สาระน่ารู้ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568

เสนาจับมือแม็คนิก้าแซนด์บ็อกซ์โซลาร์เพอรอฟสไกต์ในไทยครั้งแรก

  • เสนา กรีน เอนเนอร์ยี่ ร่วมมือกับ แม็คนิก้า จากญี่ปุ่น นำร่องSandbox ในโครงการเสนา พาร์ควิลล์ 2ใช้งานเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดเพอรอฟสไกต์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
  • ความร่วมมือนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านกลไก Joint Crediting Mechanism (JCM) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยพลังงานสะอาด

เมื่ออุตสาหกรรมพลังงานโลกกำลังหาจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เทคโนโลยี “เพอรอฟสไกต์” ก็ถูกจับตามองในฐานะโซลาร์เซลล์รุ่นถัดไปที่อาจพลิกเกมการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิงและประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นมาเป็นพื้นที่ทดสอบยุคบุกเบิกนั้น

บริษัท เสนา กรีน เอนเนอร์ยี่ จำกัด ในเครือเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จับมือกับบริษัท แม็คนิก้า ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว โครงการสาธิตการใช้งานเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดเพอรอฟสไกต์ในสภาพอากาศเขตกึ่งร้อน ภายใต้ทุนสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ผ่านกลไก Joint Crediting Mechanism (JCM) นับเป็นครั้งแรกของโลกที่แผงเพอรอฟสไกต์ที่ผลิตในญี่ปุ่นถูกนำมาทดสอบจริงภายใต้สภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทยสัญญาณของความร่วมมือด้านพลังงานสะอาดที่ยกระดับจากห้องแล็บสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ในอนาคต

“เพอรอฟสไกต์” วัสดุบางเบาเปลี่ยนเกมโซลาร์

ต้นกำเนิดของเทคโนโลยีนี้มาจากผลงานของศาสตราจารย์ซึโตะมุ มิยะซะกะ มหาวิทยาลัยโตอิน โยโกฮาม่า ผู้บุกเบิกโซลาร์เซลล์ PSC ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าแผงซิลิคอนแบบดั้งเดิม ทั้งความบางเบา ความยืดหยุ่น และความสามารถในการทำงานในสภาพแสงน้อย  ไฟ LED ในอาคาร จึงเหมาะกับสถาปัตยกรรมแบบโค้ง พื้นผิวดีไซน์พิเศษ และพื้นที่ที่แผงทั่วไปติดตั้งได้ยาก

โครงการนี้ถูกขับเคลื่อนภายใต้คอนซอร์เทียมนานาชาติ โดยแม็คนิก้าเป็นหัวเรือใหญ่ด้านเทคโนโลยี ส่วนเสนารับบท “สนามทดลองจริง” ในไทย ทั้งการติดตั้ง การสาธิต และการเก็บข้อมูลประสิทธิภาพภายใต้สภาพแวดล้อมจริง

เสนาต่อยอดวิสัยทัศน์บ้านรักษ์โลกสู่พลังงานยุคใหม่

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนา กรีน เอนเนอร์ยี่ เผยว่า เสนาเดินหน้าสู่เทคโนโลยีพลังงานสะอาดมานาน ตั้งแต่การติดตั้งโซลาร์บนบ้านทุกหลัง ไปจนถึงโมเดล Zero Energy House และโครงการ low-carbon ต่าง ๆ ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็น อีกก้าวสำคัญ ของยุทธศาสตร์ SENA Green Affordable Living

พื้นที่ทดสอบอยู่ที่อาคารคลับเฮ้าส์ของโครงการ เสนา พาร์ควิลล์ 2 รามอินทรา–วงแหวน เพื่อวัดความทนทานของแผง PSC ในสภาพแบบไทยร้อนจัด ชื้นจัด แสง UV สูง และเจอฝุ่น PM 2.5 ตลอดปี ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญก่อนนำเทคโนโลยีนี้เข้าสู่การใช้งานจริงในบ้าน อาคารสำนักงาน หรือแม้แต่ยานยนต์ไฟฟ้า

เธอระบุว่า เสนาเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยรายเดียวที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในโครงการ JCM ครั้งนี้ “เป็นทั้งเกียรติและแรงผลักดันในการพัฒนาที่อยู่อาศัยพลังงานสะอาดในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้” เกษรากล่าว พร้อมย้ำเป้าหมายของเสนาในการเป็นผู้นำด้าน SENA Sustainable Living

ญี่ปุ่น ร่วมไทยทดสอบเทคโนโลยีแห่งอนาคต

อะสึชิ ซาโต้ ผู้บริหารฝ่ายนวัตกรรมเชิงยุทธศาสตร์ของแม็คนิก้า ระบุว่า บริษัททำงานกับเทคโนโลยีล้ำสมัยทั่วโลก ทั้ง AI, IoT ไปจนถึงโซลูชันด้าน Circular Economy และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยี PSC ของญี่ปุ่นถูกนำมาทดสอบในต่างประเทศ

ไทยถูกเลือกเพราะมี ความท้าทายครบทุกปัจจัย ที่จะพิสูจน์ศักยภาพของเพอรอฟสไกต์ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งหากสำเร็จ จะเป็นก้าวสำคัญต่อการผลิตไฟฟ้าแบบ on-site และการขยายเทคโนโลยีนี้ในระดับโลก โดยไทยเป็นจุดเริ่มต้น

ไทยห้องทดลองแห่งพลังงานสะอาด

ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่โครงการทดสอบ แต่คือ sandbox แห่งอนาคตพลังงานสะอาดของภูมิภาค การที่เสนาและแม็คนิก้าเริ่มทดสอบเพอรอฟสไกต์ในชีวิตจริง อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า “ยุคใหม่ของโซลาร์กำลังเริ่มต้นในไทย” และอาจนำไปสู่การพลิกโฉมบ้าน อาคาร และเมืองในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงผู้ติดตามเทคโนโลยี แต่กำลังกลายเป็นจุดทดสอบสำคัญของนวัตกรรมที่มีศักยภาพจะเปลี่ยนโลกพลังงานไปตลอดกาล

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


แสนสิริผนึกสมิติเวช เปิดบริการWellness at Homeครั้งแรก

แสนสิริเปิดเกมรุกบริการเพื่อคุณภาพชีวิต ผนึกสมิติเวชเปิดตัวบริการ Wellness at Home ส่งแพทย์และเทคโนโลยี AI ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันถึงบ้าน

ในโลกที่ “บ้าน” กลายเป็นพื้นที่ใช้ชีวิตหลากบทบาท ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มหันมาให้ความหมายใหม่กับที่อยู่อาศัย ไม่ใช่เพียงพื้นที่พักพิง แต่ต้องเป็นโครงสร้างพื้นฐานของคุณภาพชีวิต แสนสิริในฐานะผู้นำด้านบริการหลังการขาย จึงเดินหน้าร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดตัวบริการ Wellness at Home เชื่อมบ้านคุณภาพเข้ากับระบบสุขภาพเชิงป้องกัน ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของยุทธศาสตร์ “LIFE-LONG PROMISE”

 ศรีอำไพ รัตนมยูร  ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)   กล่าวว่า  การอยู่อาศัยที่ดีวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความงามหรือความปลอดภัยของบ้าน แต่คือการสร้างชีวิตที่สมดุลได้ทุกวัน การผสานบริการสุขภาพเชิงป้องกันเข้ากับคอมมูนิตี้อยู่อาศัยสะท้อนเจตนารมณ์ “ดูแลคุณไม่สิ้นสุด” ที่ต้องการยกระดับชีวิตของ Sansiri Family ให้ดีในทุกช่วงวัย

ประสบการณ์ดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่

ความร่วมมือครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการย้าย “โรงพยาบาลเชิงป้องกัน” เข้าไปสู่พื้นที่อยู่อาศัยโดยตรง

พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท สะท้อนมุมมองว่า เป้าหมายของสมิติเวชคือการทำให้คนไม่ต้องป่วยก่อนจึงได้รับการรักษา เราไม่อยากให้ใครป่วย มาสู่ระดับคอมมูนิตี้

หัวใจของบริการ คือ “AI Health Mobility” รถให้บริการทางการแพทย์เคลื่อนที่ พร้อมทีมผู้ชำนาญการที่ให้การตรวจ ประเมิน และฟื้นฟูแบบครบวงจร ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ลดภาระการเดินทาง ลดเวลารอคิว แต่ยังคงมาตรฐานการดูแลระดับโรงพยาบาล

โมเดลบ้านที่ดูแลสุขภาพทุกวัย

โครงการบุราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซึ่งมีแนวคิด Urban Sanctuary เป็นพื้นที่นำร่องให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการสุขภาพเชิงป้องกันอย่างหลากหลาย อาทิ

  • ประเมินพัฒนาการเด็กด้วยแบบประเมิน Denver II
  • วิเคราะห์ความเสี่ยงสุขภาพ 7 ภาวะด้วย AI จากภาพจอประสาทตา
  • ประเมินความสูงสุดท้ายและภาวะโตเร็วกว่าปกติ
  • บริการ IV Drip ฟื้นฟูสุขภาพเฉพาะบุคคล
  • ตรวจการเดิน การทรงตัว วิเคราะห์การลงน้ำหนัก
  • คัดกรองภาวะหลงลืมและสมองเสื่อม
  • บริการฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวมรุนแรง และไข้เลือดออก

บริการเหล่านี้ไม่เพียงเติมเต็มความสะดวก แต่ช่วยให้การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันเกิดขึ้นเป็นกิจวัตรในชุมชนอยู่อาศัย

นอกจากบริการถึงบ้าน แสนสิริยังขยายสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องที่โรงพยาบาลสมิติเวชและในเครือ ผ่านแอป Sansiri Home Service ด้วยส่วนลดโปรแกรมสุขภาพสูงสุด 30% เพื่อให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างไร้รอยต่อ

ทีม PLUS Property ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน บริหารประสบการณ์การใช้บริการให้ราบรื่น และสร้างความผูกพันของสมาชิกในคอมมูนิตี้ให้แน่นแฟ้นขึ้น ภายใต้แนวคิดว่าบ้านไม่ใช่แค่สถานที่อยู่ แต่เป็นพื้นที่ที่ผู้คน “ดูแลกันและกัน”

ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและสมิติเวชสะท้อนทิศทางใหม่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่เดินหน้าพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Well-being Living มากขึ้น แม้จะเป็นบริการที่ลงทุนสูง แต่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองบ้านมากกว่าทรัพย์สิน แต่เป็นแพลตฟอร์มของการดูแลชีวิต

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 19พ.ย.“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sidewaysไฮไลท์สำคัญในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ อยู่ที่ รายงานผลประกอบการหุ้นธีม AI/Semiconductor “ Nvidia” อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 19พ.ย.2568 ที่ระดับ  32.38 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.43 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้เรายังคงประเมินว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยโซนแนวต้านยังคงอยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับยังอยู่แถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์

เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะยังไม่รีบปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน จนกว่าจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากทางการสหรัฐฯ อย่างยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกันยายน ที่จะรับรู้ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้

ทว่า ควรระวัง ความผันผวนของตลาดการเงินที่อาจสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากในช่วง After Market ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้น ผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้ รายงานผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ รายงานผลประกอบการของ Nvidia ผู้เล่นในตลาดก็จะรับรู้ รายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งอาจกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และอาจส่งผลต่อเนื่องมายังบรรยากาศในตลาดการเงินได้บ้าง

โดยหากรายงานการประชุมเฟดล่าสุดและถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ สะท้อนว่า เฟดยังคงระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด

อาจกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินเพิ่มเติม ซึ่งต้องรอลุ้นว่า ผลประกอบการของ Nvidia จะออกมาในลักษณะใด และส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างไรบ้าง โดยหากผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังต่อผลประกอบการของ Nvidia ก็อาจกดดันให้ตลาดปิดรับความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจหนุนเงินดอลลาร์ได้ไม่ยาก

 เนื่องจากตลาดกังวลต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด และอาจกดดันให้ เงินบาทอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่การอ่อนค่าของเงินบาทจะมากน้อยเพียงใด จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยเรามองว่า แม้ตลาดปิดรับความเสี่ยง แต่หากตลาดกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ก็อาจไม่ได้ช่วยหนุนราคาทองคำมากนัก

ในทางกลับกัน แม้ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานการประชุมเฟดจะสะท้อนว่า เฟดจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งก็ไม่ต่างจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดปัจจุบัน บรรยากาศในตลาดการเงินก็อาจไม่ได้แย่ลงมากนัก

ซึ่งในกรณีที่ ผลประกอบการ Nvidia ออกมาสดใส หนุนบรรยากาศในตลาดการเงิน ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง (แต่ไม่มากนัก จนกว่าตลาดจะมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคม)

หนุนให้ เงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยทดสอบโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ แต่การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจถูกจำกัดบ้างในระยะนี้ จากโฟลว์ธุรกรรมของผู้เล่นในตลาด อย่าง โฟลว์ซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) และโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงมาพอสมควร

และเนื่องจาก ความผันผวนของเงินบาทได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตา

ทั้งสถานการณ์ Government Shutdown และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.36-32.44 บาทต่อดอลลาร์)

หนุนโดยการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดเล็กน้อย จากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ

อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 1.947 ล้านราย แย่กว่าคาด เช่นเดียวกันกับ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่สูงขึ้นสู่ระดับ 2.32 แสนราย แย่กว่าคาด

รวมถึง ข้อมูลการจ้างงานจากภาคเอกชน อย่าง ยอดการจ้างงานรายสัปดาห์โดย ADP ที่ออกมา ลดลงเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2,500 ตำแหน่ง ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงช่วง 1 พฤศจิกายน

อย่างไรก็ดี เงินบาทก็เผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้าง ชะลอการทยอยแข็งค่าขึ้น หลังเงินดอลลาร์กลับไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่อง แม้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดจะสะท้อนภาพการชะลอตัวลงของตลาดแรงงานสหรัฐฯ

โดยเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่มีจังหวะอ่อนค่าทดสอบโซน 155.70 เยนต่อดอลลาร์ รวมถึงความต้องการถือครองเงินดอลลาร์บ้างในช่วงตลาดการเงินผันผวนและอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางแรงขายหุ้นเทคฯ โดยเฉพาะบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ Nvidia -2.8% หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเลือกที่จะทยอยลดสถานะถือครองหุ้นกลุ่มดังกล่าวบ้าง ก่อนรับรู้ผลประกอบการของ Nvidia ในวันที่ 19 พฤศจิกายน นี้

 ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare และกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.83% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -1.21%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ดิ่งลงกว่า -1.72% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ ธีม AI/Semiconductor ไม่ต่างกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทว่า แรงขายดังกล่าวได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างขายทำกำไรหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในปีนี้

อาทิ หุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน ทว่า ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของ Roche +6.8% หลังมีรายงานผลการทดลองยาตัวใหม่ที่น่าสนใจ

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน ไร้ทิศทางที่ชัดเจน แถวโซน 4.12% แม้จะมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้นบ้าง แต่ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

โดยภาพดังกล่าว ยังคงสอดคล้องกับมุมมองของเรา ที่ประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเคลื่อนไหวผันผวนได้ในช่วงนี้ ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ภาวะตลาดการเงินโดยรวม

 และประเด็นการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเดิมว่า หากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ สามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways แม้จะเผชิญแรงกดดันบ้างจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้งยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานและยอดการจ้างงานภาคเอกชนรายสัปดาห์ โดย ADP ที่สะท้อนภาพการชะลอตัวของตลาดแรงงานมากขึ้น

แต่เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้างจากอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และความต้องการถือเงินดอลลาร์บ้างท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงินสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 99.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.4-99.7 จุด)

 ในส่วนของราคาทองคำ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ยังพอช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ทยอยปรับตัวสูงขึ้น เข้าใกล้โซน 4,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำก็ถูกจำกัดบ้างจากจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา  

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานผลประกอบการหุ้นธีม AI/Semiconductor รายสำคัญ อย่าง Nvidia ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes)

ส่วนทางฝั่งอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนตุลาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)  

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะติดตาม การพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด (Supreme Court)

นอกจากนี้ ควรติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินไทยในระยะสั้นบ้าง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.38-32.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.45 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทแข็งค่ากลับมาเล็กน้อย (แม้ในภาพรวมยังเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ) ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมา ทั้งตัวเลขการจ้างงานเอกชน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์ มีสัญญาณอ่อนแอ

ประกอบกับตลาดยังคงรอปัจจัยใหม่ ๆ มากระตุ้น อาทิ  บันทึกการประชุมเฟดในคืนนี้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินไว้ที่ 32.25-32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของอังกฤษและยูโรโซน และบันทึกการประชุมเฟด 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โอกาสสุดท้าย! สรุป 16 ทีมเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนยุโรป

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เดินทางมาถึงรอบเพลย์ออฟ เพื่อหาโควตาอีก 4 ทีมสุดท้าย ที่จะได้ไปเล่นในรอบสุดท้ายที่มีเจ้าภาพร่วม 3 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และ เม็กซิโก รับหน้าที่จัดแข่งขัน

โดยในรอบเพลย์ออฟ จะมีทั้งหมด 16 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน แบ่งเป็น 12 ทีมที่เป็นรองแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก บวกกับอีก 4 ทีมแชมป์กลุ่ม ยูฟ่า เนชันส์ ลีก ฤดูกาล 2024/25 ที่ไม่สามารถจบด้วยการเป็นสองอันดับแรกของรอบคัดเลือก

ซึ่งจากทั้งหมด 16 ทีม จะแบ่งเป็น 4 โถ ประกอบด้วย รองแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือกทั้ง 12 ทีม จะถูกจัดให้อยู่ในโถ 1-3 ตามแรงกิงฟีฟ่า ประจำเดือนพฤศจิกายน 2025 ขณะที่โถที่ 4 จะเป็นแชมป์กลุ่ม ยูฟ่า เนชันส์ ลีก

สรุปทีมที่ได้สิทธิ์ เพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป

โถ 1
อิตาลี
เดนมาร์ก
ตุรกี
ยูเครน

โถ 2
โปแลนด์
เวลส์
สาธารณรัฐเช็ก
สโลวาเกีย

โถ 3
ไอร์แลนด์
แอลเบเนีย
บอสเนีย
โคโซโว

โถ 4
โรมาเนีย
สวีเดน
นอร์ท มาซิโดเนีย
ไอร์แลนด์เหนือ

สำหรับรูปแบบการแข่งขันจะถูกแบ่งออกเป็น 4 พาธ การแข่งขัน (Path A, B, C และ D) ตามการจับสลากจากโถ 1-4 ที่จะมีการจับสลากในวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายนนี้

โดยจะแข่งขันในรูปแบบน็อกเอาต์ (แพ้คัดออก) ทีมจากโถ 1 จะได้เป็นเจ้าบ้านพบกับทีมจากโถ 4 ส่วนทีมจากโถ 2 จะได้เป็นเจ้าบ้านพบกับทีมจากโถ 3 จากนั้นแข่งขันตามพาธ พาธละ 4 ทีมเพื่อหาผู้ชนะของแต่ละพาธ 4 ทีม ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


4 เคล็ดลับแก้อาการปวดหลังเรื้อรัง ทำง่ายๆแค่ปรับไลฟ์สไตล์ใหม่ เห็นผลจริง!

เคล็ดลับง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ตัวช่วยแก้อาการปวดหลังเรื้อรัง

อาการปวดหลังนับเป็นปัญหาสุขภาพยอดนิยมที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนจำนวนมาก ไม่ว่าอาการจะเกิดจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน หรือมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ข่าวดีคือเราสามารถบรรเทาและป้องกันอาการปวดหลังเรื้อรังได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน บทความนี้รวบรวมเคล็ดลับที่ทำตามได้จริงมาให้แล้ว

4 เคล็ดลับแก้อาการปวดหลังเรื้อรังง่ายๆ ทำได้ทุกวัน

1. เพิ่มการเคลื่อนไหว ลดพฤติกรรมนั่งนิ่ง

หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการบรรเทาอาการปวดหลัง คือการ “ลุกขึ้นขยับตัวให้มากขึ้น” การเพิ่มการออกกำลังกายระดับปานกลางถึงหนักเพียงวันละ 20 นาที และลดเวลาการนั่งนิ่งลงประมาณ 40 นาที จะช่วยชะลอไม่ให้อาการปวดหลังทวีความรุนแรงขึ้นได้ การเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและลดแรงกดบนกระดูกสันหลังได้เป็นอย่างดี

2. ควบคุมน้ำหนักตัว เพื่อลดภาระบนหลัง

น้ำหนักตัวที่มากเกินไปจัดเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลังต้องรับน้ำหนักและภาระมากขึ้น การลดน้ำหนักส่วนเกินจึงเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยลดแรงกดทับบนกระดูกสันหลัง นอกจากนี้ การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมยังช่วยลดการอักเสบโดยรวมในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาการปวดหลังดีขึ้น

3. เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยต้านการอักเสบ

อาหารที่เราเลือกรับประทานส่งผลโดยตรงต่อการบรรเทาอาการปวดหลัง โดยเฉพาะอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น โพลีฟีนอล ควรเพิ่มการบริโภคผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผักใบเขียวเข้ม ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว และพืชตระกูลถั่วในมื้ออาหาร อาหารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบและบำรุงระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างแข็งแรง

โอเมกา-3 อีกหนึ่งเคล็ดลับแก้อาการปวดหลัง

กรดไขมันโอเมกา-3 ถือเป็นไขมันชนิดดีที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดการอักเสบในร่างกาย แหล่งอาหารสำคัญของโอเมกา-3 ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ และปลาที่มีไขมันสูง การเพิ่มอาหารเหล่านี้ เช่น แซลมอน แมกเคอเรล และซาร์ดีน เข้ามาในมื้ออาหารเป็นประจำ จะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังในระยะยาวได้

ปรับไลฟ์สไตล์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การลุกขึ้นขยับตัว การควบคุมน้ำหนัก และการเลือกกินอาหารที่ช่วยต้านการอักเสบ ล้วนเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดและป้องกันอาการปวดหลังได้จริง การดูแลสุขภาพหลังอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


6 ขั้นตอนที่สำคัญ! การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการประชุม

ศัพท์การประชุม ภาษาอังกฤษ มีดังนี้

1. Discussion แปลว่า การหารือหรือการอภิปราย
2. Meeting room แปลว่า ห้องประชุม
3. Member แปลว่า สมาชิก
4. Participant แปลว่า ผู้ร่วมประชุม
5. Announce แปลว่า ประกาศ
6. Notify แปลว่า แจ้งให้ทราบ
7. Proclaim ประกาศอย่างเป็นทางการ
8. Location / Venue สถานที่
9. Formal meeting การประชุมอย่างเป็นทางการ
10. Agenda แปลว่า กำหนดการ, วาระการประชุม
11. Root cause แปลว่า สาเหตุของปัญหา
12. Issues แปลว่า ประเด็น
13. Informal meeting การประชุมอย่างไม่เป็นทางการ
14. Weekly meeting แปลว่า การประชุมประจำสัปดาห์
15. Annual meeting แปลว่า การประชุมประจำปี
16. Shareholder meeting แปลว่า การประชุมผู้ถือหุ้น
17. Conference room แปลว่า ห้องประชุม
18. Minutes แปลว่า บันทึกการประชุม
19. Attached file แปลว่า ไฟล์แนบ
20. Vote for แปลว่า จำนวนผู้เห็นด้วย
21. Opposed แปลว่า จำนวนผู้ไม่เห็นด้วย
22. Abstained แปลว่า จำนวนผู้ไม่ออกเสียง

1. กล่าวเปิดประชุมและทักทายผู้เข้าร่วมประชุม

การเปิดประชุมและทักทายผู้เข้าร่วมประชุม อาจทำได้โดยประธานในการประชุม หรือผู้ที่จะนำเสนอเรื่องเป็นคนแรกในการประชุม ซึ่งสามารถใช้ประโยคและวลีกล่าวเปิดประชุมภาษาอังกฤษ ต่อไปนี้

  • Good morning/afternoon …
    Since everyone is here, let’s get started …
    เมื่อครบทุกคนแล้ว พวกเราไปเริ่ม … กันเถอะ
    Ex. Since everyone is here, let’s get started the meeting.
    (เมื่อครบทุกคนแล้ว พวกเราไปเริ่มการประชุมกันเถอะ)
  • Let’s begin …
    เริ่ม … กันเถอะ
    Ex. Let’s begin meeting.
    (เริ่มการประชุมกันเถอะ)
  • First of all, I really appreciate your presence here today.
    อันดับแรก ผม/ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งกับการมาเข้าร่วมประชุมของพวกคุณในวันนี้
  • First, I’d like to welcome everyone.
    อันดับแรก ผม/ดิฉันขอต้อนรับทุกคน
    I’d like to thank everyone for coming today.  ผม/ดิฉันขอขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้

2. การแนะนำตัวเองและแนะนำตัวผู้เข้าร่วมประชุม

ก่อนเริ่มการประชุม เราควรมีการแนะนำตนเองและทำความรู้จักกับผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อให้การประชุมเกิดความเป็นกันเองมากขึ้น และจะได้ทราบว่ามีใครที่ไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุม ตัวอย่าง ประโยคแนะนําตัวในที่ประชุมภาษาอังกฤษ มีดังนี้

  • I’m … (เติมชื่อของตนเองลงไป)
    Let’s go around the room and introduced ourselves quickly …
    เรามาเริ่มแนะนำตนเองกันอย่างเร็ว ๆ วนไปรอบห้อง
  • Let’s go around the table and introduced ourselves …
    เรามาเริ่มแนะนำตนเองวนไปรอบโต๊ะ
  • (Someone) sends apologies. He/she couldn’t make it this morning/afternoon …
    ใช้เมื่อการแนะนำตัวเสร็จสิ้นและต้องการบอกรายชื่อผู้ที่ไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุม โดยเปลี่ยนชื่อและเวลาตามความเป็นจริง
    Ex. Peter sends apologies. He couldn’t make it this morning.
    ปีเตอร์ฝากมาขอโทษว่า เขาไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ในเช้านี้

3. การนำเสนอวาระการประชุม

ก่อนเริ่มการประชุมควรมีการนำเสนอวาระการประชุมทุกครั้ง เพื่อจะได้ทราบถึงขอบเขตการประชุมในครั้งนี้ และเป็นการตรวจสอบว่าได้ตกหล่นประเด็นใดไปหรือไม่ การประชุมในครั้งนี้มีประเด็นครบถ้วนแล้วหรือยัง โดยอาจใช้ประโยคในการนำเสนอวาระการประชุม ภาษาอังกฤษ ดังนี้

  • So let’s start with the first item on the agenda …
    ดังนั้นเรามากันที่หัวข้อแรกในการประชุมกันเถอะ …
  • Our goal today is to …
    จุดหมายของการประชุมในวันนี้คือ…
    Ex. Our goal today is to discuss about our new project.
    จุดหมายของการประชุมในวันนี้คือหารือเกี่ยวกับโครงการใหม่ของเรา
  • We have a few items to discuss today. The first is … The second is …
    เรามีประเด็นสองสามเรื่องที่จะต้องอภิปรายกันในวันนี้ ประเด็นแรกคือ … ประเด็นที่สองคือ …Ex. We have a few items to discuss today. The first is increasing the number of employees. The second is new project’s budget.
    เรามีประเด็นสองสามเรื่องที่จะต้องอภิปรายกันในวันนี้ ประเด็นแรกคือ การเพิ่มจำนวนพนักงาน ประเด็นที่สองคือ งบประมาณของโครงการใหม่
  • We’re here to discuss …
    พวกเรามาอยู่ที่นี่เพื่อหารือเรื่อง …
    Ex. We’re here to discuss about providing the education for workers.
    เรามาประชุมกันในวันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการให้การศึกษาแก่คนงาน
  • At the end of our discussion today, we should have a decision on …
    ในตอนท้ายของการอภิปรายในวันนี้ พวกเราจะต้องตัดสินใจว่า …
    Ex. At the end of our discussion today, we should have a decision on increasing budget for our new project.
    ในตอนท้ายของการอภิปรายในวันนี้ พวกเราจะต้องตัดสินใจกับการเพิ่มงบประมาณโครงการใหม่ของเรา

4. การสอบถามความคิดเห็นหรือข้อมูลจากผู้อื่น

การประชุมในแต่ละครั้ง เป็นการประชุมเพื่อชี้แจงและร่วมหารือในประเด็นใดประเด็นหนึ่งร่วมกัน ดังนั้นการสอบถามความคิดเห็นหรือข้อมูลจากผู้อื่น จึงถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำในการประชุม โดยอาจใช้ประโยคดังต่อไปนี้

  • What does everyone think?
    ทุกคนคิดเห็นอย่างไร?
  • What are your thoughts on …
    คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับ …?
  • Tom, would you like to offer any information on this?
    ทอม คุณต้องการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า?
  • I’d like to hand it over to Cindy, who can share her thoughts about …
    ผม/ดิฉันขอยกหน้าที่ต่อให้ซินดี้ ซึ่งเธอจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับ …

5. การสรุปประเด็นสำคัญและการตัดสินใจในการประชุม

ในตอนท้ายของการประชุม จะต้องมีการสรุปประเด็นสำคัญในแต่ละหัวข้อ ที่ได้ชี้แจงหรือหารือร่วมกันในการประชุม รวมถึงการสรุปความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่หรือผลการตัดสินใจต่อประเด็นต่าง ๆ ในการสอบถามความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมการประชุม

  • After discussing our options, it’s time for a final decision.
    หลังจากการหารือประเด็นต่าง ๆ ของเรา ตอนนี้ถึงเวลาที่จะสรุปการตัดสินใจสุดท้าย
  • Let’s put it to a vote – all in favor, raise your hand.
    เรามาโหวตกันเถอะ ใครเห็นด้วยให้ยกมือขึ้น
  • It seems clear from our discussion that everyone is opposed/in favor of …
    ดูเหมือนจะชัดเจนจากการหารือว่าทุกคนไม่เห็นด้วย/เห็นด้วยกับ …

6. การปิดการประชุม

เมื่อใกล้ครบกำหนดเวลาการประชุม หรือการหารือเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ได้ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ทำหน้าที่ดำเนินการประชุมอาจจะใช้ประโยคกล่าวปิดประชุม ภาษาอังกฤษ ดังนี้

  • We’re getting close to our time, so let’s wrap it up.
    ใกล้ครบกำหนดเวลาการประชุม ดังนั้นเรามาสรุปการประชุมกันเถอะ
  • Any final thoughts before we close the meeting?
    ใครมีความคิดเห็นอะไรอีกหรือเปล่า ก่อนที่เราจะปิดการประชุม?
  • It looks like we’ve covered our main points …
    ดูเหมือนว่าเราได้ครอบคลุมประเด็นหลักเรียบร้อยแล้ว …
  • I’d like to thank everyone for sharing their time today.
    ผม/ดิฉันขอบคุณทุกคนที่สละเวลามาในวันนี้
  • I look forward to seeing you all at our next meeting.
    ผม/ดิฉันหวังว่าจะได้พบพวกคุณทุกคนในการประชุมครั้งถัดไป

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


‘ไมโครซอฟท์’ เปิดฉาก ‘Ignite 2025’ ขนทัพนวัตกรรม AI ปลดล็อกองค์กรสู่ ‘Frontier Firms’

  • “ไมโครซอฟท์” คิกออฟงานอีเวนต์ใหญ่ “Ignite 2025” เปิดตัวนวัตกรรม AI เพื่อผลักดันองค์กรต่างๆ ให้ก้าวสู่การเป็น “Frontier Firms” 
  • ฟีเจอร์ “Work IQ” อีกหนึ่งไฮไลต์ที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพให้ Microsoft 365 Copilot และ AI agent 
  • นำเสนอ “Fabric IQ” และ “Foundry IQ” โซลูชันที่ช่วยให้ AI agent สามารถเชื่อมโยงข้อมูลดิบเข้ากับความต้องการทางธุรกิจ ทำให้การตัดสินใจในองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเรียลไทม์
  • ผลการศึกษาชี้ชัด ธุรกิจที่เปิดรับ AI จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ประสบการณ์ลูกค้า และการสร้างสรรค์นวัตกรรม
  • Frontier firms สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าผู้ที่เริ่มต้นช้าถึงสามเท่า

วันนี้เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานและการแก้ไขปัญหาไปอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังคงมักถูกมองว่าเป็นเพียงส่วนเสริม ไม่ใช่ส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนการทำงานให้กับมนุษย์ได้จริง

แฟรงค์ เอ็กซ์ ชอว์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร ไมโครซอฟท์ เปิดมุมมองว่า อันที่จริงไม่สามารถนำ AI มาเสริมลงในผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเสร็จแล้วได้

เพราะการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบและชาญฉลาด ต้องพิจารณานำมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกระดับ ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลที่เป็นรากฐานสำคัญต่อการทำงานของ AI ไปจนถึงบุคคลและองค์กรที่ได้รับประโยชน์จากความสามารถของเทคโนโลยี

สำหรับ ไมโครซอฟท์ ปีนี้งานอีเวนต์ใหญ่ประจำปี “Microsoft Ignite 2025” มุ่งเสริมศักยภาพการใช้งาน AI อย่างครบวงจร ด้วยการพัฒนาเครื่องมือและโซลูชันที่ขับเคลื่อนการพลิกโฉมทุกองค์กรและการทำงานทุกระดับไปสู่ดิจิทัล

ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งผลักดันให้องค์กรต่างๆ ยกระดับไปสู่ “Frontier firms” หรือองค์กรที่เป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่ AI โดยใช้ AI ปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเปิดทางไปสู่แนวคิดที่จะพลิกโฉมในอนาคต

‘Frontier firms’ ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้

การศึกษาโดย ไอดีซี – ไมโครซอฟท์ พบว่า Frontier firms สามารถพลิกโฉมธุรกิจด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นการขยายศักยภาพของ AI ในทุกฟังก์ชันธุรกิจ โดยเฉลี่ยแล้ว Frontier firms ใช้ AI ในฟังก์ชันทางธุรกิจถึงเจ็ดส่วนงาน

ที่น่าสนใจ Frontier firms ถึง 67% สามารถสร้างรายได้จากการใช้ AI ที่ปรับตามความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม ช่วยสร้างคุณค่าให้องค์กรและเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีภาคบริการทางการเงิน การดูแลสุขภาพ และการผลิต เป็นผู้นำในเทรนด์นี้

ขณะที่ 58% ของ Frontier firms ในปัจจุบันกำลังใช้โซลูชัน AI แบบปรับแต่งได้เอง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และไอดีซีประมาณการว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 77% ในอีก 24 เดือนข้างหน้า

ที่น่าจับตามอง Agentic AI คือจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับผู้นำธุรกิจในอีกสองปีข้างหน้า ไอดีซี ประมาณการว่าจำนวนบริษัทที่ใช้ Agentic AI จะเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว

โดยภาพรวมพบด้วยว่า ธุรกิจ 71% วางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณด้าน AI ในองค์กร

ธุรกิจที่เปิดรับ AI จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งในด้านประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้น ประสบการณ์ลูกค้าที่ดีกว่าเดิม และการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ

ดังนั้น เพื่อให้ยังคงสามารถแข่งขันได้ ผู้นำองค์กรจึงควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ในการพิจารณานำ AI มาใช้มากกว่าแค่ทดลอง โดยวางเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

ส่ง ‘Work IQ’ เสริมศักยภาพคน

ไมโครซอฟท์เชื่อว่า การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากความมุ่งมั่นของมนุษย์ เช่นเดียวกับ AI ซึ่งสามารถเข้าถึงและปลดล็อกได้ ด้วยความสามารถของ Microsoft 365 Copilot และอีโคซิสเท็มของ AI Agent

หนึ่งในฟีเจอร์ไฮไลต์ที่ประกาศในงานครั้งนี้คือ Work IQ ที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพด้านไอคิวของผู้ใช้ เป็นข้อมูลอัจฉริยะที่ทำงานหลายระดับเพื่อช่วยให้ Microsoft 365 Copilot และ AI agent เข้าใจวิธีการทำงาน บุคคลที่ทำงานร่วมกัน รวมถึงเข้าใจเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Work IQ สร้างขึ้นจากพื้นฐานข้อมูลของผู้ใช้ ความทรงจำ (memory) ซึ่งได้แก่ สไตล์ ความชอบ พฤติกรรม และรูปแบบการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงการอนุมาน (inference) ซึ่งเป็นการผสานข้อมูลและความทรงจำเข้าด้วยกันเพื่อสร้างการเชื่อมโยง ปลดล็อกข้อมูลเชิงลึก และคาดการณ์การดำเนินการถัดไปที่ดีที่สุดได้

ปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าถึง Work IQ ผ่าน API เพื่อสร้าง AI agent ที่ปรับแต่งตามกระบวนการทำงานและความต้องการเฉพาะของธุรกิจได้

นอกจากนี้ Work IQ ยังเป็นกลไกสำคัญที่อยู่เบื้องหลังฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกจำนวนมากของ Microsoft 365 Copilot ที่ประกาศเปิดตัวในงานครั้งนี้ ครอบทุกมิติการทำงานยุคใหม่สำหรับธุรกิจทุกขนาด

เชื่อมโยงทุกมิติธุรกิจยุค AI

ไมโครซอฟท์ระบุว่า องค์กรที่เป็น Frontier firm ผู้สร้าง AI สามารถอยู่ได้ในทุกส่วนงาน อย่างเช่นพนักงานที่ปฏิบัติงานในส่วนหน้าย่อมเข้าใจปัญหาที่ต้องพบเจอมากที่สุด บุคคลกลุ่มนี้สามารถสร้าง AI agent เพื่อช่วยการทำงานประจำวันได้

แล้ว AI agent รู้ได้อย่างไรว่าต้องจัดการข้อมูลอย่างไร คำตอบคือ Foundry IQ และ Fabric IQ ที่มาช่วยให้ AI agent เข้าใจสิ่งที่ผู้ใช้กำลังทำอยู่ และเชื่อมโยงข้อมูลดิบกับความต้องการทางธุรกิจในโลกความเป็นจริง รวมถึงค้นหาบริบทที่จำเป็นเพื่อใช้ในการตัดสินใจ

  • Fabric IQ รวบรวมข้อมูลเชิงวิเคราะห์ และข้อมูล ณ ช่วงเวลาต่างๆ รวมทั้งตำแหน่ง เข้ากับระบบปฏิบัติการขององค์กร ภายใต้โมเดลหนึ่งเดียวที่เชื่อมโยงกับความต้องการของธุรกิจ จึงทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพรวมของธุรกิจที่เชื่อมโยงและเป็นปัจจุบัน ทั้งผู้ใช้และ AI จึงสามารถตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์
  • Foundry IQ พัฒนาไปอีกขั้นด้วยระบบจัดการองค์ความรู้แบบครบวงจร ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานของ AI agent โดยใช้แหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ทำให้การประมวลผลเชิงเหตุผลมีคุณภาพสูงขึ้น ทำงานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น และสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับนักพัฒนา

เติมความปลอดภัย ‘AI agent’

ไอดีซี คาดการณ์ว่า ภายในปี 2028 ธุรกิจต่างๆ จะใช้ AI agent รวมกัน 1.3 พันล้านตัว เข้ามาช่วยทำงานในกระบวนการต่างๆ อย่างอัตโนมัติ

แต่ทั้งนี้ องค์กรส่วนใหญ่กลับยังไม่มีวิธีการตรวจสอบ ดูแลความปลอดภัย หรือกำกับดูแลเอเจนต์เหล่านี้ ซึ่งหากไม่มีการกำกับดูแลแล้ว AI agent อาจกลายเป็นภัยเงียบด้านไอทีในรูปแบบใหม่ได้

ไมโครซอฟท์นำเสนอ Microsoft Agent 365 ช่วยให้สามารถตรวจสอบ จัดการ และดูแลความปลอดภัยของ AI agent ได้ ไม่ว่าเอเจนต์เหล่านั้นจะสร้างขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ โอเพนซอร์ส หรือแพลตฟอร์มบุคคลที่สามก็ตาม

ผลการสำรวจผู้นำทางธุรกิจกว่า 4,000 คน ที่มีบทบาทในการตัดสินใจด้าน AI ทั่วโลก โดยไอดีซีและไมโครซอฟท์พบว่า ธุรกิจ 68% กำลังใช้ AI อยู่ในปัจจุบัน แต่ความแตกต่างที่แท้จริงอยู่ที่วิธีการใช้งาน

Frontier firms ระบุว่า สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าผู้ที่เริ่มต้นช้าถึงสามเท่า

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


10 ประโยชน์ของ “ฟักทอง” ลดน้ำหนัก-เบาหวาน-มะเร็ง

เทรนด์อาหารคลีนยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องข้ามปี และน่าจะยังอยู่กับหนุ่มสาวชาวไทยไปอีกนาน ใครที่ซื้ออาหารคลีนทาน หรือว่าทำอาหารคลีนทานเอง น่าจะเคยเห็นวัตถุดิบอันเลอค่านี้อยู่บ่อยๆ นั่นก็คือ “ฟักทอง” นั่นเอง ทำไมอาหารคลีนส่วนใหญ่ถึงต้องมีฟักทอง แล้วฟักทองมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

10 ประโยชน์ของฟักทอง

  1. ฟักทอง เป็นหนึ่งในผักที่มีสีเหลืองออกส้ม ที่ช่วยบำรุง และรักษาสายตา
  2. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทีช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
  3. บำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง ชุ่มชื่น ชะลอรอยเหี่ยวย่น
  4. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  5. ลดระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน
  6. ไขมันน้อย น้ำตาลน้อย กากใยอาหารสูง พลังงานต่ำ จึงเป็นอาหารที่เหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก
  7. ป้องกันโรคหลอดเลือด และหัวใจ
  8. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างเป็นปกติ จากกากใยอาหารที่มีอยู่สูง
  9. ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
  10. ป้องกันการเกิดโรคนิ่ว

วิธีทานฟักทองให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

ฟักทองไม่ได้มีดีแค่เนื้อฟักทองสีเหลืองทองนะคะ เมล็ดฟักทองเองก็ช่วยคลายเครียดได้ดี น้ำมันฟักทองก็ช่วยบำรุงประสาท หรือแม้แต่เปลืองของฟักทองยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลืดให้อยู่ในระดับปกติอีกด้วย ดังนั้นลองทานฟักทองจากหลายๆ ส่วนดู และหากจะหั่นเนื้อฟักทองมาประกอบอาหาร อาจจะเหลือเปลือกบางๆ เอาไว้ทานกรุบๆ บ้างก็ได้

นอกจากนี้ ใครที่อยากทานฟักทองเพื่อลดความอ้วน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ก็อย่าเผลอทานฟักทองแกงบวด ฟักทองสังขยาล่ะ เพราะเป็นขนมที่มีน้ำตาลสูง แนะนำให้ต้ม หรือนึ่งทาน ปั่นทานกับผักผลไม้อื่นๆ หรือทำซุปฟักทอง ฟักทองผัดไข่ทานเป็นอาหารคาวน่าจะดีกว่าค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/11/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a62,400.0062,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5%4,034.0061,155.4463,300.00
ทองรูปพรรณ 90%3,630.6055,039.90n/a
ทองรูปพรรณ 80%3,227.2048,924.35n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,815.3027,519.95n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,411.9021,404.40n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%4,180.3163,373.50n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/11/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9531.8531.8532.6531.8531.8531.8531.8531.8531.85
แก๊สโซฮอล์ 9131.4831.4831.9831.4831.4831.4831.4831.4831.48
แก๊สโซฮอล์ E2029.6429.6430.4429.6429.6429.6429.6429.64
แก๊สโซฮอล์ E8527.5927.5927.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม40.0449.5449.8440.04
เบนซิน 9540.1449.5140.6440.2940.14
ดีเซล30.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.4445.6449.8445.6443.44
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า