อสังหาชลบุรีพลิกเกมขายไม่ออกกำลังซื้อหดปล่อยเช่าทาวน์เฮาส์

อสังหาเมืองชลบุรี พลิกเกมโครงการบ้านจัดสรรขายไม่ออก ยอดขายใหม่ลดลง2ปีต่อเนื่องเบนเข็มหันมาปล่อยเช่าทาวน์เฮาส์สู้กำลังซื้อหด
หลายปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดชลบุรี ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายด้าน โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านจัดสรรที่มียอดขายใหม่ (New Sale) “ลดลง” อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2566-2567 ที่ผ่านมา จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่า ยอดขายของบ้านจัดสรรในพื้นที่ชลบุรี ปี 2567 “ลดลง” จนน่าตกใจ! โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 1 ถึง ไตรมาส 4 “ลดลง” ตั้งแต่ 10.3-51.7% ไม่ต่างจากในปี 2566 ที่ยอดขาย “ติดลบ” ตั้งแต่ 14.8-38.5%
หลายคนคงสงสัยว่าทำไม? ตลาดอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี ถึงมียอดขายใหม่ลดลงขนาดนี้? คำตอบคือ “กำลังซื้อหดตัว” ทำให้ สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อน้อย ส่งผลให้ผู้บริโภคที่อยากซื้อบ้านไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ แม้บ้านในชลบุรีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ก็ยังขายไม่ออก!!! แม้ว่าจะมีกระแสการเข้ามาลงทุนของต่างชาติในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ไม่ได้ทำให้กำลังซื้อกลับมาเหมือนเดิม ส่วนหนึ่งเพราะโรงงานส่วนใหญ่เน้นไลน์การผลิตอัตโนมัติ ใช้แรงงานคนลดลง!

วัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดชลบุรี หันมา “ปล่อยเช่า” แทนเน้นการขาย ตัวอย่างที่เด่นชัด คือ โครงการบ้านจัดสรรในย่านนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ที่เคยวางแผนจะขายทาวน์เฮ้าส์ราคา 2 ล้านบาทต่อยูนิต จำนวน 3,000 ยูนิต แต่เมื่อเห็นยอดขาย “ลดลง” ดีเวลลอปเปอร์ตัดสินใจเปลี่ยนแผนมาทำ “ทาวน์เฮ้าส์ปล่อยเช่า” แทน โดยตั้งราคาค่าเช่าประมาณ 4,500 บาทต่อเดือน ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีอัตราการเช่า 100% ผู้เช่าย้ายเข้าทันทีหลังจากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว
“กลยุทธ์นี้ถือว่าได้ผลในแง่ของการแก้ปัญหาในตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดชลบุรี แต่คำถามที่ตามมา คือ ทาวน์เฮ้าส์เช่าเหล่านี้จะช่วยให้คนที่เช่าสามารถเปลี่ยนเป็นเจ้าของบ้านได้หรือไม่? ภายใต้โมเดลการเช่าซื้อ (Rent to Own) เพื่อสร้างสเตทเมนต์ทางการเงินไปยื่นกู้ซื้อบ้าน แม้อาจจะยังไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์แบบ 100% ที่ทำให้คนกลุ่มนี้ก้าวสู่การเป็นเจ้าของบ้าน”
ในมุมมองของ วัฒนพล มองว่า การเช่าทาวน์เฮ้าส์ในราคาค่าเช่า 4,500 บาทต่อเดือน สำหรับบ้านที่มีมูลค่าราว 2 ล้านบาทนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย การจ่ายค่าเช่าระดับนี้ไม่ได้แปลว่าผู้เช่าสามารถผ่อนบ้านในราคา 9,000-10,000 บาทต่อเดือนในอนาคตได้ง่ายๆ ดังนั้น การใช้สเตทเมนต์การชำระค่าเช่าไปยื่นขอสินเชื่อจากธนาคาร อาจจะทำให้ผู้กู้ได้รับสินเชื่อในวงเงินที่ต่ำกว่าความต้องการ โดยบ้านที่สามารถกู้ได้อาจมีราคาไม่เกิน 9.9 แสนบาท ซึ่งมักจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งงานหลัก ไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงาน
“การที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยจะได้รับอนุมัติหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการคำนวณจากสเตทเมนต์การเงินและความสามารถในการผ่อนชำระในระยะยาว ซึ่งดูเหมือนว่า Rent to Own อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับทุกคน แต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ตลาดต้องทดลองและปรับตัวไปตามสถานการณ์ในอนาคต”
ดังนั้น การที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หันมาใช้กลยุทธ์ “ปล่อยเช่า” ทาวน์เฮ้าส์ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี อาจเป็นทางเลือกที่ดีในสถานการณ์ที่ตลาดบ้านใหม่เงียบเหงา
แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การกลับมาของความสามารถในการกู้ซื้อบ้านและการปรับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวได้อีกครั้ง การทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในยุคนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ทั้งผู้พัฒนาโครงการและผู้บริโภคแบบ Win-Win
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
แสนสิริ จี้แบงก์ปล่อยสินเชื่อเพิ่ม10% ฟื้นตลาดอสังหาฯ

เปิดมุมมอง แสนสิริ ต่อมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ชี้ มาตรการเชิงรับมากกว่าเชิงรุกไม่ทันสถานการณ์ แนะธนาคารปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มอีก 10% ฟื้นตลาดอสังหาฯ
เมื่อรัฐบาลประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองลงเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ไปจนถึงกลางปี 2569 เป็นการกระตุ้นที่ดีสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในแง่ของการ “ลดต้นทุน” แต่ทว่าในมุมมองของ ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ แสนสิริ กลับแสดงถึงความกังวลว่า มาตรการที่ประกาศมา “ช้าเกินไป” และมีลักษณะ “เชิงรับ” มากกว่า “เชิงรุก” ซึ่งอาจไม่สามารถพลิกฟื้นสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ได้อย่างที่คาดหวัง เพราะมีปัจจัยลบเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ผ่านดินไหวและมาตรการภาษีทรัมป์
“มาตรการที่ออกมาเป็นเชิงรับ(Reactive)ไม่ใช่เชิงรุก ( Proactive) เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มเห็นสัญญาณเชิงลบมา1 ปีแล้ว ห่วงโซอุปทานต่างๆ ได้รับผลกระทบและบอบช้ำไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนในความพยายามทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น เพราะมาช้ายังดีกว่าไม่มา”
ภูมิภักดิ์ ระบุว่า แม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือที่เคยใช้ประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต แต่ปัจจุบันสิ่งที่ภาคอสังหาริมทรัพย์กำลังเผชิญอยู่นั้น คือการ “กำลังซื้อ” ที่ติดขัดอยู่กับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นจนกลายเป็น “กับดัก” ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่เติบโตย่อมทำให้กำลังซื้อไม่สามารถฟื้นกลับมาได้เร็วพอ ไม่ต่างจากการที่น้ำยังไหลไม่ถึงปลายทาง
เขากล่าวต่อไปว่า หากถามว่า “วันนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องการอะไร?” คำตอบของเขาคือ “การเพิ่มกำลังซื้อ” แต่จะทำได้อย่างไร? คำตอบเดียวคือต้องให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ในช่วงนี้เศรษฐกิจไทยจะไม่สามารถเติบโตได้ถ้าไม่มีการปล่อยสินเชื่อ !
สำหรับหนี้สินจากที่อยู่อาศัยที่หลายคนมองว่าเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้น ภูมิภักดิ์เห็นว่าไม่ควรนำมามองเป็นอุปสรรค เพราะหนี้ที่อยู่อาศัยนั้นถือเป็นหนี้ที่ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL (Non-Performing Loan) น้อยที่สุด! ซึ่งหมายความว่าหนี้สินประเภทนี้ยังถือว่าเป็นหนี้ที่ไม่ค่อยมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระ
จากนี้ หากธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปีนี้ คาดว่าจะช่วยเสริมสร้าง“ปัจจัยบวก”ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้น หากควบคู่กับการลดอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่ลดลงมากตามที่ ธปท. ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากมีสเปรดที่แคบลง ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อทำได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกัน ภูมิภักดิ์ยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบ GDP ของไทยโดยตรง สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อกำลังซื้อในประเทศเริ่มลดลง การส่งออกซึ่งมีสัดส่วนถึง 70% ของ GDP ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอื่น ๆ ในประเทศได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดในภาคการค้าระหว่างประเทศ
ในขณะที่ภาครัฐจะมีปัญหาในเรื่องของการขยายการใช้จ่ายไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากกรอบหนี้สาธารณะที่ 70% ทำให้ไม่สามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบได้เพียงพอ ดังนั้น “ทางรอด” ของไทยจึงเป็นการ”ดึงดูด”การลงทุนจากต่างชาติ ด้วยการปรับกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้สามารถดึงดูดการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา 1-2 ปีในการสร้างกระแสเงินลงทุนเข้าสู่ประเทศ
เมื่อมีการลงทุนจากต่างชาติ ความต้องการที่อยู่อาศัยในตลาดก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ทั้งนี้หากการเช่าต่อระยะยาวไม่มีการขยายเพิ่มขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจไทยพลาดโอกาสในการมีเงินใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
ท้ายที่สุดแล้ว ภูมิภักดิ์ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวถึงผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาว่า สิ่งที่ควรทำคือการให้ความช่วยเหลือกับผู้ประสบภัยให้เร็วที่สุด! โดยไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับ“ความเชื่อมั่น”ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดคอนโดที่ได้รับผลกระทบจากความ“วิตกกังวล” ขณะที่ความต้องการในโครงการแนวราบกลับเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ในยามวิกฤตยังมี“โอกาส”
ในท้ายที่สุด ภูมิภักดิ์เชื่อว่า ปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายไปในไม่ช้า เมื่อเวลาเยียวยาความตึงเครียดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาใหม่ เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ความต้องการที่อยู่อาศัยในประเภทคอนโดจะกลับมาอีกครั้ง! และประเทศไทยจะยังคงมีการปรับตัวไปพร้อมกับการพัฒนาโครงสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์ได้เหมือนกับประเทศที่เคยประสบปัญหาคล้ายคลึงกัน เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน แม้ปัจจุบันสถานการณ์จะท้าทาย แต่ทุกวิกฤตก็มีโอกาสแฝงอยู่เสมอ !
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 9เม.ย.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.91 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่ากรอบจะอยู่ที่ระดับ 34.70-35.00 บาท/ดอลลาร์มองตลาด/ฝั่งผู้ส่งออกอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ จับตาท่าทีของทางการจีนจะรับมือกับความเสี่ยงที่สหรัฐเตรียมจะขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนเป็น 104%
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 9เม.ย.2568ที่ระดับ 34.91 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 34.82 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงได้ จนกว่าตลาดจะคลายกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
โดยเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก หลังบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง กดดันให้บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทย
โดยเฉพาะหุ้นไทยเพิ่มเติม ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ และเงินหยวนจีน ซึ่งเป็นสองสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทเกิน 70% (30-day Correlation) โดยหากราคาทองคำทยอยรีบาวด์สูงขึ้นได้บ้าง ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท
ส่วนในฝั่งเงินหยวนนั้น ต้องจับตาท่าทีของทางการจีน ว่าจะรับมือกับความเสี่ยงที่สหรัฐฯ เตรียมจะขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนเป็น 104% (20%+34%+50%) อย่างไร นอกจากนี้ เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาด
อย่างฝั่งผู้ส่งออกอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจช่วยจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาทได้ในระยะสั้น
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.70-35.00 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง (แกว่งตัวในกรอบ 34.67-34.94 บาทต่อดอลลาร์) โดยค่าเงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
ที่ล่าสุด ทางการสหรัฐฯ ได้เตรียมขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนอีก 50% ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนจะสูงถึง 104% ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้เงินหยวนจีน Offshore (CNH) อ่อนค่าลงต่อเนื่องชัดเจน สร้างแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท (ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินหยวนจีน Offshore CNH ราว 71%)
นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาทองคำ อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงบ้าง ตามการปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 4-5 ครั้ง ในปีนี้ ของผู้เล่นในตลาด
ท่ามกลางความกังวลผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินยังได้ช่วยหนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามความต้องการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง หลังทางการสหรัฐฯ ยังคงยืนกรานเดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้าล่าสุด (Reciprocal Tariffs) ที่ได้ประกาศก่อนหน้า นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯ ยังได้ขู่ขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนอีก 50% เพื่อตอบโต้ที่ทางการจีนจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ 34% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ดิ่งลง -1.57%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้นกว่า +2.72% หลังผู้เล่นในตลาดต่างมีความหวังว่า ทางการสหรัฐฯ อาจเปิดทางให้บรรดาประเทศต่างๆ เข้าเจรจาการค้าเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากนโยบายกีดกันทางการค้าล่าสุด
ทว่า ภายหลังทางการสหรัฐฯ ยังคงยืนกรานเดินหน้าดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าที่ประกาศไว้ ส่งผลให้ สัญญาฟิวเจอร์สตลาดหุ้นยุโรปล่าสุด อาทิ สัญญาฟิวเจอร์สดัชนี DAX เยอรมนี ปรับตัวลดลงกว่า -1.3%
ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้น สู่ระดับ 4.34% หลังในช่วงแรกผู้เล่นในตลาดต่างมีความหวังว่า ทางการสหรัฐฯ กับหลายประเทศอาจเดินหน้าการเจรจาการค้า เพื่อลดทอนผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ
นอกจากนี้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากความกังวลว่า ผู้เล่นในตลาดอาจมีความสนใจเข้าประมูลบอนด์ 10 ปี ลดลง หลังผลประมูลบอนด์ 3 ปี ล่าสุด สะท้อนถึงความต้องการซื้อบอนด์ที่ลดลงจากครั้งก่อนพอสมควร
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ถูกชะลอลงบ้าง ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 4-5 ครั้ง ในปีนี้ จากผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดอาจต้องเดินหน้าลดดอกเบี้ย 4-5 ครั้ง ในปีนี้ เพื่อรับมือผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังผู้เล่นในตลาดต่างต้องการถือเงินเยนญี่ปุ่นเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงตลาดปิดรับความเสี่ยงและเผชิญความผันผวนสูง ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลงสู่โซน 102.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 102.6-103.4 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง อีกทั้ง เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลง ทว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการเลือกถือเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แทนทองคำ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. 2025) ทยอยปรับตัวลดลง สู่โซน 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) นอกจากนี้ ผลการประมูลบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม
ส่วนในฝั่งเอเชีย บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ความกังวลผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง อาจส่งผลให้ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) และธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ตัดสินใจลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 3.50% และ 6.00% ตามลำดับ
และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า ว่าจะสามารถช่วยลดอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ ประกาศล่าสุด ได้บ้างหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
6 โรคฮิตหน้าร้อนที่ผู้หญิงต้องระวัง เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพได้ดีเสมอ

ฤดูร้อนมักมาพร้อมกับอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเรามากมาย โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ต้องดูแลทั้งตัวเอง ครอบครัว และต้องทำงาน โรคหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับอากาศร้อน จึงอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ง่าย ๆ หากไม่ระวัง ดังนั้น เราจะพาสาว ๆ ไปรู้จัก 6 โรคฮิตที่ควรระวังในหน้าร้อน เพื่อปกป้องสุขภาพและรักษาความสดใสได้ทุกวันกัน
6 โรคฮิตที่ควรระวังในหน้าร้อน
1.โรคลมแดด (Heat Stroke)
โรคลมแดดเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ในสภาวะอากาศร้อนจัด ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกายอย่างรวดเร็ว อาการที่พบได้บ่อย เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ และอาจเป็นลมหรือหมดสติได้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการดื่มน้ำเยอะ ๆ หลีกเลี่ยงการออกแดดแรง และสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีเสมอ
2.โรคผิวหนังจากแสงแดด (Sunburn)
แสงแดดที่มีรังสี UV สูงในฤดูร้อน สามารถทำให้ผิวหนังของสาว ๆ ไหม้และเกิดการระคายเคืองได้ การสัมผัสแสงแดดโดยตรงในช่วงกลางวัน อาจทำให้ผิวหนังเกิดการเสื่อมสภาพและมีริ้วรอยก่อนวัย จึงควรใช้ครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดดและสวมหมวกหรือเสื้อผ้าที่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้
3.โรคภูมิแพ้จากอากาศร้อน (Heat Rash)
อาการผื่นคันจากเหงื่อออกมากในฤดูร้อน จะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้จากอากาศร้อน ซึ่งมักเกิดในจุดที่มีการเสียดสีบ่อยครั้ง หรือเหงื่อชุ่มอยู่ตลอดเวลา เช่น ข้อพับและรอบคอ ควรสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และทำความสะอาดร่างกายหลังจากเหงื่อออกมาก ๆ เพื่อลดการเกิดผื่นที่อาจพัฒนาสู่การอักเสบได้
4.โรคท้องเสีย (Diarrhea)
หน้าร้อนการกินอาหารที่เก็บไว้ในที่ร้อน หรืออาหารที่ไม่สะอาดเพียงพอ อาจนำไปสู่การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องเสีย คุณผู้หญิงจึงควรเลือกกินอาหารที่สดใหม่และหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีการจัดเก็บไม่ดี หากมีอาการท้องเสียต่อเนื่อง ควรดื่มน้ำเปล่าหรือเกลือแร่ต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการขาดน้ำ และรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
5.โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection – UTI)
การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อนและเหงื่อออกมาก อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิง อาการที่มักเกิดขึ้นเด่นชัด เช่น ปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยหรือขัด ป้องกันได้ด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ และรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศเสมอ
6.โรคปวดศีรษะจากอากาศร้อน (Heat Headache)
การออกแดดจัดในหน้าร้อน อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ง่ายมาก เนื่องจากร่างกายขาดน้ำและการไหลเวียนเลือดไม่ดีพอ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงในช่วงแดดร้อนจัด และดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการนี้ จากนั้นให้พักผ่อนในที่ร่มและดื่มน้ำให้เพียงพอ
โรคต่าง ๆ ที่เกิดจากอากาศร้อน สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณผู้หญิงได้ง่ายมาก ดังนั้น การดูแลตัวเองในช่วงฤดูร้อนจึงสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด, ดื่มน้ำให้เพียงพอ, ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และรักษาความสะอาดร่างกายให้ดี เพื่อให้คุณไม่ต้องไปเสี่ยงต่อโรคที่มาพร้อมกับฤดูร้อน ที่อาจส่งผลเสียระยะยาวต่อสุขภาพได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
พิชิต 3 เส้นทาง! “บางกอกแอร์เวย์ส” จัดงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนแห่งปี “บูทีค ซีรีส์ 2025”

บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ประกาศความพร้อม! สำหรับการกลับมาอีกครั้งรายการแข่งขันวิ่งที่ทุกคนรอคอย “บางกอกแอร์เวย์ส บูทีค ซีรีส์ 2025 : BANGKOK AIRWAYS BOUTIQUE SERIES 2025” อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่มุ่งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7
ปีนี้พบกับ 3 สนามวิ่ง ณ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญใน 3 จังหวัด ได้แก่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี, จ.ตราด และ จ.สุโขทัย พร้อมร่วมวิ่งไปกับ 3 ศิลปินหนุ่ม 3 สไตล์ และเซเลบริตี้อีกมากมายที่จะตบเท้าเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 10 กันยายน 2568 โดยสามารถติดตามรายละเอียด และสมัครลงแข่งขันในเส้นทางต่าง ๆ ได้ โดยแต่ละสนามจะปิดรับสมัครล่วงหน้าก่อนวันแข่งขันผ่านทางเว็บไซต์ https://bangkokairways.run และเฟซบุ๊ก https://facebook.com/BangkokAirways.Run

การแข่งขันแบ่งเป็นประเภท ระยะฮาล์ฟ มาราธอน 21 กิโลเมตร (Half Marathon), มินิ มาราธอน 10 กิโลเมตร (Mini Marathon), ฟันรัน 5 กิโลเมตร (Fun Run) และฐานกิจกรรมพิเศษเอาใจนักวิ่งรุ่นเยาว์ สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี ระยะทาง 800 เมตร กับ Kids Series 2025 ที่มาพร้อมกิจกรรมสนุกสนานมากมาย สายวิ่งเตรียมปักหมุดและฟิตความพร้อมรอได้เลย! กับเส้นทางในฝันของเหล่านักวิ่ง เพราะนอกจากจะได้ทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจแล้ว ยังได้สัมผัสกับทัศนียภาพสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่ออีกด้วย

ประเดิมเส้นทางแรก BANGKOK AIRWAYS SAMUI HALF MARATHON 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21-22 มิถุนายน 2568 นักวิ่งจะได้สัมผัสบรรยากาศของบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เกาะสวรรค์แห่งอ่าวไทย และพบกับศิลปินหนุ่มหล่ออารมณ์ดี “ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ” ในวันที่ 22 มิถุนายน นี้ ณ สวนสาธารณะพรุเฉวง เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

ต่อด้วยรายการ “BANGKOK AIRWAYS TRAT HALF MARATHON 2025” วันที่ 16-17 สิงหาคม 2568 กระทบไหล่ศิลปินหนุ่มสุดเท่สายเลือดนักกีฬา “โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” จะมาร่วมวิ่งไปกับทุกคนในวันที่ 17 สิงหาคม 2568 ณ โรงเรียนตราษตระการคุณ จ.ตราด และปิดท้ายกับรายการ “BANGKOK AIRWAYS SUKHOTHAI HALF MARATHON 2025” วันที่ 27-28 กันยายน 2568 เตรียมกรี๊ดให้สุดเสียงกับนักแสดงหนุ่มลูกครึ่ง “เทศน์ เฮนรี ไมรอน” ที่จะมาร่วมสร้างสีสันและวิ่งไปด้วยกันในวันที่ 28 กันยายน 2568 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย

อวิ่งดีไซน์ใหม่ล่าสุดจาก บางกอกแอร์เวย์ส บูทีค ซีรีส์ 2025 กับอัตลักษณ์ของ 3 เส้นทาง 3 แห่ง ที่ออกแบบโดย คุณชัชวาลย์ กลีบลำเจียก หรือ Underhatdaddy ศิลปินอิสระผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาช่วยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านลวดลายบนเสื้อวิ่งได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น เกาะสมุย สัมผัสความงามของท้องทะเลสีคราม หาดทรายขาว สนุกเพลิดเพลินกับกีฬาทางน้ำ, ตราด ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ป่าชายเลนที่เขียวชอุ่ม และเสน่ห์ของวิถีชีวิตอันเรียบง่าย และ สุโขทัย ร่วมย้อนรอยอารยธรรมไทย สัมผัสความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรสุโขทัย และความงดงามของสถาปัตยกรรมที่งดงาม
เฉพาะสำหรับผู้โดยสารบางกอกแอร์เวย์สสามารถลงทะเบียนรับโค้ดฟรี Fly to Run ในการจองตั๋วเครื่องบินกับบางกอกแอร์เวย์ส ตามช่วงเวลา และจังหวัดที่กำหนด รับสิทธิ์วิ่งฟรี! โดยเส้นทาง สมุย ใช้สิทธิ์ช่วงเวลาวันที่ 14-29 มิถุนายน 2568, จ.ตราด วันที่ 8-24 สิงหาคม 2568 และ จ.สุโขทัย วันที่ 20 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 บัตรโดยสาร 1 ใบ รับสิทธิ์ได้ 1 สิทธิ์ เพียงส่งหลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินทางอินบ็อกซ์ผ่านเฟซบุ๊ก https://facebook.com/BangkokAirways.Run โดยลงทะเบียนก่อนวันปิดรับลงทะเบียนของแต่ละสนาม ทั้งนี้ การจองตั๋วเครื่องบินขาเดียว สามารถเลือกลงทะเบียนวิ่งในระยะ 5 กม. และ 10 กม.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กระแสไวรัล AI สร้างภาพ สวยแต่เสี่ยง รูปส่วนตัวอาจกลายเป็นข้อมูลสาธารณะ

กระแสไวรัลรูปภาพที่สร้างโดย AI ว่าการถ่ายโอนสไตล์ (Style transfer) หรือการใช้ฟิลเตอร์สไตล์กับรูปภาพนั้น เป็นเทคโนโลยีที่มีอายุหลายสิบปี แต่ด้วยโมเดลภาษาภาพแบบมัลติโหมด เช่น gpt-4o ของ OpenAI ทำให้เทคโนโลยีนี้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามความนิยมดังกล่าวมาพร้อมกับคำถามสำคัญเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยข้อมูลที่ตามมา การถ่ายโอนสไตล์ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการเทคโนโลยี แต่เป็นเทคนิคที่ได้รับการพัฒนามานานหลายทศวรรษ โดยหลักการสำคัญคือการนำลักษณะเฉพาะทางศิลปะหรือสไตล์จากภาพหนึ่งมาประยุกต์ใช้กับอีกภาพหนึ่ง ในอดีต กระบวนการนี้ต้องใช้ทักษะการตัดต่อภาพขั้นสูงและเวลานาน แต่ด้วยพลังของ AI ในปัจจุบัน การแปลงภาพให้มีสไตล์ต่างๆ สามารถทำได้เพียงไม่กี่วินาที

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2559 แอปพลิเคชันมือถืออย่าง Prisma และ Vinci เคยสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ด้วยความสามารถในการเปลี่ยนภาพถ่ายธรรมดาให้กลายเป็นงานศิลปะที่มีสไตล์แบบต่างๆ ทั้งแนวคลาสสิค อิมเพรสชันนิสม์ หรือศิลปะร่วมสมัย แอปเหล่านี้ใช้การประมวลผลบนคลาวด์ผ่านนิวรัลเน็ตเวิร์กขนาดใหญ่เพื่อวิเคราะห์และสร้างภาพใหม่ตามสไตล์ที่เลือก
แต่สิ่งที่ทำให้การถ่ายโอนสไตล์กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในปัจจุบันคือการบูรณาการเข้ากับแพลตฟอร์มการสนทนา AI อย่าง ChatGPT ที่มาพร้อมกับ GPT-4o ซึ่งสามารถประมวลผลทั้งข้อความและภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพและขอให้ AI สร้างภาพเหมือนที่มีสไตล์แตกต่างกันได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่การสนทนาปกติ
แม้เทคโนโลยีการถ่ายโอนสไตล์จะสร้างความบันเทิงและความสร้างสรรค์ แต่ก็มาพร้อมกับคำถามสำคัญเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากผู้ใช้ต้องอัปโหลดรูปภาพไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการเพื่อประมวลผลหลายคนไม่ตระหนักว่าเมื่อใช้บริการเหล่านี้ รูปภาพส่วนตัวอาจถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลของบริษัทและอาจถูกนำไปใช้เพื่อฝึกฝนโมเดล AI ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นโยบายความเป็นส่วนตัวของแต่ละบริการอาจมีข้อกำหนดแตกต่างกัน บางบริการอาจเก็บข้อมูลไว้เพียงชั่วคราว ในขณะที่บางบริการอาจเก็บไว้อย่างถาวร หรือแม้กระทั่งมีสิทธิ์ในการใช้ภาพเหล่านั้นในอนาคต
ความเข้าใจผิดที่สำคัญประการหนึ่งคือการมองว่าการสนทนากับ AI เป็นเรื่องส่วนตัวเหมือนการคุยกับเพื่อน ในความเป็นจริง การสนทนาเหล่านี้ถูกบันทึกและอาจถูกตรวจสอบโดยทีมพัฒนา หรือใช้เพื่อปรับปรุงระบบ AI ให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลที่ส่งไปยังระบบอาจมีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือการโจมตีทางไซเบอร์
แม้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะให้คำมั่นว่าจะรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า แต่ในความเป็นจริงไม่มีระบบใดที่สมบูรณ์แบบ 100% ข้อมูลอาจรั่วไหลได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นข้อบกพร่องทางเทคนิค การโจมตีทางไซเบอร์ หรือแม้แต่การกระทำที่ไม่เหมาะสมของพนักงานภายในองค์กร
จากรายงานของ Kaspersky Digital Footprint Intelligence พบว่ามีการซื้อขายบัญชีผู้ใช้บริการ AI ที่ถูกขโมยมาในเว็บมืดและฟอรัมแฮกเกอร์จำนวนมาก ซึ่งบัญชีเหล่านี้อาจมีประวัติการสนทนาส่วนตัวและรูปภาพที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้ การละเมิดข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงแต่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การฉ้อโกงหรือการแอบอ้างตัวตนได้
รูปถ่ายโดยเฉพาะภาพบุคคลเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถเปิดเผยข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับผู้ใช้ที่อาชญากรไซเบอร์อาจนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น การปลอมตัวเป็นผู้ใช้บนโซเชียลมีเดียเพื่อหลอกลวงเพื่อนหรือครอบครัว แม้ว่าภาพถ่ายเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการฉ้อโกง แต่เมื่อรวมกับข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เช่น ข้อมูลทางการเงินหรือสุขภาพที่อาจเปิดเผยในการสนทนากับ AI ก็อาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการโจมตีแบบเฉพาะเจาะจง (spearphishing)
เทคโนโลยีการสร้างและแปลงภาพด้วย AI มีแนวโน้มที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีบทบาทสำคัญในชีวิตดิจิทัลของเรา ในอนาคต อันใกล้ เราอาจเห็นการพัฒนาระบบที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น การประมวลผลแบบ on-device ที่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ หรือเทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบ federated learning ที่ช่วยให้โมเดล AI เรียนรู้ได้โดยไม่ต้องเข้าถึงข้อมูลต้นฉบับของผู้ใช้
ในขณะเดียวกัน เราต้องติดตามและผลักดันให้มีการพัฒนากฎหมายและมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การสร้างความสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการปกป้องสิทธิของผู้ใช้เป็นสิ่งที่ท้าทายแต่จำเป็นอย่างยิ่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คำศัพท์ฤดูกาลต่างๆ สภาพอากาศภาษาอังกฤษ

สภาพอากาศภาษาอังกฤษ (Weather)
คำศัพท์ สภาพอากาศภาษาอังกฤษ คําอ่าน และคำแปล มีคำว่าอะไรบ้าง? ไปดูกันเลยจ้า
ภูมิอากาศภาษาอังกฤษ
sunny (ซัน’นี) adj. แปลว่า มีแดดมาก,แดดจัด
rainy (เร’นี) adj. แปลว่า มีฝนตก
snowy (สโน’วี) adj. แปลว่า ปกคลุมไปด้วยหิมะ, หิมะตกหนัก
icy (ไอ’ซี) adj. แปลว่า เต็มไปด้วยน้ำแข็ง, มีน้ำแข็งมาก
clear (เคลียร์) adj.,adv. แปลว่า แจ่มใส
cloud (เคลาดฺ) n. แปลว่า เมฆ
cloudy (เคลา’ดี) adj แปลว่า มีเมฆมาก, ปกคลุมด้วยเมฆ
stormy (สทอร์ม’มี) adj. แปลว่า มีลมพายุ,มีมรสุม
foggy (ฟอก’กี) adj. แปลว่า มีหมอกมาก
windy (วิน’ดี) adj. แปลว่า มีลมแรง
blizzard (บลิซ’เซิร์ด) n. แปลว่า พายุหิมะ
breeze (บรีซ) n. แปลว่า ลมพัดเบาๆ
lighting (ไล’ทิง) n. แปลว่า ฟ้าแลบ
hurricane (เฮอ’ระเคน) n. แปลว่า พายุเฮอริเคน
smog (สมอค) n. แปลว่า ควัน หมอก
flood (ฟลัด) n. แปลว่า น้ำท่วม
ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ Weather (สภาพอากาศ)
การถามสภาพอากาศ สามารถใช้ประโยคดังต่อไปนี้
• What’s the weather like? (วอท เธอะ เวธเธอะ ไลค)
อากาศเป็นอย่างไรบ้าง
• How is the weather today? (ฮาว อีส เธอะ เวธเธอะ ทูเดย์)
วันนี้อากาศเป็นอย่างไรบ้าง
การบอกสภาพอากาศ ให้ใช้ “ It’s…” หรือ “The weather is…” ตามด้วย Noun หรือ Adj.
ตัวอย่างประโยคการบอกสภาพอากาศภาษาอังกฤษ
• It’s going to freeze tonight. (อิท โกอิง ทู ฟรีซซิง ทูไนท)
คืนนี้อากาศจะเย็น
• It’s looks like it’s going to rain. (อิท ลุค ไลค อิท โกอิง ทู เรน)
ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตก
• It’s going to cloud over again this afternoon. (อิท โกอิง ทู เคลา โอเวอะ อะเกน ธิส อาพเธอะนูน)
ช่วงบ่ายนี้จะมีเมฆปกคลุมอีกครั้ง
• It looks as if it’s going to clear up. (อิท ลุคแอส อิฟ อิท โกอิง ทู เคลียร์ อัพ)
ดูเหมือนว่าอากาศจะแจ่มใสแล้วนะ
• It will be cloudy and rainy all day. (อิท วิล บี เคลาดี แอนด์ เรนนี ออล เดย์)
มันจะมีเมฆมากและฝนตกทั้งวัน
• I hope it will be fine tomorrow. (ไอ โฮพ อิท วิล บี ไฟน ทูมอโร)
ฉันหวังว่าอากาศจะดีในวันพรุ่งนี้
ฤดูกาลภาษาอังกฤษ (Season)
คําศัพท์ภาษาอังกฤษ ฤดูต่างๆ คําอ่าน และคำแปล มีดังนี้
คําศัพท์เกี่ยวกับฤดูต่างๆ
spring (สพริง) n. แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิ
damp (แดมพฺ) adj. แปลว่า ชื้น
cool (คูล) adj. แปลว่า เย็น, เย็นสบาย
brisk (บริสคฺ) adj แปลว่า กระฉับกระเฉง
summer (ซัม’เมอะ) n. แปลว่า ฤดูร้อน, หน้าร้อน
muggy (มัก’กี) adj. แปลว่า ร้อนชื้นมาก
hazy (เฮ’ซี) adj. แปลว่า เต็มไปด้วยหมอก
downpour (ดาว’พอร์) n. แปลว่า ฝนห่าใหญ่
hail (เฮล) n.,vt. แปลว่า ลูกเห็บ
fall (ฟอล) n. แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วง
drizzle (ดริซ’เซิล) n.,vt. แปลว่า ฝนตกปรอย ๆ
foggy (ฟอก’กี) adj. แปลว่า มีหมอกมาก, สลัว, ฟ้ามัว
chilly (ชิล’ลี่) adj. แปลว่า หนาวยะเยือก
winter (วิน’เทอะ) n. แปลว่า ฤดูหนาว
freezing (ฟรซ’ซิง) adj. แปลว่า เย็นมาก หนาวมาก (แบบหนาวถึงกระดูก)
whiteout (ไวทฺ’เอาทฺ) n. แปลว่า ขาวโพลนเต็มไปด้วยหิมะ
rain (เรน) n. แปลว่า ฤดูฝน, หน้าฝน
torrential rain (ทอเรน’เชิล เรน) แปลว่า ฝนตกหนักมาก
rainstorm (เรน’สทอร์ม) n. แปลว่า พายุฝน
พยากรณ์อากาศ ภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ อุณหภูมิภาษาอังกฤษ เขียน อ่าน อย่างไร?
พยากรณ์อากาศภาษาอังกฤษ
temperature (เทม’เพอระเชอะ) n. แปลว่า อุณหภูมิ
Degrees Fahrenheit (ดีกรี ฟาร์’เรนไฮทฺ) n. แปลว่า องศาฟาเรนไฮต์
Degrees Celsius (ดีกรี เซล’ซียส) n. แปลว่า องศาเซลเซียส
Degrees Centigrade (ดีกรี เซนติเกรด) n. แปลว่า องศาเซนติเกรด
Hot (ฮอท) n. แปลว่า ร้อน
Warm (วอร์ม) adj. vt. vi. แปลว่า อบอุ่น
Cool (คูล) แปลว่า เย็น
Chilly (ชิล’ลี่) adj.,adv. แปลว่า เยือกเย็น
Cold (โคลดฺ) n. แปลว่า หนาว
Freezing (ฟรซ’ซิง) n. แปลว่า จุดเยือกแข็ง
Below freezing (บิโล’ ฟรซ’ซิง) แปลว่า ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
Five (degree) below (zero) (ไฟฟฺ บิโล’) แปลว่า -5 องศาฟาเรนไฮต์
Minus twenty (degrees) (ไม’นัส ทเวน’ที) แปลว่า -20 องศาเซนเซียส
ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ ถามสภาพอากาศ
A : How’s the weather ? แปลว่า อากาศเป็นอย่างไรบ้าง ?
B : It’ snowy. แปลว่า ที่นี่หิมะตกหนัก
A : What’s the temperature there? แปลว่า ที่นั่นอุณหภูมิเท่าไหร่ ?
B : It’s ten below zero. (-10 degrees) แปลว่า อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส
A : Do you have rain? แปลว่า ฝนตกไหม ?
B : We haven’t had a drop of rain for weeks. แปลว่า ฝนไม่ตกมาหลายอาทิตย์แล้ว
Ex. It is going to rain. แปลว่า ฝนกำลังจะตก
อยากบอกว่า ร้อนมาก ภาษาอังกฤษ พูดแบบนี้
อยากพูดกับต่างชาติว่า ร้อนมาก ร้อนจะบ้าอยู่แล้วพูดเป็นอังกฤษได้แบบนี้ค่ะ
It’s so hot today. วันนี้อากาศร้อนมาก
It’s hot as hell. ร้อนยังกับนรก (ไม่สุภาพนัก ใช้พูดกับเพื่อนฝูงหรือคนที่เราสนิทด้วยได้)
I’m hot. ฉันร้อน
It’s terribly hot. ร้อนเป็นบ้าเลย
It’s flippin’ hot!โคตรร้อนเลย!
It’s boiling hot! ร้อนจนเดือด
It’s scorching! ร้อนจนจะไหมแล้ว!
It’s so hot. ร้อนมากๆเลย
It’s so hot in here. ในนี้ร้อนมากๆเลย
It’s so hot outside. ข้างนอกร้อนมากๆเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
5 ข้อควรรู้ก่อนทาน “ทุเรียน” ทานไม่ระวังเสี่ยงเสียชีวิต

ช่วงนี้อากาศบ้านเราร้อนจริงๆ ว่าไหมคะ มีข่าวคนเสียชีวิตจากอากาศร้อน หรือ ฮีทสโตรก ก็มากมาย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยทีเดียว (อ่าน “4 โรคอันตราย ที่มาพร้อม แดด และ อากาศร้อนอบอ้าว” และ “6 กลุ่มเสี่ยง “โรคลมแดด” ร้อนถึงตาย อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม” ที่นี่) แต่สิ่งที่ดีของอากาศร้อนคือ ผลไม้หน้าร้อนผลิดอกออกผลให้เราเลือกทานมากมาย โดยเฉพาะ “ทุเรียน”
แต่ทราบหรือไม่คะว่า ทุเรียน ถึงจะอร่อยดีมีประโยชน์ แต่หากไม่ถูกวิธีก็เป็นอันตรายต่อชีวิตได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก่อานทานทุเรียน เรามาอ่าน ข้อควรรู้ก่อนทานทุเรียน กันก่อนดีกว่าค่ะ
5 ข้อควรรู้ก่อนทานทุเรียน
1. ทุเรียน เป็นผลไม้ที่แคลอรี่สูง เพราะทุเรียน 4-6 เม็ด ให้ปริมาณแคลอรี่ถึง 400 กิโลแคลอรี่ เทียบเท่าน้ำอัดลม 2 กระป๋อง หรือข้าว 1 จานเต็มๆ เพราะฉะนั้นทานเพลินระวังน้ำหนักขึ้นนะเออ
2. ทุเรียน มีปริมาณน้ำตาลสูงมากอีกเช่นกัน ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง (อ่าน “หยุดแชร์! ทุเรียน ลดเบาหวาน เสี่ยงน้ำตาลในเลือดสูง“ ที่นี่)
3. นอกจากผู้ป่วยโรคเบาหวานแล้ว ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง หัวใจ เส้นเลือด และไขมันในเลือด ควรทานทุเรียนให้น้อยที่สุด
4. ทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน ทานเพียวๆ ก็มีฤทธิ์ร้อนอยู่แล้ว หากทานพร้อมกับแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใดๆ ก็ตาม จะยิ่งทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากขึ้น ร่างกายจะเกิดความร้อนสูง จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
5. ในเมื่อทุเรียนให้พลังงานสูง ดังนั้นมื้อใด หรือวันไหนที่ทานทุเรียน ควรหลีกเลี่ยงอาหารอื่นๆ ที่ให้พลังงานสูงด้วยเช่นกัน เช่น อาหารประเภททอด อาหารที่ปรุงด้วยกะทิ อาหารหวานมันอื่นๆ หรือลองลดปริมาณอาหารลงส่วนหนึ่งในมื้อถัดไป ถ้าเป็นไปได้ควรออกกำลังกายเพิ่มด้วย เพื่อเผาผลาญพลังงานที่ได้รับเพิ่มเข้าไป
เราไม่ได้ห้ามว่า ห้ามทานทุเรียน แต่ก่อนทานทุเรียนจะต้องมีสติให้มากๆ รู้ตัวว่าทานไปมากเท่าไรแล้ว ห้ามปากห้ามใจตัวเองได้ พร้อมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากทำได้ตามนี้ รับรองว่าทานทุเรียนได้อิ่มอร่อย ปลอดภัยต่อร่างกาย ไม่มีเรื่องต้องกังวลใจแน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 9/04/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 49,500.00 | 49,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,206.00 | 48,602.96 | 50,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,885.40 | 43,742.66 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,564.80 | 38,882.37 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,443.00 | 21,875.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,122.00 | 17,009.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,322.00 | 50,361.52 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 9/04/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 33.15 | 33.15 | 33.65 | 33.15 | 33.15 | 33.15 | 33.15 | 33.15 | 33.15 | 33.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.78 | 32.78 | 33.28 | 32.78 | 32.78 | 32.78 | 32.78 | 32.78 | 32.78 | 32.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.94 | 30.94 | 31.44 | 30.94 | 30.94 | – | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 29.29 | 29.29 | – | – | – | – | – | – | – | 29.29 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.74 | 48.84 | 49.84 | 48.84 | – | – | – | – | – | 41.74 |
เบนซิน 95 | 41.44 | – | – | – | 48.81 | – | 41.94 | 41.59 | – | 41.44 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |