แลนด์แอนด์เฮ้าส์จัดทัพลงทุนรุกอสังหาฯเช่า
ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 3 ปีก่อน ด้วยปัจจัยหนุนการเติบโตเศรษฐกิจที่ระดับ 4% การส่งออกและท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งตลาดหุ้นปรับขึ้นสูงตั้งแต่ต้นปี
นพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าประเมินภาพรวมที่อยู่อาศัยจดทะเบียนใหม่ปีนี้จะเติบโต 5-8% เทียบปี 2560 ที่ประมาณการที่อยู่อาศัยจดทะเบียนเพิ่ม อยู่ที่ 90,030 หน่วย ลดลง 14% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีจำนวน 104,628 หน่วย เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก 2560 ตลาดคอนโดมิเนียมอยู่ในภาวะชะลอตัว หลังจากนั้นฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง แต่คาดว่าทั้งปี 2560 กลุ่มคอนโด มีจำนวน 58,900 หน่วย ลดลง 19.2% เทียบปี 2559
จากแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยกลับมาเติบโตในปีนี้ บริษัทจึงเตรียมงบลงทุน 13,000 ล้านบาท ประกอบด้วยงบประมาณซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนอสังหาฯเพื่อการเช่า 6,000 ล้านบาท
แผนลงทุนตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้ เปิดใหม่ 18 โครงการ มูลค่า 36,300 ล้านบาท แบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 16 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ ที่เชียงใหม่และอยุธยา แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 14 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 7 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ ประกอบไปด้วย The Ease พระราม2 มูลค่า 760 ล้านบาท , เดอะรูม สุขุมวิท 38 มูลค่า 3,200 ล้านบาท ,เดอะรูม พญาไท มูลค่า 3,900 ล้านบาท และ The Key เพชรเกษม มูลค่า 2,200 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่จะลงทุนรวม 18 โครงการในปีนี้ มีที่ดินในมือครบทุกแปลงแล้ว อย่างไรก็ตามพบว่าแนวโน้มราคาที่ดินปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมาขยับในอัตราสูง ในทำเลย่านธุรกิจที่ระดับ 20-30%
“แนวโน้มราคาที่ดินปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนี้ ส่งผลให้ต้นทุนที่ดินพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทขยับจาก 12% เป็น 20% ในปีที่ผ่านมา”
นพร กล่าวว่าสำหรับเป้าหมายยอดขายที่อยู่อาศัยปีนี้อยู่ที่ 31,000 ล้านบาท เติบโต 19% โดยมียอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ 33,000 ล้านบาท โดยมีแบ็คล็อกราว 10,000 ล้านบาท ที่รอรับรู้รายได้ในช่วง 2 ปี
ทั้งนี้ ราคาเฉลี่ยที่อยู่อาศัยของบริษัทในปีนี้จะอยู่ที่ 7 ล้านบาทต่อหน่วย ขณะที่ปี 2560 อยู่ที่ 7.5 ล้านบาทต่อหน่วย เนื่องจากปีนี้มีสัดส่วนการเปิดทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากสัดส่วนยอดขายตามมูลค่าที่อยู่อาศัย ปีนี้บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด อยู่ที่ 68% ทาวน์เฮ้าส์ 9% และคอนโด 23%
ทางด้านแผนลงทุนธุรกิจอสังหาฯเพื่อการให้เช่า จำนวน 6,000 ล้านบาทในปีนี้ โปรเจคหลัก คือ เทอร์มินอล 21 พัทยา ที่จะเปิดให้บริการในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งจะมีทั้งพื้นที่ค้าปลีกและโรงแรม
นอกจากนี้จะใช้งบประมาณบางส่วนสำหรับเซ็นสัญญาเช่าที่ดินสวนชูวิทย์ บริเวณสุขุมวิท 10 สัญญา 30 ปี เพื่อพัฒนาอสังหาฯ เช่า ทั้งพื้นที่ค้าปลีก,โรงแรมและอาคารสำนักงาน พื้นที่รวม 1 แสนตร.ม. คาดใช้งบลงทุน 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนต่อเนื่องในช่วง 3 ปีครึ่ง ที่จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ
อดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่านอกจากนี้บริษัทได้ขยายการลงทุนอสังหาฯเช่า ประเภทอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐต่อเนื่อง โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ลงทุนซื้ออาคารอพาร์ตเมนต์มาปรับปรุงใหม่ 5 อาคาร ในซิลิคอนวัลเลย์ และล่าสุดเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ซื้ออาคารอพาร์ตเมนต์ ขนาด 168 ห้อง มูลค่า 110 ล้านดอลลาร์ ในซานฟรานซิโก ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาลงทุนอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐไปแล้ว 550 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลตอบแทนดี ทั้งด้านอัตราค่าเช่าที่ปรับขึ้นได้ 5-7% ในปีที่ผ่านมา
อีกทั้งหลังจากปรับปรุงและปล่อยเช่าได้ระยะ 3 ปี สินทรัพย์มีราคาเพิ่มขึ้น สามารถขายทำกำไรได้ดี เห็นได้จากบริษัทซื้ออาคารอพาร์ตเมนต์ มูลค่า 12 ล้านดอลลาร์ เมื่อนำมาปรับปรุงและปล่อยเช่าไประยะหนึ่ง สามารถขายได้ในราคา 18 ล้านดอลลาร์ ปีนี้กำลังพิจารณาลงทุนอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐเพิ่มเติม รวมทั้งโอกาสขายอาคารที่ปรับปรุงแล้ว หากได้ผลตอบแทนที่ดี
ปีนี้วางเป้าหมายรายได้จากธุรกิจอสังหาฯเพื่อการเช่า 3,700 ล้านบาท เติบโต 19%
ในส่วนของการระดมทุนปีนี้ บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้จำนวน 14,000 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 4 คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน
http://www.bangkokbiznews.com
มอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ ส่อเค้าวุ่น ค่าเวนคืนเพิ่มเท่าตัว
แม้ว่าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 8 หรือมอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ จะดำเนินการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียด และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ปัจจุบันกลับเกิดความล่าช้าจากปัญหาค่าเวนคืนที่ปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัวเป็น 18,000 ล้านบาท
ทำความรู้จักมอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ
มอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ มีระยะทาง 119 กิโลเมตร เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 9 ด่าน ที่พักริมทางหลวง 5 แห่ง โดยแนวเส้นทางมีจุดเริ่มต้นจากจุดเชื่อมมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี ที่บริเวณต่างระดับนครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มาบรรจบกับ ถ.เพชรเกษม กิโลเมตรที่ 188 ใน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ใช้เงินลงทุน 80,600 ล้านบาท แบ่งเป็นเป็นค่าก่อสร้าง 62,600 ล้านบาท และค่าเวนคืน 18,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะให้เอกชนร่วมลงทุนแบบ PPP net cost คือรัฐจะเวนคืนที่ดิน และให้เอกชนก่อสร้างงานโยธา ติดตั้ง
งานระบบ และรับสัมปทานบริหารโครงการ 30 ปี
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 8 นครชัยศรี-นราธิวาส (สุไหงโก-ลก) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายสำคัญที่จะกลายเป็นประตูสู่พื้นที่เศรษฐกิจของภาคใต้ เบื้องต้นคาดว่าเมื่อเปิดให้บริการในปี 2565 จะมีปริมาณรถยนต์เฉลี่ยประมาณ 43,673 คัน/วัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 122,108 คัน/วัน ในปี 2594 โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.5% ต่อปี
มอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ
เร่งทบทวนค่าเวนคืน หลังงบพุ่งแตะ 1.8 หมื่นล้าน
ภายในปี 2561 กรมทางหลวงจะเริ่มการเวนคืนที่ดินก่อสร้าง ก่อนจะเดินหน้าเปิดประมูลก่อสร้างในช่วงต้นปี 2562 โดยได้เตรียมงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อลงพื้นที่สำรวจยอดเวนคืนที่ดินที่แท้จริง เนื่องจากราคาประเมินที่ดินปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ชะอำ ทำให้ค่าเวนคืนจากเดิมที่บริษัทที่ปรึกษากำหนดไว้ที่ 9,488 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ดิน 3,416 แปลง วงเงิน 16,000 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้าง 1,700 หลัง วงเงิน 1,361 ล้านบาท และต้นไม้ 735 ต้น วงเงิน 611 ล้านบาท เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ที่ราคาสูงขึ้นกว่า 2 เท่าตัว จนต้องขอขยายกรอบวงเงินภายหลัง ทำให้โครงการเกิดความล่าช้า
อย่างไรก็ตาม ทางกรมทางหลวงยังเตรียมเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน PPP งานก่อสร้าง ติดตั้งระบบและรับสัมปทานบริหารอีก 2 โครงการ ได้แก่ มอเตอร์เวย์สายกรุงเทพฯ-วังมะนาว ระยะทาง 75 กิโลเมตร เงินลงทุน 89,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มสร้างเฟสแรกจากกรุงเทพฯ (วงแหวนรอบนอกตะวันตก)-มหาชัย ระยะทาง 38 กิโลเมตร เงินลงทุน 45,000 ล้านบาท และโครงการส่วนต่อขยายโทลล์เวย์ช่วงรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 18 กิโลเมตร เงินลงทุน 30,538 ล้านบาท
https://www.ddproperty.com
‘รองนายกฯ’ แจงเงินบาทแข็งค่าตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
“สมคิด” แจงเงินบาทแข็งค่าตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว กำชับ “แบงก์ชาติ” ดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด พร้อมให้สหรัฐตรวจสอบ ยันไทยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงิน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีสหรัฐจับตาประเทศไทยอาจเข้าข่ายขึ้นบัญชีดำประเทศที่อาจมีส่วนทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าจากการแทรกแซงค่าเงิน ซึ่งจะประกาศเดือนเมษายนนี้ เพราะไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่าร้อยละ 3 ของจีดีพี มีการซื้อเงินสกุลต่างประเทศเกินร้อยละ 2 ช่วงปีที่ผ่านมา และยังเกินดุลการค้ากับสหรัฐประมาณ 18,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายสมคิด ยืนยันว่าไทยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงิน แต่เพราะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยดีขึ้นมาก การค้าเกินดุลจำนวนมาก การลงทุนเพิ่มขึ้น เสถียรภาพเศรษฐกิจเข้มแข็ง ดัชนีตลาดหุ้นไทยขยับสูงต่อเนื่อง และหลักสำคัญไม่ได้มาจากเศรษฐกิจไทย แต่เป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเอง จึงได้ขอข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทตลอด ยอมรับว่าค่าเงินบาทแข็งค่าสอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ริงกิตมาเลเซียยังแข็งค่ากว่าเงินบาทไทย ส่วนจีนไม่ได้ถือครองเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หรือทรัพย์สินของสหรัฐจำนวนมากเหมือนอดีต จึงทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
“ได้กำชับ ธปท.ดูแลการเคลื่อนไหวของเงินบาทอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด มีอะไรผิดปกติทำให้ผันผวนไหม และหากสหรัฐจะมาดูข้อมูลเศรษฐกิจของไทย พร้อมเปิดให้ดูอย่างโปร่งใส เพราะค่าเงินบาทของไทยเคลื่อนไหวแข็งค่าตามเศรษฐกิจ เนื่องจากขณะนี้การส่งออกขยายตัว การท่องเที่ยวดีต่อเนื่อง การลงทุน เงินบาทย่อมแข็งค่าตามเป็นเรื่องธรรมดา” นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเงินบาทแข็งค่าต้องอาศัยจังหวะนี้ลงทุนพัฒนาปรับปรุงเครื่องจักร อุปกรณ์รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพ เพราะซื้อได้ในราคาถูกลงจากต่างประเทศ และภาคเอกชนควรเร่งรัดการลงทุน ส่วนการชำระหนี้ต่างประเทศได้วางตารางชำระหนี้ล่วงหน้าเกือบหมดแล้วจนอยู่ในระดับไม่น่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม นายสมคิด ไม่ขอพูดถึงการซื้อขายเงินดิจิทัล ซึ่งเริ่มมีการซื้อขายกันมากขึ้น จึงปล่อยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล
http://www.bangkokbiznews.com
ยกระดับสิ่งทออีสานด้วย‘นวัตกรรม ’
‘คัลเลอร์ ไอดี เลเบลลิง’ มาตรฐานสี บ่งบอกที่มาสามารถนำมาเชื่อมโยง คิวอาร์ โค้ด และเออาร์ โค้ด เพื่อสร้างสตอรี่ ,วัสดุเส้นใยใหม่ที่ย้อมสีจากดอกบัวแดง จ.อุดรธานี, การนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับสิ่งทอเพื่อยกระดับสู่เวทีโลก
‘คัลเลอร์ ไอดี เลเบลลิง’ มาตรฐานสี บ่งบอกที่มาสามารถนำมาเชื่อมโยง คิวอาร์ โค้ด และเออาร์ โค้ด เพื่อสร้างสตอรี่ ,วัสดุเส้นใยใหม่ที่ย้อมสีจากดอกบัวแดง จ.อุดรธานี, การนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับสิ่งทอเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ คือเป้าหมายของโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสานด้วยนวัตกรรม ปี 2561 ที่กระทรวงวิทย์ฯ จับมือกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และม.เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ต้องการยกระดับผ้าทอภาคอีสานสู่เวทีโลก
:ถ่ายทอดเทคโนโลยีสร้างคุณค่า&มูลค่า
ปัญหาในการอนุรักษ์และสืบทอดศิลปะผ้าไทยโดยเฉพาะในภาคอีสานที่มีเอกลักษณะเฉพาะตัวและประวัติยาวนาน ซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณ จนทุกวันนี้ คือ ‘ราคา’ ถูกลงเนื่องจากขาดการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำมานาน จึงเป็นที่มาของการบูรณาการความร่วมมือจาก3หน่วยงานในการผลักดันให้สิ่งทอในอีสานมีมูลค่าเพิ่มขึ้น10% ด้วยการถ่ายทอดนวัตกรรมด้านสิ่งทอสู่ผู้ประกอบการชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อยใน 10 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสานสู่สากล ครบวงจรทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้กับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 50 กลุ่ม 500 ราย 100 ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ
“ เป้าหมายของโครงการคือการยกระดับสิ่งทอในภาคอีสานนำร่อง10 จังหวัด โดยเริ่มโครงการตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.2561 ภายใต้งบดำเนินการ 16-17 ล้านบาท คาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้สูงขึ้น20% เพราะราคาของผลิตภัณฑ์สิ่งทอขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้บริโภค หากคุณภาพวัตถุดิบดี ดีไซน์สวย ฟังก์ชั่นการใช้งานตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ ลูกค้ายอมจ่าย แม้ราคาจะสูงขึ้น ”นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ
นางอุมาพร สุขม่วง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า จะนำนวัตกรรมพร้อมใช้เข้าไปร่วมส่งเสริมผู้ประกอบการ ทั้งด้าน คัลเลอร์ ไอดี เลเบลลิงเพื่อทำให้ทราบที่มาการย้อมสีธรรมชาติ และการสร้างมาตรฐานสี พร้อมกับการส่งเสริมเทคโนโลยี คิวอาร์ โค้ด และเออาร์ โค้ด เพื่อช่วยในการสร้างเรื่องราวผลิตภัณฑ์ เพื่อบอกเล่าถึงวัตถุดิบและความพิถีพิถันในการทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีส่วนร่วม โดยจะได้รับการสนับสนุนผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการออกแบบ นักการตลาด ที่มีประสบการณ์ทำงานกับ อเมริกัน ปารีส อะคาเดมี และผู้จัดการแบรนด์ของคลับ21 มาเป็นที่ปรึกษาพัฒนาการดีไซน์ของผ้าทอไทย ให้ก้าวสู่ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม
:ดีไซน์ลวดลาย ฟังก์ชั่นตอบโจทย์ลูกค้า
ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสานไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลส่วนหนึ่งเกิดจาการขาดความหลากหลายของวัตถุดิบคือ เส้นใย ทำให้ไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายและไม่มีจุดขายที่แตกต่างกันออกมานำเสนอผู้บริโภคที่ปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไปทุกปีเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมสิ่งทอ ฉะนั้นต้องพยายามให้ผู้ประกอบการ ชาวบ้านในพื้นที่แต่ละแห่งปรับตัวด้วยการทอผ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไม่ใช่ทอผ้าอย่างที่ตนเองชอบหรือว่าคุ้นเคยเหมือนในอดีต
ด้วยการนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่วมกับการออกแบบในเชิงสร้างสรรค์ ผสมผสานวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อัตลักษณ์ของจังหวัด เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าทออีสานให้มีรูปแบบมาตรฐานสากลร่วมสมัย
” แนวทางการพัฒนาวัสดุเส้นใยใหม่ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผ้าฝ้ายและผ้าไหม สามารถนำวัสดุเส้นใยธรรมชาติ ที่จะตอบสนองต่อการใช้งานที่หลากหลาย ยกตัวอย่างการย้อมสีจากดอกบัวแดงจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต การถ่ายทอดความรู้ในการเลือกใช้วัสดุเส้นใยใหม่ๆ หรือการทำให้ผ้ามีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น เช่น การตกแต่งสะท้อนน้ำ การเพิ่มกลิ่นหอม ผ้าป้องกันรังสียูวี ผ้าที่ซักล้างสิ่งสกปรกออกง่าย ผ้าที่มีสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของผ้าทอในจังหวัดนั้นๆ
http://www.bangkokbiznews.com
รู้ไหม? แค่เดิน 9,900 ก้าวต่อวันก็มีสุขภาพดีได้
การเดินเป็นวิธีออกกําลังกายแบบง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเพศใดวัยใดก็ตาม แถมไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลยอีกด้วย ซึ่งหากเดินได้อย่างถูกวิธีแล้วก็จะไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือเกิดผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น และเชื่อหรือไม่ล่ะว่า การเดินมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากมายกว่าที่เราคิด แต่จะมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
1.ควบคุมน้ำหนัก
หากเดินได้ 12,000-15,000 ก้าวในหนึ่งวัน จะช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักตัวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากจะทําให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้เพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลงและช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นด้วย
2.หัวใจและปอดทำงานได้ดีขึ้น
หากเดินได้วันละ 9,900-10,000 ก้าว เป็นเวลา 3 วันต่อสัปดาห์ โดยใช้ความเร็วในระดับที่ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น จะช่วยให้หัวใจและปอดได้ออกกำลังทำให้ทํางานได้ดีขึ้น ซึ่งทั้งปอดและหัวใจต่างก็เป็นอวัยวะที่มีความสําคัญต่อเซลล์ต่างๆ ของร่างกายทุก ๆ ส่วนที่จําเป็นต้องได้รับเลือดที่นำพาออกซิเจนจากหัวใจและปอดมาบำรุงหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ และในปัจจุบันการออกกำลังกายก็ยังคงได้ชื่อว่าเป็นวิธีที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจและปอดได้ดีที่สุดอย่างที่ไม่มียาหรือสารอาหารใด ๆ มาเทียบได้
3.ควบคุมความดันโลหิต
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหากเดินได้ 9,900-10,000 ก้าว ในหนึ่งวันหรือสัปดาห์ละ 70,000 ก้าว จะช่วยให้ควบคุมความดันโลหิตได้ดีขึ้น หากร่างกายเรามีความแข็งแรง น้ำหนักกับส่วนสูงสัมพันธ์กัน มีการเผาผลาญพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงก็จะลดน้อยลง หากเป็นผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันก็จะสามารถควบคุมความดันได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ขาดการออกกําลังกาย
4.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
หากเดินได้วันละ 9,900-10,000 ก้าวหรือสัปดาห์ละ 70,000 ก้าว จะช่วยในเรื่องของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ การเดินบ่อย ๆ ทําให้มีโอกาสเป็นเบาหวานได้น้อยลง สำหรับผู้ที่ป่วยโรคเบาหวานก็จะทําให้ควบคุมน้ำตาลได้ง่ายมากขึ้น ส่วนผู้ป่วยเบาหวานที่ฮอร์โมนอินซูลินลดประสิทธิภาพในการทํางานลง การได้ออกกําลังกายเป็นประจำก็จะช่วยให้การทำงานของอินซูลินดีขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถนําน้ำตาลที่มีอยู่ไปใช้งานได้ดีขึ้น จึงส่งผลดีต่อการควบคุมเบาหวานนั่นเอง
5.ลดไขมันเลวและเพิ่มไขมันดี
หากเดินได้วันละ 9,900-10,000 หรือสัปดาห์ละ 70,000 ก้าว จะช่วยให้มีไขมันดีหรือ HDL เพิ่มมากขึ้น ซึ่งไขมันดีนี้จะทําหน้าที่ขจัดคราบไขมันที่อยู่ตามผนังเส้นเลือดออกไปสู่ตับและขับออกมาทางน้ำดี จึงส่งผลให้ไขมันตัวร้ายหรือ LDL ลดน้อยลง และช่วยให้ผู้ป่วยที่มีไขมันสูงลดปริมาณการใช้ยาลงหรืออาจไม่จำเป็นต้องกินยาเลย
การออกกำลังกายโดยใช้วิธีเดิน เป็นการออกกำลังกายที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ จึงหมดปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับเรื่องดังกล่าว เพียงแค่รองเท้าเหมาะ ๆ ใส่สบายเท้าซักคู่ คุณก็ออกเดินได้แล้ว
https://www.sanook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 19/1/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
20,000.00 |
20,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,296.00 |
19,647.36 |
20,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,166.40 |
1,166.40 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
583.00 |
8,838.28 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
454.00 |
6,882.64 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,343.00 |
20,359.88 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 19/1/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
28.45 |
28.45 |
– |
27.95 |
28.45 |
28.45 |
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
25.94
|
25.94
|
25.94
|
25.44
|
25.94
|
– |
25.94
|
25.94
|
25.94
|
25.94
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.94 |
20.94 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.94 |
20.94 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
เบนซิน 95 |
35.56 |
– |
– |
– |
36.01 |
– |
36.06 |
35.56 |
35.06 |
35.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |