สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 26 เมษายน 2561

คอนโดฯ สีลม-สาทร ทำเลยอดนิยมของคนทำงาน

คอนโดฯ สีลม-สาทร ทำเลยอดนิยมของคนทำงาน

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยทำเลสีลม-สาทรติดลมบนโซนยอดนิยมของคนทำงาน ครองอันดับหนึ่งพื้นที่สำนักงานสูงสุด 2.1 ล้านตร.ม. ล่าสุดพบกระแสการเปิด co–working space มาแรง สอดคล้องกับการเติบโตในต่างประเทศ โดยในช่วง 2-3 ปี co–working space มีการเติบโตถึง 35% โดยเริ่มมีผู้ให้บริการต่างชาติเข้ามาเจาะตลาดโซนสีลม-สาทร รองรับกลุ่มคนทำงาน สตาร์ทอัพ ฟรีแลนซ์ และ expat ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยพบพื้นที่พัฒนาโครงการใหม่จำกัด ส่งผลให้ตลาดรีเซลและปล่อยเช่าน่าสนใจ ผลตอบแทนขายต่อ-ปล่อยเช่าอยู่ที่ 4-5%

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑลพบว่ามีพื้นที่สำนักงานรวมทั้งสิ้น 8.6 ล้านตร.ม. โดยโซนสีลม-สาทร เป็นโซนยอดนิยมของคนทำงาน มีพื้นที่สำนักงานสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ประมาณ 2.1 ล้านตร.ม.  คิดเป็น 24% ของพื้นที่สำนักงานทั้งหมด รองลงมาคือโซนสุขุมวิท 1.7 ล้านตร.ม. คิดเป็น 20% และ โซนรัชดาภิเษก 1.2 ล้านตารางเมตร คิดเป็น 14%

คอนโดฯ สีลม-สาทร ทำเลยอดนิยมของคนทำงาน

                        คอนโดฯ สีลม-สาทร ทำเลยอดนิยมของคนทำงาน

โซนสีลม-สาทร ทำเลทองของคนทำงาน

ทั้งนี้นอกจากโซนสีลม-สาทร จะเป็นย่านสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนวัยทำงานมากมาย อาทิ การเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกมีรถไฟฟ้าหลายสถานีล้อมรอบเกือบทุกมุมถนน มีสถานีเชื่อมต่อ BTS และ MRT จึงเป็นทำเลกลางเมืองที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญๆ ได้ง่าย นอกจากนี้โซนสีลม-สาทร ยังเริ่มเป็นทำเลที่มีพื้นที่สำนักงานร่วม (co-working space) ที่เติบโตตามกระแสเศรษฐกิจแบ่งปัน ที่กำลังมาแรงในกลุ่มคนทำงาน ซึ่ง co-working space ยังมีแนวโน้มเติบโตทั่วโลกและในไทยเองก็มีแนวโน้มการเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยล่าสุดในปี 2560 พบว่ามีผู้ใช้บริการทั่วโลก จำนวน 1.74 ล้านราย เติบโตจากปี 2558 เฉลี่ย 83%

Co-Working Space เติบโตในไทยอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของ Global Co-Working Space Unconference Conference ได้วิเคราะห์ว่าภายในปี 2565 จำนวนผู้ใช้บริการ co-working space ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 5.1 ล้านราย ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้จำนวนพื้นที่สำนักงานร่วมมีการขยายตัวเพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้น จากปัจจุบันในปี 2561 ที่น่าจะมีจำนวนพื้นที่สำนักงานร่วมอยู่ที่ 17,725 แห่งและเติบโตเฉลี่ยราว 16% ต่อปีนั้น เพิ่มเป็น 30,432 แห่งทั่วโลกในปี 2565 สำหรับประเทศไทยเริ่มมีความต้องการหลังจากผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 เนื่องจากหลายๆ คนไม่สามารถเดินทางไปยังสำนักงานได้ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีพื้นที่ co-working space ทั้งหมด 91 แห่งทั่วประเทศ โดย 70% เป็นพื้นที่ที่ให้บริการในกรุงเทพฯ และ 30% ไปกระจายอยู่ตามหัวเมืองต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หาดใหญ่ เป็นต้น โดยมีอัตราค่าใช้บริการแบบรายวันประมาณ 180 – 500 บาท หรืออาจคิดค่าบริการแบบเหมารายเดือนประมาณ 3,000 – 7,450 บาท ด้วยรูปแบบที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์การทำงานของคนรุ่นใหม่ จึงทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 35% ซึ่งล่าสุดพบว่ามีผู้ให้บริการต่างชาติรายใหญ่ เช่น JustCo ได้เข้ามาเปิดให้บริการในทำเล สีลม-สาทร ซึ่งถือเป็นทำเลยอดนิยมของกลุ่มคนทำงาน ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานออฟฟิศและสตาร์ทอัพในย่านนี้

อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยในย่านสีลม-สาทรนั้น พบว่าเหลือพื้นที่ในการพัฒนาโครงการจำกัด ส่งผลให้มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยสูง ทั้งความต้องการในการซื้อต่อและความต้องการเช่า ทำให้คอนโดฯ ในทำเลนี้มีราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างน่าสนใจโดยราคานำกลับมาขายใหม่ (resale) และผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจทั้งคู่ โดยในส่วนของตลาดรีเซลมีผลตอบแทนการขายต่อ (capital gain) ประมาณ 4-5% ต่อปี ราคาขายต่อเฉลี่ยประมาณ 230,000 บาท/ ตร.ม.  ขณะที่ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (rental yield) อยู่ที่ประมาณ 4-5% ต่อปีเช่นกัน โดยราคาปล่อยเช่าอยู่ที่ 800-1,000 บาท/ตร.ม.

สาเหตุที่ทำเลสีลม-สาทรได้รับความนิยมทั้งพื้นที่สำนักงาน co-working space และที่อยู่อาศัยนั้น เนื่องจากไม่เพียงตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนทำงานทั่วไป สตาร์ทอัพ และฟรีแลนซ์ ยังพบว่ามีความต้องการจากกลุ่มต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย (expat) และอยู่อาศัยในย่านธุรกิจอีกเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลปี 2560 พบว่ามีจำนวน expat ในกรุงเทพฯ รวมประมาณ 1.2 ล้านคน

https://www.ddproperty.com


“กรุงเทพฯ” ติดอันดับ 1 ใน 10 เมืองที่จีนเข้ามาทำธุรกิจมากที่สุด

JLL เผยประเทศจีนมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมืองโลกเพิ่มขึ้น โดยกรุงเทพฯ ยังคงเป็นเมืองที่บริษัทรายใหญ่ของจีนเข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจมากที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก และเช่าใช้พื้นที่สำนักงานมากที่สุดเป็นอันดับ 3 

“จีน” วางแผนขยายเส้นทางการทำธุรกิจไปทั่วโลก 

นายเจรามี เคลลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเจแอลแอลทั่วโลก กล่าวว่า “จากรายงาน China12: China’s Cities Go Global ทำให้เห็นทั้ง 12 หัวเมืองบนแผ่นดินใหญ่ของจีน เป็นที่ตั้งของบริษัทรุ่นใหม่ที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีความเคลื่อนไหวและความมุ่งหวังสูงที่จะเติบโต และจะกลายเป็นคลื่นลูกต่อไปที่จะขยายธุรกิจออกไปยังทั่วโลก ดังจะเห็นได้จากการที่มีบริษัทจีนจำนวนมาก ทั้งที่เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมานานแล้วและที่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพ ได้ขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

บริษัทรายใหญ่ที่สุดของจีนหลายบริษัทเป็นผู้บุกเบิกในการขยายธุรกิจออกไปในต่างแดนและกลายเป็นแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลกในด้านนวัตกรรม ซึ่งหากเทียบขนาดแล้ว แบรนด์ใหญ่ของจีน อาทิ ไป๋ตู้ (Baidu) อาลีบาบา (Alibaba) และ เทนเซ็นต์ (Tencent, เจ้าของ WeChat) อยู่บนสังเวียนการแข่งขันกับกูเกิ้ล (Google) อเมซอน (Amazon) และเฟซบุ๊ก (Facebook) ในขณะที่ยักษ์ใหญ่ด้านฮาร์ดแวร์ของจีน ดังเช่น หัวเว่ย (Huawei) แซตทีอี (ZTE) และเลอโนโว (Lenovo) เป็นตัวอย่างของบริษัทจีนที่มีการขยายธุรกิจออกไปทั่วโลกอย่างกว้างขวางมากที่สุด

10 อันดับเมืองที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับจีนมากที่สุด

                                     10 อันดับเมืองที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับจีนมากที่สุด

กรุงเทพฯ ติดอันดับ 10 เมืองที่จีนเข้ามาทำธุรกิจมากที่สุด

ในบรรดาเมืองต่างๆ ทั่วโลกที่บริษัทจีนขยายเข้าไปทำธุรกิจ มีหลายๆ เมืองของเอเชียที่เป็นเป้าหมายสำคัญ อาทิ สิงคโปร์ โตเกียว โซล จาการ์ตา กรุงเทพฯ และเดลี โดยกรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 10 เนื่องจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในภูมิภาคสำคัญที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนต้องการขยายเข้าไปทำธุรกิจมากที่สุด ส่วนกรุงเดลีของอินเดียตามมาในอันดับที่ 13 เนื่องจากเป็นเมืองหลวงของประเทศที่มีประชากรมากกว่าพันล้าน

นายเจรามี เคลลีย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “การขยายธุรกิจเข้าไปในเมืองเหล่านี้ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอันเป็นตลาดที่มีการเติบโต ช่วยให้บริษัทจีนสามารถเข้าถึงฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ของเอเชียซึ่งประกอบด้วยเป็นกลุ่มประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากและกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ มีบริษัทชั้นนำของจีนจำนวนมากที่แสดงความสนใจในธุรกิจสตาร์ทอัพของอินเดีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจรุ่งเรือง ดังจะเห็นได้จากการมีบริษัทจีนจำนวนมากในกลุ่มธุรกิจอีคอมเมอร์สและสินค้าอุปโภคประเภทอีเล็กทรอนิกส์ เข้าไปมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงในประเทศเหล่านี้บางประเทศ”

ในอนาคตอันใกล้ การขยายธุรกิจของบริษัทจีนที่เพิ่มมากขึ้นในหลายๆ เมืองของเอเชีย นับตั้งแต่เมืองศูนย์กลางขนาดปานกลางไปจนถึงเมืองขนาดใหญ่ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเมืองเหล่านี้ นอกเหนือจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการสำหรับพื้นที่สำนักงาน/สถานประกอบการ และเงินทุนไหลเวียนในภูมิภาค คาดว่าหลายๆ เมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านสาธารณูปโภคอันเกี่ยวเนื่องกับยุทธศาสตร์ของจีนที่เรียกว่า ความริเริ่มแถบเศรษฐกิจและเส้นทาง (Belt and Road Initiative หรือ BRI) ซึ่งจะช่วยสร้างงานและหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน คาดว่า เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ของจีนจะเปลี่ยนวิถีชีวิตการอยู่อาศัยและการทำงานของผู้คนในเมืองเหล่านี้

https://www.ddproperty.com


ค่าบาท ‘แข็งค่า’ จับตาประชุมอีซีบี

บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า “31.52 บาทต่อดอลลาร์” บอนด์ยิลด์ยืนเหนือระดับ3%แล้ว ตลาดรอจับตาประชุมธนาคารกลางยุโรปในสัปดาห์นี้ ขณะที่บาทยังแกว่งตัวกรอบแคบ

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.52บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.55 บาทต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐเริ่มฟื้นตัว บอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10ปีปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 3.0% เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับตัวลงไปที่ระดับ 1.22 ดอลลาร์ต่อยูโรก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรปสัปดาห์นี้

ในส่วนของราคาน้ำมันดิบแม้เบรนท์จะเริ่มติดแนวต้านที่ระดับ 75 เหรียญต่อบาร์เรล แต่แรงซื้อก็ยังคงหนาแน่น ราคาน้ำมันยังสนับสนุนให้เกิดแรงขายในตราสารหนี้ บอนด์ยิลด์สหรัฐที่ระดับ 3.03% ในปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

สำหรับวันนี้ยังต้องจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรปว่าจะมีท่าทีผ่อนคลายนโยบายทางการเงินต่อไปนานกว่าที่ตลาดมองไว้หรือไม่ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปเริ่มชะลอตัวลง

ค่าเงินบาทในวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบที่แคบลงเพราะตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (risk-on) แต่ช่วงนี้เงินบาทอาจไม่แข็งค่าเพราะเป็นช่วงที่มีแรงซื้อดอลลาร์เพื่อจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนกดไว้ในระยะสั้นมองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 31.48 – 31.58 บาทดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


เปิดอาณาจักร “แจ็ค หม่า” กับ 5 ธุรกิจ Alibaba ในไทย

อาลีบาบา

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Alibaba Group

 ส่องอาณาจักร “แจ็ค หม่า” ในเมืองไทย มาดูกันว่ากลุ่มอาลีบาบา มีธุรกิจอะไรบ้างที่ลงทุนในไทย และร่วมมือกับเอกชนรายใดบ้าง

สืบเนื่องจาก นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มอาลีบาบา (Alibaba Group) ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อร่วมลงทุนกับรัฐบาลไทย ในการผลักดันนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยประกาศแผนการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี รวมถึงโครงการความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและส่งเสริมบุคลากรไทยในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถด้านดิจิทัล-อีคอมเมิร์ซ (อ่านข่าว ชื่นมื่น…บิ๊กตู่ เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับ แจ็ค หม่า หารือลงทุนในพื้นที่ EEC)

แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า ปัจจุบัน กลุ่มอาลีบาบา ยังได้ร่วมลงทุนกับบริษัทเอกชนไทยอีกหลายแห่งมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเว็บไซต์ Money2Know ได้รวบรวมธุรกิจที่อาลีบาบาเข้ามาลงทุนในประเทศไทย มาให้ดูกันว่ามีอะไรบ้าง

อาลีบาบา

ภาพจาก  Money2Know

1. ธุรกิจนำเข้า ส่งของ สินค้าออนไลน์ 

กลุ่มอาลีบาบา ได้ร่วมลงทุนกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยจำนวนมาก เพื่อทำธุรกิจนำเข้า ส่งออกสินค้าออนไลน์ เช่น โรจนะ อีทัช, เรดดี้แพลนเน็ต, คราวน์ เทค แอดวานซ์ และสวัสดี กรุ๊ป โดยได้ขยายบริการสมาชิก Gold Supplier และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในไทย

อาลีบาบา


2. ร่วมมือสถาบันการศึกษาให้ความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซ

นอกจากร่วมมือกับภาคธุรกิจแล้ว อาลีบาบายังร่วมมือกับสถาบันการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อให้ความรู้นักศึกษาและผู้ประกอบการ เกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งถือว่าเป็นอีกแรงขับเคลื่อนในการยกระดับธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย

อีกทั้ง เมื่อเดือนเมษายน 2560 ได้ลงนามข้อตกลงสามฝ่ายกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และสถาบันกลุ่มแม่น้ำโขง ในการสนับสนุนการพัฒนากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย

อาลีบาบา

3. บริการชำระเงิน อาลีเพลย์ (Alipay)

อาลีเพลย์ เป็นผู้ให้บริการชำระเงินในประเทศจีนและต่างประเทศ ได้เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารชั้นนำในไทยหลายแห่ง รวมถึงผู้ให้บริการชำระเงินชั้นนำอื่น ๆ เพื่อให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนแก่ผู้ประกอบการไทย โดยเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ล่าสุดอาลีเพลย์ได้เปิดให้บริการในไทยไปแล้วมากกว่า 10,000 จุดทั่วประเทศ โดยส่วนมากจะอยู่ในจุดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นหลัก

อาลีบาบา

4. อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud)

อาลีบาบา คลาวด์ คือ ธุรกิจให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งครบวงจรสำหรับธุรกิจทั่วโลก โดยปัจจุบันอาลีบาบา คลาวด์ เป็น 1 ใน 3 ของผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งรายใหญ่ในไทย

อาลีบาบา

5. เเพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ฟลิกกี้ (Fliggy) 

ฟลิกกี้ เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ทางด้านการท่องเที่ยว ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน ผ่านผู้ประกอบการจำนวนมากในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ ฟลิกกี้ ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นจุดหมายสำคัญในการเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีน

สำหรับธุรกิจไทยที่เข้าไปให้บริการบนแพลตฟอร์ม ฟลิกกี้ ของอาลีบาบา ก็มีทั้ง สายการบินไทย รวมถึงตัวแทนจำหน่ายการท่องเที่ยวในประเทศไทย อย่างแม็กซ์ สมายล์ และโกลเด้นกูซ

จากธุรกิจทั้งหมดที่กลุ่มอาลีบาบา เข้ามาลงทุนในไทยนั้น ได้เพิ่มโอกาสทางการค้าของผู้ประกอบการไทยกว่า 50,000 ราย และยังเป็นการเพิ่มช่องทางธุรกิจจากนักท่องเที่ยวจีนอีกด้วย ซึ่งน่าสนใจว่า หลังจากที่อาลีบาบา ได้ทำการตกลงร่วมมือกับรัฐบาลไทยเรียบร้อยแล้ว จะส่งผลต่อการลงทุนในประเทศขนาดไหน และผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์จากจุดนี้มากน้อยเพียงใด

https://money.kapook.com


หมอแนะพกยาสมุนไพรแก้ท้องเสียติดตัว ช่วงหน้าร้อน

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะประชาชนพกยาสมุนไพร ใช้รักษาอาการท้องเสีย หากปล่อยนานเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในช่วงหน้าร้อน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่จะประสบปัญหาจากโรคท้องเสีย ท้องร่วง เนื่องจากรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ถูกสุขลักษณะ มีเชื้อโรคปนเปื้อน จึงควรระมัดระวังในการเลือกรับประทานอาหารที่เสี่ยงต่อโรคท้องเสีย ควรรับประทานอาหารที่ ปรุงสุกใหม่ ล้างมือ ล้างภาชนะบรรจุอาหารและอุปกรณ์เครื่องใช้ให้สะอาด อย่างไรก็ตามบางครั้งอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเมื่อมีอาการท้องเสีย แนะนำให้รับประทานยาเหลืองปิดสมุทร เป็นตำรับยาในยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ และเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ยารักษาโรคในกลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ยาแก้ท้องเสียในรูปแบบยาแคปซูล ยาผง ยาเม็ด

ประกอบด้วย เครื่องยา 13 ชนิด ข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระไม่เป็นมูกหรือมีเลือดปน และท้องเสียชนิดที่ไม่มีไข้ วิธีใช้ สำหรับเด็ก อายุ 6 -12 ปี รับประทานครั้งละ 800 – 1,000 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม ทุก 3-5 ชั่วโมง หรือใช้ ยาธาตุบรรจบ วิธีใช้ สำหรับเด็ก อายุ 6 -12 ปี รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง หรือจะใช้ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรก็ได้ รับประทานครั้งละ 500 – 2,000 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน

วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการท้องเสีย ส่วนใหญ่อาการท้องเสียหากไม่ติดเชื้อรุนแรง สามารถหายได้เอง แต่ข้อสำคัญเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย มักจะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายโดยเฉพาะในเด็กและคนสูงอายุจะอ่อนเพลีย มีไข้จากการสูญเสียน้ำ จึงจำเป็นต้องทดแทนน้ำและเกลือแร่ป้องกันภาวะขาดน้ำ ด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือน้ำเกลือแห้งให้เพียงพอ ระหว่างท้องเสียควรรับประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด และ ไม่ควรงดอาหาร เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร ไม่ควรรับประทานอาหารรสเผ็ดจัด เป็นต้น หากมีอาการท้องเสีย ชนิดติดเชื้อ เช่น อุจจาระมีมูกเลือดปนหรือมีไข้ร่วมด้วย กลิ่นอุจจาระมีกลิ่นเหม็นคล้ายของเน่า ให้รีบไปโรงพยาบาล เพื่อรับการตรวจหาเชื้อและทำการรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบันต่อไป

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 26/04/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,700.00 19,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,276.00 19,344.16 20,300.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,148.40 17,409.74 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 574.00 8,701.84 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 448.00 6,791.68 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,322.00 20,041.52 n/a
 
ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  26/04/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
แก๊สโซฮอล E-20
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
แก๊สโซฮอล E-85 20.64 20.64 20.64 20.64
แก๊สโซฮอล 91 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28
เบนซิน 95 35.66 36.11 36.16 35.66 35.66 35.66
ดีเซลหมุนเร็ว 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 30.89 31.76 31.76 31.76 31.76
มีผลตั้งแต่ 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า