สาระน่ารู้ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2568

“แค๊ปสโตน แอสเสท”เปิดเกมรุกปักหมุดอสังหาภูเก็ตผุดเพย์ลา บางเทา

แค๊ปสโตน เดินเกมรุกอสังหาภูเก็ตไลฟ์สไตล์-ฮอสพิทัลลิตี้ นำร่องโครงการ “เพย์ลา ภูเก็ต บางเทา” มูลค่า 3,700 ล้านสร้างอัตลักษณ์ที่แตกต่าง

ด้วยแนวคิด “One Project, One Brand” ที่ชัดเจนและแตกต่าง “แค๊ปสโตน แอสเสท” ภายใต้การนำของ ฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ กำลังกลายเป็นชื่อที่ถูกจับตาในวงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียม โดยเฉพาะกลุ่มไลฟ์สไตล์และฮอสพิทัลลิตี้ ที่เน้นประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ผสานทั้งความหรูหราและฟังก์ชันใช้ชีวิตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

“เราไม่ทำโครงการที่เหมือนกันทุกที่ ทุกแบรนด์ของเราต้องมีดีเอ็นเอเฉพาะตัว และตอบโจทย์บริบทของพื้นที่และตลาดอย่างแท้จริง” ฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณกรรมการบริหาร บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด

เส้นทางจากห้องเรียนสู่สนามธุรกิจ

หลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Michigan และ Stanford สหรัฐฯ “ฐิติวัฒน์” เริ่มต้นเส้นทางในแวดวงอสังหาฯ กับ Lehman Brothers ก่อนกลับมาพัฒนาประสบการณ์ในไทยกับ Minor International ดูแลด้าน M&A ธุรกิจโรงแรมและแบรนด์เรสซิเดนซ์ต่างๆ จนในปี 2562 ก่อตั้ง แค๊ปสโตน แอสเสท โดยมีโครงการในมือแล้วรวม 8 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 14,000 ล้านบาท

ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวน “แค๊ปสโตน” กลับมองเห็นโอกาสใน “ภูเก็ต” เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ไม่พึ่งพาแค่เศรษฐกิจไทย แต่มีขับเคลื่อนของตัวเอง พร้อมไฟลต์บินตรงจากทั่วโลก โดยเฉพาะโซนเอเชียและยุโรป

“ไม่ว่าจะมีปัจจัยลบแค่ไหน ภูเก็ตจะฟื้นตัวได้เร็ว และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกยาวนาน”

“เพย์ลา ภูเก็ต บางเทา” Branded Residence สร้างประสบการณ์ใหม่ตอบรับเทรนด์การอยู่อาศัยแบบมีประสบการณ์ (Experiential Living) แค๊ปสโตน แอสเสท เป็นโครงการมิกซ์ยูสคอนโดมิเนียมหรูมูลค่า 3,700 ล้านบาท ที่หาดบางเทา บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ประกอบด้วย 3 อาคาร รวม 408 ยูนิต มาพร้อมบริการระดับโรงแรม 5 ดาว ผ่านความร่วมมือกับเชนโรงแรมระดับโลก

“โครงการนี้จะมอบประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย เป็นมากกว่าการอยู่อาศัย แต่คือไลฟ์สไตล์”

จาก “คีตาเล สมุย” ถึง “PEYLAA ภูเก็ต”

จาก “Kimpton Kitalay Samui” โรงแรม 5 ดาวที่ผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย, “ต้นสนวัน เรสซิเดนซ์” คอนโดใจกลางเมืองที่เน้นความเป็นส่วนตัว, จนถึง “Canvas” ไลฟ์สไตล์มิกซ์ยูสกลางเพลินจิต ทุกโครงการของแค๊ปสโตนฯ คือการพิสูจน์ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาฯ ที่เน้นประสบการณ์และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า

ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าก้าวสู่ผู้นำในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นประสบการณ์การใช้ชีวิต โดยเชื่อว่า “ไลฟ์สไตล์” และ “ฮอสพิทัลลิตี้” คืออนาคตของตลาด และยังเป็นฟันเฟืองสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่สร้างรายได้หลักให้ประเทศอย่างต่อเนื่อง

“เราไม่ได้ทำแค่ที่อยู่อาศัย แต่เราสร้างไลฟ์สไตล์ สร้างอัตลักษณ์ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในอนาคต”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ราคาที่ดินEEC แรงต่อเนื่อง บางละมุง ชลบุรี ยืนหนึ่งพุ่งพรวด 126.5%

ราคาที่ดิน EEC ไตรมาสแรก68 แรงต่อเนื่อง  5 ทำเลทอง บางละมุง ชลบุรี ยืนหนึ่ง พุ่งพรวด126.5% จากปัจจัยดีมานด์อยู่อาศัย – โรงงานต่างชาติแห่ซื้อ รองรับอุตสาหกรรม

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังเผชิญวิกฤตรอบด้าน ทั้งกำลังซื้ออ่อนแอ สถาบันการเงินปฏฺิเสธสินเชื่อ ในทางตรงกันข้าม ราคาที่ดินกลับขยับ ทั้งทำเลแนวรถไฟฟ้ากรุงเทพมหานคร ปริมณฑล จังหวัดหัวเมืองใหญ่ ที่น่าจับตาในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนแรงดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่รองรับการมาของเมืองอุตสาหกรรม

 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนพัฒนาในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 332.2 จุด เพิ่มขึ้น 24.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแรงหนุนหลักมาจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ถึง 47,033 ล้านบาท เติบโต 31% YoY

นักลงทุนจาก ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ ยังคงปักหมุดในพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการนิคมอุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับแรงงานต่างชาติ รวมถึงคนไทยที่ย้ายตามงานอุตสาหกรรมและบริการ

5 ทำเลเด่น ราคาที่ดินพุ่งสูงสุด

1. บางละมุง จ.ชลบุรี : +126.5%
เมืองท่องเที่ยวหลักอย่างพัทยา ขึ้นแท่นอันดับ 1 ราคาที่ดินพุ่งสูงสุด ด้วยดีมานด์จากโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร และการซื้อเพื่ออยู่อาศัยระยะยาวของชาวต่างชาติ

2. ศรีราชา จ.ชลบุรี : +88.6%
ทำเลยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น ปรับตัวแรงจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน ใกล้นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

3. บ้านค่าย จ.ระยอง : +47.9%
เติบโตตามการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและคลัสเตอร์พลังงาน ที่ดินเริ่มหายาก นักลงทุนเริ่มช้อนซื้อล่วงหน้า

4. เมืองชลบุรี : +33.5%
ศูนย์กลางเศรษฐกิจและบริการของจังหวัด ราคาที่ดินขยับต่อเนื่องจากโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์และแนวราบ

5. ปลวกแดง จ.ระยอง : +11.2%
ที่ดินติดนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำ เหมาะสำหรับการพัฒนาโรงงาน โกดัง และที่อยู่อาศัยแรงงาน

ขณะที่ ฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดเดียวในกลุ่ม EEC ที่ราคาที่ดินปรับลดลง 13.5% โดยมีการชะลอการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยชั่วคราว จากภาวะตลาดที่ยังไม่แน่นอน

การเร่งขยายฐานผลิตและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ EEC ยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดเงินลงทุนต่อเนื่อง และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ ราคาที่ดินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจนดีเวลลอปเปอร์วิ่งตามไม่ทัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 22ก.ค.“แข็งค่าขึ้น”ที่ระดับ 32.23 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจกับมาผันผวนสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ สถานการณ์การเมืองไทยและสถานการณ์การเมืองญี่ปุ่นยังมีความเสี่ยงที่จะเห็นเงินเยนกลับมาอ่อนค่าลง

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 22ก.ค.2568 ที่ระดับ  32.23 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.36 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้น สวนทางกับที่เราประเมินไว้ โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังรับรู้ผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก ที่แม้ว่า ผลการเลือกตั้งจะสะท้อนว่า พรรครัฐบาล LDP และ Komeito จะสูญเสียการครองเสียงข้างมาก

ทั้งในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา ทว่านายกฯ Shigeru Ishiba ก็ยังคงยืนกรานที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจเลือกที่จะทยอยปิดขายทำกำไรสถานะ Short JPY (มองเงินเยนอ่อนค่าลง)

อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ และมีความเสี่ยงที่จะเห็นการกลับมาอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น พร้อมกับแรงขายสินทรัพย์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะบอนด์ระยะยาวญี่ปุ่น ได้อีกครั้ง หากผู้เล่นในตลาดกังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาล ซึ่งจะขึ้นกับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งจะต้องมีความประนีประนอมมากขึ้นกับฝ่ายค้าน

นอกจากนี้ เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุนอยู่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงทยอยออกมาสดใส รวมถึง รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และหนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ส่วนหนึ่งก็ได้อานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งล่าสุด ราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน และเริ่มมีความเสี่ยงที่จะย่อลงได้บ้าง หากบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง

ทำให้ โดยรวมเรามองว่า แม้เงินบาทจะพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า แต่การแข็งค่าของเงินบาทจะเป็นไปอย่างจำกัด และเงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก

ในทางกลับกัน เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงบ้าง โดยโซนแนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 32.30 บาทต่อดอลลาร์ เป็นโซนแรก และมีโซน 32.60-32.70 บาทต่อดอลลาร์ เป็นโซนแนวต้านถัดไป  

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.15-32.35 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทะลุโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.21-32.38 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง

(สวนทางกับคาดการณ์ของเรา) หลังผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก (Upper House Election) เป็นไปตามที่ผู้เล่นในตลาดประเมินไว้ โดยพรรครัฐบาล LDP และ Komeito ได้ที่นั่งเพียง 47 ที่นั่ง จากเป้าหมาย 50 ที่นั่ง เพื่อคงอำนาจเสียงข้างมากในวุฒิสภา

ทว่า นายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba ยังคงยืนกรานที่จะอยู่ในตำแหน่งและพร้อมเดินหน้าประนีประนอมกับฝ่ายค้านในการขับเคลื่อนนโยบายการคลังเพื่อ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อสูง (อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ และควรเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด)

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันจากจังหวะการปรับตัวลดลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยรับมือความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับเฟดที่ยังคงมีอยู่

โดยการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทดสอบโซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา

แม้ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็พอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะ Alphabet +2.7% ก่อนที่จะรับรู้รายงานผลประกอบการในช่วงวันพุธนี้ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.38% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.14% 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อลงเล็กน้อย -0.08% หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป (EU) ขณะเดียวกัน รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนฝั่งยุโรปก็ออกมาผสมผสาน ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บรรดาผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวเพิ่มเติม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับเฟดที่ยังคงอยู่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รัฐมนตรีฯ คลัง และบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ ต่างต้องการให้เฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย ก็มีส่วนหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง สู่ระดับ 4.37%

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ หลัง Risk-Reward มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโซน 4.50% ขึ้นไป สำหรับบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

โดยจังหวะการทยอยเข้าซื้อดังกล่าวอาจกลับมาอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์ต้นเดือนสิงหาคมที่ตลาดจะรับรู้ แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง สอดคล้องกับจังหวะปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นอกจากนี้ บรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังนายกฯ Shigeru Ishiba ยืนกรานที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป แม้ว่าพรรค LDP และ Komeito จะสูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภา หลังการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกล่าสุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลงสู่ระดับ 97.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.7-98.3 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) สามารถปรับตัวสูงขึ้น สู่โซน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีภาวะธุรกิจ ทั้งในฝั่งภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดยเฟดสาขา Richmond ในเดือนกรกฎาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ   

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงจากบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้งในฝั่งของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า  เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.25-32.27 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.52 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยค่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 9 เดือนครึ่งที่ 32.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา และยังคงเคลื่อนไหวในกรอบที่แข็งค่าต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุน เนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามสถานการณ์การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าก่อน deadline 1 ส.ค. นี้  ประกอบกับน่าจะมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด หลังจากที่ รมว. คลังสหรัฐฯ กล่าววิจารณ์การทำงานของเฟด 

อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทในระหว่างวันอาจเป็นไปอย่างจำกัด หลังมีสัญญาณการย่อตัวกลับลงมาของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วงตลาดเอเชียเช้านี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.10-32.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า (รวมไทย) การเสนอชื่อผู้ว่าการธปท. คนถัดไปต่อ ครม.  ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และถ้อยแถลงของประธานเฟด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โชว์สปีด! “บิว ภูริพล” เข้าเส้นชัยที่ 1 วิ่ง 100 ม. กีฬามหาวิทยาลัยโลก รอบคัดเลือก

การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน 2025 (FISU World University Games 2025) ที่ประเทศเยอรมัน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 27 กรกฎาคม 2568

โดยไฮไลต์สำคัญ กรีฑา ประเภทวิ่ง 100 เมตรชาย รอบคัดเลือก เพื่อคัดเอาอันดับ 1-2 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

“บิว” ภูริพล บุญสอน ลมกรดหนุ่มทีมชาติไทยวัย 19 ปี ลงแข่งขันในประเภท 100 เมตร กลุ่มที่ 2 รอบคัดเลือก ก่อนโชว์สปีดนำแบบม้วนเดียวจบเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกด้วยเวลา 10.23 วินาที ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ได้สำเร็จ

ด้าน “โอ๊ต” ธวัชชัย หีมเอียด อีกหนึ่งลมกรดทีมชาติไทย ลงแข่งขันรอบคัดเลือก กลุ่มที่ 4 เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ด้วยเวลา 10.62 วินาที ผ่านเข้าสู่รอบรองฯ เช่นกัน

สำหรับ การแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย รอบรองชนะเลิศ จะมีขึ้นในคืนวันอังคาร 22 กรกฎาคม นี้ เวลา 01.10 น. และรอบชิงชนะเลิศ ในเวลา 02.40 น.

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ภาวะเลือดหนืดคืออะไร ภัยเงียบที่ควรสังเกตและดูแล

เลือดหนืด เป็นปัญหาสุขภาพที่หลายคนมองข้าม ทั้งที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจ และภาวะลิ่มเลือดอุดตัน บทความนี้จะพาไปดูสัญญาณเตือน อาหารที่ควรกิน และวิธีดูแลให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

เลือดหนืด คืออะไร? ทำไมต้องระวัง

เลือดหนืด หรือที่เรียกว่า “เลือดข้น” คือ ภาวะที่เลือดมีความหนืดสูงกว่าปกติ ทำให้การไหลเวียนช้าลง ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น รคหลอดเลือดสมอง, กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือแม้แต่ เส้นเลือดดำอุดตันที่ขา

อาการแบบไหนที่อาจบอกว่าคุณมีเลือดหนืด

  • เหนื่อยง่าย ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม
  • ปวดศีรษะบ่อย มึนหัว คล้ายขาดออกซิเจน
  • มือเท้าเย็น ชา หรือปวดหน่วงตามแขนขา
  • ปลายมือปลายเท้าคล้ำ
  • ความดันโลหิตสูงหรือผันผวน
  • มีอาการเส้นเลือดขอด หลอดเลือดฝอยแตกง่าย

หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกันบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเลือด

สาเหตุที่ทำให้เลือดหนืด

  • ดื่มน้ำน้อย: ทำให้เลือดข้นเพราะขาดความชุ่มชื้น
  • รับประทานอาหารมันจัด หวานจัด เค็มจัด
  • สูบบุหรี่ และ ดื่มแอลกอฮอล์
  • น้ำหนักเกินหรืออ้วนลงพุง
  • ไม่ออกกำลังกาย ทำให้ระบบไหลเวียนทำงานช้า
  • ขาดวิตามินบางชนิด โดยเฉพาะ วิตามิน C, E และโอเมก้า-3

เลือดหนืดกินอะไรได้บ้าง? อาหารช่วยบำรุงเลือด

ดื่มน้ำเปล่าให้พอ

  • อย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว เพื่อให้เลือดเจือจางพอดี และไหลเวียนสะดวก

ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

  • มะเขือเทศ: มีไลโคปีน ช่วยลดความเสี่ยงหลอดเลือดตีบ
  • บีทรูท: ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดไหลเวียนดี
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี: เช่น บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ต้านการอักเสบของหลอดเลือด
  • ทับทิม: มีโพลีฟีนอลช่วยลดภาวะเกาะตัวของเกล็ดเลือด

อาหารที่มีไขมันดี

  • ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาซาร์ดีน: อุดมด้วยโอเมก้า-3
  • อโวคาโด: ช่วยลดไขมัน LDL และเสริม HDL
  • ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดแฟลกซ์: มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวและแมกนีเซียม

สมุนไพรที่ช่วยให้เลือดไหลดี

  • ขิง: ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด
  • ขมิ้นชัน: มีเคอร์คูมินช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด
  • กระเทียม: ลดความดันและช่วยลดไขมันในเลือด

เลือดหนืดควรเลี่ยงอาหารแบบไหน

  • อาหารไขมันอิ่มตัวสูง: เช่น ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน
  • อาหารเค็มจัด: เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลาร้า ขนมกรุบกรอบ
  • น้ำตาลสูง: เค้ก เครื่องดื่มรสหวาน ชานมไข่มุก
  • แอลกอฮอล์: ทำให้เลือดข้นและความดันสูง
  • บุหรี่: ทำลายผนังหลอดเลือดโดยตรง

เลือดหนืดอันตรายแค่ไหน? ควรพบแพทย์เมื่อไร

หากมีอาการเรื้อรัง เช่น

  • ปวดหัว มึนงงทุกวัน
  • แขนขาชา หรือมีอาการเส้นเลือดขอด
  • หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายผิดปกติ
  • มีภาวะเลือดออกง่าย หรือเลือดจาง

ควรพบแพทย์เพื่อตรวจ CBC (Complete Blood Count) และวิเคราะห์ค่าความหนืดของเลือด พร้อมเช็กไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ และค่าการแข็งตัวของเลือด

สรุป

เลือดหนืด เป็นภาวะที่หลายคนมองข้าม แต่หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นภัยเงียบที่ทำให้เกิดโรคร้าย การดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้โดยปรับพฤติกรรมการกิน ดื่มน้ำให้เพียงพอ และเลือกอาหารที่ช่วยบำรุงเลือด จะช่วยให้หลอดเลือดของคุณแข็งแรงและลดความเสี่ยงได้ในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Microsoft เร่งสกัดกั้นแฮกเกอร์ไม่ให้ก่อหายนะระดับโลก

Microsoft เร่งสกัดกั้นแฮกเกอร์โจมตีซอฟต์แวร์ SharePoint ไม่ให้ก่อหายนะระดับโลก หลายประเทศและบริษัทตกอยู่ในความเสี่ยงถูกขโมยข้อมูลสำคัญ

บลูมเบิร์ก รายงานว่า แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในซอฟต์แวร์ทั่วไปของบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft Corp) เพื่อเจาะระบบรัฐบาล ธุรกิจ และองค์กรอื่นๆ ทั่วโลก และขโมยข้อมูลสำคัญ ตามรายงานของเจ้าหน้าที่และนักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft ได้เข้าไปแก้ไขช่องโหว่ในเซิร์ฟเวอร์ของซอฟต์แวร์จัดการเอกสาร SharePoint ทางบริษัทกล่าวว่ายังคงดำเนินการแก้ไขช่องโหว่อื่นๆ ต่อไป หลังจากได้รับคำเตือนว่าแฮกเกอร์กำลังเล็งเป้าหมายไปที่ลูกค้าที่ใช้งาน SharePoint โดยใช้ช่องโหว่นี้เพื่อเข้าสู่ระบบไฟล์และรันโค้ด

แฮกเกอร์หลายรายกำลังโจมตีผ่านช่องโหว่ของ Microsoft ทั้งนี้ ตามรายงานของตัวแทนจากบริษัทรักษาความปลอดภัยไซเบอร์สองแห่ง ได้แก่ CrowdStrike Holdings และ Mandiant Consulting ของ Google

แฮกเกอร์ได้ใช้ช่องโหว่นี้เพื่อเจาะระบบของรัฐบาลในยุโรปและตะวันออกกลางแล้ว ตามรายงานของบุคคลที่ทราบเรื่องนี้ ในสหรัฐอเมริกา พวกเขาเข้าถึงระบบของรัฐบาล รวมถึงระบบของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ กรมสรรพากรรัฐฟลอริดา และสภานิติบัญญัติรัฐโรดไอแลนด์ บุคคลผู้นี้กล่าวโดยไม่เปิดเผยชื่อขณะพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนดังกล่าว

ตัวแทนจากกระทรวงศึกษาธิการและสภานิติบัญญัติรัฐโรดไอแลนด์ไม่ได้ตอบรับโทรศัพท์และอีเมลที่ขอความคิดเห็นเมื่อวันจันทร์ 

ด้านเบธานี เวสเตอร์ คูทิลโล โฆษกกรมสรรพากรรัฐฟลอริดา กล่าวในอีเมลว่าช่องโหว่ของ SharePoint กำลังถูกตรวจสอบ “ในหลายระดับของรัฐบาล” แต่หน่วยงานของรัฐ “ไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่เราใช้ในการปฏิบัติการ”

แฮกเกอร์ยังเจาะระบบของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพในสหรัฐอเมริกา และตั้งเป้าหมายโจมตีมหาวิทยาลัยของรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามรายงานจากบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่บลูมเบิร์กนิวส์ตรวจสอบ

รายงานไม่ได้ระบุชื่อหน่วยงานใด แต่ระบุว่าแฮกเกอร์พยายามเจาะเซิร์ฟเวอร์ SharePoint ในประเทศต่างๆ ได้แก่ บราซิล แคนาดา อินโดนีเซีย สเปน แอฟริกาใต้ สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา บริษัทขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากข้อมูลมีความละเอียดอ่อน

  • บริษัท องค์กรจำนวนมากทั่วโลกตกอยู่ในความเสี่ยง

ในบางระบบที่พวกเขาเจาะเข้าไป แฮกเกอร์ได้ขโมยข้อมูลประจำตัวสำหรับการลงชื่อเข้าใช้ ซึ่งรวมถึงชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน รหัสแฮช และโทเคน ตามคำบอกเล่าของบุคคลที่ทราบเรื่อง ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่เปิดเผยชื่อเมื่อกล่าวถึงข้อมูลละเอียดอ่อนดังกล่าว

“นี่เป็นภัยคุกคามที่มีความรุนแรงและเร่งด่วนสูง” ไมเคิล ซิคอร์สกี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองภัยคุกคามของ Unit 42 ที่ Palo Alto Networks  กล่าว

“สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่ากังวลเป็นพิเศษคือการผสานรวมอย่างลึกซึ้งของ SharePoint เข้ากับแพลตฟอร์มของ Microsoft ซึ่งรวมถึงบริการต่างๆ เช่น Office, Teams, OneDrive และ Outlook ซึ่งมีข้อมูลทั้งหมดที่มีค่าสำหรับผู้โจมตี” เขากล่าว “การบุกรุกไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกรอบ แต่เป็นการเปิดประตูสู่เครือข่ายทั้งหมด”

ธุรกิจและสถาบันหลายหมื่นแห่ง หรืออาจถึงหลายแสนแห่ง ทั่วโลกใช้ SharePoint ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพื่อจัดเก็บและทำงานร่วมกันในเอกสาร Microsoft กล่าวว่าผู้โจมตีกำลังมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าที่ใช้งานเซิร์ฟเวอร์ SharePoint จากเครือข่ายภายในองค์กรของตนเองโดยเฉพาะ แทนที่จะถูกโฮสต์และจัดการโดยบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งอาจจำกัดผลกระทบต่อลูกค้ากลุ่มย่อยได้

โฆษกของ Microsoft ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมนอกเหนือจากแถลงการณ์ก่อนหน้านี้

“นี่คือความฝันของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่” ไซลาส คัตเลอร์ นักวิจัยจาก Censys บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในรัฐมิชิแกนกล่าว

เขาประเมินว่าบริษัทที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ SharePoint มากกว่า 10,000 แห่งกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง สหรัฐอเมริกามีจำนวนบริษัทประเภทนี้มากที่สุด ตามมาด้วยเนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และแคนาดา เขากล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


พูดถึง รสชาติอาหาร ภาษาอังกฤษ ยังไงให้ปัง! รวมคำศัพท์ที่ใช้ได้จริง

บทความนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลัง เรียนภาษาอังกฤษ และอยากสื่อสารเกี่ยวกับ รสชาติอาหาร ภาษาอังกฤษ ได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าสนใจ เรารวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยเมื่อต้องอธิบายรสชาติอาหาร เช่น หวาน เปรี้ยว เค็ม ขม เผ็ด รวมถึงคำที่ลึกซึ้งกว่านั้นอย่าง savory, tangy, bland พร้อมตัวอย่างประโยคใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะใช้กับเพื่อน ชาวต่างชาติ หรือรีวิวอาหาร นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการใช้คำให้ดูโดดเด่น น่าฟัง และเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพื่อให้การ เรียนภาษาอังกฤษ สนุกและใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากที่สุด เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่ เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ

1) คำศัพท์ รสชาติอาหาร ภาษาอังกฤษ ที่ควรรู้

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้การ เรียนภาษาอังกฤษ สนุกและเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันได้ดี คือการเรียนรู้จากเรื่องกิน เพราะอาหารคือหัวข้อยอดนิยมที่คนทั่วโลกพูดถึง และการรู้คำศัพท์เกี่ยวกับรสชาติจะช่วยให้คุณสื่อสารได้ชัดเจนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

คำศัพท์พื้นฐานเกี่ยวกับรสชาติ:

  • Sweet = หวาน
  • Sour = เปรี้ยว
  • Salty = เค็ม
  • Bitter = ขม
  • Spicy / Hot = เผ็ด
  • Savory = กลมกล่อม เค็มนิด ๆ อร่อย
  • Umami = รสอูมามิ (เหมือนรสน้ำซุป หรือน้ำต้มกระดูก)
  • Bland = จืด
  • Tangy = เปรี้ยวจี๊ด สดชื่น
  • Creamy = มีเนื้อสัมผัสนุ่มลื่น เหมือนครีม
  • Crunchy / Crispy = กรอบ
  • Juicy = ชุ่มฉ่ำ
  • Greasy = มันเยิ้ม
  • Rich = เข้มข้น
  • Smoky = กลิ่นรมควัน

การจดจำคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณพูดถึงอาหารได้เก่งขึ้นระหว่างการ เรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องอธิบายรสชาติให้คนอื่นฟัง เช่น เวลาไปกินอาหารกับเพื่อนต่างชาติ หรือตอนรีวิวอาหารบนโซเชียลมีเดีย

หากคุณ เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลย การเริ่มจากคำศัพท์ง่าย ๆ เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะเป็นคำที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน

2) ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้กับรสชาติอาหาร

การเรียนรู้คำศัพท์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากคุณอยากพูดให้ปัง ควรรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ในประโยคด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณกล้าพูดมากขึ้นระหว่าง เรียนภาษาอังกฤษ

ประโยคง่าย ๆ ที่ใช้ได้ทันที:

  • “This cake is really sweet and moist.”
    (เค้กนี้หวานและชุ่มฉ่ำมากเลย)
  • “I love spicy food, especially hot Thai curry.”
    (ฉันชอบอาหารเผ็ด โดยเฉพาะแกงเผ็ดไทย)
  • “The soup tastes a bit bland, maybe it needs more salt.”
    (ซุปนี้รสชาติออกจืด ๆ นะ อาจต้องใส่เกลือเพิ่ม)
  • “I didn’t expect the lemon pie to be so tangy and refreshing!”
    (ฉันไม่คิดว่าพายเลมอนจะเปรี้ยวจี๊ดสดชื่นขนาดนี้)
  • “This steak is so juicy and tender, it melts in my mouth.”
    (สเต๊กนี้ชุ่มฉ่ำและนุ่มมาก ละลายในปากเลย)

เมื่อคุณ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง การฝึกพูดประโยคเหล่านี้หน้ากระจก หรืออัดเสียงตัวเองแล้วฟังซ้ำ จะช่วยให้คุณพัฒนาได้รวดเร็วขึ้น และมั่นใจมากขึ้นเมื่อพูดจริง

3) การใช้คำศัพท์เกี่ยวกับรสชาติให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

หากคุณอยากให้การอธิบาย รสชาติอาหาร ภาษาอังกฤษ ของคุณดูน่าสนใจยิ่งขึ้นและใกล้เคียงเจ้าของภาษา คุณควรฝึกการใช้ adjective ที่หลากหลาย รวมถึงการใส่ ความรู้สึก หรือ ภาพเปรียบเทียบ ลงไปด้วย

ตัวอย่างเทคนิคการใช้คำให้น่าสนใจ:

  • แทนที่จะบอกว่า “This is good.”
    ลองพูดว่า:
    “This pasta has a richcreamy sauce that’s absolutely delicious.”
  • แทนที่จะพูดว่า “It’s spicy.”
    พูดให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นว่า:
    “This curry hits you with a fiery kick that wakes up your taste buds!”
  • หรือพูดแบบเปรียบเทียบ:
    “The ribs are so tender, they fall right off the bone.”

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


ประโยชน์สุดทึ่งของ “เปลือกกล้วย” ของเหลือทิ้งที่ไม่ควรมองข้าม!

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับประโยชน์มากมายของ “กล้วย” ผลไม้ที่หาทานง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่รู้หรือไม่ว่า “เปลือกกล้วย” ที่เราทิ้งไปนั้นก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน แถมบางครั้งยังมีสรรพคุณที่น่าทึ่งจนคุณอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เปลือกกล้วยอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารประกอบทางชีวภาพหลายชนิด ซึ่งมีส่วนช่วยทั้งในด้านสุขภาพ ความงาม และแม้กระทั่งการใช้งานในบ้าน

ไขความลับประโยชน์ของ “เปลือกกล้วย” 

ประโยชน์ของเปลือกกล้วยด้านสุขภาพและโภชนาการ

เปลือกกล้วยไม่ได้เป็นแค่ของเหลือทิ้ง แต่ยังเป็นแหล่งรวมสารอาหารดีๆ อีกด้วย:

  • อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ: เปลือกกล้วยมีสารโพลีฟีนอลและแคโรทีนอยด์สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ และชะลอความเสื่อมของร่างกาย
  • ใยอาหารสูง: มีทั้งใยอาหารชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยส่งเสริมระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันท้องผูก และช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้
  • โพแทสเซียมสูง: เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย สนับสนุนการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • ช่วยเรื่องอารมณ์และคุณภาพการนอนหลับ: เปลือกกล้วยมีสารทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการผลิตเซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนแห่งความสุข และเมลาโทนิน (Melatonin) ฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการนอนหลับ
  • อาจช่วยลดคอเลสเตอรอล: ใยอาหารและสารประกอบบางชนิดในเปลือกกล้วยอาจมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย

ประโยชน์ของเปลือกกล้วยด้านความงาม

เปลือกกล้วยสามารถนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการบำรุงผิวพรรณได้อย่างเป็นธรรมชาติ:

  • ลดริ้วรอยและบำรุงผิว: สารต้านอนุมูลอิสระในเปลือกกล้วยช่วยต่อสู้กับสัญญาณของวัยที่เพิ่มขึ้น และวิตามินต่างๆ ช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่น การนำเปลือกกล้วยด้านในมาถูเบาๆ บนใบหน้า หรือนำมาบดพอกหน้า อาจช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้
  • ลดรอยคล้ำใต้ตาและลดอาการบวม: ความเย็นจากเปลือกกล้วยและคุณสมบัติของสารบางชนิดอาจช่วยบรรเทาอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาได้ เพียงนำเปลือกกล้วยมาวางทับบริเวณนั้น
  • รักษาสิว: สารต้านเชื้อแบคทีเรียและคุณสมบัติในการลดการอักเสบของเปลือกกล้วย อาจช่วยบรรเทาอาการอักเสบจากสิว และลดรอยแดงได้
  • ลดอาการคันจากแมลงกัดต่อย: การใช้เปลือกกล้วยด้านในถูบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อย อาจช่วยบรรเทาอาการคันและลดการระคายเคือง

ประโยชน์ของเปลือกกล้วยด้านอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน

นอกจากเรื่องสุขภาพและความงามแล้ว เปลือกกล้วยยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ ที่น่าสนใจ:

  • ขัดรองเท้าหนังและเครื่องหนัง: เปลือกกล้วยสามารถใช้เป็นน้ำยาขัดเงาธรรมชาติสำหรับรองเท้าหนัง กระเป๋า หรือเครื่องหนังอื่นๆ ได้ เพียงถูเปลือกกล้วยด้านในลงบนพื้นผิว แล้วเช็ดออกด้วยผ้าสะอาด
  • บำรุงต้นไม้: เปลือกกล้วยเป็นแหล่งของโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นธาตุอาหารสำคัญสำหรับพืช สามารถนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ฝังลงในดินรอบๆ ต้นไม้ หรือทำปุ๋ยหมัก
  • ช่วยให้เนื้อสัตว์นุ่มขึ้น: การนำเปลือกกล้วยใส่ลงไปในหม้อขณะที่กำลังอบเนื้อสัตว์ จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและทำให้เนื้อนุ่มขึ้น
  • ล่อแมลงวันผลไม้: หากต้องการดักจับแมลงวันผลไม้ ลองวางเปลือกกล้วยไว้ในภาชนะเปิด ก็จะช่วยดึงดูดแมลงวันได้

ข้อควรระวังในการบริโภคเปลือกกล้วย

แม้จะมีประโยชน์ แต่การรับประทานเปลือกกล้วยก็ควรระมัดระวัง:

  • ล้างทำความสะอาดให้ดี: ควรล้างเปลือกกล้วยให้สะอาดหมดจด เพื่อกำจัดสารเคมีตกค้างจากยาฆ่าแมลงหรือสิ่งสกปรกต่างๆ
  • เลือกกล้วยออร์แกนิก: หากเป็นไปได้ ควรเลือกใช้เปลือกกล้วยจากกล้วยออร์แกนิก เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมี
  • ปรุงให้สุก: การนำเปลือกกล้วยไปต้ม นึ่ง หรือปรุงให้สุกก่อนรับประทาน จะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น
  • รสชาติและเนื้อสัมผัส: เปลือกกล้วยมีรสชาติฝาดเล็กน้อยและมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างแข็ง จึงอาจไม่เหมาะกับการรับประทานสดๆ บางคนอาจต้องนำไปแปรรูป เช่น ปั่นรวมกับสมูทตี้ หรือนำไปทำขนม

เปลือกกล้วยเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและถูกมองข้ามไป การนำเปลือกกล้วยมาใช้ประโยชน์อย่างถูกวิธี ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพ ความงาม และใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างคุ้มค่า ลองเปลี่ยนมุมมองและเปิดใจให้กับ “เปลือกกล้วย” ของเหลือทิ้งที่อาจกลายเป็นขุมทรัพย์แห่งคุณประโยชน์ได้เลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/07/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,650.0051,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,339.0050,619.2452,550.00
ทองรูปพรรณ 90%3,005.1045,557.32n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,671.2040,495.39n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,502.5522,778.66n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,168.6517,716.73n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,460.1052,455.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/07/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.8532.8533.3532.8532.8532.8532.8532.8532.8532.85
แก๊สโซฮอล์ 9132.4832.4832.9832.4832.4832.4832.4832.4832.4832.48
แก๊สโซฮอล์ E2030.6430.6431.1430.6430.6430.6430.6430.6430.64
แก๊สโซฮอล์ E8528.9928.9928.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.4449.8449.8449.8441.44
เบนซิน 9541.1449.8141.6441.2941.14
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า