สาระน่ารู้ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567

ดีมานด์เช่าคอนโดลักชัวรีบูมทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยามาแรง

ไรมอน แลนด์ ชี้ดีมานด์เช่าคอนโดลักชัวรีบูม รับอานิสงส์ไอคอนสยามฮอต คนเดินทางเข้ากลางใจเมืองโซนสีลม สาทรสะดวก ส่งผลให้ปล่อยเช่าโคร งการ‘เดอะ ริเวอร์ เซอร์วิส เรสซิเดนเซส ’ริมแม่น้ำเจ้าพระยามาแรง เคาะราคาเริ่มต้น 30,000 บาท/เดือนเจาะกลุ่มวัยทำงาน-วัยเกษียณ

นายกรณ์ ณรงค์เดช กรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ปัจจุบันคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพสูงและหาได้ยากส่งผลให้มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะทำเลในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ( Central Business District:  CBD)อย่างโซนเพลินจิตและสาทรรวมถึงทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังเป็นอีกพื้นที่ที่ได้รับความนิยม จากวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและตั้งอยู่ใกล้กับไอคอนสยาม และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังย่านธุรกิจสำคัญอย่างสีลม สาทร

ทางไรมอน แลนด์ ได้มีโครงการ ‘เดอะ ริเวอร์ เซอร์วิส เรสซิเดนเซส’ ซึ่งเป็นคอนโดลักชัวรีสไตล์รีสอร์ตริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนวัยทำงานที่ต้องการความสะดวกสบาย วัยเกษียณที่มองหาความสงบ หรือชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับและมีเอกลักษณ์ ตอบโจทย์ทั้งผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยหรือผู้ที่ต้องการเช่า

ทั้งนี้ โครงการ ‘เดอะ ริเวอร์ เซอร์วิส เรสซิเดนเซส’ ตั้งอยู่บนถนนเจริญนคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดดเด่นด้วยการผสมผสานบรรยากาศริมน้ำที่ได้รับวิวโค้งแม่น้ำอันงดงามตระการตาโอบรอบด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว พร้อมกับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ใช้เวลาเพียง 5 นาทีถึงไอคอนสยาม และ 10 นาทีถึงเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ การเดินทางสะดวกสบาย ทั้งทางรถยนต์ ระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า BTS และเรือ โดยใกล้ท่าเรือสาทร (ตากสิน) และสถานีบีทีเอสสะพานตากสิน

นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ใกล้สถานที่สำคัญ อาทิ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพฯ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ร้านอาหาร แหล่งไลฟ์สไตล์ และโรงแรมระดับ 5 ดาว พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานสากล เช่น พื้นที่พักผ่อนริมน้ำ ท่าเรือส่วนตัว สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก ห้องออกกำลังกายพร้อมวิวแม่น้ำเต็มตา สนามเด็กเล่น และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนอย่างครบครัน  โดยไรมอน แลนด์ ได้ปล่อยเช่าโครงการ ‘เดอะ ริเวอร์ เซอร์วิส เรสซิเดนเซส’ ในราคาเริ่มต้น 30,000-140,000 บาท/เดือนซึ่งทุกห้องตั้งอยู่บนชั้นสูงที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


โครงการงานขุดลอกอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำ

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ วางแผนดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ ภายใต้ชื่อโครงการงานขุดลอกเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นโครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2542 มีพื้นที่กักเก็บน้ำกว่า 165 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 103,575 ไร่ โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สามารถเก็บกักน้ำได้สูงสุด 960 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนจนนำมาสู่การเกิด ปัญหาภัยแล้ง จึงได้มีการศึกษาแนวทางในการพัฒนาแหล่งน้ำ และความต้องการของประชาชน ซึ่งเล็งเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเหมาะสมต่อการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำบริเวณพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำ ในลักษณะประเภทงานขุดลอกพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำให้ประชาชนสามารถใช้น้ำได้สะดวกมากขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์การสูบน้ำเพื่อสูบน้ำไปใช้ทำการเกษตรกรรม เป็นการบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่บริเวณรอบเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

อีกทั้งเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้มากขึ้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จึงได้วางแผนดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ ภายใต้ชื่อโครงการงานขุดลอกเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

โครงการดังกล่าวจะขุดลอกพื้นที่ในอ่างเก็บน้ำขนาด 100 ไร่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำได้ 1,300,000 ลูกบาศก์เมตร เป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้กับ ประชาชน หมู่ที่ 2,3 และหมู่ที่ 4 ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ประมาณ 600 ครัวเรือน ได้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปีอีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำสำรอง สำหรับใช้ในด้านการเกษตร เสริมกับน้ำฝนเพื่อใช้ในการปลูกข้าว มีพื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 300 ไร่และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด อีกทางหนึ่งด้วย

โครงการงานขุดลอกเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี มีประโยชน์หลากหลายด้านที่ชาวลพบุรีจะได้รับ ช่วยสนับสนุนน้ำยามหน้าแล้ง ช่วยให้เกษตรกรมีน้ำเพาะปลูก และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด สร้างรายได้เสริมให้กับประชาชนได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 25พ.ย. “แข็งค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 34.44 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 25พ.ย. “แข็งค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 34.44 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอ่อนค่ามีโมเมนตัมชะลอลงชัดขึ้น เปิดโอกาสให้แกว่งตัว Sideways หรือแข็งค่าขึ้นได้ ลุ้นเงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนอยู่ ราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ รวมถึงทิศทางเงินหยวนและทิศทางฟันด์โฟลว์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 25พ.ย. 2567ที่ระดับ  34.44 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.52 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 34.39-34.62 บาทต่อดอลลาร์) โดยแม้ว่าเงินดอลลาร์จะพอได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing and Services PMIs) เดือนพฤศจิกายน ที่ออกมาดีกว่าคาด

และดีกว่าข้อมูลจากบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆ โดยเฉพาะยูโรโซน ทว่า เงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) เข้าใกล้โซน 2,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (คิดเป็นการปรับตัวขึ้นเกิน +30 ดอลลลาร์ต่อออนซ์) นอกจากนี้ เรายังคงเห็นสัญญาณการทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD ของผู้เล่นในตลาด ซึ่งก็มีส่วนจำกัดการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน

สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของปีนี้ แต่เงินบาทก็พอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติที่ลดลงจากช่วงก่อนหน้าพอสมควร

สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และ อัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน พร้อมระวังความผันผวนจากพัฒนาการสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่สถานการณ์โดยรวมทวีความรุนแรงมากขึ้น

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนตุลาคม ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และรายงานการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า เฟดมีโอกาส 56% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดก็อาจลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง 

ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงรายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะ 1 ปี และ 3 ปี ข้างหน้า (Inflation Expectations) ที่สำรวจโดย ECB พร้อมทั้งถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB โดยล่าสุด จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซน

อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนพฤศจิกายนที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อีกทั้งยังออกมาแย่กว่าคาด ก็ทำให้ ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า ECB จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้

และมีโอกาสราว 47% ที่ ECB อาจเร่งลดดอกเบี้ยถึง 50bps ได้ ส่วนในปีหน้า ตลาดก็มองว่า ECB อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ย (Deposit Facility Rate) ต่อเนื่องจนถึงระดับ 1.75% จากระดับปัจจุบันที่ 3.25%

▪ ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) ของจีน ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะรับรู้ในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย

โดยผู้เล่นในตลาดจะใช้ข้อมูลดังกล่าวในการประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งควรจะมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังทางการจีนได้ทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ในส่วนนโยบายการเงิน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างประเมินว่า ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจลดดอกเบี้ยนโยบาย 50bps สู่ระดับ 4.25% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อที่เข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1%-3% ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น

ส่วนธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) อาจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.25% เพื่อช่วยลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินวอนเกาหลี (KRW) ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้และเศรษฐกิจโดยรวมก็มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ BOK สามารถทยอยลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้ในอนาคต

▪ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดการค้าระหว่างประเทศในเดือนตุลาคม โดยนักวิเคราะห์ต่างมองว่า ยอดการส่งออก (Exports) อาจขยายตัวราว +5.2%y/y ตามการทยอยฟื้นตัวของการค้าโลก ส่วนยอดการนำเข้า (Imports) อาจโตราว +6.3%y/y

ทำให้โดยรวมดุลการค้าอาจขาดดุล -300 ล้านดอลลาร์ จากที่เกินดุลเกือบ 400 ล้านดอลลาร์ ในเดือนกันยายน  อนึ่ง สำหรับแนวโน้มเงินบาทนั้น ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI MACD และ Stochastic ใน Time Frame รายวัน สำหรับ USDTHB

สะท้อนว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลงต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสที่เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณหนุนการแข็งค่าของเงินบาท อย่าง Bearish Divergence จาก MACD forest อีกด้วย ทำให้เรายังคงมั่นใจต่อ Call Short-term Peak USDTHB แถวโซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

และมีโอกาสที่เงินบาทอาจผ่านจุดอ่อนค่าสุดในระยะสั้นไปแล้ว จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม และที่สำคัญ หากเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลุดโซนแนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน

ก็มีโอกาสที่เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวรับถัดไป 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับกลยุทธ์ Trend-Following ที่จะส่งสัญญาณ Short USDTHB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น)

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลงชัดเจนมากขึ้น เปิดโอกาสให้เงินบาทแกว่งตัว Sideways หรือแข็งค่าขึ้นได้ ซึ่งต้องรอลุ้นว่า หากเงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนอยู่ ราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ รวมถึงรอติดตามทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) และทิศทางฟันด์โฟลว์ของบรรดานักลงทุนต่างชาติ

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุนจากทั้งความต้องการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงคราม รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า Dot Plot ล่าสุด และเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าบรรดาธนาคารกลางหลักอื่นๆ

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.20-34.85 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.30-34.55 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“อัน เซยอง” ตบกระจุยผงาดแชมป์แบดมินตันไชน่า มาสเตอร์ส

อัน เซยอง หญิงเดี่ยวมือ 1 ของโลกจากเกาหลีใต้ กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง ไล่ต้อนเจ้าถิ่นอย่าง เกา ฟางเจี๋ย จากจีน 2 เกมรวด คว้าแชมป์แบดมินตันไชน่า มาสเตอร์สไปครอง

การแข่งขันแบดมินตันหลี่-หนิง ไชน่า มาสเตอร์ส 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,150,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 40,250,000 บาท ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ

ไฮไลท์อยู่ที่ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ อัน เซยอง มืออันดับ 1 ของโลกจากเกาหลีใต้ และ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2024 พบกับ เกา ฟางเจี๋ย มืออันดับ 28 ของโลกจากจีน 

เกมนี้ อัน เซยอง ที่สามารถควบคุมเกมการเล่นของตัวเองไว้ได้ทั้งหมด และทำแต้มได้อย่างต่อเนื่อง ตบเอาชนะไปแบบขาดลอย 2-0 เกม 21-12 และ 21-8  อัน เซยอง คว้าแชมป์ในรายการนี้ไปครอง พร้อมรับเงินรางวัล 80,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,817,500 นับเป็นการคว้าแชมป์รายการที่ 5 ในปีนี้ ต่อจากมาเลเซีย โอเพ่น , สิงคโปร์ โอเพ่น , เฟรนช์ โอเพ่น และ  เหรียญทองโอลิมปิก 2024 

ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นๆที่น่าสนใจ เฝิง หยางเจ๋อ กับ หวง ดองปิง คู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ คู่มืออันดับ 2 ของโลกจากจีน ชนะ หู ปังรอง กับ เชง ซู่หยิน คู่มืออันดับ 23 ของโลกจากมาเลเซีย 2-1 เกม 21-23, 25-23 และ  21-16

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


เช็คเลย! “ลิ้น” แบบไหนอันตราย

“ลิ้น” เป็นอวัยวะชิ้นเล็กๆ ในช่องปากที่หลายคนอาจจะมองข้าม แต่จริงๆ แล้วมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเรามาก ลองคิดดูว่าถ้าลิ้นของเราไม่มีปุ่มรับรส เราคงทานอาหารไม่อร่อย ถ้าเราไม่มีลิ้น เราก็พุดไม่ชัด และทานอาหารลำบาก แต่นอกจากนี้ยังลิ้นยังบอกโรค บอกความผิดปกติในร่างกายของเราได้ด้วย

ลิ้นแบบไหน? เป็นโรคอะไร?

  1. ผิวลิ้นหนา

ผิวลิ้นหนา ไม่ได้หมายถึงขนาดของลิ้นทั้งลิ้นที่หนา แต่หมายถึงขนลิ้นเล็กๆ บนลิ้นที่มีความหนา และยาวมากเกินไป จนทำให้อาหารที่ทานเข้าไปติดบนลิ้นได้ง่าย สังเกตได้จากสีของลิ้นที่เปลี่ยนไปตามสีของอาหารที่ทาน และมักถูกเคลือบไปด้วยคราบขาว เหลือง หรือเทาอยู่ตลอดเวลา เมื่อกอของขนลิ้นมีความหนา และมีเศษอาหาร อาจทำให้เกิดแบคทีเรียสะสม จนมีอาการไม่สบายลิ้น รับรู้รสได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควรจะเป็น คันลิ้น หรือมีกลิ่นปากได้ ทางแก้ง่ายๆ คือ แปรงลิ้นทุกครั้งที่แปรงฟัน และงดการสูบบุหรี่

  1. ขอบลิ้นหยัก

ลิ้นของบางคนจะมีรอยหยักที่ขอบลิ้น มาจากหลายสาเหตุ เช่น ลิ้นใหญ่จนไปดันฟันบ่อยๆ จนลิ้นมีรอยหยักเป็นรูปฟัน หรือพฤติกรรมในการกลืนที่ผิดปกติ เอาลิ้นดันฟันขณะเคี้ยวหรือกลืนบ่อยๆ นอกจากนี้หากลิ้นบวมอักเสบจนไปดันฟันจากด้านใน จนเป็นรอยหยักของฟัน ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน (แต่อาจเป็นรอยหยักชั่วคราว) ลิ้นแบบนี้ไม่ได้มีอันตรายอะไร แต่หากมีอาการติดเชื้อ หรืออักเสบให้รีบพบแพทย์

  1. ลิ้นแผนที่

หมายถึงอาการที่หลังลิ้น หรือด้านข้างของลิ้น มีขนสลับกับผิวเรียบลื่น มองดูคล้ายแผ่นที่ โดยรอยแผนที่นี้จะไม่ได้อยู่ถาวร สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปได้เรื่อยๆ สาเหตุของลิ้นก็ไม่เป็นที่แน่ชัด อาจมาจากอารมณ์ที่แปรปรวน ขาดสารอาหาร พันธุกรรม หรือเกิดร่วมกับโรคของระบบร่างกายอื่นๆ เช่น โรคที่เกี่ยวกับเลือด และหอบหืด ลิ้นลักษณะนี้ไม่ได้มีอันตรายใดๆ เช่นกัน แต่บางคนอาจรู้สึกว่ารับรู้รสได้ไม่ดีพอ สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเขารับการรักษาได้

  1. ผิวโคนลิ้นอักเสบ

โคนลิ้นจะมีตุ่มลิ้นที่มีขนาดใหญ่กว่าขนลิ้นด้านปลายลิ้น และตุ่มเหล่านี้มีเนื้อเยื่อภายในของระบบน้ำเหลืองอยู่ด้วย หากเกิดการอักเสบ หรือการเสียดสีจากอาหารที่ทานเข้าไป อาจมีอาการอักเสบบวมโตจนรู้สึกเจ็บ  หรืออาจจะเจ็บจากการติดเชื้อของทางเดินหายใจ คอ หรือต่อมทอลซิลได้เช่นกัน โดยอาจมีอาการเจ็บคอ คอแดง รู้สึกถึงรสปร่าๆ ในปาก และลำคอ รักษาได้โดยลดการเสียดสีบริเวณโคนลิ้นจากฟันคมๆ ในปากของเราเอง หรือขอบฟันปลิมที่หลวม ไม่พอดีกับปากและเหงือก และลดการอักเสบด้วยยา

  1. ผิวลิ้นลูกกอล์ฟ

ลิ้นจะมีลักษณะเป็นหลุมเล็กๆ ครึ่งวงกลมกระจายไปทั่วหลังลิ้น คล้ายกับผิวของลูกกอล์ฟ โดยเป็นลักษณะลิ้นของคนที่สูบบุหรี่จัด ลักษณะได้ง่ายๆ โดยลดการสูบบุหรี่ และทำความสะอาดลิ้นเป็นประจำ

  1. ผิวกลางลิ้นอักเสบ

ใจกลางของหลังลิ้นมีลักษณะเรียบลื่น มีขนลิ้นน้อย รูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมเพชรขนาด 1-2 เซนติเมตร ผู้ป่วยอาจมีอาการแสบเมื่อทานอาหารรสจัด  โดยอาจมีสาเหตุมาจากการอักเสบของขนลิ้นบริเวณนั้น ขนลิ้นสั้นผิดปกติ สูบบุหรี่ หรือพบเชื้อราบนลิ้น หากพบเชื้อราควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์ และรักษาความสะอาดของลิ้นอยู่เสมอ

เห็นเป็นเรื่องลิ้นๆ แบบนี้ จริงๆ แล้วสำคัญมากนะคะ อย่าลืมใส่ใจกับความสะอาดของลิ้นกันด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


PulseX กับภารกิจเข็น “โดรนโดยสาร” แบรนด์ไทย เทียบรถไฟฟ้าแบรนด์จีน

  • PulseX จะเป็นโต้โผขับเคลื่อนโปรเจกต์ใหญ่อุตสาหกรรม “โดรนโดยสาร” (Passenger Drone) นวัตกรรมไทยส่งขายทั่วโลก
  • ภาคเอกชนรายแรกที่สร้าง passenger drone ลำแรกสำเร็จเมื่อปี 2563 ในรูปแบบโดรนโดยสาร 1 ที่นั่ง 
  • โดรนโดยสาร  แต่ละประเทศมีโนว์ฮาวใกล้เคียงกันถือว่าอยู่บนเส้นสตาร์ตเดียวกัน จึงมีโอกาสเสมอกัน
  • เส้นทางการพัฒนาของ PulseX จะโฟกัสไปที่เทคโนโลยี Heavy Lift Drone ตอบโจทย์การใช้งานด้านความมั่นคง

นัทธี อินต๊ะเสน ประธานบริษัท พัลซ ไซเอนซ์ จำกัด มองเห็นโอกาสและศักยภาพของคนไทยในการพัฒนานวัตกรรมโดรนโดยสาร  ด้วยความที่เป็นนวัตกรรมใหม่ แต่ละประเทศจึงมีโนว์ฮาวใกล้เคียงกันหรืออยู่บนเส้นสตาร์ตเดียวกัน มีโอกาสเสมอกัน

ผมมองเห็นโอกาสที่จะทำให้เกิดอุตสาหกรรมโดรนโดยสารที่เป็นแบรนด์ไทย เป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนจากไทย เหมือนกับแบรนด์ EV จากจีนที่มีหลากหลายยี่ห้อส่งไปขายทั่วโลก

“ไทยเรามีบทเรียนมาแล้วทั้งในเรื่องการผลิตเครื่องบิน จากที่เคยเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องบินรบสูสีกับญี่ปุ่น แต่ก็มีเหตุให้ต้องหยุดชะงักไป หรืออุตสาหกรรมรถยนต์จากผู้ผลิตก็กลายมาเป็นผู้เล่น/ผู้ใช้ ทั้งๆที่เรามีศักยภาพอยู่แล้ว”  

นัทธีวางแผนที่จะสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในแวดวงอากาศยานไร้คนขับ โดยดึงศักยภาพของตนเองในการสร้างคอนเนคชั่น ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการภาคเอกชนในกลุ่มของสมาคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ตลอดจนภาคเอกชนที่ออกบูธในงาน “ไทยแลนด์ โดรน เอกซ์โป 2024” ที่เพิ่งผ่านพ้นไป 

นัทธี ได้ก่อตั้งบริษัท พัลซ เอ็กซ์ จำกัด (PulseX) ดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ที่ครอบคลุมทั้งอวกาศและการบิน (UAV) ภาคพื้นดิน (UGV) และการป้องกันทางทะเล (USV) สำหรับภารกิจทั่วโลก ด้วยความหลงใหลในเทคโนโลยีและศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของระบบยานยนต์ไร้คนขับ

แรงบันดาลใจของโปรเจกต์ passenger drone มาจากนักร้องในฟิลิปปินส์และนักเรียนระดับอาชีวศึกษาในกัมพูชาที่สร้างโดรนโดยสารด้วยเทคนิคง่ายๆ ได้สำเร็จ

เมื่อหันมามองตัวเองซึ่งเป็นทั้งนักบินและมีความรู้ในเรื่องศาสตร์ทางการบิน จึงตัดสินใจออกแบบและสร้างต้นแบบโดรนโดยสารขึ้นจนสำเร็จ ต่อมาก็ตามมาด้วยโดรนรูปแบบอื่นๆ

passenger drone ลำแรก

passenger drone ลำแรกสร้างสำเร็จเมื่อปี 2563 ในรูปแบบโดรนโดยสาร 1 ที่นั่ง ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion polymer “Li-Poly” ที่มีความจุไฟฟ้ามากกว่า Li-ion ถึง 20% ในขนาดแบตเตอรี่ที่เท่ากัน มีความแข็งแรงสูง เกิดประกายไฟน้อย และทนต่อการกระชาก

โครงสร้างเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงคงทน ส่วนของปีกมีความยาว 42 นิ้ว ระยะเวลาบิน 30 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 

จากต้นแบบลำแรกได้พัฒนาเป็นโดรนโดยสารลำใหญ่ขึ้น มีจำนวนใบพัดมากขึ้นและใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 62 นิ้ว มอเตอร์ขนาด 60 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 80 แรงม้า ระยะเวลาการบิน 30 นาทีเท่ากับลำแรก แต่บินได้เร็วกว่า โดยบินได้สูงไม่เกิน 500 เมตรจากพื้นดิน 

โดรนรุ่นใหม่มีน้ำหนักเครื่อง 150 กิโลกรัม น้ำหนักโหลด 100 กิโลกรัม รวมน้ำหนักสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลกรัม

ปัจจุบันโดรนโดยสารทั้ง 2 ลำยังไม่ได้พัฒนาในเชิงพาณิชย์ ด้วยข้อกฎหมายของไทยยังไม่อนุญาต ประกอบกับทางบริษัทกำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ต้องรอให้กฎหมายอนุญาตให้ประกอบการเชิงพาณิชย์ได้จึงจะสามารถทำการตลาด

โดรนเพื่อความมั่นคง

สถาบันการบินพลเรือนยกเว้นการขึ้นทะเบียนโดรนน้ำหนัก 25 กิโลกรัม แต่โดรนที่ PulseX พัฒนาจะเป็นโดรนใหญ่ที่น้ำหนักสูงเกิน 100 กิโลกรัมจึงต้องพัฒนาร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงอย่าง กองทัพ ตำรวจ หน่วยงานด้านกู้ภัย ป่าไม้ ที่จะมีกฎหมายอีกฉบับใช้บังคับ

ขณะที่กฎหมายที่ใช้บังคับโดรนพลเรือนนั้นจะมีกฎระเบียบเข้มงวด เน้นปลอดภัยสูงเพราะใช้ท้องฟ้าร่วมกับสายการบิน และบินผ่านชุมชน แต่โดรนด้านยุทธการมีพื้นที่ปฏิบัติการห่างไกลชุมชน

นัทธี กล่าวว่า หลังจากพิจารณาความต้องการในตลาดแล้ว เส้นทางการพัฒนาของ PulseX จะโฟกัสไปที่เทคโนโลยีโดรนขนาดใหญ่ที่มีแรงยกสูง (Heavy Lift Drone) 

โดรนแรงยกสูงนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานด้านความมั่นคง โดรนช่วยเหลือทางการแพทย์ เช่น ขนย้ายผู้ป่วย ลำเลียงยาและเวชภัณฑ์ โดรนลาดตระเวน เป็นต้น โดยทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับหน่วยงานทางทหาร 

“โดรนแรงยกสูงมีโอกาสการใช้งานสูง เช่น สามารถใช้ทดแทนภารกิจขนส่งเสบียงของเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งมีค่าชั่วโมงบินสูงอาจจะไม่คุ้มค่าในการทำภารกิจระยะ 50-100 กิโลเมตรจากฐาน เมื่อเทียบกับการใช้โดรนที่ต้นทุนการบินต่ำกว่า”

ยกตัวอย่างเช่น Heavy lift D-MERT โดรนลำเลียงผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดใหญ่ สามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงถึง 100 กิโลกรัม ผลงานร่วมวิจัยกับกรมแพทย์ทหารบก ได้รับรางวัลชนะเลิศผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ทางทหารของกระทรวงกลาโหม ประจำปี 2566 

นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อกองทัพในการดำรงสภาพหรือพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ให้สูงขึ้นแล้ว ยังสามารถผลักดันนำไปสู่การผลิตเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ทดแทนยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศได้ด้วย.

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


หลักการใช้ Either ง่ายๆ พร้อมตัวอย่างประกอบ

Either หรือ Neither เป็นคำที่มักพบได้บ่อยในการสนทนาภาษาอังกฤษ หลายคนยังคงสับสนระหว่างการใช้ Either หรือ Neither ในบทความนี้จะพูดถึงความหมายของ Either และ หลักการใช้ง่าย ๆ พร้อมตัวอย่างประกอบเพื่อความเข้าใจ สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

Either แปลว่าอะไร?

Either มักใช้คู่กับ or เป็น Either…or… มักใช้ในประโยคที่เราต้องเลือก ให้ความหมายว่า ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

ตัวอย่างการใช้ Either

  • I will go to see the doctor either today or tomorrow.

ฉันจะไปหาหมอไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้

  • Either Sara or Ket has to go to the meeting in the afternoon.

ซาราหรือเคท(ไม่คนใดคนหนึ่ง) ต้องเข้าประชุมตอนบ่าย

  • I want either coffee or tea.

ฉันอยากได้ชาไม่ก็กาแฟ

  • Either mom or dad will come to pick you up.

ไม่พ่อก็แม่(คนใดคนหนึ่ง)จะมารับคุณ

  • You can either call me at home or at the office.

คุณจะโทรหาฉันที่บ้านหรือที่ทำงานก็ได้

  • Either we go by train or we rent a car. Which do you prefer?

เราจะไปโดยรถไฟหรือเช่ารถ คุณสะดวกแบบไหน?

  • You can either have chocolate ice cream or vanilla ice cream for dessert.

คุณสามารถกินไอศกรีมช็อกโกแลตหรือไม่ก็ไอศกรีมวานิลลาเป็นของหวานได้ 

  • We can either go for a walk in the park or stay indoors and watch a movie.

เราจะไปเดินเล่นในสวนสาธารณะหรือไม่ก็อยู่บ้านดูหนัง

  • She can either buy the blue dress or the red one for the party.

เธอสามารถซื้อชุดสีน้ำเงินหรือไม่ก็สีแดงสำหรับงานปาร์ตี้

  • She’s either in the library studying or at the gym working out. She’s always busy.

เธอไม่เรียนหนังสืออยู่ที่ห้องสมุดก็ไปออกกำลังกายที่ยิม เธอมักจะยุ่งอยู่เสมอ

  • You can either finish your project today or work on it over the weekend.

คุณสามารถทำโปรเจ็กต์ให้เสร็จวันนี้หรือไม่ก็ทำมันในช่วงสุดสัปดาห์ก็ได้

  • You can either choose to study for your exam or go to the party tonight. you can’t do both.

คุณสามารถเลือกเรียนเพื่อสอบหรือไม่ก็เลือกไปงานปาร์ตี้คืนนี้ คุณไม่สามารถทำทั้งสองอย่างได้

  • You can either start saving money now or struggle financially later.

คุณสามารถเริ่มประหยัดเงินได้ตั้งแต่ตอนนี้หรือไม่ก็ต้องดิ้นรนทางการเงินในภายหลัง

  • Jett: I don’t like fried foods. – ฉันไม่ชอบของทอด
  • Sage: No, I don’t like either. – ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน
  • Jason: I don’t like going to concerts. – ฉันไม่ชอบไปคอนเสิร์ต
  • Tom: No, I don’t like either. – ฉันก็ไม่ชอบไปเหมือนกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


4 ผลไม้น้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก พร้อมวิธีล้าง

หลักจากที่เคยลงบทความ 4 ผลไม้น้ำตาลสูง ผู้ป่วยเบาหวาน-หัวใจและหลอดเลือด-คนลดน้ำหนัก ควรเลี่ยง กันไปแล้ว เรามีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลน้อย แถมยังมีวิตามินเยอะมาฝากกัน รับรองว่าอร่อย รสชาติดี และเต็มไปด้วยประโยชน์ดีๆ ต่อร่างกายจนทำให้เราหยุดทานไม่ทันกันเลยล่ะ

4 ผลไม้น้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก

  1. มะนาว ผลไม้รสเปรี้ยว เครื่องปรุงอาหารไทยในหลายๆ ชนิด ในปริมาณ 100 กรัม ของมะนาว จะพบน้ำตาลเพียง 1.7 กรัม เท่านั้น​ นอกจากจะนำมาทำอาหารแล้ว ยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วย แต่อย่าเผลอใส่น้ำเชื่อม หรือเกลือในการปรุงแต่งรสมากเกินไปด้วยล่ะ

2. ชมพู่ ผลไม้ที่มีกากใยอาหารเยอะและปริมาณน้ำตาลน้อย เทียบในปริมาณ 100 กรัม ของชมพู่ จะพบน้ำตาลเพียง 5.8 กรัม แต่อย่าทานกับเครื่องจิ้มอย่างพริกเกลือแล้วกัน ทานสดๆ ดีที่สุด

3. ฝรั่ง ผลไม้ที่คนไทยทุกคนคุ้นเคย กินง่าย ราคาไม่แพง อุดมไปด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี และวิตามินเอ มีปริมาณน้ำตาลที่น้อย ตกอยู่ที่ 4.7 กรัม ต่อน้ำหนัก 85 กรัม โดยประมาณ แต่ข้อระวังคือ อย่าทางกับเครื่องจิ้ม ฝรั่งมีเครื่องจิ้มทั้งพริกเกลือธรรมดาๆ และน้ำจิ้มจากน้ำตาลปิ๊บที่หวานมาก ถ้าไม่อยากทานหวาน ก็อย่าทานฝรั่งพร้อมเครื่องจิ้ม

4. สตรอเบอร์รี ผลไม้สีสันสดใส เต็มไปด้วยวิตามินซีในปริมาณสูง ในปริมาณ (ต้องเป็นสตรอเบอร์รีสดเท่านั้น) 100 กรัม มีน้ำตาลอยู่เพียง 0.7 กรัม และเป็นอีกผลไม้ที่ไม่ควรทานกับพริกเกลือ หรือเครื่องจิ้มใดๆ เพราะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานเข้มข้นอยู่แล้ว

หากซื้อผลไม้เหล่านี้มาทาน อย่าลืมล้างผลไม้ให้สะอาดก่อนทาน เพราะเป็นผลไม้ที่ทานทั้งเปลือก 

วิธีล้างผลไม้ เพื่อลดสารเคมีตกค้าง

ผู้บริโภคควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการกินผัก ก่อนกินหรือนำผักมาปรุงอาหาร ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันสารเคมีตกค้างหรือการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค

ล้างด้วยน้ำไหล

  1. แช่ในน้ำนาน 15 นาที
  2. เปิดน้ำไหลผ่านและคลี่ใบผักถูไปมานาน 2 นาที

แช่น้ำก่อนล้าง

วิธีที่ 1

  1. แช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู 5 เปอร์เซ็นต์ ในอัตราส่วนน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 15 นาที
  2. ล้างด้วยน้ำสะอาด

วิธีที่ 2

  1. ใช้โซเดียม ไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) ครึ่งช้อนโต๊ะผสมน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/11/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a43,700.0043,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,831.0042,917.9644,300.00
ทองรูปพรรณ 90%2,547.9038,626.16n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,264.8034,334.37n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,274.0019,313.84n/a
ทองรูปพรรณ 40%991.0015,023.56n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,934.0044,479.44n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/11/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.9535.9536.5535.9535.9535.9535.9535.9535.9535.95
แก๊สโซฮอล์ 9135.5835.5836.1835.5835.5835.5835.5835.5835.5835.58
แก๊สโซฮอล์ E2033.8433.8434.4433.8433.8433.8433.8433.8433.84
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.5449.8449.8449.8444.54
เบนซิน 9544.2449.8144.7444.3944.24
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า