‘ปรีดา’พลิกแนวรบลุยมิกซ์ยูส!จุดพลุสำนักงานเช่านิวซีบีดี

ปรีดา เรียลเอสเตส พลิกแนวรบลุยมิกซ์ยูส ผุด“โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์”มูลค่ากว่า 3,200 ล้านรับดีมานด์เขตเศรษฐกิจใหม่สำนักงานเช่านิวซีบีดี กรุงเทพอภิวัฒน์
จากแลนด์มาร์กคอนโดมิเนียม สู่ศูนย์กลางธุรกิจยุคใหม่ ในยุคที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังคงเผชิญแรงต้านจากภาวะเศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กลยุทธ์การปรับตัวของ “ปรีดา เรียลเอสเตส” กลับเลือกจะ “รุก” แทน “รับ” ด้วยการแตกไลน์บุกมิกซ์ยูสเต็มรูปแบบ! ด้วยโปรเจกต์สำนักงานและร้านค้าใจกลางย่านอารีย์-สะพานควาย “โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์” ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตและทำงานในยุคเมืองเปลี่ยนผ่านอาคารสูง 50 ชั้น บนพื้นที่ 4 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 3,200 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Live Worldticle Life – โลกความสุขแนวตั้งที่ครบที่สุด” มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ผสานการอยู่อาศัย พาณิชยกรรม และสำนักงานไว้ในที่เดียว
ปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตส จำกัด มองว่า การทำงานและการใช้ชีวิตของคนเมืองในอนาคต ต้องไม่ใช่เรื่องแยกจากกันอีกต่อไป
หนึ่งในจุดแข็งของโครงการคือ ทำเลทอง ย่านพหลโยธิน-ประดิพัทธ์ นอกจากจะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของเขตเศรษฐกิจใหม่ หรือ “New CBD กรุงเทพอภิวัฒน์” รายล้อมด้วยหน่วยงานราชการระดับชาติ องค์กรเอกชนขนาดใหญ่ และแหล่งไลฟ์สไตล์ครบวงจร พื้นที่ตั้งของโครงการอยู่ไม่ไกลจากศูนย์ราชการ เช่น กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร และรัฐสภาแห่งใหม่ ใกล้สำนักงานใหญ่บิ๊กคอร์ป อาทิ SCG ทิปโก้ IBM รวมถึงสถาบันการเงินใหญ่ เช่น ธนาคารออมสินและธนาคารกสิกรไทย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นทำเลที่เชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทั้ง BTS และ MRT ได้อย่างสะดวก เสริมโอกาสการเติบโตของธุรกิจที่เลือกเข้ามาปักหมุดตั้งฐาน
สำหรับโซนสำนักงานให้เช่า “โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์” ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4,000 ตร.ม. เป็นอาคารสำนักงาน 7 ชั้น ประกอบด้วย 29 ยูนิต พื้นที่เช่ารวม 3,300 ตร.ม. พร้อมด้วยร้านค้าเชิงพาณิชย์อีก 5 ยูนิต รวม 700 ตร.ม.กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ คือผู้ประกอบการ SMEs สตาร์ทอัป และนักลงทุนที่ต้องการพื้นที่ทำงานในเมืองที่มีดีไซน์ทันสมัย เน้นความเป็นส่วนตัว และสามารถปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่น
“พื้นที่ของเราไม่ใช่แค่สำนักงาน แต่คือพื้นที่ที่ผู้ประกอบการสามารถออกแบบชีวิตและธุรกิจไปพร้อมกัน” ปิยะฉัตร ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตส จำกัด กล่าว
เปิดเกมราคาสำนักงานเช่าเริ่ม 700บาท/ตร.ม.
ท่ามกลางการแข่งขันของตลาดออฟฟิศให้เช่ากลางเมืองที่มีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 800-900 บาท/ตร.ม. การตั้งราคาค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 700 บาท/ตร.ม. ถือเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่สามารถดึงดูดทั้งผู้เช่าระยะยาว และกลุ่มที่ต้องการพื้นที่ขนาดเล็กในทำเลที่มีศักยภาพด้วยอัตราค่าเช่าที่สามารถแข่งขันได้ ขณะเดียวกันยังมอบบรรยากาศที่ “เป็นส่วนตัวแต่ไม่โดดเดี่ยว” ทำให้โครงการได้รับการตอบรับดีเยี่ยม โดยเฉพาะในช่วงเปิดให้จองเบื้องต้น มียอดจองทะลุแล้วกว่า 75% ของพื้นที่รวม
“โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์” ไม่เพียงเป็นโครงการที่อยู่อาศัยและสำนักงาน หากยังเน้นไปที่ รูปแบบการใช้ชีวิตแบบองค์รวม (Integrated Lifestyle) ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับคอนโดฯ พรีเมียม
พื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 6 ชั้น พร้อมสวนสีเขียวทั้งแนวราบและแนวตั้งกว่า 2 ไร่ นำเสนอแนวคิด “สมดุลชีวิตกลางเมือง” ซึ่งเป็นเทรนด์ที่มาแรงในกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มองหาออฟฟิศที่มีทั้งความยืดหยุ่นและคุณภาพชีวิตในที่เดียวในขณะเดียวกัน พื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการด้านบริการ ไลฟ์สไตล์ และอาหารเข้ามาเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจภายในโครงการ
“เรามองหาพาร์ตเนอร์ที่สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้ใช้ชีวิตในโครงการ ไม่ใช่แค่เปิดร้าน แต่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนคุณภาพ”
“เทรนด์สีเขียว-พลังงานยั่งยืน”เสริมจุดแข็ง
อีกหนึ่งหมุดหมายของการพัฒนาโครงการนี้ คือการวางรากฐานเพื่อรองรับ “ธุรกิจยุคใหม่” ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัดพลังงาน ระบบจัดการอาคารที่รองรับ Smart Office รวมถึงพื้นที่สีเขียวซึ่งกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสำนักงานในอนาคต
“ธุรกิจที่ยั่งยืนในวันนี้ ต้องเริ่มจากที่ทำงานที่มีแนวคิดยั่งยืน”
ด้วยการออกแบบที่ครบวงจร ทำเลที่โดดเด่น และกลยุทธ์ราคาที่น่าสนใจ “โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์” จึงกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักของผู้ประกอบการยุคใหม่ที่มองหา “ที่มากกว่าสำนักงาน” นักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ปล่อยเช่าระยะยาว และผู้ประกอบการที่ต้องการพื้นที่ทำเลทองเพื่อเริ่มต้นธุรกิจในศูนย์กลางเมือง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ไรมอน แลนด์ คืนสังเวียนพัทยาจ่อเปิดคอนโดหรู 3.3 พันล้าน

ไรมอน แลนด์ รีเทิร์นตลาดพัทยาอีกครั้ง หลังห่างหายไปกว่า 10 ปี เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมหรูใจกลางพัทยามูลค่ากว่า 3,300 ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์และนักลงทุน
หลังเว้นช่วงจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองพัทยานานกว่า 10 ปี วันนี้ RML (ไรมอน แลนด์) กลับมาทวงพื้นที่ในเมืองท่องเที่ยวศักยภาพสูงอีกครั้ง พร้อมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ มูลค่ากว่า 3,300 ล้านบาท บนทำเล พัทยากลาง จุดเชื่อมต่อระหว่างไลฟ์สไตล์ ความสะดวก และโอกาสทางเศรษฐกิจ
โครงการใหม่นี้ไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่เป็น “การวางหมาก” ของ RML ในการขยายพอร์ตการลงทุนไปยังทำเลระดับภูมิภาค ภายใต้ Transformation Roadmap ที่มุ่งขยายการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ทั่วประเทศ
“พัทยายังเป็นเมืองที่มีดีมานด์การอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ” กรณ์ ณรงค์เดช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)
คอนโดลักชัวรี่…อีกหนึ่งแลนด์มาร์กใหม่กลางเมือง
แม้จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของตัวโครงการในขณะนี้ แต่ RML ได้ยืนยันว่า โครงการใหม่นี้จะนำเสนอ “มาตรฐานใหม่” ของการใช้ชีวิตในเมืองพัทยา ด้วยการออกแบบที่ผสานความหรูหรา เข้ากับการใช้วัสดุและฟังก์ชันระดับพรีเมียม สะท้อนความเชี่ยวชาญของแบรนด์ในตลาดลักชัวรี่มายาวนาน
โครงการตั้งอยู่ในทำเล พัทยากลาง ซึ่งนับว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ไม่เพียงเชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แต่ยังรายล้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานและการขยายตัวของเศรษฐกิจเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก ที่ได้รับแรงหนุนจากโครงการ EEC และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ
ดีมานด์สูง นักลงทุนต่างชาติเริ่มหันกลับมา
แม้ตลาดอสังหาฯ พัทยาจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากช่วงโควิด-19 แต่ในช่วงปี 2567–2568 เริ่มเห็นสัญญาณบวกอย่างชัดเจน ทั้งจากการกลับมาของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะรัสเซีย จีน และยุโรป รวมถึงกลุ่ม Expat ที่เข้ามาพำนักระยะยาว
การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ของ RML จึงถือเป็นการ วางตำแหน่งใหม่ ของแบรนด์ในตลาดภูมิภาค เพื่อจับดีมานด์ที่ยังไม่มีผู้เล่นรายใหญ่ตอบโจทย์อย่างเต็มรูปแบบ
“เราไม่ได้มองแค่ ‘ขายได้’ แต่ต้องสร้างคุณค่าในระยะยาวทั้งต่อเมือง ต่อผู้อยู่อาศัย และต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม”
เดินหมากขยายพอร์ตอสังหาฯ ระดับประเทศ
การกลับสู่ตลาดพัทยาในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการคืนเวทีของ RML ในตลาดคอนโดมิเนียมชายฝั่งทะเลแล้ว ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การ กระจายการลงทุนในระดับภูมิภาค ตามแผน Transformation Roadmap ที่เน้นการเข้าไปในเมืองศักยภาพสูง ทั้งหัวเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ๆ ทั่วประเทศ
ที่ผ่านมา RML ประสบความสำเร็จในตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯ ด้วยการพัฒนาโครงการอย่าง 185 ราชดำริ, The Estelle Phrom Phong และ One City Centre อาคารสำนักงานเกรด A+ ใจกลางลุมพินี
การหวนกลับมาที่พัทยาจึงไม่ใช่แค่ “การทดลองตลาด” แต่คือ “หมากกลยุทธ์” ระยะยาว
จับตา Q3/2568 วันเปิดตัว
ตามแผนการเบื้องต้น โครงการคอนโดมิเนียมหรูของ RML ในพัทยาจะเปิดตัวใน ไตรมาส 3 ปี 2568 โดยคาดว่าจะสร้างกระแสตอบรับได้ดีในกลุ่มผู้ต้องการที่อยู่อาศัยระดับบน และนักลงทุนที่มองหาทรัพย์สินที่มีโอกาสสร้างมูลค่าในอนาคต
ตลาดพัทยาที่กำลังฟื้นตัวอย่างมั่นคง จึงกลายเป็นอีกหนึ่ง “เวทีสำคัญ” ที่ RML เตรียมใช้เพื่อขยายแบรนด์และส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับโลกให้กับเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลของไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้8ส.ค. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”ที่ระดับ 32.28 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจผันผวนกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 8ส.ค.2568ที่ระดับ 32.28 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจถูกชะลอแถวโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้ หลังราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทดสอบโซนแนวต้าน ซึ่งหากราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ชัดเจน
เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม เรามองว่า จังหวะการย่อตัวลงบ้างของราคาทองคำก็อาจพอช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ และหากราคาทองคำปรับตัวลงชัดเจน ก็จะสามารถเป็นอีกปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้เช่นกัน ซึ่งภาพดังกล่าวอาจเกิดขึ้น ในจังหวะที่ตลาดการเงินกลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง
หรือผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะหนุนให้เงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน โดยเรามองว่า อาจต้องรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวน Two-Way risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง) ขึ้นกับการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
ในเชิงเทคนิคัล เงินบาทยังคงมีโซนแนวรับแถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวต้านได้ขยับลงมาแถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านถัดไป
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.20-32.40 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.27-32.39 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ซึ่งปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยแม้ว่าบรรดาผู้เล่นในตลาดจะยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างมีนัยสำคัญ (ให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ราว 42% และโอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า ราว 79%)
ทว่า เงินดอลลาร์ก็เผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5-4 ให้ลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.00% ตามคาด (ต้องมีการโหวตถึง 2 รอบ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การประชุม BOE)
และส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง (ไม่ลดดอกเบี้ยเร็วหรือมากเกินไป) ทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ของ BOE คือ Hawkish Cut และปรับมุมมองใหม่ว่า BOE มีโอกาสราว 71% ที่จะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง ในปีนี้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันจากประเด็นการแต่งตั้ง Board of Governor (BoG) ของเฟด คนใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะมาแทน Adriana Kugler ที่ลาออกไป โดยผู้เล่นในตลาดมองว่า BoG คนใหม่ อาจมีแนวโน้มสนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด และสะท้อนความพยายามเข้ามาแทรกแซงการทำงานของธนาคารกลางจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ
บรรยากาศตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว และยังไม่รีบเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม และผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เลือกจะทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นบริษัทยาขนาดใหญ่ อย่าง Eli Lilly -14.1% หลังบริษัทรายงานผลการทดลองยาลดน้ำหนักที่น่าผิดหวัง ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.08%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นกว่า +0.92% โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน รวมถึงหุ้นธีม AI/Semiconductor อย่าง ASML +3.0% นอกจากนี้ ข่าวผลการทดลองยาลดน้ำหนักของ Eli Lilly
ที่ออกมาน่าผิดหวัง ได้หนุนให้ ราคาหุ้นบริษัทยาคู่แข่ง อย่าง Novo Nordisk พุ่งขึ้น +6.7% หนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป ขณะเดียวกัน ความหวังต่อแนวโน้มการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ก็มีส่วนช่วยหนุนบรรยากาศโดยรวมของตลาดหุ้นยุโรป
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังอยู่แถวระดับ 4.20%-4.25% หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ ผลการประมูลบอนด์ 30 ปี ซึ่งสะท้อนความต้องการของผู้เล่นในตลาดที่น้อยลง ก็มีส่วนกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง แต่การปรับตัวขึ้นก็เป็นไปอย่างจำกัด ท่ามกลางภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาด
อีกทั้ง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงชัดเจน อนึ่ง เรามองว่า ควรระวังความเสี่ยงที่ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง หากตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หรือบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง
โดยเราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ เนื่องจากเราคงคาดการณ์ว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง ตามการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง หลังเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตอบรับการลดดอกเบี้ย Hawkish Cut ของ BOE ซึ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOE อาจยังไม่เร่งรีบเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
สวนทางกับเฟดที่มีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ และลดดอกเบี้ยอีกเกือบ 3 ครั้ง ในปีหน้า ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลง สู่ระดับ 98.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.0-98.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศระมัดระวังตัวของตลาดการเงินสหรัฐฯ และการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ปรับตัวสูงขึ้นสู่โซน 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ แม้จะไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ทว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ BOE และในฝั่งไทย สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตามเช่นกัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.33-32.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบ แต่ทยอยอ่อนค่าเล็กน้อยตามจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเช้านี้ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวแข็งค่ากลับมา หลังมีรายงานว่า นาย คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด อาจได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานเฟดคนใหม่
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.15-32.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์สงครามการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไทย VS อินโดนีเซีย : วอลเลย์บอลหญิง ซี วี.ลีก 2025, เทียบสถิติ, ถ่ายทอดสด

การแข่งขันรายการ วอลเลย์บอลหญิง ซี วี.ลีก 2025 (SEA V.League 2025) สัปดาห์สอง ที่นินห์ บินห์ ยิมเนเซียม, จังหวัดนินห์บินห์ ประเทศเวียดนาม ช่วงระหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2568
“ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” แชมป์ในสัปดาห์แรก จะประเดิมสนามเกมแรกพบกับ อินโดนีเซีย ทีมอันดับ 56 ของโลก ที่กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาสร้างทีมอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจากสถิติที่พบกันที่ผ่านมา “สาวไทย” ทำได้เหนือกว่ามากเป็นฝ่ายเก็บชัยได้ทั้งหมด เราลองไปดูสถิติการพบกัน 5 ครั้งหลังสุดของทั้งสองทีมก่อนหน้านี้กัน
เฮดทูเฮด 5 ครั้งหลังสุด : ไทย ชนะ 5, อินโดนีเซีย ชนะ 0
10 สิงหาคม 2567 : ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 3-0 เซต (ซี วี.ลีก)
2 สิงหาคม 2567 : อินโดนีเซีย แพ้ ไทย 0-3 เซต (ซี วี.ลีก)
12 สิงหาคม 2566 : อินโดนีเซีย แพ้ ไทย 0-3 เซต (ซี วี.ลีก)
4 สิงหาคม 2566 : ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 3-0 เซต (ซี วี.ลีก)
9 พฤษภาคม 2566 : อินโดนีเซีย แพ้ ไทย 0-3 เซต (ซีเกมส์)
สำหรับ ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย จะลงเล่นพบกับ อินโดนีเซีย ในวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 15:45 น. แฟนๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง ช่อง ONE 31
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อันตรายจากการติดน้ำแข็ง เคี้ยวน้ำแข็งบ่อย มากเกินไป

โรคติดน้ำแข็ง เคี้ยวน้ำแข็งบ่อย หยุดไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณเสี่ยง!
อากาศร้อนขนาดนี้ ให้ดื่มน้ำอุ่นๆ ไปตลอดทั้งวันคงไม่ไหว แม้ว่าน้ำอุ่น หรือน้ำดื่มในอุณหภูมิห้องจะดีต่อร่างกายเพียงใด แต่การจะดับร้อนให้ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดายที่สุด คงหนีไม่พ้นการได้อยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน และการดื่มเครื่องดื่มเย็นเฉียบ ทีนี้ลองสังเกตตัวเอง และคนรอบข้างดูสิว่า เราบริโภคน้ำแข็งในแต่ละวันกันมากแค่ไหน ถึงขั้นว่าต้องมีน้ำแข็งติดตัวอยู่ตลอดเลยหรือไม่ ปากว่างเมื่อไรเป็นต้องเคี้ยวน้ำแข็งหรือเปล่า ถ้ามีอาการเหล่านี้อยู่บ้าง คุณอาจกำลังเสี่ยง โรคติดน้ำแข็ง
โรคติดน้ำแข็ง เคี้ยวน้ำแข็งบ่อย คืออะไร?
คุณหมอผิง หรือ พญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล ระบุว่า โรคติดน้ำแข็ง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โรค Pagophagia เป็นภาษากรีกมาจากคำว่า Pagos ที่แปลว่า น้ำแข็ง บวกกับ Phago ที่แปลว่า กิน เป็นอาการชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยมีนิสัยย้ำคิดย้ำทำกับการกินน้ำแข็งจนเกิดผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ
อาการของผู้ป่วยโรคติดน้ำแข็ง
อาการของผู้ป่วย โรคติดน้ำแข็ง จะมักบริโภคน้ำแข็งอยู่เป็นประจำ เสพติดการเคี้ยวน้ำแข็งตลอดทั้งวัน ไม่สามารถหยุดเคี้ยวได้ หรือมีความอยากจะเคี้ยวน้ำแข็งอยู่ตลอดเวลา มีอาการอยากเคี้ยวน้ำแข็งมากกว่าการอยากดื่มน้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจ เครื่องดื่มเย็นจัดก็ยังไม่อาจทำให้รู้สึกพึงพอใจได้ ต้องหาน้ำแข็งมาเคี้ยวเสียงดัง ส่วนใหญ่จะชอบเคี้ยว มากกว่าอมน้ำแข็งเฉยๆ
อันตรายของโรคติดน้ำแข็ง
- ฟันบิ่น หัก แตก หรืออาจฟันหลุดได้ หากมีอาการกัดก้อนน้ำแข็งไปเรื่อยๆ
- เมื่อเสพติดการเคี้ยวน้ำแข็ง บางคนอาจเคี้ยวเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว หรือไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนทำให้ดูเป็นเรื่องเสียมารยาทบนโต๊ะอาหาร
- นพ. วัลลภ พรเรืองวงศ์ ระบุว่า ผู้ที่ชอบเคี้ยวน้ำแข็งเป็นประจำ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น ความเครียด พฤติกรรมย้ำคิด-ย้ำทำ พัฒนาการผิดปกติในเด็ก เป็นต้น
- นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ ระบุว่า อาการชอบกินน้ำแข็ง เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โดย 50% ของผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการชอบเคี้ยวน้ำแข็ง แต่ก็ไม่เสมอไป ต้องมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
- หากเลือกบริโภคน้ำแข็งที่ไม่สะอาด คุณภาพต่ำว่ามาตรฐาน อาจเสี่ยงติดเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้ท้องร่วงท้องเสีย หรือติดพยาธิจากน้ำแข็งที่แช่อาหารสด รวมถึงสารพิษ สารเคมีอื่นๆ ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำแข็งที่ไม่สะอาดอีกด้วย
ชอบเคี้ยวน้ำแข็ง เสี่ยงโรคโลหิตจาง?
การเคี้ยว หรือทานน้ำแข็งจำนวนมาก ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง แต่อาการชอบเคี้ยวน้ำแข็ง เป็นหนึ่งในอาการของโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กต่างหาก
วิธีแก้ปัญหาติดเคี้ยวน้ำแข็ง
- บังคับตัวเองให้ค่อยๆ ลดปริมาณน้ำแข็งที่ทานในแต่ละวันลงเรื่อยๆ
- เลือกทานน้ำแข็งก้อนเล็ก และหลีกเลี่ยงการเคี้ยวน้ำแข็งที่ก้อนใหญ่ หรือแข็งมากเกินไป
- เลือกดื่มน้ำเย็นแทนการเคี้ยวน้ำแข็ง
- หากไม่สามารถควบคุมนิสัยการทานน้ำแข็งตลอดเวลาของตัวเองได้จริงๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจทั้งร่างกาย ว่าเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กหรือไม่ หรือมีปัญหาทางสุขภาพจิตหรือไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
GPT-5 AI พลิกโลก รวดเร็ว ฉลาดล้ำ ระดับผู้เชี่ยวชาญปริญญาเอก

OpenAI เปิดตัว GPT-5 ให้ใช้งานพร้อมกันทั่วโลก ครอบคลุมผู้ใช้ฟรีและแบบชำระเงิน ยกระดับความฉลาด ความเร็ว และความแม่นยำ รองรับงานซับซ้อนในทุกอุตสาหกรรม
OpenAI ประกาศเปิดตัว GPT-5 อย่างเป็นทางการ พร้อมให้บริการทันทีสำหรับผู้ใช้ ChatGPT ทุกระดับ ทั้งแบบฟรี Plus Pro และ Team โดยเตรียมขยายการเข้าถึงสู่กลุ่มองค์กร (Enterprise) และสถานศึกษาในสัปดาห์หน้า ถือเป็นครั้งแรกที่โมเดล AI ระดับสูงเช่นนี้เปิดให้ผู้ใช้ฟรีใช้งานได้อย่างกว้างขวาง
Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI อธิบายความก้าวหน้าของ GPT-5 ว่า หาก GPT-3 เปรียบได้กับนักเรียนมัธยม และ GPT-4o เทียบเท่านักศึกษามหาวิทยาลัย GPT-5 ก็เสมือนผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก ที่สามารถให้ความช่วยเหลือเชิงลึกในหลากหลายสาขา โดยได้รับการออกแบบให้ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม

หนึ่งในจุดเด่นสำคัญคือความสามารถด้านการคิดเชิงเหตุผล (reasoning) ที่ลึกซึ้งขึ้นในทุกคำตอบ โดยไม่กระทบต่อความเร็วการทำงาน GPT-5 สามารถประมวลผลและสร้างคำตอบที่ครบถ้วนแม่นยำ มีทักษะการเขียนโค้ดขั้นสูง ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างเว็บไซต์ไปจนถึงการพัฒนาโซลูชันซอฟต์แวร์เต็มรูปแบบ พร้อมกลไกตรวจสอบและปรับปรุงตัวเอง (self-improvement loop) ที่ช่วยลดข้อผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด
ด้านการสื่อสาร GPT-5 สามารถปรับน้ำเสียงและรูปแบบการเขียนให้สอดคล้องกับอารมณ์ผู้ใช้ ให้คำตอบด้านสุขภาพอย่างแม่นยำ และลดปัญหาการให้ข้อมูลผิดพลาดหรือ “ภาพหลอน” ที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการนำ AI มาใช้จริงในงานสำคัญ
ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งบุคลิกและอินเทอร์เฟซของโมเดลได้ตามต้องการ รวมถึงโหมดเรียนรู้ (study mode) และการทำงานแบบมัลติโหมด รองรับการประมวลผลข้อมูลจากภาพ เสียง และวิดีโอ ทำให้ ChatGPT กลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้าใจทั้งข้อมูลเชิงลึกและบริบททางอารมณ์
สำหรับนักพัฒนา GPT-5 มาพร้อม API ที่ทรงพลัง รองรับโมเดลหลายขนาด ได้แก่
สำหรับนักพัฒนา GPT-5 มาพร้อม API ที่ทรงพลัง รองรับโมเดลหลายขนาด ได้แก่ GPT-5, mini และ nano พร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น การตั้งค่าพารามิเตอร์ reasoning แบบ “minimal” เครื่องมือ custom tools และ context window ขนาดใหญ่ 400,000 โทเค็น เพื่อรองรับงานที่ต่อเนื่องและซับซ้อน
ในเชิงการใช้งานจริง GPT-5 ถูกนำไปประยุกต์ใช้แล้วในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ กฎหมาย การเงิน หรือภาครัฐ ด้วยศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลซับซ้อนในระดับผู้เชี่ยวชาญ สามารถย่นระยะเวลาการทำงานจากหลายวันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
, mini และ nano พร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น การตั้งค่าพารามิเตอร์ reasoning แบบ “minimal” เครื่องมือ custom tools และ context window ขนาดใหญ่ 400,000 โทเค็น เพื่อรองรับงานที่ต่อเนื่องและซับซ้อน
ในเชิงการใช้งานจริง GPT-5 ถูกนำไปประยุกต์ใช้แล้วในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ กฎหมาย การเงิน หรือภาครัฐ ด้วยศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลซับซ้อนในระดับผู้เชี่ยวชาญ สามารถย่นระยะเวลาการทำงานจากหลายวันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง
OpenAI ระบุว่า GPT-5 ผ่านการฝึกฝนด้วยเทคนิคใหม่ที่ผสานองค์ความรู้จากโมเดลรุ่นก่อน เพื่อสร้างวงจรการเรียนรู้แบบเรียกซ้ำ ส่งต่อความเข้าใจจากรุ่นสู่รุ่น เป้าหมายคือไม่เพียงพัฒนา AI ให้ตอบคำถามได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและเปลี่ยนแปลงการทำงานในทุกภาคส่วนอย่างมีนัยสำคัญ
สรุปจุดเด่นของ GPT-5
• ฉลาดขึ้นในทุกด้าน: ตอบคำถามได้ลึกกว่าเดิม ทั้งคณิต วิทย์ กฎหมาย การเงิน ฯลฯ
• คิดวิเคราะห์ได้: ChatGPT สามารถ “คิดให้ลึก” เมื่อจำเป็น ไม่ใช่แค่ตอบอย่างผิวเผิน
• เก่งเขียนโค้ด: สร้าง UI, debug, และเขียนโปรแกรมได้แม่นยำกว่า
• พาร์ตเนอร์งานเขียนมืออาชีพ: ช่วยเขียนอย่างมีสไตล์และเข้าใจเจตนา
• คำตอบด้านสุขภาพดีขึ้น: มีความแม่นยำมากขึ้นและให้คำแนะนำอย่างปลอดภัย
• เชื่อถือได้: ระบบมีความปลอดภัยสูง และลดความคลาดเคลื่อนในการตอบ
ฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT-5 (พร้อมใช้แล้ว)
• เลือก บุคลิก (personality) และ ธีมสีแชท
• ควบคุม เสียงพูด / การออกเสียง
• โหมดเรียนรู้ (Study Mode): ช่วยสอนเป็นขั้นตอน
• เชื่อมต่อกับ Gmail / Google Calendar เพื่อให้ตอบตามชีวิตจริงของคุณ
สำหรับนักพัฒนา (Dev & API)
• รองรับ Text & Vision (เข้าใจข้อความและรูปภาพ)
• คอนเท็กซ์ยาวถึง 256K tokens
• เพิ่มพารามิเตอร์ verbosity (ความละเอียด) และ minimal reasoning
โมเดลให้เลือก 3 ระดับ
GPT-5 (Main): $1.25 / $10 ต่อ 1 ล้าน tokens
GPT-5 mini: $0.25 / $2.00
GPT-5 nano: $0.05 / $0.40
สำหรับองค์กร
• ใช้ GPT-5 กับ ไฟล์บริษัท / แอปภายใน ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน permissions
• ทำงานร่วมกับ Google Drive, SharePoint ฯลฯ
• เปิดให้ใช้แล้วใน ChatGPT Team, และจะมาถึง Enterprise และการศึกษาวันที่ 14 สิงหาคม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รวมคำศัพท์ 50 Feeling Words บอกอารมณ์ภาษาอังกฤษ พร้อมรูปภาพ

เมื่อลูกน้อยอายุ 2-3 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมสร้างพัฒนาการด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ พร้อมเรียนรู้คำศัพท์ง่ายๆ ควบคู่ไปด้วยกันได้ เพราะเป็นช่วงอายุที่เหมาะแก่การเริ่มต้นจดจำและเรียนรู้ภาษาที่ 2 โดยสามารถใช้คำศัพท์บอกอารมณ์และความรู้สึกที่เป็นเรื่องใกล้ตัว เพื่อให้เด็กๆ ได้อธิบายถึงสิ่งที่ตนเองรู้สึกในแต่ละสถานการณ์ได้ ซึ่งในบทความนี้ได้รวบรวม Feeling Words คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกพร้อมรูปภาพ รวมไปถึงตัวอย่างประโยคถามความรู้สึก ประกอบกับคำอ่านและคำแปล ให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำไปสอนเด็กๆ ต่อได้เลย

รวม 50 คำศัพท์บอกอารมณ์และความรู้สึก
มาดู 50 Emotions and feelings vocabulary คำศัพท์สำหรับนำไปพูดในขณะที่เด็กๆ มีการแสดงสีหน้าหรือแสดงออกทางอารมณ์ ซึ่งจะทำให้เด็กได้ซึมซับและจดจำคำศัพท์ได้ดีขึ้นเมื่อตนเองได้อยู่ในสถานการณ์นั้นๆ เช่น เมื่อเด็กๆ ยิ้มหรือหัวเราะ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถพูดคำว่า Happy ซ้ำๆ ได้ เป็นต้น
1. Happy
- คำอ่าน: แฮพ’พี
- คำแปล: (adj.) สุขใจ สบายใจ เบิกบาน ยินดี เป็นสุข
2. Glad
- คำอ่าน: แกลด
- คำแปล: (adj.) น่ายินดี ดีใจ ปีติ เบิกบาน ชื่นชม
3. Cheerful
- คำอ่าน: เชียร์’ฟูล
- คำแปล: ยินดี ชื่นบาน เบิกบานใจ ปลื้มปีติ ดีใจ
4. Agreeable
- คำอ่าน: อะกรี’ อะเบิล
- คำแปล: (adj.) น่าคบ น่าพอใจ เต็มใจหรือพร้อมที่จะตกลง เห็นด้วย
5. Bliss
- คำอ่าน: บลิส
- คำแปล: (adj.) เต็มไปด้วยความสุข
6. Angry
- คำอ่าน: แอง’ กรี
- คำแปล: (adj.) โกรธ ฉุนเฉียว
7. Annoyance
- คำอ่าน: อะนอย’ เอินซฺ
- คำแปล: (n.) การรบกวน ความน่ารำคาญ
8. Bored
- คำอ่าน: บอร์’ด
- คำแปล: (adj.) ที่น่าเบื่อ
9. Hurt
- คำอ่าน: เฮิร์ท
- คำแปล: (n.) ความเจ็บปวด อันตราย บาดแผล
10. Hopeless
- คำอ่าน: โฮพ’ลิส
- คำแปล: (adj.) ไร้ความหวัง ไม่มีหวัง สิ้นหวัง หมดหนทาง
11. Woe
- คำอ่าน: โว
- คำแปล: (n.) ความเศร้าโศก ความทุกข์ ความลำบาก ความเสียใจ
12. Funny
- คำอ่าน: ฟัน’นี
- คำแปล: (adj.) น่าขัน ตลก สนุกสนาน น่าหัวเราะ
13. Joy
- คำอ่าน: จอย
- คำแปล: (n.) ความยินดี ความปีติ ความสนุกสนาน ความรื่นเริง
14. Excited
- คำอ่าน: เอคไซ’ทิด
- คำแปล: (adj.) ตื่นเต้น ร้อนใจ เร่าร้อน คล่องขึ้น กระฉับกระเฉง
15. Euphoria
- คำอ่าน: ยูฟอ’เรีย
- คำแปล: (n.) ความรู้สึกสนุกสนาน ตื่นเต้น
16. Upset
- คำอ่าน: อัพเซท’
- คำแปล: (n.) ความปั่นป่วน ความรำคาญ อารมณ์เสีย
17. Unsafe
- คำอ่าน: อันเซฟ’
- คำแปล: (adj.) ไม่ปลอดภัย เป็นอันตราย
18. Uncomfortable
- คำอ่าน: อันคัม’เฟิร์ททะเบิล
- คำแปล: (adj.) ไม่สบาย อึดอัด เจ็บปวด เคร่งเครียด
19. Awful
- คำอ่าน: ออ’ฟูล
- คำแปล: (adj.) น่ากลัว น่ายำเกรง น่าเกรงขาม
20. Aggressive
- คำอ่าน: อะเกรส’ซิฟว
- คำแปล: (adj.) ก้าวร้าว แข็งขัน
21. Adoration
- คำอ่าน: อะดอ’ เรเชิน
- คำแปล: (adj.) การบูชา การเคารพ ความคลั่งรัก
22. Brave
- คำอ่าน: เบรฟว
- คำแปล: (adj.) กล้า กล้าหาญ ไม่เกรงกลัว อาจหาญ อดทน
23. Calm
- คำอ่าน: คาล์ม
- คำแปล: (adj.) เงียบสงบ ใจเย็น ไม่ตื่นเต้น
24. Confused
- คำอ่าน: คันฟิวซ’
- คำแปล: (adj.) รู้สึกสับสน
25. Envy
- คำอ่าน: เอน’วี
- คำแปล: (n.) ความอิจฉา ความริษยา ความอิจฉาริษยา
26. Fear
- คำอ่าน: เฟียร์
- คำแปล: (vt.) กลัว หวาดกลัว เกรงกลัว วิตกกังวล ไม่กล้า
27. Furious
- คำอ่าน: ฟิว’เรียส
- คำแปล: (adj.) โกรธ บ้าระห่ำ มีอารมณ์รุนแรง
28. Gloomy
- คำอ่าน: กลูม’มี
- คำแปล: (adj.) มืดมัว เศร้าใจ หมดหวัง
29. Grumpy
- คำอ่าน: กรัม’พี
- คำแปล: (adj.) อารมณ์เสีย
30. Hopeful
- คำอ่าน: โฮพ’ฟูล
- คำแปล: (adj.) มีหวัง เต็มไปด้วยความหวัง
31. Enjoy
- คำอ่าน: เอนจอย’
- คำแปล: (adj.) สนุก เพลิดเพลิน พอใจ
32. Kindly
- คำอ่าน: ไคดฺ’ลี
- คำแปล: (adj.) (adv.) เมตตา กรุณา ปรานี ใจดี หวังดี มีใจเป็นมิตร
33. Lazy
- คำอ่าน: เล’ซิ
- คำแปล: (adj.) เกียจคร้าน เฉื่อยชา เชื่องช้า
34. Lonely
- คำอ่าน: โลน’ลี
- คำแปล: (adj.) โดดเดี่ยว สันโดษ อ้างว้าง วังเวง
35. Mad
- คำอ่าน: แมด
- คำแปล: (adj.) บ้า บ้าคลั่ง คลั่งไคล้ โวยวาย ฟั่นเฟือน วิกลจริต
36. Merry
- คำอ่าน: เมอ’รี
- คำแปล: (adj.) ร่าเริง ครึกครื้น สนุกสนาน เบิกบาน เพลิดเพลิน
37. Nice
- คำอ่าน: ไนสฺ
- คำแปล: (adj.) ดี อ่อนโยน
38. Numb
- คำอ่าน: นัมบฺ
- คำแปล: (adj.) มึนงง งง มึน ไม่รู้สึก
39. Outgoing
- คำอ่าน: เอาทฺ’โกอิง
- คำแปล: (adj.) ที่เข้าสังคมได้ง่าย
40. Overwhelmed
- คำอ่าน: โอ’เวอะเวล์ม
- คำแปล: (vt.) ครอบงำ ทำให้ตกตะลึงมาก
41. Panic
- คำอ่าน: แพน’นิค
- คำแปล: (adj.) หวั่นวิตก
42. Proud
- คำอ่าน: เพราดฺ
- คำแปล: (adj.) ภูมิใจ หยิ่งจองหอง อวดดี ถือทิฐิ ยโส
43. Quiet
- คำอ่าน: ไค’อิท
- คำแปล: (adj.) สงบ เงียบ เรียบๆ นิ่งเฉย เงียบสงัด
44. Queasy
- คำอ่าน: ควี’ซี
- คำแปล: (adj.) คลื่นเหียนอาเจียน อึดอัดใจ ไม่สบายใจ
45. Relief
- คำอ่าน: รีลีฟ’
- คำแปล: (n.) ความผ่อนคลาย ความบรรเทา ความโล่งอก การผ่อนคลาย การปลดปล่อย
46. Rejection
- คำอ่าน: รีเจค’เชิน
- คำแปล: (n.) การปฏิเสธ การทิ้ง การบอกปัด
47. Shock
- คำอ่าน: ชอค
- คำแปล: (vt.) ทำให้สะเทือน ทำให้สะดุ้ง กระตุก ตะลึง จู่โจม
48. Terror
- คำอ่าน: เท’เรอะ
- คำแปล: (n.) ความตกใจกลัว ความน่ากลัว ความสยองขวัญ
49. Vicious
- คำอ่าน: วิช’เชิส
- คำแปล: (adj.) ชั่วร้าย เลวทราม ผิดพลาด บกพร่อง โหดร้าย
50. Wonder
- คำอ่าน: วัน’เดอะ
- คำแปล: (vt.) ประหลาดใจ อัศจรรย์ใจ สนเท่ห์ พิศวง งงงวย สงสัย กังขา
ตัวอย่างประโยคถามความรู้สึก
เมื่อเด็กๆ เริ่มคุ้นชินกับคําศัพท์ที่คุณพ่อคุณแม่พูดบ่อยๆ แล้ว อาจจะเริ่มถามความรู้สึกให้เป็นประโยคยาวขึ้น เพื่อเพิ่มทักษะการฟัง และการสื่อสารภาษาอังกฤษให้แก่เด็กมากยิ่งขึ้น
ประโยคคำถาม | ความหมาย |
Are you OK? | คุณโอเคไหม? |
Are you alright? | คุณเป็นไรหรือเปล่า? |
How are you feeling? | คุณรู้สึกอย่างไร? |
How’s it going? | เป็นอย่างไรบ้าง? |
How are you doing? | เป็นอย่างไรบ้าง? |
ขอบคุณข้อมูลจาก speakuplanguagecenter.com
หมากเม่า ผลไม้พื้นบ้าน เสริมภูมิคุ้มกัน ชะลอวัยแบบไม่ง้อสารเคมี

หมากเม่า คือสมุนไพรพื้นบ้านที่หลายคนมองข้าม แต่ความจริงแล้วเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะสารแอนโทไซยานินซึ่งเด่นเรื่องต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิว ชะลอวัย ลดสิว และดูแลสุขภาพหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพ
หมากเม่าคืออะไร
หมากเม่า หรือที่รู้จักในชื่อท้องถิ่นภาคอีสาน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Antidesma bunius เป็นพืชไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง พบได้ทั่วไปในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย นิยมปลูกตามบ้านหรือพบตามป่าเบญจพรรณ ผลของหมากเม่าจะเป็นพวงขนาดเล็ก รูปร่างกลม ขนาดใกล้เคียงลูกเกด เมื่อดิบจะมีรสเปรี้ยวจัด แต่เมื่อสุกจะมีรสอมหวานฝาดเล็กน้อย สีของผลสุกจะเป็นม่วงเข้มถึงดำ ซึ่งเป็นแหล่งของสารแอนโทไซยานินตามธรรมชาติ
คนโบราณมักใช้หมากเม่า เป็นส่วนหนึ่งของยาไทย เช่น ลดไข้ ขับปัสสาวะ หรือบำรุงเลือด ปัจจุบันนิยมนำไปแปรรูปเป็นน้ำหมากเม่า แยม หรือไวน์หมากเม่า
หมากเม่ามีประโยชน์อย่างไร?
ช่วยต้านสิว
สารแอนโทไซยานินในหมากเม่า มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ช่วยควบคุมความมันบนผิวหนัง และลดการเกิดสิวอุดตัน หากกินเป็นประจำจะช่วยปรับสมดุลภายใน ทำให้ผิวดูแข็งแรงขึ้นและลดปัญหาสิวเรื้อรัง
บำรุงสายตา
หมากเม่า มีวิตามินเอในระดับสูง ช่วยบำรุงจอประสาทตา และลดความเสื่อมของเลนส์ตาจากแสงแดดและหน้าจอ ยิ่งไปกว่านั้น สารแอนโทไซยานินยังมีบทบาทในการลดโอกาสการเกิดต้อกระจก และบำรุงหลอดเลือดฝอยในตาให้แข็งแรง
เสริมภูมิคุ้มกัน
ในหมากเม่ามีวิตามินซีสูง ช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นด่านแรกของระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหวัดบ่อยหรือมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง การกินหมากเม่าเป็นประจำสามารถช่วยฟื้นฟูพลังงานและลดความถี่ของการเจ็บป่วย
ชะลอวัย ลดความเสื่อมของเซลล์
แอนโทไซยานินจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมในหมากเม่า ซึ่งช่วยลดการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุของริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ และโรคเรื้อรังต่างๆ รวมถึงช่วยยืดอายุเซลล์ผิวให้ดูสดใสอ่อนวัย
บำรุงหัวใจและหลอดเลือด
ผลการศึกษาหลายแห่งระบุว่า หมากเม่าช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และลดการเกิดลิ่มเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ลดความดันโลหิต และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
กินหมากเม่าอย่างไรให้ได้ประโยชน์
การบริโภคหมากเม่า ควรเลือกวิธีที่คงสารอาหารไว้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะแอนโทไซยานินที่ไวต่อความร้อนและแสง
- กินผลสด (แต่ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะอาจฝาดลิ้น)
- น้ำหมากเม่าสกัดเย็น ไม่เติมน้ำตาล
- หมากเม่าอบแห้ง ทานกับซีเรียล โยเกิร์ต หรือข้าวโอ๊ต
- หลีกเลี่ยงน้ำหมากเม่าที่เติมน้ำตาลสูงหรือแปรรูป
ใครควรระวังการกินหมากเม่า
- ผู้ป่วยโรคไตระยะรุนแรง เพราะหมากเม่ามีโพแทสเซียมสูง อาจทำให้ไตทำงานหนัก
- ผู้เป็นเบาหวาน ควรเลือกแบบไม่หวาน ไม่เติมน้ำตาล
- ผู้มีภาวะกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยงการกินขณะท้องว่าง เพราะมีรสเปรี้ยว
หมากเม่าต่างจากบลูเบอร์รี่ยังไง?
แม้หน้าตาจะคล้ายบลูเบอร์รี่ แต่หมากเม่ามีรสฝาดมากกว่า มีไฟเบอร์สูงกว่า และเป็นผลไม้ท้องถิ่นที่ปรับตัวได้ดีในสภาพอากาศร้อน จึงเหมาะเป็นทางเลือกสุขภาพสำหรับคนไทยที่ต้องการผลไม้ต้านอนุมูลอิสระราคาประหยัด
หมากเม่าเป็นมากกว่าผลไม้พื้นบ้าน แต่คือสมุนไพรที่อัดแน่นด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งผิวพรรณ สายตา หัวใจ ภูมิคุ้มกัน และการชะลอวัย เมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกวิธีการกินที่ดี ก็สามารถนำมาปรับเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มสุขภาพประจำวันได้อย่างลงตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 08/08/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 51,850.00 | 51,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,352.00 | 50,816.32 | 52,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 3,016.80 | 45,734.69 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,681.60 | 40,653.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,508.40 | 22,867.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,173.20 | 17,785.71 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,473.58 | 52,659.47 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/08/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.85 | 32.85 | 33.35 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.48 | 32.48 | 32.98 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.64 | 30.64 | 31.14 | 30.64 | 30.64 | – | 30.64 | 30.64 | 30.64 | 30.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.99 | 28.99 | – | – | – | – | – | – | – | 28.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.44 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 41.44 |
เบนซิน 95 | 41.14 | – | – | – | 49.81 | – | 41.64 | 41.29 | – | 41.14 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | – | 18.55 |