สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 เมษายน 2568

เสนาฯดึงประสบการณ์แม่..สู่แนวคิดดีไซน์บ้านTHANN–THEE

จากประสบการณ์แม่…สู่แนวคิดการออกแบบบ้าน ไอเดียนี้ถือกำเนิดจาก ดร.ยุ้ย – เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ เอ็มดี เสนาฯนำ “บทบาทแม่” มาผสานเข้ากับ นักพัฒนาอสังหาฯ

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ  เสนาดีเวลลอปเม้นท์    กล่าวว่า การสร้างบ้านก็เหมือนการเลี้ยงลูก ต้องเข้าใจธรรมชาติของแต่ละคน และออกแบบให้ชีวิตเติบโตได้อย่างเต็มที่ จากประสบการณ์การเลี้ยงลูกสาวสองคนที่แตกต่างกันสุดขั้วกลายเป็นต้นแบบของ 2สไตล์บ้าน “THANN” (ธัญ) – บ้านที่เน้นพื้นที่ใช้ชีวิตหลากหลาย (Space-Centric) “THEE” (ธีร์) – บ้านที่เน้นฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริงในทุกมิติ (Function-Centric) เพราะหนึ่งคนชอบความสงบ ความงาม และมุมสร้างสรรค์ในขณะที่อีกคน รักความคล่องตัว สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้ง และการรวมกลุ่มกับเพื่อน

แล้วทำไมบ้านหนึ่งหลัง…ต้องพยายาม “ยัด” ทุกอย่างให้เหมือนกัน?

SENA เลือกที่จะ “ออกแบบให้ต่าง” เพื่อให้ทุกคนได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดบ้าน THANN – THEE: ทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจหลากหลาย บ้าน THANN (ธัญ)บ้านแฝดดีไซน์เน้นการใช้พื้นที่รอบตัวได้เต็มที่ตอบโจทย์กิจกรรมที่ต้องการพื้นที่เปิด เช่น ทำขนม, งานคราฟต์, สตูดิโอเล็ก ๆเน้นการเชื่อมต่อพื้นที่ในบ้านอย่างมีความหมายราคาเริ่มต้น 5 – 7 ล้านบาท

ขณะที่บ้าน THEE (ธีร์)ทาวน์โฮมที่ฟังก์ชันครบ ใช้งานง่ายเหมาะกับคนรักกิจกรรมกลางแจ้ง ต้องการความคล่องตัวมีสวนส่วนตัว เพิ่มความเป็นส่วนตัวแม้ในพื้นที่จำกัดราคาเริ่มต้น 2.5 – 5 ล้านบาทไม่เพียงเท่านั้น บ้านทั้ง2สไตล์ยังได้รับการออกแบบให้เป็น ZEH (Zero Energy House)หรือบ้านที่เน้นการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเชื่อมต่อแนวคิด ความยั่งยืน + ดีไซน์ + นวัตกรรม ได้อย่างลงตัว

จากโฆษณา…สู่แรงบันดาลใจ

หนึ่งในจุดเปลี่ยนของแคมเปญนี้ คือ หนังโฆษณาสุดอบอุ่นที่เล่าเรื่องความรักระหว่างแม่และลูกอย่างลึกซึ้ง“Happy THANN – THEE #สุขทันทีที่บ้านธีร์ธัญ”ที่ไม่ได้โปรโมตแค่สินค้า แต่คือการถ่ายทอด “หัวใจของการอยู่อาศัย” ชมโฆษณาได้ที่: YouTube – SENA Development

กลยุทธ์การตลาดแบบเข้าใจ “คนมากกว่าสินค้า”SENA ใช้กลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งแทนที่จะถามว่า “คนอยากได้บ้านแบบไหน?”พวกเขาถามว่า “คนอยากมีชีวิตแบบไหนในบ้าน?”จากคำถามนี้ ทำให้เกิดสินค้า (บ้าน) ที่ตอบโจทย์หลากหลายเจน ภาพลักษณ์แบรนด์ที่ “เข้าใจจริง” ไม่ใช่แค่ “พูดให้ดูดี”จุดยืนใหม่ของ SENA ในฐานะผู้นำการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนที่ “ใส่ใจ” และ “ตั้งใจ” จริง

บ้านที่ดีไม่ใช่แค่หลังคาคุ้มแดดฝนแต่คือพื้นที่ที่ให้ “หัวใจ” ของแต่ละคนเติบโตได้เต็มที่และนั่นคือสิ่งที่ SENA กำลังมอบผ่านแคมเปญ “Happy THANN – THEE”ไม่ว่าคุณจะเป็นใครอยู่ในครอบครัวแบบไหนชอบความเรียบง่าย หรือหลงใหลในดีไซน์SENA เชื่อว่า… บ้านที่ “เข้าใจ” ย่อมดีกว่าบ้านที่ “สวยงาม” อย่างเดียว  สำหรับผู้สนใจจองวันนี้ – 30 มิ.ย. 2568 รับฟรี! SENA Welcome Packageชุดเฟอร์ Living Room & Dining Room จาก SB Furniture มูลค่ากว่า 100,000 บาทพร้อมเข้าอยู่ทันทีใน 9 โครงการทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


อนันดาลุ้นโอน 1.1หมื่นล้านฝ่าวิกฤตแผ่นดินไหว ยันคอนโดยังไม่ตาย

อนันดาฝ่าวิกฤตแผ่นดินไหวโชว์เสบียงในสมรภูมิ Backlog 1.1หมื่นล้าน ลุ้นโอน ดันยอดปี68 ฟันธงคอนโดติดรถไฟฟ้ายังไม่ตายชีวิตเมืองยังต้องเดินหน้า

แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ที่ดูเหมือนจะเขย่าตลาดคอนโดมิเนียมแต่“อนันดา”ยังยืนหยัด พร้อมเดินหน้าเต็มสปีด แม้หลายคนอาจมองว่าวิกฤตคือจุดจบ แต่ในสายตาของ ชานนท์ เรืองกฤตยา ซีอีโออนันดา วิกฤตอาจคือบททดสอบ และในบททดสอบนี้…เขาเห็น “โอกาส” ในช่วงเวลาที่หลายบริษัทรัดเข็มขัด อนันดาฯ กลับเผยตัวเลข Backlog ที่แข็งแรงถึง 11,371 ล้านบาท ครอง 79% ของเป้ายอดโอนปีนี้ เม็ดเงินเหล่านี้ไม่ได้แค่เป็นตัวเลขสวยหรูบนกระดาษ แต่คือ “เสบียง” ที่จะพาบริษัทฝ่าวิกฤตไปสู่เส้นชัย

โครงการพร้อมโอน 3 โครงการใหญ่ไอดีโอ รามคำแหง-ลำสาลี, คัลเจอร์ ทองหล่อ และ คัลเจอร์ จุฬาฯ รวมมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท กำลังจะถูกปล่อยลงตลาดในช่วงไตรมาส2-3

แม้แผ่นดินไหวจะสร้างความกังวลให้ผู้บริโภค แต่อนันดาเชื่อมั่นว่า “มาตรฐานการก่อสร้างของไทย” ยังแข็งแกร่ง และไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรง โครงการของอนันดาฯ ยังคงยืนหยัดและปลอดภัยมากกว่านั้น ระบบประกันภัยที่รองรับคอนโดไทยถึง 3.8 ล้านล้านบาท กลายเป็น “ตาข่ายนิรภัย” ให้ผู้ซื้อรู้สึกมั่นใจแม้ในวันที่เมืองสั่น

มาตรการรัฐ คือเชื้อเพลิงตลาด

นอกจากนี้การที่รัฐออกนโยบาย ลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01% และธปท.ปลดล็อก LTV เป็นเหมือน “น้ำหล่อเลี้ยง” ตลาดอสังหาฯ ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง สอดคล้องกับประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ซีอีโอสายธุรกิจอสังหาฯ ของอนันดา มองว่า นี่คือจังหวะเหมาะที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะโครงการในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ที่ครองสัดส่วนสูงใน Backlog ของบริษัท

ยอดขาย Q1ทะลุเป้า ส่งสัญญาณดี

ไตรมาสแรกของปี 2568 ยอดขายของอนันดาฯ ทะลุเป้าถึง 114% หรือ 3,677 ล้านบาทที่น่าจับตาคือ ลูกค้าต่างชาติครองสัดส่วนกว่า 53% แสดงถึงความเชื่อมั่นจากตลาดต่างประเทศที่ยังมองหาอสังหาฯ ไทยเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน แม้จะเร่งขยายการลงทุน แต่อนันดา ยังรักษาอัตราหนี้สินอย่างเข้มงวดที่ 1.22 เท่า พร้อมคืนหุ้นกู้ตามกำหนดทุกงวด รวมมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และอีก 2,276 ล้านบาทในปีนี้

“เมืองยังคงไปต่อ” = ธุรกิจยังคงไปได้

เพราะ “เมือง” ไม่เคยหยุดพัฒนา และคนเมืองก็ยังต้องการที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้านั่นคือสารที่อนันดา ส่งตรงถึงผู้บริโภค ว่าคอนโด ยังไม่ตาย แต่กำลัง “เปลี่ยนผ่าน” ปีนี้ อนันดาฯ เตรียมเปิด 2 โครงการใหม่บนทำเลทองใจกลางเมือง สะพานควายและจุฬาฯ มูลค่ารวมกว่า 14,000 ล้านบาทและไม่หยุดแค่ตลาดหลัก บริษัทกำลังก้าวสู่สนาม Ultra Luxury ด้วยโครงการ Porsche Design Tower Bangkok และ MIRA VALLEY ภูเก็ต ที่นิยามหรูหราใหม่ด้วยแนวคิด “Green is the New Luxury” 

เพราะ อนันดาไม่ได้แค่ขายคอนโด… แต่กำลังขาย “อนาคตของชีวิตเมือง” ที่คนยังโหยหาและในวันที่เมืองยังไม่หยุดเดิน บริษัทที่พร้อมปรับตัว และมองเห็นโอกาสในวิกฤต คือบริษัทที่จะอยู่รอด และเติบโตเพราะอนาคตของเมือง คือ อนาคตของอสังหาและในเกมนี้… อนันดา ยังไม่แพ้ !

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 23เม.ย.“อ่อนค่าลงหนัก” ที่ระดับ 33.63 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงได้บ้าง เนื่องจากฝั่งผู้ส่งออกต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.75 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 23เม.ย.2568ที่ระดับ  33.63 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงหนัก”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.23 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การอ่อนค่าลงเร็วและแรงของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น อาจเริ่มชะลอลงได้บ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่าง ฝั่งผู้ส่งออกต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์

นอกจากนี้ เรามองว่า บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อาจส่งผลดีต่อทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงฝั่งเอเชีย ด้วยเช่นกัน

 สะท้อนผ่าน การทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินหยวนจีน ในช่วงเช้านี้ (เงินหยวนจีน ยังคงเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาท สูงถึง 80% เมื่อประเมินจาก 30-day correlation) และที่สำคัญ หากราคาทองคำรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง

หรือแกว่งตัวในกรอบ Sideways เป็นอย่างน้อย ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท หรือกลับมาหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ หากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทก็ยังมีอยู่ โดยเงินดอลลาร์ยังมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากผู้เล่นในตลาดกลับมามีความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์สหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งต้องรอลุ้น รายงานดัชนี S&P PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ

รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อื่นๆ ในคืนนี้ ว่าจะออกมาดีกว่าคาด หรือ ปรับตัวดีขึ้นจากรายงานครั้งก่อนได้หรือไม่ ส่วนโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีอยู่ และจะทยอยเพิ่มสูงขึ้น ทำให้การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัดได้เช่นกัน

เราประเมินว่า โซนแนวต้านใหม่ของเงินบาทอาจขยับมาอยู่แถว 33.70-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวรับอาจอยู่ในช่วง 33.30-33.40 บาทต่อดอลลาร์

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.75 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 33.18-33.70 บาทต่อดอลลาร์) หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนลงบ้าง จากคำสัมภาษณ์ของทั้งรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังลดความกังวลต่อประเด็นการเมืองเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระบุว่า ไม่ได้ต้องการที่จะไล่ประธานเฟด Jerome Powell ออกจากตำแหน่ง ซึ่งภาพดังกล่าว ได้หนุนให้บรรยากาศตลาดการเงินสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On)

กดดันให้ ผู้เล่นในตลาดต่างเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย ยอดนิยมในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และทองคำ ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเช่นกัน โดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับจังหวะการปรับตัวลงแรงของราคาทองคำ ได้กดดันให้ เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนทะลุโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ 

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังคำสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีคลังล่าสุด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้ระบุว่า ไม่ได้มีความต้องการไล่ประธานเฟดออกจากตำแหน่ง ซึ่งภาพดังกล่าว ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์สหรัฐฯ อีกครั้ง ส่งให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +2.51%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.25% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ L’ Oreal +6.3% ทว่า ตลาดหุ้นยุโรปก็ถูกกดดันโดยแรงขายหุ้น Novo Nordisk -7.4%

หลังผลทดลองของยาลดน้ำหนักตัวใหม่ของ Eli Lilly นั้นออกมาดี จนอาจกระทบยอดขายยาลดน้ำหนักยอดนิยมของ Novo Nordisk (Ozempic) อย่างไรก็ดี ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้หนุนให้ สัญญาฟิวเจอร์สตลาดหุ้นยุโรป (STOXX50) ล่าสุดปรับตัวขึ้น +1.6%

ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ จะพลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) แต่ความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์สหรัฐฯ ที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

และประเด็นการแทรกแซงเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ ก็หนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาศัยจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จนทะลุโซน 4.40% ในการทยอยเข้าซื้อ ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 4.35%

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์สหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้น กดดันให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายสินทรัพย์ปลอดภัย

อาทิ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อ่อนค่าลงทะลุระดับ 142 เยนต่อดอลลาร์ ทยอยรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสู่โซน 99.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.3-99.4 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. 2025) ดิ่งลงหนัก สู่โซน 3,350-3,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ทั้ง ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนเมษายน

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก (เฟด, BOE และ ECB) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงิน โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า เฟดมีโอกาสราว 28% ที่จะลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ในปีนี้ (ลดลงจากช่วงก่อนหน้าพอสมควร) หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และลดความกังวลต่อประเด็นการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟด โดยฝั่งการเมืองสหรัฐฯ

และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ซึ่งเราประเมินว่า BI จะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.75% เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) แต่ก็มีโอกาสทยอยลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ในปีนี้ เพื่อประคองเศรษฐกิจจากผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ

นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) และรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.48-33.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทและสกุลเงินเอเชียหลายสกุล (ยกเว้น เงินหยวน) อ่อนค่าลง ท่ามกลางแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังมีสัญญาณผ่อนคลายลงทั้งในประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และแรงกดดันต่อเฟด โดยรมว. คลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การตอบโต้ด้านภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน ไม่สามารถยืนระยะได้ และความขัดแย้งด้านการค้าของ 2 ประเทศ จะทยอยคลี่คลายลง แม้การเจรจาจะยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ

ขณะที่ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า เขาไม่มีเป้าหมายที่จะปลดนายเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานเฟดก่อนครบวาระ แม้จะอยากให้เฟดลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจก็ตาม 

นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกตามแรงขายทำกำไร (หลังราคาทะยานขึ้นทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์หลายรอบในช่วงที่ผ่านมา) ด้วยเช่นกัน

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.40-33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ราคาทองคำในตลาดโลก ประเด็นของสงครามการค้าสหรัฐฯ กับคู่ค้าหลายประเทศ และสัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติในตลาดการเงินไทย ผลการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย รวมถึง PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนเม.ย. ของยูโรโซน และสหรัฐฯ และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ 
 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ได้เจอแล้วรู้เรื่อง! “โค้ชคัง” ต้องออกมาพูดถึง “วอลเลย์บอลหญิงไทย” ผ่านสื่อบ้านเกิด

ควันหลงหลังเกมการแข่งขันวอลเลย์บอล รายการพิเศษ ออลสตาร์ ซูเปอร์แมตช์ ระหว่าง ทีมไทย กับ ทีมเกาหลีใต้ ที่เมืองฮวาซอง ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยผลการแข่งขันเป็นทางด้าน “นักตบลูกยางสาวไทย” เป็นฝ่ายเอาชนะ ทีมรวมดาราเกาหลีใต้ ไปได้ทั้ง 2 ชุด ทั้งชุดดาวรุ่ง และทีมชุดใหญ่ ด้วยสกอร์ 3-1 เซตเหมือนกัน

ภายหลังจบอีเวนต์ คังซองฮยอง โค้ชสโมสร ซูวอน ฮุนได ฮิลล์สเตท ที่เข้ามารับงานคุมทีมในรายการพิเศษนี้ได้ออกมาพูดถึง ทีมวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทยชุดนี้ ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นสายเลือดใหม่ถือเป็นการกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง 

“ทีมไทยชุดนี้เป็นการสร้างทีมจากรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี พวกเขาพร้อมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยผู้เล่นเหล่านี้ เป้าหมายของพวกเขาคือการผ่านเข้าไปเล่นในโอลิมปิก 2028″

“ผู้เล่นของเขายังอายุน้อยแต่มีพื้นฐานที่ดี แม้การเสิร์ฟของพวกเขาจะยังไม่แน่นอน แต่มันก็ถูกทดแทนด้วยการรับบอลแรก และมือเซตที่ดี”

“ในส่วนของความแข็งแกร่ง และความยืดหยุ่นของผู้เล่นตัวรุกก็ทำได้ดีเช่นกัน พวกเขาเล่นเกมบุกด้วยเทคนิคที่น่าทึ่ง” กุนซือแดนโสม เปิดใจ

สำหรับ ทีมวอลเลย์บอลสาวไทย จะกลับมาเตรียมความพร้อมฝึกซ้อมอีกประมาณ 1 เดือน สำหรับการแข่งขันเนชั่นลีก และชิงแชมป์โลก ซึ่งเป็นรายการสำคัญของประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วิธีบริหารดวงตา ป้องกันสารพัดปัญหาสายตา

เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่ผู้คนส่งเสริมการบริหารดวงตาว่าเป็นวิธีรักษา “ตามธรรมชาติ” สำหรับปัญหาด้านการมองเห็นต่างๆ รวมถึงสายตา อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือเพียงเล็กน้อยมากที่บ่งชี้ว่าการบริหารดวงตาสามารถปรับปรุงการมองเห็นได้ แต่การบริหารดวงตาสามารถช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา และอาจช่วยให้ดวงตารู้สึกสบายขึ้นได้

หากคุณมีภาวะสายตาผิดปกติทั่วไป เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง คุณอาจจะไม่ได้รับประโยชน์จากการบริหารดวงตา ผู้ที่มีโรคตาที่พบบ่อยที่สุด รวมถึงภาวะเสื่อมของจุดภาพชัดที่เกี่ยวข้องกับอายุ ต้อกระจก และต้อหิน ก็จะได้รับประโยชน์เพียงเล็กน้อยจากการบริหารดวงตาเช่นกัน

การบริหารดวงตาอาจจะไม่ช่วยปรับปรุงการมองเห็นของคุณ แต่สามารถช่วยให้ดวงตาสบายขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดวงตาของคุณเกิดอาการระคายเคืองจากการทำงาน

ภาวะที่เรียกว่าอาการตาล้าจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องปกติในหมู่ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน ภาวะนี้สามารถก่อให้เกิด

  • อาการตาแห้ง
  • อาการเมื่อยล้าของดวงตา
  • มองเห็นภาพไม่ชัด
  • ปวดศีรษะ

วิธีบริหารดวงตา

ต่อไปนี้เป็นแบบบริหารดวงตาประเภทต่างๆ ที่คุณสามารถลองทำได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ

การปรับโฟกัส

การบริหารนี้ช่วยฝึกการปรับโฟกัส ควรทำในท่านั่ง

  1. ถือนิ้วชี้ของคุณห่างจากดวงตาประมาณสองสามนิ้ว
  2. เพ่งความสนใจไปที่นิ้วของคุณ
  3. ค่อยๆ เลื่อนนิ้วของคุณออกจากใบหน้า โดยยังคงเพ่งความสนใจไว้
  4. ละสายตาไปมองไกลๆ สักครู่
  5. เพ่งความสนใจไปที่นิ้วที่เหยียดตรงของคุณ แล้วค่อยๆ เลื่อนกลับเข้าหาดวงตา
  6. ละสายตาไปมองวัตถุที่อยู่ไกลๆ
  7. ทำซ้ำ 3 ครั้ง

การปรับโฟกัสใกล้และไกล

นี่คือการบริหารเพื่อฝึกการปรับโฟกัสอีกแบบหนึ่ง เช่นเดียวกับแบบก่อนหน้า ควรทำในท่านั่ง

  1. ถือหัวแม่มือของคุณห่างจากใบหน้าประมาณ 10 นิ้ว และเพ่งความสนใจไปที่หัวแม่มือเป็นเวลา 15 วินาที
  2. มองหาวัตถุที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 ถึง 20 ฟุต และเพ่งความสนใจไปที่วัตถุนั้นเป็นเวลา 15 วินาที
  3. กลับมาเพ่งความสนใจที่หัวแม่มือของคุณ
  4. ทำซ้ำ 5 ครั้ง

เลขแปด

การบริหารนี้ควรทำในท่านั่ง

  1. เลือกจุดบนพื้นประมาณ 10 ฟุตข้างหน้าคุณ และเพ่งความสนใจไปที่จุดนั้น
  2. วาดเลขแปดในจินตนาการด้วยดวงตาของคุณ
  3. วาดต่อไปเป็นเวลา 30 วินาที แล้วสลับทิศทาง

กฎ 20-20-20

อาการเมื่อยล้าของดวงตาเป็นปัญหาสำหรับหลายๆ คน ดวงตาของมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาให้จ้องวัตถุชิ้นเดียวเป็นเวลานานๆ

หากคุณทำงานกับคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน กฎ 20-20-20 อาจช่วยป้องกันอาการตาล้าจากคอมพิวเตอร์ได้ ในการปฏิบัติตามกฎนี้ ทุกๆ 20 นาที ให้ละสายตาจากหน้าจอไปมองวัตถุที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


10 ประโยคภาษาอังกฤษน่ารู้! เมื่อต้อง “ประชุมออนไลน์”

ภาษาอังกฤษ ที่จะช่วยให้คุณประชุมออนไลน์ ได้อย่างไม่มีติดขัด

ประโยค “ประชุมออนไลน์”

ประโยคภาษาอังกฤษที่จำเป็นในการประชุมออนไลน์ มีดังต่อไปนี้

• Are we waiting for anyone else?
(อา วี เวท’ทิง ฟอร์ เอน’นีวัน เอลซฺ)
เราต้องรอใครอีกไหม

• Has Peter joined the meeting yet?
(แฮซ ปีเตอร์ จอย เดอะ มีททิง เยท)
เราต้องรอใครอีกไหม

• Are you on mute? (mute = no sound)
(อา ยู ออน มิวทฺ)
คุณปิดเสียงอยู่หรือเปล่า (ปิดเสียง = ไม่มีเสียง)

• Are you still there?
(อา ยู สทิล แธร์)
คุณยังอยู่หรือเปล่า?

• I can hear you but I can’t see you.
(ไอ แคน เฮียร์ ยู บัท ไอ คานท์ ซี ยู)
ฉันได้ยินเสียง แต่ไม่เห็นหน้าคุณ

• Do you have an audio problem?
(ดู ยู แฮฟ แอน ออดีโอ พรอบเลิม)
คุณมีปัญหาเกี่ยวกับเสียงไหม?

• I am having trouble hearing you.
(ไอ แอม แฮฟวิง ทรัพเบิล เฮียริง ยู)
ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินคุณ

• Could you speak a little bit louder?
(เคอะดฺ ยู สปีค อะ ลิตเทิล บิท ลาวเดอร์)
ช่วยพูดดังขึ้นอีกนิดได้ไหม

• Sorry, can you say that again? I can’t hear you clearly.
(ซอรี แคน ยู เซย์ แธด อะเกน ไอ คานท์ เฮีย ยู เคลียร์ลี)
ขอโทษที ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม ฉันได้ยินไม่ชัด

• I think I may have a problem with the connection.
(ไอ ธิงค์ ไอ เมย์ แฮฟ อะ พรอบ’เลิม วิธ เดอะ คอนเนคเชิน)
ฉันน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


“ผักสด” หรือ “ผักต้ม” กินแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน

ผักทุกชนิดอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การรับประทานผักหลากหลายชนิดยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณ แต่หลายคนก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่าการรับประทานผักดิบหรือผักสุก แบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดของผัก ผักดิบและผักสุกต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย (จะกล่าวถึงในภายหลัง) และในขณะที่ผู้คนมักจะคิดว่าผักดิบดีกว่าและมีสารอาหารมากกว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป

ผักที่ปรุงสุกสูญเสียสารอาหารหรือไม่

ใช่และไม่ใช่ ผักหลายชนิดสูญเสียสารอาหารไปบ้างเมื่อถูกความร้อน แต่ปริมาณที่สูญเสียไปนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของผักและวิธีการปรุง นอกจากนี้ดังที่เราจะกล่าวถึงต่อไป ผักบางชนิดอาจมีปริมาณสารอาหารบางอย่างสูงขึ้นเมื่อปรุงสุก นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการสูญเสียสารอาหาร

ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุ: การสูญเสียสารอาหารขึ้นอยู่กับชนิดของวิตามินและแร่ธาตุที่ผักนั้นมี ตัวอย่างเช่น วิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินซีและโฟเลต สามารถสูญเสียไปกับการต้ม ในขณะที่วิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอและอี อาจสูญเสียง่ายกว่าระหว่างการทอด

วิธีการปรุง: วิธีการปรุงอาหารบางอย่าง เช่น การต้ม สามารถทำให้ผักสูญเสียสารอาหารมากกว่าการปรุงด้วยวิธีอื่น เช่น การนึ่งหรือการใช้ไมโครเวฟ นั่นเป็นเพราะการนึ่งหรือการใช้ไมโครเวฟใช้น้ำน้อยกว่าการต้ม (หรือใช้น้ำมันน้อยกว่าการทอด) แม้ว่าการนึ่งจะดีกว่าการต้มในแง่ของการรักษาสารอาหาร แต่ผักใบเขียวที่ต้มแล้วก็ยังคงรักษาวิตามินซีไว้ได้ 55% และโฟเลต 60%

ระยะเวลาในการปรุง: ระยะเวลาที่ผักสัมผัสกับความร้อนก็สามารถส่งผลต่อปริมาณคุณค่าทางโภชนาการที่สูญเสียไปได้เช่นกัน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้ไม่ว่าวิธีการปรุงอาหารแบบใดก็ตาม

อุณหภูมิ: ยิ่งอุณหภูมิสูง ผักก็จะยิ่งสัมผัสกับความร้อนมากขึ้น ส่งผลให้สารอาหารสูญเสียไปมากขึ้นที่อุณหภูมิสูง ดังนั้น หากคุณจะปรุงผักด้วยอุณหภูมิสูง ให้พยายามปรุงในระยะเวลาที่สั้นลง ซึ่งอาจหมายถึงการย่างหรือผัดอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การปรุงผักด้วยอุณหภูมิต่ำ (เช่น การอบด้วยไฟอ่อนเป็นเวลานาน) สามารถช่วยลดการสูญเสียสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับความร้อนได้บ้าง

ประโยชน์ของผักดิบเทียบกับผักสุก

นอกเหนือจากความอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุแล้ว ผักดิบยังมีประโยชน์เพิ่มเติมดังนี้

  • จากการวิเคราะห์ขนาดใหญ่พบว่า การรับประทานผักดิบมากขึ้นมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหัวใจ ซึ่งความสัมพันธ์นี้ไม่ปรากฏชัดเจนสำหรับผักที่ปรุงสุก
  • การศึกษาหนึ่งพบว่า การรับประทานผักและผลไม้สดมีความสัมพันธ์กับการมีอารมณ์ดีขึ้นและภาวะซึมเศร้าลดลง ซึ่งความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่แข็งแกร่งเท่ากับการรับประทานผักที่ปรุงสุก
  • บางคนอาจรู้สึกว่าผักดิบสดชื่นกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอากาศอบอุ่น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


‘AI Agents’ ติดปีกโจรไซเบอร์ ระวัง! ในอีก 2 ปี ลดเวลาโจมตีได้ 50%

“การ์ทเนอร์” คาดการณ์ในอีกสองปีข้างหน้านี้ (พ.ศ.2570) “AI Agents” จะลดเวลาในการโจมตีช่องโหว่ของบัญชีลง 50%

เจเรมี่ ดอนน์ รองประธานนักวิเคราะห์ การ์ทเนอร์ กล่าวว่า การยึดบัญชี หรือ ATO ยังคงเป็นการโจมตีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

อันเนื่องมาจากข้อมูลการยืนยันตัวตนที่ยังไม่แข็งแรงพอ เช่น รหัสผ่าน ที่ถูกรวบรวมด้วยวิธีการต่าง ๆ และการรั่วไหลของข้อมูล การฟิชชิ่ง การหลอกลวงทางวิศวกรรมสังคมหรือ Social Engineering และมัลแวร์

โดยแฮกเกอร์จะใช้บอทอัตโนมัติเข้าสู่ระบบของบริการต่างๆ โดยหวังว่าข้อมูลยืนยันตัวตนนั้น ๆ จะถูกนำมาใช้ซ้ำอีกในแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย

AI Agents จะทำให้การทำงานในขั้นตอนต่างๆ ของการยึดบัญชี (ATO) เป็นอัตโนมัติมากขึ้น ตั้งแต่การหลอกลวงทางกระบวนการวิศวกรรมสังคมโดยใช้เสียง Deepfake ไปจนถึงการละเมิดข้อมูลประจำตัวผู้ใช้แบบครบวงจรอย่างอัตโนมัติ

จากกรณีนี้ทำให้ผู้ให้บริการจะต้องแนะนำผลิตภัณฑ์เพื่อตรวจจับ ติดตาม และจำแนกการโต้ตอบที่เกี่ยวข้องกับ AI Agent ทั้งในช่องทางเว็บ, แอป, API และเสียง

เมื่อต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ผู้นำความปลอดภัยควรเร่งการเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีการรับรองความถูกต้องแบบหลายปัจจัยเพื่อป้องกันการฟิชชิ่ง (MFA) แบบไม่ต้องใช้รหัสผ่าน ตัวเลือกในการยืนยันตัวตน การให้ความรู้และสร้างแรงจูงใจกับผู้ใช้ให้ย้ายจากรหัสผ่านไปสู่การใช้ Passkey กับอุปกรณ์หลากหลายได้อย่างเหมาะสม

นอกจากปัญหาการ ATO แล้ว วิศวกรรมสังคมที่ใช้เทคโนโลยียังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ขององค์กรเช่นกัน

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2571 การโจมตีด้วยวิศวกรรมสังคม 40% จะมุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารและพนักงานในวงกว้าง

ปัจจุบันแฮกเกอร์กำลังผสานกลยุทธ์โจมตีวิศวกรรมสังคมเข้ากับเทคนิคการปลอมแปลงเสมือนจริง อาทิ เสียงและวิดีโอแบบ Deepfake เพื่อหลอกลวงพนักงานระหว่างการโทรติดต่อ

แม้ว่าจะมีการรายงานไม่กี่เคส แต่เหตุการณ์เหล่านี้ย้ำให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของภัยคุกคามและส่งผลให้องค์กรที่ตกเป็นเหยื่อสูญเสียทางการเงินเป็นจำนวนมหาศาล

ขณะที่การตรวจจับ Deepfake ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นและเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้กับการโจมตีที่หลากหลายในชั้นเบื้องต้นของการสื่อสารด้วยเสียงและวิดีโอเรียลไทม์ระหว่างบุคคลบนแพลตฟอร์มต่างๆ

พร้อมกันนี้ องค์กรจะต้องติดตามสถานการณ์ในตลาดอย่างใกล้ชิด และปรับเปลี่ยนขั้นตอน รวมถึงกระบวนการทำงานเพื่อต้านทานการโจมตีที่ใช้เทคนิคการปลอมแปลงเสมือนจริงเพื่อป้องกันได้ดีขึ้น การให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงโดยอาศัยการฝึกอบรมในหัวข้อเฉพาะถึงแนวทางการรับมือกับภัยการหลอกลวงทางวิศวกรรมสังคมด้วย Deepfake จึงเป็นแนวทางที่สำคัญ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/04/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a52,950.0053,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,430.0051,998.8053,850.00
ทองรูปพรรณ 90%3,087.0046,798.92n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,744.0041,599.04n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,544.0023,399.46n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,201.0018,199.58n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,554.0053,884.77n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/04/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.8532.8533.3532.8532.8532.8532.8532.8532.8532.85
แก๊สโซฮอล์ 9132.4832.4832.9832.4832.4832.4832.4832.4832.4832.48
แก๊สโซฮอล์ E2030.6430.6431.1430.6430.6430.6430.6430.6430.64
แก๊สโซฮอล์ E8528.9928.9928.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.4448.8449.8448.8441.44
เบนซิน 9541.1448.8141.6441.2941.14
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า