สาระน่ารู้ประจำวันที่ 12 กันยายน 2568

‘โนเบิล’ ปรับทัพรับดีมานด์ต่างชาติ ‘แฟรงค์ เหลียง’ รับไม้ต่อ

  • โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ประกาศการเปลี่ยนผ่านผู้บริหาร โดย “ธงชัย บุศราพันธ์” ส่งไม้ต่อให้ “แฟรงค์ เหลียง” ซึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการกลางปี 2569 เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ
  • ใช้โมเดลธุรกิจใหม่ “Light Asset” ที่เน้นลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และเพิ่มบทบาทการเป็นตัวแทนขายให้โครงการอื่น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ

ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผมไม่อยากรอถึงอายุ 59 ค่อยส่งไม้ต่อ เพราะการเปลี่ยนผ่านที่ดีควรเกิดขึ้นตอนบริษัทแข็งแรง ไม่ใช่ตอนที่เราเริ่มเหนื่อย

กว่า 30 ปีที่ “ธงชัย บุศราพันธ์” ปลุกปั้น โนเบิล จากยุคที่อสังหาฯยังไม่เป็นที่นิยมของต่างชาติ จนกระทั่งปัจจุบัน “โนเบิล” กลายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่มีสัดส่วนยอดขายกว่า 50%

วันนี้การส่งไม้ต่อได้เริ่มขึ้นแล้ว…อย่างเงียบๆ แต่ชัดเจน

เมื่อ “แฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง” นักลงทุนต่างชาติ และพันธมิตรธุรกิจของธงชัยมายาวนาน ได้ยื่นทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นในโนเบิลเป็น 34.46% เมื่อกลางปีที่ผ่านมา และเตรียมก้าวขึ้นมาเป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์องค์กรอย่างเต็มตัวในปี 2569

“นี่ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่คือการวางแผนล่วงหน้า…ผมอยากให้โนเบิลกลายเป็นองค์กรที่ยั่งยืน ถ่ายทอดการบริหารจากรุ่นสู่รุ่น” ธงชัย กล่าวอย่างหนักแน่น

ต่างชาติเปลี่ยนแลนด์สเคปอสังหาฯไทย

เมื่อ 8 ปีก่อน โนเบิล เริ่มเปิดประตูสู่ตลาดต่างประเทศ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ล้ำหน้ากว่าตลาดในเวลานั้น ด้วยความเชื่อว่า อสังหาริมทรัพย์ไทยจะไม่ถูกซื้อเพื่ออยู่…แต่จะถูกซื้อเพื่อ “อยู่” และ“ ลงทุน” และ แฟรงค์ เหลียง คือ ผู้ที่เข้ามาต่อยอดวิสัยทัศน์นั้นให้เป็นจริง

แฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หลังโควิด-19 ในปี 2564 และ 2565 ยอดขายต่างชาติเพิ่มขึ้น 3,000-4,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดต่างประเทศที่มีส่วนแบ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จนกระทั่งปี 2567 เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะมีโครงการใหม่ที่ร่วมทุนไปขายต่างชาติได้ถึง 10,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย 4,000 ราย กระจายอยู่ใน 50 ประเทศทั่วโลก

“ขณะที่ยอดขายต่างชาติเติบโตจาก 3,000-4,000 ล้านบาทช่วงโควิด จนถึง 10,000 ล้านบาทในปี 2567 ด้วยเครือข่ายตัวแทน 4,000 รายใน 50 ประเทศ” แฟรงค์ เหลียง เผยถึงเบื้องหลังความสำเร็จ

โนเบิลไม่ใช่แค่ขายให้ “คนจีน” อีกต่อไป วันนี้ฐานลูกค้าขยายไปยังอินเดีย รัสเซีย ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มียอดเติบโตสูง 200-600% จากเดิมช่วงโควิดจีนเคยถือสัดส่วนยอดขายสูงถึง 70% แต่วันนี้เหลือเพียง 20-30% นี่คือการ diversify ตลาดต่างชาติ อย่างแท้จริง

โมเดลใหม่ “Light Asset” ลดเสี่ยง เพิ่มคล่องตัว

แนวคิดใหม่ที่ “แฟรงค์” นำเข้าสู่โนเบิล คือ โมเดล Light Asset หรือลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร หันไปลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน และการเป็น “ตัวแทนขาย” ให้โครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นที่ไม่แข่งขันกับตนเอง

“เราไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทุกอย่าง การลงทุนอย่างคล่องตัวทำให้เรารับมือกับความผันผวนได้ดีกว่า” 

ตัวอย่างเช่น กรณี “พราว เรียลเอสเตท” ที่ซื้อโครงการ Nue District R9 และ Nue Cross คูคต สเตชัน โนเบิลเข้าไปมีบทบาทเป็นตัวแทนจำหน่ายและบริหารจัดการ มากกว่าจะลงทุนเองทั้งหมด

ปรับทัพกลางปี 2569 รับศักราชใหม่

การเปลี่ยนผ่านไม่ใช่แค่เรื่องคน แต่คือ โครงสร้าง ธงชัย วางแผนไว้อย่างรอบคอบว่า การส่งไม้ต่อควรเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัท “แข็งแรงที่สุด” ไม่ใช่ช่วงเสี่ยง หรือรอจนนาทีสุดท้าย พร้อมวางไทม์ไลน์ชัดเจน

“การเปลี่ยนผ่านโครงสร้างองค์กรจะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการกลางปี 2569 โดยผมยังคงถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับสอง และยังมีบทบาทในบริษัทต่อไปในช่วงเปลี่ยนผ่าน 3-4 ปี” ธงชัย กล่าว

จากตลาดผู้บริโภคสู่ตลาดนักลงทุน

วันนี้อสังหาริมทรัพย์ไทยไม่ได้เป็นเพียงที่พักอาศัย แต่กลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศที่มีความไม่แน่นอน เช่น เมียนมา ไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้แต่ตะวันออกกลาง

“กรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยว แต่กำลังกลายเป็นเมืองแห่ง Retirement และ Investment”
 ขณะที่คนไทยมีกำลังซื้อลดลงตามโครงสร้างประชากรที่เป็นพีระมิดหัวกลับ ต่างชาติกลับมองเห็นโอกาสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เปิดเสรีมากขึ้น มีกฎหมายชัดเจนในการถือครองคอนโดมิเนียม และยังคงดึงดูดด้วยคุณภาพชีวิตและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

การส่งไม้ต่อจาก “ธงชัย” สู่ “แฟรงค์” ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผู้บริหาร แต่คือการเปลี่ยนทิศทางองค์กรและธุรกิจให้เท่าทันโลก และจากเคยขายอสังหาริมทรัพย์ให้คนไทย…ก้าวสู่ “แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ” ที่รับรู้โอกาสจากทั่วโลก

ขอบคุณข้อมูลจาก


อสังหาฯ ขานรับโฉมหน้ารัฐบาลดึงทีมเศรษฐกิจมืออาชีพกู้เศรษฐกิจ -คนละครึ่งมาถูกทาง

  • ภาคอสังหาริมทรัพย์แสดงความเชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาลที่ประกอบด้วยมืออาชีพจากภายนวงการเมือง ซึ่งคาดว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นได้
  • สนับสนุนมาตรการ “คนละครึ่ง” ว่าเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่มาถูกทางและเห็นผลเร็ว ช่วยเพิ่มกำลังซื้อและทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระดับฐานราก
  • เรียกร้องให้รัฐบาลใหม่สานต่อมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและรักษาวินัยทางการคลัง

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว ความไม่แน่นอนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาคเอกชนซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงตั้งความหวังไว้กับบทบาทของรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล

โดยเฉพาะในด้านการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูความเชื่อมั่น และวางรากฐานนโยบายที่ชัดเจน ซึ่งน่าสนใจว่าโฉมหน้าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่ประกอบด้วยคนนอกระบบการเมือง ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากหลายภาคส่วน สะท้อนถึงความคาดหวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำพาประเทศให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคงในท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน

ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดย นาย สุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผย  “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าสนับสนุนอย่างยิ่งที่รัฐบาลนำมืออาชีพคนนอกมาเสริมทีมเศรษฐกิจและการต่างประเทศ ทุกท่านที่คัดมาเป็นไปตามสเป็ค มีผลงานและประวัติดี ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่สิ่งที่ควรเพิ่มคือต้องระวังอย่าให้เกิดนโยบายประชานิยม ต้องรักษาวินัยการคลัง ทีมเศรษฐกิจต้องกล้าบอกว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้นายกฯต้องให้อำนาจตัดสินใจจริง ไม่ใช่มาประดับคณะรัฐมนตรี(ครม.)

ขณะมาตรการเร่งด่วนกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับโครงการคนละครึ่ง มาถูกทางและเป็นนโยบายที่เห็นผลเร็วที่สุดนโยบายหนึ่ง เคยพิสูจน์แล้วว่า ช่วยได้จริงในระยะสั้น เงินเข้าถึงประชาชน โดยตรง ทำให้มีเงินใช้จ่ายทันทีเกิดการหมุนเวียนเงิน เมื่อประชาชนใช้เงิน ร้านค้ามีรายได้ ก็จ่ายค่าเช่า ค่าจ้าง พนักงาน มีเงินซื้อของต่อ ช่วยร้านเล็กและชุมชน ร้านค้าเล็กๆ ร้านอาหารในท้องถิ่นมีลูกค้าเพิ่มขึ้น ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้อยู่รอดได้

อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวเป็นแค่การแก้ปัญหาเบื้องต้น ไม่ได้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจใหญ่ๆ แบบยั่งยืน เช่น ความเหลื่อมล้ำ หรือการแข่งขันของประเทศ จึงควรทำควบคู่กับนโยบายอื่นๆ ที่ส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาทักษะแรงงานในระยะยาว

“คนละครึ่งจะเปรียบเทียบว่าเป็น ยาแก้ปวดที่ดี แต่ต้องกินยารักษาโรคประจำตัว และออกกำลังกายให้แข็งแรงควบคู่กันไป”

สอดคล้องกับ นาย วรัทภพ แพทยานันท์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร มองว่า  ทีมเศรษฐกิจคนนอกภายใต้รัฐบาลภูมิใจไทย มองว่ามีความรู้ความสามารถที่ดีที่เอกชนยอมรับ โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่สามารถเข้ากับ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ได้ รวมถึงนายกรัฐมนตรีอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล มองว่าเข้าใจภาคเอกชนเนื่องจากทำธุรกิจภาคก่อสร้างเช่นกันซึ่งได้รับผลกระทบไม่ต่างจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  แม้ว่าจะมีระยะเวลาบริหารประเทศเพียง4เดือนในทางกลับกัน ประเมินว่าเป็นลักษณะการวางแผนนำไปสู่การเลือกตั้งในครั้งหน้า ที่นักธุรกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประชาชนเชื่อมั่น โดยเฉพาะ นโยบายคนละครึ่ง

แต่ทั้งนี้ สมาคมต้องการให้รัฐบาลใหม่สนับสนุนมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง โดยสานต่อจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในสมัยรัฐบาลแพทองธาร  และหากรัฐบาล อนุทิน เข้าบริหารประเทศแล้ว สมาคมฯเตรียมเข้าพบต่อไปโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อเสนอให้สนับสนุนมาตรการต่อเนื่องต่อไปเนื่องจากอสังหาริมทรัพย์สร้างห่วงโซ่อุปทานให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้มากถึง6 เท่า

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 12ก.ย. “แข็งค่าขึ้น”ที่ระดับ 31.71 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทในช่วงระหว่างวันอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามแรงขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยทั้งหุ้นและบอนด์เป็นระยะ ของบรรดานักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทในระยะสั้น

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้12ก.ย.2568 ที่ระดับ  31.71 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  31.85 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาท (USDTHB) อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวโซน 31.70-31.85 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้ หลังผู้เล่นในตลาดได้รับรู้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปพอสมควรแล้ว

ทำให้ การเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญของเงินบาทนั้น อาจจะเกิดขึ้นหลังตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC เดือนกันยายน ของเฟด ซึ่งปัจจัยที่จะกระทบต่อเงินบาทได้นั้นจะมีทั้ง การตัดสินใจของเฟดในการประชุมดังกล่าว (จะลดดอกเบี้ย 25bps หรือ 50bps) รวมถึง คาดการณ์เศรษฐกิจ (Summary of Economic Projections) และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่ 

อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ตามแรงขายทำกำไรของบรรดานักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทย ทั้งหุ้นและบอนด์ เป็นระยะๆ

 ทั้งนี้ หากราคาทองคำยังสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้าง แม้จะเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC เดือนกันยายน เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ในระยะสั้น

อนึ่ง เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประเมินอันดับเครดิตเรทติ้งของฝรั่งเศส โดยทาง Fitch Rating เพราะหากมีการปรับลดอันดับเครดิตเรทติ้ง หรือปรับลดมุมมองลง ก็อาจสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์ฝรั่งเศส รวมถึงเงินยูโร (EUR) ได้ ทำให้มีโอกาสที่เงินดอลลาร์อาจรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง จากการอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR)

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.60-31.90 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็ว ก่อนที่จะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ใกล้ระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.68-31.86 บาทต่อดอลลาร์) หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ออกมาที่ระดับ 2.9% และ 3.1% ตามลำดับ

สอดคล้องกับคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) กลับพุ่งสูงขึ้น สู่ระดับ 263,000 ราย แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้เพียง 235,000 ราย

ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสราว 88% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ (ในการประชุม FOMC เดือนกันยายน ตุลาคม และธันวาคม) ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง พร้อมหนุนการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ

***ทั้งนี้ เรามองว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่พุ่งสูงขึ้นอาจมาจากผลกระทบของช่วงวันหยุดยาว Labor Day รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในรัฐเท็กซัสที่พุ่งสูงขึ้นต่างจากรัฐอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ

ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจเป็นผลมาจากการปลดคนงานในอุตสาหกรรมน้ำมัน และผลกระทบของการจัดเก็บข้อมูลที่อาจเผชิญความผันผวนในช่วงน้ำท่วม (Hill Country Flood) ที่บางส่วนอาจมีประเด็นการทุจริตของการยื่อขอรับสวัสดิการการว่างงานได้

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความหวังว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ หนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ต่างปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะ Tesla +6.0%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันบ้าง จากแรงขายทำกำไร Oracle -6.2% หลังปรับตัวขึ้นแรงในวันก่อน ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.85%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.55 % หนุนโดยการปรับตัวขึ้นแรงของบรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหารและการบิน อาทิ BAE Systems +6.3%, Rheinmetall +2.3% ท่ามกลาง ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กลับมาร้อนแรงขึ้น

นอกจากนี้ แม้ว่า ECB จะคงดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่ผู้เล่นในตลาดก็มองว่า การที่ ECB เลือกคงดอกเบี้ยนั้น อาจสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ที่อาจสามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านลบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ได้

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาตามคาด ส่วนยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกกลับพุ่งสูงขึ้นมากกว่าคาด ได้หนุนให้ ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้

ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 4.00% ก่อนที่จะรีบาวด์สูงขึ้นบ้างสู่ระดับ 4.03% ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ทั้งนี้ เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวลดลงมาพอควร

ทำให้ในช่วงระยะสั้น มีความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจจะรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง ซึ่งภาพดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นได้ หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟดเดือนกันยายน ซึ่งจะมีการเปิดเผยคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (Dot Plot) ใหม่

เราจึงมองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (ไม่ควรไล่ราคาซื้อ เนื่องจากในช่วงนี้ Risk-Reward อาจไม่คุ้มค่า) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง สอดคล้องกับการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่จะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

และบางส่วนก็อาจรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟดในเดือนกันยายน ก่อนจะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนต่อไป ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่โซน 97.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.4-98.1 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยเฟด ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) รีบาวด์สูงขึ้น

ทว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ได้ชะลอการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ทำให้ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถวโซน 3,670-3,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เดือนกันยายน โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations) ในรายงานเดียวกัน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

ส่วนทางฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการประเมินอันดับเครดิตเรทติ้งของฝรั่งเศสจากทาง Fitch Rating

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังคงติดตามพัฒนาการของความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ อย่าง ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.66-31.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.08 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทแข็งค่ากลับมาเช่นเดียวกับทิศทางของสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ถูกดดันจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด (เพิ่มขึ้น 27,000 ราย ไปที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีที่ 263,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว)

ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ที่ขยับขึ้นไปที่ 2.9% YoY ในเดือนส.ค. ก็สอดคล้องกับที่ตลาดคาด จึงยังไม่เปลี่ยนการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนก.ย. นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.60-31.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ รวมถึงข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. ของสหรัฐฯ
 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“บาส” เดชาพล โต้เสียงวิจารณ์ ยันไม่ได้ตีลูกโดนคู่แข่ง ฮ่องกง โอเพ่น

“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ออกโรงชี้แจงผ่านโซเชียล หลังถูกวิจารณ์พฤติกรรมในศึกฮ่องกง โอเพ่น 2025 ยืนยันไม่มีการตีลูกโดนคู่แข่ง พร้อมขอให้ส่งหลักฐานหากมีจังหวะดังกล่าวจริง

เกิดกระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์หลังจบการแข่งขัน แบดมินตัน ฮ่องกง โอเพ่น 2025 เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 รอบแรก เมื่อวันพุธที่ 10 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยคู่ของ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน เอาชนะเพื่อนร่วมชาติ “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ไปได้ 2 เกมรวด

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแข่งขันมีแฟนแบดมินตันบางส่วนมองว่า เดชาพลแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งการออกท่าทางที่ดูรุนแรง และจังหวะตีลูกขนไก่ที่เฉียดหรืออาจโดนตัวคู่แข่งโดยไม่กล่าวคำขอโทษ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย

ภายหลัง เดชาพล ไม่ได้นิ่งเฉย โดยได้เข้าไปชี้แจงในเพจเฟซบุ๊กที่ลงข่าวผลการแข่งขัน โดยระบุว่า
“ใจเย็นๆ กันนะครับทุกคน ขอแก้ข่าวหน่อย เรื่องตบลูกโดนตัว ไม่มีนะครับ แยกให้ออกนะครับ ว่าเฉียดหรือโดน ผมอยู่ในเกมผมรู้อยู่แล้ว ว่าลูกไหนโดนหรือไม่โดน ถ้าโดนจริง ผมขอโทษอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ส่วนที่บอกว่าผมตบโดนตัวแล้วไม่ขอโทษ หาว่าผมไม่มีมารยาท รบกวนส่งลูกนั้นมาให้ผมหน่อยครับ ขอบคุณครับ”

การชี้แจงดังกล่าวเป็นการยืนยันจุดยืนของ เดชาพล ที่พร้อมเผชิญกับเสียงวิจารณ์ และแสดงความรับผิดชอบหากมีหลักฐานชัดเจนว่ามีจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นจริง

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


8 โรคติดต่ออัตราป่วยตายสูงใน 1 เดือน กลับจาก 13 ประเทศ เฝ้าระวัง ‘ไข้หวัดนก’ 

  • กรมควบคุมโรคเปิดเผย 8 โรคติดต่อที่มีอัตราป่วยตายสูงในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยโรคเมลิออยโดสิส (ไข้ดิน) มีอัตราป่วยตายสูงสุด 4.56%
  • เตือนประชาชนที่เดินทางกลับจาก 13 ประเทศที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก ให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองภายใน 2 สัปดาห์
  • หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หลังกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น กัมพูชา สหรัฐอเมริกา เวียดนาม ควรรีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง

เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าวในหัวข้อ “กันยาใส่ใจ ห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ” ว่า 10 โรคติดต่อที่พบบ่อย ใน 1 เดือนที่ผ่านมา โดยโรคที่พบผู้ป่วยบ่อยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่

  • โรคอุจจาระร่วง
  • โรคไข้หวัดใหญ่
  • โรคปอดอักเสบ
  • โรคมือเท้าปาก
  •  อาหารเป็นพิษ
  • โรคโควิด 19
  • โรคไข้เลือดออก
  •  โรคติดเชื้อไวรัส RSV
  • โรคสุกใส
  • โรคซิฟิลิส

8  โรคที่พบผู้เสียชีวิตบ่อยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่

  • โรคเมลิออยโดสิส  อัตราป่วยตาย  4.56 %
  • โรคไข้หูดับ อัตราป่วยตาย  1.41 %
  •  โรคเลปโตสไปโรสิส อัตราป่วยตาย  0.69 %
  •  โรคปอดอักเสบ อัตราป่วยตาย  0.12 %
  •  โรคโควิด 19  อัตราป่วยตาย  0.07 %
  • โรคไข้เลือดออก อัตราป่วยตาย  0.04 %
  • โรคอุจจาระร่วง 3 ราย
  • โรคไข้หวัดใหญ่ 1 ราย

โรคที่ต้องระวังในเดือนก.ย.2568

โรคไข้หวัดใหญ่ วันที่ 1 มกราคม – 4 กันยายน 2568 พบผู้ป่วยสะสม 486,562 ราย ผู้เสียชีวิต 57 ราย ในผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว 36 ราย เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง วัณโรคปอด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นต้น กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยต่อประชาการแสนคนมากที่สุด คือ 5 – 9 ปี ทั้งนี้ สายพันธุ์ที่ตรวจพบมากที่สุดระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน คือ A/H3N2

โรคปอดอักเสบ วันที่ 1 มกราคม – 4 กันยายน 2568 พบผู้ป่วยสะสม 298,223 ราย ผู้เสียชีวิต 504 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนมากที่สุด คือ 0 – 4 ปี และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป

โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ปี 2568 พบผู้ป่วย 8,473 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยต่อประชาการแสนคนมากที่สุด คือ 0 – 4 ปี แนวโน้มผู้ป่วยยังคงเพิ่มสูงขึ้นและสูงกว่าปี 2567 ทั้งนี้ การติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีสามารถติดต่อได้ผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ของเล่น ฯลฯ เชื้อ RSV สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง มีระยะฟักตัวอยู่ที่ 2 – 8 วัน

การรักษาโรค RSV ในปัจจุบันเป็นการรักษาตามอาการ ยังไม่มียาต้านไวรัสที่จำเพาะ แต่ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันในผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปป้องกันในเด็กเล็กและกลุ่มเสี่ยง สามารถสอบถามเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้รักษาได้

โรคมือเท้าปาก วันที่ 1 มกราคม – 9 กันยายน 2568 มีผู้ป่วยสะสม 73,517 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ 0 – 4 ปี ทั้งนี้ โรคมือเท้าปากมักเกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Enterovirus มีระยะฟักตัว 3 – 5 วัน สามารถติดต่อทางตรงได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำมูก น้ำลาย และอุจจาระของผู้ป่วย และติดต่อทางอ้อมจากการสัมผัสผ่านของเล่น และจุดสัมผัสร่วมกันที่อาจเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ เช่น ก๊อกน้ำดื่ม ราวบันได

โรคไข้เลือดออก ปี 2568 พบผู้ป่วย 42,187 ราย ผู้เสียชีวิต 44 ราย ปัจจัยเสี่ยงในผู้ป่วยเสียชีวิต คือ มีโรคประจำตัว ได้รับยา NSAIDs ไปโรงพยาบาลช้า ติดสุรา และมีภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นวัยเรียน แต่อัตราป่วยตายสูงในอายุ 45 ปี ขึ้นไป

โรคชิคุนกุนยา (โรคไข้ปวดข้อยุงลาย) ปี 2568 พบผู้ป่วย 1,064 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ 35 – 44 ปี ทั้งนี้ มีการพบผู้ป่วยสูงกว่าปี 2567 ถึง 2.4 เท่า โดยพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนที่จังหวัดเชียงใหม่ บึงกาฬ ลำพูน และอุดรธานี

โรคติดเชื้อไวรัสซิกา ปี 2568 พบผู้ป่วย 175 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ 25 – 34 ปี และพบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไวรัสซิกาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ โรคติดเชื้อไวรัสซิกาเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค อาการที่พบบ่อย คือ ไข้ต่ำๆ ผื่นแดง ปวดข้อ ตาแดง และอ่อนเพลีย

โรคเลปโตสไปโรสิส (โรคไข้ฉี่หนู) วันที่ 1 มกราคม – 4 กันยายน 2568 ผู้ป่วยสะสม 2,631 ราย ผู้เสียชีวิต 32 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ 60 ปีขึ้นไป หากพบว่ามีไข้สูง ทั้งนี้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตัวหรือปวดกล้ามเนื้อ หลังเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือลงแช่น้ำ ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำย่ำโคลนให้แพทย์ทราบ

โรคเมลิออยโดสิส (โรคไข้ดิน) วันที่ 1 มกราคม – 29 สิงหาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 2,782 ราย ผู้เสียชีวิต 130 ราย พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป แนะประชาชน 1. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรงหากจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ต ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ 2.หลังสัมผัสดินและน้ำให้ทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที 3. รับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานหรือน้ำต้มสุก 4. หลีกเลี่ยงการสูดดมลมฝุ่นและการอยู่กลางสายฝน 5. หากมีอาการไข้สูงต่อเนื่อง 2 วัน มีประวัติการสัมผัสดินและน้ำ ให้รีบพบแพทย์ทันที

กลับจาก 13 ประเทศ เฝ้าระวังไข้หวัดนก

ทั้งนี้ โรคจากต่างประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง คือ “ไข้หวัดนก” สถานการณ์ทั่วโลก ปี 2568 มีผู้ป่วยสะสม 27 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 9 ราย สำหรับประเทศไทยความเสี่ยงยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

แนะประชาชน รับประทานอาหารที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกรหรือโคนม ที่ป่วยหรือตายผิดปกติ ควรสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส หากพบสัตว์ปีกป่วยตายจำนวนมาก ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ หรือตาแดงอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด ต้องหมั่นติดตามข่าวสารการระบาดของพื้นที่ที่จะเดินทางไป ทำประกันสุขภาพสำหรับเดินทาง

กรณีเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก (ข้อมูล ณ เดือน ส.ค.2568 ) เช่น กัมพูชา สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อินเดีย แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ปากีสถาน เวียดนาม ไต้หวัน  และบราซิล ให้สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการป่วยคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ภายใน 2 สัปดาห์ ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง

โรคโปลิโอ ปี 2568 เดือนสิงหาคม มีรายงานว่าพบผู้ป่วยเชื้อโปลิโอชนิด cVDPV1 ที่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว แนะประชาชน 1. ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ 2. สำหรับเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนล่าช้า ควรเข้ารับวัคซีนให้ครบเร็วที่สุด ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐใกล้บ้านทุกแห่ง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการเกิดโรค สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโอ หากมีประวัติรับวัคซีนไม่ครบ แนะนำรับวัคซีนกระตุ้น 1 ครั้ง ก่อนเดินทางอย่างน้อย 4 สัปดาห์

ส่วนภัยสุขภาพ ต้องระวังไฟดูด ไฟช็อต ปี 2568 มีผู้บาดเจ็บ 1,603 ราย ผู้เสียชีวิต 88 ราย และฟ้าผ่า ปี 2568 มีผู้บาดเจ็บ 58 ราย ผู้เสียชีวิต 5 ราย พบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในกลุ่มอายุ 45 – 49 ปี

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


แสดงความยินดี ภาษาอังกฤษ พูดแบบนี้!

การพูดแสดงความยินดี

รวมประโยคภาษาอังกฤษ แสดงความยินดี ใช้ได้ทุกโอกาส

Ways to say : Congratulations!

โดยปกติแล้วเรา มักจะได้ใช้คำแสดงความยินดี ในหลากหลายโอกาส ไม่ว่าจะในโอกาสเรียนจบ, คบแฟนใหม่, ได้งานใหม่, ซื้อรถใหม่หรือได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ ก็ตาม เรามักพูด แสดงความยินดี ภาษาอังกฤษ ที่ใช้กันกันบ่อยๆ คือ Congratulations หรือ Congrats แต่ยังมีประโยคยินดีด้วย ภาษาอังกฤษ ที่น่าสนใจ และใช้ได้ทุกโอกาส เอ็ด ดู เฟิร์สท์ รวมมาให้แล้วไปดูกัน

8 ประโยคภาษาอังกฤษ แสดงความยินดี

ประโยค แสดงความยินดี ภาษาอังกฤษ ใช้ได้ในทุกโอกาส ทั้งคำอ่านและคำแปล

🌟 Congrats! (คันแกร็ทส์) ยินดีด้วยนะ!
🌟 Congratulations! (คันแกรช’ เชอ เล เชิ่นส) ขอแสดงความยินดีด้วย
🌟 Well done! (เวล ดัน) ทำได้ดีมากๆ เลย!
🌟 Congratulations on your success. (คันแกรช’ เชอ เล เชิ่นส ซอน ยัวร์ ซัคเซส’)
ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเธอน้า
🌟 Sincere Congratulations! (ซินเซียร์’ คันแกรช’ เชอ เล เชิ่นส) ขอแสดงความยินดีด้วยจากใจเลย!
🌟 Let me congratulate you. (เลท มี คันแกรช’ชะเลท ยู) ขอฉันยินดีกับเธอด้วยคนนะ
🌟 I’m so happy for you. (ไอม โซ แฮพ’พี ฟอร์ ยู) ฉันรู้สึกยินดีกับเธอมากๆ เลย
🌟 We’re so proud of you. (เวีย โซ เพราดฺ ฟอร์ ยู) พวกเราภูมิใจในตัวเธอนะ

พูดแสดงความยินดี ภาษาอังกฤษ เก๋ๆ

รวมคำพูดชื่นชม เท่ๆ และ แสดงความยินดีภาษาอังกฤษ  ใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์

smile Fantastic! เยี่ยมไปเลย

smile Excellent! เยี่ยมสุดๆ

smile  Nice going! ดีมาก

smile  Sensational! ดีเลิศ

smile  Respects! นับถือเลย

smile  Marvelous! ดีงามพระรามแปด

smile  Good on you! แจ๋วมากๆ

smile  Good going! ทำได้ดีมากๆ

smile  Good show! คำชมการแสดงขึ้นโชว์บางอย่าง ที่มันเจ๋งสุดๆ

smile  Nothing can stop you now. ไม่มีอะไรจะมาหยุดคุณได้

smile  I am impressed. ฉันประทับใจมาก

smile  You rock! เลิศสุดๆ สุดยอดไปเลย

smile  You’re really going to town. คุณเต็มที่จริงๆ

smile  You did that very well.  คุณทำได้ดีมาก

smile  You’re a genius! เธอนี่ฉลาดล้ำเลิศ (คำชมหมายความว่าสามารถทำอะไรบางอย่างออกมาได้เยี่ยมมากๆ ไม่จำเป็นต้องหมายถึงความฉลาดอย่างเดียว)

smile  You’re really growing up. คุณโตขึ้นแล้วจริงๆ

smile  You’re doing beautifully. คุณทำได้อย่างสวยงาม

smile  You’ve got it. คุณมันแน่

smile  You did it! คุณทำได้

smile  You did it this time! ในที่สุดครั้งนี้เธอก็ทำมันได้

smile  You’re doing a good job. / You have done a great job! คุณทำได้ดีมาก

smile  You’re getting better every day. คุณทำได้ดีขึ้น ทุกๆ วัน

smile  You really deserved it. เธอสมควรได้รับมันจริงๆ (กับความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมด)

smile  You’ve just about mastered that. คุณเก่งในเรื่องนั้นจริงๆ

smile  You’re on the right track now. สิ่งที่เธอทำถูกแล้ว ทำให้ประสบความสำเร็จ ณ ทุกวันนี้

smile  Pat on the back. คำนี้ไม่ได้แปลว่า ตบหลังนะ แต่เป็นคำแสดงความยินดีเป็นกำลังใจให้

smile  Many happy returns. ขอให้มีความสุขมากๆ เหมือนกันนะ

smile  That’s the best you’ve ever done. นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณเคยทำ

smile  Keep working, you’re getting better. ทำต่อไป คุณทำได้ดีแล้ว

smile  I’m happy to see you working like that. ฉันดีใจ ที่เห็นคุณทำได้แบบนั้น

smile  That’s the best ever. นี่มันเจ๋งที่สุดที่เคยเห็นมาเลย

smile  Thumbs-up ยกนิ้วโป้งให้เลย หรือมันดีมาก

smile  Hip, Hip, Hurray! คำใช้ในงานปาร์ตี้ ผู้คนเยอะๆ ที่มาแสดงความยินดีร่วมกัน

smile  Keep up the good work. / Keep going. ให้รักษามาตรฐานดีๆ เพราะที่ทำมามันดีแล้ว

smile  Hats off! ชมเชย ชื่นชม หรือให้ความเคารพ

smile  Kudos!  เยี่ยม ชื่นชม ยกนิ้วให้เลย

smile  Felicitations!  felicitate ที่แปลว่า ยินดีด้วย และ มีรากศัพท์มาจาก felix ที่เป็นภาษาละตินดั้งเดิม ที่แปลว่า มีความสุข พึงระวังว่า คำนี้เติม s ต่อท้ายเสมอเหมือน Congratulations เลยค่ะ

smile  What a good try. ความพยายามที่ผ่านมา สำเร็จแล้วนะ

smile  Way to go. ทางนี้แหละใช่เลย เยี่ยมไปเลย

smile  That’s the way to do it. ทำอย่างนั้นแหละ เก่งมาก

smile  You are very good at that. คุณเก่งเรื่องนั้นมาก

smile  That’s the right way to do it. ทำแบบนั้น ถูกแล้ว

อวยพรเรียนจบภาษาอังกฤษ

แคปชั่นเรียนจบภาษาอังกฤษ แสดงความยินดีให้เพื่อน และ บัณฑิตใหม่

🎓 Congratulations on your graduation and good luck in the future.
ขอแสดงความยินดีด้วยกับการสำเร็จการศึกษา และขอให้โชคดีต่อไปในอนาคต

🎓 We are not just happy for your graduation, we are deliriously happy! Congratulations!
เราไม่เพียงแต่จะดีใจกับการจบการศึกษาของเธอ เรายังมีความสุข และปลาบปลื้มมาก! แสดงความยินดีด้วยนะ

🎓 Success is yours! Congratulations, Graduate!
ความสำเร็จเป็นของเธอแล้วนะ ขอแสดงความยินดีที่ด้วยนะจ๊ะ บัณฑิต

🎓 We’re so proud of all that you have accomplished. Congratulations!
พวกเราภูมิใจในทุกสิ่งที่เธอทำสำเร็จนะ ขอแสดงความยินดีด้วย

🎓 Your success is written in the star. Congratulations!
ความสำเร็จของเธอ ถูกจารึกไว้บนดวงดาวแล้วนะ ขอแสดงความยินดีด้วย

🎓 Congratulations! You did it!
ขอแสดงความยินดีด้วยนะ เธอทำสำเร็จแล้ว!

🎓 I wish you courage as you step ahead towards new challenges in life. Congrats and may all your other dreams be fulfilled.
ขอให้คุณก้าวไปข้างหน้ากล้าหาญสู่ความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต ขอแสดงความยินดี และหวังว่าทุกๆ ความฝันของคุณจะเป็นจริง

🎓 Now that you’ve graduated, follow dreams and make them come true with all of your might. Congratulations!
ตอนนี้คุณก็ได้จบการศึกษาแล้วนะ จงเดินตามเสียหัวใจและสานฝันให้เป็นจริงด้วยความสามารถทั้งหมดที่คุณมี ยินดีด้วยนะ

🎓 Looking back, wasn’t it all worth it? I’m sure you’re nodding your head in agreement. Congratulations!
ถ้ามองย้อนกลับไปแล้วถามว่า ทั้งหมดที่ผ่านมานั้น มันคุ้มค่าไหม ฉันแน่ใจว่าเธอกำลังพยักหน้าอยู่ ดีใจด้วยนะ

🎓 The door to learning was open when you arrived. Now that you’ve graduated, don’t close it behind you. Keep on learning! Congratulations on your graduation day.
ประตูสู่การเรียนรู้มันได้เปิดตอนรับเธอตอนที่เธอมาถึง ตอนนี้เธอจบแล้ว แต่อย่าปิดประตูการเรียนรู้นั้นนะ จงเรียนรู้ต่อไป ยินดีกับวันจบการศึกษา

🎓 Please remember that there’s nothing in the world that you can’t do. Congratulations! and enjoy graduation.
โปรดจำไว้ว่า ไม่มีอะไรในโลกที่คุณไม่สามารถทำได้ ขอแสดงความยินดี และขอให้สนุกกับวันสำเร็จการศึกษานะ

🎓 Wishing you a bright future filled with all the happiness and success you deserve. Congratulations!
ขออวยพรให้คุณมีอนาคตที่สดใส เต็มไปด้วยความสุขและความสำเร็จที่คุณสมควรที่จะได้รับ ขอแสดงความยินดีด้วย!

🎓 Congratulations on your graduation. Be confident that you’re now fully prepared for what life has in store for you. All the best 
ขอแสดงความยินดีกับการสำเร็จการศึกษานะ จงมั่นใจในตัวเองว่าตอนนี้คุณพร้อมแล้วสำหรับสิ่งที่ชีวิตของเตรียมไว้ให้ โชคดีจ๊ะ

🎓 Congratulations on completing this important life step. Remember to always keep climbing the staircase.
ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกขั้นที่สำคัญของชีวิต จงไต่บันไดต่อไปนะ ขอแสดงความยินดีด้วย!

🎓 Your graduation is a great achievement, but that’s nothing compared to what life has in store for you next with even bigger challenges and opportunities. Congratulations!
การจบการศึกษาของคุณคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่คงไม่มีอะไรจะเทียบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของคุณต่อไปในอนาคตได้ อนาคตที่จะเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสดีๆ ยินดีด้วยน้า

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


ภัยไซเบอร์ป่วนไทย ‘ฟิชชิง – ดีดอส’ ถล่มภาครัฐ – อินฟราฯ สำคัญ

  • องค์กรในไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 164%
  • ช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนการโจมตีกว่า 3,201 ครั้งต่อสัปดาห์
  • หน่วยงานภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นเป้าหมายหลักที่ถูกโจมตีรุนแรงที่สุด
  • การโจมตีแบบฟิชชิงและดีดอส (DDoS) แพร่ระบาดอย่างหนัก

เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ รายงานว่า องค์กรในประเทศไทยถูกโจมตีทางไซเบอร์ถึง 3,201 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 สูงกว่าทั่วโลกซึ่งถูกโจมตีโดยเฉลี่ย 1,946 ครั้งต่อสัปดาห์ ถึง 164%

ที่ผ่านมาผู้ก่อภัยคุกคามพุ่งเป้าไปยังหน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างรุนแรง เห็นได้จากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เช่น การรั่วไหลของข้อมูลของบริษัทน้ำมันและก๊าซยักษ์ใหญ่ของไทย อย่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ข้อมูลระบุว่า ภาคส่วนสาธารณูปโภคของไทยกลายเป็นเป้าหมายหลักที่ถูกโจมตีเฉลี่ย 3,567 ครั้งต่อสัปดาห์ ขณะที่ภาครัฐหรือด้านการทหารมีการโจมตีเฉลี่ย 2,662 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งอยู่ใน 3 อันดับแรกของภาคส่วนที่ถูกโจมตีมากที่สุดในปีนี้

ชาญวิทย์ อิทธิวัฒนะ ผู้จัดการสาขาประจำประเทศไทย บริษัท เช็ค พอยท์ ซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า ไทยควรจัดลำดับความสำคัญอย่างเร่งด่วนสำหรับสถาปัตยกรรมการรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย  เอไอแบบบูรณาการ เนื่องจากต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนระดับประเทศ 

ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงทางฟิชชิง และการโจมตีแบบการปฏิเสธการให้บริการ หรือ ดีดอส (DDoS) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ซึ่งเกิดขึ้นจากความตึงเครียดในระดับภูมิภาค และการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมทางไซเบอร์

‘ฟิชชิง – ดีดอส’ ระบาดหนัก

พบด้วยว่า การโจมตีแบบฟิชชิงและดีดอส (DDoS) พุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง ปัจจุบันฟิชชิงยังคงเป็นช่องทางการโจมตีอันดับต้นๆ ในประเทศไทย อาชญากรทางไซเบอร์ใช้ประโยชน์จากการหลอกลวงทางวิศวกรรมสังคม (Social Engineering) และการปลอมแปลงตัวตนเพื่อโจมตีทั้งผู้บริโภคและธุรกิจ

สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช) รายงานว่า มีชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่รั่วไหลเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 6,250% จาก 8 หมื่นรายการในปีที่แล้ว เป็น 5 ล้านรายการในปีนี้

เช็ค พอยท์ เธรท อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่า FakeUpdates (หรือที่รู้จักกันในชื่อ SocGholish) เป็นมัลแวร์ที่แพร่หลายที่สุดในประเทศไทยและส่งผลกระทบถึง 13.9%  ขององค์กรในประเทศ ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่  5.4%   

โดย FakeUpdates ถูกพบครั้งแรกในปี 2561 เป็นมัลแวร์ดาวน์โหลดที่แพร่กระจายบนเว็บไซต์ที่ถูกบุกรุกหรือเว็บไซต์อันตราย เหยื่อจะถูกหลอกให้ติดตั้งการอัปเดตเบราว์เซอร์ปลอม ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งเพย์โหลดรองเข้าไปได้

ภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงขึ้นเหล่านี้ ประกอบกับทักษะด้านไซเบอร์ของประเทศไทยที่ยังไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดช่องว่างสำคัญในระบบป้องกันของหลายองค์กร เมื่อผู้โจมตีซับซ้อนมากขึ้น ช่องว่างเหล่านี้ยิ่งเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ประโยชน์ ตอกย้ำความจำเป็นของสถาปัตยกรรมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ ที่สามารถระบุและควบคุมภัยคุกคามขั้นสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยกเครื่อง ‘กลยุทธ์ไซเบอร์’

ชาญวิทย์ กล่าวถึงกุญแจสำคัญในการรับมือภัยทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) สำหรับประเทศไทยว่า องค์กรหลายแห่งของไทยใช้โซลูชันความปลอดภัยแบบแยกส่วน  เช็ค พอยท์ เสนอว่า แนวทางนี้ไม่เพียงพอต่อการรับมือกับภัยคุกคามยุคใหม่อีกต่อไป

ผู้นำด้านความปลอดภัยจึงต้องให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ที่ผสานรวมการตรวจจับและตอบสนองแบบขยาย (XDR) ที่เชื่อมโยงสัญญาณภัยคุกคามระหว่างอุปกรณ์ปลายทาง คลาวด์ อีเมล และเครือข่าย เพื่อให้การตรวจจับและตอบสนองรวดเร็วและประสานงานมากขึ้น

รวมถึงการจัดการความเสี่ยงจากภายนอก (ERM) ที่จัดการความเสี่ยงเชิงรุกจากบุคคลที่สาม ซัพพลายเชน และการโจมตีจากภายนอก และชั้นการประสานงานที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอที่แข็งแกร่ง ซึ่งตรวจสอบ ควบคุม และแก้ไขได้อัตโนมัติ เพื่อขยายขอบเขตการป้องกันให้ครอบคลุมสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน

กล่าวได้ว่า ความสามารถเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการโจมตีสมัยใหม่สามารถหลีกเลี่ยงเครื่องมือที่แยกส่วน โดยใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในการมองเห็นหรือการตอบสนองที่ล่าช้า แนวทางที่ผสานรวมจะช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถมองเห็น จัดลำดับความสำคัญ และกำจัดภัยคุกคามทั่วทั้งเทคโนโลยีได้ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

ทลายข้อจำกัดด้วย ‘เอไอ’

อีกทางหนึ่ง เมื่อ GenAI (generative AI) เริ่มถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้อมูลหรือ CISO ของไทยจึงกังวลมากขึ้นในการจัดการความเสี่ยงและการควบคุม องค์กรไทยหลายแห่งวิตกเรื่องการผูกขาดกับผู้ขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกฎระเบียบมีการเปลี่ยนแปลง

ดังนั้นแนวทางการรับมือ ควรมีแนวทางการป้องกันที่จะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นในระบบนิเวศความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ลูกค้ามีอยู่ แทนที่จะจำกัดองค์กรให้ใช้เครื่องมือเฉพาะ

โดยทีมรักษาความปลอดภัยต้องการแพลตฟอร์มที่ทำงานร่วมกับเครื่องมือที่มีอยู่  ไม่ใช่ขวางกัน ยิ่งไปกว่านั้นระบบปิดยังจำกัดการทำงานร่วมกันและสร้างจุดบอดในการปฏิบัติงาน  

องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยจำเป็นต้องทบทวนวิธีการจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ใหม่ ไม่มีพื้นที่สำหรับโซลูชันแบบแยกส่วนอีกต่อไป การลงทุนในแพลตฟอร์มแบบครบวงจร แนวทางการทำงานร่วมกันและเปิดกว้างสำหรับการผสานรวมกับผู้ค้ารายอื่นจะให้มูลค่ามากกว่าเครื่องมือแบบแยกส่วน ด้วยระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอแม้แต่ศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย (SOC) ที่มีทรัพยากรอยู่อย่างจำกัดก็สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ข้าวโพดข้าวเหนียวคืออะไร พร้อมประโยชน์ดีๆ ที่ควรรู้

หลายคนสงสัยว่าข้าวโพดข้าวเหนียวคืออะไร ทำไมรสชาติไม่เหมือนข้าวโพดหวานทั่วไป ลองมาดูข้อแตกต่าง ประโยชน์ และวิธีเลือกกินให้ได้คุณค่าที่สุด

ข้าวโพดข้าวเหนียวคืออะไร

ข้าวโพดข้าวเหนียวคือพันธุ์ข้าวโพดที่มีลักษณะเมล็ดเนื้อเหนียว หนึบ เคี้ยวมัน ต่างจากข้าวโพดหวานทั่วไปที่จะมีเนื้อกรอบและรสชาติหวานฉ่ำ จุดเด่นของข้าวโพดข้าวเหนียวอยู่ที่มีแป้งประเภทอะมีโลเพคตินสูง ทำให้เนื้อสัมผัสหนึบเหมือนข้าวเหนียว จึงนิยมนำไปต้ม ปิ้ง นึ่ง หรือใช้ทำขนมพื้นบ้าน

ข้าวโพดข้าวเหนียวต่างจากข้าวโพดหวานอย่างไร

ความหวานและเนื้อสัมผัส

ข้าวโพดข้าวเหนียวมีระดับน้ำตาลน้อยกว่า จึงมีรสหวานน้อยกว่าและเคี้ยวหนึบกว่าข้าวโพดหวานปกติที่มีน้ำตาลธรรมชาติสูงกว่า เนื้อจึงออกแนวกรอบหวาน

คุณค่าทางโภชนาการ

แม้รสชาติจะต่างกัน แต่ทั้งสองชนิดมีใยอาหาร วิตามินบี วิตามินเอ โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่ดี โดยข้าวโพดข้าวเหนียวจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและใยอาหารมากกว่าเล็กน้อย ช่วยให้อิ่มนาน เหมาะกับคนควบคุมน้ำหนัก

วิธีนำไปประกอบอาหาร

ข้าวโพดข้าวเหนียวมักนำมาต้ม ปิ้ง หรือนึ่งกินเป็นของว่าง หรือใช้ทำขนมไทย เช่น ข้าวโพดต้มหัวกะทิ ส่วนข้าวโพดหวานนิยมกินสด ทำสลัด หรือทำข้าวโพดคลุกเนย

ประโยชน์ของข้าวโพดข้าวเหนียว

ช่วยให้อิ่มนาน

ใยอาหารและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในข้าวโพดข้าวเหนียวช่วยให้ร่างกายดูดซึมช้าลง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้อิ่มนาน เหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร

ดีต่อระบบขับถ่าย

ใยอาหารในข้าวโพดข้าวเหนียวช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น

อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

สีของเมล็ดข้าวโพดข้าวเหนียว เช่น สีม่วงหรือสีเหลืองอ่อน อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานินและลูทีน ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังได้

วิธีเลือกข้าวโพดข้าวเหนียว

เลือกฝักที่สด ใหม่ เมล็ดแน่น ไม่บุบหรือเหี่ยว เปลือกสีเขียวอ่อนยังไม่แห้ง และควรเก็บในตู้เย็นเพื่อคงรสชาติและคุณค่าสารอาหารให้นานขึ้น

ข้าวโพดข้าวเหนียวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพ รสชาติหนึบเคี้ยวเพลิน แถมได้ไฟเบอร์และคาร์โบไฮเดรตดีต่อร่างกาย จะต้ม ปิ้ง นึ่ง หรือทำขนมก็อร่อยได้ประโยชน์ ใครยังไม่เคยลอง แนะนำให้ชิมดูแล้วจะติดใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/09/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a54,650.0054,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,533.0053,560.2855,550.00
ทองรูปพรรณ 90%3,179.7048,204.25n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,826.4042,848.22n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,589.8524,102.13n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,236.5518,746.10n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,661.1455,502.88n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/09/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.9532.9533.4532.9532.9532.9532.9532.9532.9532.95
แก๊สโซฮอล์ 9132.5832.5833.0832.5832.5832.5832.5832.5832.5832.58
แก๊สโซฮอล์ E2030.7430.7431.2430.7430.7430.7430.7430.7430.74
แก๊สโซฮอล์ E8528.6928.6928.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.1449.8449.8449.8441.14
เบนซิน 9541.2449.8141.7441.3941.24
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า