ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,800.00 | 19,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,283.00 | 19,450.28 | 20,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,154.70 | 17,505.25 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 577.00 | 8,747.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 449.00 | 6,806.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,330.00 | 20,162.80 | n/a |
ชี้ตลาดรับสร้างบ้านโตรอบ3ปี คาดไตรมาส2สดใสลูกค้าเร่งสร้างหนีต้นทุนใหม่
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 1 ขยายตัวสูงสุด ในรอบ 3 ปี สะท้อนตัวเลขงาน”รับสร้างบ้านและวัสดุ 2018” ยอดขายเพิ่มขึ้น 65% ขณะที่มูลค่า เพิ่มถึง 40% แรงหนุนเศรษฐกิจ กำลังซื้อผู้บริโภคฟื้น คาดไตรมาส 2 ตลาดเติบโตต่อเนื่อง
สถานการณ์สร้างบ้านครึ่งปีแรก 61สดใส แม้เจอต้นทุนวัสดุก่อสร้างแพง!
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน เผยความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2561 เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว แม้ผู้ประกอบการต้องพร้อมรับมือกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลจากการปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งนี้นายกสมาคมฯ ชี้แนะ ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีลดต้นทุน พร้อมรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน ประเมินความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคเผยประเภท “บ้านเดี่ยวสร้างเอง” ในช่วง 3 เดือนแรกขยายและเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยคาดว่ามูลค่าตลาดรวม “บ้านสร้างเอง” ทั่วประเทศปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 1.3-1.5 แสนล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน (ไม่ใช่ผู้รับเหมาทั่วไป) ประเมินว่ามีแชร์ส่วนแบ่งตลาด 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท โดยประเมินว่าธุรกิจรับสร้างบ้านมีส่วนแบ่งตลาดไตรมาสแรกประมาณ 3.8-3.9 พันล้านบาท ในขณะที่ภาพรวมการแข่งขันพบว่ายังคงมีการแข่งขันกันรุนแรง ทั้งในแง่การสร้างความน่าเชื่อถือ และทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่งขันด้วยกันเอง รวมทั้งการแข่งขันตัดราคาของผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหม่ๆ ซึ่งสวนทางกับต้นทุนวัสดุและค่าแรงที่ทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกปีนี้
ทิศทางตลาดและปัจจัยบวก-ลบ
แม้ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านจะปรับตัวดีขึ้นในระยะ 3-6 เดือนที่ผ่านมา แต่อาจต้องรับมือกับแนวโน้มต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง หลายรายต่างทยอยขอปรับราคาเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มผู้ผลิตวัสดุโครงสร้างและซีเมนต์ราคาปรับขึ้นเฉลี่ย 3-5% และกลุ่มวัสดุตกแต่งราคาปรับขึ้น 10-20%
ทั้งนี้จากการสุ่มสำรวจตัวอย่าง สมาคมฯ พบว่าผู้ประกอบการรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ ยังคงยืนราคาขายเดิมหรือไม่มีการปรับราคาในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งบ่งบอกให้เห็นถึงปัญหาและความเสี่ยงการบริหารต้นทุนในอนาคต หากว่าผู้ประกอบการรายใดไม่มีอำนาจต่อรอง กับผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่แห่ปรับขึ้นราคากันทั่วหน้า นอกจากนี้ค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น อันมีผลมาจากปัญหาขาดแคลนแรงงานก็ยังเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังต้องเผชิญและแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย สถานการณ์ดังกล่าวจึงบีบให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาบ้านตามกัน
สมาคมฯ ชี้แนะ
สมาคมฯ แนะผู้ประกอบการหาทางลดต้นทุนค่าบริหารจัดการและค่าการตลาด อาจนำเทคโนโลยีก่อสร้างและเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่มาใช้งานมากขึ้น ใช้การตลาดออนไลน์เพื่อจะสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภคจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการจัดการแบบเดิมๆ ทั้งนี้ นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านและการแข่งขันในช่วงไตรมาสแรกบรรยากาศโดยรวมน่าพอใจ ส่วนหนึ่งเกิดจากกิจกรรมการตลาดที่บรรดาผู้ประกอบการแข่งขันกันจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในช่วงนี้ ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ การจัดอีเวนท์งานบ้านและวัสดุในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ การออกแบบผลิตภัณฑ์หรือแบบบ้านเทรนด์ใหม่ๆ สู่ตลาด ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งผลลัพธ์ยอดขายที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการชั้นนำหลายรายที่ประกาศตัวเลขออกมาค่อนข้างสวยหรู
อย่างไรก็ตามมีการคาดว่าตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 มีทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยเฉพาะปัญหาต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี เชื่อว่าความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อยังดีต่อเนื่อง หากแต่ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนาและปรับตัวเอง เพื่อยกระดับและหนีมุมมองธุรกิจรับสร้างบ้านของผู้บริโภค
https://www.ddproperty.com
รมว.คลังลั่น ‘จีดีพี’ ปีนี้โต 4.2% สั่งดันเศรษฐกิจฐานราก
รัฐมนตรีคลัง ฟันธงเศรษฐกิจไทยปีนี้โตตามเป้า 4.2% ชูนโยบายเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจรากหญ้าผ่านการสร้างงานสร้างอาชีพ หวังช่วยคนรายได้น้อย พ้นเส้นความยากจน
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมายซึ่งวางไว้ที่ 4.2% โดยเศรษฐกิจในระดับมหภาคฟื้นตัวดีขึ้นจากผลประกอบการของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งในระบบเศรษฐกิจ ประกอบกับ การเดินหน้านโยบายช่วยเหลือคนจน จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ สามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพ
เขากล่าวว่า ตอนนี้ รัฐบาลไม่ห่วงผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ซึ่งต้องยอมรับว่า ผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีความสามารถอยู่แล้วในการบริหารธุรกิจให้มีผลประกอบการที่ดี สะท้อนได้จากผลประกอบการในตลาดหุ้นที่ขยายตัวดีมาก หรือเติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับจีดีพีที่ขยายตัวได้ประมาณ 4% และจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ได้ขนเงินไปลงทุนต่างประเทศกันจำนวนมาก
เร่งช่วยเศรษฐกิจฐานราก
อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจมหภาคนั้น ไม่สามารถไหลไปสู่เศรษฐกิจระดับรากหญ้าได้อย่างทันใจ ทางรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง จึงต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือ โดยดำเนินการผ่านความช่วยเหลือด้านสวัสดิการคนจน ซึ่งได้ดำเนินการนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ กำลังเร่งสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อให้คนจนมีรายได้พ้นเส้นความยากจน ซึ่งถือนโยบายที่ต้องเดินหน้าให้สำเร็จ
“นโยบายการสร้างงานสร้างอาชีพแก่คนจนนี้ ผมให้มีการรายงานผลในทุกๆเดือน เพื่อให้รู้ว่า มีอะไรที่เราทำแล้วผิดพลาดบ้าง เพื่อจะได้แก้ไข ยกตัวอย่าง การอบรมชาวบ้านให้มีอาชีพนั้น จะต้องลงไปแนะนำเป็นรายตัวเลย ไม่ใช่อบรมครั้งละ 40-50 คน จากนั้น ก็แจกยาพาราเซตามอลเหมือนกัน อันนี้ ไม่ใช่ เพราะแต่ละคนก็มีปัญหาต่างกัน”
เพิ่มบุคลากรฝึกอาชีพคนจน
นอกจากนี้ ยังให้นโยบายไปว่า ให้เพิ่มจำนวนบุคลากรที่จะทำหน้าที่ไปสอนงานสอนอาชีพแก่คนจน หากต้องการใช้งบประมาณก็สามารถเพิ่มได้ เพราะตอนนี้ เรามีงบสำรองไว้ถึง 2 หมื่นล้านบาท หากงบดังกล่าวสามารถช่วยให้คนจนมีรายได้มากขึ้น เงินเหล่านี้ ก็จะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นการแจกเงินที่ใส่ลงไปเท่าไรก็หายหมด
“ถ้าเราแจกเงิน ก็แป็บเดียวหมด แต่เงินที่เราได้มานั้น เราเอาไปพัฒนาศักยภาพคนจนให้มีรายได้ ก็เชื่อว่า คนจนเหล่านี้ จะเริ่มมีรายได้ที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ภายในสิ้นปีนี้ เราจะวัดผลการดำเนินงานในภาพรวมว่า ผลเป็นอย่างไร ถ้าดี ก็ดีใจ ถ้าไม่ดี ก็ทำใหม่”
งบประมาณเข้าจุดสมดุลใน10ปี
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างเต็มศักยภาพแล้ว กระทรวงการคลังจึงตั้งเป้าหมายที่จะทำกรอบนโยบายงบประมาณสมดุล ซึ่งทีมงานได้ทำตัวเลขไว้ว่า งบประมาณของไทยจะสามารถเข้าสู่จุดสมดุลได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยจีดีพีจะต้องขยายตัวได้ในระดับศักยภาพที่ประมาณ 4%ต่อปี นับจากวิกฤตเศษฐกิจที่ผ่านมา เราได้เตรียมพร้อมตัวเองหลายด้าน ความมั่นคงทางการคลังก็เพิ่มสูงขึ้น ค้าขายก็ได้กำไร ทำให้ทุนสำรองเพิ่มสูงขึ้น หนี้ต่างประเทศก็อยู่ในระดับต่ำแค่ 4%ของหนี้รวม นโยบายการขาดดุลที่ผ่านมา เราทำเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมากขึ้น
“ภายใต้งบประมาณสมดุลนั้น เราทำโมเดลในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีต่างๆ และ ประมาณการรายจ่ายและการลงทุนต่างๆ ดูตัวเลขแล้ว เราจะทำงบประมาณสมดุลได้ในอีก 10 ปีข้างหน้านับจากปีนี้เป็นปีแรก ส่วนหนี้สาธารณะนั้น จะสูงสุดที่ 48-49%ในระยะ 5 ปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ งบประมาณด้านการลงทุนนั้น นอกจากส่วนใหญ่จะนำมาจากงบประมาณแล้ว ได้มีการประมาณการว่า จะนำมาจากการร่วมลงทุนของภาคเอกชนประมาณ 20-25%อีก 5%จะมาจากกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังมีความล่าช้าในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจาก อยู่ระหว่างการฟ้องร้องโดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
ชี้บริโภคโตจากกลุ่มรายได้กลาง-สูง
รายงานนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ฉบับเดือนมี.ค.2561 ระบุว่า การบริโภคภาคเอกชนในช่วงที่ผ่านมา ขยายตัวจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในกลุ่มรายได้สูงเป็นหลัก โดยครัวเรือนนอกภาคเกษตรกลุ่มรายได้ปานกลาง-สูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้ต่อเดือนเฉลี่ย 28,000 บาท และ 69,000 บาท มีสัดส่วนการใช้จ่ายประมาณ 66% ของการใช้จ่ายรวม
นอกจากนี้เครื่องชี้รายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรกลุ่มรายได้สูงมีทิศทางขยายตัวดีต่อเนื่อง ส่งผลให้การใช้จ่ายในหมวดบริการและหมวดสินค้าคงทนโดยเฉพาะยานยนต์สามารถขยายตัวได้ ในทางกลับกันการใช้จ่ายในหมวดสินค้ากึ่งคงทนและสินค้าไม่คงทน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคยังขยายตัวในระดับต่ำ ส่วนหนึ่งเพราะกำลังซื้อของครัวเรือนกลุ่มรายได้น้อยทั้งในและนอกภาคเกษตรยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำ
เม็ดเงินรัฐทยอยเข้าระบบปี61-62
รายงานระบุว่า ภาครัฐได้ออกมาตรการซึ่งมุ่งเน้นช่วยเหลือครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย อาทิ งบประมาณเพิ่มเติมในปี 2561 ที่เม็ดเงินสนับสนุนส่วนใหญ่จะทยอยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี 2561 และปี 2562 ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2
โดยโครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน รวมถึงการปฎิรูปภาคการเกษตรในส่วนของการสร้างอาชีพในฤดูแล้ง จะเป็นแรงสนับสนุนให้การบริโภคของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยสามารถขยายตัวได้ และทำให้การบริโภคภาคเอกชนโดยรวมขยายตัวได้อย่างเข้มแข็งในอนาคต แม้ว่าอัตราการขยายตัวจะต่ำกว่าในอดีตบ้าง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานที่มีการเคลื่อนย้ายแรงงานไปยังภาคบริการซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าเดิมมากขึ้นและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
แนวโน้มบริโภคยังขยายตัว
รายงาน ยังระบุด้วยว่า ระยะข้างหน้า การบริโภคภาคเอกชนยังมีแรงส่งให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง สะท้อนจากวัฎจักรการบริโภคภาคเอกชนที่อยู่ในช่วงของการขยายตัว นำโดยวัฎจักรการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน ซึ่งสอดคล้องกับวัฎจักรการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
โดยเมื่อวิเคราะห์วัฎจักรการบริโภคภาคเอกชนจำแนกเป็นรายหมวด พบว่าในปัจจุบัน วัฎจักรของการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนกำลังอยู่ในช่วงขยายตัวสอดคล้องกับวัฎจักรเศรษฐกิจ สะท้อนว่า ครัวเรือนจะบริโภคสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นมากกว่าแนวโน้มปกติ เนื่องจากครัวเรือนมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคตเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ วัฎจักรของการใช้จ่ายในหมวดบริการอยู่ในช่วงขยายตัว ส่วนวัฎจักรของการใช้จ่ายในหมวดสินค้ากึ่งคงทนอยู่ในช่วงขยายตัวช้าๆ และวัฎจักรของการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนขยายตัวใกล้เคียงกับแนวโน้มตามปกติ
ค่าบาท ‘ทรงตัว’ ตลาดการเงินส่งสัญญาณบวก
บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัว “31.20 บาทต่อดอลลาร์” ตลาดการเงินส่งสัญญาณเชิงบวก แต่บอนด์ยีลด์สหรัฐยังอยู่ระดับต่ำ2.83%นักลงทุนยังไม่เปิดรับความเสี่ยง บาทแกว่งแข็งค่ากรอบแคบ
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.20บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน
ในคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินส่งสัญญาณในเชิงบวก S&P500 ของสหรัฐปรับตัวขึ้น 1.1% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 1.7% จากรายงานการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่แข็งแกร่ง รับกับภาพการลดภาษีและเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวถึง 6.8% ในไตรมาสที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ กลับออกมาเตือนตลาดในรายงาน World Economic Outlook ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวถึง 3.9% เพียงสองปีนี้เท่านั้น และจะชะลอตัวลงจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง
ด้านฝั่งตลาดบอนด์ กลับพบว่าบอนด์ยีลด์สหรัฐส่งสัญญาณค่อนข้างสับสน ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีอยู่ในระดับต่ำเพียง 2.83% ไม่ตอบสนองกับตลาดที่เปิดรับความเสี่ยงเลย ภาพดังกล่าวชี้ชัดว่า แม้ภาวะตลาดทุนจะเป็นบวกกับเอเชียแต่นักลงทุนก็ยังมีความกังวลอยู่
สำหรับค่าเงินบาทในวันนี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบเช่นเดิม จากแรงกดดันตามแนวโน้มการเกินดุลการค้า และภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ที่ยังมีทิศทางอ่อนค่า มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 31.15 – 31.25 บาทต่อดอลลาร์
‘สมาร์ทกระติ๊บ’คุมแคลอรี่ข้าวเหนียว
กระติ๊บข้าวควบคุมปริมาณข้าวที่จะบริโภคต่อมื้อ พร้อมส่งสัญญาณเตือนเมื่อกินมากเกินปริมาณกำหนด
ผลงานสมาร์ทกระติ๊บหรือกล่องข้าวอัจฉริยะจาก รศ.นิพนธ์ ธีรอำพน อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์วิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)
ติดเซ็นเซอร์บนกระติ๊บข้าวควบคุมปริมาณข้าวที่จะบริโภคต่อมื้อ พร้อมส่งสัญญาณเตือนเมื่อกินมากเกินปริมาณกำหนดแนวคิดการพัฒนาเกิดจากปัญหาผู้สูงอายุในภาคเหนือและภาคอีสานส่วนใหญ่มักจะมีน้ำตาลในเลือดสูงและเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานจากการลงพื้นที่ร่วมกับคณะพยาบาลศาสตร์ พบว่า แหล่งที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงเกิดจากข้าวเหนียวซึ่งมีปริมาณน้ำตาลต่อน้ำหนักสูงถึง 2 เท่าของข้าวเจ้า
นวัตกรรมนี้ต้องการสร้างความตระหนักในการบริโภคข้าวไม่ให้มากจนเกินไป โดยผู้ใช้จะต้องชั่งน้ำหนักข้าวก่อนรับประทาน จากนั้นระบบจะร้องเตือนเมื่อปริมาณข้าวเกินกำหนดมาตรฐานที่ตั้งไว้ไม่เกิน 300 กิโลแคลอรี่ต่อมื้อ ปัจจุบันทีมงานได้ผลิตชิ้นงานต้นแบบ 100 ชิ้น ส่งทดสอบใช้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน ต้นทุนชิ้นงานต้นแบบประมาณ 5,000 บาท แต่ถ้าผลิตในเชิงพาณิชย์จะลดเหลือ 1,000-1,500 บาท และในอนาคตจะพัฒนาให้สามารถวัดอาหารเมนูอื่นๆ เช่น ผัดไทย ผัดซีอิ๊ว แฮมเบอเกอร์ รวมทั้งอาจจะพัฒนาใช้กับภาชนะอื่น เช่น จาน ชาม โดยนำเทคโนโลยีสมองกลฝังตัวมาใช้ร่วมด้วย
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 18/04/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 | 25.94 | 25.94 | 25.94 | 25.44 | 25.94 | – | 25.94 | 25.94 | 25.94 | 25.94 |
แก๊สโซฮอล E-85 | 20.44 | 20.44 | – | – | – | – | – | 20.44 | 20.44 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 28.18 | 28.18 | 28.28 | 27.68 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 | 28.18 |
เบนซิน 95 | 35.56 | – | – | – | 36.01 | – | 36.06 | 35.56 | 35.56 | 35.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 30.79 | 31.66 | 31.66 | 31.16 | 31.66 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 | 18 Apr 05:00 |