“ดอนเมือง-สายไหม” บูม! คนซื้อบ้านทำเลศักยภาพ-คุ้มค่า

- ทำเลดอนเมือง-สายไหมกลายเป็นทำเลทองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ จากความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ที่มองหาบ้านที่คุ้มค่าและมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
- ศักยภาพของทำเลเติบโตจากการเป็นศูนย์กลางการคมนาคม
- ความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนจากยอดขายบ้านแนวราบที่เติบโตกว่า 130%ของโครงการจากผู้พัฒนารายใหญ่
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากพูดถึง “ดอนเมือง” และ “สายไหม” หลายคนอาจนึกถึงเพียงจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทาง หรือทำเลรอบนอกที่ไกลจากใจกลางเมือง แต่วันนี้ ภูมิทัศน์ทางอสังหาริมทรัพย์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ แต่ทรงพลัง เมื่อผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ อย่าง แสนสิริ เข้ามาปักหมุดและพัฒนาที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ จนทำให้ “ดอนเมือง-สายไหม” กลายเป็นทำเลทองใหม่ของกรุงเทพเหนือ
“ทำเล ‘ดอนเมือง-สายไหม’ ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่านอีกต่อไป แต่คือจุดหมายปลายทางของเรียลดีมานด์ที่แท้จริง”
ปรากฏการณ์ยอดขาย บ้านแนวราบโตขึ้นกว่า 130% ภายในโซนนี้ คือสิ่งที่สะท้อนถึงกระแสความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมของครอบครัวยุคใหม่เริ่มขยับออกจากใจกลางเมืองมากขึ้น เพื่อมองหาบ้านที่ “ให้มากกว่า” ทั้งพื้นที่ใช้สอย ความเป็นส่วนตัว และราคาที่จับต้องได้
จากจุดเชื่อมต่อที่กลายเป็นจุดตั้งถิ่นฐาน
“ดอนเมือง” ไม่ใช่เพียงแค่ที่ตั้งของสนามบิน แต่กลายเป็น ทำเลแห่งการเชื่อมต่อ ทั้งรถยนต์ ทางด่วน รถไฟฟ้า และการเดินทางออกต่างจังหวัด ที่สะดวกกว่าที่เคย ความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ Brighton College Bangkok หรือคอมมูนิตี้มอลล์ที่ทยอยเปิดตัวใหม่ ส่งผลให้พื้นที่นี้กลายเป็นเป้าหมายการย้ายถิ่นของครอบครัวระดับกลางถึงบนที่มีกำลังซื้อสูง
จากข้อมูล พบว่าอัตราการปล่อยเช่าของบ้านในดอนเมือง สูงถึง 85% พร้อมการเติบโตของค่าเช่าเฉลี่ยที่ 5-7% ต่อปี ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพทั้งในมุมอยู่อาศัยและลงทุน
โครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง ของแสนสิริคืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ เมื่อสามารถกวาดยอดขายทะลุ 600 ล้านบาท ขายไปแล้วกว่า 70% ของทั้งโครงการ พร้อมเตรียมเปิดเฟสใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการที่ยังคงเพิ่มขึ้น
จากเส้นทางผ่าน…สู่ชุมชนพร้อมอยู่
ด้าน “สายไหม” เอง ก็เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะตามแนวถนนพหลโยธิน ที่เคยเป็นแค่เส้นทางผ่านจากสะพานใหม่ วันนี้กลับเต็มไปด้วยโรงพยาบาลใหญ่ สถานศึกษา และโครงการค้าปลีกมากมาย ตั้งแต่ไฮเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์ ไปจนถึงร้านอาหารระดับพรีเมียม
ความเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้บ้านแนวราบในสายไหม กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท เช่นเดียวกับ เศรษฐสิริ พหลโยธิน – สายไหม ที่เปิดเฟสใหม่ใกล้คลับเฮาส์ พร้อมยูนิตพิเศษพร้อมอยู่
“คนรุ่นใหม่ไม่ได้มองหาบ้านที่อยู่ใกล้เมืองที่สุดอีกต่อไป แต่พวกเขาต้องการบ้านที่ ‘ใช้ชีวิตได้ดีที่สุด’”
ทำเลที่ใช่ ต้องไม่ใช่แค่ “วันนี้”
ความสำเร็จของแสนสิริในโซน “ดอนเมือง-สายไหม” ไม่ได้เกิดจากจังหวะตลาดเพียงอย่างเดียว หากแต่เกิดจากความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค และการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ในแต่ละช่วงชีวิตได้อย่างแท้จริง
การเดินหน้าพัฒนา Sansiri Chatuchot Community ชุมชนที่อยู่อาศัยแบบองค์รวมแห่งใหม่ในกรุงเทพเหนือ คือการตอกย้ำวิสัยทัศน์ระยะยาว ที่มองว่าพื้นที่นี้ไม่ใช่เพียงจุดเติบโตในวันนี้ แต่คือ “อนาคต” ของการใช้ชีวิตอย่างสมดุลในกรุงเทพฯ
ดอนเมือง-สายไหม ไม่ใช่ทางเลือก…แต่คือคำตอบ
การเติบโตของยอดขายบ้านแนวราบในโซนดอนเมือง-สายไหม เป็นเครื่องสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากการแสวงหาทำเลที่มีความคุ้มค่า พร้อมศักยภาพในการอยู่อาศัยและลงทุนในระยะยาว แสนสิริมองเห็นสิ่งนี้ และสามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้จากความเข้าใจตลาดที่ลึกซึ้ง
ในวันที่ทำเลในเมืองแออัด และราคาแตะไม่ถึง ดอนเมือง-สายไหม อาจเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่มองหาความลงตัว…ระหว่างการใช้ชีวิตและการลงทุน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
กรมที่ดิน ทำตามขั้นตอนครบถ้วน เบรกคำสั่ง ‘เดชอิศม์’ ยุติเพิกถอน โฉนดที่ดิน‘เขากระโดง’

- กรมที่ดินยืนยันคำสั่งยุติการเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง โดยชี้แจงว่าได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลและขั้นตอนทางกฎหมายครบถ้วนแล้ว
- คณะกรรมการสอบสวนฯ ที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งศาล มีความเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจนว่าเป็นที่ดินของการรถไฟฯ และการออกโฉนดชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นเหตุผลให้ยุติเรื่อง
- การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ยื่นฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครองกลางอีกครั้ง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งยุติเรื่องดังกล่าว ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา
กรณีปมร้อนที่ดินเขากระโดง บุรีรัมย์ ยังไม่จบโดยง่ายเมื่อ กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินตามคำสั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รอผลการตัดสินของศาลปกครองหลังการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ยื่นฟองกรมที่ดิน
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2568 เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ กระทรวงมหาดไทย มีรายงานว่ากรมที่ดิน จะเข้ากระทรวงเพื่อรายงานเรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ต่อกระทรวงมหาดไทย หลังจากนั้นนายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (ก่อนหน้านี้เคยเป็นอธิบดีกรมที่ดิน ยุคนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย) จะแถลงข่าวกรณีการดำเนินการกับที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์
ทั้งนี้ กรมที่ดินได้ชี้แจงว่า ตามที่สื่อมวลชนให้ความสนใจในประเด็นการดำเนินการกับที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์และกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณี ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน บริเวณเขากระโดง กรมที่ดิน ขอสรุปประเด็นเพื่อชี้แจง ดังนี้
1. ตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ ภาค 3 กรมที่ดินได้ดำเนินการแล้ว ดังนี้
1.1 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842 – 876/2560 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 สำนักงานที่ดิน จังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินการยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินของราษฎร จำนวน 35 ราย ที่ฟ้องคดี พร้อมทั้งจำหน่าย ส.ค. 1ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดินแล้ว
1.2 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใน น.ส. 3 ข. เลขที่ 200 หมู่ที่ 9 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ (บางส่วน) ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แล้ว
1.3 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 ลงวันที่ 22 เมษายน 2563 สำนักงานที่ ดินจังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ รวม 3 ฉบับ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 แล้ว ดังนั้น กรมที่ดินจึงได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลทั้งสามคดีครบถ้วนแล้ว
2. ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2566 ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการกับที่ดินแปลงอื่น จำนวน 995 แปลง ที่อยู่ในบริเวณที่การรถไฟฯ อ้างสิทธิ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯตามคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการสอบสวนฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว
อเท็จจริงยังไม่ชัดเจนเป็นที่ยุติว่าที่ดินเป็นของการรถไฟฯ และการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่เขากระโดงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมีความเห็นไม่สมควรเพิกถอนโฉนดที่ดิน อธิบดีกรมที่ดินได้พิจารณาความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนฯแล้วเห็นชอบด้วย จึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง
การรถไฟฯ จึงได้อุทธรณ์คำสั่งยุติดังกล่าว ซึ่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน พิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งยุติเรื่องของอธิบดีกรมที่ดินชอบด้วยกฎหมายจึงยกอุทธรณ์ของการรถไฟฯ และกรมที่ดินได้แจ้งสิทธิการฟ้องคดีให้การรถไฟฯ ทราบแล้ว
3. เนื่องจากคำสั่งให้ยุติเรื่องตามข้อ 2 การรถไฟฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดให้เรียกอธิบดีกรมที่ดินมาไต่สวน เนื่องจากเห็นว่าอธิบดีกรมที่ดินยังดำเนินการไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่ออธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ จึงเป็นการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางแล้ว ส่วนการรังวัดหาแนวเขตที่ดินของการรถไฟฯ เป็นเพียงข้อแนะนำของศาล ซึ่งกรมที่ดินก็ได้ดำเนินการแล้วเช่นกัน แต่หากการรถไฟฯ เห็นว่าอธิบดีกรมที่ดินดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา การรถไฟฯ ก็ชอบที่จะยื่นเป็นคำร้องต่อศาลปกครองชั้นต้นที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดี ซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณามีคำสั่งหรือไต่สวน ศาลปกครองสูงสุดจึงยกคำร้องของการรถไฟฯ
4. การรถไฟฯ จึงได้ฟ้องกรมที่ดิน อธิบดีกรมที่ดินและปลัดกระทรวงมหาดไทย ต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งยุติเรื่องและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้ศาลได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและอยู่ระหว่างกรมที่ดินทำคำให้การต่อสู้คดี
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้18ก.ย. “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าช่วงคืนที่ผ่านมา หลังเฟดมีมติลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.00-4.25% ตามที่ตลาดคาด และเฟดมีความเป็นกลาง ไม่ขึ้นกับอิทธิพลทางการเมือง ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกดดันราคาทองคำปรับตัวลดลง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18ก.ย.2568ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.73 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดจาก Dot Plot ล่าสุด ที่น้อยกว่า ความคาดหวังของตลาด อาจเป็นปัจจัยหนุนให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยรีบาวด์สูงขึ้นได้บ้าง ตามที่เราได้ประเมินในวันก่อนหน้า ซึ่งภาพดังกล่าว จะสามารถกดดันราคาทองคำ และเงินบาทได้ในระยะสั้น จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
โดยเรามองว่า เงินบาท (USDTHB) อาจทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ทดสอบโซนแนวต้าน 31.85 บาทต่อดอลลาร์ ทว่า การอ่อนค่าเหนือโซนดังกล่าว ก็อาจค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน
อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ เมื่อเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน แต่ทว่า หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน เรามองว่า เงินบาทเสี่ยงกลับเข้าสู่แนวโน้มการอ่อนค่าลงอีกครั้ง เมื่อพิจารณาจากกลยุทธ์ Trend-Following
อีกทั้ง เราพบว่า บรรดานักวิเคราะห์ต่างชาติหลายแห่ง ได้ทยอยประเมินความเสี่ยงเงินบาทอาจอ่อนค่าลง และเมีการแนะนำ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้จริง ก็อาจเห็นโฟลว์ธุรกรรม Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) เพิ่มเติม จากบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะฝั่งผู้เล่นต่างชาติ
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างมีนัยสำคัญนัก จนกว่าจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ทว่า ในระยะสั้น อย่าง คืนนี้ เราแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ หลังในสัปดาห์ก่อนหน้า ข้อมูลที่แย่กว่าคาด
ทำให้ ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ และเพิ่มความมั่นใจต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด (ซึ่งสุดท้าย เฟดยังคงส่งสัญญาณไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย)
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.75-32.00 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน 31.85 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.60-31.83 บาทต่อดอลลาร์) หลังเฟดมีมติลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.00-4.25% ตามที่ตลาดคาด
ทว่า คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot ใหม่ของเฟด กลับสะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้ (จำนวนการลดดอกเบี้ยของเฟดในปี 2025 2026 2027 คือ 3-1-1
ขณะที่ตลาดประเมิน 3-3-0) อีกทั้งเฟดก็ไม่ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ที่ระบุว่า การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ ถือเป็น การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากขึ้น
พร้อมย้ำจุดยืนของเฟดที่จะพิจารณาการดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ โดยไม่มี Preset Path ของแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย และการดำเนินงานของเฟดก็มีความเป็นกลาง ไม่ขึ้นกับอิทธิพลทางการเมือง ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลง ส่วนเงินบาทก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน หลังรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟดในเดือนกันยายน ที่แม้เฟดจะลดดอกเบี้ย 25bps ตามคาด ทว่า เฟดกลับไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยมากเท่ากับที่ตลาดคาดหวัง สร้างแรงกดดันต่อบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ Nvidia -2.6%, Amazon -1.0% ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.10% ขณะที่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ย่อตัวลง -0.33%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวเล็กน้อย -0.03% หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรป แม้จะพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ และบริษัทยาขนาดใหญ่ บางส่วน แต่ก็เผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามแรงขายทำกำไรและการย่อตัวลงบ้างของราคาน้ำมันดิบ
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของเฟดที่สะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในอนาคต น้อยกว่า ที่ตลาดคาดหวัง ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4.08% สอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้า ที่ประเมินว่า ในช่วงระยะสั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่อาจจะรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง
หากผลการประชุม FOMC ของเฟดเดือนกันยายน ไม่ได้เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง ซึ่งเราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลง
โดยเฉพาะแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในระยะยาว (Long-run rate) อนึ่ง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (ไม่ควรไล่ราคาซื้อ เนื่องจากในช่วงนี้ Risk-Reward อาจไม่คุ้มค่า) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังเฟดส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยในอนาคต น้อยกว่าที่ตลาดคาดหวัง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวสูงขึ้นสู่โซน 96.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 96.2-97.1 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด ที่สะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ย น้อยกว่าที่ตลาดคาดหวัง ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) พลิกกลับมาปรับตัวลดลง สู่โซน 3,690-3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งเราประเมินว่า BOE อาจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.00% หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนสิงหาคม ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานอังกฤษก็ยังไม่ได้ชะลอตัวลงหนัก
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) หลังข้อมูลในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ได้พุ่งสูงขึ้นมากกว่าคาด
ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มการชะลอตัวลงของตลาดแรงงานสหรัฐฯ (แม้ว่าจะมีการเปิดเผยในภายหลังว่า ยอดดังกล่าวที่พุ่งสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการทุจริตยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานในรัฐเท็กซัส) พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานภาวะภาคธุรกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ อาทิ Philadelphia Fed
และในฝั่งเอเชีย ในช่วงราว 6.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันศุกร์นี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจมีผลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีการประชุมนโยบายการเงินในวันศุกร์เช่นกัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.79-31.81 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินเอเชีย และแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลกเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังผลการประชุมเฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดยังระมัดระวังในการประเมินจังหวะการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะแม้ตลาดแรงงานจะอ่อนแอลง แต่แรงกดดันเงินเฟ้อก็อาจขยับสูงขึ้นในระยะข้างหน้าด้วยเช่นกัน (dot plot สะท้อนโอกาสการลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ และอีกเพียง 1 ครั้งปีหน้า และมีการปรับตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้น)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.70-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การตอบรับของตลาดต่อผลการประชุมเฟด สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ผลการประชุม BOE รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“เมย์” รัชนก ไล่ต้อนคู่แข่งขาดลอยลิ่วรอบ 2 แบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส

“เมย์” รัชนก อินทนนท์ โชว์ฟอร์มแกร่งห ลิน เซียงตี้ จากไต้หวันไปอย่างขาดลอย 2 เกมรวด ผ่านเข้าสู่รอบสอง แบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส 2025 ขณะที่คู่ผสม “โอโม่-ปอป้อ” ต้านความเก๋าคู่จีนไม่ไหว พ่ายตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
การแข่งขันแบดมินตันรายการ ไชน่า มาสเตอร์ส 2025 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,250,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 40,000,000 บาท ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันพุธที่ 17 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ในรอบแรก
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 10 ของโลก พบกับ หลิน เซียงตี้ มืออันดับ 20 ของโลกจากไต้หวัน เกมนี้เมย์ รัชนก สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และทำคะแนนนำห่างจากคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถปิดเกมเอาชนะไปได้ขาดลอย 2-0 เกม 21-10 และ 21-10 “เมย์” รัชนก ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ หวัง ซี่ยี่ มืออันดับ 2 ของโลกจากจีน ส่วน “แครอท” พรพิชชา เชยกีวงศ์ แพ้ โทโมกะ มิยาซากิ จากญี่ปุ่น 0-2 เกม 11-21 และ 11-21
ประเภทคู่ผสม รอบแรก “โอโม่” พณิชพล ธีระรัตน์สกุล กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย พบกับ กัว ซินวา กับ เฉิน ฟางฮุ้ย คู่มือวางอันดับ 7 ของรายการ คู่มืออันดับ 5 ของโลกจากจีน เกมนี้ คู่ โอโม่ กับ ปอป้อ ก็พยายามโชว์ผลงานได้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่สามารถหยุดความเก๋าของคู่จีนได้พ่ายไป 0-2 เกม 14-21 และ 13-21
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
ทุกๆ 7 วินาที ผู้ป่วยอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น 1 ราย สูงวัยเสี่ยงสมองเสื่อม 8.2%

- อายุยืนมากขึ้น เสี่ยง “โรคอัลไซเมอร์” มากขึ้น ซึ่งทุกๆ 7 วินาที พบผู้ป่วยเพิ่ม 1 ราย
- การนอนหลับ การได้ยิน สุขภาพฟัน ขาดการใช้สมอง ขาดออกกำลังกาย ความเครียด ภาวะซึมเศร้า พฤติกรรมการกินที่ไม่ดี ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ขาดปฎิสัมพันธ์ทางสังคม ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงอัลไซเมอร์
- อัลไซเมอร์สามารถป้องกันได้หากปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง หรือตรวจพบเร็ว เพื่อชะลอการเสื่อมของสมองได้
ทุกวันที่ 21 กันยายนของทุกปีเป็น “วันอัลไซเมอร์โลก” ซึ่งมีการรณรงค์ให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญ เข้าใจ “โรคอัลไซเมอร์” มากขึ้น ทั้งในด้านการส่งเสริมป้องกันและการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม เนื่องจากโรคดังกล่าวพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ทุกๆ 7 วินาที จะมีผู้ป่วยอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น 1 คน และขณะนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกถึง 4.6 ล้านคนต่อปี
ประเทศไทย ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่ประมาณการว่า ประชากรไทยที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นสมองเสื่อมประมาณ 8.2% ยิ่งไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแบบสมบูรณ์ มีผู้สูงวัยเกิน 60 ปี จำนวน 14 ล้านคน คาดว่ามีผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมในประเทศไทยประมาณ 900,000 คน หรือเกือบ 1 ล้านคน ที่ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (16 กันยายน 2568) ที่อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศูนย์ดูแลภาวะสมองเสื่อม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับชมรมสมองใส่ใจสบาย และหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกสภากาชาดไทย จัดโครงการรณรงค์เนื่องในวันอัลไซเมอร์โลกอย่างต่อเนื่องทุกปี ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)กรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน ด้วยแนวคิด “กล้าถามเปิดใจ เข้าใจอัลไซเมอร์”
อายุยืนยาว เสี่ยงอัลไซเมอร์พุ่ง
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า การสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์มีความสำคัญอย่าง โดยเน้นย้ำถึงการป้องกัน การดูแลตนเอง และการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและญาติ เพราะภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์เป็นปัญหาด้านสุขภาพและปัจจุบันพบผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้คนในขณะนี้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น
“โรคอัลไซเมอร์ สามารถป้องกันได้หากปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง หรือตรวจพบเร็ว เพื่อชะลอการเสื่อมของสมองได้ แต่หากผู้ป่วยแล้วจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยผู้ป่วย ญาติ แพทย์ผู้ดูแล และสังคมรอบข้างมีความเข้าใจโรคมากขึ้น โดยต้องมุ่งเน้น Self-care เพื่อสร้างความยั่งยืนของการดูแลสุขภาพในปัจจุบันต้องอาศัยการดูแลตนเองเป็นหลัก”
การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคน “กล้าถามเพื่อจะเข้าใจ” เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์มากขึ้น และหากรู้ถึงความเสี่ยงว่ามีโอกาสเป็นโรค หรือไม่ จะนำไปสู่การดูแลตนเองช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพในอนาคต และมุ่งหวังให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพัฒนาความเข้าใจและการดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมให้มีประสิทธิภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยและญาติ
หลงลืมตามวัย VS อัลไซเมอร์
รศ.นพ.สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไชย หัวหน้าศูนย์ดูแลภาวะสมองเสื่อม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึง “รู้ทัน ป้องกันอัลไซเมอร์ได้” ว่าคนสมองเสื่อมแล้ว ไม่สามารถเรียนรู้ใหม่ได้ แต่จะจำเรื่องราวเดิมที่มีอยู่ ความจำที่เสื่อมถอยจนนำไปสู่การใช้ชีวิตปกติไม่ได้ ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคสมองเสื่อมที่พบบ่อย คือ เป็นไปตามวัย , อัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมอง
ความแตกต่างระหว่างการหลงลืมทั่วไป/หลงลืมตามวัย,ภาวะสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ นั้น โดย
- ความหลงลืมทั่วไป/หลงลืมตามวัย
ถือเป็นเรื่องปกติที่ความจำเสื่อมถอยลงตามวัย เนื่องจากสมองก็เหมือนอวัยวะอื่นๆ ที่เสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น เช่น การจำชื่อคนใหม่ๆ ยากขึ้น หรือลืมว่าเดินมาหยิบอะไรเล็กๆ น้อยๆ ชั่วขณะหนึ่ง โดยรวมแล้วการหลงลืมตามวัย จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน
- ภาวะสมองเสื่อม (Dementia)
เป็นคำกว้างๆ ที่หมายถึงการเสื่อมถอยของความสามารถทางสมอง6ด้าน (Cognitive domains:การรู้คิด) และที่สำคัญคือ การถดถอยนี้ต้องมากพอที่จะมีผลกระทบกับความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน
- โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)
เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะสมองเสื่อม
6 ความสามารถ ‘ภาวะสมองเสื่อม’
หัวหน้าศูนย์ดูแลภาวะสมองเสื่อม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อธิบายต่อว่าภาวะสมองเสื่อมที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันจะมีทั้งหมด 6 ด้าน ซึ่งภาวะสมองเสื่อมเกิดจากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ เป็นไปตามวัย ,โรคอัลไซเมอร์ (ซึ่งมักจะเริ่มด้วยปัญหาความจำก่อน )และ โรคหลอดเลือดสมอง (อาจมีปัญหาด้านสมาธิและการบริหารจัดการมากกว่าความจำโดยตรง)
ทั้งนี้ ภาวะสมองเสื่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันผ่านความสามารถทางสมอง 6 ด้าน ได้แก่
1. ความจำ (Memory) ผู้ป่วย ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ แม้ความจำเก่าๆ อาจยังดีอยู่มาก การพยายามแก้ไขหรือบอกว่าสิ่งที่พูดไปไม่จริงมักจะไม่ได้ผลและอาจนำไปสู่การทะเลาะกันได้
2. สมาธิ (Attention/Concentration) ผู้ป่วยมีปัญหาในการจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานๆ ทำให้ ไม่สามารถลงทะเบียนข้อมูลใหม่ๆ ได้ดี เช่น เดินไปกลางทางแล้วลืมว่าจะหยิบอะไร และไม่สามารถนึกออกได้เลย
3. ความสามารถในการบริหารจัดการ (Executive Function / Management Ability) ผู้ป่วยมีการใช้เหตุผลและการตัดสินใจที่แย่ลงมาก ทำให้ เป็นคนใจร้อน ขี้โมโห ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้เหมือนเด็กเล็ก และ ถูกหลอกง่าย โดยคอลเซ็นเตอร์หรือแก๊งค์หลอกลวง บางคนอาจกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว
4. ภาษา (Language) ผู้ป่วยบางรายมีปัญหาเรื่องภาษาเป็นอาการนำ อาจพูดจา ฟังไม่รู้เรื่อง คำศัพท์หายไป ไวยากรณ์ผิด หรือบางคนพูดคล่องแต่ ไม่เข้าใจความหมาย ที่สื่อสารกัน ตัวผู้ป่วยเองอาจไม่รู้ตัวว่าตนเองสื่อสารได้ไม่ดี
5. การรับรู้และทิศทาง (Perception and Orientation) ผู้ป่วยมองเห็นสิ่งของแต่ หาไม่เจอ หรือไม่สามารถตีความได้ว่าคืออะไร มีปัญหาในการรับรู้เชิง 3 มิติ ทำให้ หลงทางบ่อยๆ โดยเฉพาะในสถานที่คุ้นเคย มีความสามารถในการกะระยะและความเร็วลดลง ทำให้ ขับรถเกิดอุบัติเหตุง่าย และอาจทำกิจกรรมที่เป็นขั้นตอนซับซ้อนไม่ได้ เช่น แปรงฟัน หรือแต่งตัวไม่ถูกลำดับ
6. ความสามารถในการเข้าสังคม (Social Interaction Ability) ผู้ป่วยไม่สามารถรับรู้อารมณ์ของตนเองและคู่สนทนา ไม่มีความเข้าอกเข้าใจ ขาดการใช้เหตุผลและการยับยั้งชั่งใจ ทำให้กลายเป็น คนเห็นแก่ตัว ไม่มีเหตุผล และควบคุมตัวเองไม่ได้
ปัจจัยเสี่ยงเกิด “อัลไซเมอร์”
รศ.นพ.สุขเจริญ กล่าวต่อว่า โรคอัลไซเมอร์นั้น มีการค้นพบมาตั้งแต่ในปี 1906 โดย Dr. Alois Alzheimer จากกรณีของ Auguste Deter ที่มีอาการความจำสั้น หวาดระแวง และเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 50 ปี โดยกลไกการเกิดโรค มาจากการสะสมโปรตีน 2 ชนิดในสมอง ได้แก่ อะไมลอยด์ (Amyloid protein) และโปรตีนเทาว์ (Tau protein) ซึ่งโปรตีนผิดปกติเหล่านี้จะสะสมตัวเป็นเวลานาน (เช่น 20-25 ปี) ก่อนแสดงอาการ
“ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ ได้แก่ อายุที่เพิ่มขึ้น, เพศหญิง (พบในผู้หญิง 2 ใน 3 ราย), และประวัติครอบครัว พันธุกรรม (มีความเสี่ยงสูงขึ้น 1 เท่าตัว) รวมถึง ปัจจัยเสี่ยงใหม่ๆ ที่สามารถป้องกันได้ คือ การนอนหลับ ซึ่งการนอนหลับลึกโดยเฉพาะ 3 ชั่วโมงแรก มีบทบาทสำคัญในการล้างของเสีย (โปรตีนผิดปกติ) ออกจากสมองผ่านระบบน้ำเหลืองในสมอง และไม่ควรงีบหลับกลางวันเกิน 1 ชั่วโมง (แนะนำ 30 นาที) รวมทั้ง ท่านอนตะแคงดีกว่านอนหงาย เพราะลดความเสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ”
นอกจากนั้น เรื่องของสุขภาพช่องปาก การที่ฟันผุและการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากสามารถกระตุ้นการอักเสบและเร่งการเกิดอัลไซเมอร์ได้ การเคี้ยวด้วยฟันกรามช่วยกระตุ้นสมอง การใช้ฟันกรามน้อยลงอาจเพิ่มความเสี่ยง,แสงสว่าง ควรนอนในห้องที่มืดสนิท เพื่อรักษาวงจรการตื่น-หลับตามธรรมชาติ
อย่าขาดการใช้สมอง ออกกำลังกาย
หัวหน้าศูนย์ดูแลภาวะสมองเสื่อม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวอีกว่าหากอายุมากขึ้น
- ควรจะมีการใช้สมองอย่างต่อเนื่อง เพราะสมองก็เหมือนอวัยวะอื่นๆ ที่หากทำงานมากก็จะแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะผู้เกษียณควรพยายามใช้สมองอยู่เสมอ
- อย่าขาดการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายช่วยให้โปรตีนผิดปกติถูกเคลียร์ได้ดีขึ้น และช่วยให้สมองเติบโตได้ดีขึ้น
- ลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์
- โรคประจำตัวที่ไม่ได้รับการควบคุม เช่น ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
- พฤติกรรมการกินที่ไม่ดี การกินอาหารรสหวานจัด เค็มจัด มันจัด
- การใช้สารเสพติด แอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ ควรหยุดพฤติกรรมเหล่านี้เพราะเป็นอันตราย
- การขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การไม่ออกไปท่องเที่ยวนอกบ้าน การขาดกิจกรรมทางสังคม ทำให้จิตใจไม่เบิกบาน
- การสูญเสียการได้ยิน
- ปัญหาการดมกลิ่น การสูญเสียการได้กลิ่นอาจเป็นอาการนำของสมองเสื่อมบางชนิด เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
ตรวจวินิจฉัย-แนวทางการรักษา
รศ.นพ.สุขเจริญ กล่าวด้วยว่า สำหรับการตรวจวินิจฉัย และการรักษาในปัจจุบัน จะมีการตรวจเลือด ซึ่งแม้เทคโนโลยีจะพัฒนาขึ้น แต่ยังมีความผิดพลาด (ผลบวกเทียม/ลบเทียม) ซึ่งการตรวจเลือด ไม่ควรตรวจในผู้ที่ยังไม่มีอาการ หรือผู้ที่สมองยังปกติ การตรวจเลือดนี้จะทำเฉพาะในผู้ที่มีอาการแล้วเท่านั้น เพราะหากตรวจพบในคนปกติ ก็ยังไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ และอาจทำให้เกิดความร้อนใจโดยไม่จำเป็น
การทำเพทสแกน (PET Scan) เป็นการตรวจเอกซเรย์สมองโดยการ ฉีดสารกัมมันตรังสี เข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งสารนี้จะไป จับกับโปรตีนผิดปกติ เช่น อะไมลอยด์โปรตีน ที่สะสมอยู่ในสมอง ทำให้สามารถถ่ายภาพการสะสมของโปรตีนนั้นได้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ถือว่าเป็นการ “จับผู้ร้าย” โดยตรงที่สุด แต่มีข้อจำกัด คือ มี ค่าใช้จ่ายสูงมาก โดยการทำเพทสแกนแต่ละครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายถึง “เกือบครึ่งแสนบาท” และมีข้อจำกัดด้านโรงพยาบาลที่สามารถให้บริการได้ ดังนั้น การทำเพทสแกนจะทำเฉพาะในคนที่มีอาการที่สงสัยว่าเป็นภาวะสมองเสื่อมแล้วเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับคนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการ
ส่วนการยาใหม่ (Lecanemab) ซึ่งเป็นยาฉีดเข้าเส้นทุก 2 สัปดาห์ (นาน 18 เดือน) มีราคาแพงมาก (กว่าล้านบาท) ทำหน้าที่เคลียร์โปรตีนอะไมลอยด์ในสมอง ช่วยชะลอการเสื่อมถอยได้บ้าง แต่ไม่ได้รักษาให้หายขาด และมีผลข้างเคียง เช่น สมองบวมหรือมีเลือดออกในสมอง (10-30%)
ดูแลตนเอง ป้องกัน ชะลอภาวะสมองเสื่อม
การป้องกันและชะลอภาวะสมองเสื่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพองค์รวม ดังนี้
- กระตุ้นสมอง: ใช้สมองอย่างต่อเนื่อง เช่น การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
- ออกกำลังกาย: ช่วยให้สมองแข็งแรงและล้างของเสียได้ดีขึ้น
- จัดการความเครียด/ภาวะซึมเศร้า: ลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมถอยของสมอง
- ควบคุมโรคประจำตัว: จัดการโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูงให้ดี
- โภชนาการ: รับประทานอาหารสุขภาพ ลดหวาน, เค็ม, มัน
- งดสารเสพติด: หยุดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
- นอนหลับอย่างมีคุณภาพ: นอนหลับให้ดีและเพียงพอ นอนหลับอย่างมีคุณภาพ
- ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม: ออกไปท่องเที่ยวและทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น
- ดูแลประสาทสัมผัส: ตรวจสุขภาพการได้ยินและการได้กลิ่น
- ดูแลสุขภาพช่องปาก: ตรวจฟันเป็นประจำ
- ฝึกสมาธิ: ช่วยให้จิตใจสงบและสมองดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความก้าวหน้าในการตรวจและรักษา แต่การป้องกันและดูแลสุขภาพแบบองค์รวมยังคงเป็นแนวทางที่เข้าถึงได้และมีประสิทธิภาพที่สุดในการรับมือกับภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
20 ประโยคภาษาอังกฤษในห้องเรียน “เมื่อคุณไม่เข้าใจ”

ประโยคภาษาอังกฤษในห้องเรียน ที่ใช้บ่อย
รวมประโยคภาษาอังกฤษ ที่คนเรียนภาษาอังกฤษ จำเป็นต้องรู้
ประโยคภาษาอังกฤษในห้องเรียน (English Classroom Phrases)
การเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนเริ่มต้น ในบางครั้งอาจมีบางเรื่องที่เรายังไม่ค่อยเข้าใจ มีข้อสงสัย ในสิ่งที่ครูกำลังสอนและอธิบาย แต่ไม่กล้าถาม ไม่มั่นใจ หรืออาจจะไม่รู้ว่า ควรพูดคำถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร?
วันนี้ เอ็ด ดู เฟิร์สท์ รวมประโยคภาษาอังกฤษในห้องเรียน ที่จำเป็น เพื่อให้คุณนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ที่โรงเรียนได้ โดยมีประโยคขออนุญาต แสดงความเห็น และถามคำถาม ในห้องเรียน มาให้นำไปปรับใช้กัน รับรองว่าเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอย่างแน่นอนค่ะ
20 ประโยคภาษาอังกฤษในห้องเรียน ที่ใช้บ่อย
ประโยคภาษาอังกฤษ เมื่อมาสาย, ขาดเรียน
ในแต่ละวันอาจเกิดเหตุสุดวิสัย Accident ทำให้เราอาจมาช้า หรือ เข้าเรียนสาย การกล่าวขอโทษนับเป็นมารยาทที่น่ารัก โดยเราสามารถพูดเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ ด้วยประโยคเหล่านี้
ตัวอย่างประโยค
• I’m sorry I am late.
ขอโทษที่มาสาย ครับ / ค่ะ
• Can I come in?
ผม / หนู เข้าไปได้ไหมครับ / คะ?
• I didn’t come to school yesterday.
เมื่อวานไม่ได้มาโรงเรียน ครับ / ค่ะ
• Sorry, I missed the last class.
ขอโทษค่ะ ครั้งที่แล้วไม่ได้มาเรียน ครับ / ค่ะ
• I’m going to miss the next class.
ครั้งหน้ามาเรียนไม่ได้ ครับ / ค่ะ
• Nobody is absent today.
วันนี้ไม่มีคนขาดเรียน ครับ / ค่ะ
• Peter is absent today.
วันนี้ Peter ขาดเรียน ครับ / ค่ะ
ประโยคขอให้ครูพูดซ้ำอีกครั้ง, อธิบายอีกครั้ง
ตัวอย่างประโยค
• Can you repeat that again, please?
ครูช่วยพูดซ้ำอีกครั้งได้ไหม ครับ / คะ?
• Can you speak slower, please?
ครูช่วยพูดช้ากว่านี้อีกหน่อยได้ไหม ครับ / คะ?
• I did not catch what you said.
ผม / หนู ฟังที่ครูพูดไม่ทัน ค่ะ / ครับ
• Can you speak a bit slower, please?
ช่วยพูดให้ช้าลงหน่อยได้ไหม คะ / ครับ?
ประโยคคำถาม เมื่อไม่เข้าใจ
เมื่อคุณไม่เข้าใจ ในสิ่งที่ครูพูด คุณสามารถใช้ประโยคคำถามเหล่านี้ เพื่อให้คุณครู พูดอธิบายกับคุณให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งคำนามออกเป็นแบบนับได้และนับไม่ได้ (Countable and Uncountable) โดยคำนามที่นับได้นั้นจะมีได้ทั้งรูปเอกพจน์และพหูพจน์ (เช่น a man, two men) แต่คำนามนับไม่ได้นั้นจะเป็นได้แค่คำนามเอกพจน์เท่านั้น (water, a glass of water)
ตัวอย่างประโยค
• Excuse me, can I talk to you for a minute?
ขออนุญาติ ครับ / ค่ะ, ผม / หนู ขอคุยกับครูหน่อยได้ไหม ครับ / คะ ?
• I have a question.
มีคำถามครับ / ค่ะ
• How do you pronounce this word?
คำนี้ออกเสียงอย่างไร ครับ / คะ?
• How should I pronounce “…”?
ผม / หนู ควรออกเสียง “ …” อย่างไร ครับ / คะ?
• I didn’t understand today’s lesson.
ผม / หนู ไม่เข้าใจบทเรียนของวันนี้ ครับ / ค่ะ
• How do you spell “…”?
คำนี้ “…” สะกดยังไง ครับ / คะ?
• What does UK stand for?
UK ย่อมาจากอะไร ครับ / คะ?
• Would you give us an example?
ช่วยยกตัวอย่างให้หน่อยได้ไหม ครับ / คะ?
• Could you explain a little bit more about that?
ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม ครับ / คะ?
•Does this word have another meaning?
คำนี้มีความหมายอื่นอีกไหม ครับ / คะ?
• What is the difference between “a” and “b”?
อะไรคือความแตกต่างระหว่าง“ a” และ“ b” ครับ / คะ?
• I don’t understand the homework.
ผม / หนู ไม่เข้าใจการบ้าน ครับ / ค่ะ
• When is the homework due?
การบ้านต้องส่งเมื่อไหร่ ครับ / คะ?
• I haven’t finished my homework yet. Can I hand it in later?
ผม / หนู ยังทำการบ้านไม่เสร็จ ขอส่งตามไปทีหลังได้ไหมครับ / คะ ?
• I don’t understand how to do this exercise.
ผม / หนู ไม่เข้าใจว่าแบบฝึกหัดนี้ทำยังไง?
• I still don’t understand.
ผม / หนู ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
ประโยคภาษาอังกฤษ ขออนุญาต ลุกออกจากที่นั่ง
ตัวอย่างประโยค
• Can I go to the restroom?
ผม / หนู ไปห้องน้ำได้ไหม ครับ / คะ?
• Can I change seats?
ผม / หนู สามารถเปลี่ยนที่นั่งได้หรือไม่ ครับ / คะ?
• Can I open the window?
ขออนุญาตเปิดหน้าต่างได้ไหม ครับ / คะ?
• I feel sick. May I go to the medical room?
ผม / หนู รู้สึกไม่สบาย ขออนุญาตไปห้องพยาบาลได้ไหม ครับ / คะ ?
• I have a headache. May I go to the medical room?
ผม / หนู รู้สึกปวดหัว ขออนุญาตไปห้องพยาบาลได้ไหม ครับ / คะ?
• I can’t see the board.
ผม / หนู มองกระดานไม่เห็น ครับ / ค่ะ
• Let me help you clean the board.
ให้ ผม / หนู ช่วยลบกระดาน นะครับ / นะคะ
ประโยคภาษาอังกฤษ การแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน
ตัวอย่างประโยค
• I wonder…
สงสัยว่า…
• I agree with … because…
เห็นด้วยกับ… เพราะ…
• I disagree with… because…
ไม่เห็นด้วยกับ… เพราะ…
• I can relate to that because…
รู้สึกเข้าใจหรือมีส่วนร่วมต่อเรื่องดังกล่าว เพราะ…
• That Idea connects to…
แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ…
•I’d like to add…
อยากจะเพิ่มเติมในส่วนของ…
• I see… differently now because…
มอง… ต่างออกไปจากเดิมในเวลานี้ เพราะว่า…
• What you said made me think…
สิ่งที่อาจารย์พูดทำให้ คิดได้ว่า…
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
พบส่วนขยายเบราว์เซอร์ Chrome ปลอม จ้องขโมยบัญชี Facebook-Instagram

- พบส่วนขยายเบราว์เซอร์ปลอมตระกูล “SocialMetrics Pro” และ “Madgicx Plus” ที่พุ่งเป้าขโมยบัญชีธุรกิจ Facebook และ Instagram
- ใช้วิธีหลอกล่อด้วยข้อเสนอเกินจริง เช่น การให้เครื่องหมาย Verified (ติ๊กถูกสีฟ้า) ฟรี หรือเครื่องมือ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาเพื่อจูงใจให้ติดตั้ง
- เมื่อติดตั้งแล้ว ส่วนขยายจะทำหน้าที่เป็นมัลแวร์ ขโมยข้อมูลคุกกี้เซสชันและข้อมูลส่วนตัว ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ายึดบัญชีได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน
รายงานข่าวจากศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ( PDPC Eagle Eye) ระบุว่า ขณะนี้มีแคมเปญโจมตีรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนและอันตรายอย่างยิ่ง กำลังพุ่งเป้าขโมยบัญชีธุรกิจ Facebook และ Instagram โดยเฉพาะผ่านส่วนขยายเบราว์เซอร์ (Browser Extension) ปลอม 2 ตระกูลหลัก คือ “SocialMetrics Pro” และ “Madgicx Plus”
วิธีหลอกล่อด้วย “เครื่องหมาย Verified ติ๊กถูกสีฟ้า” จากส่วนขยาย SocialMetrics Pro มิจฉาชีพจะยิงโฆษณามาหาคุณโดยตรง พร้อมวิดีโอสอนการใช้งาน ชวนเชื่อว่าหากติดตั้งส่วนขยาย “SocialMetrics Pro” จะสามารถปลดล็อกเครื่องหมาย Verified (ติ๊กถูกสีฟ้า) ให้กับโปรไฟล์ Facebook หรือ Instagram ได้ฟรีๆ หรือมีฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ

แต่ในความเป็นจริง เมื่อติดตั้ง ส่วนขยายตัวร้ายนี้จะเริ่มทำงานทันที โดยมันจะขโมยข้อมูลคุกกี้เซสชัน (Session Cookies) ของ Facebook และส่งตรงไปยังบ็อต Telegram ของแฮกเกอร์ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าสู่ระบบและยึดบัญชีของผู้ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน
ใช้คำโฆษณาเกินจริง หลอกล่อว่ามี “เครื่องมือ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา” (Madgicx Plus)
อีกแคมเปญหนึ่งจะมาในรูปแบบของเว็บไซต์ปลอม ที่แอบอ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มชื่อ “Madgicx Plus” ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI สุดล้ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา มันจะหลอกให้ติดตั้งส่วนขยายบนเบราว์เซอร์ Chrome
เมื่อติดตั้งแล้ว ส่วนขยายนี้จะทำหน้าที่เป็นมัลแวร์เต็มรูปแบบ โดยมันจะขอสิทธิ์เข้าถึง “ข้อมูลทั้งหมดบนเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม” ทำให้มันสามารถดักจับและแก้ไขข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ต ตรวจสอบกิจกรรมการท่องเว็บทั้งหมด ขโมยข้อมูลที่คุณกรอกในฟอร์มต่างๆ เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน หรือแม้แต่หลอกให้เชื่อมต่อบัญชี Facebook และ Google เพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล
รายชื่อส่วนขยายอันตรายที่ถูกตรวจพบ (บางส่วนขยายยังมีให้โหลดอยู่บน Chrome Web Store)
Madgicx Plus (ID: eoalbaojjblgndkffciljmiddhgjdldh)
Meta Ads SuperTool (ID: cpigbbjhchinhpamicodkkcpihjjjlia)
Madgicx X Ads (ID: cpigbbjhchinhpamicodkkcpihjjjlia)
เป้าหมายสูงสุดของแฮกเกอร์คืออะไร?
บัญชีธุรกิจและบัญชียิงแอดมีมูลค่ามหาศาล แฮกเกอร์จะนำบัญชีที่ขโมยได้ไปขายต่อในตลาดมืด หรือนำบัญชีไปใช้ยิงโฆษณาหลอกลวงผู้อื่นต่อ ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงจรไม่รู้จบ และอาจทำให้ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายโฆษณามหาศาล
วิธีป้องกันตัวเอง
• อย่าหลงเชื่อข้อเสนอที่ “ดีเกินจริง” ไม่มีเครื่องมือใดให้เครื่องหมาย Verified ฟรี หรือมี AI วิเศษที่ต้องติดตั้งผ่านโฆษณาแปลกๆ
• ห้ามติดตั้งส่วนขยายจากโฆษณา หรือจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือเด็ดขาด ควรติดตั้งจาก Chrome Web Store และต้องอ่านรีวิวอย่างละเอียดก่อนเสมอ
• ตรวจสอบ “สิทธิ์การเข้าถึง” (Permissions) ก่อนกดติดตั้งส่วนขยายใดๆ ให้อ่านก่อนว่ามันขอเข้าถึงข้อมูลอะไรบ้าง หากเครื่องมือเล็กๆ ขอสิทธิ์ “อ่านและเปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดของคุณบนเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม” ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นอันตราย
• ตรวจสอบส่วนขยายที่ติดตั้งแล้ว เข้าไปที่การตั้งค่าส่วนขยายของเบราว์เซอร์คุณตอนนี้ (พิมพ์ chrome://extensions ในช่อง URL) และลบส่วนขยายที่ไม่รู้จัก, ไม่ได้ใช้งาน, หรือน่าสงสัยออกให้หมด
• เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เป็นปราการด่านสุดท้ายที่สำคัญที่สุด หากแฮกเกอร์ได้รหัสผ่านไป ก็ยังติดหน้า 2FA
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วิธีเก็บผักชีให้สด และมีอายุอยู่ได้นานขึ้น

หลายคนอาจเคยเจอปัญหาซื้อผักชีมาประกอบอาหาร แต่ซื้อมามากจนเกินไป และใช้ไม่หมด แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้ผักชียังคงสด สามารถนำมาใช้ได้นานยิ่งขึ้น
วิธีเก็บผักชีให้ใช้ได้นานขึ้น
ใช้กระดาษอเนกประสงค์รักษาความชื้น
-ตัดปลาย หรือใบที่แห้งของผักชีแต่ละต้นออก และเพื่อรักษาความสดและสาเหตุของการช็อกของการเติบโต ให้เล็มปลายใต้น้ำที่ไหลผ่าน
-แช่ผักชีไว้ในจานที่มีน้ำเย็นท่วม แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ถือเป็นการล้างสิ่งสกปรกและเศษเล็กเศษน้อยออกจากใบ
-นำผักชีออกจากน้ำ แล้วทำอย่างไรก็ได้ให้ผักชีเหล่านั้นแห้ง อาจจะนำไปใส่ในเครื่องปั่นสลัดเพื่อหมุนให้ผักชีแห้ง นอกจากนั้นคุณยังสามารถเช็ดใบผักชีด้วยผ้า หรือกระดาษ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าต้องให้ใบแห้งสนิท อย่างน้อยก็ไม่มีหยดน้ำอยู่
-ห่อผักชีด้วยกระดาษอเนกประสงค์ชื้น โดยวางผักชีแบบกระจายลำต้นแต่ละต้นออก ห่อด้วยความระมัดระวัง
-วางผักชีลงในภาชนะที่อากาศเข้าไม่ถึง โดยนำห่อผักชีใส่ถุงพลาสติกหรือภาชนะพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง และควรเป็นแบบสุญญากาศ จากนั้นปิดฉลากโดยระบุวันที่
-จากนั้นนำกล่องหรือถุงพลาสติกไปเก็บไว้ในตู้เย็น ซึ่งจะสามารถอยู่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์
อย่างไรก็ตามผักชีเป็นผักที่ค่อนข้างบอบบาง ดังนั้นการใช้วิธีนี้เพื่อเก็บผักชีอาจไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการเก็บด้วยวิธีอื่น แต่สำหรับวิธีนี้ก็สามารถใช้ได้ดีกับผักที่มีใบหนากว่านี้เช่นผักชีฝรั่ง สะระแหน่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/09/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 55,000.00 | 55,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,555.00 | 53,893.80 | 55,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 3,199.50 | 48,504.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,844.00 | 43,115.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,599.75 | 24,252.21 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,244.25 | 18,862.83 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,683.94 | 55,848.53 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/09/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.95 | 32.95 | 33.45 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.58 | 32.58 | 33.08 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.74 | 30.74 | 31.24 | 30.74 | 30.74 | – | 30.74 | 30.74 | 30.74 | 30.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.69 | 28.69 | – | – | – | – | – | – | – | 28.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.14 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 41.14 |
เบนซิน 95 | 41.24 | – | – | – | 49.81 | – | 41.74 | 41.39 | – | 41.24 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | – | 18.55 |