สาระน่ารู้ประจำวันที่ 09 ตุลาคม 2568

ธนบุรีเฮลท์แคร์รีแบรนด์จิณณ์สลัดภาพสูงวัยสู่เวลเนส เรสซิเดนซ์

  • โครงการ “จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” ในเครือธนบุรีเฮลท์แคร์ ประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่ สลัดภาพลักษณ์ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยสู่การเป็น “เวลเนส เรสซิเดนซ์” สำหรับคนทุกวัย
  • การปรับภาพลักษณ์ใหม่มีเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น หลังจากกลยุทธ์เดิมที่มุ่งเน้นกลุ่มผู้สูงวัยโดยเฉพาะไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร
  • ชูจุดแข็งด้านการเป็น “ชุมชนสุขภาพดี” ที่มีระบบดูแลสุขภาพครบวงจร เช่น เวลเนสเซ็นเตอร์ โรงพยาบาลในโครงการ และทีมแพทย์ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพ

หลังเงียบไประยะหนึ่ง โครงการ “จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” ในเครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กลับมาอีกครั้ง พร้อมรีแบรนด์ใหม่ในภาพลักษณ์ “เวลเนส เรสซิเดนซ์” ครบวงจร ชูจุดแข็งระบบสุขภาพ สิ่งแวดล้อม คอมมูนิตี้ สลัดภาพบ้านผู้สูงวัย พร้อมลบภาพ หมอบุญ วนาสิน สู่ไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ชีวิตคนทุกวัย

พีรพงษ์ พีระโชติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด ในเครือบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG กล่าวว่า แม้เคยเปิดตัวอย่างฮือฮาในฐานะโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยเจ้าแรกของประเทศเมื่อปี 2561 แต่ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ กลับไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร! เพราะการสื่อสารแบรนด์ในระยะแรกมุ่งไปที่กลุ่มผู้สูงวัยมากเกินไป ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนแม้มีความสนใจ แต่ยังไม่รู้สึกว่าอยู่ใน “วัยที่ใช่” สำหรับโครงการนี้ แถมต้องเผชิญแรงต้านจากวิกฤติโควิด-19 ที่เข้ามาในปีถัดไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

วันนี้ โครงการนี้กลับมาอีกครั้ง พร้อมภาพใหม่ที่ลบคำว่า “สูงวัย” ออกจากแผนที่ และเปลี่ยนตำแหน่งทางการตลาดสู่คำว่า “เวลเนส เรสซิเดนซ์” อย่างเต็มตัว ด้วยเป้าหมายใหญ่คือการสร้าง “ชุมชนสุขภาพดี” ที่ครอบคลุมทุกวัย ไม่ใช่เพียงบ้านพักผู้สูงวัยแบบเดิม

“เรายกเลิกการสื่อสารว่าเป็นบ้านผู้สูงวัย เพราะความจริงไม่ใช่แค่กลุ่มผู้สูงวัย แต่ทุกวัยสามารถอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา คนวัยทำงานเพราะที่นี่คือที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจสุขภาพในทุกมิติ”

ลบภาพ “หมอบุญ” สลัดภาพสูงวัย

จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เป็นโครงการอาคารโลว์ไรส์ สูง 7 ชั้น 5 อาคาร 494 ยูนิต พัฒนาโดย บริษัท ธนบุรี เวลบีอิ้ง จำกัด ในเครือ THG ภายใต้การบริหารของทีมมืออาชีพ

“สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เป็นบริษัทลูกของ THG โดยมีโรงพยาบาลรามคำแหงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่เกี่ยวข้องกับหมอบุญ วนาสิน หรือเครือญาติในการบริหาร”

หลังโครงการเงียบไปช่วงหนึ่งจากสถานการณ์โควิด ทีมงานกลับมาทบทวนแผนยุทธศาสตร์ใหม่ รีเซ็ตทิศทางการตลาด สร้างโมเดลที่ตอบรับกระแสสุขภาพ (Wellness) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลก

ไม่ใช่บ้านพัก…แต่เป็น “เมืองสุขภาพ” พร้อมระบบดูแลครบวงจร ภายในโครงการประกอบด้วย เวลเนส เซ็นเตอร์, เฮลท์ แคร์ เซ็นเตอร์ และโรงพยาบาลธนบุรีบูรณา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลผู้สูงวัยขนาด 55 เตียง อีกทั้งยังมีระบบ Emergency Call เชื่อมต่อทีมแพทย์ 24 ชั่วโมง พร้อมลิฟต์พิเศษแบบ bed lift, ทางลาด universal design และระบบดูแลผู้สูงวัยที่ครอบคลุม ยกเว้นผ่าตัดใหญ่

“คนไม่อยากถูกมองว่าแก่ แต่เขาอยากได้คุณภาพชีวิตที่ดี สังคมที่ดี และระบบสุขภาพที่ไว้วางใจได้ เป็นเหตุผลที่เราต้องรีแบรนด์จิณณ์ฯ มาเป็นเวลเนส โดยนำจุดแข็งที่สร้างมาไว้ก่อนกาลมาเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง”

รองรับลูกบ้านทุกเจนเนอเรชัน

การวางตำแหน่งใหม่ทำให้ จิณณ์ฯ สามารถเข้าถึงลูกค้าหลากหลายมากขึ้น โดยผู้อยู่อาศัยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มวัยทำงาน-นักศึกษา กลุ่มคนอายุ 40-45 ปี เลือกที่นี่เพราะสิ่งแวดล้อมสงบ ใกล้เมือง และ กลุ่มวัยเกษียณสุขภาพดีอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ซื้อเงินสด เพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง และมีเพียงไม่ถึง 3% ที่ต้องใช้รถเข็นหรือมีผู้ดูแล

ปัจจุบันมียอดขาย 60% หรือราว 200 ยูนิต และผู้อยู่อาศัยจริงราว 100 ยูนิต หรือ 30-35% ราคาปัจจุบันเฉลี่ย 125,000 บาท/ตร.ม. ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม.ห้องขนาด 43-46 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท ราคาพิเศษเริ่ม 3.79 ล้านบาท ห้องขนาด 60 ตร.ม. เริ่ม 7.59 ล้านบาท ราคาพิเศษ เริ่ม 6.59 ล้านบาท มีเป้าหมายปิดยอดขาย 20 ยูนิตในปีนี้ และเฟสแรกทั้งหมดภายในปี 2569

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการ Thonburi Property Management สำหรับลูกค้าที่ต้องการปล่อยเช่า เน้นสัญญารายปีเพื่อความมั่นคงของชุมชน

เล็งขยายสู่บ้าน-คอนโด-โรงพยาบาล

ทั้งนี้ โครงการกว่า 142 ไร่ เชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีถึงแนวรถไฟ แบ่งพัฒนาหลายเฟส เช่น พื้นที่ติดถนน 20 ไร่ วางแผนพัฒนาโรงพยาบาล “ธนบุรี รังสิต” พื้นที่พัฒนาแล้ว 20 ไร่ เป็นจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เฟสแรก อนาคตเตรียมพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดสำหรับครอบครัว เป้าหมายคือการสร้าง “Ecosystem ด้านสุขภาพ” ที่เกื้อหนุนกันในระยะยาว

ล่าสุด กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง เพิ่มทุน 5,000 ล้านบาท เข้าถือหุ้นใน THG เพิ่มจากเดิมราว 24% เป็น 49.99% ทำให้โครงการมีสถานะการเงินแข็งแกร่ง และมีพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการต่อไป

“การที่โรงพยาบาลรามคำแหงเข้ามาเป็นการเสริมความแข็งแกร่งทั้งด้านเงินทุนและศักยภาพการบริหาร มองไกลถึงความร่วมมือทางการแพทย์ในอนาคต”

จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ออกแบบโมเดลที่ไม่ให้ความรู้สึกว่า “ต้องรอให้ป่วยก่อนจึงมาอยู่” แต่เป็นสถานที่ที่ช่วยให้สุขภาพดีไปได้นานขึ้น ทั้งในมิติทางกาย จิตใจ และสังคม

“เราไม่ได้สร้างสถานพยาบาล แต่สร้างสถานที่ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล”

ภายในโครงการมี Wellness Center พร้อมสปา ห้องประชุม ห้องอาหาร รองรับการจัดกิจกรรมสำหรับคอมมูนิตี้ตลอดปี เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะองค์รวม

ปักหมุดทำเลทอง Golden Ring ของรังสิต

โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ตั้งอยู่ในแนว “Golden Ring” ระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-รังสิต และถนนวิภาวดี ทำให้มีศักยภาพทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนในระยะยาว ตอบรับกลุ่มนักลงทุนไทยและต่างชาติ ที่เริ่มมองหาโครงการแบบ Long-Term Healthcare-Backed Asset

ดังนั้นโครงการจึงไม่ได้เป็นเพียง “ที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ” แต่จะเป็นโมเดลใหม่ของการอยู่อาศัยในเมืองไทยที่ออกแบบด้วยมาตรฐานโรงพยาบาลสร้างคอมมูนิตี้ที่มีระบบดูแลสุขภาพชีวิตประจำวันรองรับ สำคัญที่สุด ไม่ใช่สถานที่สำหรับรอแก่ แต่เป็นที่อยู่ของคนที่อยากใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพตั้งแต่วันนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ครบรอบ 30 ปี TOA ในเวียดนาม ขยายกำลังผลิต-ย้ำเป้าสู่ภูมิภาค

TOA ฉลอง 30 ปีในเวียดนามโดยย้ำบทบาทฐานการผลิตสำคัญในอาเซียน ด้วยการต่อยอดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สี การยกระดับมาตรฐานการผลิต และแผนลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเสริมโซ่อุปทานและรองรับการเติบโตของตลาดภูมิภาคในระยะยาว

บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ประกาศฉลองครบรอบ 30 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม พร้อมเปิดแผนขยายการลงทุนและยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตลาดอาเซียน โดยย้ำว่ากลยุทธ์หลักคือการผสานนวัตกรรมด้านสีที่เหมาะกับสภาพอากาศเขตร้อนและการขยายเครือข่ายจัดจำหน่ายเพื่อรองรับการเติบโตระยะกลางถึงยาวของตลาดก่อสร้างและอุตสาหกรรมในภูมิภาค

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ฯ ระบุว่า การเข้าตลาดเวียดนามตั้งแต่ปี 2538 เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่วางรากฐานให้ TOA ขยายจากผู้นำในไทยสู่ผู้เล่นระดับภูมิภาค โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตครอบคลุม 7 ประเทศในอาเซียนและมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายกว่า 1,200 แห่งในเวียดนาม ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ทันท่วงที ทั้งนี้ยอดขายเฉลี่ยในเวียดนามกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจในตลาดดังกล่าว

แผนการลงทุนล่าสุดของ TOA ในเวียดนามยังรวมถึงศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่โฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งเปิดใช้งานในเดือนพฤศจิกายน 2566 และช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการกระจายสินค้าได้ราว 5 เท่า นอกจากจะยกระดับประสิทธิภาพการกระจายสินค้าแล้ว ศูนย์ดังกล่าวยังออกแบบตามมาตรฐาน LEED Gold เพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อย CO2 ตอกย้ำความพยายามของบริษัทในการผลักดันนโยบายความยั่งยืนควบคู่ไปกับการเติบโตเชิงพาณิชย์

ด้านผลิตภัณฑ์ TOA ให้ความสำคัญกับการพัฒนาฟอร์มูล่าให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศเขตร้อน ได้แก่ สีสะท้อนความร้อนและสูตรป้องกันเชื้อรา รวมถึงการผลักดันกลุ่มเคมีภัณฑ์ก่อสร้างและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Label ซึ่งมี VOC ต่ำ ตอบโจทย์ทั้งการก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน การมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกลายเป็นปัจจัยแข่งขันสำคัญสำหรับผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้

การขยายกิจการของ TOA ในเวียดนามมาในจังหวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์และการผลิตของเวียดนามฟื้นตัวจากการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขยับขยายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติในประเทศ ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์สีและเคมีภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมและงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ TOA ในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ TOA ยังได้ยึดแนวทาง “นวัตกรรมเฉพาะภูมิอากาศ” ร่วมกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ และการรับรองด้านความยั่งยืน ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบทั้งในเชิงต้นทุนการจัดส่งและภาพลักษณ์ต่อคู่ค้า-ผู้บริโภค ซึ่งสำคัญกับตลาดต่างประเทศที่เริ่มให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้น อย่างไรก็ดี TOA ยังต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งการแข่งขันจากแบรนด์ระดับโลกและท้องถิ่น การบริหารห่วงโซ่อุปทานท่ามกลางต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่ผันผวน และการปรับตัวกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมในแต่ละประเทศที่อาจมีความเข้มงวดต่างกัน

การเลือกใช้มาตรการด้านความยั่งยืนเช่น LEED หรือการผลักดันสินค้า Green Label จะช่วยสร้างช่องว่างทางการแข่งขันและเป็นจุดขายทางการตลาดให้กับ TOA แต่ก็ต้องลงทุนทั้งด้าน R&D และการปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลก ซึ่งต้องรักษาสมดุลระหว่างต้นทุนและราคาขายเพื่อคงความสามารถแข่งขันในตลาดเกิดใหม่

ทั้งนี้ นอกจากเป็นการฉลองความสำเร็จที่ผ่านมา 30 ปีของ TOA ในเวียดนามแล้ว ยังได้ปักหมุดสู่การเติบโตระยะยาวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การขยายเครือข่ายการผลิต-จัดจำหน่ายและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สภาพแวดล้อมท้องถิ่น เพื่อมองหาการเติบโตนอกประเทศ ที่ถึงแม้การแข่งขันในกลุ่มสีและเคมีภัณฑ์ก่อสร้างจะเข้มข้นขึ้น แต่ผู้เล่นที่ผสานนวัตกรรมและความยั่งยืนได้ดีกว่าจะมีโอกาสคว้าส่วนแบ่งตลาดในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 9ต.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด แนะผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือใช้สกุลเงินท้องถิ่นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้9ต.ค.2568 ที่ระดับ  32.55 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.52 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังมีกำลังอยู่ และเงินบาทได้กลับสู่แนวโน้มอ่อนค่าลง (อย่างน้อยในระยะสั้น)

นอกจากนี้ หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ก็อาจเพิ่มโอกาสที่เงินบาทจะสามารถอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้

 โดยเฉพาะในกรณีที่เผชิญปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม เช่น ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน (ยิ่งปรับฐานลึก ก็อาจกดดันเงินบาทได้พอสมควร) อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง อาจไม่ได้ง่ายนัก เนื่องจากบรรดาผู้เล่นในตลาด อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงสู่โซนแนวต้านดังกล่าว

นอกจากนี้ เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจแผ่วลงบ้าง หลังตลาดยังคงขาดการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

 ส่วนประเด็นการเมืองฝรั่งเศสและญี่ปุ่นนั้น ก็หนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ไปมากแล้ว อีกทั้ง เรายังคงเห็นการทยอยกลับเข้าเพิ่มสถานะ Long EUR และ Long JPY ของผู้เล่นในตลาด ในลักษณะเน้น Long or Buy on Dip อยู่

ดังจะเห็นได้จากการที่เงินเยนญี่ปุ่น (USDJPY) ยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 153 เยนต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ส่วนเงินยูโร (EUR) ก็ดูจะสามารถทรงตัวเหนือระดับ 1.16 ดอลลาร์ต่อยูโร ได้ ดังนั้น หากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ยังคงเป็นไปอย่างจำกัดอยู่ ท่ามกลางภาวะ Data Blindness เรามองว่า เงินบาทก็อาจไม่ได้อ่อนค่าเร็ว แรง ได้ง่ายนัก จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.65 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.46-32.60 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเงินบาท ไม่ว่าจะเป็นเงินดอลลาร์ และราคาทองคำ (XAUUSD) หลังผู้เล่นในตลาดต่างต้องการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

ท่ามกลางภาวะ Data Blindness (ขาดการรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ) จากผลกระทบของภาวะ Government Shutdown ในฝั่งสหรัฐฯ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทเหนือโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้เล่นในตลาด

อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก ส่วนผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยที่แม้จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.50% สวนทางกับคาดการณ์ของผู้เล่นในตลาดและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 25bps (แต่เรามองคงดอกเบี้ย) ก็ไม่ได้หนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง

โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังรับรู้ผลการประชุม กนง. ก่อนที่จะทยอยอ่อนค่าลง ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า กนง. จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจนอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาสู่ระดับ 1.00% ภายในปีหน้า

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor นำโดย AMD +11.4% จากความหวังของผู้เล่นในตลาดที่ประเมินว่า ธุรกิจ AI ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี จากข่าวการทำข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างหลายบริษัทในธุรกิจ AI ช่วงนี้ หนุนให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.58% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นกว่า +1.12%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.79% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของหุ้นฝรั่งเศส อาทิ กลุ่มสินค้าแบรนด์เนมฝรั่งเศส อย่าง LVMH +2.8% จากความหวังว่า ความวุ่นวายทางการเมืองฝรั่งเศสอาจมีแนวโน้มทยอยคลี่คลายลงได้ โดยรักษาการนายกฯ ระบุว่า รัฐบาลอาจสามารถบรรลุข้อตกลงงบประมาณได้ในปีนี้

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปเผชิญแรงกดดันบ้างจากแรงขายหุ้นกลุ่มยานยนต์ หลัง BMW -8.3% ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปี 2025 จากความกังวลผลกระทบจากดีมานด์ในจีนที่ชะลอลงและผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ แม้ว่าบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินจะกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นบ้าง

ทว่า รายงานการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด ที่ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ก็มีส่วนทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 4.12% เรายังคงมองว่า ในช่วงนี้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในกรอบ Sideways แต่จะกลับมาเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน อีกครั้ง

เมื่อรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงาน ซึ่งต้องระวังว่า ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยหากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ สามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้จริง เราก็ยังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจนในกรอบ Sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD (มองเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นบ้าง) โดยเฉพาะหลังรายงานการประชุม FOMC ล่าสุดของเฟด ยังคงสะท้อนว่า เฟดอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ทำให้ โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 98.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.7-99.1 จุด) 

ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) เริ่มเผชิญแรงกดดันมากขึ้น จากทั้งภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ความวุ่นวายของการเมืองในประเทศเศรษฐกิจหลักที่อาจเริ่มคลี่คลายลงได้บ้าง และแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ทำให้ราคาทองคำย่อตัวลงบ้างสู่โซน 4,030 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางดังกล่าว โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ที่จะรับรู้ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานการประชุม ECB ล่าสุด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของ ECB ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ECB ได้จบรอบการลดดอกเบี้ยแล้ว 

ส่วนในฝั่งเอเชีย บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) อาจเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.00% เช่นเดียวกันกับบรรดาธนาคารกลางเอเชียส่วนใหญ่ในช่วงนี้ ซึ่งหนึ่งในเหตุผล นอกเหนือจากภาพเศรษฐกิจในประเทศ คือ การรอประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด รวมถึงระวังความเสี่ยงต่อตลาดการเงินเอเชีย หลังเงินดอลลาร์ได้ทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา กดดันบรรดาสกุลเงินเอเชียพอสมควร  

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม พัฒนาการของสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown รวมถึงสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.53-32.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.20 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.53 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในฝั่งที่อ่อนค่ากว่าแนว 32.50 หลังแข็งค่าช่วงสั้นรับผลการประชุมกนง. ที่คงดอกเบี้ยวานนี้ เนื่องจากตลาดประเมินว่า แม้กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบที่ผ่านมา แต่มุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอลงทำให้ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการผ่อนคลายด้วยการปรับลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมอีกในระยะข้างหน้า 

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังเพิ่มช่วงบวกได้ต่อเนื่อง หลังบันทึกการประชุมเฟดสะท้อนว่า กรรมการเฟดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในสหรัฐฯ แม้จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมลงอีกในปีนี้ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนทางอ้อมเพิ่มเติม โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินเยนที่เผชิญแรงขายต่อเนื่องจากการปรับมุมมองของตลาดที่มองว่า BOJ อาจไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 29-30 ต.ค. นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.45-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และสถานการณ์ Government Shutdown ของสหรัฐฯ  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ตบทำแต้มกระจาย! “รอนนี่” สอยคิวโลกเผยได้อาวุธลับจาก “นักสนุกเกอร์ไทย” รายนี้

“เดอะ ร็อคเกต” รอนนี่ โอซุลลิแวน นักสนุกเกอร์เจ้าของแชมป์โลก 7 สมัย ออกมาเปิดเผยว่าเขาเคยมีความรู้สึกซึมเศร้าจากการแข่งขัน รวมทั้งมีช่วงเวลาที่ไม่อยากแข่งขัน

อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้ แม่นคิวชาวอังกฤษ สามารถกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ชนะ 5 จาก 7 แมตช์ และที่สำคัญเจ้าตัวกดแม็กซิมัมเบรก (ทำ 147 แต้ม) ได้ถึงสองครั้งในรายการ ซาอุดีอาระเบีย มาสเตอร์ส 2025 คว้าเงินโบนัส 147,000 ปอนด์ (ประมาณ 6.4 ล้านบาท)

ซึ่ง นักสอยคิววัย 49 ปี ได้ออกมาเปิดเผยว่าสาเหตุที่ทำให้กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีเป็นเพราะได้ไม้คิวใหม่มาจาก “ซันนี่” อรรคนิธิ์ ส่งเสริมสวัสดิ์ นักแม่นคิวชาวไทย นั่นเอง

“ผมมีเพื่อนเป็นชาวดูไบชื่อ มูฮัมหมัด ผมรู้จักเขามาตั้งแต่ปี 1993 เขาบอกกับผมว่านายควรลองไม้คิวของ ซันนี่ อากานิ ดู”

“ตอนแรกผมคิดว่า ซันนี่ อากานิ เป็นนักสนุกเกอร์ เขาจะทำไม้คิวได้อย่างไร แต่ มูฮัมหมัด บอกผมว่านายต้องลอง แล้วนายจะชอบมัน”

“จากนั้นผมก็ลองใช้คิวของเขาอันหนึ่ง มันไม่ใช่มิติการแทงของผม แต่ผมคิดว่ามันค่อนข้างดีทีเดียว จากนั้นผมก็เลยให้ ซันนี่ ทำคิวสำหรับมิติของผม เขาทำมาให้สองอัน”

“ผมใช้แล้วแบบมันโอ้โห มันเป็นอันที่ผมกด 147 แต้ม มันสุดยอดมากๆ มันเหลือเชื่อ และเขาเป็นอัจฉริยะในสิ่งนี้จริงๆ ทุกอย่างมันดีมาก” แชมป์โลก 7 สมัย เปิดใจ

สำหรับ “ซันนี่” อรรคนิธิ์ ส่งเสริมสวัสดิ์ นักแม่นคิวชาวไทย ปัจจุบันรั้งมืออันดับ 72 โลก ซึ่งนอกเหนือจากบทบาทนักกีฬาเจ้าตัวยังเป็นคนผลิตไม้คิว ภายใต้แบรนด์ Sunny Akani Cues ซึ่งเจ้าตัวมีความเชื่อว่าไม้คิวสนุกเกอร์ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นส่วนขยายของแขนผู้เล่น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ผลสำรวจคนไทยรู้สึกเหงาพุ่ง 83% พนักงานออฟฟิศเหงามากที่สุด

ผลสำรวจความเหงาครั้งแรกของไทย เผยคนไทยรู้สึกเหงาพุ่ง 83% พนักงานออฟฟิศเหงามากที่สุด เหตุจากขาดความสัมพันธ์เชื่อมโยงทางจิตใจ-สังคม เสี่ยงป่วยสุขภาพใจ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ต.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับธนาคารจิตอาสา และภาคีเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “ทุกปัญหาดีขึ้นได้ด้วยการฟัง” ในวาระเดือนการฟังแห่งชาติ เดือนพฤศจิกายน (National Month of Listening) จัดขึ้นต่อเนื่องปีที่ 2 เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนในสังคมมีทักษะการ “ฟังด้วยหู ดูด้วยใจ” หวังลดปัญหาความเหงา และสร้างให้เกิดความเข้าใจระหว่างกัน

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. สานพลังภาคีเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา กำหนดให้เดือน พ.ย. ของทุกปี เป็น “เดือนการฟังแห่งชาติ” ในปี 2568 สสส. จึงเดินหน้าจัดทำแคมเปญในวาระเดือนการฟังแห่งชาติต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 กับแนวคิด “ทุกปัญหาดีขึ้นได้ด้วยการฟัง” และร่วมกับธนาคารจิตอาสา และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำผลสำรวจความเหงาสำหรับบริบทของสังคมไทย ในกลุ่มประชาชนอายุ 18-75 ปี ครั้งแรกของไทย พบว่า คนไทยมีความเหงาสูงถึง 83% โดยแยกเป็นเหงามาก 18% และเหงาปานกลาง 65%

สาเหตุจากการขาดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงทั้งทางจิตใจและสังคม กลุ่มที่เสี่ยงต่อความเหงามากที่สุด คือ คนที่พักอาศัยอยู่ตามลำพัง คนที่พักอาศัยในเขตเมือง และคนที่มีปัญหาสุขภาพ เมื่อวิเคราะห์ตามกลุ่มอาชีพ พบว่า พนักงานออฟฟิศมีความเหงาสูงที่สุด ยังพบอีกว่า คนไทย 1 ใน 5 รู้สึกว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) สามารถให้คำปรึกษาได้ดีกว่าคนในครอบครัว และเพื่อน อาจเป็นเพราะ AI สามารถรับฟังแบบไม่ตัดสิน และแสดงความเห็นอกเห็นใจได้ตรงใจกว่า

“ความเหงาที่เกิดขึ้น เป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพใจ เช่น โรคซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล และเครียดสะสม กระทบโดยตรงต่อสุขภาพ”นพ.พงศ์เทพกล่าว 

ในเดือนการฟังแห่งชาติครั้งนี้ สสส. ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพและความสามารถในการบริหารจัดการความรู้สึกเหงา ผ่านการเรียนรู้ทักษะการฟังด้วยตัวเอง   รวมถึงสนับสนุนให้ทุกองค์กร ร่วมสร้างพื้นที่การรับฟังเชื่อมความสัมพันธ์คนในสังคม พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดสังคมสุขภาวะที่เกื้อกูลกัน

ด้านดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ ผู้อำนวยการร่วมธนาคารจิตอาสา กล่าวว่า ตลอดทั้งเดือน พ.ย. จะมีกิจกรรมสร้างทักษะการรับฟัง ให้พร้อมรับมือกับความรู้สึกเหงา เข้าถึงความสุขที่เกิดจากการเชื่อมโยงกับตนเอง โลก และธรรมชาติ ซึ่งก็คือ เข้าถึงสุขภาวะทางปัญญา (spiritual health) การฟังเป็นจุดเริ่มต้นง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เพื่อเข้าสู่ความสุข เป็นพื้นฐานให้ได้รู้จักตัวเองซึ่งนำไปสู่ความสามารถในการดูแลผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา (consult) การเป็นพี่เลี้ยง (mentor) หรือแม้แต่การเป็นเพื่อนร่วมรับฟังทุกข์สุข  โดยกิจกรรมมี 2 รูปแบบ

1. กิจกรรมสร้างทักษะและการรับฟัง สำหรับประชาชนทั่วไป โดยเข้าไปที่เว็บไซต์เดือนการฟังแห่งชาติ https://Listen.HappinessisThailand.com  เริ่มทำแบบทดสอบเพื่อสังเกตพฤติกรรมการรับฟังของตัวเองว่าเป็นแบบไหน และประเมินศักยภาพทักษะที่ต้องเรียนรู้ ซึ่งเว็บไซต์ได้จัดเตรียมเนื้อหารูปแบบ e-Learning, เกมฝึกฟัง “Listenian Game” และ “e-book ฟังสร้างสุข” สำหรับเพิ่มทักษะการฟังและการฝึกฟังในรูปแบบการมีส่วนร่วมผ่านประสบการณ์จริง (interactive) และชวนให้ไปฟังเพื่อช่วยเหลือคนอื่น จากนั้นร่วมสะท้อนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผ่านการแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์ 

2. กิจกรรมสร้างพื้นที่รับฟังของแต่ละองค์กร ธนาคารจิตอาสา ร่วมกับ สสส. พัฒนานวัตกรรมการ์ดฟังสร้างสุข (Listenian Card) เป็นเครื่องมือเพิ่มทักษะการฟังเบื้องต้น การรู้เท่าทันความคิด ไปจนถึงการใส่ใจความรู้สึก ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชน นำนวัตกรรม Listenian Card ไปใช้ในการพัฒนากิจกรรมสร้างพื้นที่แห่งการรับฟัง ให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมขององค์กร

รวมถึง ใช้ในการสำรวจความสัมพันธ์ของคนในองค์กรที่ต้องเริ่มต้นด้วยการรับฟังซึ่งกันและกัน โดยคาดว่าจะมีองค์กรร่วมสร้างพื้นที่เรียนรู้การฟังไม่น้อยกว่า 100 แห่ง ตลอดเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ สำหรับประชาชนและองค์กรที่ต้องการใช้นวัตกรรมการ์ดฟังสร้างสุข สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ ความสุขประเทศไทย

นางสาวมณฑล กสานติกุล หรือมิ้นท์ อินฟลูเอนเซอร์จากช่องยูทูบ ‘I Roam Alone’ กล่าวว่า ความเหงาเกิดจากการที่เราปิดกั้นตัวเอง และตัดขาดจากโลกภายนอก แต่หากมองจากภาพความเป็นจริงจะพบว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวตามลำพัง เรายังแบ่งอากาศร่วมหายใจกับทุกคน ร่างกายเรายังเชื่อมโยงกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ ถ้าเมื่อไหร่ที่ตัวเราเองเริ่มมีความรู้สึกไม่ต้องการพบเจอใคร ต้องการเก็บตัวอยู่กับตัวเองเพียงคนเดียว

อยากให้ทุกคนสังเกตอารมณ์และบริหารจัดการความคิดของตัวเอง ไม่ปล่อยให้ความเหงาส่งผลกระทบต่อสุขภาพใจ ถ้าทุกคนมองเห็นตัวเองเชื่อมโยงกับทุกสิ่งรอบตัว ความเหงาจะอยู่แค่ในความคิดแต่จะไม่สามารถออกมาทำร้ายตัวเราได้ ทั้งนี้ ในโอกาสเดือนการฟังแห่งชาติ อยากขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมสร้างทักษะการฟังด้วยกัน เชื่อมั่นว่าทุกปัญหาสามารถดีขึ้นได้ด้วยการรับฟัง

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


‘Google’ ออกแพ็กเกจใหม่ ‘Google AI Plus’ ดึงคนไทยใช้ ‘AI’

“Google” ประกาศอัปเดตบริการแพ็กเกจใหม่ “Google AI Plus” ตั้งเป้าทำให้คนไทยเข้าถึงและใช้ประโยชน์จาก AI ได้มากขึ้น พร้อมให้บริการในไทยแล้ววันนี้

Google เปิดตัว “Google AI Plus” ซึ่งเป็นแพ็กเกจใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ในไทยสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้นด้วย AI ของ Google ในราคาที่ประหยัดกว่า

แพ็กเกจใหม่นี้จะช่วยให้เข้าถึงเครื่องมือ AI อันทรงพลังได้มากยิ่งขึ้น ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ขึ้นไปอีกขั้นในราคาที่เข้าถึงได้ 

Google AI Plus จะช่วยยกระดับกระบวนการสร้างสรรค์ของได้อย่างมาก สามารถเข้าถึงโมเดลการสร้างวิดีโอของ Google อย่าง Veo 3 Fast ได้โดยตรงในแอป Gemini รวมถึงสิทธิ์เข้าถึง Whisk และ Flow ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างภาพและภาพยนตร์ด้วย AI อันล้ำสมัย

สำหรับผู้ใช้ทั่วไปและนักวิจัย แพ็กเกจ Google AI Plus ให้สิทธิ์เข้าถึง Gemini 2.5 Pro และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมายใน NotebookLM ช่วยให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกและสรุปข้อมูลจากเอกสารของได้เร็วกว่าที่เคย ซึ่งเหมาะสำหรับการทำโครงการวิจัยขนาดใหญ่หรือการเตรียมสอบ

นอกจากนี้ ผู้สมัครใช้แพ็กเกจนี้ยังจะได้รับสิทธิ์เข้าถึง Gemini 2.5 Pro ในแอป Gemini ได้มากขึ้น โดย Gemini 2.5 Pro เป็นโมเดล AIที่มากความสามารถที่สุดของเราสำหรับการค้นหาข้อมูลที่มีความซับซ้อน พร้อมด้วยพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 200 GB สำหรับจัดเก็บรูปภาพ เอกสาร และการสำรองข้อมูลต่างๆ

ด้วย Google AI Plus จะได้รับความช่วยเหลืออันทรงพลังจาก Gemini ที่ผสานรวมไว้ในแอปต่างๆ ของ Google ที่ใช้เป็นประจำทุกวัน เช่น Gmail, Google Docs, Google Sheets และอื่นๆ ไม่ว่าจะร่างอีเมลสำคัญ วางแผนโครงการ หรือสร้างไฟล์งานนำเสนอ Gemini ก็พร้อมที่จะช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม 

ทั้งยังสามารถแชร์สิทธิประโยชน์ทั้งหมดนี้กับสมาชิกในครอบครัวได้สูงสุดถึง 5 คน ตั้งแต่ Gemini ใน Workspace ไปจนถึงพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 200 GB ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ทุกคนได้รับประสบการณ์การใช้งาน AI ของ Google ที่ได้รับการอัปเกรดในแพ็กเกจเดียว

แพ็กเกจ Google AI Plus พร้อมให้บริการในไทยแล้วตั้งแต่วันนี้ ในราคา 189 บาทต่อเดือน สิทธิพิเศษสำหรับผู้สมัครใช้บริการครั้งแรก รับส่วนลด 50% สำหรับการใช้งาน 6 เดือนแรก

โหมด AI รองรับภาษาไทยแล้ว

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โหมด AI (AI Mode) ซึ่งเป็นประสบการณ์การค้นหาด้วย AI ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดพร้อมให้บริการในภาษาไทยแล้ว 

โมเดล Gemini ล่าสุดช่วยปลดล็อกความสามารถที่ทรงพลังยิ่งขึ้นในการค้นหาด้วย Google Search ความสามารถในการเข้าใจภาษาธรรมชาติและความสามารถแบบมัลติโมดัลของโหมด AI จะทำให้สามารถถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด 

โหมด AI ใช้โมเดล Gemini ขั้นสูงที่ได้รับการปรับแต่งขึ้นมาโดยเฉพาะ ทำให้สามารถถามคำถามที่ยาวๆ และซับซ้อนเป็นภาษาไทยได้ สามารถถามคำถามเดียวแล้วได้รับคำตอบที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ภายในไม่กี่วินาที จากนั้นสามารถเจาะลึกเพิ่มเติม ถามคำถามติดตามผล ใช้เสียงเพื่อถามคำถาม หรือใช้ Google Lens เพื่อถามเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นแต่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้   

สิ่งที่ทำให้ประสบการณ์การค้นหาด้วยโหมด AI ใน Google Search มีความโดดเด่นคือการผสานรวมความสามารถของโมเดลขั้นสูงเข้ากับระบบข้อมูลที่ดีที่สุดของ Google ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาเว็บที่มีภาพสูงเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลใหม่ๆ อย่างเช่น กราฟความรู้ (Knowledge Graph) และข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหลายพันล้านรายการ ได้แบบเรียลไทม์

ปัจจุบัน AI กำลังพลิกโฉมวิธีที่ผู้คนเรียนรู้ สร้างสรรค์ และทำสิ่งต่างๆ ตั้งแต่การทำให้การค้นหามีประโยชน์มากขึ้น ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์

Google ได้เห็นผู้คนใช้โหมด AI ในการเจาะลึกหัวข้อที่มีความซับซ้อนและถามคำถามต่างที่ยาวกว่าการค้นหาแบบเดิมเกือบ 3 เท่า รวมทั้งใช้ในการวางแผนการเดินทาง ทำความเข้าใจวิธีการที่ซับซ้อน และศึกษาการทำสิ่งต่างๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


คำว่า สวย ดูดี ไม่ได้มีแค่ Beautiful! มารูัศัพท์ในการชมก่อนใคร ให้ตัวเองดูโปรแบบ 3000%

เมื่อพูดถึงคำว่า สวย ภาษาอังกฤษ หรือ ดูดี หลายคนอาจนึกถึงคำว่า “Beautiful” ที่เป็นคำพื้นฐานที่ใช้อธิบายความงามในภาษาอังกฤษ แต่จริงๆ แล้วภาษาอังกฤษมีคำศัพท์อื่น ๆ ที่สามารถใช้แทนคำนี้ได้หลายคำ ขึ้นอยู่กับบริบทหรือคุณสมบัติที่ต้องการเน้นย้ำ บางคำอาจใช้ในความหมายที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า “Beautiful” เช่น ความงามที่มีเสน่ห์หรือความน่าสนใจในแบบต่างๆ ในบทความนี้ เราจะมาคุยถึงคำศัพท์ที่สามารถแปลว่า “สวย” หรือ “ดูดี” ที่ไม่ใช่แค่ “Beautiful” เท่านั้น เพื่อให้คุณสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้หลากหลายและเหมาะสมยิ่งขึ้นในทุกสถานการณ์

คำว่า สวย ภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีแค่ Beautiful

ยังมีคำอื่นๆให้ได้เลือกใช้อีก ได้แก่ Pretty –
ใช้สำหรับคำที่แสดงถึงความสวยที่น่ารัก หรือดูดีในแบบอ่อนหวาน Gorgeous – ใช้สำหรับคำที่แสดงถึงความสวยที่โดดเด่น หรือสวยงามมาก Lovely – ใช้เมื่ออยากบอกว่าอะไรบางอย่างหรือคนดูน่ารักหรือสวยงามในวิธีที่อบอุ่น Stunning – ใช้เมื่ออยากบอกว่าความสวยนั้นทำให้คนมองตะลึง Attractive – ใช้เพื่อบอกถึงความดึงดูดสายตาหรือความน่าสนใจ Radiant – ใช้เมื่อพูดถึงความสวยที่มีแสงสว่างหรือเปล่งประกาย Exquisite – ใช้เมื่อพูดถึงความสวยในรายละเอียดที่ละเอียดและมีความประณีต Enchanting – ใช้เพื่อบอกถึงความสวยที่มีเสน่ห์และทำให้หลงใหล Breathtaking – ใช้เมื่อบรรยายถึงความสวยที่ทำให้หายใจไม่ออกหรือเหลือบมองCharming – ใช้เมื่อพูดถึงความสวยที่มีเสน่ห์และดึงดูดใจ เป็นต้น

ศัพท์และการเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับสิ่งต่าง ๆ

  1. Beautiful
  • ความหมาย: สวยในลักษณะกว้าง ๆ ใช้ได้กับทั้งคน, สถานที่, หรือสิ่งของทั่วไป
  • ใช้เมื่อ: ต้องการพูดถึงความสวยโดยรวม หรือความสวยที่ลึกซึ้งและมีคุณค่า
  • ตัวอย่างThe sunset is beautiful.
  • ตัวอย่าง (คน)She is a beautiful woman.
  1. Pretty
  • ความหมาย: สวยในแบบที่น่ารัก อ่อนหวาน มักใช้พูดถึงสิ่งที่มีความน่ารักมากกว่าความหรูหรา
  • ใช้เมื่อ: พูดถึงคนหรือสิ่งที่มีความน่ารักในลักษณะสง่างาม
  • ตัวอย่างYou look pretty today.
  • ตัวอย่าง (สิ่งของ)The flowers are pretty.
  1. Gorgeous
  • ความหมาย: สวยโดดเด่นและหรูหรา มักใช้เมื่อพูดถึงสิ่งที่สวยมากจนทำให้ตกตะลึง
  • ใช้เมื่อ: พูดถึงความสวยที่ดึงดูดและสะดุดตา
  • ตัวอย่างYou look gorgeous in that dress.
  • ตัวอย่าง (สถานที่)The view from the top of the hill is gorgeous.
  1. Lovely
  • ความหมาย: สวยในลักษณะที่อบอุ่น, น่ารัก, หรือมีเสน่ห์
  • ใช้เมื่อ: ต้องการบรรยายความสวยที่ทำให้รู้สึกดีหรืออบอุ่น
  • ตัวอย่างShe has a lovely smile.
  • ตัวอย่าง (สิ่งของ)What a lovely gift!
  1. Stunning
  • ความหมาย: สวยจนทำให้ตะลึง หรือไม่สามารถมองข้ามได้
  • ใช้เมื่อ: พูดถึงความสวยที่เหนือความคาดหมาย หรือทำให้คนตกใจ
  • ตัวอย่างThe model looked stunning on the runway.
  • ตัวอย่าง (ทิวทัศน์)The view of the ocean was stunning.
  1. Attractive
  • ความหมาย: มีเสน่ห์หรือความดึงดูดใจ ไม่จำเป็นต้องสวยตามมาตรฐานทั่วไป แต่มีเสน่ห์ที่ดึงดูด
  • ใช้เมื่อ: พูดถึงความดึงดูดที่ไม่จำเป็นต้องสวยแบบคลาสสิก
  • ตัวอย่างHe has an attractive personality.
  • ตัวอย่าง (คน)She has an attractive smile.
  1. Radiant
  • ความหมาย: สวยที่เปล่งประกายหรือมีความสดใส
  • ใช้เมื่อ: พูดถึงความสวยที่ส่องแสงออกมา เช่น ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งหรือความสดใสในท่าทาง
  • ตัวอย่างShe looked radiant at the wedding.
  • ตัวอย่าง (คน)Her face was radiant with happiness.
  1. Exquisite
  • ความหมาย: สวยในลักษณะที่ละเอียด, ประณีต หรือหรูหรา
  • ใช้เมื่อ: ต้องการพูดถึงความสวยที่มีคุณภาพสูงหรือพิถีพิถัน
  • ตัวอย่างThe designer shoes are exquisite.
  • ตัวอย่าง (งานศิลปะ)The painting is exquisite.
  1. Enchanting
  • ความหมาย: สวยที่มีเสน่ห์และทำให้หลงใหล
  • ใช้เมื่อ: พูดถึงสิ่งที่มีความน่าหลงใหล ทำให้คนตกอยู่ในภวังค์
  • ตัวอย่างThe music was enchanting.
  • ตัวอย่าง (สถานที่)The forest is enchanting at night.
  1. Charming
  • ความหมาย: สวยในลักษณะที่มีเสน่ห์ ทำให้ผู้คนประทับใจ
  • ใช้เมื่อ: พูดถึงความสวยที่ดึงดูดใจในลักษณะที่อบอุ่นหรือสุภาพ
  • ตัวอย่างHe has a charming personality.
  • ตัวอย่าง (สถานที่)The café has a charming atmosphere.
  1. Breathtaking
  • ความหมาย: สวยจนทำให้หายใจไม่ออกหรือไม่สามารถมองข้ามได้
  • ใช้เมื่อ: พูดถึงสิ่งที่สวยมากจนทำให้ตกใจหรือหลงใหล
  • ตัวอย่างThe view from the mountain top is breathtaking.

           การเลือกใช้คำให้เหมาะสม

  • คน: ถ้าต้องการพูดถึงคนที่ดูสวยหรือมีเสน่ห์, คำเช่น beautiful, pretty, gorgeous, stunning, และ radiant จะเหมาะสม ขึ้นอยู่กับระดับความสวย
  • สถานที่: ใช้คำเช่น gorgeous, lovely, breathtaking, หรือ charming สำหรับสถานที่ที่มีความสวยงามโดดเด่น
  • สิ่งของ: คำอย่าง exquisite, beautiful, pretty, หรือ charming เหมาะสำหรับสิ่งของที่ต้องการสื่อถึงความประณีตหรือน่ารัก

ตัวอย่างประโยค ชมว่า สวย ภาษาอังกฤษ

  1. Beautiful
  • The sunset over the ocean was truly beautiful.
  • She looked beautiful in her wedding dress.
  1. Pretty
  • You look pretty in that new dress.
  • The flowers in the garden are so pretty.
  1. Gorgeous
  • The view from the mountain top was absolutely gorgeous.
  • You look gorgeous tonight!
  1. Lovely
  • We had a lovely time at the picnic.
  • The weather today is lovely.
  1. Stunning
  • Her performance was stunning; everyone was amazed.
  • The architecture of the cathedral is simply stunning.
  1. Attractive
  • He has an attractive smile that lights up the room.
  • The hotel has an attractive design with modern features.
  1. Radiant
  • She looked radiant on her birthday, glowing with happiness.
  • The city looks radiant at night with all the lights.
  1. Exquisite
  • The necklace she wore was exquisite, made of diamonds and gold.
  • The restaurant serves exquisite French cuisine.
  1. Enchanting
  • The old town has an enchanting atmosphere with its cobblestone streets.
  • Her voice was so enchanting that everyone listened in awe.
  1. Charming
  • He has a charming way of speaking that makes everyone feel comfortable.
  • The little cottage by the lake is absolutely charming.
  1. Breathtaking
  • The view from the top of the hill is breathtaking, you can see the entire city.
  • The performance was breathtaking and left the audience speechless.

ทำไมถึงต้องเลือกใช้ศัพท์ให้หลากหลาย  

  1. ความหลากหลายช่วยให้การสื่อสารดูมีสีสันและน่าสนใจ การใช้คำที่หลากหลายทำให้การสื่อสารไม่ซ้ำซากและสามารถสร้างความน่าสนใจในคำพูดได้มากขึ้น เช่น ถ้าเราพูดว่า “She looks pretty” ทุกครั้งมันอาจจะดูซ้ำ แต่ถ้าเราใช้คำว่า “She looks radiant” หรือ “She looks stunning” มันจะทำให้การบรรยายความสวยนั้นดูมีมิติและลึกซึ้งขึ้น
  2. ช่วยให้เหมาะสมกับลักษณะของสิ่งที่ต้องการสื่อ การเลือกใช้คำที่เหมาะสมจะช่วยให้เราแสดงถึงลักษณะเฉพาะของความสวยได้ดีขึ้น เช่น ถ้าพูดถึงทิวทัศน์ที่สวยงาม คำว่า “breathtaking” หรือ “gorgeous” จะเหมาะสมมากกว่าเพราะมันสื่อถึงความสวยที่ตระการตา ส่วนคำว่า “pretty” อาจจะใช้ได้ดีกับสิ่งที่น่ารักและอ่อนหวานมากกว่า
  3. เพิ่มความลึกซึ้งในการแสดงความรู้สึก คำที่หลากหลายช่วยให้เราสามารถแสดงความรู้สึกและอารมณ์ได้ตรงกับสิ่งที่ต้องการจะสื่อมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการบรรยายถึงความสวยของคนที่ทำให้คุณตะลึง คุณอาจใช้คำว่า “stunning” หรือ “breathtaking” ซึ่งทำให้เห็นถึงการประทับใจอย่างมาก แต่ถ้าเป็นการพูดถึงความน่ารักแบบเบา ๆ คำว่า “pretty” หรือ “lovely” อาจเหมาะสมกว่า
  4. สื่อถึงความแตกต่างในระดับความสวย คำที่ใช้ต่างกันสามารถสะท้อนถึงระดับของความสวยได้ เช่น “beautiful” อาจจะเป็นคำที่ใช้ได้ทั่วไปและเหมาะสมในหลาย ๆ สถานการณ์ ส่วนคำว่า “exquisite” หรือ “gorgeous” อาจจะใช้เมื่อเราต้องการสื่อถึงความสวยที่พิเศษหรือหรูหรา
  5. ความเหมาะสมกับบริบท การเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับบริบทจะช่วยให้การสื่อสารดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น ถ้าพูดถึงคนที่คุณรู้สึกดึงดูดใจ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คำที่เว่อร์เกินไป เช่น “attractive” อาจจะเหมาะสมกว่าการใช้ “gorgeous” ที่อาจดูโอ้อวดเกินไปในบางบริบท
  6. สร้างอารมณ์หรือบรรยากาศเฉพาะ คำบางคำสามารถสร้างอารมณ์หรือบรรยากาศเฉพาะได้ เช่น คำว่า “charming” อาจจะสื่อถึงความสวยที่อบอุ่นและดึงดูดในลักษณะที่เป็นมิตร ส่วนคำว่า “radiant” มักจะเกี่ยวข้องกับความสดใสและเปล่งประกาย เหมาะสำหรับการบรรยายถึงความสวยที่มีความมีชีวิตชีวา
  7. ทำให้การสื่อสารชัดเจนขึ้น บางครั้งคำบางคำสามารถช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจสิ่งที่เราพูดได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องการเน้นความสวยในลักษณะพิเศษ เช่น “exquisite” อาจจะช่วยสื่อถึงความสวยที่มีคุณภาพสูงหรือละเอียดมากกว่าแค่คำว่า “beautiful”

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


“ผัก 5 ชนิดช่วยลดกลิ่นตัว” เคล็ดลับธรรมชาติที่หลายคนไม่รู้ ไม่ต้องพึ่งโรลออน บอดี้สเปรย์

ผักที่ช่วยลดกลิ่นตัว เคล็ดลับธรรมชาติที่หลายคนไม่รู้ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยดีท็อกซ์สารพิษจากภายใน ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในร่างกาย

รู้หรือไม่ว่า “ผักบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยลดกลิ่นตัวได้จริง” เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยดีท็อกซ์สารพิษจากภายใน และยังช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในร่างกายด้วย

ทำไม “ผัก” ถึงช่วยลดกลิ่นตัวได้?

กลิ่นตัวเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ฮอร์โมน เหงื่อ อาหารบางประเภท และการสะสมของสารพิษในร่างกาย โดยเฉพาะ แบคทีเรียบนผิวหนังที่ทำปฏิกิริยากับเหงื่อ ส่งผลให้เกิดกลิ่น

ผักบางชนิดมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วย

  •  ขับสารพิษผ่านลำไส้ แทนที่จะขับออกทางเหงื่อ
  • ต้านแบคทีเรียภายในร่างกาย
  • เติมคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ซึ่งเป็นสารช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากภายใน
  • ปรับสมดุลกรด-ด่างในร่างกาย

ดังนั้น การเลือกกินผักให้ถูกชนิด ก็อาจช่วยให้คุณ “หอมจากภายใน” ได้โดยไม่ต้องพึ่งน้ำหอมเลยค่ะ

รวม 5 ผักไทยตัวเด็ด ช่วยลดกลิ่นตัวจากภายใน

1. ผักชีลาว 

กลิ่นเฉพาะตัวของผักชีลาวไม่ได้แค่แต่งกลิ่นอาหารให้อร่อย แต่ยังมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียในร่างกาย และ ลดกลิ่นปาก กลิ่นตัว ได้ดีเยี่ยม

เคล็ดลับ กินสดคู่กับลาบ น้ำตก หรือทำต้มแกงก็ได้ เคี้ยวใบสดหลังอาหารช่วยลดกลิ่นปากได้ดีมาก

2. สะระแหน่

สมุนไพรกลิ่นหอมเย็นตัวนี้มีสารเมนทอล (Menthol) สูง ช่วยลดกลิ่นปากและกลิ่นตัวจากการย่อยอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม เนื้อสัตว์ หรืออาหารมัน ๆ

เคล็ดลับ ใส่ในสลัด ลาบ ยำ หรือชงเป็นชาใบสะระแหน่ก็ได้ หรือ ดื่มชาใบสะระแหน่หลังมื้ออาหารช่วยดับกลิ่นจากภายใน

3. ใบโหระพา

ใบโหระพามีสาร Eugenol และน้ำมันหอมระเหย ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดกลิ่นในร่างกายได้ดี โดยเฉพาะคนที่กินเนื้อสัตว์บ่อย

เคล็ดลับ ใส่ในแกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา หรือลวกกินกับน้ำพริก หรือ เคี้ยวใบสดก่อนออกจากบ้าน ช่วยเพิ่มความมั่นใจเรื่องกลิ่น

4. ใบเตย

กลิ่นหอมจากธรรมชาติของใบเตย ไม่ได้มีดีแค่ในขนมหรือน้ำดื่ม แต่ยังมีฤทธิ์ ช่วยลดกลิ่นเหงื่อ ได้ด้วย เพราะมีสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มความสดชื่นให้กับระบบไหลเวียนเลือด

เคล็ดลับ ต้มดื่มเป็นชาใบเตย หรือใส่ในน้ำสมุนไพร หรือจะดื่มน้ำใบเตยวันละ 1 แก้ว ช่วงเช้าหรือบ่าย ช่วยลดกลิ่นตัวแบบอ่อนโยน

5. ขึ้นฉ่าย

ขึ้นฉ่ายอุดมด้วยวิตามินซีและสารต้านแบคทีเรีย แถมยังช่วยลดการขับเหงื่อเกินปกติ และขจัดกลิ่นกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เคล็ดลับ ใส่ในต้มจืด ผัดผัก หรือกินสดกับอาหารจิ้ม หากจะดื่มน้ำคั้นขึ้นฉ่ายผสมแอปเปิ้ลเขียวตอนเช้า ช่วยดีท็อกซ์ได้ดีมาก

หากอยากลดกลิ่นตัวแบบยั่งยืน

กินผักหลากหลายชนิดที่มีกลิ่นหอมวันละ 1-2 มื้อ
ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว เพื่อขับของเสีย
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป หรือโปรตีนสูงเกินพอดี
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยขับของเสียออกทางเหงื่อ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 09/10/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a62,100.0062,200.00
ทองรูปพรรณ 96.5%4,014.0060,852.2463,000.00
ทองรูปพรรณ 90%3,612.6054,767.02n/a
ทองรูปพรรณ 80%3,211.2048,681.79n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,806.3027,383.51n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,404.9021,298.28n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%4,159.5963,059.38n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 09/10/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.1532.1532.6532.1532.1532.1532.1532.1532.15
แก๊สโซฮอล์ 9131.7831.7832.2831.7831.7831.7831.7831.7831.78
แก๊สโซฮอล์ E2029.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.94
แก๊สโซฮอล์ E8527.8927.8927.89
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม40.3449.8449.8440.34
เบนซิน 9540.4449.8140.9440.5940.44
ดีเซล31.4431.4431.4431.4431.4431.4431.4431.4431.44
ดีเซลพรีเมี่ยม43.4445.6449.8445.6443.44
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า