‘ลลิล’ชี้อสังหาฯปี61 “แนวราบ”โต 5-7%
เศรษฐกิจไทยในปี 2561 มีสัญญาณบวกจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกในภูมิภาคสำคัญ ทั้งสหรัฐ ยุโรปและเอเชีย มีแนวโน้มเติบโต กระตุ้นภาคส่งออกและท่องเที่ยวไทยขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ มั่นใจเดินหน้าลงทุนในปีนี้
ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดเติบโต 3.8-3.9% จากปัจจัยสนับสนุน “4 เครื่องยนต์หลัก” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ทั้ง การส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ตามทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลกฟื้นตัว ,การท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงขยายตัวได้ดี จากปี 2560 ที่มีจำนวน 35 ล้านคน ปีนี้เติบโตราว 10%
นอกจากนี้ในปี 2561 จะมีเม็ดเงินจากการลงทุนภาครัฐ ทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนเมกะโปรเจคและโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) อีกทั้งคาดการณ์การเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562 เป็นปัจจัยกระตุ้นการลงทุนเอกชน ทั้งเม็ดเงินลงทุนในประเทศและกองทุนต่างชาติ
“ปีนี้ 4 เครื่องยนต์หลัก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโต ทั้งส่งออก ลงทุนภาครัฐ ลงทุนเอกชน และท่องเที่ยว มีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทั้งหมดจะเป็นแรงส่งช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตและช่วยให้ตัวเลขการบริโภคและการลงทุนเอกชนขยายตัวดีขึ้น”
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นจากปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกมาจากเศรษฐกิจไทยเติบโต นอกจากนี้ภาพรวมของตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือนต่อจีดีพี ที่เริ่มปรับลดลง จะช่วยให้กำลังซื้อปรับดีขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังคงทรงตัวระดับต่ำ
โดยมองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นตลาดซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ปีนี้ยังคงขยายตัวได้ราว 5-7%
ขณะที่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาราคาที่ดิน เกาะแนวรถไฟฟ้าปรับขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10-15% ส่งผลให้ “ราคาคอนโดมิเนียม” ปรับขึ้นในอัตราเดียวกัน ปัจจุบันคอนโดเกาะแนวรถไฟฟ้า ราคาขยับขึ้นไปที่มากกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ม. ทำให้ราคาต่อยูนิตสำหรับ 2 ห้องนอนอยู่ที่ 4-6 ล้านบาท ด้วยราคาดังกล่าวถือเป็นข้อจำกัดของตลาดระดับกลางและกลุ่มครอบครัวใหม่ ที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับ 2-2.5 ล้านบาท จึงมองว่าตลาดแนวราบ จะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มนี้ เนื่องจากราคาที่ดินแนวราบปรับขึ้นราว 5% ทำให้ราคาโปรดักท์ขยับขึ้นไม่มากเท่าคอนโด
“ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าปีนี้ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คอนโดต้องปรับราคาขึ้นอีก การลงทุนคอนโดปีนี้ อาจต้องระมัดระวังในบางเซ็กเตอร์และในบางทำเล ที่อาจเริ่มเห็นสัญญาณโอเวอร์ ซัพพลาย”
ไชยยันต์ กล่าวว่าการดำเนินธุรกิจอสังหาฯของบริษัทมุ่งตลาดซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง กลุ่มครอบครัวใหม่ ด้วยราคาโปรดักท์ 2-2.5 ล้านบาท ปี2561 วางแผนขยายโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,500-5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4,400 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อน
จากแนวโน้มหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลดลง และกำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น บริษัทวางเป้าหมายลดอัตราปฏิเสธสินเชื่อ(รีเจค) ปีนี้เหลือ 10% ซึ่งถือเป็นอัตราปกติ จากปีก่อนอยู่ที่ 20% โดยจะจัดทำ ไฟแนนเซียล คลินิก ให้ลูกค้าก่อนยื่นขอกู้เงินจากธนาคาร
ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปี 2561 บริษัทปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเชิงรุก ด้วยโปรดักท์“แนวราบ” ทั้ง บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม , การเลือกโลเคชั่น ศักยภาพในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งทำเลในพื้นที่อีอีซี โดยโซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล สัดส่วน 75-80% และทำเลต่างจังหวัด 20-25% วางเป้าหมายเปิดตัวไตรมาสละ 2 โครงการ
นอกจากนี้วางกลยุทธ์การตลาด ด้าน“ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง” และ ซีอาร์เอ็ม ตอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลของผู้บริโภค
ปีนี้บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ที่ได้มาจากการโอนโครงการต่างๆ และส่วนหนึ่งจะมาจากการออกหุ้นกู้ ปีนี้วางไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และยังมีศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยไม่ติดปัญหาเรื่องของแหล่งเงินทุน
http://www.bangkokbiznews.com
“พีดีเฮ้าส์”หวังยอด 1.2พันล้าน ชี้รับสร้างบ้านปี61ฟื้น
ตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสแรกปี 61 ฟื้น ผู้ประกอบการรุกขยายตลาด “พีดีเฮ้าส์” ลุยเปิดสาขาใหม่ เล็งซื้อคืนสิทธิ์แฟรนไชส์หวังบุกตลาดศักยภาพ พร้อมพัฒนาระบบไอที หวังเพิ่มขีดแข่งขัน ดันรายได้ 1.2 พันล้าน
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของและผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจรับสร้างบ้านขณะนี้ปรับตัวดีขึ้นจากปลายปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้บริโภคมีความสนใจและความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่มากขึ้น จึงส่งผลดีต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกนี้ ทั้งโอกาสในการตัดสินใจของผู้บริโภคและมูลค่าตลาดรวมที่ขยายตัว โดยพบว่าบรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านเริ่มมีความเคลื่อนไหวและเตรียมพร้อมรุกขยายตลาดในปีนี้
สำหรับพีดีเฮ้าส์ วางแนวทางธุรกิจปี 2561 จะกลับมาเปิดสาขาใหม่อีกครั้ง หลังจากชะลอการเปิดสาขาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นลงทุนเปิดสาขาเองเป็นหลัก รวมทั้งขอซื้อสิทธิ์สาขาแฟรนไชส์จากผู้ลงทุนเดิมบางรายคืน เพื่อรุกขยายตลาดในจังหวัดที่มีศักยภาพด้วยตัวเอง
โดย พีดีเฮ้าส์ หลีกเลี่ยงแข่งขันเรื่องราคากับรายย่อย เน้นคุณภาพหรือบริการที่แตกต่าง มีจุดขายที่ชัดเจน คือ บ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายรวมเท่าปีก่อน ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างต่ำเมื่อพิจารณาจำนวนสาขาของพีดีเฮ้าส์ที่มีอยู่ทุกภูมิภาคเกือบ 30 แห่งในปัจจุบัน หรือหากเปรียบเทียบกับคู่แข่งรายอื่นที่มีสาขาไม่กี่แห่ง
“เราไม่ต้องการตั้งเป้ายอดขายเพื่อกดดันตัวเองมากนัก เพราะมองว่าปัจจัยหลายๆ อย่างเริ่มฟื้นกลับมาดีขึ้น ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อผู้บริโภค”
อย่างไรก็ตาม ภารกิจหลักปีนี้บริษัทจะมุ่งปรับปรุงการบริหารจัดการภายในองค์กร ทั้งด้านบุคลากรและระบบปฏิบัติงานบนไอทีให้มีความทันสมัย เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างมีมาตรฐานสม่ำเสมอกัน และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุค 4.0 ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว พร้อมมุ่งสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น จากเดิมผู้ประกอบการจะเน้นสื่อสารผ่านสื่อออฟไลน์หรือสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหลัก แต่แนวโน้มปีนี้คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยหันมาสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเป็นสื่อหลัก
สำหรับ กิจกรรมการตลาดไตรมาสแรกนี้ บริษัทเตรียมเข้าร่วมงานอีเวนท์ออนไลน์ หรือ บ้านและวัสดุออนไลน์ 2561 (HBO Fair 2018) จัดโดยสมาคมไทยรับสร้างบ้าน ซึ่งถือเป็นกิจกรรมการตลาดออนไลน์แนวใหม่ของภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน และเป็นการสื่อสารกับผู้บริโภคในวงกว้าง ถือเป็นความได้เปรียบของศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ที่มีเครือข่ายสาขาให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้โอกาสที่ผู้บริโภคจะสื่อสารและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น
นายพิศาล กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมายอมรับว่าธุรกิจได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมหลายพื้นที่ในต่างจังหวัด ประกอบกับกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายย่อยมีการแข่งขันตัดราคากันรุนแรง โดยเฉพาะตลาดบ้านสร้างเองในต่างจังหวัด ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายรวมของบริษัทต่ำกว่าเป้าหมาย
http://www.bangkokbiznews.com
ครม.อนุมัติงบ 35,000 ล้าน ช่วยคนจนเฟส 2
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ในวันนี้ว่า ที่ประชุมอนุมัติวงเงินกว่า 35,000 ล้านบาท ในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รวมทั้งมีคณะอนุกรรมการ ที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน
พร้อมทั้งยังสั่งการให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ดำเนิน 6 มาตรการ 18 โครงการ ซึ่งใช้งบประมาณจากการทำบัญชีโครงการตามนโยบายของรัฐ หรือ PSA เบื้องต้นเชื่อว่าจะมีผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์ 4.7 ล้านราย
ขณะที่มีการอนุมัติเพิ่มเติมสำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาตนเอง จากเดิมได้รับ 200 บาท จะได้ 300 บาท และผู้ที่เคยได้ 300 บาท จะเพิ่มเป็น 500 บาท โดยให้มีผลในเดือนมีนาคม 2561
นอกจากนี้ ในส่วนของภาคเอกชนที่มีรายจ่ายจากการจ้างผู้มีรายได้น้อยทำงานและจ่ายค่าอบรมต่อเนื่อง จะสามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ถึงเดือนธันวาคม 2562
https://money.sanook.com
แนวโน้ม ‘ค่าบาท’ ถูกกดดันจากดอลลาร์อ่อนค่า
บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัวที่ “32.27 บาทต่อดอลลาร์” เงินบาทถูกกดดันจากดอลลาร์อ่อนค่า บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นนักลงทุนชะลอซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในเอเชีย
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.27 บาทต่อดอลลาร์ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน
ในคืนที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักทั้งหมดหลังจากที่บินด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นจากผลการประมูลบอนด์ล่าสุด ที่มีปริมาณความต้องการค่อนข้างต่ำ เช่นบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปีปรับตัวขึ้นมาแตะระดับ 2.55% สูงสุดที่สุดในรอบเก้าเดือน
หุ้นสหรัฐ และราคาน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นต่อตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและความเชื่อว่ากำลังซื้อของภาคเอกชนทั่วโลกกำลังกลับมา
ในส่วนของตลาดเงินเอเชียก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงินจีนประกาศว่ามีการยกเลิกการใช้ “ตัวแปรป้องกันความเสี่ยงด้านวัฏจักร” (Counter-cyclical factor) จากการคำนวณค่ากลางเงินหยวน ส่งผลให้เงินหยวนพลิกกลับมาอ่อนค่าตามแนวโน้มเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ นอกจากนั้นตลาดก็มองด้วยว่าตัวแปรดังกล่าวน่าจะมีผลให้เงินหยวนแข็งค่าเมื่อตอนเริ่มใช้ในช่วงไตรมาสสองของปีก่อนด้วย การเลิกใช้มาตราการนี้จึงเปรียบเสมือนการแทรกแซงให้เงินหยวนอ่อนค่ากลับ
ค่าเงินบาทถูกกดดันด้วยดอลลาร์ที่แข็งค่าและเงินหยวนที่อ่อนค่าเช่นกัน ส่งผลให้มีทิศทางอ่อนค่ากลับอย่างรวดเร็ว มองในวันนี้น่าเริ่มซื้อขายในกรอบที่แคบลงแต่อาจอ่อนค่าต่อจากบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในเอเชีย มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 32.23-32.33 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
7 อุปนิสัย พัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง Proactive สำเร็จได้ ชีวิตสร้างได้
“Proactive” คือ คนที่มีความสามารถมองเห็นคุณค่าในตนเอง แล้วสามารถดึงศักยภาพความสามารถมาใช้กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเอง สามารถกำหนดรูปแบบชีวิตความเป็นอยู่และเปลี่ยนชีวิตให้มีคุณภาพดีขึ้นได้ โดยที่ไม่ปล่อยชีวิตให้ผ่านกับกาลเวลาหรือปล่อยให้คนอื่นมากุมชีวิตตน
สตีเวน โควี่ ได้กล่าวไว้โดย อ้างอิงคำพูดของรูสเวลต์ ว่า ” ไม่มีใครทำร้ายคุณได้หรอก เว้นเสียแต่ว่าคุณจะยอมให้เขาทำร้ายเท่านั้น ” และมีอีกหนึ่งตัวอย่างคำพูดที่ มหาตมะ คานธี ได้กล่าวไว้ว่า ” ไม่มีใครสามารถแย้งเอาความศรัทธาไปจากตัวเราได้ ถ้าเราไม่ยอม ” ซึ่งคำพูดเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณลักษณะของความเป็น ” Proactive “
ในหนังสือ ” 7 อุปนิสัย พัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง” ซึ่งแปลจาก “The 7 Habits of Highly Effective People” ของ Stephen R. Covey ได้กล่าวเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ที่กลายเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จหรือกลายเป็นคนที่มีความล้มเหลวในชีวิต ซึ่งแตกต่างกันไม่ว่าคนนั้นจะประกอบอาชีพลักษณะใดก็ตาม อาจจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ลูกจ้างทั้งเอกชนหรือรัฐบาล คนที่ประสบความสำเร็จโดยส่วนใหญ่จะเป็นคน Proactive คือกลุ่มคนที่สามารถ ควบคุมภาวะความรู้สึก อารมณ์และการกระทำ ให้หลุดพ้นจากภาวะครอบงำต่างๆได้เช่น ความเครียดในการทำงาน การตัดสินใจบนหลักฐานข้อเท็จจริงซึ่งปราศจากความรู้สึกที่คิดเอาเองหรือคล้อยตามความคิดของคนอื่น ซึ่งต่างจากคนที่มีลักษณะ Reactive ที่ปล่อยให้อุปนิสัยถูกครอบงำไปตามสิ่งเร้าและจากปัจจัยภายนอกเช่น สังคมสภาพแวดล้อมในการทำงาน
จากการศึกษาค้นคว้าปัจจัยแห่งความสำเร็จ จากประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทำให้ สตีเวน โควี่ สามารถสรุปได้ว่า คนที่พัฒนาตนเองและมีความพร้อมที่จะกลายเป็นคนได้รับโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตสูง มักจะมีอุปนิสัย 7 ประการดังนี้
๑. ปัจจัยพื้นฐานอุปนิสัยของคนที่มีลักษณะ ” Proactive” จะประกอบไปด้วย มีความอดทนขยัน หมั่นเพียร มีความชื่อสัตย์ต่อตัวเองและคนอื่น รู้รับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง เป็นคนเรียบง่ายรู้จักอดออมเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ฯลฯ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐาน เพื่อนำพาชีวิตไปบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและสามารถชี้นำดวงชะตาของตนเอง ไปสู่ความสำเร็จทั้งในด้านตำแหน่งหน้าที่การงาน ชีวิตครอบและครัวสังคม ก่อให้เกิดความเจริญงอกงาม ซึ่งอุปนิสัยขั้นพื้นฐานเหล่านี้ จะเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อต่อยอดอุปนิสัยอื่น ไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆ
๒. อุปนิสัยการมีเป้าหมาย คนที่ลงมือในการงานต่างๆ แล้วสามารถคาดหวังหรือจินตนาการได้ว่า จะได้รับผลลัพธ์อะไรเป็นผลตอบแทน หลังจากลงมือทำจนประสบความสำเร็จแล้ว จะช่วยทำให้ในระหว่างที่ลงมือทำอยู่นั้น มีแรงใจและกระตุ้นตนเองได้โดยไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรคง่ายๆ การใช้ “พลังของจินตนาการ” คือวิธีการป้อนพลังบวกเชิงสร้างสรรค์ให้กับจิตใต้สำนึก หลังจากนั้นจิตสำนึกเองก็จะสามารถทำงานเองแบบอัตโนมัติได้ตามปริมาณแห่งความคิดดีๆเหล่านั้น เทคนิคสำคัญของการตั้งเป้าหมายคือ จะต้อง“คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก” เพราะถ้าหากขนาดของเป้าหมายไม่ใหญ่พอ พลังที่เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกเองก็คงไม่เพียงพอที่จะเอาชนะอุปสรรคที่เกิดขึ้น ระหว่างการเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายนั้นได้ ในที่สุดก็จะกลายเป็นคนแพ้และยอมจำนนต่อโชคชะตา
๓. อุปนิสัยการโฟกัสเรื่องสำคัญเป็นลำดับแรก Put first thing first ในชีวิตของคนเรามีเรื่องราวหรือมีงานให้ทำที่มากมาย ซึ่งเราเองก็ไม่สามารถลงมือทำทุกๆ เรื่องให้ประสบความสำเร็จได้พร้อมๆกัน ดังนั้นต้องประเมินให้ได้ว่า ปัจจุบันมีเรื่องสำคัญและเร่งด่วนอะไรต้องลงมือทำ ซึ่งค้นหาได้จากคำตอบของการตั้งคำถามเช่น “ ต้องการอะไร” “ทำไมถึงต้องการสิ่งนั้น” แล้วหลังจากนั้นต้องทำการ “วางแผน” ซึ่งในแผนเองจะต้องสามารถประเมินได้ว่า จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้างเมื่อลงมือจนสำเร็จ การโฟกัสให้มุ่งไปที่เป้าหมาย เพราะวิธีการและรายละเอียดของการดำเนินงาน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามปัจจัยและสภาพแวดล้อมต่างๆ และการลงมือทำงานนั้น ต้องประเมินให้ออกว่า สิ่งใดควรทำ สิ่งใดให้คนอื่นทำแทนได้ หรือสิ่งใดไม่จำเป็นต้องทำเลยก็ได้
๔. อุปนิสัยในการคิดแบบชนะ/ชนะ Think win – win: คือได้ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ซึ่งแนวคิดรูปแบบอื่นๆเช่น เราชนะ นายแพ้หรือเรายอมแพ้ให้นายชนะ หรือไม่ก็ เราไม่ได้นายก็ต้องไม่ได้ มักจะก่อให้เกิดการสูญเสียเกิดขึ้น แต่แนวคิดแบบชนะ – ชนะ เป็นแนวคิดเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน จะก่อให้เกิดความร่วมมือกันซึ่งกันและกัน แนวคิดและวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ก็เป็นไปในแนวทางเพื่อทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ กรอบแนวคิดในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ควรวางอยู่บนพื้นฐานแนวความคิด ยังมีที่ว่างสำหรับทุกๆ คน การประสบความสำเร็จของอีกฝ่ายหนึ่งไม่จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องพ่ายแพ้
การสร้างอุปนิสัย ชนะ-ชนะ คือการเอาชนะตัวเองด้วยการ มีน้ำใจต่อผู้อื่น มีความยุติธรรมและมีวุฒิภาวะ มีความรับผิดและรับชอบต่อการกระทำของตนเอง หลังจากการตัดสินใจทั้งของตนเองและสิ่งที่ได้ตกลงร่วมกับผู้อื่น การทำงานร่วมกับคนอื่นอย่ามุ่งเน้นที่งานเพียงอย่างเดียวความสำเร็จมักเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
๕. อุปนิสัยการเข้าใจผู้อื่นก่อนที่จะให้ผู้อื่นเข้าใจเรา ทักษะในการสื่อสารนับได้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จควรมี ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า นักลงทุน นักบริหารหรือแม้แต่ผู้ให้บริการทั่วไป การสื่อสารที่ดีเมื่อสิ้นสุดกระบวนการมักจะทำให้เราได้ประโยชน์เสมอ เทคนิคในการสร้างอุปนิสัยการเข้าใจคนอื่นต้องทำให้เกิดขึ้นทั้งความคิดและการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการพูดกิริยาที่แสดงออก ให้คิดเสมอว่า หากต้องการให้คนอื่นปฏิบัติกับตนเองเช่นใด ควรปฏิบัติต่ออื่นให้เหมือนกับสิ่งที่ตนเองต้องการ หากต้องการได้ยินคำพูดจาที่ไพเราะจากคนอื่น ก็ควรพูดดีพูดเพราะกับคนอื่นก่อน เวลาพูดกับคนอื่นให้พูดในสิ่งที่คนอื่นอยากฟัง อย่าพูดเพราะตนเองต้องการให้คนอื่นฟัง ทักษะที่สำคัญอีกอย่างคือ ทักษะการฟัง การฟังคนอื่นอย่างเข้าอกเข้าใจ จะทำให้เรารู้ลึกถึงความต้องการของคนอื่น แล้วเราจะเข้าใจความรู้สึกของเขา ให้ตั้งใจฟังคนที่เรากำลังสนทนาด้วยใจ พร้อมกับแสดงลักษณะกิริยาท่าทางต่างๆ ให้สอดคล้องว่าเรากำลังฟังเขาอย่างตั้งใจเช่น การสบตา การมีส่วน สิ่งที่ช่วยสร้างความเข้าอื่นได้ดีขึ้น นั้นคือการมีสมาธิ การฝึกสมาธิบ่อยๆจะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีสติ มีปัญญาและสามารถรับรู้สิ่งต่างๆได้ทั้งบวกและลบ
๖. อุปนิสัยการผนึกกำลัง เป็นพลังอันเกิดขึ้นจากการร่วมมือเพื่อประสานความต่าง เป็นการสังเคราะห์ที่ได้จากการนำเอาอุปนิสัยที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเข้าด้วยกัน ให้กลายเป็นพลังที่เกิดขึ้นจากภายในของตนเองด้วยวิธีเริ่มต้นจากพื้นฐานทางความคิด คิดบวกเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเป็นการปูพื้นและเตรียมโครงสร้างก่อนที่จะสร้างบ้าน หลังจากนั้นต้องวาดฝันหรือจินตนาเป้าหมายชีวิตหรือสิ่งที่ต้องการให้ออก เป็นนามธรรมคือความคิดแล้วสร้างเป็นรูปธรรมด้วยการ วาดภาพบ้านในฝัน เพื่อต้องการกระตุ้นให้เกิดแรงบันดานใจ มีความมานะบากบั้น มีความเพียรและอดทน โดยใช้เป้าหมายเป็นที่ตั้ง อุปนิสัยข้อที่ 3 ก่อนที่จะลงมือทำงานใดต้องประเมินได้ว่างานนั้นๆ เป็นงานสำคัญเร่งด่วนจริงๆ ที่สำคัญคือ ต้องรู้และคาดการณ์ได้ว่า ภายหลังจากการลงมือทำสำเร็จแล้ว จะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน อุปนิสัยข้อที่ 4 ต้องคิดเสมอว่าทุกๆคนต้องมีที่ยืน ทุกๆคนจะต้องได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย win-win จะทำให้เกิดประโยชน์ดีที่สุด การผนึกกำลังกันที่ดีที่สุดคือการอาศัยข้อดีของคนอื่น เพื่อนร่วมงานมาทำงานร่วมกันดังนั้นเราจะต้องเข้าใจผู้อื่น เพราะการอาศัยความหลากหลายทางความคิดจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆได้เสมอ
วิธีการอีกอย่างคือการยอมรับ การนับถือและศรัทธาในตนเอง จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง ดังนั้นต้องพัฒนาบุคลิกภาพ ปรับปรุงตนเองให้หัดมองโลกแง่ดี ต้องเชื่อมั่นในตนเองให้ได้ว่า เราสามารถเป็นที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังได้
การมีทีม Work ที่ดีจะสามารถประสบความสำเร็จได้เร็ว ขึ้นเพราะทีมมักเกิดขึ้นจากคนที่มีทักษะความชำนาญที่แตกต่างกัน จึงเกิดความละเอียดรอบครอบในการลงมือปฏิบัติ จึงช่วยทำให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การมีที่ปรึกษาที่จะสามารถย่นระยะเวลาแห่งความสำเร็จได้ เพราะ คนที่ประสบความสำเร็จย่อมได้รับบทเรียนที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์โดยตรง
๗. อุปนิสัยการลงมือทำด้วยความเพียรอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นลักษณะนิสัยเป็นสันดานแห่งความดี เหมือนกับการอาบน้ำ แปรงฟันที่เราต้องปฏิบัติอยู่ทุกวัน หากลดละไปเพียงแค่หนึ่งวันก็เท่าว่า ในวันนั้นจะมีความไม่มั่นใจเกิดขึ้น วิธีคิดเพื่อให้ตนเองมีความเพียรคือ ทำด้วยกำลังความสามารถอย่างต่อเนื่อง อย่ากลายเป็นคนที่มีอุปนิสัยน้ำเต็มแก้ว คิดว่าสิ่งที่ตนเองเป็นสิ่งที่ตนเองมีดีที่สุดแล้ว เก่งแล้ว ไม่มีใครมีทักษะมากกว่าตนเองแล้ว มันจะทำให้เราไม่สามารถเรียนรู้แนวคิด วิธีการและเทคนิคใหม่ๆ ที่สร้างประโยชน์ได้มากกว่า เพราะความรู้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตไม่สามารถนำไปใช้ได้ดีในอนาคตได้ ดังนั้นต้องสร้างอุปนิสัยสำหรับการลงมือทำสิ่งต่างๆ ให้คิดเสมอว่าจะต้องไม่ยอมรับ หากสิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นจะต้องพัฒนาปรับปรุงตนเองเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
การสร้างอุปนิสัยข้อ 7 ก็เปรียบเหมือนมีที่ใช้ไปนานๆหาก ไม่ได้การลบคมมีดมันก็จะทื่อใช้ประโยชน์ได้ได้ดีเท่าที่ควรจะได้ เช่นเดียวจิตใจ ความคิด ทรรศนคติที่เป็นกลไกลในการขับเคลื่อนพฤติกรรม จะต้องเติมพลังแห่งความคิดบวกเชิงสร้างสรรค์เพื่อป้อนให้กับจิตใต้สำนึกอย่างต่อเนื่อง และต้องสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ตนเอง เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ ด้วยการฝึกหัดใช้พลังที่มีอยู่ในตัวเราอย่างต่อเนื่อง สร้างความฉลาดและสมดุล ด้วยการเติมพลังชีวิต 4 ด้าน ได้แก่
-
ด้านกายภาพ เช่น ออกกำลังกายให้เหมาะสม พักผ่อนให้พอ และเลือกกินอาหารที่ให้มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ เพราะในปัจจุบันอาหารได้ถูกปรุงแต่งจนมากเกินไป ตลอดจนวิธีการผลิตที่อาจต้องใช้สารเคมีต่างๆ ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีความรู้ด้านอาหารมากยิ่งขึ้น
-
ด้านอารมณ์ เช่น วิธีคิดสร้างสรรค์ การมองโลกในแง่ดี วิธีคิดบวกและเทคนิคการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เอาใจเขามาใส่ใจเราและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
-
ด้านสติปัญญา เช่น อ่านหนังสือที่เป็นประโยชน์ต่อความฝันของตนเอง เรียนรู้เทคนิคจากคนสำเร็จ สิ่งสำคัญคนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ต้องเรียนรู้วิธีการสร้างเงิน ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับหนังสือที่ให้ความรู้และแนวคิดทางด้านการเงิน แล้วเสริมด้วยเทคนิคอื่นๆ เช่น แนวคิดการสร้างพลังในตัวเอง นอกจากนี้จะต้องเปิดโลกของตนเองให้กว้างขึ้นเช่น การเดินท่องเที่ยวหาประสบการณ์หรือการเข้าอบรมสัมมนาในหลักสูตรต่างๆ
-
ด้านจิตวิญญาณ ด้วยการฝึกทำสมาธิให้เป็นประจำ สวดมนต์ เข้าวัดทำบุญ ปฏิบัติธรรมหรืออยู่กับธรรมชาติบ้าง
7 อุปนิสัย
http://besterlife.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 10/1/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,950.00 |
20,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,292.00 |
19,586.72 |
20,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,162.80 |
17,628.05 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
581.00 |
8,807.96 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
452.00 |
6,852.32 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,339.00 |
20,299.24 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 10/1/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
27.95 |
27.95 |
– |
27.95 |
27.95 |
27.95 |
27.95
|
27.95
|
27.95
|
27.95
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
25.44
|
25.44
|
25.44
|
25.44
|
25.44
|
– |
25.44
|
25.44
|
25.44
|
25.44
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.64 |
20.64 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.64 |
20.64 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
เบนซิน 95 |
35.06 |
– |
– |
– |
35.51 |
– |
35.56 |
35.06 |
35.06 |
35.06 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |
09 Jan 05:00 |