โอเชี่ยนฯชี้อานิสงส์บูมอีอีซี หนุนอสังหาฯพัทยาโตทุนใหญ่กว้านซื้อที่ดินรอ
“โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้” ชี้อานิสงส์รุฐบาลบูม “อีอีซี” หนุนการลงทุนรอบใหม่ดันอสังหาฯพัทยาฟื้นตัว เผยทุนยักษ์ใหญ่กว้านซื้อที่ดินย่านจอมเทียน จ่อพัฒนาโครงการใหญ่รองรับการเติบโต พร้อมเผยโฉมห้องชุดคอลเลคชั่นใหม่ของ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน” คอนโดฯติดริมทะเล 80 ยูนิตสุดท้ายราคา 8-13 ล้านบาท
ดร.ธีระชัย พิพิธศุภผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือของ “โอเชี่ยน กรุ๊ป” เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยา มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกอยู่ในพื้นที่การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor : EEC) ที่ภาครัฐอนุมัติงบประมาณกว่า 700,000 ล้านบาท ในการขยายสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินทั้ง สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา อีกทั้งได้มีการลงทุนจากประเทศผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนรอบใหม่ มีการขยายการลงทุนในภาคธุรกิจต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยคาดการณ์ว่าหลังจากเปิดพื้นที่ EEC แล้วจะมีความต้องการแรงงานระดับวิศวกรและกลุ่มแรงงานที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงมากกว่า 1 แสนคน ในระยะ 5 ปีนับจากนี้
นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ที่มีจุดขึ้นลงในย่านจอมเทียน ส่งผลให้พื้นที่นี้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมามีกลุ่มทุนของใหญ่ของไทยเข้ามากว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่หลายราย เนื้อที่ตั้งแต่ 40 ไร่ ไปจนถึง 100 ไร่ และอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินอีก 500-1,000 ไร่ ทั้งที่ติดทะเลและไม่ติดทะเล โดยคาดว่าจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ สะท้อนให้เห็นศักยภาพของทำเลจอมเทียนเป็นอย่างมาก
ดร.ธีระชัย กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยไฮเอนด์ ทำเลจอมเทียนเริ่มแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น พิจารณาจากยอดขายของบริษัทในไตรามาสแรก ที่มีมูลค่าการขาย 120 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2 ยอดขายได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 160 ล้านบาท คาดว่าจบไตรมาส 3 คาดว่าจะสร้างยอดขายอีก 200 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ชลบุรีในครึ่งปีแรก ตลาดชะลอตัวจากปีที่ผ่านมา 28% หรือมียอดขายที่ 18,723 ล้านบาท ขณะที่ปี 2559 ครึ่งปีแรกมียอดขาย 26,000 ล้านบาท ทั้งปีมีมูลค่าตลาด 52,000 ล้านบาท เฉลี่ยไตรมาส 13,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเป็นรายไตรมาสจะพบว่า แนวโน้มตลาดอสังหาฯมีการปรับตัวดีขึ้น โดยไตรมาส 1 มียอดขาย ราว 8,723 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2 เติบโตขึ้นมา 15% อยู่ที่ 10,070 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 3 ยอดขายเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติคาดว่าสิ้นไตรมาส 3 ยอดขายจะอยู่ที่ประมาณ 12,000-13,000 โดยอสังหาฯโซนชายทะเล จะมีการเติบโตมากที่สุด
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Residential Business บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ในการขายห้องชุดโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน” ใหม่ซึ่งปัจจุบันมียูนิตเหลือขาย 80 ยูนิต แบ่งเป็นขนาด 1 ห้องนอน 60 ยูนิต และ 2 ห้องนอน 20 ยูนิต ด้วยการแปลงโฉมห้องชุดใหม่หมดทั้งห้องแบบพร้อมเข้าอยู่ เน้นการตกแต่งที่หรูหราในแบบบ้านพักริมทะเลสไตล์โมเดิร์น พร้อมโปรโมชั่นพิเศษตกแต่งให้ฟรีและมอบของแถมทั้งหมดที่แสดงไว้ให้ในห้องตัวอย่าง
“โครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน” เป็นโครงการคอนโดมิเนียม สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ โดยมีขนาดห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน แต่ละยูนิตมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 76 – 313 ตารางเมตร โดยในส่วนของ New Collection นั้นมีขนาด 1 ห้องนนน พื้นที่ใช้สอย 76-90 ตร. ม. ราคาขายเริ่มต้น 9 ล้านบาท และยูนิต 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 127-159 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 13 ล้านบาท.
https://mgronline.com
3 บิ๊กสมาคมอสังหาฯ คว้าโอกาสทองโค้งสุดท้ายของปี จัดมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37
สามสมาคมแกนหลักธุรกิจอสังหาฯ เดินหน้าจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 ระดมผู้ประกอบการอัดโปรโมชั่นเรียกความมั่นใจผู้บริโภค พร้อมเชื่อสถาบันการเงินช่วยสนับสนุนปล่อยสินเชื่อภายในงาน ฟื้นภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ โค้งสุดท้ายของปี
นายอดิเรก แสงใสแก้ว ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 เปิดเผยว่า “อสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นโอกาสที่ดีของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และนักลงทุน ในการเลือกซื้อสินค้ารูปแบบต่าง ๆ เพราะนอกจากผู้ประกอบการจะต้องการระบายสต๊อกสินค้าแล้ว ยังแข่งขันกันเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และพยายามออกโปรโมชั่นใหม่ เพื่อจูงใจลูกค้ากันมากขึ้น ท่ามกลางความพยายามของเหล่าธนาคารที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปลายปีนี้”
“นอกจากนี้ โปรโมชั่นด้านการเงินจากเหล่าสถาบันการเงินที่ร่วมงานครั้งนี้ยังจะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าจะทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินลดลงจากในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งอยู่ที่ 30-35% มาอยู่ที่ระดับ 17-20% ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่าในครึ่งปีหลังว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ จะกลับมาเติบโตทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่งผลให้ทั้งปีมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับไม่เกิน 5% ทำให้ทางสามสมาคมอสังหาฯ ผู้จัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 เชื่อว่างานครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี”
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ได้ร่วมกันจัดงานมหกรรมบ้าน และคอนโด ครั้งที่ 37 ขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 5 ถึงวันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม 2560 เวลา 10.00-20.00 น. ณ บริเวณโซนซี ชั้น 1 และ 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยรวมโครงการมากกว่า 1,000 โครงการจากผู้ประกอบการรายเล็กถึงรายใหญ่ รวมถึงผู้ประกอบการที่มีการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ ตลอดจนสถาบันการเงิน และโบรกเกอร์อสังหาฯ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง รวมเกือบ 200 รายมาร่วมงานครั้งนี้ สำหรับประเภทสินค้าภายในงานจะครอบคลุมโครงการอสังหาฯ ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์โฮม, รีสอร์ต, สนามกอล์ฟ ตลอดจนที่ดินเปล่า ทั้งยังมีบ้านมือสอง และบ้าน NPA อีกด้วย โดยแบ่งเป็นโครงการแนวสูง 60% และแนวราบ 40%
นายอดิเรก กล่าวว่า ผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 ยังจะได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากโปรโมชั่นทุกรูปแบบ ที่ผู้ประกอบการจำนวนมากแข่งขันกันออกมา รวมถึงโปรโมชั่นใหญ่ของงานฯ สำหรับผู้ที่จองที่อยู่อาศัยภายในงานทุก 300,000 บาท จะได้รับคูปอง 1 ใบ เพื่อลุ้นบัตรกำนัลส่วนลดเงินสด มูลค่า 1 ล้านบาท อีกด้วย โดยคาดว่าตลอดการจัดงาน 4 วัน จะมียอดคนเดินงานกว่า 100,000 คน และมียอดขายมากกว่า 4 พันล้านบาท และยอดขายต่อเนื่องตามหลังงานอีก 3-4 เท่าตัว รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
“งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 นี้ ยังเป็นงานที่เปิดประตูสู่ลูกค้ากลุ่ม Gen Y อย่างเต็มที่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “Living Solution” มิติใหม่แห่งพื้นที่ ที่อยู่อาศัย ซึ่งเหล่าผู้ประกอบการพร้อมเสนอโครงการที่มีรูปแบบดีไซน์ที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เหล่าผู้ประกอบการกำลังให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเริ่มลงทุนกับการพัฒนานวัตกรรมด้านที่อยู่อาศัยในอนาคตอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่ในเรื่องเทคโนโลยีด้านก่อสร้าง ระบบจัดการภายในบ้าน ระบบการซื้อขายที่อยู่อาศัยผ่านออนไลน์ ไปจนถึงเทคโนโลยีด้านที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ ที่รองรับยุค Internet of Thing (IoT) เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วย”
ปัจจุบันมีจำนวนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุในช่วง 25-35 ปี หรือ Gen Y นิยมซื้อคอนโดฯ เพื่ออยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า เพื่อความสะดวกในการทำงาน และต้องการไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นกลุ่มดีมานด์จริงด้วย ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายหันมาให้ความสนใจกับกลุ่มนี้มากขึ้น ในขณะนี้อีกหลายราย มุ่งจับตลาดกลาง-บน ที่มีราคา 100,000-300,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป เน้นโซนใจกลางเมืองย่าน CBD ใกล้ที่ทำงาน เดินทางได้สะดวก อย่างโซนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย, เพลินจิต-ชิดลม, อโศก-รัชดา-พระราม 9 และตามแนวรถไฟฟ้าเส้นสุขุมวิท ซึ่งเป็นโซนยอดนิยมของกลุ่มชาวต่างชาติอีกด้วย
“นอกจากนี้ โครงการในระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป รวมไปถึงคอนโดฯ รีเซล และโครงการคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า ก็คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อที่มางานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นตลาดที่มีดีมานด์จริงอยู่ โดยเฉพาะโครงการคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้า ซึ่งมีจำนวนยูนิตเปิดใหม่เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก ทั้งเส้นใจกลางเมือง หรือเส้นรอบนอกเมือง ไม่ว่าจะเป็นทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงอ่อนนุช-บางนา-แบริ่ง ทำเลบนถนนลาดพร้าว ช่วงต้นรัชโยธิน-เกษตรนวมินทร์ หรือทำเลสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-สะพานพระนั่งเกล้า เป็นต้น” นายอดิเรก กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้าได้ทาง www.housecondoshow.com หรือติดตาม รายละเอียดข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ facebook/housecondoshow และนอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน HouseCondoShow เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการค้นหาข้อมูลโครงการและโปรโมชั่นมากมายจากทุกผู้ประกอบการได้อย่างง่าย และสะดวกรวดเร็ว อีกด้วย.
https://mgronline.com
คลังเล็ง ไล่เก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก หลังพบแบงก์ซิกแซกช่วยคนรวยเลี่ยงภาษี
คลัง เล็งเลิกยกเว้นภาษีดอกเบี้ยบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อปี หลังพบสถาบันการเงินใช้ช่องโหว่ ช่วยคนรวยหลบเลี่ยงภาษี ไม่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 15%
วันที่ 22 กันยายน 2560 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งให้กรมสรรพากรศึกษาแนวทางยกเลิก การยกเว้นเก็บภาษี
ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี หลังจากพบว่าเป็นช่องโหว่ทางกฎหมาย ที่สถาบันการเงินบางแห่งนำไปเอื้อประโยชน์ให้ลูกค้ารายใหญ่ คือ
เมื่อดอกเบี้ยใกล้จะถึง 20,000 บาท ซึ่งถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีแล้ว ก็ให้ปิดบัญชีเก่าแล้วไปเปิดบัญชีใหม่แทน ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย 15%
โดยขณะนี้มีแนวทางการป้องกัน 2 วิธี ได้แก่ 1. เลิกการยกเว้นเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยที่ไม่เกิน 20,000 บาท ทุกคนต้องเสียหมดและพอสิ้นปีถึงจะให้มาขอคืนภาษีภายหลัง ซึ่งทำให้กระทบกับผู้ฝากเงินที่สุจริต เพราะธนาคารพาณิชย์บางแห่งไม่มีธรรมาภิบาล ส่วนวิธีที่ 2 ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลสถาบันการเงิน นั่นคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าไปกำชับและตักเตือน เพื่อไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอีก หากไม่ทำตามก็จะมีบทลงโทษตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ถือว่าขัดต่อหลักธรรมาภิบาล เพราะปกติกรมสรรพากรจะยกเว้นการเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ให้ผู้ฝากเงินรายย่อยที่ได้ดอกเบี้ยไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี แต่จะเรียกเก็บภาษีเฉพาะผู้ที่มีรายได้ดอกเบี้ยออมทรัพย์เกิน 20,000 บาทต่อปี โดยหัก ณ ที่จ่าย 15% เพื่อต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีการออมเพิ่มขึ้น
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดเรื่องการยกเลิก การเว้นเก็บภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี ซึ่งเรื่องนี้ตนได้เจอกับตัวเอง
เพราะมีพนักงานธนาคารโทรศัพท์เข้ามาสอบถามว่า จะปิดบัญชีที่รายได้จากดอกเบี้ยใกล้จะถึงเกณฑ์ที่จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% แล้วมาเปิดบัญชีใหม่แทนหรือไม่ แต่ตนบอกว่าให้หักภาษีไปเลย ทำให้รู้ว่ามีช่องโหว่ทางกฎหมายแบบนี้อยู่
https://money.kapook.com
เปิดรายได้การท่องเที่ยว 8 เดือน กระจายทั่วไทย 1.72 ล้านล้าน!
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยว 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ปี 60 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวไทย
23.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.36% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สร้างรายได้ให้ประเทศ 1.197 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.47% ส่วนสถานการณ์คนไทยเที่ยวภายในประเทศ ตั้งแต่
เดือน ม.ค.-ก.ค. อยู่ที่ 83.70 ล้านคน/ครั้ง (1 คนเที่ยวได้มากกว่า 1 ครั้ง) ขยายตัว 3.30% และก่อให้เกิดรายได้รวม 530,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.95% ส่งผลให้เกิดรายได้กระจายสู่ภูมิภาคต่างๆ รวม 1.727 ล้านล้านบาท ขยายตัว 7.31% และมั่นใจว่าทั้งปี จะสร้างรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.7 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ หากแยกเฉพาะรายได้เดือน ส.ค.60 พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 3.13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.66% ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกมากที่สุด 2.26 ล้านคน รองลงมาได้แก่ นักท่องเที่ยวจากยุโรป เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง อเมริกา โอเชียเนีย และแอฟริกา ทั้งนี้ หากแยกเป็นรายประเทศ พบว่า ประเทศที่มาเที่ยวไทยมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ จีนมาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น ลาว อินเดีย ฮ่องกง เวียดนาม กัมพูชา และสิงคโปร์ ตามลำดับส่วนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก พบว่า จีนยังเป็นประเทศที่ใช้จ่ายสูงสุด ตามด้วยเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สหราชอาณาจักร
ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ลาว และฮ่องกง ตามลำดับ โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวดังกล่าวรวม 163,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.72% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็น 66% ของรายได้รวมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ พบว่า เฉพาะเดือน ก.ค.มีชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวน 12.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.72% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็น 66% ของรายได้รวมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ พบว่า เฉพาะเดือน ก.ค.มีชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวน 12.33 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 3.46% จากช่วงปีก่อน สร้างรายได้ 76,937 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 4 คาดว่า รายได้ไม่น่าโตต่ำกว่า 10% ซึ่งจะทำให้รายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้า 3 ล้านล้านบาท.
https://www.thairath.co.th
สูตรสู่ความสำเร็จ
ถ้า A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z
มีค่าเท่ากับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26
แล้วจะพบว่า……
1) H+A+R+D+W+O+R+K = 8+1+18+4+23+15+18+11 = 98%
HARD WORK หรือ ทำงานหนัก มีค่าเท่ากับ 98 %
2) K+N+O+W+L+E+D+G+E = 11+14+15+23+12+5+4+7+5 = 96%
KNOWLEDGE หรือ ความรู้ มีค่าเท่ากับ 96 %
3) L+O+V+E=12+15+22+5 = 54%
LOVE หรือ ความรัก มีค่าเท่ากับ 54 %
4) L+U+C+K = 12+21+3+11 = 47%
LUCK หรือ โชค มีค่าเท่ากับ 47 %
Q ; ไม่มีสิ่งใดที่มีค่า 100 % เลยหรือ !!! แล้วสิ่งใดที่มีค่าเท่ากับ 100 %
– ใช่เงินหรือเปล่า ?……… …. …..ไม่ใช่ !!!!!
– ความเป็นผู้นำหรือเปล่า ?………ไม่ใช่ !!!!!
Q ; แล้วอะไรล่ะ ?
Ans. ; A+T+T+I+T+U+D+E = 1+20+20+9+20+21+4+5 = 100%
ATTITUDE หรือ ทัศนคติ นั่นเอง ที่มีค่าเท่ากับ 100 %
ท่านคิดเช่นนั้นหรือไม่ ทุกปัญหามีทางออก . . บางทีแค่เพียงแต่เราเปลี่ยน “ทัศนคติ ”
ของเราเสียใหม่เท่านั้นเอง มีเพียงแต่ “ทัศนคติ” ของเราเท่านั้น ที่จะเป็นตัวนำทาง ไปสู่ความสำเร็จในชีวิต และงานที่ทำ
ความคิด & ทัศนคติ
สุดท้าย …. ลงมือทำ
https://writer.dek-d.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 26/09/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
20,450.00 |
20,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,325.00 |
20,087.00 |
21,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,192.50 |
18,078.30 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
596.00 |
9,035.36 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
464.00 |
7,034.24 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,373.00 |
20,814.68 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 26/09/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
27.45 |
27.45 |
– |
27.45 |
27.45 |
27.45 |
27.45
|
27.45
|
27.45
|
27.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
– |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.24 |
20.24 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.24 |
20.24 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
เบนซิน 95 |
34.56 |
– |
– |
– |
35.01 |
– |
35.06 |
34.56 |
34.56 |
34.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
25.49 |
25.49 |
25.49 |
25.49 |
25.49 |
25.49 |
25.49 |
25.49 |
25.49 |
25.49 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
28.49 |
29.17 |
29.17 |
29.17 |
29.17 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |
07 Sep 05:00 |