สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 27 เมษายน 2561

ออลล์ อินสไปร์ฯ วางโรดแมป 3 ปี สู่การเป็นEmployer of Choice

ประกาศเป้าหมายยกระดับศักยภาพองค์กร วางโรดแมป 3 ปี สู่การเป็น “Employer of Choice” องค์กรในฝันที่คนอยากทำงานด้วย

บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และอิมเพรสชั่น นอกจากเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จ การันตีด้วยยอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดด บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยกระดับพัฒนาศักยภาพองค์กร โดยวางโรดแมป 3 ปี สู่การเป็น “Employer of Choice” หรือองค์กรในฝันที่คนอยากทำงานด้วย พร้อมดึงดูดคนเก่ง ที่มีคุณภาพ มุ่งให้บริษัทเป็นแหล่งพลังขับเคลื่อนที่สร้างและสนับสนุนผู้ที่มีทักษะความสามารถให้ประสบความสำเร็จ เติบโตก้าวหน้าในอาชีพไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น

3_1

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ออลล์ อินสไปร์ฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างองค์กรให้เป็น Employer of Choice ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงนับเป็นก้าวสำคัญของ ออลล์ อินสไปร์ฯ เพื่อแสดงว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการ บริหารคน เพราะทรัพยากรบุคคลจะมีส่วนในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร เราให้ความสำคัญตั้งแต่กระบวนการสรรหาพนักงานใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการรักษาและพัฒนาพนักงานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งพนักงานที่มีศักยภาพสูง หรือ Talent ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการจัดการทุนมนุษย์ เป็นการรักษาประสิทธิภาพขององค์กร ลดอัตราการสูญเสียบุคลากรที่มีความรู้ประสบการณ์ และนำมาซึ่งความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน

“บุคลากรมีส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ธุรกิจเราจะแข่งขันได้สำเร็จจำเป็นต้องมีทีมงานที่มีคุณภาพ และถ้าหากเราไม่ได้เป็น “Employer of Choice” ก็คงยากที่เราจะได้คนที่เป็นหัวกะทิจากตลาดแรงงาน นั้นก็คือ ออลล์ อินสไปร์ฯ จะต้องเป็นองค์กรที่นิสิตนักศึกษา หรือผู้กำลังหางานนึกถึงเป็นอันดับแรก ซึ่งถือเป็นความ ท้าทาย แต่ก็ไม่ใช่เป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้”

4_2

การจะก้าวไปสู่การเป็น “Employer of Choice” บริษัทฯ วางแผนผ่านกลยุทธ์ทั้ง 7 คือ

1. Put the right man on the right job การมอบหมายงานให้ถูกกับบุคคล คืองานชนิดใดเหมาะกับคน  ประเภทใดโดยดูจากบุคลิกภาพ อุปนิสัย ทักษะ และศักยภาพ

2. Engagement  การทำให้พนักงานในองค์กรรู้สึกภูมิใจผูกพันกับองค์กร อีกทั้งยังเน้นการทำงานช่วยเหลือกันแบบครอบครัวส่งเสริมให้พนักงานรักงาน และมีความภักดีต่อองค์กรที่ทำให้พนักงานมุ่งมั่น  ทุ่มเทสติปัญญาและกำลังความสามารถ

3. Career Path & People Development  การพัฒนาและวางระบบความก้าวหน้าในสายงาน ก็จะทำให้พนักงานรู้สึกถึงความก้าวหน้าในองค์กร และมีแรงจูงใจที่อยากจะทำงานกับองค์กรไปนานๆ อีกทั้งยังส่งเสริมการฝึกอบรม (Training) เพื่อเพิ่มทักษะของพนักงานให้หลากหลาย และต่อยอดต่อไป

4. OKR (Objective & Key Result) วัตถุประสงค์ที่อยากทำให้สำเร็จหรือเป้าหมายที่อยากเดินทางไปให้ถึง และ ตัวชี้วัดบอกว่าจะเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นอย่างไร คือการตั้งเป้าหมายให้แต่ละคน โดยเป้าหมายของทุกๆ คนสอดคล้องกันทั้งองค์กร เพื่อผลักดันองค์กรให้บรรลุเป้าหมายในภาพรวมได้

5. Reward เพื่อที่จะดึงดูดและจูงใจพนักงานให้ทำงานให้กับองค์กร โดยมุ่งเน้นให้พนักงานเกิดแรงกระตุ้นทางบวกในการทำงาน ส่งเอาแรงผลักดันนี้ไปสร้างผลงานที่ดี และเมื่อสร้างผลงานที่ดีแล้วก็จะย้อนกลับมารับ Reward ที่ดีก็จะวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ

5_1

6. Working Environment สภาพแวดล้อมการทำงาน ออลล์ อินสไปร์ฯ เชื่อเสมอว่าเมื่อพนักงานได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดีจะส่งผลให้มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความสุขพร้อมจะถ่ายทอดสิ่งดีๆ ลงไปในผลงานที่ทำ อีกทั้งการสนับสนุนทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานไม่ว่าเป็นด้านโปรแกรมต่างๆ รวมไปถึงการดูแลเรื่องการใช้ชีวิตของพนักงาน อาทิ การจัดอาหารเช้าให้กับพนักงาน การจัดพื้นที่พักผ่อน ห้องนอนกลางวัน เป็นต้น

7. Retain  การทำให้พนักงานอยู่กับองค์กรไปนานๆ โดยมีการวัดความพึงพอใจและรับฟังความคิดเห็นของพนักงานเพื่อนำมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การเป็นองค์กรที่ดีนั้น คือ การบริหารจัดการให้พนักงานภายในสุขใจที่จะทำงานเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง องค์กรจึงเจริญและพัฒนา ซึ่งเกิดมาจากความเชื่อมั่นของพนักงานต่อองค์กรทำให้ทุ่มเททำงานด้วยใจ ประกอบกับสามารถดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามาทำงานเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง องค์กรก็จะรักษาการเติบโตไว้ได้อย่างยั่งยืน

http://www.bangkokbiznews.com


เปิดโผท็อปไฟฟ์สถานีบีทีเอส “สยาม-อโศก-หมอชิต” ทะลุแสนคน

นับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2542 ถึงขณะนี้ “บีทีเอส” รถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทยของเจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์ เปิดให้บริการเป็นปีที่ 19 แล้ว ปัจจุบันมีผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 8 แสนเที่ยวคนต่อวัน ไต่ระดับจากเปิดบริการวันแรกจาก 1.5 แสนที่ยวคนจนมาแตะระดับ 7-8 แสนเที่ยวคน
ส่วนอัตราค่าโดยสารมีการปรับเพิ่มขึ้น 3 ครั้ง จากวันแรกเก็บ 10-42 บาท ได้ปรับครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2549 เป็น 15-40 บาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2556 เป็น 15-42 บาท ล่าสุดครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2560 เป็น 16-44 บาท
ถึงค่าโดยสารจะสูง แต่ยังมีคนใช้บริการไม่ขาดสาย ด้วยแนวเส้นทางพาดผ่านใจกลางเมือง ศูนย์กลางธุรกิจ ย่านช็อปปิ้ง จึงครองใจผู้ใช้ทางอย่างต่อเนื่อง ยิ่งอนาคตมีการเปิดส่วนต่อขยายจาก “แบริ่ง-สมุทรปราการ” และ “หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต” จะยิ่งทำให้ผู้โดยสารชานเมืองมาใช้บริการมากยิ่งขึ้น
ถามว่าสถานีไหนที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด “สุรพงษ์ เลาหะอัญญา” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มี 5 สถานีที่ยอดฮิตและมีผู้โดยสารมาใช้บริการจำนวนมาก ประกอบด้วย 1.สถานีสยาม มีผู้ใช้บริการ 148,000 เที่ยวคนต่อวัน 2.สถานีอโศกมีผู้ใช้บริการ 135,000 เที่ยวคนต่อวัน 3.สถานีหมอชิต มีผู้ใช้บริการ 118,000 เที่ยวคนต่อวัน 4.สถานีศาลาแดง มีผู้ใช้บริการ 88,000 เที่ยวคนต่อวัน และ 5.สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีผู้มาใช้บริการ 87,000 เที่ยวคนต่อวัน
“ทั้ง 5 สถานี มีเดสติเนชั่นหรือจุดหมายถึงทำให้คนมาใช้บริการมากที่สุด เช่น เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทาง ใกล้ศูนย์การค้า ระบบขนส่งสาธารณะ หรือจุดต้นทาง”
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สำรวจ 5 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสขั้นแท่นท็อป 5 คนใช้บริการสูงสุด เริ่มจาก “สถานีสยาม” เป็นจุดเชื่อมต่อกับบีทีเอส สายสีลมตากสิน-บางหว้า กับสายสุขุมวิทที่มุ่งหน้าไปอ่อนนุช-แบริ่ง-สำโรง
อีกทั้งยังเป็นเป็นสถานีที่อยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ของกรุงเทพฯ ไม่ว่าย่านราชประสงค์ ตั้งอยู่บนถนนพระราม 1 ใกล้กับแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมา
และเป็น “ช็อปปิ้ง เดสติเนชั่น” ทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามสแควร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามสแควร์วัน เกษรพลาซ่า โรงภาพยนตร์ลิโด้-สกาล่า มาบุญครอง มีสกายวอล์กเป็นทางเดินเชื่อม ต่อไปยังจุดหมายทางต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
ขณะที่ “สถานีอโศก” จะเชื่อมกับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุขุมวิท และยังอยู่ติดกับศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 รายล้อมด้วยโรงแรม ชื่อดังอย่าง เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท, พูลแมน กรุงเทพฯ และอาคารสำนักงานหลายแห่งเช่น อาคารแกรมมี่ อาคารชิโนไทย ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
ส่วน “สถานีหมอชิต” เป็นสถานีต้นทางของการเดินทางจากคนชานเมืองไม่ว่าปทุมธานี-นนทบุรี เพื่อเข้าไปทำงานในเมือง รวมถึงเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่จะเชื่อมกับสายสีม่วงบางใหญ่ – บางซื่อ และมีแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต “ตลาดนัดจตุจักรและเจเจกรีน”
มาดูที่ “สถานีศาลาแดง” นับเป็นสถานีหนึ่งเดียวของสายสีลมที่ติดอันดับ เนื่องจากตั้งอยู่บนถนนสายเศรษฐกิจ อย่างถนนพระราม 4 ยังอยู่ใกล้กับที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทใหญ่ของประเทศและโรงแรมชื่อดัง อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) ธนาคารกรุงเทพ โรงแรมดุสิตธานี สีลมคอมเพล็กซ์ สวนลุมพินี และยังเป็นจุดเชื่อมกับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสีลมอีกด้วย
สุดท้าย “สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” เป็นสถานีที่อยู่บริเวณจุดเชื่อมต่อการเดินทางขนส่งโดยสารสาธารณะจุดใหญ่ของกรุงเทพฯ ทั้งรถเมล์และรถตู้ เสมือนเป็นจุดตั้งต้นการเดินทางอีกจุดหนึ่ง ยังแวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาลสำคัญ เช่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี

http://www.bkkcitismart.com


ชี้สตาร์ทอัพไทยต้องโกอินเตอร์ รับดีมานด์ตลาดต่างชาติ

เอ็นไอเอ เผยปี 61 กลุ่มธุรกิจไทยพร้อมขนเม็ดเงินร่วมลงทุนสตาร์ทอัพกว่า 1,200 ล้านเหรียญฯ พร้อมปลื้มนศ.มหาวิทยาลัยผันตัวจัดตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพได้กว่า 30 บริษัท

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ตั้งเป้าส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งมุ่งเน้นพัฒนา 9 หมวดสาขาธุรกิจ อาทิ การแพทย์และสุขภาพ เกษตรและอาหาร การท่องเที่ยว ให้สามารถออกสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังได้โชว์บริการเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยในหลากหลายด้าน เช่น บริการด้านฐานข้อมูล บริการแหล่งเงินทุนสนับสนุนนวัตกรรม พร้อมเร่งสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น “สมาร์ทวีซ่า” และมาตรการยกเว้นภาษี ที่จะส่งเสริมให้บุคลากรชั้นนำด้านเทคโนโลยี (Tech Talent)ให้มีการลงทุนธุรกิจประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเป็นแรงส่งเสริมให้ประเทศสามารถยกระดับด้านธุรกิจนวัตกรรมและสตาร์ทอัพได้อย่างเป็นรูปธรรม

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ส่งเสริมสตาร์ทอัพของ NIA ในปี 2561 จะมุ่งผลักดันให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีขีดความสามารถการแข่งขันในระดับโกลบอลหรือ ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในระดับหัวเมืองให้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นใน 9 หมวดสาขาธุรกิจ ได้แก่ เกษตรและอาหาร การเงิน การท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ การศึกษา อสังหาริมทรัพย์และนวัตกรรมเมือง ไลฟ์สไตล์และบันเทิง เทคโนโลยีอุตสาหกรรม และการบริการธุรกิจ สำหรับความพร้อมของ NIA ขณะนี้มีระบบนิเวศที่มีการสร้างพันธมิตรเครือข่ายกว่า 25 ประเทศที่จะช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ด้านความเป็นนานาชาติให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพไทย อาทิ เยอรมนี สวีเดน ออสเตรีย ญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากนโยบายส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยไปสู่ต่างประเทศแล้ว ยังจะมีการส่งเสริมแนวทาง “Smart Visa” เพื่อดึงชาวต่างชาติที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมด้วยมาตรการการยกเว้นภาษีที่ขณะนี้มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้สตาร์ทอัพ มีแหล่งเงินทุนที่จะนำไปใช้ดำเนินการบ่มเพาะธุรกิจให้มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

1_2

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า ด้านบริการและการส่งเสริมสตาร์ทอัพในปีนี้ NIA จะเน้นพัฒนาบริการให้เกิดขึ้นอยางครอบคลุมในทุกมิติ และผลักดันให้กลุ่มสตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างไร้ข้อจำกัด เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ เช่น

  • บริการแหล่งเงินทุนสนับสนุนนวัตกรรม ซึ่งจะผลักดันให้สตาร์ทอัพในแต่ละกลุ่มได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตลอดจนให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ บริการพี่เลี้ยงด้านการผลิต การบริหารจัดการ การพัฒนานวัตกรรม ฯลฯ เพื่อให้สตาร์ทอัพสามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้อย่างครอบคลุม และเติบโตอย่างก้าวกระโดด
  • สร้างระบบนิเวศเพื่อสนับสนุนบรรยากาศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเชื่อมโยงกับหน่วยงานเครือข่ายทั่วประเทศในการสนับสนุนด้านพื้นที่ การสร้างมาตรการต่างๆ เช่น โครงการสมาร์ทวีซ่า และมาตรการยกเว้นภาษี
  • การจัดฝึกอบรม สัมมนาให้ความรู้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชน ผู้ประกอบการ รวมถึงบุคลากรภาครัฐ ได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงเทรนด์นวัตกรรม มากกว่า 150 กิจกรรม ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะมีหลักสูตรที่เข้มข้นที่สามารถให้แนวทางพร้อมทั้งการปฏิบัติจริงในการพัฒนาธุรกิจ และสามารถนำมาปรับใช้ในการขอรับการพิจารณาสนับสนุนเงินทุนในการดำเนินการจาก NIA ได้ นอกจากนี้ยังมีการจัดค่ายต่างๆให้กับเยาวชนและนักศึกษา ในการค้นหาและบ่มเพาะความเป็นสตาร์ทอัพ ซึ่งจะต่อยอดการลงทุนให้กับกลุ่มเหล่านี้ในอนาคตต่อไป
  • ด้านเวิร์กช็อปเชื่อมโยงเครือข่ายสตาร์ทอัพ เพื่อผลักดันให้กลุ่มสตาร์ทอัพได้มีโอกาสที่กว้างขวางในการเข้าถึงการสนับสนุนจากหน่วยงาน องค์กร หรือภาคธุรกิจในไทยและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการเตรียมความพร้อมที่จะขยับขยายไปสู่เวทีสากลได้เร็วขึ้น ผ่านกิจกรรมไฮไลท์ต่างๆ ตลอดทั้งปี อาทิ กิจกรรม Dream Fest กิจกรรม District Summit กิจกรรม Health Fest กิจกรรม Startup Thailand เป็นต้น
  • บริการด้านฐานข้อมูล โดยมี Web Portal ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานและสตาร์ทอัพ ผ่านwww.startupthailand.org ซึ่งจะเป็นช่องทางการสร้างการรับรู้เกี่ี่ยวกับกลไกและกิจกรรมการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้นของ NIA ให้กลุ่มประชาชน ผู้ประกอบการ รวมถึงนักศึกษาได้รับทราบและนำไปสู่การต่อยออดและพัฒนาธุรกิจ รวมทั้งการให้บริการด้าน Big Data ที่จะช่วยประมวลผลและวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ต่างๆที่ีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา2_3

อย่างไรก็ดี การเติบโตของสตาร์ทอัพไทยในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า ในปีนี้ มีการเปลี่ยนไปจากช่วงระยะเวลาดังกล่าวอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น การผลักดันให้กรุงเทพเป็นเมืองเป้าหมายที่น่าลงทุนอันดับหนึ่งในเอเชีย การเกิดขึ้นของสตาร์ทอัพที่ประกอบธุรกิจได้จริงเกือบสองพันราย การผลักดันให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยสามารถจดทะเบียนและจัดตั้งธุรกิจได้กว่า 30 บริษัท การเปลี่ยนกฎหมาย พรบ. สิทธิประโยชน์ มาตรการทางภาษี ตลอดจนการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสตาร์ทอัพสัญชาติไทย     ที่เป็นผลให้บริษัทและธุรกิจขนาดต่างๆในประเทศเกิดความสนใจและมีเงินที่พร้อมลงทุนกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 35,000 ล้านบาท

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือนพฤษภาคม NIA ได้กำหนดจัดงาน Startup Thailand 2018 ภายใต้แนวคิด Endless Opportunities เพื่อโชว์ศักยภาพธุรกิจสตาร์ทอัพไทยกว่า 400 ราย แก่นานาชาติ ซึ่งภายในงานจะประกอบไปด้วยกิจกรรมไฮไลท์ต่างๆ อาทิ พื้นที่จัดแสดงกลุ่มธุรกิจตัวอย่างของสตาร์ทอัพ เช่น ฟินเทค การแพทย์ เกษตรและอาหาร เวทีพิชชิ่งธุรกิจ กิจกรรม Speed Dating การให้คำปรึกษาโดยพี่เลี้ยงมากประสบการณ์แบบตัวต่อตัว เวทีให้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญกว่า 500 ราย กิจกรรมฟอรั่มจากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติกว่า 20 ประเทศ กิจกรรมการแข่งขันแฮ็คคาธอน และกิจกรรมแข่งขัน Startup Thailand League ระดับอุดมศึกษาและ อาชีวะศึกษา ฯลฯ อย่างไรก็ตามงานดังกล่าว จะเป็นช่องทางในการผลักดันให้กลุ่มสตาร์ทอัพในประเทศไทยที่มีอยู่กว่าพันราย และบุคคลที่มีความสนใจได้มองเห็นถึงโอกาสในการต่อยอดแนวคิด โมเดลธุรกิจ และนวัตกรรมในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ พร้อมกับเป็นการสร้างพื้นที่ในการพบปะนักลงทุนระดับนานาชาติในระดับที่เข้มข้นขึ้น ทั้งนี้ ในการดำเนินกิจกรรม NIA ได้เชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนภายในประเทศกว่า 50 หน่วยงาน และหน่วยงานพันธมิตรจากต่างประเทศอีกกว่า 20 หน่วยงาน ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 60,000 คน

http://www.bangkokbiznews.com


บาท ‘อ่อนค่า’ จับตาธนาคารกลางญี่ปุ่น

บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่า “31.60 บาทต่อดอลลาร์” จับตาประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันนี้ มองค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวแคบลง หากตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยง

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.60บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.58 บาทต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฟื้นตัวต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ติดแนวต้านที่ระดับ 75 เหรียญต่อบาร์เรล ส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10ปีปรับตัวลงมาใต้ระดับ 3.0% ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับตัวลงไปที่ระดับ 1.21 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังการประชุมธนาคารกลางยุโรป ที่ตลาดตีความว่าอีซีบียังพอใจกับการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินอยู่ (dovish)

สำหรับวันนี้ยังต้องจับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น ว่าจะมีท่าทีผ่อนคลายนโยบายทางการเงินต่อไปนานกว่าที่ตลาดมองไว้ (สิ้นปีนี้) หรือไม่ หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อในญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ยังต้องติดตามการหารือระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ซึ่งคาดว่าจะมีทิศทางไปในเชิงบวก สันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีจะส่งผลบวกกับแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย

แม้แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะยังแข็ง และเป็นช่วงที่มีแรงซื้อดอลลาร์เพื่อจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนดันขึ้นในระยะสั้น แต่ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบที่แคบลงเพราะตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (risk-on) มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 31.55 – 31.65 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


“โอน เติม ถอน จ่าย” ครั้งหน้า เช็คดีๆ เรื่องฟรีค่าธรรมเนียม

“โอน เติม ถอน จ่าย” ครั้งหน้า เช็คดีๆ เรื่องฟรีค่าธรรมเนียม

แม้การทำธุรกรรมทางการเงินในยุคนี้จะง่ายแสนง่าย เพราะทุกธนาคารต่างก็มีบริการ Mobile Banking ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถ “โอน-เติม-ถอน-จ่าย” ได้แค่ปลายนิ้ว ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปสาขาของธนาคารเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

แต่ในความสะดวกสบายย่อมแลกมาด้วย “ค่าธรรมเนียม” ที่แฝงไว้ภายใต้ดอกจันที่คุณอาจไม่ทันสังเกต และถูกชาร์จค่าธรรมเนียมแบบไม่รู้ตัว จนกระทั่งเกิดความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา เมื่อธนาคารรายใหญ่หลายแห่งต่างก็ทยอยออกมาประกาศ “ฟรีค่าธรรมเนียม” หรืองดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อทำธุรกรรมผ่านบริการ Online Banking

มาดูกันดีกว่าว่า มีบริการไหนของธนาคารใดที่งดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมบ้าง

AdvertisementReplay Ad

จากตารางจะเห็นได้ว่าทุกธนาคารพร้อมใจสร้างปรากฏการณ์ฟรีค่าธรรมเนียมกันอย่างพร้อมเพียง อาจแตกต่างกันบ้างในบางรายละเอียด แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความคุ้มค่าต่อผู้ใช้งานที่สามารถ “โอน เติม ถอน จ่าย” กันได้อย่างสะดวกมากขึ้น

อย่างบัญชีออมทรัพย์ของกรุงศรีก็สามารถทำธุรกรรมได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยฟรี! โอนเงินข้ามเขตข้ามธนาคาร ผ่านช่องทาง KMA, KOL และ ATM ฟรี! จ่ายบิลค่าสินค้าและบริการทุกช่องทาง KMA, KOL, ATM และสาขา ฟรี! กดเงินจากเครื่อง ATM ทุกตู้ ทุกธนาคาร ทั่วไทย

ที่สำคัญคือ พิเศษ! รับเงินคืน 5 บาทต่อบิล เป็นเวลา 6 เดือน (สูงสุด 30 บาทต่อเดือน) เมื่อจ่ายบิลผ่านช่องทาง KMA และ KOL ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน 2561

อย่าลืมเช็คลิสต์ความคุ้มให้ถ้วนถี่ จะได้เข้าถึงนิยามของคำว่า “ฟรีค่าธรรมเนียม” อย่างแท้จริง

https://www.sanook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 27/04/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,700.00 19,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,276.00 19,344.16 20,300.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,148.40 17,409.74 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 574.00 8,701.84 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 448.00 6,791.68 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,322.00 20,041.52 n/a
 

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  27/04/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
28.55
แก๊สโซฮอล E-20
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
26.04
แก๊สโซฮอล E-85 20.64 20.64 20.64 20.64
แก๊สโซฮอล 91 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28
เบนซิน 95 35.66 36.11 36.16 35.66 35.66 35.66
ดีเซลหมุนเร็ว 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 30.89 31.76 31.76 31.76 31.76
มีผลตั้งแต่ 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00 25 Apr 05:00

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า