนี้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ยังตามหลังประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ก็เชื่อมั่นว่าในอีกสองปีข้างหน้าผู้คนจะเริ่มถามหาเจนเอไอมากขึ้นจนได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างภายในระยะเวลาประมาณห้าปีต่อจากนี้
เทรนด์การใช้ GenAI ต้องเริ่มต้นที่ “ผู้นำ”
ดร. กษิภณ กล่าวว่า หากผู้นำองค์กรไม่อยาก “ล้มเหลว” ในการป้อนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับองค์กร ก็ควรเริ่มต้นเปลี่ยนผ่านการใช้เทคโนโลยีให้กับคนทีละกลุ่ม โดยอาจเริ่มต้นจากกลุ่มนักนวัตกร (innovators) ที่มีความสนใจและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นกลุ่มแรกผ่านการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเอไอและให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน รวมถึงสื่อสารถึงประโยชน์ที่สามารถเกิดขึ้นจากการนำเอไอมาใช้ด้วย
“เมื่อไรที่ไทยเปิดรับการใช้งานเอไออย่างแพร่หลายมากกว่านี้ เราก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ดิจิทัลอีร่าได้อย่างสมบูรณ์แบบหลังจากพูดถึงดิจิทัลกันมานานกว่าสิบปี เราน่าจะได้เห็นภาพขององค์กรที่มีรูปแบบการทำงานที่ทันสมัยมากขึ้นและพนักงานก็น่าจะมีสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวในแบบฉบับเวิร์ค ไลฟ์ บาลานซ์มากขึ้นเช่นกัน”
ถึงแม้ว่าไทยจะยังไม่สามารถก้าวสู่ยุคดิจิทัลได้ 100% ดร. กษิภณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้นำธุรกิจจะค่อย ๆ สามารถเปลี่ยนผ่านองค์กรทีละก้าวจนเมื่อเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างเจนเอไอเข้ามาใช้แล้ว เจนเอไอ ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อน “เศรษฐกิจดิจิทัล” ในอนาคตต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
35 แคปชั่นหลอน แคปชั่นฮาโลวีน ภาษาอังกฤษ โพสต์รูปพร้อมแคปชั่นแบบอินเตอร์
แคปชั่นฮาโลวีน ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล
- Every day is Halloween, isn’t it? For some of us.
ทุกวันก็คือวันฮาโลวีน ใช่ไหมล่ะ? สำหรับบางคนน่ะนะ! 555
- No tricks, just treats!
น้องไม่ต้องหลอก เดี๋ยวพี่จัดให้!
- Let’s get spooky.
เตรียมตัวรับความสยองกันเถอะ!
- I don’t celebrate Halloween, I am Halloween.
ฉันไม่ได้เฉลิมฉลองฮาโลวีน แต่ฉันคือฮาโลวีน!
- Keep calm and scare on.
ทำใจร่มๆ แล้วออกไปทำให้คนตกใจกันเถอะ!
- Having a bloody good time.
วันดีๆ ท่ามกลางเลือด
- Keep calm and carry a wand.
ทำใจร่มๆ แล้วถือไม้กายสิทธิ์ไว้
- You’re just not my (blood) type.
คุณไม่ใช่สเปค (เลือด) ของฉัน
- I’m a Barbie girl, in a Barbie world!
ฉันเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ ในโลกของตุ๊กตา (แต่งตัวเป็นตุ๊กตาในวันฮาโลวีน)
- Eat, drink, and be scary.
กิน ดื่ม แล้วออกไปทำให้คนอื่นตกใจกัน!
- Hope your Halloween is fun and spooky!
หวังว่าจะฮาโลวีนปีนี้ทั้งสนุกทั้งน่ากลัว
- Have a fa-boo-lous Halloween!
ขอให้เป็นฮาโลวีนที่ยอดเยี่ยม! (เลียนเสียงคำว่า fa-boo-lous กับ fabulous)
- Trick or treat, bag of sweets, ghosts are walking down the street.
หลอกหรือเลี้ยง, ถุงที่เต็มไปด้วยขนมหวาน, และเหล่าผีที่ลงไปเดินตามถนน
- I’m too cute to spook.
ฉันน่ารักเกินกว่าจะหลอกใคร
- Have a haunted Halloween.
ขอให้มีวันฮาโลวีนที่น่ากลัว
แคปชั่นฮาโลวีน จากเพลง
- I know if I’m haunting you, you must be haunting me. —Beyoncé
ฉันรู้ถ้าฉันกำลังไล่ล่าคุณอยู่ คุณต้องไล่ล่าฉัน
- I’m friends with the monster that’s under my bed. —Eminem and Rihanna
ฉันเป็นเพื่อนกับมอนสเตอร์ที่ใต้เตียงฉันเอง
- Am I scaring you tonight? —”Disturbia” Rihanna
ฉันทำให้คุณกลัวหรือเปล่า
- You a bad ghoul and your friends bad too —”Party” Beyoncé
คุณเป็นปอบที่ดุร้าย และเพื่อนคุณก็ด้วย! (มาจากเนื้อเพลงว่า You a bad girl and your friends bad too เลียนเสียงคำว่า girl กับ ghoul)
แคปชั่นฮาโลวีน ภาษาอังกฤษ พร้อมอีโมจิน่ารักๆ
- H🎃ppy H🎃lloween!
- I’ll never 👻 you.
- You’re 💀 to me.
- I need to be home before midnight…👠🎃
- I’m the 👑 of Halloween.
- Here for the b👻👻ze.
- ‘Til 💀 do us part.
- Best costume 🏆 goes to…
- We trick or treat, 👻 or 🍭.
- We have a new 🎃 in the patch!
ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net
10 อาหารที่มี “วิตามินดี” ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค
กินอาหารที่มีวิตามินดี ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ แต่ควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัย ไม่มากหรือน้อยเกินไป ควบคู่กับการกินอาหารหลากหลาย และมีประโยชน์รักษาสุขภาพ และรักษามาตรการต่างๆ
วิตามินดี เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อีกทั้งยังมีบทบาทในการเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งแหล่งอาหารที่มีวิตามินดีสามารถหาได้จากหลายประเภท เช่น ปลาที่มีไขมันสูงอย่างปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาซาร์ดีน รวมถึงอาหารอื่น ๆ อย่างเห็ด ตับ และไข่แดง การเลือกบริโภคอาหารที่มีวิตามินดีเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการเสริมสุขภาพโดยรวม
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของโรคโควิด นอกจากการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เช่น การสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้านหรืออยู่ในบ้าน หมั่นล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง และการทำงานที่บ้าน (Work From Home) แล้ว การเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ มีโปรตีนและวิตามินสูงจะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีให้กับร่างกาย
วิตามินดี คืออะไร
วิตามินดี หรือ “วิตามินแดด” เป็นวิตามินที่ละลายในไขมันและจำเป็นต่อร่างกายเพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ส่งเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน นอกจากบทบาทหลักนี้ วิตามินดี ยังมีคุณสมบัติช่วยลดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ควบคุมการติดเชื้อ และลดการอักเสบ จึงมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม
แหล่งของวิตามินดี
ร่างกายสามารถได้รับวิตามินดีจากแหล่งต่างๆ เช่น อาหารที่มีวิตามินดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาเฮอริ่ง และไข่แดง แต่การรับประทานเพียงอย่างเดียวมักไม่เพียงพอสำหรับคนส่วนใหญ่ เนื่องจากการผลิตวิตามินดีจากแสงแดดช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินชนิดนี้ได้อย่างเต็มที่ วิตามินดีมี 2 ชนิดหลัก คือ
- วิตามินดี2 (Ergocalciferol) – ได้จากพืชและเชื้อรา
- วิตามินดี3 (Cholecalciferol) – พบในสัตว์และร่างกายมนุษย์ โดยวิตามินดี3 มีประสิทธิภาพในการเพิ่มระดับวิตามินดีในเลือดได้ดีกว่าวิตามินดี 2
อาหาร ที่มีวิตามินดี
วิตามินดีเป็นวิตามินที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้ โดยมักพบในอาหารเหล่านี้
- ปลานิล
- ปลาทับทิม
- ปลาตะเพียน
- ปลาแซลมอน
- ปลาแมคคอแรล
- ปลาทูน่ากระป๋อง
- ไข่แดง
- ตับ
- นม
- เห็ด
Advertisement
ปริมาณวิตามินดีที่เหมาะสมกับช่วงวัย
ปริมาณวิตามินดีที่เหมาะสมในแต่ละวัยต่อวัน คือ
- วัย 6–12 เดือน ควรได้รับ 10 ไมโครกรัมต่อวัน
- วัย 1-70 ปี ควรได้รับ 15 ไมโครกรัมต่อวัน
- วัยผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับ 20 ไมโครกรัมต่อวัน
ประโยชน์ของวิตามินดีต่อสุขภาพ
- บำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อ – ช่วยควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัส ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง ลดความเสี่ยงกระดูกหักในผู้สูงอายุ และช่วยป้องกันการหกล้ม
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน – ช่วยควบคุมการอักเสบและสนับสนุนการต่อสู้กับเชื้อโรค ลดความเสี่ยงโรคติดเชื้อ เช่น ปอดบวมและโควิด-19
- สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด – มีการเชื่อมโยงระหว่างการขาดวิตามินดีกับโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่อย่างไรก็ตามยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติม
- เสริมสร้างอารมณ์และสุขภาพจิต – วิตามินดีมีผลกระตุ้นการผลิตเซโรโทนิน ซึ่งช่วยลดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
- การพัฒนาของกระดูกในเด็ก – ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกอ่อนในเด็กและกระดูกนิ่มในผู้ใหญ่
อันตราย หากได้รับวิตามินดีมากเกินไป
หากได้รับวิตามินดีมากเกินไป จะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้เช่นกัน โดยเรียกภาวะนี้ว่า อาการเป็นพิษ เนื่องจากได้รับวิตามินดีเกิน ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กวัยกำลังโต และในบางรายที่มีอาการหนักอาจจะเสียชีวิตจากการล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้
อันตราย หากได้รับวิตามินดีน้อยเกินไป
แต่หากได้รับปริมาณที่น้อยเกินไปหรือขาดวิตามินดี จะส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกอ่อนในเด็ก และกระดูกอ่อนในผู้ใหญ่มีอาการชักหรือฟันผุ รวมถึงอาจทำให้ติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น และเมื่อติดเชื้อแล้วกลไกในการกำจัดเชื้อของร่างกายในคนที่มีวิตามินดีเพียงพอจะดีกว่าคนที่ขาดวิตามินดีอีกด้วย
วิตามินดี หาได้จาก “แสงแดด”
นอกจากนี้ ร่างกายยังสามารถรับวิตามินดีได้จากแสงแดดขณะทํากิจกรรมหรือออกกําลังกายกลางแจ้ง โดยให้ผิวหนังสัมผัสกับแสงแดดอย่างน้อย 15-20 นาทีทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00–10.00 น. และ 16.00–17.00 น.
ในช่วงนี้ วิตามินชนิดอื่น ๆ ทั่วไปก็สำคัญเช่นกัน จึงควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากหลาย เน้นการกินผักและผลไม้ เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ในการเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค พร้อมทั้งออกกําลังกายเป็นประจําสมํ่าเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียด งดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/10/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 44,400.00 | 44,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,876.00 | 43,600.16 | 45,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,588.40 | 39,240.14 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,300.80 | 34,880.13 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,294.00 | 19,617.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,007.00 | 15,266.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,980.00 | 45,176.80 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/10/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.25 | 35.25 | 35.85 | 35.25 | 35.25 | 35.25 | 35.25 | 35.25 | 35.25 | 35.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.88 | 34.88 | 35.48 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 34.88 | 34.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.14 | 33.14 | 33.74 | 33.14 | 33.14 | – | 33.14 | 33.14 | 33.14 | 33.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.89 | 32.89 | – | – | – | – | – | – | – | 32.89 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.84 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 43.84 |
เบนซิน 95 | 43.54 | – | – | – | 49.81 | – | 44.04 | 43.69 | – | 43.54 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |