สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2561

อสังหาฯ เติบโตสูงสุด หนุนเศรษฐกิจฐานราก

ดัชนีการค้าภาคบริการเดือน ม.ค. 61 โตต่อเนื่อง สาขาอสังหาฯ เติบโตสูงสุด หนุนเศรษฐกิจฐานราก

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ได้เปิดเผยถึงดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยในเดือนมกราคม 2561 พบว่า ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน อยู่ที่ระดับ 113.7 สูงขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อยจาก 11.9% ในเดือนธันวาคม 2560 สาขาบริการสำคัญ เช่น ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การขายปลีก มีการขยายตัวในอัตราที่ดี คาดว่าภาคบริการจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2561

สาขาอสังหาฯ เติบโตสูงสุด
เมื่อพิจารณาภาคบริการในรายสาขาจะพบว่าขยายตัวเกือบทุกสาขา โดยสาขาที่ขยายตัวเร่งขึ้น ประกอบด้วย 4 สาขา คือ การก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ กิจกรรมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และการศึกษา ส่วนสาขาที่ยังคงขยายตัวแต่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ประกอบด้วย 7 สาขา คือ การขายส่งและการขายปลีกการซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร กิจกรรมทางการเงินและการประกันภัย กิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ และศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ สำหรับสาขาที่หดตัวมีเพียง 2 สาขา คือ กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน และกิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ

ดูทำเลโครงการที่อยู่อาศัยดีๆ ได้ที่นี้

ความเคลื่อนไหวในภาคบริการที่น่าสนใจในเดือนมกราคม 2561 ได้แก่
– สาขาอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นสาขาที่เติบโตสูงสุดที่ 24%
– สาขาก่อสร้างเริ่มมีการขยายตัวมากขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% โดยเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของทุนจดทะเบียนของนิติบุคคลในธุรกิจก่อสร้างมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าการจ้างงานจะหดตัวก็ตาม
– สาขาการศึกษาขยายตัวถึง 22% มีการจ้างงานมากขึ้น แต่ว่าทุนจดทะเบียนของนิติบุคคลจะไปกระจุกตัวอยู่ที่การศึกษาด้านการกีฬาและนันทนาการ ไม่ใช่การศึกษา mainstream (การเรียนเต็มเวลา)

อัตราการขยายตัวดัชนีภาวะการค้าภาคบริการ ม.ค. 61 ภาคอสังหาฯ เติบโตสูงสุด

แนวโน้มทั้งปี อสังหาฯ ขยายตัวตามเศรษฐกิจ
แนวโน้มภาวะการค้าภาคบริการในปี 2561 คาดว่า ภาคบริการจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับสาขาบริการที่มีศักยภาพ และแนวโน้มขยายตัวได้ดี ได้แก่ สาขาอสังหาริมทรัพย์ สาขาบริการทางการเงิน สาขาสุขภาพ สาขาขายส่งและการขายปลีก และสาขาก่อสร้าง โดยสาขาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มขยายตัวตามเศรษฐกิจของประเทศ และสาขาสุขภาพมีแนวโน้มขยายตัวที่ดีตามกระแส Medical Tourism ซึ่งคาดว่าในระยะต่อไปจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มนักลงทุนมากขึ้น ทั้งในแง่ของการลงทุนและการทำการตลาดด้านสุขภาพ ในขณะที่สาขาก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่ยังมีแผนการลงทุนใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้ายังคงต้องติดตามเพิ่มเติมเรื่องการจ้างงาน แม้ว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ได้รับชี้ว่า การจ้างงานในภาคบริการขยายตัวประมาณ 8.3% ในเดือนมกราคม ถือว่าน่าพอใจ แต่หากขยายตัวได้มากกว่านี้จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างเข้มแข็งต่อไป

https://www.ddproperty.com


อสังหาไทยจูนคลื่นลงทุน”เจแปนโมเดล” ผุดคอนโด 2 แสนล.”สมอลล์สเปซ” 28 ตร.ม.ขายดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำรวจคลื่นการลงทุนระหว่างบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นมีความเคลื่อนไหวคึกคักเป็นอย่างมากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ล่าสุดของปี 2561 ในช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาส 1/61 ผู้ประกอบการรายใหญ่นำเสนอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ควบคู่เดินหน้าโครงการร่วมทุนเพิ่มเติมอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีมูลค่าโครงการรวมกันแตะ 2 แสนล้านบาท

 
อนันดาชูเป้า 1.14 แสนล้าน
 
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทวางโรดแมป 4 ปีโต 4 เท่า โดยมีผลประกอบการปี 2560 ประสบความสำเร็จสูงเกินคาดในทุกด้าน ได้แก่ มูลค่าโครงการใหม่เป็นสถิติสูงสุด 42,500 ล้านบาท เพิ่ม 105% จากปีก่อน มียอดขาย 34,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% และรายได้ 12,950 ล้านบาท เพิ่ม 6% มียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) 53,700 ล้านบาท รองรับการโอนใน 3 ปีข้างหน้า ในด้านโครงการร่วมทุนกับกลุ่มมิตซุย ฟูโดซัง มีการเปิดตัวเพิ่มเติม 6 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36, ไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่, เอลลิโอ เดล เนสต์, ไอดีโอ โมบิ รางน้ำ, เอลลิโอ เดล มอสส์ และโครงการใกล้พระราม 9 เบ็ดเสร็จทำให้บริษัทมีมูลค่าโครงการร่วมทุน 21 โครงการ 95,000 ล้านบาท
 
“ปัจจุบันอนันดาฯเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการร่วมทุนมากที่สุดในประเทศ นโยบายต้องการรักษาสถานะผู้นำโครงการร่วมทุนในปีนี้ ด้วยมูลค่าโครงการร่วมทุนโดยรวมเกิน 114,000 ล้านบาท” นายชานนท์กล่าว
 
สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2561 ตั้งเป้ามียอดโอนเติบโต 152% เป็น 38,000 ล้านบาท คาดว่ามีคอนโดฯ สร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน 9 โครงการ เพิ่มเติมจากในปี 2560 ซึ่งมีคอนโดฯ สร้างเสร็จและเริ่มโอน 8 โครงการ
 
ปีนี้แผนเปิดตัวใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 35,100 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 8 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 7 โครงการ และแนวราบ 8 โครงการ ตั้งเป้ายอดขายใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 35,100 ล้านบาท โดยแผนธุรกิจปีนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ 4 in 4 Roadmap ระยะเวลาแห่งการเติบโตมากกว่า 4 เท่าใน 4 ปี โดยคาดหวังยอดโอนเติบโตเกิน 400% จาก 15,100 ล้านในปี 2560 เพิ่มเป็น 70,000 ล้านบาทในปี 2564
AP 5 ปีทะลุ 7.4 หมื่นล้าน
 
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า ปีนี้เอพีฯ ร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตทกรุ๊ป หรือ MECG เป็นปีที่ 5 โดยปี 2561 มีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บนต่อเนื่อง โดยช่วงต้นปีได้มีการลงนามสัญญาความร่วมมือพัฒนาคอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท
 
โดยแผนร่วมทุนโครงการแรกของปีนี้คือ LIFE สุขุมวิท 62 และโครงการอื่น ๆ ทยอยเปิดตัวตามแผนงานที่กำหนดไว้ สถิติล่าสุด รวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปีอยู่ที่ 74,430 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตทถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนจัดตั้งบริษัทแม่ในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมียม เรสซิเดนท์ จำกัด”
 
ทางมิตซูบิชิ เอสเตทได้ส่งทีมงานจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมานั่งทำงานประจำร่วมกับทีมงานเอพีเพิ่มมากขึ้น
 
“ปี”60 เอพีได้พัฒนาคอนโดฯ ร่วมทุนในสเกลที่ใหญ่ขึ้นทั้ง LIFE วิทยุ, LIFE ลาดพร้าว และ LIFE อโศก-พระราม 9 ทั้ง 3 โครงการผลักดันให้ยอดขายโตขึ้นมากถึง 180% เทียบกับปีก่อนหน้า” นายอนุพงษ์กล่าว
 
นายโชจิโร โคจิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย ในนามมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป กล่าวว่า งบฯลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศของ MECG 3 ปี (2561-2563) อยู่ที่ 4 แสนล้านเยน หรือ 1.17 ล้านบาท แบ่งลงทุนในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ยุโรป จีน โอเชียเนีย และอาเซียน ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการลงทุน
 
“โครงการร่วมทุนช่วงปี 2557-2560 ทั้งสิ้น 11 โครงการ มียอดขายเฉลี่ย 90% จากมูลค่ารวม 51,430 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ 6 โครงการ ได้แก่ ริทึ่ม สุขุมวิท 36-38, แอสปาย รัชดา-วงศ์สว่าง, แอสปาย สาทร-ท่าพระ, ริทึ่ม อโศก 2 และ 2 โครงการล่าสุดที่โอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/60 คือ ไลฟ์ ปิ่นเกล้า กับริทึ่ม รางน้ำ ลูกค้าตอบรับโอนกรรมสิทธิ์ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้”
 
 
ห้องชุด Small Space
 
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียมของเอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ภายใต้แผนร่วมทุนมีวิสัยทัศน์มุ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมคอนโดมิเนียมใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.นวัตกรรมสเปซและเทคโนโลยี ด้วยการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้ฟังก์ชั่นใช้งานได้คุ้มค่าทุกตารางนิ้ว โดยพัฒนาแบรนด์ไลฟ์ 3 ทำเลคือ ลาดพร้าว-วัน ไวร์เลส-อโศก พระราม 9 มีการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย IOT (Internet of Things) เข้าไปกับการออกแบบสเปซ เพื่อให้ทุกพื้นที่เชื่อมต่อโลกไซเบอร์ ตลอดจนควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน 24 ชั่วโมง
 
2.นวัตกรรมบ้านคุณภาพที่มีความยั่งยืนในการอยู่อาศัย การควบคุมคุณภาพสินค้าที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบ “AP Check List” ที่พัฒนาร่วมกับมิตซูบิชิ เอสเตท การประยุกต์ใช้นวัตกรรมการก่อสร้างสำเร็จรูปในระบบโมดูลาร์อย่างห้องน้ำสำเร็จรูป มีผลตอบรับที่ดี จุดบกพร่องจากการก่อสร้าง หรือ defect มีค่าเท่ากับศูนย์
 
3.นวัตกรรมความปลอดภัยและความสะดวกสบายตลอด 24 ชั่วโมง (24/7 safety & convenient assurance) อาทิ นวัตกรรมที่เอื้อให้ควบคุมทุกอย่างได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชั่น เช่น นวัตกรรมการรับ-ส่งสินค้าผ่านตู้ฝากของอัจฉริยะ AP SMART POD, นวัตกรรมเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมเครือข่าย AP Charging Pod เริ่มติดตั้งในคอนโดฯ ไลฟ์ ปิ่นเกล้า,ไลฟ์ สุขุมวิท 48, ริทึ่ม รางน้ำ ฯลฯ การเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าในห้องพัก การจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง การเชื่อมต่อระบบรักษาความปลอดภัย การชำระค่าสาธารณูปโภคอัตโนมัติ
 
รวมทั้งร่วมมือกับไลฟ์สไตล์แบรนด์ดังระดับโลก “มูจิ ประเทศไทย-MUJI” ทำโปรเจ็กต์พิเศษตกแต่งห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอน ไซซ์ 35 ตารางเมตร ในคอนโดฯ ไลฟ์ ปิ่นเกล้า โชว์เอกลักษณ์วัสดุธรรมชาติ อาทิ ลวดลายไม้ หิน สวนแนวตั้ง เชื่อมพื้นที่ส่วนตัวและชีวิตการทำงานในคอนเซ็ปต์ “co-working cpace insert layout” แปลงห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ทำงาน รองรับการทำงานเป็นกลุ่มผนังห้องสามารถใช้เขียนหรือฉายโปรเจ็กเตอร์
เสนาฉลุยปีนี้โตเกิน 100%
 
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า ปี 2561 มีความพร้อมในการผลักดันและสร้างการเติบโตผ่านกลยุทธ์ “Growth Hormone” วางแผนเปิดตัวใหม่ 18 โครงการ เป็นแนวราบ 3 โครงการ แนวสูง 15 โครงการ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกิน 1 เท่าตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน ตั้งเป้ายอดขาย 10,300 ล้านบาท เติบโต 66% เป้ารายได้ 5,200 ล้านบาท และตั้งงบฯ ซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ แผนร่วมทุนกับกลุ่มฮันคิว โฮลดิ้งกรุ๊ป พัฒนาโครงการแรก “นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง”ในปี 2560 มีผลตอบรับดีมาก ปีนี้ร่วมทุนในโครงการ “นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์” บนเนื้อที่ 3 ไร่เศษ ติดรถไฟฟ้าสถานีเตาปูน สูง 38 ชั้น 1 อาคาร 742 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 28-49 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 3.2 ล้านบาท เฉลี่ยตารางเมตรละ 1.3 แสนบาท มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท เปิดพรีเซล 10 มีนาคมนี้
 
“ผลตอบรับโครงการแรกที่แบริ่งต้องยอมรับว่าได้กระแสตอบรับดีมากจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่วนหนึ่งเพราะนวัตกรรม Geo Fit+ ลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นและเป็นครั้งแรกในเมืองไทย แนวคิดคือการฟังเสียงลูกค้าแล้วนำมาพัฒนาโปรดักต์ มีห้องแล็บจำลองที่อยู่อาศัยที่พัฒนาโมเดลขึ้นมา เชิญลูกค้าหลายเจเนอเรชั่นทดสอบ มีกลุ่มตัวอย่างพัน ๆ ราย และเชิญกลุ่มตัวอย่างอีกกลุ่มมาทดลองซ้ำ
 
เพอร์เฟค-W-ออริจิ้นก็มา
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โครงการร่วมทุนไทยกับญี่ปุ่นที่โดดเด่น อาทิ บริษัท วรลักษณ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือ W Property ร่วมกับชินวะกรุ๊ป จากโอซากาลงทุนคอนโดฯ “รูเนะสุ ทองหล่อ 5” สูง 8 ชั้น 156 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 29-75 ตารางเมตร เฉลี่ย 1.89 แสนบาท/ตารางเมตร เริ่มตอกเข็มปี 2560 กำหนดสร้างเสร็จไตรมาส 4/61 นำนวัตกรรมญี่ปุ่นมาเสนอฟังก์ชั่นกลับคานเป็นพื้น-กลับพื้นเป็นคานทำให้เพิ่มพื้นที่ใช้สอย, ห้องน้ำสำเร็จรูปแห้งเร็วใน 3 นาที, กระเบื้อง Mushu-kan ควบคุมความชื้น ดูดซับกลิ่น ป้องกันไรฝุ่นในห้องนอน ฯลฯ
 
บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ร่วมกับกลุ่มซูมิโตโม ฟอเรสทรี ยักษ์ใหญ่ธุรกิจป่าไม้และรับสร้างบ้านมีอายุก่อตั้ง 326 ปี ร่วมทุนทำคอนโดฯ ทำเลทองหล่อ ห่างสถานีบีทีเอส 350 เมตร บนที่ดิน 2.5 ไร่ เป็นตึกสูง 45 ชั้น 400 ยูนิต วางแผนก่อสร้างปีนี้ คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2563 มูลค่าโครงการ 4,514 ล้านบาท
 
บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ร่วมทุนกับกลุ่มโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ เปิดตัวคอนโดฯ 3 โครงการ 1.ไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน 334 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท 2.ไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช 601 ยูนิต 2,500 ล้านบาท 3.ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง 685 ยูนิต 2,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 1,620 ยูนิต มูลค่ารวม 6,100 ล้านบาท
 
มีการนำดีไซน์ โนว์ฮาว และนวัตกรรมต่าง ๆ ของโนมูระ เข้ามาใช้กับ 3 โครงการดังกล่าวโดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญต่อการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัย 5 ด้าน ได้แก่ 1.การสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์ 2.ความสะดวกในการใช้สอย 3.การใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย 4.ดีไซน์ และ 5.การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด
 
นายเอย์จิ คุสึคาเขะ ประธานกรรมการ โนมูระฯ กล่าวว่า บริษัทวางแผนการเติบโตระยะกลาง-ยาวปี 2559-2567 ลงทุนในต่างประเทศ 3 แสนล้านเยน หรือ 9.06 หมื่นล้านบาท เน้นการลงทุนในเอเชียเป็นหลัก เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตัดสินใจร่วมทุนกับออริจิ้นเพื่อเดินหน้าการลงทุนในกรุงเทพฯ นำโนว์ฮาวที่สั่งสมมาเพื่อช่วยประเทศในเอเชีย “เชื่อมต่อปัจจุบัน ด้วยความเป็นไปได้แห่งอนาคต”
 
ไซซ์ 28-30 ตร.ม.ขายระเบิด
 
ในด้านพฤติกรรมผู้บริโภค นายวิทการ จันทวิมล ผู้บริหารของเอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า เป้าหมายร่วมทุนเพื่อนำเสนอโปรดักต์ให้ถูกจริตลูกค้าคนญี่ปุ่นและคนไทย ซึ่งเทรนด์ญี่ปุ่นเข้าเมืองไทยนานแล้ว จึงเป็นที่รับรู้และยอมรับในตลาดเมืองไทย
 
“ลูกค้าคนไทยชอบห้องชุดสไตล์ญี่ปุ่นลูกค้าไทยชอบเพราะบริหารพื้นที่สมอลล์สเปซได้อย่างมีประสิทธิภาพ จัดฟังก์ชั่นได้ลงตัวครบถ้วน วิธีจัดสเปซทำให้ดูเรียบแต่เก๋ สำคัญสุดคือมีความทันสมัยเพราะญี่ปุ่นมีการใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าเป็นร้อยปีแล้ว สถิติที่ผ่านมาห้องชุดขนาด 28-30 ตารางเมตรขายดีมาก เพราะทำให้ลงตัวและใช้พื้นที่ได้สูงสุด”
 
ขณะเดียวกัน ลูกค้าญี่ปุ่นที่มองหาโอกาสซื้อเพื่อการลงทุน มีพฤติกรรมการซื้อแบบยกฟลอร์ จุดเด่นคือขอทำเลชั้นสูงสุดในโครงการโดยไม่เกี่ยงราคา เฉลี่ยคอนโดฯเอพีมีห้องชุดชั้นละ 24 ยูนิตบวกลบ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจซื้อจะยากกว่าลูกค้าชาวฮ่องกง สิงคโปร์ ซึ่งมีการซื้อผ่านออนไลน์โดยไม่ได้มาเห็นตัวโครงการ
 
“ลูกค้าญี่ปุ่นเราต้องจัดสัมมนาก่อน 1 รอบ จากนั้นถ้าเขาสนใจจะมีการคุยนอกรอบ และควักเงินซื้อตั๋วบินมาดูไซต์โครงการในเมืองไทย มาแบบเหมารถทัวร์ สนใจแบบ 1 ห้องนอนเป็นหลัก ราคาไม่ลักเซอรี่มากเฉลี่ยไม่เกิน 1.9 แสนบาท/ตารางเมตร มีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 5-6%”

http://www.bkkcitismart.com


กกร.คงจีดีพี ปี 61 ขยายตัว 3.8-4.5%

กกร.คงกรอบประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2561 ไว้ที่ร้อยละ 3.8-4.5 และการส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.5-6

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เปิดเผยผลการประชุมในเดือนมีนาคม ว่า ที่ประชุม กกร. เห็นควรให้ยังคงกรอบประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2561 ไว้ที่ร้อยละ 3.8-4.5 และการส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.5-6 จากเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงต้นปี 2561 ซึ่งยังคงบ่งชี้ถึงแรงส่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง จากในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2560 สะท้อนจากการขยายตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม กกร. มองว่า นอกจากความผันผวนของค่าเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยแล้วประเด็นที่ต้องติดตามคือผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการค้าของไทยจากการดำเนินมาตรการปกป้องทางการค้าของสหรัฐฯ โดยยังต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด

http://www.bangkokbiznews.com


มีผลแล้ว ! แบงก์ชาติประกาศเกณฑ์ Banking Agent ถอนได้ไม่เกินวันละ 2 หมื่น

banking Agent

 แบงก์ชาติ เดินหน้าแบงกิ้งเอเย่นต์ เปิดทางร้านค้าเป็นตัวแทนธนาคาร รับฝาก-ถอน-ชำระ สูงสุดไม่เกินวันละ 2 หมื่นบาท มีผลวันที่ 6 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป

วันที่ 6 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. 3/2561 เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับช่องทางให้บริการของธนาคารพาณิชย์ หลังก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ธนาคารประเทศไทยมีแนวคิดจัดตั้งตัวแทนธนาคาร หรือ แบงกิ้งเอเย่นต์ (Banking Agent) เพื่อให้ประชาชนเข้ารับบริการทำธุรกรรมจากตัวแทนธนาคารได้สะดวกขึ้น

แบงก์กิ้งเอเย่นต์

 

ทั้งนี้ ประกาศฉบับดังกล่าว ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับช่องทางให้บริการ 3 ฉบับ ได้แก่ หลักเกณฑ์การประกอบกิจการสาขาธนาคารพาณิชย์ หลักเกณฑ์การแต่งตั้งตัวแทนของสถาบันการเงิน หรือ Banking Agent และประกาศอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ให้บริการการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีความยืดหยุ่นและสอดรับกับความต้องการของลูกค้า

สำหรับกรณีการจัดตั้งตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) นั้น ธนาคารพาณิชย์ สามารถแต่งตั้งได้เองจาก 5 กลุ่ม คือ 

1. ธนาคารพาณิชย์อื่น
2. สถาบันการเงินเฉพาะกิจ
3. บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
4. ผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกอบธุรกิจบริการที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนให้บริการ
5. นิติบุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติตามที่ประกาศนี้กำหนด เช่น มีหลักแหล่งในการบริการที่ชัดเจน, มีเครื่องมือ อุปกรณ์ ที่เหมาะสมในการเป็น Banking Agent, ทั้งนิติบุคคล และกรรมการหรือผู้มีอำนาจ ต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดและไม่มีลักษณะต้องห้าม

ส่วนช่องทางให้บริการนั้น Banking Agent จะให้บริการ 5 ประเภท คือ

1. รับฝากเงิน
2. รับถอนเงิน (ให้บริการไม่เกิน 5,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 20,000 บาทต่อวัน สำหรับผู้ใช้บริการแต่ละราย)
3. ตัวแทนจ่ายเงินสำหรับผู้ใช้บริการรายย่อย (ให้บริการไม่เกิน 5,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 20,000 บาทต่อวัน สำหรับผู้ใช้บริการแต่ละราย)
4. ตัวแทนจ่ายเงินสำหรับผู้ใช้บริการรายใหญ่ (ทำได้เฉพาะธนาคารพาณิชย์อื่นและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ)
5. รับชำระเงิน

ทั้งนี้หลักเกณฑ์นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2561 สามารถอ่านประกาศฉบับเต็มได้ที่ ราชกิจจานุเบกษา 

https://money.kapook.com


สธ.เตือนระวัง ‘โรคฮีทสโตรก’ จากอากาศร้อน อันตรายถึงเสียชีวิต

สธ.เตือนระวัง “โรคฮีทสโตรก” จากอากาศร้อน อันตรายถึงเสียชีวิต หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน แนะดื่มน้ำบ่อยๆ

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.61 นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าในปี 2561 กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่าตั้งแต่มีนาคม ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อน สภาพอากาศร้อนอบอ้าวและร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิสูงสุดอาจจะสูงถึง 40-42 องศาเซลเซียส ซึ่งในช่วงอากาศร้อนจัด ประชาชนเสี่ยงมีภาวะเจ็บป่วยจากสภาวะอากาศร้อน ทั้งโรคลมแดด ลมร้อน หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) มีอันตรายอย่างรุนแรง อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากการทำงานผิดปกติของระบบสมอง ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดเฉลี่ยปีละ 32 คน ล่าสุดในปี 2559 พบผู้เสียชีวิต 21 ราย สาเหตุเกิดจากการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และไม่สามารถปรับตัวได้ ผู้ป่วยจะมีอาการเมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หน้ามืด อาจมีอาการเพิ่มเติมเช่น ภาวะขาดเหงื่อ เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อค หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้

นายแพทย์เจษฎากล่าวต่อว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) สื่อสารความรู้คำแนะนำในการดูแลและป้องกันโรคที่มาจากอากาศร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยงได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เล่นกีฬา การฝึกทหาร ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ผู้ทำงานกลางแดด เช่น กรรมกร ก่อสร้าง เกษตรกร 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุ 3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง 4.คนอ้วน 5.ผู้ที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ และ6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด

ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคลมแดด ลมร้อน มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1.นำผู้ป่วยเข้าร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก ถ้าผู้ป่วยหมดสติให้เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง จัดให้นอนท่าตะแคงเพื่อป้องกันลิ้นตกและป้องกันการสำลัก 2.เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำเย็น หรือสเปรย์ร่างกายด้วยน้ำแล้วเป่าลม 3.ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ 4.หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเปียกคลุมตัวผู้ป่วย เพราะจะขัดขวางการระเหยของน้ำออกจากร่างกาย 5.รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดหรือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือสายด่วน 1669

สำหรับวิธีการป้องกันตัวไม่ให้เป็นโรคลมแดด ลมร้อน ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวด้านหลอดเลือดหรือหัวใจ หากจำเป็นให้กางร่มหรือใส่หมวก ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องรอหิวน้ำ ไม่ทิ้งเด็กเล็กหรือผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไว้ในรถที่จอดกลางแดด เพราะอาจเสียชีวิตจากความร้อนได้ ในกลุ่มผู้ที่ต้องทำงานในสภาพอากาศร้อน แนะนำให้มีการปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพอากาศร้อนก่อน หากรู้สึกหิวน้ำมาก ตัวร้อนแต่เหงื่อไม่ออก หายใจถี่ ปากคอแห้ง อาจวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 7/03/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,700.00 19,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,276.00 19,344.16 20,300.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,148.40 17,409.74 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 574.00 8,701.84 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 447.00 6,776.52 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,322.00 20,041.52 n/a

 ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  7/03/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35
แก๊สโซฮอล E-20 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84
แก๊สโซฮอล E-85 20.44 20.44 20.44 20.44
แก๊สโซฮอล 91 27.08 27.08 27.18 27.58 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08
เบนซิน 95 34.46 34.91 34.96 34.46 34.46 34.46
ดีเซลหมุนเร็ว 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59
มีผลตั้งแต่ 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า