ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,700.00 | 19,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,276.00 | 19,344.16 | 20,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,148.40 | 17,409.74 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 574.00 | 8,701.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 447.00 | 6,776.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,322.00 | 20,041.52 | n/a |
คอนโดรัชดาฯโซนฮิต‘อยู่อาศัย-ลงทุน’
“รัชดาภิเษก”เป็นถนนสายสำคัญอีกเส้น ที่เชื่อมต่อพื้นที่โซนพระราม9-ลาดพร้าวเข้าด้วยกัน ตลอดระยะทาง 10.5 กิโลเมตร ตั้งแต่แยกพระราม 9 ถึงรัชโยธิน มีโครงการรถไฟฟ้าในอนาคตที่จะเชื่อมต่อกับ “เอ็มอาร์ที” ปัจจุบัน 2 จุด และมีเมกะ โปรเจค จำนวนมาก
ส่งผลให้ย่าน พระราม9-รัชดา เป็นพื้นที่ใจกลางธุรกิจแห่งใหม่ ที่ขยายตัวมาจากพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน จึงไม่น่าแปลกใจที่ย่านนี้ เป็นอีกหนึ่งทำเลน่าสนใจสำหรับที่อยู่อาศัย แหล่งงาน หรือแม้แต่การลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการปล่อยเช่า
นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า “ถนนรัชดาภิเษก เชื่อมต่อถนนหลักสำคัญหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนลาดพร้าว ถนนสุทธิสาร และถนนพระราม 9 ถนนทั้ง 3 เส้นที่ตัดผ่าน ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน ทั้งแง่การกระจุกตัวของที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ ศูนย์การค้า
ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนไปถึงราคาอสังหาฯในพื้นที่นั้นๆ ด้วย ทั้งนี้ทำเลรัชดาภิเษกครอบคลุมจาก รัชดา-พระราม 9, รัชดา-สุทธิสาร และรัชดา-ลาดพร้าว
ด้านการอยู่อาศัย ความโดดเด่นของ 3 ทำเลนี้ ตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิต ทำงาน และการเดินทางที่สะดวกด้วยระบบราง ด้านราคา ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 9.3% ต่อปี จากราคาเฉลี่ย 86,900 บาทต่อตร.ม. ในปี 2556 เป็น 116,000 บาทต่อตร.ม. ในปี 2560
“ราคาที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการเติบโตของราคาในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ที่เฉลี่ย 10% ต่อปี เห็นได้ว่าแนวโน้มการเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน”
หากเทียบเป็นโซนย่อยของรัชดา ทำเลรัชดา-ลาดพร้าว เติบโตสูงกว่าเขตกรุงเทพฯ ชั้นในอย่างเห็นได้ชัด เฉลี่ยอยู่ที่ 15% ต่อปี สะท้อนศักยภาพการลงทุนและการเติบโตของชุมชนในทำเลนี้ ทำเลรัชดา-สุทธิสาร มีราคาเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี สะท้อนการเติบโตของตลาดและความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ทำเลรัชดา-พระราม 9 ราคาเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี เป็นทำเลศักยภาพใกล้ย่านธุรกิจ
ด้านการลงทุนคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ มีอัตราเฉลี่ยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 5.39% เปรียบเทียบทำเลในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน เฉลี่ยอยู่ที่ 3-5% ทำให้คอนโดในทำเลนี้น่าสนใจในด้านการลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งเนื่องมาจากเป็นทำเลที่ใกล้โซนออฟฟิศและยังมีศักยภาพสำหรับการปล่อยขายและเช่าตลาดลูกค้าต่างชาติอีกด้วย
หากวิเคราะห์ลักษณะพื้นที่รัชดาภิเษก แบ่งได้เป็น 3 ส่วน
โซนรัชดา-พระราม 9 พื้นที่เชื่อมต่อเมือง เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์กลางออฟฟิศในอนาคต พื้นที่ตั้งแต่แยกพระราม 9 ถึงสถานีเอ็มอาร์ที ศูนย์วัฒนธรรม มีอุปทานรวม 6,279 หน่วย อัตราขายรวม 89% ราคาเฉลี่ย 132,600 บาทต่อตร.ม. เป็นโซนที่มีราคาต่อตร.ม.เฉลี่ยสูงสุดของทำเลรัชดา เนื่องจากเชื่อมต่อจากอโศก-สุขุมวิท เป็นย่านพื้นที่ดินราคาแพงของกรุงเทพฯ มีศูนย์การค้าเกิดขึ้นจำนวนมาก
โซนรัชดา-สุทธิสาร แหล่งท่องเที่ยวและออฟฟิศ โซนเปลี่ยนผ่านไปยังชุมชนกรุงเทพฯ ชั้นกลาง พื้นที่ตั้งแต่สถานีเอ็มอาร์ที ศูนย์วัฒนธรรม แยกเทียมร่วมมิตรไปจนถึงแยกสุทธิสาร มีอุปทานรวม 3,305 หน่วย อัตรขายรวม 93% ราคาเฉลี่ย 117,875 บาทต่อตร.ม. โดยราคาขายต่ำลงมาจาก โซนรัชดา-พระราม 9 ประมาณ 11% พื้นที่โซนนี้เต็มไปด้วยออฟฟิศ และแหล่งท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวเกาหลีอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
โซนรัชดา-ลาดพร้าว พื้นที่เชื่อมต่อไปยังชานเมืองหลายเส้นทาง มีความเป็นชุมชนและราคาคุ้มค่า พื้นที่ตั้งแต่แยกสุทธิสารไปจนถึงแยกรัชโยธิน มีอุปทานรวม 5,256 หน่วย อัตราขาย 68% ราคาเฉลี่ย 100,200 บาทต่อตร.ม. มีคอนโดเปิดใหม่จำนวนมาก เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีกำหนดวันเข้าก่อสร้างที่ชัดเจน ส่งผลให้มียูนิตเหลือขายอีกจำนวนหนึ่ง จากโครงการเปิดใหม่ภายใน 1 ปีที่ผ่านมา ทำเลนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยและออฟฟิศขนาดเล็ก มีความเป็นชุมชน
ในปี 2563 รถไฟฟ้าสายสีเหลืองก่อสร้างแล้วเสร็จ “รัชดาภิเษก”จะเป็นทำเลที่กลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจมาพัฒนาโครงการในบริเวณนี้มากขึ้น โดยเฉพาะทำเลจุดตัดของรถไฟฟ้าทั้ง สายสีเหลืองและสายสีส้ม ซึ่งเริ่มก่อสร้างไปแล้วทั้งสองสาย
http://www.bangkokbiznews.com
จับตา 5 ทำเลแนวรถไฟฟ้า ราคาพุ่งขึ้นสูงสุด 173.7%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ทำการศึกษาดัชนีแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม พบว่า ในปี 2560 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 65.6% โดยทำเลที่มีการปรับเพิ่มมากที่สุดอยู่บริเวณแนวรถไฟฟ้า 5 สาย สูงสุดถึง 173.7%
ดัชนีราคาที่ดินเปล่าฯ ปี 60 เพิ่ม 65.6%
ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 2560 มีค่าดัชนีเท่ากับ 165.6 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 65.6% เมื่อเทียบกับปีฐาน (ปี 2555 = 100) และปรับเพิ่มขึ้น 13.2% เมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 146.3 จุด ทั้งนี้ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา มีการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2556 คือ ปรับเพิ่มขึ้น 14.9% ส่วนในปี 2559 มีการปรับเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดคือ ปรับเพิ่มขึ้น 4.6%
สำหรับไตรมาส 4 ปี 2560 ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 168.3 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2560 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 166.5 จุด และปรับเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2559 มีค่าดัชนีเท่ากับ 149.6 จุด ทั้งนี้ ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา มีการปรับเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในไตรมาส 1 ปี 2559 คือ ปรับเพิ่มขึ้น 2.7% และช่วงเวลาที่มีการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ ไตรมาส 1 ปี 2557 โดยปรับเพิ่มขึ้น 19%
ราคาที่ดินในกรุงเทพฯ มีการปรับตัวขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้า
5 ทำเล ราคาที่ดินปรับตัวสูงสุด
ทำเลตามแนวเส้นรถไฟฟ้าที่มีการปรับราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก (ไตรมาส 4 ปี 2560 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555) มีดังนี้
1. รถไฟฟ้าสาย MRT มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด 173.7% หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 29% ต่อปี
2. รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 169.5% หรือเฉลี่ย 28.2% ต่อปี
3. รถไฟฟ้าสายสีทอง ช่วงธนบุรี-ประชาธิปก มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 148.9% หรือเฉลี่ย 24.8% ต่อปี
4. รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 148.1% เฉลี่ย 24.7% ต่อปี
5. รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-ม.ธรรมศาสตร์รังสิต มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 144.3% หรือเฉลี่ย 24.1% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2555 มีอยู่ 2 ปัจจัยคือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับผังเมือง ที่ทำให้ราคาที่ดินราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 22.8% และแผนการพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนตั้งแต่การเริ่มโครงการ การก่อสร้าง หรือการเปิดให้บริการ ที่มีส่วนผลักดันให้ราคาที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 24.6%
https://www.ddproperty.com
กองทุนวรรณจัดงาน เปิดมุมมองเศรษฐกิจ พิชิตการลงทุน ปี 2561
บลจ.วรรณ มองทิศทางการลงทุนปี 2561 แนะหุ้นเทคโนโลยี-การเงิน มาแรงสุด มีโอกาสโตก้าวกระโดด คาดทั้งปี SET วิ่งในกรอบ 1,680-1,900 จุด หลังภาพรวมตลอดยังแข็งแกร่ง
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด ได้จัดงานเสวนา “ONEAM INVESTMENT FORUM 2018” ส่องเศรษฐกิจ พิชิตการลงทุน ปี 61 ผ่านการวิเคราะห์นโยบายของธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลก เจาะลึกการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ และพิเศษกับการเกาะติด Cypto currency การลงทุนรูปแบบใหม่ในโลกออนไลน์
การเสวนาในครั้งนี้ ดำเนินรายการโดยคุณสุรศักดิ์ ธรรมโม หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด ร่วมด้วยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในวงการตลาดเงิน ตลาดทุน ได้แก่ ดร.ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย, ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด (มหาชน), คุณอิศราดร หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท Omise จำกัด และคุณพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด
สำหรับประเด็นที่น่าสนใจของงานในครั้งนี้ อยู่ที่เรื่องทิศทางการลงทุนปี 2561 โดยคุณพจณ์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ มีมุมมองว่า หุ้นยังคงเป็นสินทรัพย์หลักที่น่าลงทุนที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี ที่มีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด และกลุ่มสถาบันการเงิน ที่จะได้รับอานิสงส์ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
โดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยปีนี้ คาดว่า SET Index จะอยู่ในกรอบ 1,680-1,900 จุด จากเศรษฐกิจไทยที่คาดจะขยายตัวประมาณ 3.5-4% เพราะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกยังดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนของภาครัฐว่าจะมากน้อยขนาดไหน โดยอยากให้นักลงทุนมองผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลักในการตัดสินใจเข้าลงทุน
ส่วนกรณีที่ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงแรงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวมองว่าเป็นการพักฐานเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งเป็นโอกาสทยอยเข้าซื้อของนักลงทุน และเชื่อว่าไม่ใช่สัญญาณของการเกิดวิกฤตทางการเงินแน่นอน เป็นแค่ความกังวลของตลาดในเรื่องนโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า
“การที่ตลาดลงแรงในช่วงนี้ น่าจะเป็นแค่การปรับฐาน เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา หุ้นไทยขึ้นทุกปี ปีละกว่า 20% และยืนยันว่าคงไม่ใช่วิกฤตทางการเงินอะไร แต่เป็นการแพนิคของนักลงทุน เรื่้องการปรับดอกเบี้ยมากกว่า” นายพจน์ กล่าว
ขณะที่ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ในปี 2561 การลงทุนในหุ้นยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น เนื่องจาก Real Bond Yield ซึ่งเป็นตัวกำหนดทิศทางของหุ้นทั่วโลก ยังคงต่ำอยู่ที่ประมาณ 0.6-0.8% ทำให้ต้นทุนทางการเงินค่อนข้างต่ำ เพราะฉะนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างหุ้น จึงให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม มองว่าการที่หุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงในตอนนี้ เป็นโอกาสในการทยอยเข้าลงทุน และมองว่าน่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน จึงจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยยังคงเป้าหมาย SET Index ปีนี้อยู่ที่ 1,900 จุด อิง P/E ระดับ 16.5 เท่า
ด้านมุมมองทางฝั่งธนาคารแห่งประเทศไทย โดย ดร.ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ต้องจับตามองในปีนี้ จะเป็นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ทั้งเรื่องอัตราค่าจ้างแรงงาน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กระทบต่อการลงทุนทั่้วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร
ทั้งนี้ ธปท. คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ แต่ก็มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดี ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่น ยังคงดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่คงยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วนี้
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการพูดคุยเรื่องทิศทางธุรกิจ Fintech ในปี 2561 โดยนายอิศราดร หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท Omise จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนเกี่ยวกับ Fintech ในตอนนี้ มองว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล (Cypto Currency) ยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะการทำ ICO (Initial Coin Offering) ที่มีหลายบริษัทสนใจเข้ามาลงทุนจำนวนมาก เพราะมองเห็นโอกาสตรงจุดนี้
อย่างไรก็ตาม การลงทุน Cypto Currency ในปัจจุบัน ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องกังวล ได้แก่ การเข้ามาตรวจสอบขององค์กรกำกับดูแลต่าง ๆ (Regulator) แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่หลายองค์กรกำกับดูแลหลายแหล่งให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะจะทำให้การลงทุนใน Cypto Currency มีความชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ Omise เป็นบริษัท Startup สัญชาติไทย ที่ให้บริการชำระเงินออนไลน์ และเป็นบริษัทแรกในไทย ที่มีการระดุมผ่าน ICO ด้วยการออกเหรียญดิจิทัลที่ชื่อว่า “OmiseGo” (OMG) ในเดือนกรกฎาคม ปี 2560 ซึ่งได้เงินจากการระดมทุนไปประมาณ 870 ล้านบาท
https://money.kapook.com
‘รมว.พาณิชย์’ คาดส่งออกปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 6%
“รมว.พาณิชย์” คาดส่งออกปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6% รอผลประชุมทูตพาณิชย์ 21-22 ก.พ.นี้ ก่อนเคาะเป้าหมายชัดเจน!!
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า ในเบื้องต้นจากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ประเมินร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปี 61 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 6% แต่ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ใช่ตัวเลขอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรอผลสรุปจากที่ประชุมทูตพาณิชย์ในวันที่ 21-22 ก.พ.นี้ก่อน แต่ก็เชื่อว่าเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ไม่น่าจะโตต่ำกว่า 6% อย่างแน่นอน
“เราคาดในเบื้องต้นว่าเป้าหมายการส่งออกปีนี้ น่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 6% แต่ขอรอดูตัวเลขอย่างเป็นทางการในการประชุมทูตพาณิชย์วันที่ 21-22 ก.พ.นี้ก่อน ว่าจะออกมาเท่าไร” รมว.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมมองว่า จากสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จะต้องนำมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อกำหนดเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้คงสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ระดับ 32-34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี เห็นว่าทิศทางของเงินบาทยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อีก
http://www.bangkokbiznews.com
Foodvisor แอปฯ วิเคราะห์อาหารจากภาพถ่าย บอกได้ว่ากี่แคล
Foodvisor แอปฯ วิเคราะห์อาหารจากภาพถ่าย บอกได้ว่ากี่แคลอรี่ มีสารอาหารอะไรบ้าง
Foodvisor แอปฯ สำหรับคนรักสุขภาพ โดยหน้าที่ของแอปฯ นี้ก็คือมันสามารถวิเคราะห์อาหารจากภาพถ่ายได้ เพื่อบอกว่าอาหารจานนั้นเป็นเมนูใด มีสารอาหารและให้พลังงานกับร่างกายเท่าไร เพื่อให้ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการคุมน้ำหนักสามารถเลือกรับประทานอาหารได้ง่ายขึ้น และถ้าหากแอปฯ ให้ข้อมูลผิดผู้ใช้ก็สามารถร่วมกันแก้ไขเพื่อให้ฐานข้อมูลเก็บข้อมูลอาหารมาใช้วิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น และยังสามารถสแกนบาร์โค้ดของอาหารต่าง ๆ เพื่อดูข้อมูลโภชนาการได้อีกเช่นกัน
นอกจากนี้ Foodvisor ยังสามารถติดตามและบันทึกสถิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานที่ได้จากอาหารในแต่ละวัน การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายสามารถเผาผลาญพลังงานแคลอรีไปมากเท่าไรแล้ว ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดเป้าหมายได้ เช่น น้ำหนักที่ต้องการลด โดยแอปฯ Foodvisor จะช่วยบันทึกและแสดงสถิติพร้อมทั้งแนะนำสิ่งที่ผู้ใช้ควรปรับปรุงเมื่อทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ โดยวิเคราะห์จากสถิติที่ผู้ใช้ได้ทำไปแล้ว
https://men.kapook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 08/02/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 08/02/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 | 28.45 | 28.45 | – | 28.45 | 28.45 | 28.45 | 28.45 | 28.45 | 28.45 | 28.45 |
แก๊สโซฮอล E-20 | 25.94 | 25.94 | 25.94 | 25.94 | 25.94 | – | 25.94 | 25.94 | 25.94 | 25.94 |
แก๊สโซฮอล E-85 | 20.94 | 20.94 | – | – | – | – | – | 20.94 | 20.94 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 |
เบนซิน 95 | 35.56 | – | – | – | 36.01 | – | 36.06 | 35.56 | 35.06 | 35.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 | 27.59 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 30.59 | 31.46 | 31.46 | 31.46 | 31.46 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 | 03 Feb 05:00 |