สถานการณ์อสังหาฯไตรมาส 2 ปี 2560
เช็คสภาพตลาดอสังหาฯกว่า 8 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2560 มีการชะลอตัวของจำนวนหน่วยทั้ง ‘ดีมานต์’และ‘ซัพพลายด์’ เหตุเพราะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯปีที่ผ่านมาดึงความต้องการที่อยู่อาศัยในอนาคตไปก่อนหน้านี้
เช็คสภาพตลาดอสังหาฯกว่า 8 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2560 มีการชะลอตัวของจำนวนหน่วยทั้ง ‘ดีมานต์’และ‘ซัพพลายด์’ เหตุเพรามาตรการกระตุ้นอสังหาฯปีที่ผ่านมาดึงความต้องการที่อยู่อาศัยในอนาคตไปก่อนหน้านี้
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้รายงานถึงภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2560 ว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีจำนวน 73 โครงการ มีหน่วยในผังรวม 28,051 หน่วย ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 มีโครงการเปิดใหม่ 97 โครงการ จำนวน 18,421 หน่วย และมีมูลค่าโครงการรวม 106,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวม 65,530 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าโครงการเปิดขายใหม่ในปี 2560 เปิดขายโครงการที่มีขนาดใหญ่กว่า และเปิดขายในระดับราคาต่อหน่วยสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ แบ่งออกเป็นโครงการบ้านจัดสรร 40 โครงการ จำนวน 11,371 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 43,937 ล้านบาท ส่วนโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2560 มีจำนวน 33 โครงการ รวม 16,680 หน่วย มีมูลค่าโครงการอาคารชุดรวม 62,011 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 2560 คาดว่าจะมีหน่วยโครงการเปิดใหม่อยู่ที่ประมาณ 108,709 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 2.9% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 97,900 ถึง 119,700 หน่วย
ด้านดีมานต์ที่อยู่อาศัย พบการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2560 มีจำนวน 39,597 หน่วย และมีมูลค่า 103,560 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง 25.3% และมูลค่าลดลง 16.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ซึ่งมีจำนวน 53,030 หน่วย และมูลค่า 123,766 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเดือนเมษายน ของไตรมาส 2 ปี 2559 เป็นเดือนสุดท้ายของมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ทำให้มีการเร่งการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก
ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2560 มีการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดมากที่สุด จำนวน 19,600 หน่วย คิดเป็น 49.5% ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 11,980 หน่วย คิดเป็น 30.3 %บ้านเดี่ยวมีการโอนจำนวน 5,174 หน่วย คิดเป็น 13.1% บ้านแฝดมีการโอนจำนวน 1,472 หน่วย คิดเป็น 3.7% และอาคารพาณิชย์พักอาศัยมีการโอนจำนวน 1,371 หน่วย คิดเป็น 3.5 %
สำหรับแนวโน้มยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ปี 2560 คาดว่าจะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยที่ประมาณ 154,500 หน่วย ลดลงจากปีที่ผ่านมา 11.9 %โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 139,000 ถึง 170,000 หน่วย และมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 416,000 ล้านบาท ลดลง 6.3 %โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 374,500 ถึง 457,650 ล้านบาท
http://www.bangkokbiznews.com
เดินหน้าสร้างบ้าน 2.27 ล้านหน่วย ให้ผู้มีรายได้น้อย
การสร้างบ้านผู้มีรายได้น้อยถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญและพยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2530-2579) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยตั้งเป้าให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 ขยายกลุ่มเป้าหมายจากเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย ให้ครอบคลุมถึงผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มคนไร้ที่พึ่ง และผู้ด้อยโอกาส
ตั้งเป้า 2.27 ล้านหน่วย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
แผนแม่บทดังกล่าวจะประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาและสนับสนุนให้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเสริมสร้างระบบการเงินและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ยุทธศาสตร์ที่ 3 การยกระดับการบูรณาการด้านการจัดการที่อยู่อาศัย ยุทธศาสตร์ที่ 4 การส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน และยุทธศาสตร์ที่ 5 การจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะแบ่งเป็น 5 แผนงาน ดังนี้
1. แผนพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ดำเนินการโดยการเคหะแห่งชาติ (กคช.) มีเป้าหมาย 2.27 ล้านหน่วย เช่น โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย, โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุรายได้ปานกลาง, แผนพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการ และโครงการบ้านประชารัฐ
2. แผนพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองและชนบท ดำเนินการโดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง สำหรับครัวเรือนที่อยู่ในชุมชนแออัด ชุมชนบุกรุกไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยทั้งพื้นที่ในเมืองและชนบท มีเป้าหมาย 1.05 ล้านครัวเรือน
3. แผนการปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ ดำเนินการโดยกรมกิจการผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้มีการเกื้อกูลต่อการดำรงชีวิตด้วยตนเองของผู้สูงอายุ เช่น การปรับปรุงที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ, โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ และโครงการปรับปรุงที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุรูปแบบประชารัฐ
4. แผนการปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยพิจารณาจากคนพิการที่มีฐานะยากจน มีที่อยู่อาศัยไม่มั่นคง ปลอดภัย หรือไม่เหมาะกับสภาพความพิการ มีเป้าหมาย 1.32 แสนหลัง
5. แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยของกลุ่มคนไร้ที่พึ่ง ผู้ด้อยโอกาส ดำเนินการโดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพ โดยจัดให้มีที่พักพิงและได้รับบริการเพื่อการพัฒนาศักยภาพการดำรงชีวิต และสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มคนไร้ที่พึ่งและผู้ด้อยโอกาสให้สามารถดำเนินชีวิตในชุมชนอย่างปกติ สามารถพึ่งพาตนเอง และลดภาระการพึ่งพิงจากภาครัฐ
มองต่างมุม 2.27 ล้านหน่วย เป็นได้แค่ภาพฝัน
แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับประเทศไทย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA ที่วิพากษ์โครงการนี้มาโดยตลอดให้ความเห็นว่า เมื่อปี 2525 กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีโครงการที่อยู่อาศัยประมาณ 1 ล้านหน่วย ปี 2560 เพิ่มขึ้นมาเป็น 4 ล้านหน่วย เท่ากับว่าใช้เวลาเพิ่มขึ้น 3 ล้านหน่วยในเวลา 35 ปี ซึ่งมาจากการพัฒนาของภาคเอกชนเป็นส่วนใหญ่ การที่รัฐบาลจะมอบหมายให้การเคหะแห่งชาติสร้างที่อยู่อาศัยถึง 2.27 ล้านหน่วย ในระยะเวลาเพียง 20 ปีนั้นจึงเป็นไปไม่ได้
โดยตลอด 40 ปีที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติสร้างที่อยู่อาศัยได้เพียง 7.1 แสนหน่วยเท่านั้น อาทิ โครงการเคหะชุมชน เพื่อขาย-เช่า จำนวน 1.42 แสนหน่วย บ้านเอื้ออาทร 2.76 แสนหน่วย และบ้านข้าราชการ 5 หมื่นหน่วย กรณีศึกษาที่สำคัญคือ บ้านเอื้ออาทร ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย ‘รัฐบาลทักษิณ’ ในระยะแรกตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้านหน่วย ก่อนจะลดเป้าลงเหลือ 6 แสนหน่วย แต่สร้างได้จริงเพียง 2.76 แสนหน่วย ซึ่งปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยจริงน้อยมาก ส่วนใหญ่ซื้อแล้วขายต่อหรือปล่อยเช่า
การสร้างที่อยู่อาศัยโดยรัฐบาลเองนอกจากจะเป็นการเข้าไปแข่งขันกับภาคเอกชนแล้ว ยังเป็นการสูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ ซึ่งแต่ละปีรัฐบาลต้องเสียเงินอุดหนุนให้กับการเคหะแห่งชาติจำนวน 2-3 พันล้านบาท ประกอบกับที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงเฉลี่ย 1.1 ล้านบาท/หน่วย ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่สร้างโดยภาคเอกชน ยังมีเหลืออยู่ถึง 2.6 หมื่นหน่วย รัฐบาลจึงควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อยมากกว่า โดยเฉพาะการสนับสนุน SMEs และกลุ่ม Start up รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดการซื้อ-ขายบ้านมือสองราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทที่ยังมีอยู่ในตลาดหลายแสนหน่วย
http://www.ddproperty.com
ดีเดย์ขึ้นราคาเหล้า-บุหรี่16ก.ย.นี้ ยังไม่พบกักตุน
ดีเดย์ปรับขึ้นราคาเหล้า – บุหรี่ 16 ก.ย. นี้ ยันปรับภาษีสรรพสามิตครั้งนี้เพื่อขยายฐานภาษีให้กว้างมากขึ้น ระบุยังไม่พบการกักตุน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ว่ามีการกักตุนสินค้าประเภทเหล้า บุหรี่ ก่อนที่ภาษีสรรพสามิตใหม่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 16 กันยายน 2560 ซึ่งจะทำให้เหล้า ไวน์ เบียร์ บุหรี่ ปรับราคาขึ้น โดยกระทรวงการคลังยืนยันว่าการปรับปรุงภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ เพื่อขยายฐานภาษีให้กว้างมากขึ้นและให้รัฐบาลมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเท่าเดิมไม่ได้ต้องการเพิ่มภาระให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภค ดังนั้น ผู้ประกอบการไม่ต้องกักตุนสินค้า
ทั้งนี้ ภาษีสรรพสามิตใหม่จะกำหนดเพดานภาษีขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มแต่ละชนิด จะมีผลทำให้สุราที่มีดีกรีสูง เช่น เหล้าขาว ถูกจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ส่วนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ จะเก็บจากราคาขายปลีกและปริมาณอีกมวนละ 1.50 บาท หรือซองละ 30 บาท สำหรับซอง 20 มวน
http://www.bangkokbiznews.com
เปิดตัว Mi Notebook Pro แล็ปท็อปสเปกเทพ พอร์ทครบครันในรูปทรงที่คุ้นเคย ราคาเริ่มต้นเพียงสองหมื่นเท่านั้น!!
สเปก
- หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ไม่ระบุความละเอียด หน้าจอครอบด้วย Gorilla Glass 3
- ตัวเครื่องหนัก 1.95 กิโลกรัม
- CPU Intel Core i5 และ i7 รุุ่นที่ 8
- มีการ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce MX150
- แรม DDR4 8GB และ 16GB 2,400 MHz
- ความจุ SSD 256GB NVMe
- คีย์บอร์ดขนาดใหญ่ ปุ่มครบครัน พร้อม Backlit
- Touch Pad ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว
- ตัวเครื่องเป็นแมกนีเซียมอัลลอยสี Dark Gray
- รองรับ Wi-Fi AC สองเสา
- พอร์ท USB 3 สองช่อง, 3-in-1 SD Card, พอร์ท USB-C สองช่อง, HDMI, และ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ในส่วนของราคานั้นจะแบ่งเป็นสามระดับตามสเปกของเครื่อง
- Core i5 + RAM 8GB ราคา 5599 หยวน หรือประมาณ 28,000 บาท
- Core i7 + RAM 8GB ราคา 6399 หยวน หรือประมาณ 32,000 บาท
- Core i7 + RAM 16GB ราคา 6999 หยวน หรือประมาณ 35,000 บาท
https://www.beartai.com
เลือก “สีบ้าน” ให้เหมาะกับสไตล์คุณ
ตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบบ้าน ว่าจะสร้างอย่างไร มีรูปแบบ สไตล์ และลักษณะอย่างไรบริษัท รับสร้างบ้าน จะทำการพูดคุย และถามความชอบ หรือความต้องการจากเจ้าของบ้านเป็นสำคัญ ในขั้นตอนของการเลือกสีบ้านก็เช่นกัน เพราะสีบ้านนั้น บ่งบอกถึงรสนิยม ความชอบ และสไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
ในการเลือกสีบ้าน สามารถบ่งบอกสไตล์ของเจ้าของบ้านได้ ดังนี้
โทนสีอ่อนกับบรรยากาศสบายๆ
สำหรับคนรักบรรยากาศแบบเบาๆ สบายๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ ชอบกลิ่นอายแบบเงียบสงบ เป็นธรรมชาติและทำให้บ้านดูกว้างขวาง ลองเลือกใช้โทนสีอ่อนมาเป็นตัวช่วย เสริมสีสันให้บ้านดูเย็นสบาย ปลอดโปร่งสายตา เลือกเน้นเป็นสีฟ้า ขาว หรือสีเหลืองไข่ หากกลัวว่ามันจะดูจืดและน่าเบื่อเกินไป แต่งเติมสีเข้มลงไปบ้างในบางจุด ให้เป็นมุมโปรดประจำบ้าน เหมาะสำหรับการตกแต่งห้องรับแขก ห้องนอน และห้องน้ำ ช่วยทำให้ห้องดูสว่างสดใสมากขึ้น
โทนสีพาสเทลสไตล์วินเทจ
สีพาสเทลแต่งแต้มบ้านให้ดูเป็นสไตล์วินเทจย้อนยุคสร้างสีสันให้บ้านดูไม่จืดชืด ผสมผสานเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมส่วนใหญ่ควรเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบเรียบๆ มีลวดลายตามธรรมชาติ ให้บรรยากาศอบอุ่น สีสันนวลตา เหมาะสำหรับการพักผ่อนในกลิ่นอายแบบธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
โทนสีเข้มเจ้าระเบียบ
สีเข้มไม่ได้ทำให้สีสันของห้องดูมืดครึ้มหากออกแบบโทนสีให้ลงตัว มีการจัดแต่งโทนอ่อนในบางมุมเพื่อลดทอนสีเข้มไม่ให้ดูทึมจนเกินไป แต่โทนด้วยรวมถูกคลุมด้วยความเข้มขรึม ให้บรรยากาศเงียบๆ น่าค้นหา เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่กว้าง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรูสไตล์โมเดิร์น สัมผัสได้ถึงความสะอาดตา ดูลึกลับน่าค้นหา และให้ความรู้สึกเงียบขรึมที่เป็นส่วนตัวสูง
สีโทนร้อนอันอบอุ่น
สีโทนร้อนเหมาะสำหรับบ้านที่มีอากาศเย็น มีแสงสว่างจากภายนอกบ้านสะท้อนเข้ามาภายใน สร้างกลิ่นอายอบอุ่นแบบธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น เหมาะสำหรับการตกแต่งในห้องรับแขก ช่วยดึงดูดเสน่ห์ให้ดูไม่น่าเบื่อ
แล้วคุณล่ะคะ จะเลือกสีโทนไหนมาแต่งแต้มบ้านของคุณ อย่าลืมเลือกที่เข้ากับบุคลิก และสไตล์ของตัวเองด้วยนะคะ จะได้ออกมาถูกใจมากที่สุดค่ะ
http://บ้านน่ารู้.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 14/09/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 20,650.00 | 20,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,338.00 | 20,375.04 | 21,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,204.20 | 18,255.67 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 602.00 | 9,126.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 468.00 | 7,094.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,387.00 | 21,026.92 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 14/09/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 | 27.45 | 27.45 | – | 27.45 | 27.45 | 27.45 |
27.45
|
27.45
|
27.45
|
27.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
– |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 20.24 | 20.24 | – | – | – | – | – | 20.24 | 19.94 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 |
เบนซิน 95 | 34.56 | – | – | – | 35.01 | – | 35.06 | 34.56 | 34.56 | 34.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 28.49 | 29.17 | 29.17 | 29.17 | 29.17 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 |