สาระน่ารู้ประจำวันที่ 19 สิงหาคม 2568

ดอกเบี้ยลดปัจจัยรอง! GDP-เรียลดีมานด์หนุนรับสร้างบ้านครึ่งปีหลัง

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเผยตลาดครึ่งปีหลังมีแรงส่งสำคัญ 6 ประการ โดยเฉพาะปัจจัยด้านดอกเบี้ยและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ที่จะเข้ามาเป็นตัวแปรพลิกเกม

สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความท้าทายและถือเป็นปีที่ค่อนข้างเหนื่อยสำหรับผู้ประกอบการ จากปัจจัยเศรษฐกิจ การเมือง และต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ตลาดโดยรวมมีมูลค่าหดตัวลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 96,000 ล้านบาท ขณะที่เมื่อเทียบกับมูลค่า 107,000 ล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2567 นั้น แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญอย่างชัดเจน

นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) กล่าวว่า การหดตัวของตลาดส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าลดลงจาก 25% ในปี 2567 เหลือ 20% ในปี 2568 ในขณะที่ตลาดต่างจังหวัดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 80% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการกระจายตัวของกำลังซื้อที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจและภาวะตลาดที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค

ดอกเบี้ยลดไม่ได้ชี้ขาด แต่มีผลในบางระดับราคา

เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ หลายคนอาจมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ในมุมมองของธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น ปัจจัยด้านดอกเบี้ยมีผลที่แตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มลูกค้า

นายอนันต์กร เปิดเผยว่า การลดดอกเบี้ย 0.25% ล่าสุด มีผลกระทบอย่างมากกับตลาดอสังหาฯ โดยรวม แต่สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านนั้นผลกระทบอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของสมาคมฯ เป็นกลุ่มที่สร้างบ้านในระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 70% ของยอดขายทั้งหมด ลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูง ไม่ได้พึ่งพาการกู้ยืมเงินจากธนาคารมากนัก หรือหากมีการกู้ยืมก็จะเป็นการกู้ในสัดส่วนที่น้อยและมีแนวโน้มที่จะปิดบัญชีสินเชื่อได้เร็วกว่ากำหนด ซึ่งทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยมากนัก

อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังมีผลดีต่อกลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านในระดับราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสัดส่วน 5% และต้องพึ่งพาสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างเป็นหลัก โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลง ทำให้การตัดสินใจสร้างบ้านง่ายขึ้น นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษให้กับลูกค้าที่ทำสัญญากับบริษัทสมาชิก ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน “แรงส่ง” ที่สำคัญที่จะกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง

แม้ว่าปัจจัยด้านดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบที่แตกต่างกันไป แต่ปัจจัยภาพรวมทางเศรษฐกิจยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางของตลาดรับสร้างบ้าน ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ตลาดได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ในครึ่งปีหลัง สมาคมฯ มองเห็นสัญญาณบวกที่จะเข้ามาสนับสนุนให้ตลาดกลับมาฟื้นตัวได้

“ภาพรวมเศรษฐกิจ-ดีมานด์ที่แท้จริง” ขับเคลื่อนครึ่งปีหลัง

นายอนันต์กร ได้กล่าวว่า มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านที่หดตัว 10% ในช่วงครึ่งปีแรกนั้น เป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับภาพรวมของ GDP ที่ผันผวนและไม่เติบโตตามเป้าหมาย ที่ควรจะเป็น โดยในช่วงเศรษฐกิจดีตัวเลขจะสูงขึ้น ขณะที่ช่วงเศรษฐกิจไม่ดีตัวเลขก็จะลดลงตาม ตัวเลขดังกล่าวจึงสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ เชื่อว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากปัจจัยสำคัญคือ “ดีมานด์ที่แท้จริง” (Real Demand) ของผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง และแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้น นายอนันต์กรเชื่อว่าความต้องการที่แท้จริงนี้จะกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยยกระดับสถานการณ์ธุรกิจให้ดีขึ้น และจะเห็นได้จากสถิติใบอนุญาตก่อสร้างที่แม้จะผันผวนบ้าง แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจจากการปรับเป้าประมาณการ GDP เพิ่มขึ้นเป็น 1.8-2.3% ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

ทั้งนี้ แม้จะมีปัจจัยบวกจากสถาบันการเงิน แต่ทางสมาคมฯ ยังคงมีข้อเสนอแนะถึงภาครัฐ โดยเฉพาะธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งมีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เช่น โครงการสินเชื่อบ้านจัดสรรต่างๆ อย่าง “แฮปปี้โฮม” ทางสมาคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ธอส. จะพิจารณาขยายขอบเขตการสนับสนุนสินเชื่อในโครงการต่างๆ ให้ครอบคลุมถึง “บ้านที่ปลูกสร้างเอง” ด้วย เนื่องจากปัจจุบันโครงการส่วนใหญ่เน้นการสนับสนุนที่อยู่อาศัยในรูปแบบบ้านจัดสรรเป็นหลัก

โดยสมาคมฯ มองว่ากลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านเองก็เป็นกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงไม่แพ้กัน และยังเป็นกลุ่มที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น หาก ธอส. สามารถขยายขอบเขตการให้สินเชื่อดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออาจจัดสรรวงเงินเฉพาะสำหรับสินเชื่อเพื่อการปลูกสร้างบ้าน ซึ่งทางสมาคมฯ ได้เสนอแนะตัวเลขวงเงินที่เหมาะสม 10,000 ล้านบาท โดยจะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมกำลังซื้อในภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านที่มีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โนเบิล เผยครึ่งปีแรกรายได้ 3,402.1 ล้าน Backlog 25,200  ล้านรับรู้รายได้ ต่อเนื่อง 4 ปี

โนเบิล เผยครึ่งปีแรก 2568 รายได้ 3,402.1 ล้านบาทมั่นใจครึ่งปีหลังแข็งแกร่งจากโครงการสร้างเสร็จ 4 โครงการ และแคมเปญทางการตลาด พร้อมตุน Backlog ในมือแล้วกว่า 25,200 ลบ. จ่อรับรู้รายได้ ต่อเนื่อง 4 ปี

แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เผชิญแรงกดดันเศรษฐกิจ แต่ในทางกลับกันยังสร้างผลการดำเนินงานเติบโต เช่นเดียวกับ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ “NOBLE” งบครึ่งปีแรก รายได้ 3,402 ล้านบาท กำไร 27 ล้านบาท แต่ยอดโอนโครงการแนวราบยังเติบโตได้ และสามารถปิดการขาย 3 โครงการใหญ่รวมมูลค่า 4,700 ล้านบาท เตรียมพร้อมโอน 4 โครงการสร้างเสร็จมูลค่า Backlog กว่า 8,600 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง เสริมกลยุทธ์รุกตลาด พร้อมขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NOBLE” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยบริษัท ฯ มีรายได้รวม 3,402.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 27.2 ล้านบาท ลดลง 23.1% และ 86.6% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อน

สาเหตุหลักมาจากการปรับกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย ทำให้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าอีกทั้งยังไม่มีโครงการคอนโดสร้างเสร็จใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดี ยอดโอนของโครงการแนวราบ (รวมคอนโดมิเนียมไม่เกิน 8 ชั้น) ยังคงแข็งแกร่งและมียอดขายต่อเนื่อง โดยมียอดโอนกรรมสิทธิ์แนวราบรวม 1,524 ล้านบาท เติบโต 25.2% จากปีก่อนหน้า

ส่วนใหญ่มาจากโครงการแนวราบที่ได้รับการตอบรับอย่างดีอย่าง โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย และ โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ ขณะที่ยอดขาย (Presale) ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2,289.3 ล้านบาท จากหลายโครงการเด่น อาทิ นิว เอปิค อโศก – พระราม 9, ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส และ นิว โคสต์ คูคต สเตชัน

ในช่วงครึ่งปีหลัง NOBLE ตั้งเป้าการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งโครงการแนวราบที่ยังคงมีทิศทางบวก และการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ 4 โครงการ มูลค่า Backlog รวมกว่า 8,600 ล้านบาท ได้แก่ นิว อีโว อารีย์ ซึ่งจะเริ่มโอนสิ้นเดือนสิงหาคมนี้, โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ, โนเบิล ครีเอท ที่จะเริ่มโอนสิ้นเดือนกันยายน และ นิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ โดยทุกโครงการมีความคืบหน้างานก่อสร้างแล้วกว่า 95% และอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด

เพื่อให้ส่งมอบได้ตามมาตรฐานสูงสุดของบริษัท พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดเชิงรุกเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญ “Flash Nue จ่ายครึ่งเดียว อยู่ได้เลย” ใน 3 โครงการ ได้แก่ นิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง, นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น และ นิว เมกา พลัส บางนา เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงที่มองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่คุ้มค่า และนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คุณภาพ

ด้าน นายศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวเสริมว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังชะลอตัวและกำลังซื้อในประเทศเผชิญแรงกดดันจากค่าครองชีพและมาตรการสินเชื่อที่เข้มงวด แต่ NOBLE ยังคงรักษาศักยภาพในการดำเนินงานและสร้างยอดโอนได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 บริษัทสามารถปิดการขายโครงการหลักครบ 3 แห่ง

ได้แก่ นิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา ซึ่งโอนกรรมสิทธิ์ครบตั้งแต่ไตรมาส 1, นิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าว และ นิว ครอส คูคต สเตชัน (เฟสแรกของ “คูคตมหานคร”) ซึ่งมีการโอนกรรมสิทธิ์ครบ 100% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน บริษัทฯ เป็นผู้บริหารโครงการให้กับพันธมิตรหลังจากมีการขายไปตั้งแต่ปี 2566 การปิดโครงการทั้ง 3 แห่งรวมมูลค่ากว่า 4,700 ล้านบาท

ไม่เพียงสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารโครงการและส่งมอบงานตามแผน แต่ยังช่วยรักษาระดับกระแสเงินสดและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ขณะเดียวกันยังตอกย้ำความสามารถของบริษัทในการปรับตัวต่อสภาวะตลาด พร้อมต่อยอดความสำเร็จสู่การพัฒนาเฟสถัดไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการใหม่ในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น

ด้านสถานะทางการเงิน NOBLE ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยได้ชำระคืนหุ้นกู้และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินครบตามกำหนดในครึ่งปีแรก ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังไม่มีแรงกดดันด้านสภาพคล่อง อีกทั้งหลังจากโครงการหลักอย่างนิว อีโว อารีย์, โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ, โนเบิล ครีเอท และ นิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ จะช่วยเสริมสภาพคล่องและเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากการบริหารโครงสร้างทางการเงินอย่างรอบคอบแล้ว บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยคงความแข็งแกร่งในตลาดหลัก ได้แก่ ไต้หวัน จีน และเมียนมา ควบคู่กับการรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เช่น รัสเซีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อรองรับความต้องการลงทุนและอยู่อาศัยในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างรายได้และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 19ส.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.54 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าอย่างจำกัด เหตุตลาดบางส่วนรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน หากราคาทองไม่ปรับตัวลงต่อชัดอาจชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 19ส.ค.2568ที่ระดับ  32.54 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.46 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะทยอยอ่อนค่าลงบ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา แต่เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน

นอกจากนี้ หากราคาทองคำพลิกกลับมารีบาวด์สูงขึ้นบ้าง หรืออย่างน้อยไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อชัดเจน ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ และที่สำคัญ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังไม่รีบปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ต่างๆ จนกว่าจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ

อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ (รับรู้วันพฤหัสฯ นี้) และถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell (รับรู้วันศุกร์นี้) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดได้พอสมควร

ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดมาพอสมควรแล้ว โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ไม่ถึง 15% หรืออาจพอบอกได้ว่า ผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้

เรามองว่า มุมมองดังกล่าวก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน หากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง (ต้องรอลุ้น รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ที่จะออกมาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน)

ทำให้แม้ว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดอาจไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนกันยายน อย่างที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่

เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดก็อาจไม่ได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปมากนัก จนกว่าจะรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อมากนัก ในสัปดาห์นี้

สะท้อนความเสี่ยงที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงต่อชัดเจน พร้อมกับการอ่อนค่าลงหนักของเงินบาทที่ไม่มากนัก โดยเราประเมินว่า หากเงินบาทอ่อนค่าลงจริงในกรณีดังกล่าวนั้น ก็อาจติดอยู่แถวโซนแนวต้าน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.60 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงในลักษณะ Sideways Up ทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.44-32.55 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาด ก่อนที่จะรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงามสัมนาวิชาการประจำปีของเฟด (Jackson Hole Symposium) ในช่วงราว 21.00 น. ของคืนวันที่ 22 สิงหาคม นี้ ตามเวลาประเทศไทย

 โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ราว 13% ขณะที่ในส่วนของปี 2026 นั้น ผู้เล่นในตลาดยังคงให้โอกาสราว 80% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง ทั้งนี้ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมจะอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว

 ทว่า การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางความหวังการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยมีสหรัฐฯ เป็นตัวกลาง ก็มีส่วนกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องทดสอบโซนแนวรับ และเป็นอีกปัจจัยที่มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว (Buy on Dip) ของผู้เล่นในตลาด

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดในงาน Jackson Hole Symposium และรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองหุ้นสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.01%

างฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.08% หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตามแนวโน้มการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นตัวกลาง โดยล่าสุดจะเป็นการเจรจาระหว่างผู้นำยูเครนกับผู้นำสหรัฐฯ หลังการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับผู้นำรัสเซียได้จบลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 อนึ่ง ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของ Novo Nordisk +6.6% หลังยา Wegovy ได้รับการอนุมัติจาก FDA ของสหรัฐฯ ในการรักษาโรคตับชนิดรุนแรง นอกจากนี้ การประกาศกฎระเบียบใหม่สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมจากทางการสหรัฐฯ ซึ่งมีความเข้มงวดน้อยกว่าที่ตลาดกังวล ก็มีส่วนช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือก  อาทิ Vestas +15.1%

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นและทรงตัวเหนือโซน 4.30% อีกครั้ง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง

โดยเราคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความเสี่ยงที่ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง หากตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หรือบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้

 อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งอาจไม่ได้ส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะการประชุม FOMC ในเดือนกันยายน อย่างชัดเจน ตามที่ตลาดกำลังคาดหวัง

 ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ เนื่องจากเราคงคาดการณ์ว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง ตามการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด (คาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยจนถึงระดับ 3.00-3.25%)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน 148 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ตามส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นที่กว้างมากขึ้น ทว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของเงินดอลลาร์

 อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้น สู่ระดับ 98.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.9-98.2 จุด)

 ในส่วนของราคาทองคำ การปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเฟดของบรรดาผู้เล่นในตลาด ได้หนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น และกดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ปรับตัวลดลงเข้าใกล้โซนแนวรับระยะสั้นแถว 3,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังคงเห็นแรงซื้อทองคำ Buy on Dip จากบรรดาผู้เล่นในตลาดอยู่ ซึ่งช่วยพยุงให้ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงหนัก  

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลตลาดบ้านสหรัฐฯ อาทิ ยอด Building Permits และยอด Housing Starts ในเดือนกรกฎาคม พร้อมรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น และผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดการค้าระหว่างประเทศในเดือนกรกฎาคม ทั้งยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports & Imports)

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกของสหรัฐฯ รวมถึงติดตามพัฒนาการของการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่สหรัฐฯ พยายามเป็นตัวกลางในการเจรจา

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.52-32.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.02 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทและสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชียอ่อนค่าลง สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ปรับตัวขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ขณะที่ ตลาดทยอยปรับลดโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่า 25 bps. ในการประชุมเดือนก.ย. (แต่ยังคงคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 25 bps.) และกลับมารอติดตามสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ ของประธานเฟดจากที่ประชุมสัมมนาประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด 


สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.40-32.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกจากประเด็นการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค.ของสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


AIS PLAY ยิงสดวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 เริ่ม 22 ส.ค.นี้

AIS PLAY คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 ครั้งแรกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ชมครบ 64 แมตช์ เริ่ม 22 ส.ค.นี้

แฟนวอลเลย์บอลไทยเตรียมส่งแรงใจเชียร์นักตบสาวทีมชาติอย่างใกล้ชิด เมื่อ AIS PLAY ประกาศถ่ายทอดสดการแข่งขัน “วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025” (2025 FIVB Volleyball Women’s World Championship) แบบเอ็กซ์คลูซีฟครบทุกแมตช์ ระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม – 7 กันยายน 2568

ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดศึกยิ่งใหญ่ระดับโลกนี้

ผู้ชมสามารถติดตามได้เต็มอรรถรสทั้งการถ่ายทอดสด 64 แมตช์ ย้อนหลังเต็มเกม และคลิปไฮไลต์ทุกช็อตสำคัญ ครอบคลุมทุกช่องทางของ AIS PLAY ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน AIS PLAY, กล่อง AIS PLAYBOX, เว็บไซต์ AIS PLAY รวมถึง Smart TV, Apple TV และกล่อง 3BB GIGA TV

ตอกย้ำบทบาทของ AIS PLAY ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการถ่ายทอดสดกีฬาที่เข้าถึงผู้ชมได้ทุกที่ทุกเวลา

ลูกค้าที่สมัครใช้งานแพ็กเกจ AIS PLAY (ยกเว้นแพ็กเกจ PLAY MONOMAX Standard) สามารถรับชมได้ทันที พร้อมทางเลือกสมัครแพ็กเกจเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ AIS  เพื่อร่วมเชียร์ทัพนักตบสาวไทยกับเส้นทางล่าเหรียญรางวัลครั้งประวัติศาสตร์สู่การเป็นแชมป์โลกไปพร้อมกันทั่วประเทศ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


10 วิธีดูแลสุขภาพจิตง่ายๆ ในวันที่ใจเหนื่อยล้าจากการเรียนและการทำงาน

ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันทางการศึกษา หรือแรงกดดันจากหน้าที่การงาน ทำให้หลายคนรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ การมองข้ามปัญหาด้านสุขภาพจิตอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตในระยะยาวได้ ดังนั้นการหันมาใส่ใจและดูแลสุขภาพจิตของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะนำเสนอ 10 วิธีดูแลสุขภาพจิตง่าย ๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ในทุก ๆ วัน เพื่อให้ใจกลับมาเข้มแข็งและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

1. ให้เวลากับการพักผ่อนอย่างเต็มที่สร้างกิจวัตรการนอนที่ดี

การนอนหลับที่มีคุณภาพคือรากฐานของสุขภาพจิตที่ดี หากคุณนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ออกมามากขึ้น ทำให้รู้สึกหงุดหงิดง่ายและไม่มีสมาธิ ควรตั้งเป้าหมายที่จะนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน และลองสร้าง กิจวัตรการนอนที่ดี เช่น การไม่เล่นโทรศัพท์ก่อนนอน หรือการอ่านหนังสือเบา ๆ เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการพักผ่อน

2. ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นการออกกำลังกายที่หนักหน่วง เพียงแค่เดินเร็ว โยคะ หรือยืดเหยียดร่างกาย 15-20 นาทีต่อวัน ก็เพียงพอแล้ว

3. ฝึกการหายใจและทำสมาธิ

ในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้า ลองหยุดพักสักครู่และฝึกการหายใจเข้า-ออกลึก ๆ ช้า ๆ จะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ การทำสมาธิเพียงวันละ 5-10 นาที จะช่วยให้จิตใจสงบ มีสมาธิมากขึ้น และมองเห็นปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน

4. เขียนระบายความรู้สึก

บางครั้งการเก็บความรู้สึกไว้ในใจอาจทำให้รู้สึกอึดอัด ลองหาเวลาว่างเขียนไดอารี่หรือบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องแย่ การได้ เขียนระบายความรู้สึก จะช่วยให้คุณได้ทบทวนและทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้น

5. ทำในสิ่งที่รักและมีความสุข

เมื่อคุณ เรียน หรือ ทำงาน อย่างหนัก การหาเวลาให้กับงานอดิเรกหรืองานที่ชื่นชอบจะช่วยเติมพลังใจได้ ลองนึกถึงกิจกรรมที่คุณมีความสุขและหลงใหล เช่น การดูหนัง ฟังเพลง วาดรูป หรือทำอาหาร

6. พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ

อย่าเก็บความเครียดไว้คนเดียว ลองพูดคุยกับเพื่อนสนิท ครอบครัว หรือคนรัก การได้ระบายความรู้สึกกับคนที่คุณไว้ใจจะช่วยให้คุณรู้สึกเบาสบายใจขึ้น และอาจได้มุมมองใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหาด้วย

7. จำกัดการใช้โซเชียลมีเดีย

การเสพสื่อโซเชียลมากเกินไปอาจทำให้เกิดการเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับผู้อื่นได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความเครียด ลองกำหนดเวลาการเล่นโซเชียลมีเดีย หรือปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น เพื่อให้คุณได้โฟกัสกับชีวิตของตัวเองมากขึ้น

8. จัดระเบียบพื้นที่รอบตัว

สภาพแวดล้อมมีผลต่อจิตใจของเราอย่างมาก หากห้องพักหรือโต๊ะทำงานรก อาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ลองใช้เวลาว่างจัดระเบียบข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากจะช่วยให้พื้นที่ดูน่าอยู่ขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้จิตใจสงบและปลอดโปร่งมากขึ้นด้วย

9. ลองหาความท้าทายใหม่ ๆ

การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะช่วยให้สมองได้ทำงานและรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอ ลองลงเรียนคอร์สออนไลน์ที่น่าสนใจ อ่านหนังสือที่ไม่เคยอ่าน หรือลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน การ เรียน สิ่งใหม่ ๆ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต

10. ให้รางวัลตัวเองบ้าง

หลังจากที่เหนื่อยจากการ เรียน และ ทำงาน มาอย่างหนัก อย่าลืมให้รางวัลตัวเองบ้าง อาจจะเป็นการซื้อของที่อยากได้ การไปเที่ยวพักผ่อนในสถานที่ที่ชอบ หรือการนัดกินข้าวกับเพื่อนสนิท การให้รางวัลตัวเองจะช่วยสร้างกำลังใจและทำให้คุณรู้สึกว่าความพยายามที่ผ่านมานั้นคุ้มค่า

การ ดูแลสุขภาพจิต ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เริ่มจากการใส่ใจความรู้สึกของตัวเองในแต่ละวัน และค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ใจของคุณกลับมาแข็งแรงและมีความสุขอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ในที่สุดก็มา! Google Messages เพิ่มฟีเจอร์ “ลบข้อความสำหรับทุกคน” เมื่อไม่พร้อมส่ง

Google กำลังเดินหน้าอัปเกรดแอป Messages อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ฤกษ์ปล่อยฟีเจอร์ที่ผู้ใช้หลายคนรอคอย นั่นคือความสามารถในการ “ลบข้อความสำหรับทุกคน” (Delete for Everyone) หรือฟังก์ชัน Unsend ทำให้ผู้ใช้สามารถยกเลิกข้อความที่ส่งผิดพลาดได้แล้ว

ฟีเจอร์ใหม่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสามารถที่เกิดขึ้นได้จากโปรโตคอล RCS (Rich Communication Services) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Google พยายามผลักดันให้มาแทนที่ SMS/MMS แบบดั้งเดิม เพื่อให้แอป Messages มีความสามารถทัดเทียมกับแอปแชทชั้นนำอื่นๆ เช่น การส่งภาพความละเอียดสูง, แสดงสถานะกำลังพิมพ์ และล่าสุดคือการยกเลิกข้อความ

ก่อนหน้านี้เคยมีการค้นพบโค้ดที่บอกใบ้ถึงฟีเจอร์นี้เมื่อหลายเดือนก่อน แต่ล่าสุด Google ได้เริ่มทยอยปล่อยอัปเดตให้ผู้ใช้งาน Google Messages ทั่วไปได้ใช้งานแล้ว

วิธีการใช้งานก็ตรงไปตรงมา เพียงแค่แตะค้างที่ข้อความที่ต้องการลบ จากนั้นเลือกไอคอนรูปถังขยะ จะมีหน้าต่าง Pop-up เด้งขึ้นมาถามเพื่อให้เลือกระหว่าง “ลบสำหรับฉัน” (Delete for me) ซึ่งจะลบแค่บนเครื่องของเรา หรือ “ลบสำหรับทุกคน” (Delete for everyone) ซึ่งจะลบข้อความนั้นออกจากเครื่องของผู้รับด้วย

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ฟีเจอร์ใหม่ในวงการแอปพลิเคชันส่งข้อความ แต่ก็เป็นฟีเจอร์ที่ Google Messages ควรมีด้วยเช่นกัน เป็นแอปหลักในการสื่อสารบนระบบ Android ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความมั่นใจในการส่งข้อความมากขึ้น และตอนนี้เริ่มใช้งานได้แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Vocabulary: คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลก

ในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนทิ้งช่วงยาวนานและลมสงบ ทำให้หลายพื้นที่ประสบกับภาวะฝุ่นเกินมาตรฐาน จนเกิดเป็นหมอกฝุ่นปกคลุมไปทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกหนึ่งเรื่องที่เกิดจากมนุษย์ เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัว มีผลกระทบต่อทุกคน และมักออกข้อสอบบ่อย วันนี้เรามาอัพเดทคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลกใหม่ ๆ กันค่ะ

คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลก

คำศัพท์คำแปล
Particulate Matter (PM)อนุภาคของสสารซึ่งแขวนลอยในอากาศ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก
Dust       ฝุ่น
Tiny particlesอนุภาคขนาดเล็กมาก
Hygienic mask     หน้ากากอนามัย
Climate ภูมิอากาศ
Climate change    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Pollution               มลภาวะ
Exhaust (N)การปล่อยไอเสียควันพิษ
carbon monoxide  คาร์บอนมอนอกไซด์
Carbon footprintการวัดปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามรายทางของกระบวนการผลิตสินค้าตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ การผลิต จัดจำหน่าย บริโภค จนถึงกำจัดซาก
Environmental friendly productsสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรียกย่อๆว่า Eco Friendly
Green product สินค้ารักษ์โลก เน้นการลดใช้ทรัพยากรและพลังงาน
Disposalการจัดการหรือกำจัด
Zero wasteขยะหรือของเสียเป็นศูนย์ หมายถึง การหมุนเวียนใช้ซ้ำและลดขยะให้เหลือน้อยที่สุดจนถึงศูนย์ เช่น การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก
Acid rain               ฝนกรด
Compostable plasticพลาสติกที่ย่อยสลายได้
Biodegradableสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
Global warming   ภาวะโลกร้อน
Greenhouse effectปฏิกิริยาเรือนกระจก
Contaminateปนเปื้อน
Deforestation        การตัดไม้ทำลายป่า
Recycle การนำมาหมุนเวียนใช้ซ้ำ
Toxic wasteของเสียมีพิษ
Solar energy          พลังงานแสงอาทิตย์
Nuclear energyพลังงานนิวเคลียร์
Nuclear reactor    เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู
Renewable energyพลังงานหมุนเวียน
Natural materialsวัสดุธรรมชาติ
Cellulose               เส้นใยพืช
Resource depletionการใช้ทรัพยากรจนหมดสิ้น

ตัวอย่างประโยค

The particulate matter 2.5 micron (PM2.5) can cause many respiratory system health problems.
(ฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (พีเอ็ม2.5) เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาสุขภาพในระบบทางเดินหายใจมากมาย)

Where can I buy a hygienic mask?
(ฉันจะซื้อหน้ากากอนามัยได้ที่ไหน)

The goal of zero waste is for no trash to be sent to landfills, or the ocean.
(เป้าหมายของขยะเป็นศูนย์คือ ต้องไม่มีถังขยะถูกส่งไปยังที่ฝังกลบหรือถูกทิ้งลงทะเลเลย)

There are many way to reduce your carbon footprint by yourself.
(มีหลายวิธีที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยตัวเราเอง)

This straw is made from compostable plastic.
(หลอดนี้ผลิตจากพลาสติกที่ย่อยสลายได้)

We must develop the renewable energy sources for sustainable use.
(เราต้องพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนเพื่อการใช้งานอย่างยั่งยืน)

ขอบคุณข้อมูลจาก trueplookpanya.com


รู้จักพาร์สลีย์ (Parsley) ผักใบเล็กเพื่อสุขภาพกันเถอะ

มีใครรู้จัก ‘พาร์สลีย์’ กันบ้างคะ ถ้ายังไม่รู้จักและยังนึกไม่ออก เราจะบอกให้ค่ะ พาร์สลีย์เป็น ผักใบเล็ก สีเขียวขอบหยักคล้ายๆกับผักชีใบเล็ก มีต้นใบแข็งและเหนียวมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เราจะพบได้บ่อยๆในการใช้ตกแต่งอาหารให้สวยงามเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว คุณทราบไหมคะว่าพาร์สลีย์นี้มีคุณประโยชน์มากมายไม่ใช่แค่ใช้ตกแต่งอาหารเพียงอย่างเดียวนะคะ

รู้จักพาร์สลีย์ (Parsley) ผักใบเล็กเพื่อสุขภาพกันเถอะ

พาร์สลีย์นี้เป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารมากมาย พาร์สลีย์หนึ่งถ้วยจะมีเบต้าแคโรทีน หรือวิตามินเอ มากว่าแครอทหัวใหญ่ๆ หนึ่งหัวเชียวค่ะ และยังอุดมไปด้วยวิตามินซีที่มากว่าส้มหนึ่งลูกเกือบสองเท่าค่ะ มีแคลเซียมมากกว่าเราดื่มนมหนึ่งแก้ว มีธาตุเหล็กมากกว่าตับที่มีน้ำหนักเท่ากัน และยังเป็นผักที่มีวิตามินบี 1 บี 2 และบี 6 สูง และมีวิตามินอีเทียบเท่ากับน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะเลยทีเดียว มีโปรตีนมากกว่าเต้าหู้ขาว 1 ชิ้น มีเส้นใยอาหารมากกว่าข้าวโพด 1 ฝักถึง 15 เท่า ในขณะที่คุณกินพาสลีย์สดๆ 10 ก้านจะให้พลังงานเพียงแค่ 4 แคลลอรี่ เท่านั้นเองค่ะ ในพาร์สลีย์ยังประกอบไดด้วยฟลาโวนอย์หลายชนิด รวมทั้งอาพิเจนิน ลูทีโอลิน ไครโซเออรอล เคมฟีรอล เควลซิติน ไอ โซแรห์มเนติน

ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต้านสารอนุมูลอิสระของส่วนพลาสมาในเลือดนั้นจะมีการทำงานของเอนไซม์ที่ต้านอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น นั่นอาจจะเป็นเพราพาร์สลีย์มีผลในการป้องกันการทำลายของกระบวนการออกซิเดชั่น ใบพาร์สลีย์ ยังมีสารคลอโรฟิล ซึ่งเป็นสารสีเขียวที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ การเคี้ยวใบพาร์สลีย์หลังอาหารจึงช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นปากได้ดีด้วยด่ะ นอกจากที่กล่าวมานี้แล้วพาร์สลีย์ยังมีสารขับปัสสาวะ ช่วยกระตุ้นการทำงานของไต มีธาตุเหล็กช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยระบบย่อยอาหารและแก๊สในทางเดินอาหารให้ทำงานได้ดี ทำให้ไม่มีอาการอึดอัด ปวดเสียด แก้โครหอบหืด ลดอาการไอ และพาร์สลีย์ ยังสามารถทำให้ผิวสวยไร้สิวได้อีกด้วยนะคะ

เพียงแค่นำใบพาร์สลีย์มาสับให้ละเอียด เกลี่ยลงในถาดน้ำแข็งใส่น้ำให้เต็มรอให้เย็นเป็นก้อน และนำมาห่อด้วยผ้าบางๆ นำมาประคบที่หัวสิวบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ และมีอาการบวม แดง ประมาณ 20 วินาที เป็นประจำทุกเช้าเย็น ผักนี้ถึงจะมีใบจิ๋วแต่ก็สามารถช่วยลดการอักเสบได้อย่างรวดเร็วนะคะ และอีกสรรพคุณหนึ่งก็คือ เมื่อเอาใบไปแช่น้ำทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะได้น้ำยาโลชั่นที่ใช้สำหรับทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/08/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,250.0051,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,313.0050,225.0852,150.00
ทองรูปพรรณ 90%2,981.7045,202.57n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,650.4040,180.06n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,490.8522,601.29n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,159.5517,578.78n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,433.1652,046.71n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/08/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.5532.5533.0532.5532.5532.5532.5532.5532.5532.55
แก๊สโซฮอล์ 9132.1832.1832.6832.1832.1832.1832.1832.1832.1832.18
แก๊สโซฮอล์ E2030.3430.3430.8430.3430.3430.3430.3430.3430.34
แก๊สโซฮอล์ E8528.6928.6928.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.1449.8449.8449.8441.14
เบนซิน 9540.8449.8141.3440.9940.84
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า