อสังหาฯ 69 บททดสอบความแกร่ง ผู้ประกอบการต่างเร่งปรับตัว

- ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 69 สู่การตั้งรับอย่างรอบคอบ โดยผู้ประกอบการเน้นสร้างความแข็งแกร่งจากภายในองค์กรเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
- ผู้พัฒนารายใหญ่ต่างปรับกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง เช่น พฤกษาถอนการลงทุนนอกธุรกิจหลัก, ศุภาลัยเน้นสินค้าคุ้มค่าและบริหารสต็อก, และพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ
- มีการชะลอการซื้อที่ดินใหม่และหันมาใช้แลนด์แบงก์เดิม พร้อมปรับพอร์ตสินค้าเพื่อเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะที่มีกำลังซื้อจริง เช่น ตลาดบ้านระดับกลาง-บน
บรรยากาศตลาดที่อยู่อาศัยกำลังเปลี่ยนจากการเร่งขยายสู่การตั้งรับอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ปี 2569 ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงต้องพิสูจน์ความแข็งแรงของโครงสร้างภายในแต่ละบริษัทมากกว่าการเร่งขยาย ภายใต้ฉากหลังเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน กำลังซื้อที่ถูกบีบจากภาระหนี้ และการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดต่อเนื่อง
หนึ่งในภาพสะท้อนที่ชัดเจน คือการตัดสินใจรีเซ็ตพอร์ตครั้งใหญ่ของ พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH ที่เลือกถอนการลงทุนออกจากธุรกิจนอกแกนหลัก ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดึงทรัพยากรกลับมาโฟกัสด้านอสังหาริมทรัพย์และด้านเฮลธ์แคร์
ซึ่งเป็นสองเสาหลักที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและสามารถสร้างรายได้ระยะยาวได้จริง โดยการลดเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาทในกองทุนโลจิสติกส์ ของ CapitaLand รวมถึงการทยอยขายสินทรัพย์ขนาดเล็กและการลงทุนดิจิทัลที่ไม่ถนัด เป็นการตัดสินใจที่สะท้อนแนวคิด “ลดความเสี่ยงก่อนขยาย” อย่างชัดเจน
ในฝั่งอสังหาริมทรัพย์ พฤกษาเลือกชะลอการซื้อที่ดินใหม่ หันมาใช้แลนด์แบงก์เดิมที่มีอยู่มูลค่าราว 40,000 ล้านบาทให้เกิดประโยชน์สูงสุด แม้ผลลัพธ์จะยังไม่สะท้อนในระยะสั้น เนื่องจากต้องใช้เวลาพัฒนา 2-3 ปี แต่เป็นการวางฐานต้นทุนที่แข็งแรง ลดแรงกดดันด้านเงินสดในช่วงที่ตลาดยังผันผวน พร้อมกันนั้น บริษัทยังปรับพอร์ตสินค้า จากทาวน์เฮาส์ไปสู่บ้านระดับกลาง-บน โดยโฟกัสราคาประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งยังมีกำลังซื้อจริง และสอดคล้องกับจุดแข็งด้านโรงงานพรีคาสต์และทีมก่อสร้างภายใน
ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียม แม้ไม่ใช่ช่วงพีคเหมือนอดีต แต่พฤกษายังเลือกเดินหน้าอย่างระมัดระวัง ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2569 รวมกว่า 10 โครงการ มูลค่ารวม 6,000-7,000 ล้านบาท ตัวเลขที่เล็กลงจากช่วง 5-6 ปีก่อน แต่สะท้อนการเติบโตเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ
อีกเสาหลักที่ถูกวางบทบาทเป็นรายได้ประจำ คือธุรกิจเฮลธ์แคร์ โดยเฉพาะโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งกำลังปรับจากโรงพยาบาลทั่วไปสู่การเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ปัจจุบันมีศูนย์เด่นด้านปอด หัวใจ และกระดูก และมีแผนขยายเพิ่มอีก 30 ศูนย์ในปี 2569 ควบคู่การขยายฐานลูกค้าต่างชาติและการพัฒนาโครงการโรงพยาบาลใหม่ในอนาคต เมื่อฐานเดิมมีความแข็งแรงเพียงพอ
มุมมองตลาดจากฝั่งผู้พัฒนารายใหญ่รายอื่นสะท้อนทิศทางเดียวกัน ศุภาลัย มองว่าบรรยากาศการแข่งขันด้านราคายังคง “หนัก หน่วง และดุเดือด” ต่อเนื่องอย่างน้อยถึงครึ่งแรกของปีหน้า โดยแม้ตลาดรวมจะไม่แย่ไปกว่าปีก่อน แต่ยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ที่ทำให้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ตลาดคอนโดมีโอกาสฟื้นตัวมากกว่าแนวราบ จากการที่ผู้พัฒนาโครงการเปิดตัวน้อยลง ขณะที่แนวราบยังทรงตัวจากข้อจำกัดด้านกำลังซื้อและความสามารถในการผ่อน
กลยุทธ์รับมือของศุภาลัยจึงยังคงเน้น “ความคุ้มค่าและเข้าถึงได้” บริหารต้นทุน ปรับสเปกในจุดที่ไม่จำเป็น และโฟกัสช่วงราคาที่ตลาดตอบรับดี 4-8 ล้านบาท พร้อมบริหารสต๊อกบ้านพร้อมขายให้อยู่ในระดับตํ่า เพื่อลดความเสี่ยงจากการขายที่ชะลอ ในด้านที่ดิน บริษัทมองว่าราคามีแนวโน้มซึมลงต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปี เปิดโอกาสให้ต่อรองและเลือกซื้อแปลงขนาดใหญ่ที่พัฒนาได้หลากหลายมากขึ้น
เช่นเดียวกันกับผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่อย่าง พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่ประเมินตรงกันว่าปี 2569 จะยังเป็นปีที่ตลาดอยู่ในระดับตํ่าเมื่อเทียบกับอดีต การตั้งเป้ายอดขายจึงไม่ใช่การเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่เป็นการ “กลับสู่ฐานเดิม” โดยผ่านการปรับโครงสร้างองค์กร ควบคุมคุณภาพงานก่อสร้าง และเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากการขายโครงการเพียงอย่างเดียว แนวคิดการพัฒนาส่วนกลางด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างมูลค่าเพิ่มและความแตกต่างในตลาดที่แข่งขันสูง
ขณะที่ผู้พัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบมิกซ์ยูสอย่าง Reignwood Park เลือกเดินเกมระยะยาว ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการอยู่อาศัย การศึกษา กีฬา และไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิดการสร้างระบบนิเวศการใช้ชีวิตมากกว่าการขายที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว การขยายแบรนด์สู่ตลาดต่างประเทศและการดึงกลุ่มลูกค้าระดับกำลังซื้อสูง โดยมองว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงจากตลาดในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

สำหรับตลาดรับสร้างบ้าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองของภาคอสังหาริมทรัพย์ หนึ่งในผู้ประกอบการอย่าง ซีคอน เปิดเผยว่า แม้มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านอยู่ราว 20,000 ล้านบาท จากตลาดสร้างบ้านเองกว่า 180,000 ล้านบาท แต่การขยายออกสู่พื้นที่ใหม่ โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และต่างจังหวัด เปรียบเสมือนการออกเรือไปหาแหล่งปลานอกพื้นที่เดิม ท่ามกลางเมกะโปรเจ็กต์ โครงสร้างพื้นฐาน และการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการทุจริตในธุรกิจก่อสร้าง การควบคุมผู้รับเหมา และต้นทุนแรงงาน ยังคงเป็นความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่ผู้ประกอบการต้องบริหารอย่างใกล้ชิด ไม่ต่างจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายรัฐและจังหวะเศรษฐกิจที่กำลังรอคอยการฟื้นตัว
เมื่อมองภาพรวมแล้ว ปี 2569 อาจยังไม่ใช่ปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักอย่างชัดเจน หากแต่เป็นปีที่จังหวะการเดินเกมของผู้ประกอบการมีความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา หลายบริษัทเลือกชะลอเพื่อประคองฐานะ
ขณะที่บางรายตัดสินใจลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อเตรียมรับการฟื้นตัวในระยะถัดไป ภายใต้บริบทเดียวกัน ธุรกิจที่สามารถยืนระยะได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารความเสี่ยง การจัดพอร์ต และการปรับตัวให้ทันกับทิศทางตลาดที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
การเคหะฯ เปิด3มาตรการเร่งด่วน ชูไฮไลต์ พักชำระหนี้–ปลอดค่าเช่า 3 เดือนเยียวยาน้ำท่วมใต้

- การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ใน 15 โครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบ 19,369 ราย
- พักชำระหนี้และปลอดค่าเช่าเป็นเวลา 3 เดือน (1 ธ.ค. 68 – 28 ก.พ. 69) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้เช่าซื้อและผู้เช่าในโครงการ
- จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่สงขลาเพื่อแจกจ่ายถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็น พร้อมจัดกิจกรรม Big Cleaning Day และส่งทีมวิศวกรเข้าตรวจสอบความเสียหายเพื่อเร่งซ่อมแซม
สถานการณ์ความรุนแรงน้ำท่วมภาคใต้ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ล่าสุด นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) แสดงความห่วงใยพี่น้องที่อยู่อาศัยในโครงการของการเคหะแห่งชาติที่ประสบอุทกภัยจำนวนกว่า 19,000 ราย มอบหมายให้ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (คกก.กคช.) และการเคหะแห่งชาติ เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเดินหน้าเปิด 3 มาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหาให้กับชาวชุมชนในพื้นที่
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในครั้งนี้ พบว่ามีโครงการของการเคหะแห่งชาติที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 15 โครงการ มีผู้ประสบภัยถึง 19,369 ราย
แยกเป็น โครงการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจำนวน 10 โครงการ 5,577 หน่วย มีผู้ประสบภัยถึง 16,731 ราย และโครงการที่ได้รับผลกระทบด้านการสัญจร จำนวน 5 โครงการ 927 หน่วยมีผู้ประสบภัย 2,638 ราย ซึ่ง รมว.พม. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม.เร่งบูรณาการความช่วยเหลือเชิงรุกทันที
ทั้งนี้ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติมอบหมายให้การเคหะแห่งชาติเร่งออกมาตรการเยียวยาโดยเร่งด่วน ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้ออก 3 มาตรการช่วยเหลือในทันทีได้แก่
1. พักชำระหนี้–ปลอดค่าเช่า 3 เดือน ครอบคลุมผู้เช่าซื้อโดยตรงกับ กคช. และผู้เช่าซื้อผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (คบส.) รวมถึงการปลอดค่าเช่าสำหรับผู้เช่าในโครงการของ กคช. ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 – 28 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนของชาวชุมชน
2. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการในโครงการเคหะชุมชนจังหวัดสงขลา (ฉลุง) เพื่อประสานงานช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ระดมกำลังผู้ปฏิบัติงานทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคใกล้เคียง ร่วมกันจัดถุงยังชีพ อาหารปรุงสุก น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ส่งมอบให้ประชาชนในโครงการต่าง ๆ ของการเคหะแห่งชาติ พร้อมทั้งทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยกู้ภัย และภาคประชาสังคม
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงพื้นที่ การกระจายความช่วยเหลือ และการประสานงานในภาวะฉุกเฉินให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง
3. ดำเนินกิจกรรม Big Cleaning Day ในโครงการที่ได้รับผลกระทบ โดยจัดส่งทีมวิศวกรและสถาปนิกเข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายของอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่ส่วนกลางอย่างละเอียด เพื่อประเมินความปลอดภัยและกำหนดแนวทางซ่อมแซมฟื้นฟูอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณเพื่อเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้พื้นที่อยู่อาศัยสามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกติและปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยในโครงการ
นอกจากนี้การเคหะแห่งชาติยังได้เร่งระดมความช่วยเหลือจากพี่น้องชาวชุมชนทั่วประเทศอาทิ ห้วยขวาง ดินแดง ร่มเกล้า คลองจั่น บ่อนไก่ ประชานิเวศน์ ธนบุรี หนองจอก ตลอดจนชาวชุมชนในจังหวัด นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม ปทุมธานี และภาคเอกชนร่วมกันบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นม ผ้าอ้อมเด็กและผู้สูงอายุ น้ำดื่มรวมถึงเวชภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อสมทบเป็นธารน้ำใจ ส่งความห่วงใย ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือชาวชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนในทันที
นายทวีพงษ์ ย้ำว่า “การเคหะแห่งชาติพร้อมยืนเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ และจะเดินหน้าช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อให้ทุกครอบครัวสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงโดยเร็วที่สุด”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 25ธ.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.00-31.20 บาท/ดอลลาร์ หลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานยอดการส่งออกและนำเข้าเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 9.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 25ธ.ค. 2568 ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.02 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) จะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนถึง
ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้นยังมีกำลังอยู่ ทว่า ในช่วงระยะสั้นนี้ (จนถึงสิ้นปี 2025) การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจชะลอตัวลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
อีกทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็ถือว่าเป็นช่วงหยุดยาวทำให้ปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินเบาบาง ทว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวัง ว่า เงินบาทเสี่ยงเคลื่อนไหว Two-way Risk หรือพร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง ได้พอสมควร หามีโฟลว์ธุรกรรมด้านใดด้านหนึ่งเข้ามากระทบตลาด โดยเฉพาะในช่วงวันทำการสุดท้ายของตลาดการเงินไทย
เรายอมรับว่า เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ในบทวิเคราะห์ Global FX Outlook ต้นเดือนธันวาคม หลังราคาทองคำมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น ทำจุดสูงสุดใหม่ สวนทางกับที่เราประเมินไว้ โดยเรามองว่า เงินบาทก็อาจจบสิ้นปีนี้แถว 31.00+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนในภาพของปี 2026 นั้น เราคงมุมมองเดิมต่อ “แนวโน้มการเคลื่อนไหวของเงินบาท” (ซึ่งเราขอแนะนำว่า ควรอ่านบทวิเคราะห์ดังกล่าวเพื่อทำความเข้าใจ และสามารถขอรับบทวิเคราะห์ได้จากทาง FX Sales ที่ดูแล หรือใน Line Official ของ Krungthai Global Markets)
โดยเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้างในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 ก่อนที่จะทยอยอ่อนค่าลงและอาจอ่อนค่าสุดในรอบปีในช่วงไตรมาส 2-3 และจะกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างในช่วงไตรมาสที่ 4 ไม่ต่างจากภาพในปี 2025 นี้ โดยเงินบาทก็อาจจบสิ้นปีแถวโซน 32.00+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ (ซึ่งเราอาจปรับคาดการณ์เงินบาท ณ สิ้นปี 2026 ใหม่ ให้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากคาดการณ์เดิม)
ในเชิงเทคนิคัลนั้น เรามองว่า หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 31.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน (เราจะปรับมุมมองต่อแนวโน้มเงินบาทใหม่ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์ หรือโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์)
อนึ่ง เราขอเน้นย้ำว่า การจะเห็นเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้อย่างต่อเนื่องนั้น จะต้องเห็น 1. การปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน ซึ่งต้องอาศัยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งและดีกว่าคาดมาก 2. การปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาทองคำ หรือ ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงการพักฐานใหม่
นอกจากนี้ หากราคาทองคำเร่งตัวสูงขึ้น ก็สามารถกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้เช่นกัน ผ่านโฟลว์ธุรกรรมไล่ราคาซื้อทองคำ หรือ Fear of Missing Out Buying Flows (FOMO Buy) และ 3. ปัจจัยภายในประเทศ
ซึ่งควรจะต้องเห็นความเสี่ยงที่รุนแรงต่อปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว การส่งออก หรือปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ นักลงทุนต่างชาติแห่เทขายสินทรัพย์ไทย เช่น วิกฤตการเมือง (เรามองว่า ถ้าเป็นเพียงความวุ่นวายการเมืองอาจไม่ได้กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญได้)
เราประเมินว่า ความผันผวนของเงินบาทเสี่ยงที่จะสูงขึ้นและอย่างน้อยก็อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026)
และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.00-31.20 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลงบ้าง (แกว่งตัวในกรอบ 31.01-31.13 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการทยอยรีบาวด์สูงขึ้นของเงินดอลลาร์ สอดคล้องกับภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่องของตลาดการเงินสหรัฐฯ อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ
โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรป นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด หลังรายงานข้อมูล ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ล่าสุด
ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 2.14 แสนราย ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ราว 1 หมื่นราย ซึ่งภาวะเปิดรับความเสี่ยงดังกล่าวของตลาดการเงินสหรัฐฯ กอปรกับการทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ ก็มีส่วนกดดันให้ ราคาทองคำย่อตัวลงบ้าง เพิ่มแรงกดดันต่อเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเปิดทำการเพียงครึ่งวัน ทว่า บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้างของบรรดาหุ้นกลุ่มต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่การปรับตัวขึ้นของหุ้นธีม AI/Semiconductor เหมือนในช่วงก่อนหน้า สะท้อนถึงแนวโน้มโอกาสเกิด “Santa Rally” ในช่วงปลายปี ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.32%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ทรงตัว แทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังบางตลาดหุ้น เช่น ตลาดหุ้นเยอรมนี ตลาดหุ้นสวีเดนและตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ปิดทำการเนื่องในวันหยุดคริสต์มาส ส่วนตลาดหุ้นอังกฤษก็เปิดทำการเพียงครึ่งวัน
ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่า บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดต่างก็ทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปี 2026 ลงบ้าง
ทว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็สามารถย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 4.13% หนุนโดยแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่ยังคงประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีโอกาสปรับตัวลดลงเพิ่มเติมได้ในปีหน้า หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถปรับตัวลดลงบ้าง
โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ปริมาณการทำธุรกรรมเบาบางลง เราคงประเมินว่า ว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเป็น 1. แนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด (ซึ่งจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ)
2. แนวโน้มฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ และ 3. บรรยากาศในตลาดการเงิน โดยเรายังคงแนะนำให้ ผู้เล่นในตลาดรอจังหวะทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) บอนด์ระยะยาว เน้นในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเท่านั้น
อาทิ ระดับบอนด์ยีลด์เกิน 4.20% ก็จะเป็นระดับที่มีความน่าสนใจ และสามารถทยอยเข้าซื้อได้ แต่หากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเพิ่มเติม จนต่ำกว่าระดับ 4.00% เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดยังไม่ควรไล่ราคาซื้อเพิ่มเติม เพื่อรอจังหวะให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง ถึงจะคุ้มค่ากับความเสี่ยง หรือมี Risk-Reward ที่เหมาะสม
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง สอดคล้องกับการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้าลงบ้างของบรรดาผู้เล่นในตลาด หลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ โดยเฉพาะในฝั่งยุโรป ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) รีบาวด์สูงขึ้นสู่โซน 97.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.8-98.0 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม และจังหวะรีบาวด์สูงขึ้นของเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2026) ย่อตัวลงบ้าง ทว่าผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลง หนุนให้ ราคาทองคำก็สามารถรีบาวด์ขึ้นบ้างและแกว่งตัวแถว 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports and Imports) เดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 9.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ส่วนในช่วงราว 6.30 น. ของเช้าวันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม นี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่น อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียวในเดือนธันวาคม ข้อมูลตลาดแรงงานญี่ปุ่น ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) และยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนพฤศจิกายน
และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังการเจรจาเพื่อยุติสงครามมีความคืบหน้ามากขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซุเอลา และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.08-31.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.55 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่ากลับมาบางส่วน (หลังแข็งค่าขึ้นค่อนข้างแรงไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี 9 เดือนที่ระดับ 31.02 บาทต่อดอลาร์ฯ วานนี้) สอดคล้องกับจังหวะการย่อตัวกลับลงมาต่ำกว่าระดับ 4,500 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ตลาดในประเทศกลับมารอติดตามตัวเลขการส่งออกไทยเดือนพ.ย. ที่มีกำหนดจะรายงานในวันนี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นที่ 31.00-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา รวมถึงตัวเลขการส่งออกไทยเดือนพ.ย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผมเลือกกำปั้นรายนี้! “อิโนอุเอะ” เผยชื่อ 1 นักมวยที่เหนือกว่าตัวเองบนโลกตอนนี้

“เดอะ มอนสเตอร์” นาโอยะ อิโนอุเอะ กำปั้นชาวญี่ปุ่น แชมป์โลก รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวต 4 สถาบัน (WBA, WBC, IBF และ WBO) เจ้าของสถิติไร้พ่าย เตรียมขึ้นสังเวียนป้องกันแชมป์ในสุดสัปดาห์นี้
โดย กำปั้นซามูไรวัย 32 ปี จะพบกับ ดาวิด ปิกาสโซ่ ผู้ท้าชิงรองอันดับ 1 ชาวเม็กซิกัน เจ้าของสถิติชนะ 32 ไฟต์ และเสมอ 1 ครั้ง ที่สังเวียนโมฮัมเหม็ด อับโด อารีนา, ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

ซึ่งก่อนการชก DAZN Boxing สื่อดังได้ถามความเห็นของ นาโอยะ อิโนอุเอะ ว่าบนโลกใบนี้มีนักมวยรายไหนหรือไม่ ที่คิดว่าดีกว่าตนหากเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์
“เทอเรนซ์ ครอว์ฟอร์ด คือคนนั้น” แชมป์โลกชาวญี่ปุ่น ตอบพร้อมยืนยันว่าการที่สื่อวงการกำปั้นยกให้ นักชกชาวสหรัฐฯ วัย 37 ปี คือเบอร์ 1 ของโลก แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายเจ้าตัวตัดสินใจประกาศอำลาสังเวียนแบบช็อกแฟนมวย
สำหรับ เทอเรนซ์ ครอว์ฟอร์ด คว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 5 รุ่น และมีสถิติไร้พ่ายชนะรวด 42 ไฟต์ (ชนะน็อก 31 ครั้ง) ไฟต์สุดท้ายคือการเอาชนะ ซาอูล “กาเนโล่” อัลวาเรซ คู่ชกชาวเม็กซิกัน ไปได้แบบเอกฉันท์ คว้าแชมป์ รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวต 4 สถาบัน (WBC, WBA, WBO และ IBF) ก่อนประกาศแขวนนวมแบบช็อกโลก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
จับตาเทรนด์สุขภาพหญิงปี 69 ชี้สถิติโรค ‘มะเร็ง-เนื้องอก’ มาแรง

- เทรนด์สุขภาพหญิงในปี 2569 ต้องเฝ้าระวัง 3 โรคสำคัญที่เป็นภัยคุกคามชีวิตสูงสุด ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก
- โรคอ้วนเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สุขภาพที่น่ากังวลและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพหลายด้านในผู้หญิง รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง
- เทรนด์การรักษาพยาบาลจะมุ่งเน้นความเป็นเฉพาะบุคคล (Personalized care) มากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองโรคแต่เนิ่นๆ และการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ประเทศไทยเผชิญการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ‘คนเกิดน้อยกว่าเสียชีวิต’ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน วิกฤตโครงสร้างประชากรจึงเป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย จากความเสี่ยงใน 3 เรื่องหลัก ไม่ว่าจะเป็น 1. ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน 2. แนวโน้มการบริโภคที่ลดลง 3. ภาระทางการคลังที่เพิ่มขึ้น จากทั้งสวัสดิการด้านรายได้และสุขภาพ
โดยเรื่องสุขภาพถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในระดับบุคคล ระดับครอบครัว และระดับประเทศ หากเจาะลึกข้อมูลล่าสุดในปี 2568 อ้างอิงจากกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ผู้หญิงมีอัตราการป่วยด้วยโรคสูงกว่าผู้ชาย โรคเฉพาะของผู้หญิงที่พบสูงสุดคือโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปากมดลูก และมักจะมีอาการป่วยเกี่ยวกับการครรภ์รวมถึงปัญหาที่อาจจะเกิดได้ในระยะคลอดด้วย
นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ Board Committee of Society of Endometriosis and Uterine Disorders เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ด้านสุขภาพของผู้หญิงไทยในปัจจุบัน โดยภาพรวมสอดคล้องกับปัญหาหลักเรื่องโครงสร้างประชากร ที่มีคนเกิดน้อยลงและมีผู้สูงอายุเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
แม้ผู้หญิงไทยจะหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น เริ่มตระหนักรู้เรื่องนี้ทุกช่วงวัย กระทั่งกลุ่มวัยรุ่นยังอยากมาพบแพทย์ด้วยตนเองเมื่อพบความผิดปกติของร่างกาย เพราะได้รับอิทธิพลจาก Content ด้านสุขภาพบนโซเชียลมีเดีย

แต่ก็มีกลุ่มที่น่ากังวลคือ “สตรีวัยทอง” ที่มักพบปัญหาสุขภาพรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของร่างกาย เช่น ปัญหาปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดแห้ง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์ รวมถึงภาวะกระดูกพรุน ที่มีอัตราการเสียชีวิตหรือต้องนอนติดเตียงสูงมาก นอกจากนี้ ยังมีโรคเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก ช็อกโกแลตซีสต์ และโรคมะเร็ง ที่มีสถิติตรวจเจอง่ายมากขึ้น
“สังเกตได้ว่าผู้ป่วยสตรีส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจมาพบแพทย์และเข้ารับการรักษาโรคทางนารีเวช มักมีอาการของโรคที่ค่อนข้างหนัก เพราะไม่ยอมรักษาตั้งแต่เนิ่นเนื่องจากกังวลเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 จึงพบผู้ป่วยโรคทางนารีเวชเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐ ที่มีสิทธิประกันสังคมหรือสิทธิบัตรทอง 30 บาท ของสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)”
นอกจากนี้ ในเรื่องสุขภาพสตรียังมีเคสหนักของการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่น่ากังวล แม้สถิติการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของไทยในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาโดยรวมดีขึ้น แต่บางส่วนยังมีปัญหาชีวิตซับซ้อนและการใช้ยาเสพติดร่วมอยู่ด้วย
ดังนั้น เทรนด์สุขภาพของผู้หญิงไทยปี 2569 จึงจะถูกขับเคลื่อนด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจและโครงสร้างประชากรของประเทศเป็นหลัก โดยมี 3 โรคสำคัญที่เริ่มพบบ่อย รุนแรง และเป็นภัยคุกคามชีวิตของผู้หญิง ที่ผู้หญิงไทยต้องเฝ้าระวังสูงสุดในทุกช่วงวัย คือ 1. มะเร็งเต้านม 2. มะเร็งปากมดลูก และ 3. เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก
โดยเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกพบในผู้หญิงเอเชียประมาณ 40-50% หากมีอาการรุนแรง เช่น ประจำเดือนมามากจนผิดปกติ อาจทำให้เกิดหน้ามืดเป็นลม และนำไปสู่อุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ ยังมีโรคอื่นๆ ที่พบได้บ่อย เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ภาวะถุงน้ำที่รังไข่หลายใบ (PCOS) ซึ่งพบได้ประมาณ 10% ของสตรีวัยเจริญพันธุ์
นพ.โอฬาริก กล่าวว่า เทรนด์ที่น่ากังวลที่สุดอีกอย่างคือ “โรคอ้วน” ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและพบมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้นเหตุสำคัญส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้หญิงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็ง ทำให้มีภาวะฮอร์โมนผิดปกติ เกิดภาวะมีบุตรยาก มีภาวะสุขภาพจิตแย่ และเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
“ในประเด็นนี้การลดน้ำหนักสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องที่ยากมาก ยิ่งเมื่อเข้าสู่วัยทองนิ่งทำได้ยาก เพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ระบบการเผาผลาญและมวลกล้ามเนื้อก็ลดลง ทำให้ง่ายต่อการมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ดังนั้น การตระหนักรู้และเพิ่มความเข้าใจจึงสำคัญอย่างยิ่ง”
ในทางกลับกันก็มีเทรนด์รักสุขภาพสำหรับผู้หญิงด้วยเช่นกัน ที่กำลังมาแรงคือ เทรนด์ความงาม การอยาก “สวยอย่างยั่งยืน” การให้ความสนใจในเรื่อง Longevity (สุขภาพยืนยาว) แสวงหาวิธีการดูแลสุขภาพชะลอวัยเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มกำลังซื้อสูงสุดคือ Gen X, Baby Boomer, และ Gen Y ต้น ๆ หรือกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ เทรนด์สุขภาพในปี 2569 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาที่มุ่งเน้นความเป็น “เฉพาะบุคคล” (Personalized care) การตรวจพันธุกรรม การคัดกรองโรค หรือการให้ความสำคัญกับการ “เช็กอัพ” เป็นประจำ เพราะการรู้โรคก่อน รู้เร็วถึงความผิดปกติ จะทำให้การรักษาง่ายขึ้น สถานพยาบาลก็จะเริ่มใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันจำนวนหุ่นยนต์จะยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศก็ตาม
นพ.โอฬาริก กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีนโยบายเกี่ยวข้องกับสุขภาพและสวัสดิการของสตรีที่น่าสนใจอีกหลายประเด็น ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมและผลักดัน เช่น นโยบายส่งเสริมการมีบุตร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศให้ผู้ที่มีสิทธิบัตรทองสามารถทำเด็กหลอดแก้วได้ฟรี
นับเป็นการลงทุนเพื่อประเทศในทางหนึ่ง, นโยบายด้านกฎหมายแรงงานและสิทธิสตรี สนับสนุนการมีบุตร ขยายการลาคลอดได้เป็นเวลา 120 วัน, ผู้หญิงมีสิทธิลาป่วยประจำเดือน , มีนโยบายด้านการรักษาและความรู้ สามารถตรวจพันธุกรรมของทารกในครรภ์ และยังอนุญาตให้ผู้หญิงยุติการตั้งครรภ์ได้หากไม่มีความพร้อม
“ประเด็นเหล่านี้นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุขของไทยเป็นวงกว้าง และช่วยช่วยผลักดันให้ประเทศไทยมีความพร้อมด้านบริการการแพทย์มากขึ้น นำไปสู่ความท้าทายในการเป็น Medical Hub ในอนาคต แม้ระบบสุขภาพเรายังต้องนำเข้าทั้งงานวิจัยและเครื่องมือแพทย์ (Medical Device) แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ด้านทรัพยากรบุคลากรที่ต้องเร่งปรับ ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาสุขภาพของประชาชนอย่างยั่งยืนในระยะยาว”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
60 คำอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ 2569 / 2026 สั้นๆ ยาวๆ ความหมายดี

คำอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ สั้นๆ
- Make way for 2026!
หลีกทางให้ปี 2026!
- Cheers to the new year!
สวัสดีปีใหม่!
- A year of new blessings!
ปีแห่งพรใหม่ๆ
- Sparkle your way into the new year!
เปล่งประกายสู่ปีใหม่!
- 2026 will be YOUR year!
2026 จะเป็นปีของคุณ!
- Have a prosperous New Year!
ขอให้มีความสุขในปีใหม่!
- Wishing you a happy healthy new year.
ขอให้เป็นปีใหม่ที่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง
- 2026 is going to be the best year yet.
2025 จะเป็นปีที่ดีที่สุดของคุณ
- New year, new blessings!
ปีใหม่ ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา!
- May your year be bright and full of joy.
ขอให้ปีนี้สดใสและเต็มไปด้วยความสุขนะ!
- Wishing you happiness all year round.
ขอให้มีความสุขตลอดทั้งปีเลย!
- Here’s to more smiles and good times this year!
ขอให้ปีนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและช่วงเวลาดีๆ!
- Thanks for being you—happy new year! 💖
ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่ยอดเยี่ยม สุขสันต์วันปีใหม่นะ 💖
- Wishing you laughter and good vibes all year long! ✨
ขอให้ทั้งปีเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและพลังบวก ✨
- More joy, less stress! 🌈
ขอให้มีแต่ความสุข ไม่มีความเครียด! 🌈
- Good vibes only in 2025! ☀️
ปี 2025 นี้ ขอมีแต่พลังดีๆ เท่านั้น ☀️
- Wish you all the good stuff this year! 💕
ขอให้ปีนี้มีแต่เรื่องดีๆ นะ 💕
- Wishing you a gentle start to a beautiful year. 🌙
ขอให้ปีใหม่นี้เริ่มต้นอย่างงดงามและอบอุ่นใจ 🌙
คำอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ 2026
- Have a sparkling New Year!
ขอให้เป็นปีใหม่ที่สดใสนะ!
- May the new year bless you with health, wealth, and happiness.
ขอให้มีสุขภาพที่ดี ร่ำรวย และมีความสุขมากๆ ในปีใหม่นี้
- Out with the old, in with the new! Happy New Year!
ออกมาจากปีเก่า ก้าวเข้าไปสู่สิ่งใหม่ๆ สุขสันต์วันปีใหม่!
- May the new year bring you peace, joy, and happiness.
ขอให้ปีใหม่นี้นำพาแต่ความสงบสุข ความสนุกสนาน และความสุขมาหาเธอนะ
- Life is short – dream big and make the most of 2026!
ชีวิตมันสั้น ฝันให้ใหญ่ แล้วทำให้เต็มที่ที่สุดในปี 2026!
- It is time to forget the past and celebrate a new start. Happy New Year!
ถึงเวลาแล้วที่จะลืมอดีตและเฉลิมฉลองกับการเริ่มต้นใหม่ สุขสันต์วันปีใหม่!
- Wish you happiness in the year to come.
ขอให้มีแต่ความสุขในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้
- Greetings of the New Year. Wishing you all success in the next.
สวัสดีปีใหม่ ขอให้คุณประสบความสำเร็จทุกๆ สิ่งในปีใหม่นี้
- Wishing you a happy, healthy New Year.
ขอให้คุณมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงในปีใหม่นี้นะ
- Happy New Year now and always!
สวัสดีปีใหม่ มีความสุขทั้งในตอนนี้และตลอดไปเลยนะ!
- Cheers to the New Year! May 2026 be an extraordinary one.
ฉลองให้กับปีใหม่! หวังว่าปี 2026 จะเป็นปีที่พิเศษนะ
- Give wings to your dreams and let them come true in 2026.
มอบปีกให้กับความฝันของคุณและทำให้มันเป็นจริงในปี 2026
- Wishing you a blessed and prosperous New Year!
ขอให้คุณมีความสุขและเจริญรุ่งเรืองในปีใหม่!
- Happy New Year! I hope all your dreams come true in 2026.
สวัสดีปีใหม่! ฉันหวังว่าความฝันทั้งหมดของคุณจะเป็นจริงในปี 2026
- Happy New Year – it’s time to shine bright like a diamond!
สวัสดีปีใหม่ – ถึงเวลาเปล่งประกายเจิดจรัสดั่งเพชรแล้ว!
- May the New Year see you loving, giving, and living!
ขอให้ปีใหม่ได้เห็นความรัก การให้ และการใช้ชีวิตของคุณเยอะๆ !
- May your most used attire in the New Year be a smile.
ขอให้ช่วงเวลาที่คุณใช้ในปีใหม่นี้มีแต่รอยยิ้ม
- Here’s wishing you all the joy of the season.
ขออวยพรให้คุณมีความสุขตลอดเทศกาลนี้
- Happy new year. Enjoy every bit of it!
สวัสดีปีใหม่. ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่านะ!
- HNY! May all the success embrace you this year!
สวัสดีปีใหม่ ขอให้ความสำเร็จทั้งหมดโอบกอดคุณในปีนี้!
คำอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล ความหมายดี
- May your new year be decorated with sweet memories, wonderful days and memorable nights. Happy New Year.
ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่หวานชื่น เป็นปีที่มีแต่วันดีๆ และค่ำคืนที่น่าจดจำ สวัสดีปีใหม่จ้า
- May 31st December be the end of your sorrows and 1st January 2026 be the beginning of your joys. Happy New Year.
ขอให้วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันสุดท้ายของความเศร้าเสียใจ และให้วันที่ 1 มกราคมเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขของเธอนะ สวัสดีปีใหม่
- Out with the old, In with the new: may you be happy the whole year through. Happy New Year!
ออกมาจากปีเก่า ก้าวเข้าไปสู่สิ่งใหม่ๆ หวังว่าเธอจะมีความสุขไปตลอดทั้งปีเลยนะ สวัสดีปีใหม่!
- May the new year be filled with brightness and hope so that darkness and sadness stay away from you.
ขอให้ในปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความหวังและความสดใส และขอให้ความมืดมนและความเศร้าเสียใจหมดไปกับปีเก่านี้นะ
- Happy new year to all! May every wish of yours get fulfilled in the upcoming year.
สวัสดีปีใหม่ทุกคน! ขอให้ความปรารถนาของทุกคนเกิดขึ้นจริงในปีใหม่ที่จะถึงนี้นะ!
- Happy New Year! I hope all your dreams come true in 2026 – onwards and upwards!
สวัสดีปีใหม่! หวังว่าความฝันของคุณจะเป็นจริงในปี 2026 นี้นะ และในปีต่อๆ ไปด้วยนะ
- May your new year be filled with everything new and everything true. Have a blessed year ahead.
ขอให้ปีใหม่นี้ของคุณเติมเต็มไปด้วยสิ่งใหม่ๆ และสิ่งที่เป็นจริง ขอให้มีความสุขตลอดปีนะ
- May your wishes come true and may you have a joyous New Year.
ขอให้ทุกสิ่งที่คุณปรารถนาเป็นจริง และขอให้คุณมีปีใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุข
- Happy New Year! Let’s eat, drink, and be merry – for tomorrow we diet!
สวัสดีปีใหม่! กิน ดื่ม และมีความสุขให้เต็มที่ ก่อนที่พรุ่งนี้จะต้องเริ่มลดน้ำหนัก!
- May New Year fill up days with all things that are nice and bright. Here is wishing you a lovely 2026.
ขอให้ปีใหม่ของเธอเต็มไปด้วยสิ่งดีๆ และความสดใสในทุกวัน ขอให้ปี 2026 เป็นปีที่ดีสำหรับเธอนะ
- As the sun sets on another year, I wish you great company and good cheer.
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไปอีกปีแล้ว ขอให้คุณมีความสุข
- Here’s to better times ahead for us all! Wishing you a happy, safe and healthy 2026.
นี่คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับพวกเราทุกคน! ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ในปี 2026
- Wishing you a blessed New Year! When I count my blessings, I count you twice.
ขอให้คุณมีความสุขในปีใหม่! เมื่อฉันนับพรของฉัน ฉันนับเผื่อคุณด้วยนะ
- Wishing you all a blissful new year. Hope that joy and success follow you in every sector of life.
ปีใหม่นี้ขอให้คุณมีความสุข หวังว่าความสุขและความสำเร็จจะติดตามคุณไปในทุกภาคส่วนของชีวิต
- May the new year be the year to reach your goals and achieve the milestones in your life.
ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งความสำเร็จและการบรรลุเป้าหมายในชีวิตของคุณ
- It’s time to welcome a year to add new colors and new stories to your life. Happy new year!
ถึงเวลาต้อนรับปีที่จะเติมสีสันและเรื่องราวใหม่ๆ ให้กับชีวิตของคุณแล้ว สวัสดีปีใหม่!
- May your new year be filled with everything new and everything true. Have a blessed year ahead.
ขอให้ปีใหม่ของคุณเต็มไปด้วยสิ่งใหม่และทุกสิ่งที่เป็นจริง ขอให้มีความสุขตลอดปีหน้า
- Thanks for all the good memories of the past year. Wishing you a spectacular new year ahead.
ขอบคุณสำหรับความทรงจำดีๆ ในปีที่ผ่านมา สวัสดีปีใหม่
- Wishing you better days ahead because you deserve the best! Happy New Year.
ขออวยพรให้คุณมีวันที่ดีกว่านี้เพราะคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด! สวัสดีปีใหม่
- Hoping every New Year’s Day would be beautiful, happy, funny, exciting and above all, productive. Happy New Year!
หวังว่าวันขึ้นปีใหม่ทุกๆ ปีจะสวยงาม มีความสุข สนุกสนาน น่าตื่นเต้น และเหนือสิ่งอื่นใดขอให้มีแต่ความสำเร็จ สวัสดีปีใหม่!
ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net
แจก 10,000 สิทธิ์ แรงงานไทยเรียนฟรีออนไลน์ ยกระดับทักษะดิจิทัล

- กรมพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมมือกับบริษัท โคนิเคิล จำกัด เพื่อยกระดับทักษะดิจิทัลให้แก่แรงงานไทยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
- มอบสิทธิ์เรียนออนไลน์ฟรีจำนวน 10,000 สิทธิ์ เพื่อสนับสนุนให้แรงงานทั่วประเทศได้ Upskill และ Reskill
- หลักสูตรที่เปิดสอนครอบคลุมทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัล เช่น Data Analytics, Canva AI และ Critical Thinking & Problem-Solving
นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล กับบริษัท โคนิเคิล จำกัด
โดยมีเป้าหมายเชื่อมโยงระบบ DSD Online Training ของกรมพัฒน์เข้ากับแพลตฟอร์ม “Conicle”เพื่อให้ประชาชนและแรงงานไทยสามารถเข้าถึงหลักสูตรด้านดิจิทัลและทักษะอาชีพในหลากหลายสาขา เช่น Critical Thinking & Problem-Solving, Data Analytics Workflow รวมถึง Canva AI และหลักสูตรด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ
“ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทักษะดิจิทัลและการใช้งานเทคโนโลยีจึงกลายเป็น “ทักษะจำเป็น” สำหรับแรงงานทุกสาขาอาชีพ การร่วมมือกับโคนิเคิลในครั้งนี้ จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยยกระดับทักษะแรงงานไทยให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างทันสมัย สะดวก และต่อเนื่องผ่านระบบออนไลน์ที่ได้มาตรฐานและตรวจสอบได้”

ในอนาคต ทั้งสองหน่วยงานมีแผนเดินหน้าพัฒนาสู่ One Platform for Skill Development แพลตฟอร์มกลางเพื่อการพัฒนาทักษะแรงงานไทยแบบออนไลน์ครบวงจร รองรับการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ
นายสมาสภ์ ย้ำชัดว่า การพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับแรงงานเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศ พร้อมก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง ความร่วมมือกับโคนิเคิลในครั้งนี้จึงเป็นหมุดหมายสำคัญของการสร้างสังคมการเรียนรู้ และช่วยให้แรงงานไทยสามารถยกระดับศักยภาพของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
โคนิเคิลมอบสิทธิ์เรียนออนไลน์ฟรี 10,000 สิทธิ์ หนุนแรงงานไทย
นายนกรณ์ พฤกษ์พิพัฒน์เมธ กรรมการ บริษัท โคนิเคิล จำกัด กล่าวว่า โคนิเคิลได้มอบสิทธิ์การเรียนออนไลน์จำนวน 10,000 สิทธิ์ เพื่อสนับสนุนแรงงานทั่วประเทศในการ Upskill/Reskill ผ่านหลักสูตรออนไลน์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล
การสนับสนุนครั้งนี้สะท้อนความตั้งใจของโคนิเคิลในการผลักดัน “Workforce ไทย” ให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านระบบการเรียนรู้ที่เข้าถึงง่าย โปร่งใส และสามารถนำไปต่อยอดทักษะได้จริง
โคนิเคิลยังยืนยันถึงความพร้อมในการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐและสถานประกอบการต่างๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานทักษะแรงงานไทยสู่ระดับสากล ผ่านระบบเรียนรู้ออนไลน์ที่ทันสมัย พร้อมใช้จริง และออกแบบมาเพื่อคนทำงานยุคใหม่โดยเฉพาะ เพื่อให้องค์กรต่างๆ ก้าวทันสู่การทำงานในยุค AI พร้อมทักษะที่สามารถพัฒนาพนักงานได้ตรงตามสายอาชีพกว่า 300++ ทักษะ โคนิเคิลพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อพาองค์กรของคุณไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
10 สุดยอดอาหารควรกินก่อนดื่ม! เคล็ดลับปาร์ตี้ส่งท้ายปี 2025 ไม่ให้เมาค้างถึงปีหน้า

เมื่อปีสิ้นสุดลงและเทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามา หลายแห่งจึงจัดงานเลี้ยงและสังสรรค์ส่งท้ายปี ในช่วงเวลานี้ การดื่มแอลกอฮอล์มักเพิ่มสูงขึ้น และผู้ชายหลายคนจึงมองหาวิธีที่มีประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงการเมา เพื่อจะได้สนุกสนานกับงานเฉลิมฉลองได้อย่างเต็มที่
อาหารที่คุณรับประทานก่อนดื่มแอลกอฮอล์มีผลอย่างมากต่อการประมวลผลแอลกอฮอล์ในร่างกายและอารมณ์ของคุณในวันรุ่งขึ้น การรับประทานอาหารก่อนดื่มสามารถชะลอการดูดซึมแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือด ป้องกันเยื่อบุในกระเพาะอาหารจากการระคายเคือง และลดความเสี่ยงที่จะเมา ตามรายงานของ BBC
เมื่อปี 2025 กำลังจะสิ้นสุดลงและปี 2026 กำลังจะมาถึง (ตามด้วยเทศกาลตรุษจีนปีม้า) หลายแห่งจึงจัดงานเลี้ยงและงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งการดื่มแอลกอฮอล์มักจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลเหล่านี้ ดังนั้น การรู้จักอาหารที่ดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันอาการเมาค้าง จะช่วยให้สุภาพบุรุษสามารถสนุกสนานกับงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ได้อย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงจากความเหนื่อยล้าได้
ด้านล่างนี้คือรายชื่ออาหารที่ดีที่สุดที่ควรรับประทานก่อนดื่มแอลกอฮอล์ และเหตุผลว่าทำไมจึงได้ผล
ทำไมการดื่มจนเมาจึงเกิดขึ้น?
อาการมึนเมาเป็นปฏิกิริยาของร่างกายต่อการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และเกิดจากหลายปัจจัย รวมถึง:
1. ภาวะขาดน้ำ
แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ หมายความว่ามันกระตุ้นการปัสสาวะและทำให้ร่างกายขาดน้ำ การขาดน้ำเป็นสาเหตุสำคัญของอาการกระหายน้ำ เวียนศีรษะ และปวดหัว
2. ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์
นอกจากภาวะขาดน้ำแล้ว ร่างกายยังสูญเสียอิเล็กโทรไลต์ที่สำคัญ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และโซเดียม ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง และหงุดหงิด
3. ลดระดับน้ำตาลในเลือด
แอลกอฮอล์สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ตัวสั่น อารมณ์แปรปรวน และสับสน
อาการทั่วไปของการมึนเมาแอลกอฮอล์ ได้แก่ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย กระหายน้ำและปากแห้ง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้หรืออาเจียน ปวดท้อง เวียนศีรษะ ไวต่อแสงและเสียงมากขึ้น หงุดหงิดหรืออารมณ์แปรปรวน และนอนไม่หลับ
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเมาคือ ดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ ดื่มน้ำให้เพียงพอ กินอาหารก่อนดื่ม และควบคุมอัตราการดื่มตลอดทั้งคืน
ทำไมการรับประทานอาหารก่อนดื่มแอลกอฮอล์จึงสำคัญ?
เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง แอลกอฮอล์จะเข้าสู่ลำไส้เล็กอย่างรวดเร็ว และถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพิ่มความเสี่ยงต่อการมึนเมาและผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้ เวียนศีรษะ และภาวะขาดน้ำ การรับประทานอาหารก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยชะลอการดูดซึม ทำให้ร่างกายมีเวลาในการย่อยสลายแอลกอฮอล์และประมวลผลได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้น หากคุณวางแผนที่จะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นี่คืออาหารบางชนิดที่จะช่วยเตรียมร่างกายและลดผลกระทบของแอลกอฮอล์
อาหารที่ควรรับประทานก่อนดื่มแอลกอฮอล์
1. อะโวคาโด
มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าอาหารที่มีไขมันสูงช่วยชะลอการดูดซึมแอลกอฮอล์ อะโวคาโดซึ่งอุดมไปด้วยไขมันดีและใยอาหาร จึงเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมในการช่วยชะลอการดูดซึมแอลกอฮอล์
2. ไข่
ไข่มีโปรตีนสูง และโปรตีนใช้เวลาในการย่อยนานกว่า จึงช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น การกินไข่ก่อนดื่มแอลกอฮอล์สามารถช่วยชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารในกระเพาะ ซึ่งจะช่วยควบคุมอัตราการเข้าสู่ร่างกายของแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ไข่ยังมีกรดอะมิโนซิสทีน ซึ่งช่วยให้ตับกำจัดแอลกอฮอล์ได้
3. โยเกิร์ตกรีก
โยเกิร์ตกรีกมีส่วนผสมที่ลงตัวของโปรตีนและไขมันดี ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีมาก นอกจากนี้ยังย่อยง่ายและมีแบคทีเรียโปรไบโอติกที่ช่วยสนับสนุนการย่อยอาหารอีกด้วย
4. ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และวิตามินบี ซึ่งช่วยบำรุงการทำงานของตับและอาจช่วยลดการอักเสบที่เกิดจากแอลกอฮอล์ได้
5. มันเทศ
มันเทศอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เป็นแหล่งพลังงานที่ดีที่ช่วยชะลอการดูดซึมแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งสามารถช่วยชดเชยภาวะขาดน้ำที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้
6. ผลไม้ตระกูลส้ม
วิตามินซีเป็นที่รู้จักกันดีในบทบาทของการต่อสู้กับโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามันยังช่วยปกป้องร่างกายของคุณจากอาการเมาค้างได้ด้วย? ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ผลเบอร์รี่และผลไม้ตระกูลส้ม เพื่อบรรเทาอาการเมาค้าง
7. ชีส
ชีสมีไขมันและโปรตีนที่ช่วยลดการดูดซึมแอลกอฮอล์ ที่จริงแล้ว การศึกษาเกี่ยวกับชีสหลายชนิดที่มีแบคทีเรียสองชนิดแสดงให้เห็นว่า โปรไบโอติกในชีสช่วยเร่งการเผาผลาญแอลกอฮอล์โดยการกระตุ้นเอนไซม์สำคัญในตับ นอกจากนี้ ชีสยังช่วยเสริมวิตามินบีและแคลเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่ลดลงในร่างกายเมื่อดื่มแอลกอฮอล์
8. แตงกวา
อาหารที่ช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ได้แก่ ผลไม้และผักที่มีปริมาณน้ำสูง เช่น ขึ้นฉ่าย แตงกวา แตงโม และบวบ การทำให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการเมาค้างที่ไม่พึงประสงค์ได้
9. กล้วย
กล้วยเป็นแหล่งโพแทสเซียมที่ดีเยี่ยม ดังนั้นการรับประทานกล้วยก่อนและหลังดื่มแอลกอฮอล์สามารถช่วยรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ ลดความเหนื่อยล้าและตะคริวกล้ามเนื้อในวันถัดไปได้
10. ธัญพืชไม่ขัดสี
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และขนมปังโฮลวีต จะค่อยๆ ปล่อยพลังงานออกมา ทำให้ได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดความเสี่ยงต่ออาการปวดหัวและอ่อนเพลียที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์
สิ่งที่คุณกินก่อนดื่มแอลกอฮอล์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการย่อยและดูดซึมแอลกอฮอล์ในร่างกาย การเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้ความชุ่มชื้น และเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งเป็นอาหารที่ใช้เวลาในการย่อยนานกว่า จะช่วยลดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและบรรเทาอาการเมาค้างได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 25/12/2568
| ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
|---|---|---|---|
| ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 65,750.00 | 65,850.00 |
| ทองรูปพรรณ 96.5% | 4,250.00 | 64,430.00 | 66,650.00 |
| ทองรูปพรรณ 90% | 3,825.00 | 57,987.00 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 80% | 3,400.00 | 51,544.00 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 50% | 1,912.50 | 28,993.50 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 40% | 1,487.50 | 22,550.50 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 99.99% | 4,404.15 | 66,766.91 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/12/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| แก๊สโซฮอล์ 95 | 31.35 | 31.35 | 31.85 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | 31.35 |
| แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.98 | 30.98 | 31.28 | 30.98 | 30.98 | 30.98 | 30.98 | 30.98 | 30.98 |
| แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.14 | 29.14 | 29.44 | 29.14 | – | 29.14 | 29.14 | 29.14 | 29.14 |
| แก๊สโซฮอล์ E85 | 27.09 | 27.09 | – | – | – | – | – | – | 27.09 |
| แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 40.04 | 49.54 | 49.84 | – | – | – | – | – | 40.04 |
| เบนซิน 95 | 39.64 | – | – | 49.51 | – | 40.14 | 39.79 | – | 39.64 |
| ดีเซล | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 |
| ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.44 | 45.64 | 49.84 | 45.64 | – | – | – | – | 43.44 |
| แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | 18.55 |







