สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2568

บิ๊กอสังหาฯแห่ติดเครื่องยนต์ใหม่ บุก โลจิสติกส์ -คลังสินค้า -นิคมอุตสาหกรรม สีเขียว แสนล้าน

 อสังหาฯทรุด ภาคอุตสาหกรรมไทยขยายตัว บิ๊กเนมกระจายเสี่ยง แห่ติดเครื่องยนต์ตัวใหม่ ขยายฐานธุรกิจ บุกโลจิสติกส์สีเขียว โกดัง คลังสินค้า นิคมอุตสาหกรรม แสนล้าน ยึดโซน บางนา-ตราด เกตเวย์เมืองอีอีซี

เศรษฐกิจผันผวนรุนแรง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาอย่างหนัก กำลังซื้อหายไปจากตลาด ขณะเดียวกันสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ กระจายความเสี่ยงมองหาเครื่องยนต์ตัวใหม่ขยายธุรกิจสร้างการเติบโตให้สอดรับกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจโลจิสติกส์ หรือระบบการจัดการการส่งสินค้า โกดัง คลังสินค้า นิคมอุตสาหกรรมฯลฯ

อีกหนึ่งหมุดหมายที่ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เข้าไปลงทุนกันมาก โดยเฉพาะ โซนของถนนบางนา-ตราด เกตเวย์เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี รวมถึงโซนที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมทั่วประเทศ

ที่ประกาศเปิดตัวล่าสุด บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์จำกัด (มหาชน) หรือ “เสนา” เดินหน้ารุกธุรกิจโลจิสติกส์ สีเขียวเต็มรูปแบบ “SENA MLC 1”โดย จับมือพันธมิตรระดับโลก บริษัท มิตซูบิชิ โลจิสติคส์ คอร์ปอเรชั่นจากประเทศญี่ปุ่น

ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการคลังสินค้า-โรงงาน บางนา กิโลเมตรที่ 23 ซึ่งเป็นการร่วมทุนในต่างประเทศครั้งแรกของ “มิตซูบิชิ โลจิสติคส์” กับพันธมิตรไทย นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานคลังสินค้าในประเทศไทยด้วยนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ  เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ประเมินว่า จากข้อมูลของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ พบว่าธุรกิจคลังสินค้าของไทยในปี นี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าปริมาณพื้นที่คลังสินค้าที่มีสัญญาเช่าจะขยายตัวราว 9.3% เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลให้ทำเลบางนา กม.23 เป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อ สนามบินและท่าเรือ

 ขณะที่ประกาศตัวก่อนหน้านี้ ไม่นาน บมจ. มั่นคงเคหะการประกาศลงทุนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง บางนา-ตราด กม.ที่ 19 บนที่ดินผืนใหญ่ประมาณ 1,000 ไร่ด้วยเงินลงทุนประมาณ 6,500 ล้านบาท

ซึ่งมีกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง เป็นผู้ร่วมทุนในการพัฒนาโครงการนี้ โดยมีบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(PD) บริษัทในเครือที่มีความชำนาญด้านนี้เป็นผู้นำในธุรกิจนี้ และทางมั่นคงฯ จะยุติการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหลังจากนี้

 นอกจากนี้ค่ายแสนสิริ ยังร่วมกับ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เครือมั่นคงเคหะการฯตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ บีเอฟทีแซด บางปะกง ถือหุ้นสัดส่วน50:50 ด้วยเงินลงทุน 500 ล้านบาท พัฒนาพื้นที่และประกอบธุรกิจประเภทกิจการคลังสินค้าและอาคารโรงงานกว่า 1 แสนตารางเมตร

มาที่ผู้เล่นรายใหญ่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ที่มี นายปณต สิริวัฒนภักดี ทายาทเจ้าสัวเจริญ เป็นหัวเรือใหญ่  พลิกที่ดินผืนใหญ่ 4,600ไร่ ทำเล บางนา-ตราด กม. 32 สมุทรปราการ เชื่อมอีอีซีและกรุงเทพมหานคร

ร่วมกับพันธมิตร สวนอุตสาหกรรมโรจนะ และนิคมอุตสาหกรรมเอเชียหรือ เอเชีย อินดัสเตรียล เอสเตทปั้นเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรรูปแบบใหม่ แห่งแรกของไทย “อารยะ ดิ อิสเทิร์น เกตเวย์” ประเดิมเฟสแรก 2 หมื่นล้านบาทมีนักลงทุนต่างชาติซื้อที่ดินพัฒนาโรงงานกันมากแล้ว

 ขณะค่าย เอสซี แอสเสท ของตระกูลชินวัตร นำโดย นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งบริษัท เอสซีเอ็กซ์ ลุยธุรกิจโลจิสติกส์ จับมือ Flash Group พัฒนาอาคารคลังสินค้า และศูนย์กระจายพัสดุทั่วประเทศ เริ่มที่แรก นครสวรรค์ เมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น “โตเกียว ทาเทโมโนะ”

บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ แถวหน้าจากประเทศญี่ปุ่น ลงทุนคลังสินค้า-โรงงานให้เช่า ใน 2 ทำเล ได้แก่ SCX Logistics บางนา-ตราด กม.20 บนที่ดิน 90 ไร่ และ SCX Logistics แหลมฉบัง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยานยนต์ และการขยายฐานการผลิตของผู้ประกอบการต่างชาติ โดยมองว่าเป็นทำเลศักยภาพสามารถขนส่งสินค้าเข้าสู่กรุงเทพ และกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้อย่างสะดวก

 ด้านค่ายออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ร่วมทุนกับ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ บริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่งสินค้ารายใหญ่เพื่อพัฒนาอาคารคลังสินค้าให้เช่าร่วมกัน โดยเงินทุนจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนมีจำนวน 1,225.8 ล้านบาท

หลังจากนั้นมีโตคิว แลนด์ เอเชีย เข้ามาร่วมลงทุนด้วยใน 2 โครงการ และตั้งเป้าว่าพื้นที่อาคารคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่าในระยะยาวจะมีประมาณ 1 ล้านตารางเมตร บนที่ดินกว่า 54 ไร่ บนถนนพหลโยธิน กม.33

 ค่ายพฤกษา โฮลดิ้ง แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ ก่อตั้งเป็นกองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund จากนั้นดึงมิตซุย โอเอสเค ไลน์ส เข้าร่วมทุนด้วยเพื่อพัฒนาอาคารคลังสินค้าให้เช่าด้วยเงินทุนเบื้องต้นประมาณ 10,000 ล้านบาท

โดยพื้นที่ของอาคารคลังสินค้าที่จะเปิดให้บริการระยะแรกมีประมาณ 200,000 ตารางเมตรและจะมีการลงทุนเพิ่มเติมอีกในระยะยาวทั้งในประเทศไทย และอาเซียน อีกค่ายที่เปิดตัวมานาน ค่ายสิงห์เอสเตท เปิดขายพื้นที่ไปแล้วตั้งแต่ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ได้พัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทองบนที่ดินขนาด 1,776 ไร่ ในจังหวัดอ่างทอง เพื่อรองรับบริษัทในเครือและผู้ที่ต้องการพื้นที่เพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาคุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทยประเมินว่า การให้ความสนใจของภาคอสังหาริมทรัพย์ ในธุรกิจดังกล่าวมองว่าประเทศไทยยังคงมีทิศทางการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมที่น่าสนใจอีกทั้งความต้องการในภาคอุตสาหกรรมมีทั้งไทยและต่างชาติ

ซึ่งในช่วงนี้อาจจะมีปัญหาติดขัดบ้างจากความไม่ชัดเจนในนโยบายของสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตาในระยะยาวประเทศต่างๆ ในอาเซียนที่มีความพร้อมและสาธารณูปโภคที่ดียังสามารถดึงดูดนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมได้ต่อเนื่องแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


REIC ชี้ราคาบ้านจัดสรร Q1/68 ขยับเล็กน้อย เหตุต้นทุนพุ่ง-ดีมานด์ชะลอ

REIC เผยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่กรุงเทพฯ–ปริมณฑล ไตรมาสแรกปี 2568 ขยับขึ้น 0.2% สะท้อนภาวะต้นทุนก่อสร้างสูงกดดันผู้ประกอบการ ขณะดีมานด์ยังชะลอ

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานบทวิเคราะห์ “ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย” ไตรมาส 1 ปี 2568 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพบว่าค่าดัชนีอยู่ที่ 131.8 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนว่าราคาบ้านยังคงขยับขึ้นต่อเนื่อง แม้อัตราการเติบโตเริ่มชะลอลง

การปรับขึ้นราคาครั้งนี้มีปัจจัยหลักมาจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดินในทำเลศักยภาพ วัสดุก่อสร้างที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงค่าแรงที่ถูกปรับเพิ่มตั้งแต่ต้นปี ขณะที่จำนวนหน่วยเหลือขายในตลาดยังสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาเพียงเล็กน้อยเพื่อเร่งระบายสต๊อกให้สอดคล้องกับกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่

แบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว มีดัชนีอยู่ที่ 137.0 เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อน และ 0.3% จากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 6.5% YoY ซึ่งทำเลที่โดดเด่นคือ พระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ ในกลุ่มบ้านราคา 7.51–10 ล้านบาท ขณะที่พื้นที่ปริมณฑล เช่น เมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด กลุ่มบ้านราคาเกิน 10 ล้านบาท ก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นกัน

ในส่วนของทาวน์เฮ้าส์ มีดัชนีอยู่ที่ 129.5 ลดลง 1.4% YoY แต่เพิ่มขึ้น 0.3% จากไตรมาสก่อน โดยในกรุงเทพฯ มีการปรับขึ้นเล็กน้อย ส่วนพื้นที่ปริมณฑลบางส่วนกลับมีการปรับลดราคา โดยเฉพาะในย่านบางกรวย–บางใหญ่–บางบัวทอง–ไทรน้อย ในระดับราคา 2.01–3.00 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ใช้ต้นทุนเดิมและต้องการกระตุ้นตลาด

REIC ยังระบุถึงกลยุทธ์การส่งเสริมการขายในไตรมาสนี้ว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงใช้วิธีลดค่าใช้จ่ายวันโอน และให้ส่วนลดเงินสด เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ท่ามกลางความต้องการที่ยังฟื้นตัวช้า โดยสัดส่วนการให้ส่วนลด ณ วันโอนอยู่ที่ 34% ขณะที่การแจกของแถม เช่น เครื่องปรับอากาศหรือมิเตอร์น้ำไฟ ลดลงจากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ ในบทวิเคราะห์ใช้การสำรวจข้อมูลจาก 245 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ และ 3 จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยไม่รวมตลาดบ้านมือสอง ใช้ปี 2555 เป็นฐานดัชนี

ข้อมูลดัชนีนี้สะท้อนภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงเดินหน้าอย่างระมัดระวัง ภายใต้แรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นและดีมานด์ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่ผู้ประกอบการพยายามประคับประคองราคาและกระตุ้นยอดขายเพื่อให้ธุรกิจเดินต่อได้ในภาวะตลาดที่ยังเปราะบาง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 23พ.ค. “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 32.87 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทสามารถเคลื่อนไหวแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลงได้ ตามทิศทางราคาทองคำ การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมีความสำคัญที่สุด เหตุประเด็นค่าเงินจะมีทั้งผู้มีส่วนได้และส่วนเสีย

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.87 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.84 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อน ในช่วงโซน 32.55-33.00 บาทต่อดอลลาร์

โดยราคาทองคำยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง Two-Way risk ที่อาจทำให้เงินบาทสามารถเคลื่อนไหวแข็งค่า หรือ อ่อนค่าลงได้ ตามทิศทางราคาทองคำ เนื่องจากราคาทองคำ ก็ยังมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways เช่นกัน

จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเราจะมั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทจะสามารถทยอยกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 33.20-33.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง ตามการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend Following

ทั้งนี้ แม้ว่า เงินบาทดูจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง จากถ้อยแถลงของรัฐมนตรีฯ พาณิชย์ ที่มองว่า ระดับค่าเงินบาทที่เหมาะสมคือช่วง 36-37 บาทต่อดอลลาร์  แต่เราขอเน้นย้ำว่า ประเด็นของค่าเงินนั้นจะมีทั้งผู้มีส่วนได้และส่วนเสีย (หากเงินบาทอ่อนค่าเกินไป ก็จะกระทบฝั่งผู้นำเข้า ซึ่งปัจจุบันก็เผชิญแรงกดดันจากภาวะการแข่งขันสูงของสินค้าราคาถูกจากจีน)

ทำให้เรามองว่า การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมีความสำคัญที่สุด และไม่มีระดับค่าเงินที่เหมาะสมอย่างแท้จริง นอกเสียจากการประเมินในเชิง Valuation (อาทิ การประเมินด้วย BEER เป็นต้น) ซึ่งการเคลื่อนไหวของค่าเงินก็ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับ Valuation ได้ในบางช่วงเวลา

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.75-33.00 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.79-32.95 บาทต่อดอลลาร์) หลังจากที่ในช่วงบ่ายวันก่อนหน้า เงินบาทได้ทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามการรีบาวด์สูงขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำ

รวมถึงการส่งสัญญาณจากทางรัฐมนตรีฯ พาณิชย์ ที่อยากให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่าง 36-37 บาทต่อดอลลาร์ โดยการอ่อนค่าของเงินบาทก็ดูจำกัดลงแถวโซนแนวต้านแรก 32.95-33.00 บาทต่อดอลลาร์

แม้ว่าเงินบาทจะเผชิญแรงกดดันจากการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งได้อานิสงส์จากรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) เดือนพฤษภาคม ที่ล้วนออกมาดีกว่าคาด

สวนทางกับรายงานดัชนี PMI จากฝั่งยุโรปที่ออกมาผสมผสาน ทว่า ราคาทองคำก็ยังคงสามารถทยอยรีบาวด์สูงขึ้นได้และช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ใกล้โซนแนวต้านดังกล่าว

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว หลังสภาผู้แทนฯ ของสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณรายจ่าย ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังมีความกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ

ทว่ารายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ก็พอช่วยพยุงบรรยากาศในตลาดการเงิน ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาดเพียง -0.04%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลง -0.64% กดดันโดยแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ ASML -1.2% ตามแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวฝั่งยุโรป

ที่สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ จากความกังวลแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ นอกจากนี้ รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซน เดือนพฤษภาคม ก็ปรับตัวลดลงและแย่กว่าคาด กดดันบรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มเติม

ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่า สภาผู้แทนฯ ของสหรัฐฯ จะสามารถผ่านร่าง “Fiscal Bill” ได้สำเร็จ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ทว่าการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

รวมถึงบอนด์ยีลด์ระยะยาว อย่าง บอนด์ยีลด์ 30 ปี ในช่วงที่ผ่านมา ยังคงสามารถดึงดูดความสนใจของผู้เล่นในตลาดได้บ้าง ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถทยอยย่อตัวลงบ้างจากโซนเหนือระดับ 4.60% สู่โซน 4.53%

อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังเสี่ยงผันผวนสูงได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดมีความกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ มากขึ้น ทว่า เราคงย้ำมุมมองเดิมว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ก็จะเปิดโอกาสในการทยอยเข้าซื้อสะสม (Buy on Dip) ได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง หนุนโดยรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี การรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง

อีกทั้งผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงมีความกังวลต่อเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) รีบาวด์ขึ้นสู่โซน 99.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.6-100.1 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) แม้จะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง หลังราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซนแนวต้านระยะสั้นได้สำเร็จ ทว่า จังหวะการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงแรงซื้อในจังหวะย่อตัวของผู้เล่นในตลาดก็พอช่วยหนุนให้ ราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือโซน 3,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของอังกฤษ ในเดือนเมษายน เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า BOE อาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ (โอกาส 60%)

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลตลาดบ้านสหรัฐฯ พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้ง ในปีนี้

และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะติดตาม สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า  เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.80-32.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.56 น.) ใกล้เคียงกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ฯ

หลังจากที่แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนครึ่งวานนี้ที่ 32.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทอ่อนค่าลง และกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบสอดคล้องกับแรงเทขายทำกำไรทองคำในตลาดโลกที่ทำให้ราคา Spot ทองคำกลับมาอยู่ต่ำกว่าแนว 3,300 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาค่อนข้างดี (อาทิ ดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนพ.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์) หนุนเงินดอลลาร์ฯ ให้ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ดี Sentiment ในภาพรวมของเงินดอลลาร์ฯ ยังคงเปราะบาง และตลาดยังคงให้ความสนใจกับประเด็นเรื่องแนวโน้มฐานะการคลังที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.70-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สถานะฟันด์โฟลว์ต่างชาติ ประเด็นสงครามการค้า และสถานการณ์ของร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


แรงต่อเนื่อง! เมย์-บาส-เฟม ลิ่วรอบ 8 แบดมาเลเซีย มาสเตอร์ส 2025

“เมย์” รัชนก อินทนนท์, “บาส-เฟม” เดชาพล-ศุภิสรา โชว์ฟอร์มแกร่งทะลุรอบก่อนรองฯ แบดมินตัน มาเลเซีย มาสเตอร์ส 2025 ขณะที่ “มิกซ์-หว่าหวา” พ่ายมือ 1 โลกจากจีนตกรอบ

การแข่งขันแบดมินตันรายการ มาเลเซีย มาสเตอร์ส 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 475,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 15.9 ล้านบาท ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 68 เป็นการแข่งขันรอบสอง

หญิงเดี่ยว
“เมย์” รัชนก อินทนนท์ มือวาง 6 ของรายการ มือ 11 โลก พบ ฮุง ยี่ติง มือ 63 โลกจากไต้หวัน

  • ผล: รัชนก ชนะ 2-0 เกม 21-14, 21-12
  • ผ่านเข้ารอบก่อนรองฯ รอพบผู้ชนะระหว่าง ลีเน่ เคียร์สเฟลด์ท (มือ 17 โลก) หรือ มิเชล ลี (มือ 21 โลก)

คู่ผสม
“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ / “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่มือ 8 โลก พบ หว่อง เทียนซี / ลิม เชียวเซียน (มือ 35 โลก) จากมาเลเซีย

  • ผล: บาส/เฟม ชนะ 2-0 เกม 21-14, 21-9
  • เข้ารอบ 8 คู่สุดท้าย รอพบผู้ชนะระหว่าง เฝิง หยางเจ๋อ / หวง ตงปิง (มือ 2 โลก) หรือ อัมรี / มาร์วาห์ (มือ 24 โลก)

คู่อื่นที่น่าสนใจ:

  • “มิกซ์” รัชพล / “หว่าหวา” นัทธมน แพ้ เจียง เจิ้นบัง / เว่ย หย่าซิน (มือ 1 โลก) 0-2 เกม 12-21, 17-21

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


เนื้องอกไขมัน คืออะไร? อันตรายหรือไม่?

จำได้ว่าช่วงปีแรกที่ทำงาน เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ เป็นช่วงที่สนุกกับชีวิตมาก ทำงานเหนื่อย แต่ก็รู้สึกได้ถึงชีวิตที่อิสระ ก็เลยกินเพลินไปนิดจนน้ำหนักขึ้น ตอนหลังสังเกตเห็นก้อนปูดๆ ด้านหลังเหนือเอวข้างขวา ปูดออกมาเหมือน “ปีก” เวลาใส่ชุดชั้นในมันปูดออกมาจนลูบๆ ดูแล้วรู้สึกว่าไม่ปกติ แต่ก็ยังคิดว่าเป็นเพราะอ้วน (ฮา) จนกระทั่งผ่านไปอีกสักพัก รู้สึกว่าก้อนมันใหญ่ขึ้น เลยต้องไปหาหมอ เลยพบว่าตัวเองเป็น “เนื้องอกไขมัน”

เนื้องอกไขมัน คืออะไร?

ก้อนเนื้อไขมัน คือภาษาอังกฤษเรียกว่า Lipoma หรือ Fatty Tumor เป็นก้อนไขมันที่นูนอยู่ชั้นใต้ผิวหนัง กดแล้วรู้สึกหยุ่นๆ ไม่เจ็บปวด เป็นเนื้องอกของเนื้อเยื่ออ่อนที่มีขนาดตั้งแต่เล็กกว่า 2 นิ้ว ไปจนถึง 8 นิ้ว (แต่ส่วนใหญ่จะพบขนาดเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก) โดยเจ้าเนื้องอกไขมันนี้จะค่อยๆ โตขึ้นอย่างช้าๆ นานนับเดือน หรือปี

เนื้องอกไขมัน เกิดจากสาเหตุใด?

ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดของเนื้องอกไขมัน มีแต่การสันนิษฐานว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่เนื้องอกไขมันเป็นกลไกการตอบสนองของบริเวณที่มีการบาดเจ็บ หรืออาจถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม หรือเกิดขึ้นในคนที่น้ำหนักขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับการยืนยัน 100%

ใครที่เสี่ยงพบเนื้องอกไขมันบ้าง?

เนื่องจากยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่พบ จึงกำหนดปัจจัยเสี่ยงได้ยาก แต่มักพบในผู้ใหญ่วัย 40-60 ปี มากกว่าวัยอื่นๆ (แต่ก็สามารถพบได้ในทุกวัย) พบในผู้ชายบ่อยกว่าผู้หญิง และอาจพบได้หลายก้อนในคนเดียว

เนื้องอกไขมัน พบได้ในส่วนใดของร่างกายบ้าง

เนื้องอกไขมันพบได้ในบริเวณทั่วไปของร่างกาย แต่มักพบที่หลังส่วนบน ไหล่ แขน รักแร้ ก้น และต้นขา

เนื้องอกไขมัน อันตรายหรือไม่?

เนื้องอกไขมันส่วนใหญ่ไม่เจ็บปวด ไม่เป็นอันตราย เพียงแต่ต้องรีบรักษาก่อนที่ก้อนจะขยายใหญ่ไปมากกว่าเดิม หรือป้องกันก้อนเนื้อไปเบียด หรือทับอวัยวะอื่นๆ

เนื้องอกไขมัน มีวิธีรักษาอย่างไร?

หากพบเนื้องอกไขมัน แพทย์อาจทำการผ่าตัดเพื่อนำก้อนเนื้อออก หรือฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดขนาดของก้อนเนื้อ(แต่ก้อนเนื้อยังอยู่) หรืออาจใช้วิธีดูดไขมันแบบไลโปซักชั่น (Liposuction)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จากประสบการณ์ส่วนตัวของเรา แพทย์บอกว่ามีโอกาสที่จะมีเนื้องอกไขมันซ้ำที่เดิม หรือไปงอกตามส่วนอื่นของร่างกายได้อีกในอนาคต แต่ก็ไม่ได้เป็นกันทุกคน ถ้าพบเนื้องอกอีกให้รีบไปพบแพทย์ก่อนที่ก้อนเนื้องอกจะขยายใหญ่ขึ้น เพื่อทำการรักษาได้ง่ายขึ้นค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


‘เมทเธียร์’ ดึงพลัง ‘AI-ดาต้า’ สร้างมิติใหม่ ‘Smart Facility Management’

  • เมทเธียร์ เดินหน้าปั้น Smart Facility Management
  • พลิกโฉมการบริหารจัดการอาคารด้วยพลัง AI + Data
  • ตั้งเป้าขึ้น Top 3 ธุรกิจ Smart Facility Management ในประเทศไทย

ยุคที่ทุกอุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัวสู่ดิจิทัล หนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่เริ่มพลิกโฉมอย่างเงียบๆ แต่ชัดเจน คือ “การบริหารจัดการอาคาร” หรือ Facility Management ซึ่งแต่เดิมมักถูกมองว่าเป็นเพียงงานหลังบ้านที่ต้องอาศัยแรงงานจำนวนมาก แต่วันนี้กำลังเปลี่ยนสู่ “Smart Facility Management” ที่ใช้ระบบอัจฉริยะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน

วันนี้ “อาคาร” ไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่ แต่กลายเป็นระบบนิเวศดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ข้อมูล และเทคโนโลยีล้ำสมัย

ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Smart Facility Management ในเครือบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด(มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป  เผยว่า เมทเธียร์ กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจ “Smart Facility Management (Smart FM)” โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวสร้างจุดต่างธุรกิจและพลิกโฉมการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้แตกต่างจากที่เคยเป็นมา

เมทเธียร์ วางตำแหน่งธุรกิจเป็น Smart Facility Management แบบครบวงจร อีกหนึ่ง New S-Curve ที่เกิดจากการต่อยอดจุดแข็งด้านนวัตกรรมและความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่ โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) สู่การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ ผสานการพัฒนาโซลูชันจากขุมพลัง AI

ไม่ว่าจะเป็น AI CCTV, Smart Incident Management, Digital Twin, 3D Visualization, Indoor Mapping, AIoTand Robotics เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรและระบบภายในอาคาร

โดยควบคุมการทำงานผ่านศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเมทเธียร์ (Metthier Intelligent Operation Center: MIOC) พร้อมมี “METTRIQ” (Metthier Reformative IQ) แพลตฟอร์มการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะครบวงจรแพลตฟอร์มแรกในประเทศไทยที่รวม 12 ระบบเทคโนโลยีไว้ในแพลตฟอร์มเดียว 

นอกจากนี้ ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยจนถึงรายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน (ESG) เข้าถึงแพลตฟอร์มเปิดที่ทันสมัยในการจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและยั่งยืน

ปัจจุบันให้บริการดูแลอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุม 8 ประเภท ได้แก่ ที่พักอาศัย, โรงพยาบาล, โรงเรียน, ห้างสรรพสินค้า, อาคารสำนักงาน , หน่วยงานภาครัฐ พื้นที่อุตสาหกรรมกรรมขนาดใหญ่, และการคมนาคมขนส่งมวลชน ด้วยแพลตฟอร์มการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นมาจากเทคโนโลยี AI และ IoT เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผล

ผสาน ‘AI + Data + บุคลากร’

ผู้บริหารเมทเธียร์ เผยถึงแนวทางธุรกิจว่า การให้บริการทุกอย่างจะเป็นไปตามมาตรฐานสากล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม อุปกรณ์มีมาตรฐาน บุคลากรมีทักษะความเชี่ยวชาญ และแน่นอนว่าที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนคือ“เทคโนโลยี”

ที่ผ่านมา สิ่งที่ยึดมั่นและมักพูดคุยกับพนักงานเสมอคือ การจะเหนือกว่าคู่แข่งได้ต้องมีเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อทรานส์ฟอร์มการบริการแบบเดิมๆ ไปสู่มิติใหม่บนดิจิทัล ขณะเดียวกันสามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม

ผสานนวัตกรรมขั้นสูง “AI + Data + บุคลากร” เข้ากับบริการรักษาความปลอดภัยรูปแบบ “Security as a Service” บวกกับ “Pre Crime” ที่จะช่วยตรวจจับ ป้องกันแก้ปัญหา และลดความเสียหายที่มีมูลค่ามหาศาล ที่อาจเกิดในอนาคต ครบทั้งบริการแม่บ้าน รปภ. งานช่างอาคาร งานสวน รวมถึงงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษ เช่น การทำความสะอาดอาคารสูงในที่เดียว

ผมมองว่าตลาดนี้มีโอกาสรออยู่มหาศาล แรกเริ่มเมื่อลูกค้าได้ลองใช้บริการอาจเริ่มจากหนึ่งแต่เมื่อได้เห็นในส่วนอื่นๆ มักเกิดความสนใจและเลือกใช้บริการเพิ่มเติมเชื่อว่าหากทำได้ครอบคลุมการเติบโตหลักดับเบิลดิจิตก็เป็นไปได้

โดยภาพรวมได้เห็นว่า การเปลี่ยนผ่านไปใช้เทคโนโลยี AI ในประเทศไทยนับว่าตื่นตัวอย่างมากและถูกนำไปปรับใช้แล้วในหลากหลายมิติ อย่างการใช้ของนักเรียนนักศึกษาคนรุ่นใหม่คาดว่าเกิน 80% ใช้เป็นผู้ช่วยในการทำงานเกิน 50% และแนวโน้มยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนด้านซิเคียวริตี้ยังน้อยประมาณ  5%

แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักและความต้องการการบริหารต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น AI จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการสร้างยูสเคสและทำให้บริการด้านบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ก้าวสู่มิติใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

หวังก้าวสู่ ‘ท็อป 3’ ในไทย

สำหรับความท้าทายด้านบุคลากร แม่ทัพเมทเธียร์ยอมรับว่า การหาคนเป็นงานที่ท้าทายอย่างมากทั้งมีข้อจำกัดหลายประการ ดังนั้นได้มีขยายทีมไปทั่วประเทศทั้งใน กทม. ชลบุรี และเชียงใหม่ พร้อมแก้ปัญหาด้วยการจัดอบรมทั้งด้านทักษะบริการและการใช้เทคโนโลยี รวมถึงสวัสดิการที่ดึงดูด ทำให้สามารถคัดสรรและรักษาคนคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนของการขยายฐานธุรกิจมั่นใจว่ามีศักยภาพที่จะให้บริการได้ในทุกรูปแบบ แต่จะมุ่งไปที่องค์กรขนาดใหญ่เป็นอันดับแรก เพื่อว่าจะได้สามารถใส่เทคโนโลยีเข้าไปได้เต็มรูปแบบ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทุ่มงบการลงทุนจำนวนมากๆ สามารถใช้อุปกรณ์เดิมที่มีอยู่ได้ และในระยะยาวจะได้เห็นผลที่คุ้มค่าจากการลงทุน (ROI) ทั้งเชิงต้นทุน พลังงาน รวมถึงบุคลากรแน่นอน

เข้าใจดีว่ายุคนี้ “Security” และ “Sustainability” เป็นความต้องการพื้นฐานที่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ ในฐานะ Tech Company สัญชาติไทย เมทเธียร์มั่นใจว่ามีความเข้าใจตลาดเป็นอย่างดี และจุดแข็งของการเริ่มต้นที่แตกต่างจากรายอื่นๆ

เป้าหมายของเมทเธียร์ คือ การก้าวขึ้นไปเป็นท็อป 3ในธุรกิจ Smart Facility Management ในประเทศไทยให้ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


Speak English at Work สนทนาภาษาอังกฤษ ในที่ทํางาน ทำงานลื่นไม่มีสะดุด!

ภาษาอังกฤษนอกจากจะถูกใช้เป็นภาษาสากลแล้ว ก็ยังมีบทบาทและความสำคัญในบริบทมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวัน รั้วโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือ ที่ทำงาน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ สนทนาภาษาอังกฤษ ในที่ทํางาน ซึ่งภาษาอังกฤษจะช่วยเพิ่มความเข้าใจในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นสิ่งสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีและประสิทธิผลในการทำงานอีกด้วย เนื่องจากความสัมพันธ์เชิงบวกทำให้เรารู้สึกมีพลังและมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น

หากคุณได้ทำงานในองค์กรที่มีทั้งหัวหน้า ลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงานเป็นชาวต่างชาติ มาดูเหตุผลกันก่อนว่าการใช้ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้การสนทนาภาษาอังกฤษในที่ทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น

ทำไมต้องเรียนรู้ สนทนาภาษาอังกฤษ ในที่ทํางาน สำคัญมากน้อยแค่ไหน

ปัจจุบันบริษัทส่วนใหญ่ในประเทศของเรามีทั้งลูกค้าที่เป็นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน ดังนั้นการฝึกทักษะด้านการฟัง (listening) และการพูด (speaking) เพื่อ สนทนาภาษาอังกฤษ ในที่ทํางาน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพื่อให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างถูกต้องและเพื่อให้การทำงานราบรื่นไม่มีสะดุด ยิ่งกว่านั้นหากคุณมีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในระดับที่ดี ก็มีโอกาสทางหน้าที่การงานมากขึ้นด้วย เช่น การได้เลื่อนตำแหน่ง หรือ การสมัครงาน ยิ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักแล้ว การพูดและการฟังถือเป็นทักษะสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย

คำศัพท์น่ารู้ใช้บ่อย สนทนาภาษาอังกฤษ ในที่ทํางาน

ก่อนจะไปดูตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยเพื่อสนทนาในที่ทำงาน เรามาดู 25 คำศัพท์ วลี และตัวย่อ กันก่อน ว่ามีอะไรน่ารู้บ้าง ซึ่งช่วยให้นำไปประยุกต์ใช้ในประโยคได้หลากหลายมากขึ้น

  1. Go out …. be back at ….

= การออกไปข้างนอกและจะกลับมาเวลา …..

  1. Could … contact …. later?

= ช่วยติดต่อ … ในภายหลังได้หรือไม่

  1. Team will be based in ….

= ทีม … จะประจำอยู่ที่ …

  1. As an action point, …

= เพื่อเป็นการดำเนินการตอบรับ … , (ประโยค)

  1. To upskill …

= เพื่อพัฒนาทักษะ …

  1. Get to work …

= ไปทำงาน

  1. FYI (for your information)

= เพื่อเป็นการแจ้งให้ทราบ

  1. Forward Planning

= การวางแผนล่วงหน้า

  1. … To manage the workflow

= จัดการกระบวนการทำงาน

  1. Verb to be + responsible for …

= มีหน้าที่รับผิดชอบ

  1. … To read the contract carefully

= อ่านสัญญาอย่างรอบคอบ

  1. deadline for submitting … (อาจเป็นรายงาน หรือ ภาระงาน)

= กำหนดการในการส่ง …

  1. … hire new personnel

= จ้างพนักงานใหม่

  1. …. need to streamline

= จำเป็นต้องปรับปรุง จัดระเบียบให้มีประสิทธิภาพ

  1. Receive promotion

= ได้รับการเลื่อนขั้น, ได้เลื่อนตำแหน่ง

  1. Need to communicate …

= เราจำเป็นต้องมีการสื่อสารเรื่อง …

  1. Workload

= ปริมาณงาน

  1. Retention tool

= เครื่องมือการเก็บรักษา (รักษาพนักงานให้คงอยู่)

  1. In a position as, of

= ดำรงตำแหน่ง, ทำงานในฐานะ

  1. Attend the meeting

= เข้าร่วมการประชุม

  1. Overplay your hand

= เรียกร้องมากเกินไป

  1. Call it a day

= เลิกงานและกลับบ้าน

  1. On the same page

= คิดเหมือนกัน

  1. Step up to the plate

= ทำอะไรสักอย่างที่ต้องมีใครรับผิดชอบทำ

  1. Team up with

= ร่วมมือกันทำงานเป็นทีม

ตัวอย่างการใช้ประโยค

หลังจากที่ได้รู้คำศัพท์ วลี และตัวย่อ ที่ได้ใช้บ่อยในที่ทำงานกันแล้ว เรามาดูตัวอย่างประโยค เพื่อให้เราสามารถนำประโยคไปใช้ได้อย่างถูกต้องและดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กันได้เลย แล้วอย่าลืมปรับเรื่อง Tense ก่อนนำไปพูดด้วยนะ โดยมีตัวอย่างประโยคดังต่อไปนี้

  1. I am going out for lunch, and I will be back to the office at 2.30 pm.
  • ฉันกำลังจะออกไปทานอาหารกลางวัน และฉันจะกลับมาออฟฟิศช่วงบ่ายเวลา 14:30 น.
  1. The manager is with a customer at this moment. Could you contact her later?
  • ผู้จัดการติดลูกค้าอยู่ในขณะนี้ รบกวนคุณช่วยติดต่อเขากลับภายหลังได้หรือไม่
  1. The product team will be based in a new headquarter office from now on.
  • ต่อไปนี้ทีมผลิตจะประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
  1. As an action point, I will listen to some training videos this evening.
  • เพื่อเป็นการดำเนินการตอบรับ (สิ่งที่ได้อบรมมา) ฉันจะฟังวิดีโอการฝึกอบรมในเย็นนี้
  1. Our boss thought it would be better to upskill the junior colleagues rather than hire any new senior.
  • เจ้านายของเราคิดว่าจะดีกว่า ถ้าเราพัฒนาทักษะเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง แทนที่จะจ้างพนักงานรุ่นใหญ่มาใหม่
  1. How long does it take you to get to work?
  • คุณใช้เวลาเดินทางมาถึงออฟฟิศนานเท่าไหร่
  1. FYI, I sent the email that you asked me to send yesterday.
  • ต้องการแจ้งให้ทราบ ฉันส่งอีเมลที่คุณขอเมื่อวานให้แล้วนะ
  1. The company system requires more forward planning.
  • ระบบของบริษัทจำเป็นต้องมีการวางแผนล่วงหน้ามากขึ้น
  1. In order to ensure that no single person is in charge of all tasks, the company needs to manage the workflow in the facility.
  • เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครต้องรับผิดชอบงานทั้งหมดแต่เพียงคนเดียว บริษัทจึงควบคุมขั้นตอนการทำงานของโรงงาน
  1. My coworkers and I are responsible for working together to finish the project on time.
  • เพื่อนร่วมงานของฉันและฉันมีหน้าที่รับผิดชอบทำงานร่วมกันเพื่อให้โปรเจกต์เสร็จลุล่วงได้ทันเวลา
  1. Don’t forget to read the contract carefully before signing it.
  • อย่าลืมอ่านสัญญาให้ครบถ้วนก่อนเซ็นเอกสารล่ะ
  1. The deadline for submitting the report is next Monday.
  • กำหนดเวลาในการส่งรายงานคือวันจันทร์หน้า
  1. Our company is hiring new personnel for the new project next month.
  • บริษัทของเรากำลังหาพนักงานใหม่ เพื่อทำโปรเจกต์ใหม่ในเดือนถัดไปอยู่
  1. We need to streamline this service as it is too complicated to handle.
  • เราจำเป็นต้องจัดระบบงานบริการ เนื่องจากงานนี้มีความซับซ้อนเกินไปเกินกว่าจะรับไหว
  1. She received a promotion because of her dedication to work.
  • หล่อนได้รับการเลื่อนขั้นเพราะความทุ่มเทให้กับงานของเธอ
  1. We need to communicate our strategy to all stakeholders and also report them the expectations.
  • เราจะต้องสื่อสารเรื่องกลยุทธ์แก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมดและรายงานพวกเขาเกี่ยวกับความคาดหวังที่จะได้รับด้วย
  1. They are always complaining about their heavy workload due to unsystematic.
  • พวกเขาบ่นเรื่องงานหนักมาตลอดเวลา ซึ่งเกิดขึ้นจากการทำงานที่ไม่เป็นระบบ
  1. Health benefits are an important factor as a retention tool.
  • ผลประโยชน์ด้านสุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาพนักงานให้คงอยู่
  1. My brother now is in a position as the Marketing Manager for this company.
  • ขณะนี้พี่ชายของฉันดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทนี้
  1. Our colleagues will attend the meeting, and let’s have it to discuss these problems.
  • เพื่อนร่วมงานของเราจะเข้าร่วมประชุม และเราจะประชุมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้กันเถอะ
  1. He overplayed his hand in the negotiation by demanding too much, causing the deal to fall through.
  • เขาเรียกร้องมากเกินไปในการเจรจาจนทำให้ข้อตกลงล้มเหลว
  1. We have been working for five hours and everyone is tired. I say let’s call it a day now!
  • เราทำงานกันมาเป็นเวลาห้าชั่วโมงแล้วและทุกคนก็เหนื่อยกันหมดแล้ว ฉันว่า ตอนนี้เราควรหยุดได้แล้ว!
  1. I want to make sure that everyone is on the same page before we make any decisions today.
  • ฉันต้องการให้แน่ใจว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันก่อนที่เราจะตัดสินใจในวันนี้
  1. It’s time for junior teammates to step up to the plate and take on their share of work.
  • ถึงเวลาแล้วที่เพื่อนร่วมทีมรุ่นน้องจะต้องก้าวขึ้นมาและทำหน้าที่ของตนเอง
  1. I am looking for someone to team up with on this project.
  • ฉันกำลังมองหาใครสักคนเพื่อร่วมทีมสำหรับโครงการนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


“ผักสด” หรือ “ผักต้ม” กินแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน

ผักทุกชนิดอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การรับประทานผักหลากหลายชนิดยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณ แต่หลายคนก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่าการรับประทานผักดิบหรือผักสุก แบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดของผัก ผักดิบและผักสุกต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย (จะกล่าวถึงในภายหลัง) และในขณะที่ผู้คนมักจะคิดว่าผักดิบดีกว่าและมีสารอาหารมากกว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป

ผักที่ปรุงสุกสูญเสียสารอาหารหรือไม่

ใช่และไม่ใช่ ผักหลายชนิดสูญเสียสารอาหารไปบ้างเมื่อถูกความร้อน แต่ปริมาณที่สูญเสียไปนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของผักและวิธีการปรุง นอกจากนี้ดังที่เราจะกล่าวถึงต่อไป ผักบางชนิดอาจมีปริมาณสารอาหารบางอย่างสูงขึ้นเมื่อปรุงสุก นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการสูญเสียสารอาหาร

ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุ: การสูญเสียสารอาหารขึ้นอยู่กับชนิดของวิตามินและแร่ธาตุที่ผักนั้นมี ตัวอย่างเช่น วิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินซีและโฟเลต สามารถสูญเสียไปกับการต้ม ในขณะที่วิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอและอี อาจสูญเสียง่ายกว่าระหว่างการทอด

วิธีการปรุง: วิธีการปรุงอาหารบางอย่าง เช่น การต้ม สามารถทำให้ผักสูญเสียสารอาหารมากกว่าการปรุงด้วยวิธีอื่น เช่น การนึ่งหรือการใช้ไมโครเวฟ นั่นเป็นเพราะการนึ่งหรือการใช้ไมโครเวฟใช้น้ำน้อยกว่าการต้ม (หรือใช้น้ำมันน้อยกว่าการทอด) แม้ว่าการนึ่งจะดีกว่าการต้มในแง่ของการรักษาสารอาหาร แต่ผักใบเขียวที่ต้มแล้วก็ยังคงรักษาวิตามินซีไว้ได้ 55% และโฟเลต 60%

ระยะเวลาในการปรุง: ระยะเวลาที่ผักสัมผัสกับความร้อนก็สามารถส่งผลต่อปริมาณคุณค่าทางโภชนาการที่สูญเสียไปได้เช่นกัน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้ไม่ว่าวิธีการปรุงอาหารแบบใดก็ตาม

อุณหภูมิ: ยิ่งอุณหภูมิสูง ผักก็จะยิ่งสัมผัสกับความร้อนมากขึ้น ส่งผลให้สารอาหารสูญเสียไปมากขึ้นที่อุณหภูมิสูง ดังนั้น หากคุณจะปรุงผักด้วยอุณหภูมิสูง ให้พยายามปรุงในระยะเวลาที่สั้นลง ซึ่งอาจหมายถึงการย่างหรือผัดอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การปรุงผักด้วยอุณหภูมิต่ำ (เช่น การอบด้วยไฟอ่อนเป็นเวลานาน) สามารถช่วยลดการสูญเสียสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับความร้อนได้บ้าง

ประโยชน์ของผักดิบเทียบกับผักสุก

นอกเหนือจากความอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุแล้ว ผักดิบยังมีประโยชน์เพิ่มเติมดังนี้

  • จากการวิเคราะห์ขนาดใหญ่พบว่า การรับประทานผักดิบมากขึ้นมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหัวใจ ซึ่งความสัมพันธ์นี้ไม่ปรากฏชัดเจนสำหรับผักที่ปรุงสุก
  • การศึกษาหนึ่งพบว่า การรับประทานผักและผลไม้สดมีความสัมพันธ์กับการมีอารมณ์ดีขึ้นและภาวะซึมเศร้าลดลง ซึ่งความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่แข็งแกร่งเท่ากับการรับประทานผักที่ปรุงสุก
  • บางคนอาจรู้สึกว่าผักดิบสดชื่นกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอากาศอบอุ่น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/05/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,150.0051,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,313.0050,225.0852,050.00
ทองรูปพรรณ 90%2,981.7045,202.57n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,650.4040,180.06n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,491.0022,601.29n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,160.0017,578.78n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,433.0052,046.72n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/05/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.5532.5533.0532.5532.5532.5532.5532.5532.5532.55
แก๊สโซฮอล์ 9132.1832.1832.6832.1832.1832.1832.1832.1832.1832.18
แก๊สโซฮอล์ E2030.3430.3430.8430.3430.3430.3430.3430.3430.34
แก๊สโซฮอล์ E8528.6928.6928.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.1448.8449.8448.8441.14
เบนซิน 9540.8448.8141.3440.9940.84
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90


About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า