ดับบลิว เฮ้าส์ผุดคฤหาสน์100 ล้าน เจาะเศรษฐีหัวเมืองท่องเที่ยว

ดับบลิว เฮ้าส์ ปฏิวัติตลาดบ้านหรู เปิดตัว ‘THE WORLD’ ซีรีส์คฤหาสน์ระดับ Ultra-Luxury ราคา50-100 ล้านสะท้อนตัวตนเจาะกลุ่มเศรษฐีหัวเมืองท่องเที่ยว
เมื่อ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แต่คือ ‘พื้นที่ชีวิต’ ที่สะท้อนตัวตน… ดับบลิว เฮ้าส์ พลิกเกมลุยตลาด Ultra-Luxury ทั่วประเทศสร้างคฤหาสน์ 50-100 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ ‘THE WORLD’ ในงานสถาปนิก’68 เพราะในยุคเศรษฐกิจโลกผันผวน ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ “ไม่ลังเล” กับการลงทุนสร้างบ้านหลังละ 50-100 ล้านบาทขึ้นไป
นี่แหละ คือ “โอกาสทอง” ที่ ดับบลิว เฮ้าส์ หรือ W House มองเห็นและกำลังเดินเกมรุกเต็มสูบ…ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ไม่ใช่แค่บ้าน แต่คือ “ไลฟ์สไตล์” ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเศรษฐี เจ้าของกิจการ และนักลงทุนที่ต้องการบ้านที่เป็นมากกว่าความสวยงาม — แต่คือการ สะท้อนตัวตนในทุกตารางเมตร
Ultra-Luxury ตลาดเล็กที่มูลค่ามหาศาล
ในขณะที่ Developer รายใหญ่เริ่มเบนเข็มเข้าตลาดรับสร้างบ้านดับบลิว เฮ้าส์ กลับเลือกที่จะ “ลงลึก” แทนที่จะ “ขยายกว้าง” โดยมุ่งเป้าสู่กลุ่ม Ultra-Luxury ที่แม้จะเล็ก แต่มี “กำลังซื้อไร้ขีดจำกัด”โดยเฉพาะทำเลศักยภาพอย่าง เขาใหญ่ เชียงใหม่ และเมืองชายทะเล ที่เหล่าเศรษฐีต่างจับจองที่ดินเปล่าไว้เพื่อสร้าง “คฤหาสน์ส่วนตัว” ขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตารางเมตร
“ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการบ้านที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริง เราจึงต้องเข้าใจลึกมากกว่าคำว่าออกแบบสวย แต่ต้อง ‘ออกแบบชีวิต’ ให้พวกเขา” เจตน์ กาญจนกูล กรรมการบริหาร W House
ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาส 2 ปีนี้ นายเจตน์ กล่าวว่า มีแนวโน้มการแข่งขันสูงจากการที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่เริ่มเข้ามาในตลาดรับสร้างบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับกลางถึงบน อย่างไรก็ตาม “ดับบลิว เฮ้าส์” ยังคงเลือกโฟกัสในตลาด Ultra-Luxury ที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทาง ทั้งในด้านการออกแบบ วิศวกรรม และการควบคุมคุณภาพ
“เราเชื่อมั่นในประสบการณ์ของทีมงานที่อยู่ในวงการมากว่า 26 ปี ซึ่งได้ผ่านการสร้างคฤหาสน์หรู บ้านหลังใหญ่มาแล้วมากกว่า 500 หลัง ทำให้เข้าใจความต้องการเชิงลึก และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด” นายเจตน์ กล่าว
เปิดตัว ‘THE WORLD’ ซีรีส์คฤหาสน์หรู
ไฮไลต์ของปีนี้ คือการเปิดตัวซีรีส์คฤหาสน์ใหม่ “THE WORLD” ที่จะเผยโฉมครั้งแรกในงานสถาปนิก’68 ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 29 เม.ย. – 4 พ.ค. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานีภายใต้แนวคิด “More is More” ซีรีส์นี้ไม่ใช่แค่การออกแบบอย่างหรูหรา แต่คือ การออกแบบเพื่อการแสดงออกอย่างกล้าหาญ ของเจ้าของบ้านที่ต้องการแตกต่าง
จาก6 แบบบ้าน 6 สไตล์แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ อาทิ THE MOON หรูหราเหนือกาลเวลาด้วยดีไซน์ Symmetry ,THE WIND ,THE FLAME,THE OCEAN ,THE FOREST ,THE SUN ทุกหลังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในแง่ฟังก์ชัน ดีไซน์ และวัสดุระดับพรีเมียม พร้อมพื้นที่สำหรับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ห้องจำลองสนามกอล์ฟ, ลิฟต์ส่วนตัว, สระว่ายน้ำวิวพระจันทร์ ฯลฯ
จากผู้ออกแบบบ้าน… สู่ Lifestyle Architect
เบื้องหลังการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ W House ไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์สวยหรูเท่านั้นแต่คือหัวใจของการเป็น “Lifestyle Architect” — ผู้ที่เข้าใจว่าบ้านคือการลงทุนที่มี “จิตวิญญาณ”ด้วยประสบการณ์กว่า 26 ปี และผลงานบ้านหรูมากกว่า 500 หลังทั่วไทยดับบลิว เฮ้าส์ จึงสร้างระบบบริการ “Lifetime Service” ที่เหนือกว่า ตั้งแต่เริ่มแบบจนถึงหลังการขาย มีวิศวกรดูแลแบบหนึ่งต่อหนึ่ง พร้อมรับประกันโครงสร้างยาวนานถึง 30 ปี
“ลูกค้ากลุ่ม Ultra-Luxury ไม่ได้ซื้อบ้าน พวกเขา ‘สร้างชีวิต’… และเราเป็นคนที่เข้าไปออกแบบชีวิตนั้นร่วมกับเขา”
ปีนี้ ดับบลิว เฮ้าส์ ตั้งเป้าไม่ใช่แค่ “โชว์ผลงาน” แต่คือการ “สร้างการรับรู้” ว่าบริษัทพร้อมยืนหนึ่งในใจกลุ่ม Ultra-Luxury โดยวางเป้าหมายมีแบบกับลูกค้าใหม่ ไม่น้อยกว่า 20 รายปิดยอดจองบ้าน อย่างน้อย 3 หลังภายในงานโดยสร้างพื้นที่ “Interactive Zone” เปิดเวทีให้ลูกค้าได้พูดคุยกับนักออกแบบจริง เสมือนเป็นการ co-create บ้านในฝันไปพร้อมกัน
ในยุคที่ลูกค้าไม่ต้องการแค่บ้าน… แต่ต้องการ “คำตอบของชีวิต”ดับบลิว เฮ้าส์ กำลังกลายเป็นแบรนด์ที่เศรษฐีไทยไว้วางใจ ด้วยคุณภาพระดับสากลความเข้าใจลึกซึ้งในตัวตนลูกค้า และบริการที่ครบถ้วนทุกมิติหากคุณกำลังมองหา “บ้านที่เป็นคุณ” ไม่ใช่แค่ดีไซน์ที่เหมือนใคร ต้องจับตาอนาคตของ W Houseในเกมบ้านหรูต่อจากนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
สไวร์ มิกซ์ยูสจากฮ่องกง เปิดเกมรุกคอนโดอัลตราลักชัวรีเมืองไทย

สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ มิกซ์ยูสจากฮ่องกงผนึก ซิตี้ เรียลตี้กลุ่ม “โสภณพนิช” เปิดเกมรุกคอนโดอัลตราลักชัวรีเมืองไทยนำร่องถนนวิทยุ
สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ (Swire Properties) ชื่ออาจไม่คุ้นหูคนไทย แต่ถ้าเป็นชาวฮ่องกง คงไม่มีใครไม่รู้จัก! หากย้อนกลับไปดูธุรกิจของ สไวร์ กรุ๊ป (Swire Group) ที่ก่อตั้งมานานกว่า 200 ปี จะพบว่า เป็นกลุ่มทุนรายใหญ่ที่กระจายการลงทุนในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะฮ่องกง เป็นที่ตั้งของสไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ ผู้บุกเบิกการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบโครงการมิกซ์ยูสและคอนโดมิเนียมระดับอัลตราลักชัวรี
Swire Group ขยายกิจการอย่างต่อเนื่องในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การผลิตน้ำตาล การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการบิน ปี 1816 John Swire จากลิเวอร์พูลเริ่มต้นธุรกิจนำเข้า-ส่งออกปี 1851 ขยายธุรกิจไปยังเซี่ยงไฮ้ปี 1870 ขยายธุรกิจไปยังฮ่องกงภายใต้ชื่อ Butterfield & Swire ปี 1907 ขยายธุรกิจเข้าสู่การทำอู่ต่อเรือปี 1925 เริ่มผลิตน้ำตาลภายใต้ชื่อ The Taikoo Sugar Refining Company ซึ่งกลายเป็นโรงงานกลั่นน้ำตาลใหญ่ที่สุดในเอเชียปี 1948 ลงทุนซื้อหุ้นสายการบิน Cathay Pacific
ในปี 1972 “สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์” ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจฮ่องกงกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จึงเป็น ”กุญแจสำคัญ” ในการเติบโตของเครือข่ายสไวร์ ซึ่งเริ่มจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Taikoo Shing กระทั่งกลายเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงจนถึงปัจจุบัน

จาก Taikoo Shing สู่ Pacific Place
การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ ไม่ได้จำกัดแค่ที่อยู่อาศัย แต่ขยายไปถึงการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ที่รวมทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นคือ “Pacific Place” ศูนย์กลางธุรกิจระดับโลกในย่านแอดมิรัลตี้ (Admiralty) เป็นส่วนต่อขยายจากย่านเซ็นทรัลบนเกาะฮ่องกงทางทิศตะวันออก
ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับ 5 ดาว The Upper House ในปี 2023 และ 2024 ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดของโลก! อีกหนึ่งอภิมหาโปรเจกต์ของ สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ คือ “Taikoo Place” ศูนย์กลางธุรกิจขนาดใหญ่ในฮ่องกง มีอาคารสำนักงานเกรด A ถึง 10 อาคาร รวมพื้นที่สำนักงาน 650,320 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีเขียว พื้นที่จัดแสดงศิลปะ ออกแบบเน้นความยั่งยืนและการใช้ชีวิตสมดุล จึงไม่แปลกที่จะเป็นสถานที่ทำงานของบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 200 แห่ง มีพนักงานกว่า 35,000 คน!
ขยายการลงทุนจากฮ่องกงมาไทย
ปี 2023 สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ ทุนจากฮ่องกง เจ้าของโครงการไอคอนิก Pacific Place และ Taikoo Place เข้าสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยการซื้อหุ้น 40% ของที่ดินแปลงหายากบนถนนวิทยุ หนึ่งในโลเกชันระดับ “Super Prime” ใจกลางกรุงเทพฯ
ที่ดินผืนนี้ เคยเป็นของ HKR International Limited เจ้าของเดิมของโครงการ The Sukhothai Residences ปัจจุบันรีแบรนด์ใหม่เป็น “The Grace Ivory Condominium” ดีลนี้ปิดที่มูลค่า 2,400 ล้านบาทเป็นการวางหมากตัวแรกในตลาดที่อยู่อาศัยเมืองไทย แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าตัวเลข คือ…ทำไมต้องวิทยุ? และ ทำไมต้องตอนนี้? ทำเล…ที่ไม่ได้มีไว้ขาย “ที่ดินบนถนนวิทยุ ไม่ได้มีขายกันบ่อยๆ” นี่คือความจริงที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกคนรู้ดี
บริเวณนี้อยู่ในแนวราบหรูติดสวนลุมพินี พื้นที่มีซัพพลายจำกัดแต่มูลค่าสูงขึ้นทุกปี ยิ่งในปี 2025 การเปลี่ยนแปลงรอบสวนลุมพินี อยู่ในจุด “วิวัฒนาการขั้นสุด” จากการทยอยเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสระดับโลกอย่าง วัน แบงค็อก และ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ตามมาด้วยโครงการที่พักอาศัยอัลตราลักชัวรีอีกนับไม่ถ้วนจากเอสซี แอสเสท อนันดา และแสนสิริ บนถนนสารสิน
สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ ก้าวเข้ามาเป็น “ผู้เล่นหน้าใหม่” แต่ไม่ใช่มือใหม่! พวกเขาไม่ได้มาเล่นๆ แต่หมายมั่นปั้นโครงการ คอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรี มี 2 อาคาร สูง 52 ชั้น และ 71 ชั้น เห็นวิวที่สวยงามของสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ ไอคอนของกรุงเทพฯ
พร้อมกับพันธมิตรที่ใช่ ทำเลที่โดน ด้วยการจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่น บริษัท ซิตี้ เรียลตี้ จำกัด หรือที่รู้จักกันในชื่อกลุ่ม “โสภณพนิช” เจ้าของแบรนด์ Chatrium ผู้ถือหุ้นใน The Emdistrict เจ้าของอาคารสำนักงานระดับแลนด์มาร์กทั้งสาธรซิตี้ทาวเวอร์, เอเชียทาวเวอร์ และเอ็มโพเรียม ทาวเวอร์ การร่วมทุนกับกลุ่มทุนไทยที่มีสายสัมพันธ์ลึกกับที่ดินระดับไพร์ม เป็นยุทธศาสตร์ที่ดีเพราะช่วยลดความเสี่ยง สร้างความเชื่อมั่น ต่อยอดความสำเร็จในตลาดใหม่ได้ไวกว่าเดิมหลายเท่า
สิ่งที่น่าสนใจคือ โครงการใหม่นี้เป็นฟรีโฮลด์ (Freehold) อัลตรา ลักชัวรี เรสซิเดนซ์ โครงการแรกของสไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์ ในกรุงเทพฯ และเป็นโครงการที่ 2 บนถนนวิทยุ ต่อจาก “98 Wireless” นั่นหมายความว่า โครงการใหม่นี้เป็น “ของหายาก” ที่นักลงทุนระดับบนให้ความสนใจอย่างยิ่ง
สำหรับ “สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์” นี่อาจไม่ใช่แค่การลงทุนในโครงการใดโครงการหนึ่ง แต่คือการวางรากฐานเพื่อขยายการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และอาจไม่ใช่แค่การมีผู้เล่นต่างชาติเข้ามาอีก 1 ราย แต่เป็นการสร้างแรงกระเพื่อมใหม่ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย จากกลุ่มทุนฮ่องกง ที่เริ่มจากดีล…บนถนนวิทยุ และเมื่อปลายปี 2024 สไวร์ กรุ๊ป ได้เข้าถือหุ้นใน Swire Coca-Cola ทำให้มีอำนาจในการควบคุมการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม Coca-Cola ในไทยและลาว
เป็นสัญญาณชัดเจนว่า กลุ่มทุนฮ่องกงกำลังมองหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในตลาดใหม่ที่ได้รับความสนใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18เม.ย.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”ที่ระดับ 33.36 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจได้แรงหนุนบ้าง จากผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำที่รีบาวด์ขึ้น ยังมีแรงกดดันฝั่งตลาดการเงินเอเซียหากตลาดการเงินสหรัฐและยุโรประมัดระวังตัว ฝั่งผู้นำเข้ารอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์บ้างในช่วงโซนแนวรับ
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้18เม.ย.2568 ที่ระดับ 33.36 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.29 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมที่อาจเบาบางลง จากวันหยุดทำการของตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป เนื่องในวันหยุด Good Friday โดยเงินบาทจะมีโซนแนวต้านแถวระดับ 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์
ซึ่งเรามองว่า อาจเป็นโซนที่ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเพิ่มสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ทำให้เงินบาทอาจต้องอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง จึงจะทำให้ผู้เล่นในตลาดดังกล่าวมีการปรับสถานะถือครอง ลดสถานะ Long THB ได้
นอกจากนี้ เรามองว่า เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนบ้าง จากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งอาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรทองคำได้ ขณะที่โซนแนวรับอาจติดอยู่แถว 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์
หากบรรยากาศระมัดระวังตัวของตลาดการเงินสหรัฐฯ และยุโรป ได้ส่งผลกดดันบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินเอเชียด้วยเช่นกัน อีกทั้ง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่างฝั่งผู้นำเข้า อาจรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์บ้าง ในช่วงโซนแนวรับดังกล่าว
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น
ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.15-33.40 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 33.24-33.44 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่มีจังหวะการปรับตัวลงราว -50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กดดันโดยการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาดบางส่วน
อย่างไรก็ดี ภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ และช่วงทยอยรับรู้ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ยังคงหนุนความต้องการถือทองคำ
และช่วยให้ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นกลับสู่ระดับก่อนเผชิญแรงขายได้ ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าวก็ช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินบาท ส่วนเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways
แม้ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) 25bps สู่ระดับ 2.25% ตามคาด พร้อมแสดงความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจจากผลกระทบของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ แต่เงินยูโร (EUR) กลับไม่ได้อ่อนค่าลง และยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันจากแรงขายหุ้นธีม AI/Semiconductor อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะ Nvidia -2.9% รวมถึงแรงกดดันจากการปรับตัวลงหนักของหุ้น United Health -22.4% ที่รายงานผลประกอบการน่าผิดหวัง ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามทิศทางการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.13%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลง -0.13% กดดันโดยแรงขายหุ้นธีม AI/Semiconductor โดยเฉพาะ ASML -1.7% รวมถึงแรงขายหุ้น Hermes -3.2% ที่รายงานผลประกอบการน่าผิดหวัง
ทว่าตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประคองเศรษฐกิจ ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว ทว่า ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรอประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ให้แน่ชัด
อีกทั้งรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ล่าสุด ก็ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงไม่รีบกลับเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวมากนัก ส่งผลให้ โดยรวมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 4.30%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์เริ่มชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ บรรยากาศระมัดระวังตัวของตลาดกลับไม่ได้ช่วยหนุนเงินดอลลาร์มากนัก หลังเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ผู้เล่นในตลาดเลือกถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าเงินดอลลาร์ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 99.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.3-99.6 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แรงขายทำกำไรทองคำ รวมถึงจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. 2025) มีจังหวะปรับตัวลงพอสมควร ก่อนที่จะสามารถรีบาวด์ขึ้นได้
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างต้องการถือทองคำเพื่อรับมือความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หนุนให้ราคาทองคำสามารถกลับมาแกว่งตัวแถวโซน 3,320-3,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ ในช่วงวันศุกร์ ตลาดการเงินฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ จะปิดทำการ เนื่องในวันหยุด Good Friday ทำให้ปริมาณการทำธุรกรรมอาจเบาบางลง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วอลเลย์บอลหญิงไทย ลงซ้อมสนามแข่ง ปรับตัวได้ดี ลุยศึกออลสตาร์ ซูเปอร์แมตช์

วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ลงฝึกซ้อมสนามแข่งขัน “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร เผยทุกคนปรับตัวได้ดี เตรียมลุยศึกออลสตาร์ ซูเปอร์แมตช์ 2025
ความเคลื่อนไหวของวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เตรียมทำศึก All-Star Super Match หรือ 2025 KOREA THAILAND WOMEN’S PRO VOLLEYBALL ALL-STAR SUPER MATCH IN HWASEONG ระหว่างวันที่ 19-20 เมษายน 2568 ณ เมืองฮวาซอง ประเทศเกาหลีใต้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้นำวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ลงฝึกซ้อมที่สนามแข่งขัน Hwaseong Sport Complex เป็นครั้งแรกหลังเดินทางมาถึงประเทศเกาหลีใต้
“โค้ชอ๊อต” กล่าวหลังการฝึกซ้อมว่า “วันนี้ซ้อมดีครับ ก็เน้นภายในเรื่องของการปรับสภาพทีม ทุกคนก็ปรับตัวได้ดี การเสริมรับเสิร์ฟ เน้นความสัมพันธ์ในทีม แล้วก็เน้นทีมเวิร์คสำหรับทีมเยาวชน”
“เมื่อคืนถึงโรงแรมประมาณ 02:00 น. กว่าจะนอนหลับกันเกือบตี 3 แล้วตื่นเช้า 09:30 น. ทานข้าวเรียบร้อย ทุกคนยังอ่อนเพลียกับการเดินทาง แต่ก็มีสมาธิมีความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมดีครับ”
“กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วทุกคนกำลัง ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปเที่ยว City Tour ตกเย็น ทางเจ้าภาพก็จะเลี้ยงเนื้อย่างเกาหลี”
พีพีทีวี ยิงสด! ศึกวอลเลย์บอลหญิงรายการพิเศษ ทีมตบสาวไทย บุกเยือนแดนกิมจิ ปะทะ ทีมรวมดาราลีกเกาหลีใต้
แมตช์ที่ 1 : วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11:40 น.
V-League Young All-Stars vs. Thailand National Team Young All Stars
แมตช์ที่ 2 : วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2568 เวลา 15:40 น.
V-League All-Stars vs. Thailand National Team All Stars
ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD 36 และ YouTube: PPTV Sports
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้หรือไม่ อาการ “ตาแห้ง” เกิดขึ้นได้จากยาหยอดตาบางชนิด

การใช้ “ยาหยอดตา” สารละลายที่ใช้สำหรับหยดลงบนผิวตา หากเป็นชนิดที่ใช้หยอดตาละลายต้อหินนานกว่า 6 เดือน อาจนำไปสู่ภาวะตาแห้ง
“ยาหยอดตา” เป็นสารละลายที่ใช้สำหรับหยดลงบนผิวตาครั้งละ 1-2 หยด เป็นยาทาภายนอกที่ประกอบด้วยตัวยาและสารหลายชนิด เมื่อยาออกฤทธิ์แล้ว จะสามารถรักษาอาการและปัญหาทางตาได้ ตามคุณสมบัติของสารประกอบและผสมที่แตกต่างกัน
แต่การใช้ “ยาหยอดตาละลายต้อหิน” อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน อาจส่งผลต่อเซลล์สำคัญในดวงตา ได้แก่ goblet cell, meibomian gland และ lacrimal gland ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสร้างน้ำตาและน้ำมันเคลือบดวงตา ทำให้สมดุลของน้ำตาเปลี่ยนแปลง นำไปสู่ภาวะตาแห้ง
ทั้งนี้ การรักษาต้อหินโดยใช้ยา เป็นการรักษาเบื้องต้นที่ดีที่สุด แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีความดันตาสูงหรือต้อหินมุมเปิด แพทย์จะพิจารณาการใช้เลเซอร์มากขึ้น เพื่อลดการใช้ยา ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถานพยาบาล

คำแนะนำในการใช้ยาหยอดตา
- ควรเลือกใช้ ยาที่ไม่มีสารกันเสีย หากไม่มีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่าย
- ใช้เพียง 1 หยดต่อครั้ง เพื่อลดผลกระทบต่อดวงตา
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการตาแห้งรุนแรง ควรพิจารณาการใช้เลเซอร์เสริม หรือลดการใช้ยา และอาจพิจารณาผ่าตัดรักษาต้อหินตามดุลยพินิจของจักษุแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รู้จัก “AI Police Cyborg 1.0” หุ่นยนต์ตำรวจอัจฉริยะ มีดีกว่า”จ่าเฉย”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ร่วมกับเทศบาลนครนครปฐม เปิดตัว “AI Police Cyborg 1.0” หุ่นยนต์ตำรวจ Robocop ที่มีกล้อง AI อัจฉริยะรอบตัว
ควันหลงสงกรานต์นครปฐมปีนี้ นอกจากประชาชนจะสนุกสนานกับการเล่นน้ำอย่างชุ่มฉ่ำแล้ว ยังรู้สึกอุ่นใจยิ่งขึ้น เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ร่วมกับเทศบาลนครนครปฐม ได้นำ “AI Police Cyborg 1.0” หุ่นยนต์ตำรวจอัจฉริยะเข้าประจำการดูแลความปลอดภัยบนถนนต้นสนอย่างเข้มข้น

การเข้าประจำการของ AI Police Cyborg 1.0 ในงานสงกรานต์ถนนต้นสน นับเป็นก้าวสำคัญของการใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการทำงานของตำรวจไทยในยุคดิจิทัล ช่วยให้ประชาชนสามารถร่วมงานได้อย่างสนุก ปลอดภัย และไร้กังวล
การเปิดตัว “AI Police Cyborg 1.0” หรือหุ่นยนต์ตำรวจ Robocop ครั้งนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูงและภารกิจดูแลความปลอดภัยในพื้นที่จัดงานเทศกาลสงกรานต์ โดยหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถเชื่อมต่อและประมวลผลข้อมูลจากกล้อง CCTV ทั่วบริเวณงาน รวมถึงภาพจากโดรน และกล้องรอบตัวเอง ผ่านระบบ AI ที่สามารถวิเคราะห์วิดีโอ (Video Analytics) ได้แบบเรียลไทม์
ข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมและส่งตรงไปยังศูนย์ควบคุมและสั่งการกลาง (Command and Control Center) ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตาม ตรวจสอบ และสั่งการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลความปลอดภัยอย่างรอบด้าน
ความสามารถหลักของ AI Police Cyborg 1.0 ได้แก่:
• ระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition): แจ้งเตือนทันทีเมื่อพบผู้ต้องสงสัยตามหมายจับ หรือบุคคลเฝ้าระวังในพื้นที่
• ติดตามบุคคลต้องสงสัย: ตรวจสอบการเคลื่อนไหวจากลักษณะใบหน้าหรือรูปร่างทั่วพื้นที่จัดงาน
• ค้นหาอัจฉริยะ (Advanced Search): ค้นหาบุคคลจากเพศ รูปร่าง การแต่งกาย หรือตำหนิพิเศษได้อย่างแม่นยำ
• ตรวจจับอาวุธ: แยกแยะวัตถุอันตราย เช่น มีด ดาบ หรือไม้แข็ง ออกจากของเล่นจำพวกปืนฉีดน้ำ
• วิเคราะห์พฤติกรรมความรุนแรง: ตรวจจับการทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกาย หรือเหตุยกพวกตีกันได้ล่วงหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
การใช้ประโยคที่แสดงความเป็นเงื่อนไข 4 แบบ: zero, first, second, third และ mixed

การใช้ประโยคเพื่ออธิบายความเป็นเงื่อนไขถือเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน และการหยิบรูปประโยคชนิดนี้มาใช้ในการพูดคุยจะช่วยยกระดับของการสื่อสารให้ดียิ่งกว่าเดิม โดยทั่วไป รูปประโยคที่แสดงความเป็นเงื่อนไขจะมีด้วยกัน 4 แบบ เริ่มที่แบบแรกสุดคือ zero conditional และ first conditional เพื่อให้เข้าใจว่าเงื่อนไขแต่ละแบบทำงานอย่างไร ลองดูภาพรวมทั้งหมดก่อนว่าอะไรเป็นอะไรและเราจะใช้ประโยคแต่ละรูปแบบได้ตอนไหน
อะไรคือประโยคที่แสดงความเป็นเงื่อนไข?
ประโยคที่แสดงความเป็นเงื่อนไขจะใช้คำว่า “If” เป็นหลัก ซึ่งจะมีอยู่สองส่วนเสมอ โดยส่วนที่หนึ่งเริ่มต้นด้วย “If” เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เป็นไปได้และส่วนที่สองซึ่งใช้อธิบายถึงผลที่ตามมา ตัวอย่างเช่น
If it rains, we’ll get wet.
เราสามารถสลับทั้งสองส่วนของประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขเพื่อให้ ‘if’ อยู่ด้านหลังได้ ส่วนใหญ่รูปประโยคเช่นนี้จะถูกใช้เป็นประโยคคำถาม ตัวอย่างเช่น
What will you do if you miss the train?
How can you finish the project if you don’t have a computer?
What happens if the students don’t pass an exam?
ประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขมีอยู่ด้วยกัน 4 รูปแบบ
0 – The zero conditional
1 – The first conditional
2 – The second conditional
3 – The third conditional
เราสามารถนำรูปแบบที่ 2 และรูปแบบที่ 3 มาใช้ผสมกันได้ ลองมาดูกันดีกว่าว่าแต่ละเงื่อนไขมีรูปแบบการใช้ประโยคอย่างไร
เราใช้ zero conditional เพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ความจริงทางวิทยาศาสตร์ และลักษณะอาการทั่วไป รูปแบบประโยคไม่มีอะไรซับซ้อน

นี่คือตัวอย่าง
If you heat water to 100°, it boils.
If you eat a lot, you put on weight.
If it doesn’t rain for a long time, the earth gets very dry.
If we go out with friends, we normally go to a restaurant.
If I’m tired, I go to bed early.
เราใช้เงื่อนไขแบบที่หนึ่งเพื่อเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์จริงในปัจจุบันหรืออนาคต รูปแบบประโยคของเงื่อนไขแบบที่หนึ่งคือ

นี่คือตัวอย่าง
If you’re free later, we can go for a walk.
If they’re hungry, I’ll make some sandwiches.
If you’re not back by 5pm, give me a ring.
If he studies hard, he’ll do well in the exam.
If we arrive late, we must get a taxi.
He’ll call if he needs help.
Take a break if you’re tired.
อีกวิธีที่สามารถนำมาใช้เพื่อสร้างประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขแบบที่หนึ่งได้นั่นก็คือการนำคำว่า ‘unless’ มาใช้ ซึ่งหมายความว่า ‘only if = นอกเสียจากว่า’ หรือ ‘except = นอกเสียจาก’ คำว่า unless ไม่สามารถตามด้วย ‘will’ ได้ แต่จะต้องตามด้วย Present Simple เท่านั้น ต่างกันกับการใช้ if ตัวอย่างเช่น
Unless you hurry up, you won’t catch the bus.
I’ll carry on doing this work, unless my boss tells me to do something else.
We’ll stay at home unless the weather improves.
The Second Conditional
เราใช้ second conditional เพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในปัจจุบันหรืออนาคต รูปประโยคคือ

If I had more time, I’d exercise more. (But I don’t have more time so I don’t.)
If I were rich, I’d spend all my time travelling. (But I’m not rich so I can’t.)
If she saw a snake, she’d be terrified.
If he didn’t have to work late, he could go out with his girlfriend.
What would you do if you were offered a job in Canada?
You wouldn’t have to walk everywhere if you bought a bike.
รูปประโยค second conditional สามารถใช้เพื่อให้คำแนะนำ โดยจะใช้ ‘If I were you, I’d..’, ‘ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะ…’ หมายความว่า ‘ถ้าฉันอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับเธอ นี่คือสิ่งที่ฉันจะทำ’ ตัวอย่างเช่น
A: I’ve got a headache.
B: If I were you, I’d take an aspirin.
A: I don’t understand this.
B: If I were you, I’d ask your teacher for help.
A: This order won’t be delivered on time.
B: If I were you, I’d phone the customer to let them know.
The Third Conditional
เราจะใช้ third conditional เพื่อบอกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ แบบเดียวกับ second conditional แต่เป็นในรูปอดีต เรามักจะใช้ third conditional เพื่ออธิบายสิ่งที่เรารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ทำ รูปประโยคคือ

นี่คือตัวอย่าง
If we had left earlier, we would have arrived on time.
If you hadn’t forgotten her birthday, she wouldn’t have been upset.
If they had booked earlier, they could have found better seats.
If I hadn’t learnt English, I wouldn’t have got this job.
What would you have studied if you hadn’t done engineering?
They wouldn’t have hired you if you hadn’t had some experience abroad.
You could have helped me if you’d stayed later.
Mixed Conditionals
เราสามารถรวม second conditional และ third conditional ด้วยกันในหนึ่งประโยคได้เวลาที่เราต้องการคาดเดาอะไรบางอย่างในอดีตที่มีผลกระทบถึงในปัจจุบัน ในกรณีนี้ รูปประโยคคือ

นี่คือตัวอย่าง
If you’d studied harder, you’d be at a higher level now.
We’d be lying on a beach now if we hadn’t missed the plane.
They’d have much more confidence if they hadn’t lost so many matches.
What would you be doing now if you hadn’t decided to study?
ตอนนี้ทุกคนคงได้เห็นแล้วว่าประโยค conditional sentence มีกี่แบบ ลองพยายามฝึกใช้ทุกครั้งที่มีโอกาสและลองสร้างประโยคตัวอย่างของตัวเองตามโครงสร้างประโยคด้านบน ถ้าฝึกบ่อยๆ การใช้ conditional sentence ก็ไม่ใช่เรื่องยาก!
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
7 อาหารเพื่อสุขภาพ กินรับมือกรดไหลย้อนได้ดี ใครเป็นโรคนี้ ห้ามพลาด

โรคกรดไหลย้อนพบได้บ่อยตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ โรคนี้เกิดขึ้นเมื่อกรดในกระเพาะไหลย้อนกลับขึ้นไปตามหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการเสียดท้อง ท้องอืด ไม่สบายท้อง แสบทรวงอก มีรสเปรี้ยวหรือขมในปาก คลื่นไส้ และรู้สึกไม่สบายตัวไปตลอดทั้งวัน ซึ่งสาว ๆ ที่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน จะรู้ใช้ไหมคะว่าส่งผลรบกวนต่อชีวิตประจำวันมากแค่ไหน ดังนั้น นอกจากการใช้ยาแล้ว การเลือกรับประทานอาหารจะยังช่วยควบคุมกรดไหลย้อนได้ดีอีกด้วย วันนี้เราจึงขอแนะนำ 7 อาหารที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูสุขภาพมาฝาก แถมไม่ทำให้อาการกรดไหลย้อนแย่ลง ตามนี้เลย
7 อาหารเพื่อสุขภาพ กินรับมือกรดไหลย้อน
1.ผักใบเขียว
พืชผักใบเขียวอย่างหน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี ผักโขม และคะน้า ล้วนมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยควบคุมกรดในกระเพาะอาหาร และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงแก้ปัญหาท้องผูกได้ดี ดังนั้น การเพิ่มผักใบเขียวเข้าไปในมื้ออาหารของสาว ๆ จึงสามารถบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้มาเลยทีเดียว
2.โยเกิร์ต
โยเกิร์ตเป็นอาหารที่ช่วยควบคุมกรดในกระเพาะอาหาร แต่ควรเลือกสูตรไขมันต่ำและน้ำตาลน้อย หรือไม่มีเลย โดยมีงานวิจัยจากต่างประเทศระบุว่าอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้กระเพาะอาหารใช้เวลานานในการย่อย ส่งผลให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างถูกกดทับมากขึ้น ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้น การรับประทานโยเกิร์ตจึงจะเข้าไปช่วยให้การย่อยอาหารหนักเหล่านี้มีความรวดเร็วขึ้น
3.เมลอน
เมลอน ผลไม้ฉ่ำ ๆ รสชาติดี ขวัญใจคุณผู้หญิงรักสุขภาพ มีคุณสมบัติคล้ายกับกล้วยตรงที่จัดเป็นผลไม้มีฤทธิ์เป็นด่าง จึงช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร นอกจากจะรับประทานสด ๆ แล้ว ยังสามารถปั่นเป็นสมูทตี้ทดแทนผลไม้ที่มีกรดสูงได้ดีอีกด้วย
4.หมากฝรั่ง
การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งสามารถช่วยลดกรดในหลอดอาหารได้ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีรสเปเปอร์มินต์และสเปียร์มินต์ เพราะยิ่งอาจทำให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัวลง ซึ่งนำไปสู่อาการกรดไหลย้อนที่มากขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ ยังอาจเสี่ยงอาการท้องอืดมากขึ้นหลังเคี้ยวหมากฝรั่ง และทำให้อาการของโรคกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้นไปด้วย จึงควรเลือกเป็นรสชาติอื่น
5.ข้าวโอ๊ต
ธัญพืชที่มีเมล็ดจำนวนมาก สามารถช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ดี คือ ข้าวโอ๊ต มีเนื้อสัมผัสที่หนาและยืดหยุ่น จึงสามารถเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถรับประทานข้าวโอ๊ตกับนมไขมันต่ำ หรือนมอัลมอนด์ร่วมกันได้ เนื่องจากข้าวโอ๊ตจะมีฤทธิ์เป็นด่างสูงและมีไขมันต่ำ
6.กล้วย
ผลไม้ที่มีความเป็นกรดและด่างต่ำ สามารถช่วยปรับสมดุลระดับกรดในกระเพาะอาหาร ไม่ได้มีเพียงแค่เมลอนเท่านั้น แต่ยังมีกล้วยที่ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ดี พร้อมทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นตัวช่วยป้องกันกรดไหลย้อน ไม่ให้เกิดขึ้นบ่อยครั้งอีกด้วย
7.ขิง
ขิงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบโดยเฉพาะ จึงช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ และช่วยบรรเทาอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย อาการคลื่นไส้ที่เกิดจากอาการเมารถและเมาเรือ ส่วนการทำน้ำขิงดื่มเองที่บ้านนั้นง่ายมาก เพียงแค่หั่นขิงสดเป็นชิ้นบาง ๆ ต้มในน้ำร้อน ก็สามารถดื่มอย่างสบายใจ แต่ให้หลีกเลี่ยงน้ำขิงอุ่นผสมโซดาหรือน้ำตาล เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้คุณผู้หญิง ห่างไกลจากอาการกรดไหลย้อน และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกบ่อยครั้ง การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะกับอาการ จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ควรปฏิบัติตาม พร้อมหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดหรือมีไขมันสูง นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้อาการหนักขึ้น หรือถ้ารู้สึกอยากปลอดภัยจากโรคนี้ 100% แนะนำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/04/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 52,350.00 | 52,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,391.00 | 51,407.56 | 53,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 3,051.90 | 46,266.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,712.80 | 41,126.05 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,526.00 | 23,133.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,187.00 | 17,992.65 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,514.00 | 53,272.08 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/04/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.85 | 32.85 | 33.35 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.48 | 32.48 | 32.98 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.64 | 30.64 | 31.14 | 30.64 | 30.64 | – | 30.64 | 30.64 | 30.64 | 30.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.99 | 28.99 | – | – | – | – | – | – | – | 28.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.44 | 48.84 | 49.84 | 48.84 | – | – | – | – | – | 41.44 |
เบนซิน 95 | 41.14 | – | – | – | 48.81 | – | 41.64 | 41.29 | – | 41.14 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |