สาระน่ารู้ประจำวันที่ 29 ตุลาคม 2568

เพอร์เฟคทุ่ม150ล้านพลิกโฉมคลับเฮ้าส์17โครงการสู่ศูนย์สุขภาพ

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ทุ่ม 150 ล้าน พลิกโฉมคลับเฮ้าส์สู่ศูนย์สุขภาพยุคใหม่เดินหน้ากลยุทธ์ “สุขภาพ–ไลฟ์สไตล์–คอมมูนิตี้” ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ใน 17 โครงการทั่วกรุงเทพฯ

วสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า เทรนด์ “สุขภาพ” และ “ชีวิตสมดุล” กลายเป็นหัวใจของการอยู่อาศัยยุคใหม่พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จึงลงทุน 150 ล้านบาท ยกระดับ “คลับเฮ้าส์” 17 โครงการสู่การเป็น “Health & Lifestyle Club” หรือศูนย์สุขภาพและไลฟ์สไตล์ครบวงจรที่สะท้อนภาพการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่อย่างแท้จริง

“คลับเฮ้าส์” ในโครงการบ้านเคยเป็นเพียงพื้นที่ออกกำลังกายหรือพักผ่อนแต่ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มองเห็นโอกาสในการ “รีดีไซน์ชีวิต” ของลูกบ้านกว่า 40,000 ครอบครัว

วสันต์  อธิบายว่า บริษัทกำลังยกระดับคลับเฮ้าส์ให้กลายเป็น ศูนย์กลางสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของชุมชนโดยผสานบริการด้านสุขภาพ ฟิตเนส และไลฟ์สไตล์เข้าไว้ในพื้นที่เดียวพร้อมเชื่อมความร่วมมือกับ โรงพยาบาลและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพชั้นนำ

ภายใต้แนวคิด “ครบ จบ ในโครงการเดียว”สมาชิกจะสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพแบบองค์รวมตั้งแต่ คลินิกสุขภาพเบื้องต้น โปรแกรมกายภาพบำบัด ห้องเกลือบำบัด (Salt Therapy)ไปจนถึง อ่างน้ำแข็งฟื้นฟูกล้ามเนื้อ (Ice Bath) และโซน Longevityที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการยืดอายุคุณภาพชีวิต

คลับเฮ้าส์รูปแบบใหม่นี้จะเป็น พื้นที่กิจกรรมของทุกเจเนอเรชันทั้งคลาสออกกำลังกาย โยคะ ฟิตเนสอัจฉริยะไปจนถึงมุมพักผ่อนและโซนสร้างสังคมสำหรับผู้สูงวัย

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเสริมบริการ ไลฟ์สไตล์ครบวงจรทั้ง จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมง ร้านกาแฟเพื่อสุขภาพ และมินิมาร์ทภายในโครงการเพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกและสมดุล

ลงทุนระยะยาว 2 เฟส 17 โครงการ

การยกระดับคลับเฮ้าส์ครั้งนี้จะดำเนินการเป็น 2 ระยะปี 2569 ปรับปรุงระยะแรก 7 โครงการได้แก่ สุขุมวิท 77–สุวรรณภูมิ, แจ้งวัฒนะ (ถนนหอการค้าไทย),เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ กรุงเทพกรีฑา, เมโทร พาร์ค สาทร,เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง–สุวรรณภูมิ, เพอร์เฟค เพลส รัตนาธิเบศร์ (2)และ เพอร์เฟค เพลส รังสิต ทางด่วนบางพูน

ปี 2570  ขยายการปรับปรุงอีก 10 โครงการครอบคลุมพื้นที่หลักของกรุงเทพฯ และปริมณฑลเช่น รัตนาธิเบศร์, พระราม 9, ราชพฤกษ์, รังสิต, สุวรรณภูมิ, และรามอินทรา

จากพื้นที่ส่วนกลาง สู่ “คุณค่าทางใจ”

“การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่แค่การปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างแต่คือการสร้าง ‘มูลค่าเพิ่มทางใจ’ ให้ลูกบ้านและตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่สร้างสังคมแห่งความสุข”

กลยุทธ์ดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ทั่วโลกที่ผู้พัฒนาเริ่มให้ความสำคัญกับ Well-being Living หรือ “การอยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิต”ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เติบโตหลังโควิด-19การที่คนรุ่นใหม่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นทำให้ “พื้นที่ส่วนกลาง” ไม่ได้เป็นเพียงจุดขายของโครงการแต่กลายเป็น “หัวใจของคอมมูนิตี้” ที่ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างลูกบ้าน

 ยกระดับภาพลักษณ์และมูลค่าโครงการ

ในมุมธุรกิจ การพัฒนา Health & Lifestyle Club ยังช่วยเพิ่ม “คุณค่าเชิงอสังหาริมทรัพย์”ทั้งในแง่ของ ภาพลักษณ์แบรนด์ และ มูลค่าทรัพย์สินของโครงการเมื่อพื้นที่ส่วนกลางได้รับการยกระดับไม่เพียงเพิ่มความพึงพอใจของผู้อยู่อาศัยแต่ยังสร้าง “แรงดึงดูดใหม่” ให้กับผู้ซื้อในอนาคตและเป็นการตอบโจทย์เทรนด์เมืองที่ก้าวสู่ สังคมสุขภาพและผู้สูงวัย (Well-being & Silver Society)

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


สงครามราคาเขย่าตลาดออฟฟิศกทม. ลดค่าเช่า 20-30% ดึงผู้เช่าย้ายตึก

ตลาดพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ กำลังเผชิญ “สงครามราคา” รุนแรงสุดในรอบหลายปี ซัพพลายใหม่ทะลัก ดีมานด์ไม่ขยายผู้ประกอบการต้องหั่นค่าเช่าสูงสุดถึง 30% ขณะที่ผู้เช่าได้เปรียบสุดในรอบทศวรรษ

ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ การบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแรง และระดับหนี้ครัวเรือนที่แตะระดับน่ากังวล ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนและการขยายธุรกิจในประเทศ หนึ่งในภาคส่วนที่สะท้อนความเปราะบางของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน คือ ตลาดพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันกำลังเผชิญภาวะ “Price War” หรือสงครามหั่นราคาเช่าอย่างดุเดือด

จากรายงานของ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด โดย นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร พบว่าผู้เช่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในช่วงปี 2568 ไม่ได้มาจากดีมานด์ใหม่ แต่เป็นเพียงการย้ายสำนักงานจากอาคารเดิมไปยังอาคารใหม่ที่มีเงื่อนไขดีกว่า โดยเฉพาะด้าน “ค่าเช่า” ที่ลดลงเฉลี่ย 20-30% เพื่อดึงดูดผู้เช่าจากคู่แข่ง นำไปสู่การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี

อาคารสำนักงานใหม่ที่ทยอยเปิดตัวในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) อย่างสุขุมวิท สีลม และพระราม 4 ต่างเสนอแพ็กเกจค่าเช่าพิเศษ เช่น ฟรีค่าเช่า 1-3 เดือน หรือส่วนลดระยะยาวสำหรับสัญญาเช่า 3 ปีขึ้นไป เพื่อชิงกลุ่มผู้เช่ารายใหญ่ ขณะที่อาคารเก่าหลายแห่งเริ่มเผชิญความยากลำบากในการรักษาผู้เช่าเดิมไว้ได้

ภาวะดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบเป็น “โดมิโนเอฟเฟกต์” เชื่อมโยงจากออฟฟิศสู่ตลาดรีเทลในอาคารเดียวกัน เนื่องจากเมื่ออัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานลดลง ร้านค้าและบริการภายในตึกก็สูญเสียฐานลูกค้าตามไปด้วย เจ้าของอาคารหลายแห่งจึงจำเป็นต้องลดค่าเช่าร้านค้าชั้นล่างเพื่อรักษาบรรยากาศของโครงการ ส่งผลให้รายได้รวมของอาคารลดลงถ้วนหน้า

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 พื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ มีอุปทานรวม 10.44 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 1.35% จากไตรมาสก่อนหน้า และมีโครงการใหม่เตรียมเข้าสู่ตลาดเพิ่มอีก 4 อาคาร รวม 177,312 ตารางเมตร ซึ่งคอลลิเออร์สคาดว่า ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีพื้นที่สำนักงานก่อสร้างแล้วเสร็จเพิ่มอีกกว่า 130,000 ตารางเมตรทำให้ทั้งปี 2568 มีซัพพลายใหม่ทะลุ 300,000 ตารางเมตรต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2565

ตรงกันข้ามกับฝั่งอุปสงค์ ซึ่งยังอยู่ในช่วงซบเซา ผู้เช่าส่วนใหญ่เลือกที่จะ “ต่อสัญญาเดิมพร้อมขอลดค่าเช่า” หรือ “ลดขนาดพื้นที่” เพื่อควบคุมต้นทุน ขณะเดียวกันบริษัทจำนวนมากยังคงใช้ Hybrid Working Model หรือการทำงานนอกสถานที่บางส่วน ส่งผลให้การใช้พื้นที่สำนักงานต่อหัวพนักงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

คอลลิเออร์สรายงานว่า พื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ถูกใช้งานจริงราว 9 ล้านตารางเมตร หรือคิดเป็นอัตราการเช่าเฉลี่ย 86.2% ลดลงจากไตรมาสก่อน 0.69% กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวในการย้ายหรือขยายพื้นที่ ได้แก่ สถาบันการเงิน ยานยนต์ และเครื่องสำอาง แต่เป็นการโยกย้ายภายในตลาดเดิมมากกว่าการสร้างดีมานด์ใหม่

หลายโครงการอาคารสำนักงานระดับพรีเมียมที่เพิ่งเปิดบริการใหม่ในปีที่ผ่านมา ยังมีอัตราการเช่าตํ่ากว่าที่คาดไว้ ทำให้ผู้พัฒนาจำเป็นต้อง “แจกส่วนลด-เพิ่มโปรโมชัน” เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจเช่า แม้จะมีผู้เข้ามาดูพื้นที่มากขึ้น แต่การเซ็นสัญญาเช่ายังเกิดขึ้นในสัดส่วนที่จำกัด

ในมุมของผู้เช่า สถานการณ์ปัจจุบันถือเป็น “เวลาทอง” เพราะสามารถต่อรองค่าเช่าได้คุ้มค่าที่สุดในรอบหลายปี ทั้งในแง่ของราคาที่ลดลง 20-30% สิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย ทำเลที่เข้าถึงระบบขนส่งมวลชน และเงื่อนไขสัญญาที่ยืดหยุ่นมากขึ้น การย้ายสำนักงานไปยังอาคารใหม่จึงไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังกลายเป็น กลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรีแบรนด์องค์กร ให้ดูทันสมัยและสร้างภาพลักษณ์การแข่งขันได้มากกว่า

ผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มปรับแนวคิดการบริหารอาคาร จากพื้นที่สำนักงานดั้งเดิมสู่ Flexible Space ที่มีการแบ่งพื้นที่ย่อย หรือปรับฟังก์ชันการใช้งานให้หลากหลาย ตอบโจทย์องค์กรยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น Co-working Space, Meeting Hub หรือพื้นที่ Collaboration Zone

“ในอนาคต การออกแบบพื้นที่สำนักงานจะไม่ใช่แค่เรื่องพื้นที่ใช้สอย แต่จะต้องตอบโจทย์วัฒนธรรมองค์กรและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน” นายภัทรชัยกล่าว

แม้ราคาเสนอเช่าเฉลี่ยของตลาดออฟฟิศกรุงเทพฯ จะขยับขึ้น 0.38% อยู่ที่ 775 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน แต่เป็นการเพิ่มขึ้นจากอาคารใหม่ที่เปิดตัวในระดับราคาสูง ขณะที่เจ้าของอาคารเก่าจำนวนมากยังคงตรึงราคาเดิมไว้เพื่อรักษาผู้เช่า

โดยพื้นที่เกรดเอในย่านลุมพินีมีอัตราค่าเช่าสูงสุดเฉลี่ย 1,304 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน รองลงมาคือย่านสุขุมวิท-อโศก และสาทร-สีลม อย่างไรก็ตามผู้พัฒนาหลายรายยอม “ต่อรองราคายืดหยุ่น” สำหรับผู้เช่ารายใหญ่ที่ต่อสัญญา เพื่อคงอัตราการเช่าให้อยู่ในระดับปลอดภัย

ตลาดอาคารสำนักงานกรุงเทพฯ ในปี 2568 กำลังเข้าสู่สมรภูมิใหม่ที่ “ใครปรับตัวได้เร็วกว่า คนนั้นอยู่รอด” ผู้พัฒนาโครงการจึงต้องบริหารความคุ้มค่าทั้งในเชิงต้นทุนและการบริหารพื้นที่อย่างชาญฉลาด ขณะที่ผู้เช่ามีอำนาจต่อรองสูงที่สุดในรอบทศวรรษ

อนาคตในตลาดอาคารสำนักงานให้เช่านี้จึงน่าจับตาดูการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ของเจ้าของอาคาร จากการพึ่งรายได้ค่าเช่าเพียงอย่างเดียว ไปสู่การสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ผ่านประสบการณ์การทำงาน พื้นที่ยืดหยุ่น และเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ เพื่อสร้างแรงดึงดูดใหม่ในยุคที่ดีมานด์ไม่เติบโต ซึ่งในยุคสงครามราคาเช่าที่เข้มข้นเช่นนี้ ผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้เร็วกว่า และเข้าใจความต้องการผู้เช่า ที่จะอยู่รอดในเกมการแข่งขันของออฟฟิศในกรุงครั้งใหญ่

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 29ต.ค.“แข็งค่าขึ้น”ที่ระดับ 32.33 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทกลับมาผันผวนสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนทั้งประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด แนะใช้กลยุทธ์ Options หรือสกุลเงินท้องถิ่นเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 29ต.ค.2568ที่ระดับ  32.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.44 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาท (USDTHB) ตั้งแต่ช่วงวันก่อนหน้า (ซึ่งเรามองว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากโฟลว์ธุรกรรมทองคำ ที่มีแต่คนขายทองคำอย่างต่อเนื่อง หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงจนหลุดโซน 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์) จนหลุดโซนแนวรับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ ได้ทำให้ เงินบาทกลับเข้าสู่แนวโน้มการแข็งค่าขึ้น หรืออย่างน้อยก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways หากประเมินจากกลยุทธ์ Trend-Following

อย่างไรก็ดี เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงนี้ อาจชะลอลงบ้าง ตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนจากบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะฝั่งผู้นำเข้า ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ ก็อาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน เพื่อรอรับรู้ ทั้ง ผลการประชุม FOMC ของเฟด รายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ

และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงวันพฤหัสฯ นี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของเงินบาทอย่างชัดเจนและมีนัยสำคัญ อาจจะเกิดขึ้นในช่วงวันพฤหัสฯ เป็นต้นไปมากกว่า ทำให้ เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ชัดเจน (แนวรับถัดไป 32.00-32.10 บาทต่อดอลลาร์)

ขณะที่โซนแนวต้านอาจขยับลงมาแถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจสอดคล้องกับการปรับโซนทยอยขายเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้เล่นในตลาด อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก และฝั่งผู้เล่นที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง)

ทั้งนี้ เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนบ้าง จากทั้งการทยอยแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินเอเชีย โดยเฉพาะ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และเงินหยวนจีน (CNY) จากความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ

กับญี่ปุ่น รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน นอกจากนี้ การรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ ก็มีส่วนช่วยหนุนเงินบาทได้เช่นกัน ดังจะเห็นได้จากในช่วงคืนที่ผ่านมา

ทว่า เราคงมุมมองเดิมว่า ควรระวังจังหวะการปรับตัวลงของราคาทองคำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ไม่ยาก หากบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งต้องรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ ส่วนประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้น

เรามองว่า ตลาดได้รับรู้ข่าวดีต่อประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ทำให้สิ่งที่ต้องระวัง คือ ความผิดหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งอาจทำให้ ตลาดกลับมากังวลประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง

และอาจเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศในตลาดการเงิน แต่อาจหนุนให้ ราคาทองคำสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้ (ควรจะช่วยหนุนเงินบาทบ้าง หรืออย่างน้อยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้)

และเนื่องจาก ความผันผวนของเงินบาทได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.20-32.55 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น หลุดโซนแนวรับ 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ และสามารถทดสอบโซนแนวรับถัดไปในช่วง 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้ (แกว่งตัวในกรอบ 32.27-32.50 บาทต่อดอลลาร์)

สอดคล้องกับจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถกลับมาทรงตัวเหนือโซน 3,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง

จากที่เผชิญแรงขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง จนราคาทองคำหลุดระดับ 3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยผู้เล่นในตลาดต่างยังคงมั่นใจต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด ตามที่ตลาดได้คาดหวังไว้

ขณะเดียวกัน ความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก็หนุนให้เงินหยวนจีน (CNY) ทยอยแข็งค่าขึ้น และมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินเอเชีย

อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง แถวโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดช่วงปลายเดือน

บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หนุนโดยความหวังต่อแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ AI ของ Nvidia +5.0% ขณะเดียวกัน บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็คาดหวังว่า รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ จะยังคงทยอยออกมาดีกว่าคาด

โดยเฉพาะผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ธีม AI/Semiconductor ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.23% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.80%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลง -0.22% หลังรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนยุโรปออกมาผสมผสาน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของบรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Novartis -4.2%

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways แม้จะมีจังหวะปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4.00% บ้าง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม

ทว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงมั่นใจต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ก็มีส่วนกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง สู่ระดับ 3.98%

ทั้งนี้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ

รวมถึงผลการประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เราขอเน้นย้ำว่า ควรระวังความผันผวนในตลาดบอนด์สหรัฐฯ

โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้เล่นในตลาดได้ต่างคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว จนอาจทำให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ เสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นได้ ในกรณีที่ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง

โดยหากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ สามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้จริง เราก็ยังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน ในลักษณะ Sideways Down สอดคล้องกับการทยอยปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

นอกจากนี้ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลุดโซน 152 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ทำให้ โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงเล็กน้อย สู่โซน 98.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.6-98.9 จุด) 

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ทว่าจังหวะการย่อตัวลงบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กอปรกับแรงซื้อ Buy on Dip ทองคำของผู้เล่นในตลาดบางส่วน

และการขายทำกำไรสถานะ Short ทองคำ (มองราคาทองคำปรับตัวลดลง) ได้พอช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) สามารถรีบาวด์ขึ้น สู่โซน 3,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุม FOMC เดือนตุลาคม ของเฟด ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 01.00 น. ของเช้าวันพฤหัสฯ นี้ ตามเวลาประเทศไทย โดยบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (รวมถึงเรา)

และบรรดาผู้เล่นในตลาดต่าง ประเมินว่า เฟดอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 3.75-4.00% เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ แม้จะอยู่ในระดับสูง แต่ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงได้ และยังไม่ได้เผชิญผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ มากนัก

ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการส่งสัญญาณของเฟดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต และการปรับลดงบดุล (Quantitative Tightening) โดยผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในช่วง Press Conference (01.30 น.) อย่างใกล้ชิด  

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ

รวมถึง พัฒนาการของสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown และประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแข็งค่าทดสอบระดับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์นับตั้งแต่ 2 ต.ค. 2568 ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับประมาณ 32.37-32.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ 

ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่าอย่างต่อเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อน สวนทาง Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ที่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ (ทั้งยีลด์ 2 ปี และ 10 ปี) ท่ามกลางการคาดการณ์ถึงโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมคืนนี้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงในเดือนต.ค. ด้วยเช่นกัน

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.20-32.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ค่าเงินหยวนและสกุลเงินเอเชีย รวมถึงสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าในเอเชีย และผลการประชุมเฟด (28-29 ต.ค.)   

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หยิบทองแรกทัพไทย! “บัลลังก์” เตะกระจุยต้อน “เกาหลีใต้” คว้าแชมป์เทควันโดโลก 2025

การแข่งขัน เทควันโด รายการชิงแชมป์โลก 2025 (World Taekwondo Championships) ที่เมืองอู๋ซี สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อช่วงค่ำวันอังคารที่ 28 ตุลาคม

ประเภทชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 68 กิโลกรัม “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง จอมเตะหนุ่มทีมชาติไทยมือวางอันดับ 1 ของรายการ กรุยทางปราบคู่แข่งทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ

โดยในรอบชิงเหรียญทอง พบกับ ยูฮยอนซอง จากเกาหลีใต้ เปิดฉากยกแรก จอมเตะหนุ่มไทยวัย 20 ปี เป็นฝ่ายทำผลงานได้เหนือกว่าเอาชนะไปได้ 10-5 ขึ้นนำ 1-0

จากนั้นในยกที่สอง “หยู” ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมไล่เตะหัว และลำตัวก่อนเอาชนะไปได้อีก 7-1 ทำให้คว้าชัยไปได้ 2-0 คว้าแชมป์โลกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

ความสำเร็จในครั้งนี้ของ บัลลังก์ ทับทิมแดง ทำให้ ทัพเทควันโดไทย คว้าเหรียญทองแรกในทัวร์นาเมนต์ นอกจากนี้ยังถือเป็นนักกีฬาชาวไทยรายที่ 6 ของประเทศที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เจอจุดที่ปอดมีโอกาสเป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์

มีคำถามยอดฮิตที่ว่า “เจอจุดที่ปอด (lung nodule) มีโอกาสเป็นมะเร็งกี่เปอร์เซ็นต์?” นั้นหลายครั้งที่เราไปตรวจสุขภาพแล้วพบเจอฝ้าขาว

เมื่ออ่านผลรังสีวินิจฉัยพบเจอความผิดปกติในฟิล์มเอกซเรย์ปอดทั้งๆ ที่เรายังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลย สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ อย่าเพิ่งตกใจเราต้องหาสาเหตุของจุดที่เกิดขึ้นมีจริงหรือไม่

วิธีการที่หาสาเหตุที่ดีที่สุดคือ การทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) แต่ไม่ควรที่จะทำเอกซเรย์ซ้ำเพราะไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากการทำฟิล์มเปรียบเสมือนการถ่ายภาพ 2 มิติ เห็นแค่ด้านหน้า-หลัง ส่งผลทำให้เกิดผลภาพลวงได้บ่อย เปรียบเทียบกับการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เห็นรายละเอียด เป็นลักษณะของก้อนเนื้อว่าสงสัยมะเร็งหรือไม่ รวมทั้งมีจริงหรือไม่

หากการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan ไม่มีจุดหรือไม่พบจุด บางที่สิ่งที่เราเห็นจากฟิล์ม คือ เงาที่ซ้อนทับกัน เนื่องจากมุมภาพ กรณีนี้มั่นใจได้ว่าไม่มีอะไร ใช้ชีวิตปกติ ติดตามตรวจสุขภาพประจำปี

ในทางกลับกัน หากเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แล้วเจอว่ามีจุดที่ปอดที่ปอดจริงๆ โดย สาเหตุอาจเกิดได้จาก 1.มะเร็ง (อาจจะเป็นมะเร็งปอดหรือมะเร็งจากที่อื่นกระจายมา) 2.วัณโรค และ 3.อื่นๆ เช่น เนื้องอกธรรมดาของปอดหรือในช่องทรวงอก

ปกติเมื่อทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) มักจะเจอจุดโอกาสเป็นมะเร็งแค่ 1% แนะนำควรเจอแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น หมอโรคปอดหรือหมอผ่าตัดปอด เพื่อจะดูความน่าจะเป็น หรือติดตามอย่างไรดี

ในกรณีที่เรียกว่าแจ็คพอตแตก ก็คือ เมื่อใดที่สงสัยว่าก้อนเนื้อ อาจจะเป็นเนื้อร้ายการเอาชิ้นเนื้อเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดโดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การส่องกล้องผ่านหลอดลม (Bronchoscope) โดยการเจาะเอาชิ้นเนื้อโดยการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT guide Biopsy) ผ่าตัด (Surgical biopsy) 

ดังนั้น แนะนำการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอด (CT scan) จึงเป็นการฉายรังสีเอ็กซ์ไปที่ส่วนของหน้าอกหรือปอด

ภาพจากการฉายรังสีนั้นจะถูกบันทึกลงในแผ่นฟิล์มที่มีความละเอียดสูง ซึ่งแพทย์จะใช้ในการตรวจวินิจฉัยความสมบูรณ์ของอวัยวะภายใน ทั้งทรวงอก ปอด และโครงสร้างข้างเคียง

อีกทั้ง ปัจจุบันวิวัฒนาการเราสามารถทำ Low dose CT การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ใช้รังสีต่ำ จึงเป็นการตรวจอย่างหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในการคัดกรองมะเร็งปอด เพราะเป็นการตรวจที่ง่ายและสามารถคัดกรองได้เบื้องต้น  ไม่เป็นอันตราย เพราะใช้รังสีที่มีปริมาณน้อย

ปัจจุบันการเอกซเรย์ปอดเป็นเครื่องมือสำคัญในการวินิจฉัยระบบการทำงานอวัยวะภายในที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็น การตรวจเช็คตั้งแต่บริเวณอวัยวะส่วนทรวงอกจนไปถึงส่วนของโครงสร้างกระดูกที่ครอบคลุมบริเวณปอดและหัวใจ

ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ดังนั้น การตรวจเอกซเรย์ปอด (การตรวจเช็คอวัยวะภายในของบริเวณส่วนทรวงอกที่ประกอบไปด้วยโครงกระดูก ปอดและหัวใจเป็นหลัก) และได้มีการพัฒนาให้ภาพฉายรังสีถูกสแกนเป็นระบบดิจิทัล ทำให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยที่แม่นยำมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เตือนภัยผู้ใช้ WordPress ระวังถูกแฮกเกอร์โจมตีครั้งใหญ่

  • เกิดแคมเปญโจมตีขนาดใหญ่ (กว่า 8.7 ล้านครั้งใน 2 วัน) พุ่งเป้าไปยังเว็บไซต์ WordPress ที่ใช้ปลั๊กอิน GutenKit และ Hunk Companion เวอร์ชันเก่า
  • แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ความรุนแรงระดับวิกฤตเพื่อติดตั้งปลั๊กอินอันตราย ซึ่งทำให้สามารถยึดสิทธิ์ผู้ดูแลระบบและสั่งรันโค้ดจากระยะไกล (RCE) ได้
  • แนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตปลั๊กอินทั้งหมดเป็นเวอร์ชันล่าสุดโดยด่วน เนื่องจากช่องโหว่ดังกล่าวมีแพตช์แก้ไขมานานเกือบปีแล้ว

เกิดแคมเปญโจมตีขนาดใหญ่ที่มุ่งเป้าไปยังเว็บไซต์ WordPress ที่ใช้ปลั๊กอิน GutenKit และ Hunk Companion เวอร์ชันเก่า โดยบริษัทด้านความปลอดภัย Wordfence รายงานว่าได้สกัดกั้นความพยายามในการโจมตีมากถึง 8.7 ล้านครั้งภายในเวลาเพียงสองวัน

ซึ่งการโจมตีนี้อาศัยช่องโหว่เก่าที่มีความรุนแรงระดับวิกฤต ( CVSS 9.8 ) ซึ่งช่วยให้ผู้โจมตีสามารถติดตั้งปลั๊กอินใดๆ ก็ได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ และอาจนำไปสู่การเรียกใช้โค้ดระยะไกล (RCE) บนเซิร์ฟเวอร์ได้ในที่สุด

ช่องโหว่ดังกล่าวคือ CVE-2024-9234 ในปลั๊กอิน GutenKit (ซึ่งมีผู้ติดตั้งกว่า 40,000 ราย) และ CVE-2024-9707 กับ CVE-2024-11972 ในปลั๊กอิน Hunk Companion (มีผู้ติดตั้ง 8,000 ราย)

จากการสังเกตข้อมูลการโจมตี Wordfence พบว่าแฮกเกอร์ใช้วิธีโฮสต์ปลั๊กอินอันตรายในรูปแบบไฟล์ .ZIP ชื่อ ‘up’ ไว้บน GitHub ภายในไฟล์นี้มีสคริปต์ที่ถูกปิดบังไว้ (obfuscated) ซึ่งหนึ่งในนั้นปลอมตัวเป็นส่วนประกอบของปลั๊กอิน All in One SEO เพื่อใช้ล็อกอินผู้โจมตีในฐานะผู้ดูแลระบบ (Administrator) โดยอัตโนมัติ

เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถคงสิทธิ์การเข้าถึง, ขโมยหรือลบไฟล์, และสั่งการรันคำสั่งต่างๆ บนเว็บไซต์ได้ ในกรณีที่ไม่สามารถยึดสิทธิ์ผู้ดูแลได้โดยตรง ผู้โจมตีมักจะติดตั้งปลั๊กอินที่มีช่องโหว่อีกตัวคือ ‘wp-query-console’ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการทำ RCE แทน

สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่ทั้งสามนี้มีแพตช์แก้ไขมานานเกือบหนึ่งปีแล้ว โดย Gutenkit 2.1.1 ถูกปล่อยออกมาในเดือนตุลาคม 2024 และ Hunk Companion 1.9.0 ในเดือนธันวาคม 2024 แต่ยังคงมีเว็บไซต์จำนวนมากที่ไม่ได้อัปเดต จึงขอแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ตรวจสอบและอัปเดตปลั๊กอินทั้งหมดให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดโดยด่วน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


30 แคปชั่นภาษาอังกฤษไว้ลงรูปเที่ยว เท่ ๆ ปัง ๆ ไม่ซ้ำใคร! พร้อมคำแปลและไอเดียใช้จริง

ทำไมแคปชั่นภาษาอังกฤษถึงยังเวิร์ก?

การใช้แคปชั่นภาษาอังกฤษสำหรับลงรูปเที่ยว ยังคงเป็นกระแสนิยมในทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Facebook หรือ TikTok เพราะทำให้โพสต์ดูเก๋ เท่ และน่าดึงดูดมากขึ้น โดยเฉพาะถ้ามีคำแปลและใช้ให้ถูกบริบท จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้คุณดูเป็นคนมีสไตล์และมีอินเตอร์สุด ๆ

วันนี้เราเลยรวบรวม แคปชั่นภาษาอังกฤษสำหรับลงรูปเที่ยว ที่หลากหลาย ทั้งสายทะเล สายคาเฟ่ สายเขา สายโซโล่ รวมไว้ให้ครบในบทความเดียว!

แคปชั่นภาษาอังกฤษสำหรับ “เที่ยวคนเดียว” (Solo Travel)

สำหรับคนที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียว พร้อมรูปสวย ๆ และใจที่อิสระ

  1. “Collecting moments, not things.”
    เก็บความทรงจำ ไม่ใช่สิ่งของ
  2. “Solo but never lonely.”
    เดินทางคนเดียว แต่ไม่เดียวดาย
  3. “Lost in the right direction.”
    หลงในทิศทางที่ใช่
  4. “My favorite travel partner: me.”
    คู่หูเที่ยวที่ดีที่สุดก็คือ…ตัวเอง
  5. “Finding myself one city at a time.”
    ค้นหาตัวเองผ่านทุกเมืองที่ไป

แคปชั่นเที่ยว “ทะเล” แบบเท่ ๆ และมีความหมาย

ชิล ๆ บนหาดทราย พร้อมลมทะเล และแคปชั่นที่ชวนฝัน

  1. “Ocean air, salty hair, don’t care.”
    ลมทะเล ผมเค็ม ฉันไม่แคร์
  2. “Life’s better at the beach.”
    ชีวิตมันดีกว่าตรงที่มีทะเล
  3. “Beach, please.”
    (เล่นคำกับ “b*tch please”) = พาฉันไปทะเลเดี๋ยวนี้!
  4. “Sandy toes & sun-kissed nose.”
    นิ้วเท้าเปื้อนทราย จมูกโดนแดดจูบ
  5. “Let the sea set you free.”
    ให้ทะเลปลดปล่อยความรู้สึกในใจ

แคปชั่นเที่ยว “ภูเขา-ธรรมชาติ” สำหรับสายเขียว

สูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมเติมพลังใจ

  1. “Into the wild I go, losing my way to find my soul.”
    เข้าสู่ป่าเขา เพื่อหลงทางแล้วพบตัวเอง
  2. “Mountains are my therapy.”
    ภูเขาคือการบำบัดของฉัน
  3. “Sky above. Earth below. Peace within.”
    ท้องฟ้าอยู่ข้างบน แผ่นดินอยู่ข้างล่าง และความสงบอยู่ในใจ
  4. “Take a hike and find yourself.”
    ออกเดินป่า แล้วคุณจะพบตัวเอง
  5. “Nature never goes out of style.”
    ธรรมชาติไม่มีวันตกเทรนด์

แคปชั่นเที่ยว “คาเฟ่-เมืองสวย” แบบมีคลาส

สายถ่ายรูปเก๋ ๆ ดื่มกาแฟ พร้อมบรรยากาศดี ๆ

  1. “Espresso yourself.”
    เล่นคำจาก “Express yourself” = แสดงความเป็นตัวเองแบบกาแฟ!
  2. “Caffeine and calm vibes only.”
    วันนี้ขอแค่กาแฟกับความสงบ
  3. “Wandering with coffee in hand.”
    เดินเรื่อยเปื่อย พร้อมกาแฟในมือ
  4. “City lights & coffee nights.”
    แสงเมืองยามค่ำ กับกาแฟร้อน ๆ
  5. “Sipping happiness, one cup at a time.”
    จิบความสุขทีละแก้ว

แคปชั่นแบบ “ฟีลกู้ด-สร้างแรงบันดาลใจ” เวลาลงรูปเที่ยว

สำหรับใครที่อยากแชร์ความรู้สึกดี ๆ ให้กับผู้ตาม

  1. “Travel is the only thing you buy that makes you richer.”
    การเดินทางคือสิ่งเดียวที่ซื้อแล้วคุณจะรวยขึ้น (ด้วยประสบการณ์)
  2. “Life’s short. Travel far.”
    ชีวิตมันสั้น…เดินทางให้ไกลเข้าไว้
  3. “Wander often, wonder always.”
    ออกเดินทางบ่อย ๆ แล้วคุณจะได้ทึ่งในโลกเสมอ
  4. “Leave nothing but footprints. Take nothing but memories.”
    อย่าทิ้งอะไรไว้เลย นอกจากรอยเท้า และอย่าเอาอะไรกลับมาเลย นอกจากความทรงจำ
  5. “Travel far enough to meet yourself.”
    เดินทางให้ไกลพอ จนคุณได้พบตัวตนของคุณเอง

แคปชั่น “ถ่ายรูปสวย” พร้อมวิวปัง ๆ (แต่คำไม่ซ้ำใคร!)

ถ้ารูปคุณสวยแล้ว คำก็ต้องเท่ตาม

  1. “Caught between the sun and the skyline.”
    ระหว่างแสงแดดกับเส้นขอบฟ้า
  2. “This view? 10/10. Would stare again.”
    วิวนี้…ให้เต็มสิบ ไม่หัก
  3. “Not all classrooms have four walls.”
    ไม่ใช่ทุกห้องเรียนจะมีแค่สี่ผนัง (หมายถึง การเรียนรู้จากโลกกว้าง)
  4. “Views like this don’t need filters.”
    วิวแบบนี้ ไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์ก็สวย
  5. “Picture perfect, memory forever.”
    ภาพนี้เพอร์เฟกต์ และความทรงจำจะอยู่ตลอดไป

เทคนิคใส่แคปชั่นให้ปัง บน Instagram / Facebook

เพื่อให้โพสต์ของคุณไม่แค่ดูดี แต่ยังมีโอกาสติดหน้าฟีดมากขึ้น:

  • ใช้ แฮชแท็กผสมกัน เช่น #เที่ยวคนเดียว #TravelThailand #Wanderlust
  • ใส่ คำแปลใต้แคปชั่น สำหรับคนที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ → ทำให้โพสต์ดูใส่ใจและเข้าถึงได้มากขึ้น
  • เลือกคำที่ เกี่ยวข้องกับภาพ และ สื่ออารมณ์ได้ชัด เพื่อให้คนรู้สึกอิน
  • อย่าลืมใส่ Location และ Tag เพื่อน (ถ้ามี) เพื่อเพิ่มการเข้าถึง
  • อย่าใช้ประโยคซ้ำ ๆ จากเว็บทั่ว ๆ ไป เลือกคำใหม่ที่มี “ตัวตนคุณ” มากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


“โทนสีสุภาพ” นอกจากขาว-ดำ ยังมีสีอะไรบ้างที่ใส่แล้วเรียบร้อย ถูกกาลเทศะ

โทนสีสุภาพช่วงเวลาไว้ทุกข์ นอกจากขาว-ดำ ใส่สีอะไรได้บ้างให้ดูเรียบแต่เคารพ

ห้วงช่วงเวลาแห่งความอาลัยไว้ทุกข์ หลายคนอาจเป็นกังวลกับโทนสีของเสื้อผ้า หากโทนสีขาวและสีดำอาจไม่ได้มีอยู่เยอะนักในตู้เสื้อผ้า แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีโทนสุภาพ ที่ยังคงสามารถสวมใส่ได้เช่นกัน โดยยังคงความสุภาพเรียบร้อยไว้แบบไม่หลุดกรอบจากกาลเทศะ

โทนสีสุภาพที่เหมาะสำหรับใส่แสดงความอาลัยไว้ทุกข์ (นอกจากสีดำและขาว)

1. สีเทา ได้แก่ เฉดสีเทาควันบุหรี่, เทาอมน้ำเงิน

2. สีน้ำเงิน ได้แก่ เฉดสี  สีกรมท่า, น้ำเงินเข้ม, น้ำเงินหม่น

3. สีควันบุหรี่ หรือ สีเทาอมฟ้า  

4. สีน้ำตาลเข้ม ได้แก่ เฉดสีน้ำตาลเข้ม, น้ำตาลไหม้, น้ำตาลอมเทา, น้ำตาลดิน, สีกากี

5. สีม่วงเข้ม  ได้แก่ เฉดม่วงแก่, สีพลัม, ม่วงหม่น

6. สีเขียวเข้ม  ได้แก่ เฉดเขียวเข้ม, เขียวแก่, เขียวขี้ม้า, เขียวมะกอก, เขียวหม่น

7. สีครีม/สีเบจ ได้แก่ เฉดเป็นสีเอิร์ธโทน ดูอ่อนโยนและอบอุ่น

เคล็ดลับการแต่งกายให้ดูสุภาพและเหมาะสม

ไม่ว่าจะเลือกโทนสีใด ควรคำนึงถึงรูปแบบของเสื้อผ้าเป็นหลัก หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่มีลวดลายฉูดฉาด ผ้าแวววาว หรือการแต่งเครื่องประดับมากเกินไป แม้จะไม่ใช่สีดำหรือขาว แต่หากเลือกให้ถูกโทนและคุมภาพรวมให้ดูสุภาพ เรียบร้อย ก็สามารถแสดงความเคารพได้อย่างเหมาะสม และสะท้อนถึงความใส่ใจในมารยาททางสังคมอย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/10/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a60,600.0060,700.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,917.0059,381.7261,500.00
ทองรูปพรรณ 90%3,525.3053,443.55n/a
ทองรูปพรรณ 80%3,133.6047,505.38n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,762.6526,721.77n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,370.9520,783.60n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%4,059.0761,535.50n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/10/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9531.8531.8532.3531.8531.8531.8531.8531.8531.85
แก๊สโซฮอล์ 9131.4831.4831.9831.4831.4831.4831.4831.4831.48
แก๊สโซฮอล์ E2029.6429.6430.1429.6429.6429.6429.6429.64
แก๊สโซฮอล์ E8527.5927.5927.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม40.0449.5449.8440.04
เบนซิน 9540.1449.5140.6440.2940.14
ดีเซล30.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.4445.6449.8445.6443.44
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า