อีอีซียุคไทยแลนด์ 4.0 จากการพัฒนาอุตสาหกรรม ต่อยอดสู่สมาร์ทซิตี้
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรืออีอีซี ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ของไทยที่ไม่ได้มีมาเป็นเวลานานแล้วกว่า 30 ปี เป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อพัฒนาพื้นที่ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทราให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ จึงถูกคาดหวังว่าจะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ชี้ชะตาอนาคตเศรษฐกิจในอีก 20 ปีข้างหน้า
อีอีซีผลักดันไทยแลนด์ 4.0 แบบก้าวกระโดด
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า โครงการอีอีซีเป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดันไทยแลนด์ 4.0 แบบก้าวกระโดด ดังนั้นบทบาทสำคัญของอีอีซีคือการเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนทุกมุมโลกให้กลับมาไทยอีกครั้ง เช่นเดียวกับความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดที่เคยทำให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวถึง 8% มาแล้วในอดีต
ทั้งนี้ อีอีซียังเป็นจุดเริ่มการลงทุนของการสร้างสิ่งใหม่ และปรับเปลี่ยนประเทศ ที่ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบการเท่านั้น แต่เป็นเรื่องการสร้างเมือง ชุมชนเมือง เมืองใหม่ ยกระดับคุณภาพเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นที่เป็นสากล สร้างรากฐานความเจริญใหม่ให้กับพื้นที่และประเทศ
เฟสแรกพัฒนา 4 โครงการหลัก
ในระยะแรก ซึ่งเป็นการดำเนินงานระหว่างปี 2560-2564 ถือเป็นช่วงเตรียมการ 4 โครงการหลัก คือ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง การก่อตั้งศูนย์ซ่อมสร้างอากาศยาน และการพัฒนาศักยภาพท่าเรือ 2 แห่ง คือ มาบตาพุดและแหลมฉบัง รวมถึงการจัดตั้งศูนย์กลางนวัตกรรม 2 แห่ง คือ อีอีซีไอ พัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และศูนย์อีอีซีดี จะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิตอลเทคโนโลยี
นอกจากการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ยังตั้งเป้าส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย 1.อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5.อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 6.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 7.อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 8.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 9.อุตสาหกรรมดิจิทัล และ 10.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต
อีอีซีเอื้อตลาดอสังหาฯ
อีอีซีเอื้อตลาดอสังหาฯ ต่อยอดสู่สมาร์ทซิตี้
นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์ และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า การส่งเสริมเกี่ยวกับไทยแลนด์ 4.0 นั้น คิดว่านโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการอีอีซีโดยมี 10 อุสาหกรรมในการส่งเสริมและเป็นหัวหอกของการพัฒนา ถือเป็นนโยบายที่ดีที่ช่วยสร้างความชัดเจนต่อนักลงทุนทั่วโลก ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ควบคู่ไปด้วย จากงบประมาณจำนวนมหาศาลในเฟสแรก 1.5 ล้านล้านบาท ที่จะมุ่งพัฒนาในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างโรงพยาบาล ที่อยู่อาศัย ตลอดจนมหาวิทยาลัย โดยวางรูปแบบให้เป็นสมาร์ทซิตี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายที่ดีทั้งสิ้น
ด้าน ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร วิจิตรากรุ๊ป หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออก เปิดเผยว่า 3 ปีที่ผ่านมา วิจิตรากรุ๊ปได้รับอานิสงส์จากนโยบายการพัฒนาอีอีซี ซึ่งปีนี้นโยบายดังกล่าวมีความชัดเจนเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ อาทิ มอเตอร์เวย์ ท่าเรือแหลงฉบัง-นครราชสีมา รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ชลบุรี-ระยอง ซึ่งจะมี 5 สถานี ได้แก่ สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา และสถานีอู่ตะเภา รวมทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้แก่ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน และส่งผลให้เศรษฐกิจภาคตะวันออกมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งจะมีการพัฒนาเป็นเมืองใหม่ รองรับคนจากกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง จึงมีการเติบโตและการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกมีการเติบโตเป็นเท่าตัว และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
https://www.ddproperty.com
สํารวจอสังหาฯอีสาน โคราชมากสุด 139 โครงการ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์สำรวจตลาดอสังหาฯ 4 จังหวัดใหญ่ภาคอีสาน นครราชสีมามีโครงการอยู่ระหว่างขายสูงสุด 139 โครงการ รวม 16,758 หน่วย
วิชัย วิรัตกพันธ์
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยข้อมูลผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ล่าสุด ณ ไตรมาส 3 ปี 2560 พบว่า ใน 4 จังหวัดสำคัญที่ทำการสำรวจนั้น นครราชสีมาเป็นพื้นที่ที่มีการโครงการอยู่ระหว่างการขายสูงสุด จำนวนรวม 139 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวม 16,758 หน่วย มีหน่วยเหลือขาย 6,049 หน่วย รองลงมาคือ ขอนแก่น มีจำนวนรวม 68 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวม 7,981 หน่วย มีหน่วยเหลือขาย 2,300 หน่วย 3.จังหวัดอุบลราชธานี มีจำนวนรวม 39 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวม 3,775 หน่วย มีหน่วยเหลือขาย 1,844 และ 4. อุดรธานี มีจำนวนรวม 34 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวม 5,517 หน่วย มีหน่วยเหลือขาย 1,461 หน่วย
ในจำนวนหน่วยในผังโครงการซึ่งอยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 34,031 หน่วย แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 23,258 หน่วย และอาคารชุด 10,773 หน่วย ทั้งนี้ นครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีบ้านจัดสรรและอาคารชุดอยู่ระหว่างการขายมากสุด คือ 12,524 หน่วย และ 4,234 หน่วย ตามลำดับ นอกจากนี้อุบลราชธานียังเป็นจังหวัดที่มีหน่วยในผังโครงการที่อยู่ระหว่างขายเพิ่มขึ้นทั้งบ้านจัดสรรและอาคารชุด เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ผ่านมา โดยมี 3,055 หน่วย และ 720 หน่วย เช่นเดียวกับ อุดรธานี ที่อาคารชุดมีจำนวนหน่วยที่อยู่ระหว่างขายเพิ่มขึ้นโดยมี 3,022 หน่วย เพิ่มขึ้นจากโครงการเก่ากลับมาขายใหม่
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,349 วันที่ 18 – 21 มีนาคม พ.ศ. 2561
http://www.thansettakij.com
กระทรวงพาณิชย์ ผลักดัน ‘ข้าวเหนียวขาว – ดำ’ เจาะตลาดจีน
กระทรวงพาณิชย์ ผลักดันข้าวเหนียว เจาะตลาดจีน หลังพบความต้องการสูงขึ้นทั้ง ทำอาหาร – สีทาบ้าน
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ในจีน สำรวจตลาดข้าวเหนียว เพื่อหาโอกาสในการผลักดันข้าวเหนียวไทยเข้าสู่ตลาดจีน โดยทูตพาณิชย์ที่เมืองหนานหนิงได้รายงานว่า แม้ปัจจุบันจีนจะสามารถผลิตข้าวเหนียวได้มากขึ้น แต่ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อป้อนให้กับความต้องการที่สูงขึ้น จึงถือเป็นโอกาสสำหรับการผลักดันการส่งออกข้าวเหนียวไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันจีนได้นำข้าวเหนียวไปใช้ทำอาหาร เช่น บะจ่าง บัวลอย และอาหารอื่น ๆ โดยมักจะใช้มากในช่วงเทศกาลหรืองานประเพณีต่าง ๆ เช่น วันตรุษจีน วันไหว้บรรพบุรุษ เทศกาลแข่งเรือมังกร และใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและอื่น ๆ เช่น การผลิตสุรา และสีทาบ้าน เป็นต้น
สำหรับโอกาสในการขยายตลาดข้าวเหนียวไทยในจีน นอกจากการส่งออกในรูปของข้าวเหนียวขาวแล้ว ยังพบว่า ข้าวเหนียวดำ เริ่มเป็นที่นิยมนำไปใช้เพิ่มมากขึ้น เพราะมีสีและสารอาหารสูงกว่าข้าวเหนียวปกติ ส่งผลดีต่อสุขภาพ จะผลักดันการส่งออกข้าวเหนียวดำเข้าสู่ตลาดจีน และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ชาวจีนรู้จักข้าวเหนียวดำมากขึ้น
นอกจากนี้ จะผลักดันข้าวเหนียวเป็นวัตถุดิบในการผลิตสีทาบ้าน ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นสีที่ปราศจากสารเคมี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดวัสดุก่อสร้าง หากส่งเสริมให้ส่งออกได้ จะทำให้ความต้องการข้าวเหนียวเพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้ ในปี 2559 จีนนำเข้าข้าวเหนียวจากต่างประเทศรวม 839,261 ตัน มูลค่า 475 ล้านดอลลาร์ โดยนำเข้าจากเวียดนามเป็นหลัก 802,420 ตัน มูลค่า 436 ล้านดอลลาร์ รองลงมา คือ ไทย 33,201 ตัน มูลค่า 33 ล้านดอลลาร์ ลาว 2,926 ตัน มูลค่า 1.99 ล้านดอลลาร์ และญี่ปุ่น 139 ตัน มูลค่า 1.77 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ไทยส่งออกข้าวเหนียวไปยังตลาดโลกปี 2560 มูลค่า 4,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปี 2559 ทั้งนี้ ตลาดข้าวเหนียวหลักของไทย คือ จีน มูลค่าส่งออก 1,683 ล้านบาท ตามด้วย สหรัฐ 603 ล้านบาท, มาเลเซีย 325 ล้านบาท, ลาว 201 ล้านบาท, เวียดนาม 185 ล้านบาท
ข้าวเหนียวดำ (Black Sticky Rice) พบว่ามีการปลูกมากในภาคเหนือ และภาคอีสาน นิยมนำมาทำของหวาน เช่น ข้าวเหนียวดำกะทิ หรือ ข้าวหลาม
ค่าบาท ‘ทรงตัว’ ตลาดกังวลสงครามการค้า
บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัว “31.26 บาทต่อดอลลาร์” ตลาดกังวลมาตรการกีดกันการค้าสหรัฐกับจีน แต่เชื่อว่าในอนาคตไม่น่ากระทบเอเชียรวมถึงไทย หากตลาดปรับตัวลงถึงจุดยังคงมีแรงซื้อต่างชาติเข้ามา
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.26บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน
ในคืนที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจกับคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐชุดใหม่ ที่จะมีการกีดกันทางการค้ากับบริษัทจีนมากขึ้น ทั้งในรูปแบบของภาษีการนำเข้า และการกำหนดขอบเขตให้บริษัทจีนไม่สามารถเข้ามาลงทุนในบริษัทสหรัฐได้ ซึ่งจะใช้เวลาศึกษาอีก 15 วันเพื่อกำหนดหลักการที่เป็นชัดเจน ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง S&P500 ปรับตัวลงทันทีราว 2.5% ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปีก็ปรับตัวลงทันทีไปที่ระดับ 2.82% ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นแต่ระดับ 105.29 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง
ปัจจัยดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากทางการจีนให้ความเห็นว่าอาจต้องมีการตอบโต้ด้วยการกำหนดกำแพงภาษีเพื่อป้องกันเศรษฐกิจจีนเช่นกันและอาจนำไปสู่ภาวะสงครามทางการค้าที่ยืดเยื้อและไม่เป็นผลดีกับตลาดทุน
“แม้เราจะมองว่าการตอบโต้ทางการค้าไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในระยะยาว แต่การ กีดกันทางการค้าก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำตั้งแต่แรก โอกาสที่ปัญหานี้จะยืดเยื้อจึงมีความเป็นไปได้สูง เชื่อว่าช่วงนี้สงครามการค้าจะขึ้นมาเป็นประเด็นที่ตลาดให้ความสำคัญเนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจ และเมื่อเปรียบเทียบกับภาวะสงครามทางการค้าในช่วงปี 1980 พบว่ามีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับฐานได้ราว 10% จากการขึ้นภาษี 25% ของทั้งสองฝั่ง โดยที่กลุ่มธุรกิจที่น่ากังวลมากที่สุดคือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของจีน”
อย่างไรก็ตามภาพสงครามการค้าดังกล่าวย้ำมุมมองเดิมของเราว่า สหรัฐยังไม่มีแนวคิดที่จะตั้งกำแพงภาษีอย่างเป็นระบบซึ่งจะส่งผลกับทุกประเทศ แต่จะตั้งกำแพงภาษีเป็นรายสินค้าและหลายประเทศเพื่อผลประโยชน์ด้านการเมืองเป็นหลัก จึงยังมีความเป็นไปได้ต่ำที่อนาคตจะส่งผลกระทบกับประเทศอื่นๆในแถบเอเชียรวมถึงไทย
ในส่วนของตลาดการเงินสิ่งที่ต้องระมัดระวังในช่วงนี้คือโอกาสที่ตลาดจะปิดรับความเสี่ยง (risk off) มีสูงขึ้นมาก นักลงทุนจะหลบไปพักในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำ เช่นค่าเงินเยนและหรือสินทรัพย์ทางเลือกเช่นทอง อาจมีบางส่วนที่ไหลเข้ามาพักในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นจุดที่มีความเสี่ยงกับสงครามการค้าไม่มากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น
ในส่วนของค่าเงินบาท เชื่อว่าในระยะสั้นมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบที่แคบลง การอ่อนค่าจะเกิดจากแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แต่ก็จะมีแรงซื้อจากนักลงทุนรออยู่เมื่อตลาดปรับฐานลงถึงระดับที่น่าสนใจ มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 31.20 – 31.30 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
ปั่นจักรยานสวนรถไฟ
สวนรถไฟ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงเทพ ถือว่าเป็นแหล่งโอโซนของชาวเมืองที่ได้รับความนิยม โดยสวนรถไฟนั้นมีเนื้อที่รวมกว่า 375 ไร่ ตั้งอยู่ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร อยู่ติดกับ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และ สวนจตุจักร อยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เดิมที่เป็นสนามกลอฟ์เก่า แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นสวนสาธรณะขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพ โดยเปิดให้บริการทุกวัน ช่วงเวลา 04:30 – 21:00 น.
ลองทดสอบใช้โปรแกรม Strava จับเส้นทางจักรยานในสวนรถไฟจะได้ผลสรุปตามแผนที่ด้านล่าง มีระยะทางประมาณ 2.7 กม. หากปั่นด้วยความเร็วเฉลี่ย 17.2 กม./ชม. จะใช้เวลาประมาณ 9 นาทีต่อรอบ
นอกจากสวนรถไฟจะมีเส้นทางสำหรับจักรยานให้ปั่นกันออกกำลังกายแล้ว ในบริเวณใกล้ๆ ประตูทางเข้า (ฝั่งใกล้ร้านอาหารครัวตาน้อย) จะมีร้านเช่าจักรยานให้บริการมากมาย งานนี้เรียกว่าเตรียมชุดมาให้พร้อม แล้วมาเลือกจักรยานเอาที่นี่สบาย ๆ ขี่เสร็จก็เอาไปคืน แล้วเดินขึ้นรถกลับบ้านอาบน้ำสบายใจเฉิบ จักรยานให้เช่าก็มีหลายแบบ ทั้งจักรยานเด็กแบบมีล้อเสริม หรือ แบบ 2 ล้อ หรือ จักรยานผู้ใหญ่ ทั้งหมดราคาเดียว คือ คันละ 20 บาท ตลอดวัน ไม่ต้องวางมัดจำ ไม่ต้องใช้บัตรใด ๆ ควักแบงค์ 20 แล้วเอารถไปถีบได้เลย หรือใครอยาก advance ก็จะมีจักรยานเสือภูเขาแบบมีเกียร์ให้เลือกเช่นกัน ราคา 40-60 บาท
การปั่นจักรยานในสวนรถไฟจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก ได้ทั้งการปั่นออกกำลังกายและการปั่นดูวิวทิวทัศน์รอบๆ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่เขียวขจี ว่างๆ ลองแวะมาดูนะครับ
http://www.bejame.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 23/03/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,700.00 | 19,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,276.00 | 19,344.16 | 20,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,148.40 | 17,409.74 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 574.00 | 8,701.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 447.00 | 6,776.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,322.00 | 20,041.52 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 23/03/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 | 27.75 |
แก๊สโซฮอล E-20 | 25.24 | 25.24 | 25.24 | 25.24 | 25.24 | – | 25.24 | 25.24 | 25.24 | 25.24 |
แก๊สโซฮอล E-85 | 20.34 | 20.34 | – | – | – | – | – | 20.34 | 20.34 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 | 27.48 |
เบนซิน 95 | 34.86 | – | – | – | 35.36 | – | 32.66 | 34.86 | 34.86 | 34.86 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 | 26.99 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 29.99 | 30.86 | 30.86 | 30.86 | 30.86 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 | 22 Mar 05:00 |