“พฤกษา”ชูกลยุทธ์ดันรายได้ 5 หมื่นล้าน ปี61
“พฤกษา” ชี้ตลาดอสังหาฯโตต่อเนื่อง ประกาศแผนปี 61 เปิดตัว 75 โครงการ มูลค่า 6.6 หมื่นล้าน ตั้งเป้ารายได้ 5 หมื่นล้าน โต 10% สูงกว่าภาพรวม“สองเท่า” ชูกลยุทธ์พัฒนานวัตกรรม มุ่งสร้างแบรนด์ ดันตลาดแวลู-พรีเมียมขยายตัว
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดการณ์ยอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมา 5% มีมูลค่าตลาดรวม 4.20 แสนล้านบาท ขณะที่ยอดโอนเติบโต 7.5% มีมูลค่า 3.03 แสนล้านบาท
ปัจจัยสนับสนุนตลาดอสังหาฯ ขยายตัวปีนี้ มาจากโครงการลงทุนด้านการคมนาคมของภาครัฐบาล เส้นทางรถไฟฟ้า โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี รวมทั้งมีปัจจับดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อเติบโต
ปีนี้บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ 75 โครงการ มูลค่า 66,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดตัว 56 โครงการ มูลค่า 59,200 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 53,742 ล้านบาท เติบโต 13% และรายได้ 50,500 ล้านบาท เติบโต10% ถือเป็นการเติบโตสูงกว่าตลาดรวม “สองเท่า” และวางงบประมาณซื้อที่ดินปีนี้อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 13,000 ล้านบาท
วางโรดแมพกำไร15%
กลยุทธ์การเติบโตปีนี้มาจากการผลักดันตลาดที่อยู่อาศัยทั้งกลุ่มแมส และพรีเมียมขยายตัวจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ตามเมกะเทรนด์“สมาร์ทโฮม”และการพัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่อาศับบตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า
การสร้างแบรนด์ที่แตกต่าง เพื่อทำให้แบรนด์ที่อยู่อาศัยของพฤกษาเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อประสิทธิภาพในการสร้างแบรนด์ จะโฟกัส 14 แบรนด์ที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและคอนโด จากเดิมที่มี 48 แบรนด์ รวมทั้งทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าให้ดียิ่งขึ้น อาทิ การใช้เสาเข็มมาตรฐาน มอก. ของ GEL, ร่วมมือกับ SCG พัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ทันสมัยมาใช้ในโครงการ และการพัฒนาคุณภาพสีทาบ้านร่วมกับทีโอเอ เป็นต้น
พร้อมกันนี้มุ่งสร้างฐานรายได้ประจำมากขึ้น จากการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาลวิมุต ขณะนี้โครงการได้ผ่าน EIA และกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ในปี 2563
นอกจากนี้วางกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ส่งผลให้เว็บไซต์พฤกษามียอดผู้เข้าชมสูงสุด และก้าวขึ้นมาเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยปีที่ผ่านมามียอดขายที่มาจากสื่อดิจิทัล 16,101 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 98%
ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าววางเป้าหมายโรดแมพกำไรสุทธิ 15% ให้ได้ภายใน 3 ปีนี้ ขณะที่ปีนี้อยู่ที่ 13.5%
ตลาดแวลูขยายลูกค้ากลาง-บน
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปีนี้ภาพรวมตลาดกลุ่มธุรกิจแวลู เติบโต 4.79% ทั้งตลาดบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม
สำหรับแผนกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจแวลูเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลางและล่าง เพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิม และขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังระดับกลางและบนมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมในทุกเซ็กเมนต์ โดยนำนวัตกรรม “พฤกษา 4.0” มาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยทุกโครงการ พร้อมจับมือร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบบนถนนบางนา-วงแหวน มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการเมกะโปรเจคที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้
กลุ่มพรีเมียมรายได้โต
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปีนี้เตรียมเดินหน้าตลาดพรีเมียมต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,800 ล้านบาท และเป้ารายได้ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 10,260 ล้านบาท
ปีนี้ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องครั้งใหญ่ของธุรกิจอสังหาฯ และมีปัจจัยความเสี่ยงของการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ บริษัทจึงเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีจำนวนยูนิตไม่มาก ซึ่งจะให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า โดยพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบใหม่ให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัวเพื่อสร้างความแตกต่างจากตลาดและคู่แข่ง
“ปีที่ผ่านมาถือว่าพฤกษาได้ประสบความสำเร็จในตลาดพรีเมียมอย่างมาก และปีนี้ก็มั่นใจได้ว่าจะเป็นอีกปีที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยปี 2562 จะเป็นปีที่กลุ่มพรีเมียมเติบโตสูงทั้งรายได้และกำไร จากการบริหารต้นทุนได้ดีและการทำงานร่วมกับพันธมิตร”
http://www.bangkokbiznews.com
รัฐปรับลดเพดาน ภาษีที่ดิน 40% พร้อมมาตรการผ่อนปรน
จากที่ทางภาครัฐต้องการผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ… สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้จัดการเสวนา และการรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ… มาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในปี 2562 ซึ่งจะมีการจัดเก็บภาษีในอัตราใหม่ ทำให้ผู้ที่ครองที่ดินผืนงามในกรุงเทพฯ ที่เกรงว่าจะได้รับผลกระทบปล่อยที่ดินออกมาขายมากขึ้น
ภาษีที่ดินฯ เร่งเจ้าของที่ดินขาย
ผลจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะประกาศใช้ในปี 2562 ทำให้เจ้าของที่ดินที่กังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวนำที่ดินมาขายมากขึ้น โดยเฉพาะที่ดินในทำเลทองของกรุงเทพฯ โดยข้อมูลจากนายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทำให้เกิดการซื้อขายและเปลี่ยนมือเจ้าของที่ดินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ดินแปลงขนาดใหญ่ของตระกูลดังที่ตั้งอยู่กลางเมือง อาทิ
เอชเคอาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากฮ่องกงที่ซื้อที่ดินจากตระกูลพานิชภักดี เตรียมเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยระดับหรูบนที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา เนื้อที่ 24 ไร่ บน ถ.พระราม 3 ด้วยงบลงทุนประมาณ 2,800 ล้านบาท และที่ดินอีกแปลงที่ร่วมทุนกับกลุ่มซิตี้เรียลตี้ พัฒนาบน ถ.วิทยุ ใกล้แยกสารสินตรงข้ามสวนลุมพินี เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ รวมทั้ง บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ยังได้ที่ดินของตระกูลพิชัยรณรงค์สงคราม เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ บริเวณ ถ.หลังสวน โดยสร้างสถิติราคาขายต่อตารางวาสูงสุดถึง 3.2 ล้านบาท
รวมประกาศโครงการที่อยู่อาศัย โซนถนนวิทยุ
ภาษ๊ที่ดิน ประกาศใช้ปี 2562
ปรับลดเพดานภาษีลง 40%
กมธ. ได้เสนอปรับลดเพดานภาษีลงประมาณ 40% โดยกรณีที่ดินเกษตรกรรม ลดเพดานเหลือ 0.15% ของฐานภาษี จากร่างกฎหมายเดิมที่คณะรัฐมนตรี กำหนดไว้ที่ 0.2% ส่วนที่ดินที่เป็นที่อยู่อาศัยลดเพดานเหลือ 0.3% จากเดิมกำหนดที่ 0.5% ขณะที่ที่ดินอื่น ๆ นอกจากเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย (รวมที่ดินรกร้างว่างเปล่า) ลดเพดานเหลือ 1.2% จากเดิมกำหนดที่ 2% แต่กรณีที่รกร้างว่างเปล่าจะมีการปรับเพิ่ม 0.3% ทุก 3 ปี แต่ไม่เกิน 3% ซึ่งต่ำกว่าเดิมที่กำหนดให้เพิ่มขึ้น 0.5% ทุก 3 ปี แต่ไม่เกิน 5%
อย่างไรก็ตาม กมธ. ได้เสนอกำหนดอัตราจัดเก็บภาษีที่ดินฯ ในช่วง 2 ปีแรกในอัตราผ่อนปรน ไว้ในบัญชีแนบท้ายของกฎหมาย ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป รัฐบาลขณะนั้นจะเป็นผู้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่จัดเก็บจริงต่อไป
ทั้งนี้ จะเสนอต่อที่ประชุม สนช. ภายในวันที่ 24 มกราคม 2561 คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาอีกประมาณ 60 วัน หากผ่าน สนช. จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป โดยจากการประเมินคาดว่าภาครัฐจะมีรายได้จากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีแรกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
https://www.ddproperty.com
พาณิชย์หวั่นภาคอสังหาฯเสี่ยงภาวะฟองสบู่
“กระทรวงพาณิชย์” เตือนภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตร้อนแรง เสี่ยงเกิดภาวะฟองสบู่ เหตุเติบโตจากเงินปล่อยกู้ไม่ใช่ความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีภาวะการค้าภาคบริการ ซึ่งเก็บข้อมูลตามหลักสากลจาก 13 สาขาหลัก ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคบริการเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยพบว่าดั ชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยในปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ขยายตัวต่อเนื่องจากร้อยละ 2.7 ในปี 2559 สะท้อนถึงสถานการณ์การค้าภาคบริการที่ยังอยู่ในระดับดี ซึ่งภาคบริการในรายสาขาเกือบทุกสาขาปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสาขาอสังหาริมทรัพย์, สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร , และสาขาการขายส่งและขายปลีก ส่วนในปี 2561 แนวโน้มการค้าภาคบริการ จะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้าง จากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่ยังมีแผนในการลงทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีความกังวลในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตร้อนแรงและเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่ เนื่องจากเป็นการเติบโตมาจากจำนวนเงินที่ปล่อยกู้ ไม่ได้เติบโตจากความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ ซึ่งอาจจะต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสมต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในการกำกับดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างเหมาะสมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สัดส่วนการค้าภาคบริการคิดเป็นร้อยละ 61.5 ของจีดีพี หรือ มีมูลค่ารวมประมาณ 8 ล้านล้านบาท จากมูลค่าจีดีพีรวม 14 ล้านล้านบาท สำหรับธุรกิจบริการทั้ง 13 สาขาประกอบด้วย 1.อสังหาริมทรัพย์ 2.ที่พักแรม 3.การขายส่ง 4.การขนส่ง 5.การก่อสร้าง 6.กิจกรรมทางการเงิน 7.กิจกรรมด้านสุขภาพ 8.ศิลปะ 9.ข้อมูลข่าวสาร 10.กิจกรรมการบริหาร 11.กิจกรรมวิชาชีพ 12.การศึกษา และ 13.กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ เป็นต้น
http://www.bangkokbiznews.com
CES 2018 : แนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ชี้นำอนาคต
ก้าวเข้าสู่เดือนมกราคม ปี 2018 ประเดิมศักราชใหม่ด้วยงาน CES 2018 (Consumer Electronics Show) ที่จัดขึ้น ณ ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 9 – 12 มกราคม 2018 งานใหญ่ที่รวบรวมเทคโนโลยีอันทันสมัย พร้อมเป็นตัวชี้นำให้เห็นถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีที่คาดว่าจะขึ้นตลอดทั้งปีนี้
ก่อนที่งาน CES 2018 จะเริ่มขึ้น เรามีวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ทั้ง 8 อย่างที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ไปชมกันครับ
1.ชาร์จไร้สายแบบ Over-the-air
สมาร์ทโฟนในปัจจุบันหลายรุ่นรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) บ้างแล้ว แต่ข้อจำกัดของเทคโนโลยีในลักษณะนี้ยังต้องพึ่งพาแท่นชาร์จ แต่ความฝันของเทคโนโลยีนี้ต้องสามารถชาร์จแบบไร้สายได้อย่างแท้จริง หรืออีกนัยหนึ่งคือ “การส่งพลังงานเพื่อชาร์จผ่านทางอากาศ” (Over-the-air)
ซึ่งบริษัทแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Energous ได้รับการอนุมัติจาก Federal Communications Commission คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ หรือ FCC สำหรับเครื่องส่งพลังงานไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระยะ 3 ฟุต ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, นาฬิกาอัจฉริยะ, คีย์บอร์ดไร้สาย เป็นต้น เป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีส่งพลังงานแบบไร้สายผ่านทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีบริษัท Powercast ที่นำเสนอเครื่องส่งพลังงานสำหรับการชาร์จแบบไร้สายได้ไกลถึง 80 ฟุต
ซึ่งคาดว่าต้นแบบและการสาธิตเทคโนโลยีสมัยใหม่นี้จะมีปรากฏให้เห็นในงาน CES 2018 นี้
2.ทีวีแบบ Micro-LED
ปกติเรามักได้ยินแต่ทีวีแบบ LED แต่สำหรับงาน CES 2018 มีการคาดการณ์ว่า Samsung เตรียมเปิดตัวทีวีแบบใหม่ที่เรียกว่า Micro-LED ที่ใช้หลอดไฟ LED ขนาดเล็กกว่า 100 micrometers ให้ประโยชน์ต่อการผลิตแสงในตัวเอง พร้อมอัตราความคมชัดสูงและให้สีดำที่ดำสนิท นอกจากนี้ยังเป็นทีวีที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำอีกด้วย
3.Smart home
เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา อุปกรณ์ประเภทลำโพงอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงได้ กลายเป็นเทรนด์ที่บริษัทด้านเทคโนโลยีให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดย Alexa จาก Amazon ถือเป็นอุปกรณ์ภายในบ้านที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีอีกหลายบริษัทก็ได้คิดค้นและพัฒนาอุปกรณ์ในลักษณะดังกล่าวออกมาชิงชัยกันอย่างคึกคัก
สำหรับในงาน CES 2018 อุปกรณ์อัจฉริยะประเภท Smart Home ที่สามารถรับคำสั่งเสียงและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในบ้านได้ จะมีความฉลาดและทันสมัยมากขึ้น และคาดว่าจะได้อุปกรณ์ใหม่ ๆ ในลักษณะเดียวกันนี้เปิดตัวเพิ่มมากขึ้น
4.อีกก้าวของ Augmented reality
จากปรากฏการณ์ของเกม Pokemon GO ที่นำเสนอรูปแบบการเล่นเกมในลักษณะ Augmented reality หรือ AR จนกลายกระแสความนิยมไปทั่วโลก สร้างความคึกคักให้กับวงการ AR เป็นอย่างมาก และนั่นนำไปสู่การต่อยอดของการพัฒนา AR ร่วมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้คนที่สามารถเข้าถึงโลกเสมือนจริงภายใต้โลกแห่งความเป็นจริงได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่หลายบริษัทจะนำเสนอเทคโนโลยี AR ใหม่ๆ ภายในงาน CES 2018 ได้แก่ Carl Zeiss, Occipital, Kinmo, Kodak, Royole และ Sony
5.สงครามในตลาด “โน้ตบุ๊ค” จะดุเดือดอีกครั้ง
ตลาดโน้ตบุ๊คที่ซบเซาไปหลายปี แต่คาดการณ์ว่าในงาน CES 2018 เราจะได้เห็นการแข่งขันของผู้ผลิตโน้ตบุ๊คกันอย่างดุเดือด ซึ่งโน้ตบุ๊คประเภทที่มีน้ำหนักเบา ประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์การพกพา ดีไซน์สวยงาม สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวในฝั่งผู้ผลิตซีพียูสองค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Intel และ AMD จะยังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด และที่น่าจับตามอง คือ Qualcomm ที่เริ่มหันมาพัฒนาซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊คที่ใช้ Windows 10 S โดยมี ASUS กับ HP ได้สองพาร์ทเนอร์แรก
6.หุ่นยนต์
อย่าหวาดวิตกครับว่าปีนี้เราจะมีหุ่นยนต์ประเภทเดียวกับในหนังอย่าง iRobot หรือ Terminator แต่หุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะถูกนำมาโชว์ในงาน CES 2018 จะเน้นไปในเชิงการเป็นผู้ช่วยให้กับผู้คน หรือเป็นผู้ช่วยในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งสิ่งที่จะพัฒนามากขึ้น คือ Artificial Intelligence หรือ A.I. เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ให้มีความสามารถในการโต้ตอบกับผู้คนได้มากขึ้น เข้าใจในภาษาพูด สามารถวิเคราะห์และให้คำแนะนำ หรือช่วยตัดสินใจให้กับผู้คนได้มากขึ้น
7.สมาร์ทโฟน
แม้ตัวเลขการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนจะไม่พุ่งสูงมาก แต่การแข่งขันของผู้ผลิตจำนวนมากยังเป็นไปอย่างเข้มข้น งานออกแบบค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกัน รวมไปถึงสเปคและประสิทธิภาพที่ให้ความคุ้มค่าเกินราคา ซึ่งในงาน CES 2018 คาดว่าจะมีผู้ผลิตบางรายใช้โอกาสนี้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งงานออกแบบอย่างตัวเครื่องที่ทำขึ้นจากกระจก, สัดส่วนหน้าจอ 18:9, กล้องคู่, ตัด headphone jack ทิ้ง และกันน้ำได้ จะมีมากับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตั้งแต่ต้นปี ส่วนจะมีค่ายไหนบ้างต้องรอติดตามครับ
8.Smart Car
ตลอดปี 2017 ที่ผ่านมา ทิศทางของตลาดรถยนต์เริ่มพุ่งเป้าไปที่การพัฒนารถยนต์ส่วนบุคคลที่สามารถขับเคลื่อนเองได้อัตโนมัติ พร้อมระบบอัจฉริยะที่สามารถควบคุมและให้ความปลอดภัยกับคนนั่งได้ แถมช่วงปลายปีก็เริ่มมีค่ายรถยนต์บางรายเริ่มพัฒนารถโดยสารขนส่งสาธารณะแบบขับเคลื่อนเองอัตโนมัติบ้างแล้วเช่นกัน รวมไปถึงการพัฒนารถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า, ไนโตรเจน หรือพลังงานอื่นๆ ทดแทนการใช้น้ำมัน ซึ่งใน CES 2018 รถยนต์จะยังเป็นไฮไลท์สำคัญภายในงาน ส่วนจะมีการพัฒนาไปทิศทางไหน และจะเปลี่ยนมุมมองของรถยนต์แบบเดิม ๆ ไปอย่างไรบ้าง แนะนำว่าไม่ควรพลาดครับ
https://hitech.sanook.com
เครื่องดื่มลดพุง สำหรับผู้ชายรักสุขภาพ
นอกจากการออกกำลังกายซึ่งช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินและลดหน้าท้อง การดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็เป็นอีกวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำให้คุณมีหน้าท้องแบบราบได้เช่นกัน วันนี้เรามีตัวอย่างเครื่องดื่มสำหรับลดพุงมาฝากทุกๆ คน
1. ชามินต์ คุณสมบัติของมินต์คือช่วยย่อยสลายไขมัน แม้แต่อาหารไขมันสูงอย่างเบอร์เกอร์หรือสเต็ก ก็จะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว แถมยังลดอาการท้องอืด พร้อมเร่งการขับถ่ายได้อีกด้วย
2. ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า “คาเทซิน” ช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้องได้ เพียงจิบชาเขียวก่อนออกกำลังกาย ก็ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในระหว่างนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ชาเขียวที่เราพูดถึงคือชาเขียวจริงๆ ไม่ใช่กากชาผสมน้ำตาล แต่งกลิ่นแล้วบรรจุขวดออกมาขาย
3. นมถั่วเหลือง เพราะถั่วเหลืองมีสารแลคตินที่ช่วยป้องกันการสะสมไขมันของเซลล์ในร่างกาย พร้อมกับช่วยสลายไขมันส่วนเกิน เพียงดื่มนมถั่วเหลือง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี
4. น้ำเปล่า เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด และยังดีต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย รวมทั้งช่วยรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย ทั้งยังลดอาการบวมน้ำได้ด้วย
5. น้ำแตงโม มีสารอาหารมากมาย เช่น ไลโคปีนที่ช่วยต้านมะเร็ง รวมถึงกรดอะมิโนที่ชื่อว่า “อาร์จินีน” โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition ระบุว่า น้ำแตงโมช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อได้ แต่คุณก็ต้องออกกำลังกายอย่างจริงจังควบคู่กันไปด้วย
6. น้ำสับปะรด มีสารที่เรียกว่า “โบรมีเลน” ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยอาหารง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยลดอาการท้องอืด นอกจากนั้นการใส่น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดเฟล็กซ์ผสมลงไป ก็ถือเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย เพราะมีไขมันโมเลกุลเดี่ยวที่ไม่อิ่มตัวในปริมาณค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พึงตระหนักก็คือ ไม่ว่าอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ก็ควรจะรับประทานให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย เพราะหากรับประทานน้อยเกินไปจะขาดสารอาหาร แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจเกิดการสะสมในร่างกาย ที่สำคัญ ควรหาเวลาออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย
https://www.sanook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 18/1/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
20,000.00 |
20,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,296.00 |
19,647.36 |
20,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,166.40 |
1,166.40 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
583.00 |
8,838.28 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
454.00 |
6,882.64 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,343.00 |
20,359.88 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 18/1/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
28.45 |
28.45 |
– |
27.95 |
28.45 |
28.45 |
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
25.94
|
25.94
|
25.94
|
25.44
|
25.94
|
– |
25.94
|
25.94
|
25.94
|
25.94
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.94 |
20.94 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.94 |
20.94 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
เบนซิน 95 |
35.56 |
– |
– |
– |
36.01 |
– |
36.06 |
35.56 |
35.06 |
35.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |