สาระน่ารู้ประจำวันที่ 02 กรกฎาคม 2568

“ฤทธา” เสริมแกร่ง รับมือแผ่นดินไหว สู่ความเชื่อมั่นมาตรฐานอาคารไทย

“ฤทธา” เสนออัปเกรดมาตรฐานการก่อสร้างรองรับภัยพิบัติ สะท้อนบทบาทภาคเอกชนที่ไม่เพียงสร้างอาคาร แต่ร่วมผลักดันความปลอดภัยและความยั่งยืนในระยะยาว

เหตุการณ์แผ่นดินไหวกลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญสำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างของไทยโดยเฉพาะความท้าทายในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับอาคารสูงและโครงสร้างพื้นฐาน “ฤทธา” บริษัทผู้รับเหมาชั้นนำของไทยได้แสดงศักยภาพและความพร้อมในการตอบสนองสถานการณ์ดังกล่าวพร้อมทั้งสะท้อนบทบาทสำคัญของการร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนในการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้าและผู้ใช้งานอาคาร

นายปณิธาน เทพนิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฤทธา จำกัด เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมาบริษัทได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าเก่าให้เข้าตรวจสอบอาคารเพื่อตรวจหาความเสียหายหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแม้ว่าบริษัทจะเผชิญกับความท้าทายในเรื่องกำลังคนที่มีจำกัด แต่ก็ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครบถ้วนตามมาตรฐาน โดยพบว่าโครงสร้างอาคารโลว์ไรส์ที่บริษัทออกแบบและก่อสร้างไม่ได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน ส่วนอาคารสูงนั้น มีเพียงปัญหาทางด้านสถาปัตยกรรม เช่น รอยร้าวที่ผนัง ซึ่งสามารถซ่อมแซมได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

นายปณิธานยังเน้นยํ้าถึงความสำคัญของมาตรฐานการออกแบบและการก่อสร้างที่สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ ซึ่งเป็นข้อกำหนดตามกฎหมายที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้กำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าหลังเหตุการณ์นี้ มาตรฐานดังกล่าวอาจต้องได้รับการยกระดับให้ครอบคลุมและเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของอาคารสูงและโครงสร้างที่ต้องเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนมากกว่าอาคารทั่วไป

“สิ่งสำคัญคือความร่วมมือของทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ออกแบบ วิศวกรผู้รับเหมา ไปจนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกคนมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้อาคาร และเมื่อเกิดปัญหา เราก็ต้องพร้อมรับมือและแก้ไขอย่างทันท่วงที” นายปณิธานกล่าว

นอกจากการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินฤทธายังมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ในกระบวนการก่อสร้างตั้งแต่การใช้ซอฟต์แวร์ตรวจสอบแบบจำลองสามมิติที่ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน ไปจนถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ผนังสำเร็จรูปที่ลดการใช้งานไม้จริง และมีคุณสมบัติช่วยลดการใช้พลังงานในระยะยาว รวมถึงนายปณิธานยังได้กล่าวถึงการให้บริการหลังการขายว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของบริษัท โดยทีมงานพร้อมเข้าไปตรวจ

โครงการในระยะยาวเพื่อให้มั่นใจว่าอาคารทุกแห่งยังคงคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของมาตรฐานอาคารเท่านั้นแต่ยังอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในแนวทางการพัฒนากฎหมายและมาตรการต่างๆ ในอนาคต นายปณิธานมองว่า การอัปเกรดมาตรฐานการก่อสร้างให้ครอบคลุมและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็นและตลาดอสังหาริมทรัพย์เองก็ต้องปรับตัวให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้น

ในอนาคต คาดว่าความต้องการอาคารที่สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการโลว์ไรส์และที่พักอาศัยแนวราบซึ่งผู้บริโภคอาจมองว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชน รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนความปลอดภัยของอาคารจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

โดยภาพรวมแล้วจากวิกฤตการณ์แผ่นดินไหวเมื่อต้นปีฤทธาไม่เพียงแสดงให้เห็นการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทของบริษัทที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างของไทย ทั้งในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความมุ่งมั่นนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าแต่ยังเป็นแรงผลักดันให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ให้ก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘MR. HO-ME’ มาสคอตใหม่ HBA ดันแบรนด์รับสร้างบ้านสู่ใจเจนใหม่

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านสร้าง Brand Trust เจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ผ่านแอมบาสเดอร์ “MR. HO-ME” มาสคอตบีเวอร์ผู้รอบรู้เรื่องสร้างบ้าน

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ที่เข้าถึงง่าย สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association: HBA) ขยับกลยุทธ์ครั้งสำคัญ เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คาแรคเตอร์ใหม่ “MR. HO-ME” (มิสเตอร์โฮเมะ) บีเวอร์นักสร้างบ้านมืออาชีพ ผู้มาพร้อมความรู้ คู่ความน่ารัก เพื่อสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างเป็นรูปธรรม

“MR. HO-ME คือมากกว่ามาสคอต แต่คือผู้ช่วยในการตัดสินใจ สื่อกลางแห่งความเชื่อมั่นสำหรับผู้ที่กำลังจะสร้างบ้าน”

มิสเตอร์โฮเมะถูกออกแบบให้เป็นตัวแทนของมืออาชีพในวงการรับสร้างบ้าน ที่พร้อมให้ความรู้ แนะนำ และแบ่งปันเทคนิคการสร้างบ้านคุณภาพ ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน ไปจนถึงการเลือกวัสดุและผู้ให้บริการ ภายใต้คอนเซปต์ “สร้างอยู่ดี” สื่อถึงบ้านที่ดีในทุกมิติ ตั้งแต่ดีไซน์ คุณภาพ ไปจนถึงการบริการหลังการขาย

ปั้นแบรนด์-ยกระดับธุรกิจ 

HBA ยังขับเคลื่อนองค์กรภายใต้วิสัยทัศน์ปี 2568–2570 ด้วยพันธกิจหลัก “B-Q-O” ได้แก่

  • Brand Awareness: เพิ่มการรับรู้และเข้าถึงผ่านช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์
  • Quality: ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างให้เทียบเท่าสากล
  • Organization: เสริมศักยภาพผู้ประกอบการสมาชิกให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

โดยเฉพาะการผลักดันภาพลักษณ์แบรนด์ผ่านตัวแทนที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจนอย่าง MR. HO-ME ที่สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาความมั่นใจในการสร้างบ้าน

“เราต้องการให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าการสร้างบ้านกับสมาชิก HBA ไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้าง แต่คือเรื่องของมาตรฐาน คุณภาพ และความโปร่งใส”

เตรียมพบ MR. HO-ME ตัวจริงในงานรับสร้างบ้าน EXPO 2025
สมาคมฯ เตรียมนำทัพบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำพร้อม MR. HO-ME ออกบูธสร้างความเชื่อมั่นในงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–14 กันยายน 2568 ณ ฮอลล์ 6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

งานนี้ไม่เพียงรวมผู้ให้บริการรับสร้างบ้านชั้นนำจากทั่วประเทศ แต่ยังเน้นนำเสนอองค์ความรู้ ความเข้าใจ และนวัตกรรมด้านวัสดุก่อสร้าง เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสร้างบ้านในฝันได้อย่างมั่นใจภายใต้มาตรฐานวิชาชีพ

ด้วยการสื่อสารเชิงรุกและกลยุทธ์ใหม่ที่สอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล HBA จึงไม่เพียงแต่ยกระดับวงการรับสร้างบ้านในเชิงโครงสร้าง แต่ยังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน “ความเชื่อมั่น” ในใจผู้บริโภคไทยยุคใหม่อย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 2ก.ค.”อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์ ในระยะสั้น เงินดอลลาร์มีโอกาสทยอยรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้2ก.ค.2568 ที่ระดับ  32.46 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท การเคลื่อนไหวของเงินบาทตั้งแต่ช่วงรับรู้ผลการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้อง “ถอดถอนนายกฯ” และมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ สะท้อนให้เห็นว่า แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย

ทว่า ปัจจัยภายนอก หรือ Global Factors ก็ยังมีผลต่อเงินบาทมากกว่าปัจจัยในประเทศ ดังจะเห็นได้จากการที่เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านของราคาทองคำ และจังหวะอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์

โดยเราคงมุมมองเดิมว่า ทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ยังมีผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท พอสมควร ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศไทยนั้น อาจสร้างความผันผวนให้กับเงินบาท (ผันผวนอ่อนค่า หากตลาดกังวลสถานการณ์การเมือง และผันผวนในด้านแข็งค่า หากตลาดทยอยคลายกังวล) แต่ไม่ได้มีผลกับเงินบาทในเชิงทิศทางการเคลื่อนไหวมากนัก ซึ่งเรามองว่า ในระยะสั้น เงินดอลลาร์มีโอกาสทยอยรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทยอยออกมาดีกว่าคาด

ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง ทว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด ท่ามกลาง ธีม Sell US Assets ที่ยังอยู่ หลังสภาคองเกรสสหรัฐฯ มีแนวโน้มผ่านร่างกฎหมาย One Big Beautiful Bill Act ที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจยังคงกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ โดยภาพดังกล่าว ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะในการเปิดสถานะ Short USD เมื่อเงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้น หรือ เพิ่มสัดส่วนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (เพิ่ม Hedging Ratio) 

นอกจากนี้ เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมบ้าง หากราคาทองคำพลิกกลับมาย่อตัวลง หลังไม่ผ่านโซนแนวต้านระยะสั้น และหากเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นจริง พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงตลาดทยอยเปิดรับความเสี่ยง

โดยรวมเรามองว่า เงินบาท (USDTHB) อาจมีโซนแนวรับแถว 32.30-32.40 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้าน อาจยังอยู่ในช่วง 32.60-32.70 บาทต่อดอลลาร์ และเราจะมั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลง หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.80-32.90 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน เมื่อประเมินจากกลยุทธ์ Trend Following

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์หน้าที่ ตลาดการเงินไทยอาจเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Up เข้าใกล้โซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.38-32.49 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินบาทจะได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันก่อนหน้า ตามการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง

ทว่า เงินบาทก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ (กดดันให้ราคาทองคำพลิกกลับมาย่อตัวลง) ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ ดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรม เดือนมิถุนายน ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49 จุด

และยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 7.769 ล้านตำแหน่ง อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell และคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 โดย Atlanta Fed (GDPNow) ที่ออกมาแย่กว่าคาด ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่า เฟดมีโอกาสราว 57% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้

บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ชะลอการเพิ่มสถานะถือครองสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Tesla -5.3% และ Nvidia -3.0% ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ลดลง -0.82% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.11%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลง -0.21% ตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่ทำผลตอบแทนได้โดดเด่นอย่าง กลุ่มอุตสาหกรรมทหาร อย่าง Rheinmetall -5.3%

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม อาทิ LVMH +5.5% ที่พอได้อานิสงส์จากความหวังว่า สหรัฐฯ อาจไม่ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้ายุโรปในอัตราที่สูง อีกทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนล่าสุดก็ออกมาดีกว่าคาด และยังมีความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 4.30% ทว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ถูกชะลอลงบ้าง จากมุมมองของของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงคาดหวังว่า เฟดมีโอกาสเกือบ 60% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell

ล่าสุด ไม่ได้ปิดโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดที่อาจมากกว่า Dot Plot ล่าสุด ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง สู่ระดับ 4.25% ทั้งนี้ เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวลดลงมาพอควร และอยู่ในโซนที่ยังไม่น่าสนใจทยอยเข้าซื้อ (อาจเริ่มน่าสนใจในการทยอยขายทำกำไรบ้าง หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อ

สำหรับผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ตั้งแต่ในช่วง บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สูงกว่าระดับ 4.50%) ซึ่งเราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หรือ บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ เพื่อ Risk-Reward ที่น่าสนใจกว่า (โซน 4.50% หรือสูงกว่านั้น อาจไม่ได้เห็นได้ง่ายนัก หากไม่มีความเสี่ยงเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ เข้ามากดดันตลาดบอนด์ และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องออกมาดีกว่าคาดชัดเจน)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น หนุนโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกจำกัดโดยถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการเดินหน้าลดดอกเบี้ยราว 2-3 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ และคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 (GDPNow) ของ Atlanta Fed ที่ออกมาแย่กว่าคาด

ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 96.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 96.4-97.0 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมจะอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว ทว่า การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงแรงขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) ย่อตัวลงสู่โซน 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment) ของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ที่อาจช่วยสะท้อนถึงรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ซึ่งจะรายงานในวันพฤหัสฯ นี้

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะประธาน ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า ECB ยังมีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในปีนี้

นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า ส่วนในฝั่งไทย เรามองว่า ในระยะสั้น ควรติดตามสถานการณ์การเมืองของไทย ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.48-32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.32 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตามจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับตลาดรอติดตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ขณะที่ สกุลเงินและสินทรัพย์ในเอเชีย เผชิญแรงขาย หลังจากที่ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ยังไม่มีแผนที่จะขยายเวลาเพื่อผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีศุลกากรหลังจากวันที่ 9 ก.ค. นี้

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.30-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงประเด็นการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า รวมถึงตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP ของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ทีมเยาวชนเทนนิสไทยผงาด! ล้มคู่แข่งต่างชาติ เข้ารอบ 16 คนหวดไอทีเอฟ

3 นักหวดเยาวชนไทย โชติรินทร์ แก้วก่า, จิตตานันท์ วิมุกตานนท์ และ อันนา ซาโต้ ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ปราบคู่ต่อสู้จากต่างชาติ ลอยลำเข้ารอบ 16 คนสุดท้าย ศึกเทนนิสเยาวชนนานาชาติ เก็บคะแนนเยาวชนโลก รายการ ไอทีเอฟ จูเนียร์ส เวิลด์ เทนนิส ทัวร์ เจ60 (2)

สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) ร่วมกับ สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการแข่งขันเทนนิสเยาวชนนานาชาติ เก็บคะแนนเยาวชนโลก รายการ ITF Juniors World Tennis Tour J60 (2) ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 ซึ่งเป็นการแข่งขันรอบเมนดรอว์วันที่สอง

 ประเภทหญิงเดี่ยว รอบสอง (32 คน) โชติรินทร์ แก้วก่า นักเทนนิสวัย 15 ปี มืออันดับ 3,191 เยาวชนโลก โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม หลังจากเอาชนะนักเทนนิสที่เป็นต่อในเรื่องอันดับโลกอย่าง หวง อี้นัว ดาวรุ่งจีน วัย 15 ปี ซึ่งเป็นมืออันดับ 814 เยาวชนโลก และยังเป็นมือวาง 10 ของรายการด้วย โดย โชติรินทร์ เอาชนะได้ 2 เซตรวด สกอร์ 6-2 และ 6-4 โชติรินทร์ ฉลุยสู่รอบสาม 16 คนสุดท้าย พบกับ หัว อี้เอิน จากไต้หวัน มืออันดับ 547 เยาวชนโลก และมือวาง 6 ของรายการ ที่ในรอบสอง เอาชนะ ณพัฐธิกา ราศรี ของไทย 2-0 เซต 6-1, 6-2

นอกจากนี้ ยังมีนักเทนนิสหญิงไทยอีก 2 คน ที่ล้มมือวางของรายการลงได้ โดย จิตตานันท์ วิมุกตานนท์ เอาชนะ สนิกดา กันตะ มือวาง 7 จากอินเดีย 2-0 เซต 6-1, 7-5 และ อันนา ซาโต้ ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เอาชนะ นานาโย วาดะ มือวาง 9 จากญี่ปุ่น 2-0 เซต 6-4, 6-3 ทั้งนี้ จากสายการแข่งขัน จิตตานันท์ กับ อันนา จะพบกันในรอบ 16 คนสุดท้าย

 ทางด้านประเภทชายเดี่ยว รอบสอง (32 คน) เปน จารุศร นักเทนนิสไทย ซึ่งเป็นมือ 184 เยาวชนโลก และมือวาง 1 ของรายการ เอาชนะได้ตามคาด หลังพิชิตชัยจาก โฮ ลุค เจีย ซี จากสิงคโปร์ มือ 826 เยาวชนโลก ได้ภายใน 2 เซต 6-2, 6-3 เปน ผ่านเข้ารอบสาม 16 คนสุดท้าย รอพบกับ คานาริ อิซึมิซาวะ จากญี่ปุ่น และ ราฟาเลนติโน่ อาลี ดา คอสต้า จากอินโดนีเซีย

ส่วนผลการแข่งขันของนักเทนนิสไทยรายอื่นๆ มีดังนี้ ชายเดี่ยว รอบสอง พัชรพล หลีกุล ชนะ หลี่ หยานหง (16-จีน) 6-3, 6-3, ทัดพงษ์ กมลปัญญากร แพ้ จาง จุนซอ (9-เกาหลีใต้) 3-6, 1-6, หญิงเดี่ยว รอบสอง กนกอินทร์ วงศ์ภูวรักษ์ แพ้ พัก ซอจิน (12-เกาหลีใต้) 1-6, 0-6, จิณห์นิภา ตราชูวณิช แพ้ ดินาร่า เดอ ซิลวา (5-ศรีลังกา) 4-6, 3-6, พิมพ์ลภัส ลิม แพ้ จาง ซีหยาน (14-จีน) (2-6,1-6)

 ปารมี ทัดแก้ว แพ้ เฉิน ชิง หยิง (8-ไต้หวัน) (0-6, 6-4 และ 2-6) , ธฤตา หงษ์หยก (11) แพ้ จาง ป๋อเจีย (จีน) 4-6, 2-6, แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา แพ้ ยูซึฮะ เนกิชิ (16-ญี่ปุ่น) 0-6, 3-6, พิมพ์พิศา วงษ์วานิชขจร แพ้ โจว ซิหยู (4-จีน) 4-6, 4-6, พลอยทิพย์ ธนศิรินวกุล แพ้ ตง เจียลี่ (15-จีน) 2-6, 5-7

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


นอนดึกตื่นสาย อาจไม่ใช่แค่นิสัย! รู้จักโรคช่วงหลับล่าช้า (DSPS)

หลายคนอาจเคยถูกตำหนิว่า “เป็นคนขี้เกียจ” หรือ “ไม่มีวินัย” เพราะชอบ นอนดึกตื่นสาย แม้จะพยายามปรับเวลานอนเท่าไหร่ก็ยังคงตื่นมาด้วยความงัวเงียและรู้สึกว่านอนไม่เต็มอิ่มอยู่ดี แต่แท้จริงแล้ว พฤติกรรมการนอนแบบนี้ อาจไม่ใช่แค่นิสัยหรือความขี้เกียจเสมอไป แต่เป็นสัญญาณของภาวะความผิดปกติของการนอนหลับที่เรียกว่า Delayed Sleep Phase Syndrome (DSPS) ภาวะที่วงจรการนอนหลับล่าช้ากว่าปกติ

Delayed Sleep Phase Syndrome (DSPS) คืออะไร?

DSPS คือภาวะที่นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ภายในร่างกายของเราทำงานผิดปกติไปจากคนส่วนใหญ่ ทำให้นาฬิกาชีวภาพที่ควบคุมการนอนหลับและการตื่นนอน “เลื่อน” ออกไปช้ากว่าปกติอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

โดยทั่วไป คนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกง่วงและหลับในช่วงหัวค่ำ (ประมาณ 21.00-23.00 น.) และตื่นนอนในตอนเช้า (ประมาณ 06.00-08.00 น.) แต่สำหรับผู้ที่เป็น DSPS พวกเขาจะ:

  • รู้สึกง่วงและหลับได้ก็ต่อเมื่อเลยเที่ยงคืนไปแล้ว (เช่น ตี 2 ตี 3 หรืออาจจะสายกว่านั้น)
  • ตื่นนอนในตอนสายหรือบ่าย หากไม่มีปัจจัยภายนอกมากระตุ้นให้ตื่นก่อนเวลาอันควร
  • นอนหลับได้เต็มที่เมื่อได้นอนตามวงจรของตัวเอง หากถูกบังคับให้ตื่นเช้า จะรู้สึกง่วง อ่อนเพลีย และมีอาการคล้ายกับคนอดนอนเรื้อรัง (Social Jet Lag)

DSPS แตกต่างจากคนนอนดึกทั่วไปที่อาจเลือกนอนดึกเองเพราะกิจกรรมต่างๆ แต่ยังสามารถปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นได้หากต้องการ สำหรับผู้เป็น DSPS แม้จะพยายามเข้านอนเร็วแค่ไหน ก็จะนอนไม่หลับ และหากหลับไปได้ ก็จะตื่นขึ้นมากลางดึก หรือรู้สึกหลับไม่สนิท

ใครบ้างที่เสี่ยงเป็น DSPS?

  • วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว: เป็นช่วงที่นาฬิกาชีวภาพมักจะเลื่อนออกไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว
  • ผู้ที่มีพันธุกรรมเกี่ยวข้อง: มีงานวิจัยที่ชี้ว่า DSPS อาจเกี่ยวข้องกับยีนบางชนิด
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลต่อการนอน: เช่น การใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือก่อนนอนเป็นเวลานานๆ การทำงานกะกลางคืน หรือการเดินทางข้ามเขตเวลาบ่อยๆ (แต่ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นแค่ตัวกระตุ้นให้ DSPS รุนแรงขึ้น ไม่ใช่สาเหตุหลักเสมอไป)

ผลกระทบของ DSPS ต่อชีวิตประจำวัน

  • ภาวะ DSPS ไม่ใช่แค่เรื่องของความไม่สะดวกสบายในการนอน แต่ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายๆ ด้าน
  • ปัญหาการเรียนและการทำงาน: การต้องตื่นไปเรียนหรือทำงานในเวลาที่ร่างกายยังไม่อยากตื่น ทำให้ประสิทธิภาพการเรียนและการทำงานลดลง สมาธิสั้นลง หลงลืมง่าย และมีโอกาสมาสายบ่อยๆ
  • ปัญหาสุขภาพกาย: การนอนไม่พอเรื้อรังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ปัญหาสุขภาพจิต: ผู้ป่วย DSPS มักมีอาการหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน และมีแนวโน้มเป็นโรควิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า เนื่องจากวงจรชีวิตไม่สอดคล้องกับสังคม
  • ปัญหาสังคม: การไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมที่จัดขึ้นในตอนเย็นหรือเช้าตรู่ ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวหรือแปลกแยก

การนอนดึกตื่นสาย อาจเป็นเพียง “นิสัย” สำหรับบางคน แต่สำหรับอีกหลายคน มันคือภาวะ Delayed Sleep Phase Syndrome (DSPS) ที่ต้องการความเข้าใจและการดูแลที่ถูกต้อง หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญกับปัญหานี้ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การทำความเข้าใจภาวะนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ถูกต้อง แต่ยังช่วยลดการตัดสินและตีตราทางสังคม ทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


พบช่องโหว่ ชิป Bluetooth เสี่ยงถูกแฮกเกอร์ดักฟังเสียงโทรศัพท์มือถือ

นักวิจัยความปลอดภัยไซเบอร์ พบช่องโหว่ร้ายแรงในชิปเซ็ต Bluetooth ของ Airoha ในอุปกรณ์เครื่องเสียงยอดนิยมกว่า 29 รุ่น จาก 10 ผู้ผลิตชั้นนำ เสี่ยงถูกแฮกเกอร์ดักฟังการสนทนา หรือแม้แต่ขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากผู้ใช้งานได้

นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ได้เปิดเผยถึงช่องโหว่ร้ายแรงในชิปเซ็ต Bluetooth ของ Airoha ซึ่งถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์เครื่องเสียงยอดนิยมกว่า 29 รุ่น จาก 10 ผู้ผลิตชั้นนำ อาทิ Beyerdynamic, Bose, Sony, Marshall, Jabra, และ JBL ช่องโหว่นี้อาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์สามารถดักฟังการสนทนา หรือแม้แต่ขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากผู้ใช้งานได้ ครอบคลุมทั้งลำโพง หูฟัง และไมโครโฟนไร้สาย

ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ที่หลายคนใช้ในชีวิตประจำวันอาจตกอยู่ในความเสี่ยง แม้ว่าการโจมตีจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคนิคสูงและอยู่ในระยะใกล้ แต่ศักยภาพในการเข้าควบคุมอุปกรณ์และเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการโทรและรายชื่อติดต่อ ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

ช่องโหว่ทั้งสามตัวที่ถูกค้นพบและระบุรหัสได้แก่ CVE-2025-20700, CVE-2025-20701 (ทั้งสองตัวมีความรุนแรงปานกลาง) และ CVE-2025-20702 (มีความรุนแรงสูง) โดยนักวิจัยจาก ERNW ได้สาธิตการโจมตีที่สามารถอ่านข้อมูลมีเดียที่กำลังเล่นจากหูฟังเป้าหมายได้ ซึ่งนอกจากนี้ยังสามารถใช้ช่องโหว่ดังกล่าวในการจี้การเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์มือถือกับอุปกรณ์ Bluetooth และออกคำสั่งไปยังโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth Hands-Free Profile (HFP) ซึ่งรวมถึงการโทรออกไปยังหมายเลขที่ไม่ได้รับอนุญาต และที่น่าเป็นห่วงคือการดักฟังการสนทนาหรือเสียงรอบข้างโทรศัพท์ได้

ยิ่งไปกว่านั้น นักวิจัยยังชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเขียนเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบใหม่ เพื่อเปิดใช้งานการเรียกใช้โค้ดจากระยะไกล ซึ่งอาจนำไปสู่การแพร่กระจายของมัลแวร์ที่สามารถแพร่เชื้อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้

แม้ว่าสถานการณ์การโจมตีจะดูน่าตกใจ แต่ข้อจำกัดในการโจมตีก็มีอยู่จริง การโจมตีในวงกว้างเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากต้องอาศัยทั้งทักษะทางเทคนิคที่ซับซ้อนและการอยู่ในระยะใกล้กับเป้าหมาย ทำให้การโจมตีเหล่านี้มักพุ่งเป้าไปที่บุคคลที่มีข้อมูลสำคัญ เช่น บุคคลในแวดวงการทูต วารสารศาสตร์ หรือนักเคลื่อนไหว

อย่างไรก็ตาม Airoha ผู้ผลิตชิปเซ็ต Bluetooth ได้ออก SDK ที่ได้รับการอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวแล้ว และผู้ผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็กำลังดำเนินการพัฒนาและเผยแพร่แพตช์แก้ไขเฟิร์มแวร์ ถึงกระนั้น มีรายงานว่าอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบกว่าครึ่งยังคงใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันเก่า ซึ่งออกมาก่อนที่ Airoha จะส่งมอบ SDK ที่อัปเดตให้กับลูกค้า ผู้ใช้งานจึงควรติดตามการอัปเดตเฟิร์มแวร์จากผู้ผลิตอุปกรณ์ของตนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สรุปเรื่อง Plural nouns ในภาษาอังกฤษแบบเข้าใจง่าย

คำนาม (noun) ในภาษาอังกฤษแบ่งเป็นสองประเภทคือนามนับได้และนามนับไม่ได้ ซึ่งคำนามนับได้ยังแบ่งเป็นคำนามเอกพจน์ (singular noun) และคำนามพหูพจน์ (plural noun) ซึ่งการทำคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์นี่แหละคือสิ่งที่คนเรียนภาษาอังกฤษทุกคนได้เรียนมาตั้งแต่ต้นเพราะเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่หลายคนก็ยังสับสนกันอยู่ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่อง Plural nouns นี้กันให้มากขึ้น

Plural Nouns รูปปกติที่เติม -s หรือ -es

นี่คือรูปคำนามพหูพจน์ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด โดยที่เราจะพูดถึงกันในหัวข้อนี้คือการเติม -s หรือ -es โดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปคำหรือเพิ่มตัวอักษรใด ๆ เข้าไป สามารถสรุปประเภทย่อยของคำนามพหูพจน์ที่เข้ากลุ่มในหัวข้อนี้ได้ดังนี้

  1. คำนามทั่วไปที่เติม -s ท้ายคำได้ทันที เป็นรูปพหูพจน์ที่พบมากที่สุด เช่น

– a cat – 2 cats (แมว)

– a girl – 2 girls (เด็กผู้หญิง)

– a house – 2 houses (บ้าน)

  1. หากคำนามลงท้ายด้วย –s -ss x –z หรือกลุ่มพยัญชนะเช่น –sh หรือ –ch เราทำให้เป็นพหูพจน์ได้โดยการเติม –es เช่น

– a watch – 2 watches (นาฬิกา)

– a glass – 2 glasses (แก้วน้ำ)

– a dish – 2 dishes (จาน)

– a box – 2 boxes (กล่อง)

  1. คำนามที่ลงท้ายด้วย -o ให้เติม -es เช่น

– a potato – 2 potatoes (มันฝรั่ง)

– a tomato – 2 tomatoes (มะเขือเทศ)

อย่างไรก็ตาม กฎข้อนี้จะยกเว้นกับบางคำเช่น photo และ piano ซึ่งสามารถเติม -s เข้าไปกลายเป็น photos และ pianos ได้เลย

  1. คำนามที่ลงท้ายด้วย -y หากหน้า เป็นสระ ให้เติม -s เข้าไปได้เลย (ขอให้เทียบกฎข้อนี้กับกฎข้อแรกในหัวข้อถัดไปเมื่อหน้า เป็นพยัญชนะ) เช่น

– a toy – 2 toys (ของเล่น)

– a boy – 2 boys (เด็กผู้ชาย)

Plural Nouns รูปที่ไม่ปกติ มีแบบไหนบ้าง

คำว่า “รูปที่ไม่ปกติ” ในที่นี้เราหมายถึงในสองกรณีคือการเติม -s หรือ -es โดยต้องเปลี่ยนตัวอักษรท้ายคำไปจากเดิม และอีกประเภทคือคำนามพหูพจน์ที่เปลี่ยนรูปไปจากเดิม (ไม่ได้เติม -s หรือ – es) ซึ่งประเภทหลังจะไม่มีกฎตายตัว ต้องอาศัยการจำหรือเช็กจากพจนานุกรมเท่านั้น แยกประเภทของกฎต่าง ๆ ได้ดังนี้

  1. คำที่ลงท้ายด้วย -y หากหน้า เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน เป็น แล้วเติม -es เช่น

– a city – 2 cities (เมือง)

– a vocabulary – 2 vocabularies (คำศัพท์)

  1. คำนามที่ลงท้ายด้วย -f และ -fe ให้เปลี่ยน เป็น แล้วเติม -s หรือ -es เช่น

– leaf – leaves (ใบไม้)

– a knife – 2 knives (มีด)

อย่างไรก็ตาม บางคำเช่น roof ก็ไม่ต้องเปลี่ยน -f ท้ายคำโดยเติม -s เข้าไปได้เลย ซึ่งก็เป็นคำยกเว้นในกฎข้อนี้

  1. พหูพจน์ที่เปลี่ยนรูปเฉพาะตัวอักษรท้ายคำ

โดยท้ายคำจะไม่ได้เป็น -s หรือ -es จุดนี้จำเป็นต้องอาศัยการสังเกตเมื่ออ่านเจอหรือเช็กจากพจนานุกรมเพื่อความแน่ใจ เพราะแม้ว่าบางคำจะมีกฎระบุไว้ แต่คำในกลุ่มนั้นก็ไม่ใช่คำที่เราพบบ่อย คำที่เข้าข่ายลักษณะนี้ เช่น

– phenomenon – phenomena (ปรากฏการณ์)

– a cactus – 2 cacti (กระบองเพชร)

  1. พหูพจน์ที่เปลี่ยนรูปคำไปจากเดิม

โดยไม่ได้เปลี่ยนแค่ตัวอักษรท้ายคำแบบตัวอย่างในข้อที่ผ่านมา เช่น

– a man / a woman – 2 men / 2 women (ผู้ชาย / ผู้หญิง)

– a child – 2 children (เด็ก, ลูก)

– a person – 2 people (คน) อย่างไรก็ตาม persons ก็มีใช้บ้างเหมือนกัน เพียงแต่จะพบเฉพาะในเอกสารราชการหรือการพูดถึงบุคคลตามกฎหมายเท่านั้น โดยทั่วไปถ้าพูดถึงคนหลายคน ก็จะใช้ people เช่น

There are 20 people in the class.

(ชั้นเรียนนี้มี 20 คน)

  1. คำนามที่ไม่เปลี่ยนรูปเมื่อเป็นพหูพจน์

เช่น fish (ปลา) deer (กวาง) abacus (ลูกคิด)

ความสัมพันธ์ของ Plural nouns กับ Verb form

ความสัมพันธ์ที่เรากำลังจะพูดถึงคือเรื่อง subject-verb agreement โดยมีหลักการง่าย ๆ ว่าเมื่อคำนามอยู่ในรูปเอกพจน์หรือพหูพจน์ คำกริยา (Verb) จะต้องสะท้อนความเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ตามไปด้วย ขอให้ลองสังเกต 4 ตัวอย่างต่อไปนี้ โดยสังเกตจากคำกริยา “live” และ “verb to be” ในประโยค และพิจารณาประธานของประโยคที่ต่างกัน

– My parents live in Bangkok.

(พ่อแม่ของฉันอยู่กรุงเทพฯ)

– My younger brother lives in Chiang Mai.

(น้องชายของฉันอยู่ที่เชียงใหม่)

– this story is well-written.

(เรื่องนี้เขียนได้ดี)

– These stories are well-written.

(เรื่องราวเหล่านี้เขียนได้ดี)

สำหรับเรื่องที่จะมีผลโดยตรงกับคำนามเอกพจน์และพหูพจน์คือคำกริยาเมื่ออยู่ในรูป Present Tense ไม่ว่าจะเป็น Verb to be รวมถึงคำกริยาอื่น (เช่น live ที่เติม -s ในประโยคที่สอง) ซึ่งเมื่อมีผลกับคำกริยาใน Present Tense ก็ต้องมีผลกับ Tense อื่นด้วย เช่น เลือกระหว่าง was หรือ were ใน Past Tense การเลือกระหว่าง has หรือ have ใน Present Perfect Tense รวมถึงยังมีผลกับการเลือกใช้คำกริยาในประโยคคำถามและปฏิเสธด้วย เช่น

– Does your brother / do your parents live in Bangkok?

(พี่ชายของคุณ / พ่อแม่ของคุณอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือเปล่า)

– This story isn’t / These stories aren’t well-written.

(เรื่องนี้ / เรื่องราวเหล่านี้เขียนได้ไม่ดีนัก)

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


มะเดื่อ ผลไม้มากประโยชน์ กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์เต็มที่

มะเดื่อ หรือ มะเดื่อฝรั่ง (Fig) เป็นผลไม้ที่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยนักในประเทศไทย แต่กลับเป็นที่นิยมอย่างมากในหลายประเทศทั่วโลก ไม่เพียงเพราะรสชาติที่หวานละมุน เนื้อสัมผัสที่นุ่มหนึบ และรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่มะเดื่อยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ทางโภชนาการที่น่าทึ่ง แล้วมะเดื่อกินได้ไหม? และควรกินอย่างไรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด? บทความนี้มีคำตอบ

  • ใยอาหารสูง: มะเดื่ออุดมไปด้วยใยอาหารทั้งชนิดที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้
  • อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ: มะเดื่อมีสารฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็ง
  • แหล่งแร่ธาตุสำคัญ: มะเดื่อเป็นแหล่งที่ดีของแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น
    • โพแทสเซียม: ช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกาย และลดความดันโลหิต
    • แคลเซียม: จำเป็นต่อกระดูกและฟันที่แข็งแรง
    • แมกนีเซียม: ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
    • เหล็ก: สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: แม้จะมีรสหวาน แต่มะเดื่อมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ปานกลาง และใยอาหารที่สูงช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลไม่พุ่งสูงเร็วเกินไป ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวาน (แต่ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม)
  • บำรุงหัวใจและหลอดเลือด: ใยอาหารและโพแทสเซียมในมะเดื่อช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และควบคุมความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • บำรุงกระดูก: มีทั้งแคลเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อความหนาแน่นของมวลกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

กินมะเดื่ออย่างไรให้ได้ประโยชน์เต็มที่

  • กินมะเดื่อสดเป็นของว่าง: เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและได้รับสารอาหารครบถ้วน เพียงล้างให้สะอาดแล้วกัดกินได้ทั้งเปลือก
  • ใส่ในสลัด: เพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสให้กับสลัดผักของคุณ มะเดื่อสดเข้ากันได้ดีกับชีสแพะ ถั่ววอลนัท และน้ำสลัดบัลซามิก
  • จับคู่กับชีสและถั่ว: เป็นการจับคู่คลาสสิกที่ลงตัว ทั้งอร่อยและได้โปรตีนและไขมันดี
  • ใช้ทำสมูทตี้: เพิ่มความหวานตามธรรมชาติและใยอาหารให้กับสมูทตี้ของคุณ
  • ใส่ในโยเกิร์ตหรือกราโนล่า: เป็นอาหารเช้าหรือของว่างที่อุดมด้วยสารอาหาร
  • ทำแยมหรือซอสมะเดื่อ: แม้จะมีการเติมน้ำตาลบ้าง แต่ก็ยังคงได้ประโยชน์จากเนื้อมะเดื่อ
  • ใช้มะเดื่อแห้งในเบเกอรี่: เช่น ขนมปัง เค้ก มัฟฟิน หรือใส่ในซีเรียลและโอ๊ตมีล
  • รับประทานมะเดื่อแห้งเป็นของว่าง: เมื่อรู้สึกอยากของหวาน หรือต้องการพลังงานระหว่างวัน

ข้อควรระวัง: แม้มะเดื่อจะมีประโยชน์ แต่หากการรับประทานมะเดื่อในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจจะทำให้ท้องร่วงได้ อีกทั้งมะเดื่อมีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะมะเดื่อแห้งที่มีความเข้มข้นของน้ำตาลสูงกว่ามะเดื่อสด ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ และผู้ป่วยเบาหวานควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนบริโภคในปริมาณมาก

มะเดื่อไม่ได้เป็นเพียงผลไม้แปลกตา แต่เป็นซูเปอร์ฟู้ดจากธรรมชาติที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง การเพิ่มมะเดื่อเข้ามาในมื้ออาหารหรือเป็นของว่างประจำวัน จะช่วยให้คุณได้รับสารอาหารที่จำเป็นและส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระยะยาวได้อย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 02/07/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,150.0051,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,307.0050,134.1252,050.00
ทองรูปพรรณ 90%2,976.3045,120.71n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,645.6040,107.30n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,488.1522,560.35n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,157.4517,546.94n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,426.9451,952.41n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/07/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9533.1532.8533.3532.8532.8532.8532.8532.8532.8533.15
แก๊สโซฮอล์ 9132.7832.4832.9832.4832.4832.4832.4832.4832.4832.78
แก๊สโซฮอล์ E2030.9430.6431.1430.6430.6430.6430.6430.6430.94
แก๊สโซฮอล์ E8529.2928.9929.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.7449.8449.8449.8441.74
เบนซิน 9541.4449.8141.6441.2941.44
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55


 
 

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า