“ซิซซา กรุ๊ป” ผุดแผนลงทุน 4 โปรเจ็กต์ แตะ 8 พันล้านปลุกตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต
“ซิซซา กรุ๊ป” กางแผนลงทุนภูเก็ต 4 โปรเจ็กต์ แตะ 8 พันล้านบาท ดันจุดขายเมดิคอล เวลเนส รีสอร์ท หวังขึ้นแท่นเมดิเคิล ฮับ เจาะตลาดอาเซียน
นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อ การลงทุนรูปแบบ Investment Property” (IP) ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางการดำเนินการของ ซิซซา กรุ๊ป ในปี 2566 บริษัทจะมีการเปิดตัวทั้งหมด 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าการลงทุน 3,300 ล้านบาท พัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและ ความงาม ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมแล้ว ส่วนเมดิคอลฯจะเปิดให้บริการได้ ในไตรมาส 1/2567
2. เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต ในพื้นที่ โรงแรม “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” (Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket) โดยเฟสแรกใช้งบลงทุนไป 70 กว่าล้านบาท ใช้พื้นที่ไปประมาณ 500 ตารางเมตร พร้อมเปิดให้บริการในส่วนของ “เพลนารีเวลเนส” (Plenary Wellness) ศูนย์สุขภาพและความงาม เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบแบบองค์รวม ประกอบด้วย โปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึก,เวชศาสตร์ชะลอวัย,กายภาพบำบัด และเวชศาสตร์ความงาม
นายอรรถนพ กล่าวต่อว่า บริษัทถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว และมีจุดแข็งในเรื่องบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันยังถือว่ามีคู่แข่งที่น้อยมาก ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นก็จะมีจุดขาย ที่แตกต่างกันไป
3. พูลวิลล่า บริเวณหาดลายัน โดยยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการ ขณะนี้เรียกว่า “รายัน วิลล่า” โดยเฟส 1 ตั้งอยู่พื้นที่ 16 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 26 หลัง ราคา 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 35-70 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวภายในเดือนตุลาคม 2566
4. ดิ เอท พูลวิลล่า เฟส 2 บริเวณอ่าวฉลอง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ เป็นวิลล่า จำนวน 60 หลัง ราคาตั้งแต่ 7-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600-700 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวภายในเดือนธันวาคม 2566
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หมู่บ้านแห่งความตาย “ฮ่องกง”ที่พักผ่อนสุดท้ายอาจราคาสูงกว่าที่อยู่อาศัย
หมู่บ้านแห่งความตายใน “ฮ่องกง” ประเทศไทยที่ขึ้นชื่อยืนหนึ่ง ตลาดที่อยู่อาศัยราคาแพงที่สุดในโลก มีที่พักผ่อนสุดท้ายของผู้วายชนม์ที่อาจมีราคาสูงกว่าที่อยู่อาศัย
ที่ดินในฮ่องกงหายากและมีราคาแพง ไม่เพียงแต่สำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ล่วงลับด้วย บ้านสำหรับคนตายอาจมีราคาสูงกว่าที่อยู่อาศัย เริ่มต้นที่ 53,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,862,526 บาท สำหรับพื้นที่ที่มีขนาดไม่ใหญ่ไม่มากนัก
ด้วยห้องโถงหินอ่อนสีขาวและโคมไฟระย้าหรูหรา หอคอย Shan Sum Columbarium สูง 12 ชั้น อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรงแรมใหม่ล่าสุดแห่งหนึ่งของฮ่องกงได้อย่างง่ายดาย การตกแต่งภายในไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้ซื้อทั่วไปแต่มีไว้สำหรับลูกค้าผู้ที่กำลังมองหาสิ่งพิเศษเล็กๆ น้อยๆ นั่นคือ จุดพักผ่อนสำหรับชีวิตหลังความตาย
ฉานซำ Shan Sum ทำหน้าที่เป็นสถานที่ฝังศพสุดท้ายที่ไม่เหมือนใครสำหรับผู้วายชนม์ มีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพื้นที่ โดยมีโพรงกว่า 23,000 แห่ง สำหรับโกศศพให้ครอบครัวที่ไว้ทุกข์ในเมืองที่แออัดยัดเยียดที่สุดเมืองหนึ่งของโลก มีเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ โดยสถาปนิกชาวเยอรมัน
ที่บอกว่าไม่ได้มาราคาถูก ก็เพราะช่องที่สามารถเก็บโกศสองใบ มีราคาสูงถึง 76,000 ดอลลาร์ (598,000 ดอลลาร์ฮ่องกง) หรือประมาณ 2,670,792 บาท ในขณะที่ครอบครัวสามารถเก็บเถ้าถ่านได้ถึง 8 คน มีราคาสูงถึง 430,000 ดอลลาร์ (3.38 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง) หรือประมาณ 15,111,060.00 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 9 ก.ค.66)
ด้วยช่องว่างมาตรฐานที่มีขนาดประมาณ 1 ลูกบาศก์ตารางฟุต หรือประมาณ 0.092 ตารางเมตร อาจเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าพื้นที่ในหอคอยแห่งนี้มีราคาค่อนข้างแพงกว่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการครองชีพที่แพงที่สุดในเมือง นั่นคือคฤหาสน์ในพื้นที่สุดพิเศษของ The Peak ซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมได้ดึงดูดการประมูล 32,000 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุต แต่ฉานซำแห่งนี้ ซ่อนตัวอยู่ในย่านอุตสาหกรรมเก่าของไควชุง ไม่ใช่สถานที่ที่แพงที่สุดในฮ่องกงด้วยซ้ำ
จากข้อมูลของสภาผู้บริโภคของฮ่องกง พบว่าคอมเพล็กซ์ในเขตชานเมืองทางตอนเหนือของ Fanling สถานที่พักผ่อนอันเป็นมงคล มีราคา 660,000 ดอลลาร์ (5.2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง) ตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมการจัดการอย่างน้อย 25,000 ดอลลาร์ (200,000 ดอลลาร์ฮ่องกง) เพื่อครอบคลุมค่าบำรุงรักษาและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
การลงทุนดังกล่าวอาจยังดูไม่เลวร้ายมากนัก เมื่อพิจารณาจากระยะยาวของชีวิตหลังความตาย แต่ ฉานซำ Shan Sum ไม่ได้เสนอให้เป็นสถานที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ ขี้เถ้าสามารถเก็บไว้ที่นั่นได้เฉพาะในระยะเวลาของใบอนุญาต ซึ่งออกโดยรัฐบาลฮ่องกง ใบอนุญาตเหล่านี้มีอายุจำกัด 10 ปี และอาจใช้เวลาหลายปีในการตรวจสอบเพื่อดำเนินไปถึงปี 2033
พื้นที่ไม่เพียงพอที่จะอยู่หรือตาย
ในฮ่องกง อุปสงค์และอุปทานที่ไม่ตรงกันผลักดันให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นแบบสาหัสสากรรจ์ซึ่งก็ส่งผลต่อ โครงสร้างสำหรับการจัดเก็บโกศศพด้วย โดยพื้นฐานแล้วในเมืองที่มีประชากรมากกว่า 7 ล้านคนและย่านที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดบางแห่งของโลก การแข่งขันเพื่อแย่งชิงพื้นที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น สำหรับทั้งคนเป็นและคนตาย
แม้ว่าฮ่องกงจะไม่ใช่สถานที่เล็กๆ แต่พื้นที่ 1,110 ตร.กม. ภูมิประเทศที่เป็นภูเขา นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จึงนิยมสร้างอาคารสูง ขนาดบ้านโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 430 ตารางฟุตตามการสำรวจสำมะโนประชากรปี 2021 ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กที่สุดในโลก
ความบีบคั้นของพื้นที่นี้ยังคงดำเนินต่อไปในชีวิตหลังความตาย ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากจำนวนประชากรสูงอายุของฮ่องกงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากร ชาวฮ่องกงมากกว่า 1 ใน 5 มีอายุเกิน 65 ปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1 ใน 3 ภายในปี 2069
วิถีแห่งความตายของชาวฮ่องกง
แม้ว่าชาวฮ่องกงมากกว่า 90% จะเลือกเผาศพ แต่พื้นที่สำหรับเก็บศพของพวกเขากำลังจะหมดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแทนที่จะโปรยเถ้าถ่าน ชาวจีนที่มีแนวคิดดั้งเดิมชอบสถานที่ที่สามารถแสดงความเคารพและเซ่นไหว้ผู้ตายได้
ด้วยอัตราการเสียชีวิตของเมืองอยู่ที่ประมาณ 46,000 ต่อปี (ประมาณ 2 เท่าของความจุ Shun Sum) ในทศวรรษที่ผ่านมา ขณะนี้มีพื้นที่สาธารณเหลือเพียงไม่ถึง 135,000 แห่ง ที่ดำเนินการโดยรัฐบาล โดยสัญญาเช่า 20 ปี มีราคาประมาณ 300 ดอลลาร์ แต่การแข่งขันสำหรับสิ่งเหล่านี้นั้นรุนแรงและในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบางครอบครัวต้องรอหลายปีกว่าจะได้
รัฐบาลพยายามเพิ่มจำนวนสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ ในขณะเดียวกันก็อนุมัติใบอนุญาตของผู้ประกอบการโครงสร้างเก็บโกศที่ดำเนินการโดยเอกชน 14 ราย รวมถึง Shan Sum ตั้งแต่ปี 2017 โดยระหว่างปี 2020 ถึง 2022 มีโกศราว 77,000 โกศ ถูกจัดสรรโดยไม่ต้องรอ โดยจะมีสถานที่ใหม่อีก 4 แห่งที่จะแล้วเสร็จภายในปี 2025 จะมียูนิตเพิ่มเติมอีก 167,000 ยูนิต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 10ก.ค. ที่ระดับ 35.13 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาท ยังมีความผันผวนจากสถานการณ์การเมืองไทย อาจกระทบต่อทิศทางฟันด์โฟลว์ ส่วนเงินดอลลาร์มีโอกาสผันผวนสูงได้เช่นกัน หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPIสหรัฐ ไม่ได้ชะลอลงตามคาด อาจหนุนให้ดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 10ก.ค.2566ที่ระดับ 35.13 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.20 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าในช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซน 35.05 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ออกมาต่ำกว่าคาด ส่วนราคาทองคำก็รีบาวด์ขึ้นทดสอบโซน 1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมสหรัฐฯ (Nonfarm Payrolls) ออกมาต่ำกว่าคาด ทว่าอัตราการเติบโตของค่าจ้างยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคงมุมมองว่า เฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อในการประชุมเดือนกรกฎาคมได้
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่จะชี้ชะตาแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด พร้อมจับตาสถานการณ์การเมืองไทย (โหวตเลือกนายกฯ) อย่างใกล้ชิด
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญที่อาจส่งผลต่อมุมมองผู้เล่นในตลาดต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายเฟด คือ รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายน โดยบรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI อาจชะลอลงสู่ระดับ 3.1% จาก 4% ในเดือนก่อนหน้า ตามการปรับตัวลดลงของราคาพลังงานและผลของฐานราคาสินค้าและบริการที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญ อาจชะลอลงสู่ระดับ 5% ซึ่งอาจเป็นระดับที่เฟดยังคงกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อได้ ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงมากกว่าคาด เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มปรับลดมุมมองต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคม
ที่ล่าสุด จาก CME FedWatch Tool ตลาดให้โอกาสถึง 93% ซึ่งในกรณีดังกล่าว ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานนั้นชะลอลงกว่าคาด เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง นอกเหนือจากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (UofMichigan Consumer Sentiment) เดือนกรกฎาคม รวมถึงรายงานสภาวะเศรษฐกิจและภาคธุรกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book)
▪ ฝั่งยุโรป – ตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ อย่างใกลชิด เพื่อประเมินโอกาสที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ +50bps เหมือนกับในรอบการประชุมก่อนหน้า นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และ
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของทั้งสองธนาคารกลาง อนึ่ง ตลาดจะรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจยูโรโซนผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) ซึ่งตลาดมองว่า รายงานข้อมูลดังกล่าวอาจสะท้อนว่า ผู้เล่นในตลาด (นักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน) อาจยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ท่ามกลางการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของ ECB และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่แย่กว่าคาด
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดคาดว่า แนวโน้มการชะลอตัวลงของทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ (แม้ว่าอาจจะยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลาง) อาจทำให้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตัดสินใจ “คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ไว้ที่ระดับ 3.50% และ 5.50% ตามลำดับ
ทั้งนี้ในส่วนภาพเศรษฐกิจ ตลาดอาจยังคงกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ดีนัก ซึ่งจะสะท้อนผ่านยอดการส่งออก (Exports) เดือนมิถุนายน ที่อาจหดตัวต่อเนื่องถึง -10%y/y นอกจากนี้ยอดการนำเข้า (Imports) ก็จะหดตัวราว -4.8% สะท้อนความต้องการในประเทศที่ไม่ได้ฟื้นตัวอย่างที่ตลาดคาดหวัง สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงของดัชนี PMI ของจีน
▪ ฝั่งไทย – ไฮไลท์สำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ สถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยเราประเมินว่า แคนดิเดตจากฝั่งพรรคก้าวไกลและพันธมิตร อาจขาดเสียงสนับสนุนจากฝั่งวุฒิสภาพอสมควร
ทำให้การโหวตเลือกนายกฯ ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงและอาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยขายสินทรัพย์ไทยต่อได้ อย่างไรก็ดี หากการโหวตเลือกนายกฯ ราบรื่นกว่าที่เราคาด เราประเมินว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนก็อาจทยอยฟื้นตัวดีขึ้นและหนุนให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาทยอยซื้อสินทรัพย์ไทยมากขึ้นได้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ควรระวังความผันผวนจากสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งอาจกระทบต่อทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติได้ โดยแม้โมเมนตัมเงินบาทฝั่งอ่อนค่าจะแผ่วลงมากขึ้น แต่หากการโหวตเลือกนายกฯ ยังคงมีความไม่แน่นอนและอาจทำให้การจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ นักลงทุนต่างชาติก็อาจขายสินทรัพย์ไทยต่อ กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ ทั้งนี้ เรามองว่า แนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ แนวรับสำคัญจะอยู่แถว 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสผันผวนสูงได้เช่นกัน ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI โดยหากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ไม่ได้ชะลอลงตามคาด ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจต้องเห็นว่าผู้เล่นในตลาดมั่นใจมากขึ้น ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ถึง 2 ครั้ง
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.90-35.50 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.05-35.25 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สมราคามือหนึ่ง! “สายสุนีย์” คว่ำ อิตาลี คว้าแชมป์ฟันดาบเอเป้ เวิลด์คัพ ที่โปแลนด์
“แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ ยอดนักวีลแชร์ฟันดาบทีมชาติไทย คว้า 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทองแดง ในการแข่งขันฟันดาบเวิลด์คัพ “IWAS Wheelchair Fencing World Cup” ที่กรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งแข่งขันระหว่างวันที่ 5-10 กรกฎาคม 2566
สายสุนีย์ มือ 1 ของโลกประเภทเอเป้ คลาสบี หญิง ยังคงไร้เทียมทาน รอบ 32 คน ชนะ คาโรลิน่า โบรโนวิชซ์ นักฟันดาบเจ้าถิ่น 15-4 เข้ารอบ 16 คน ชนะ ไอริส เทนกิงค์ จากเนเธอร์แลนด์ 16-5 เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ชนะ โช อึน ฮเย จากเกาหลีใต้ 15-10 และในรอบรองชนะเลิศ ชนะเสี่ยว หรง จากจีน 15-7 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับรอสซาน่า ปาสคิโน่ มือ 2 ของโลกจากอิตาลี แต่ไม่มีปัญหา สายสุนีย์ชนะไป 15-10 คว้าแชมป์มาครองได้อีกรายการ
ส่วนประเภทเซเบอร์หญิง คลาสบี หญิง สายสุนีย์ มือ 3 ของโลกในประเภทนี้ ได้เหรียญทองแดง รอบ 16 คน ชนะ จอร์เจีย คาลต์ซี่ จากกรีซ 15-6 รอบก่อนรองชนะเลิศ ชนะ บ็อกลาร์ก้า เมโซ่ จากฮังการี 15-12 ส่วนในรอบรองชนะเลิศ แพ้ รอสซาน่า ปาสคิโน่ จากอิตาลี ที่เป็นมือ 2 ของโลกในประเภทนี้ 11-15 ทำให้ได้เหรียญทองแดงมาครอง
ขณะที่ประเภทฟอยล์ คลาสบี หญิง สายสุนีย์พ่ายให้กับเสี่ยว หรง จากจีน 10-15 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ
สายสุนีย์ จ๊ะนะ ฮีโร่วีลแชร์ฟันดาบไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้ สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ, บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด, สมาคมวีลแชร์ฟันดาบคนพิการไทย, สมาคมกีฬาคนพิการจังหวัดนนทบุรี รวมทั้งอีกหลายหน่วยงานที่สนับสนุนกันมาอย่างดี ขอบคุณโค้ชทุกคน และน้องๆ ในครอบครัวฟันดาบทุกคนที่สู้มาด้วยกันตลอด ขอบคุณกำลังใจจากครอบครัว และทุกๆ กำลังใจที่ติดตามเชียร์ทีมนักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบไทยมาโดยตลอด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
12 สัญญาณอันตราย “มะเร็งเม็ดเลือดขาว”
มะเร็งเม็ดเลือดขาว เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (Hematopoietic Stem Cell) ในไขกระดูก โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามการดำเนินโรค ได้แก่
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน เป็นโรคที่มีการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวตัวอ่อนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดทุกชนิดลดลง ผู้ป่วยจึงมีอาการผิดปกติในระยะเวลา 1-2 เดือน อาการที่มักพบ ได้แก่อาการอ่อนเพลีย ซีดลงจากภาวะโลหิตจาง มีไข้เนื่องจากการติดเชื้อเนื่องจากเม็ดเลือดขาวตัวแก่ที่มีหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อมีปริมาณลดลง และเลือดออกง่ายโดยเฉพาะตามเยื่อบุต่างๆ เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง เป็นโรคที่มีการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวอย่างผิดปกติ แต่ยังสามารถเจริญเติบโตเป็นเม็ดเลือดขาวตัวแก่ได้ ทำให้อาการของโรคค่อยเป็นค่อยไป โดยในระยะแรกผู้ป่วยมักไม่มีอาการ จนกระทั่งปริมาณเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือดสูงขึ้นมาก จนทำให้ซีดหรือโลหิตจาง หรือไปสะสมในม้ามทำให้ม้ามโต ทำให้อืดท้องหรือคลำได้ก้อนในท้อง และบางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลดได้
สาเหตุของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
สาเหตุการเกิดโรค ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัส และรังสี ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว รวมถึงสารเคมีบางอย่าง หรือการสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ โรคทางพันธุกรรม ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง พันธุกรรมและโครโมโซมที่ผิดปกติทำให้เกิดโรคนี้ได้
สัญญาณอันตรายของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
อาการของโรคที่แสดงจะแตกต่างกันตามชนิดของเม็ดเลือดที่ผิดปกติ แต่โดยทั่วไปจะมีอาการแสดงให้เห็น อาทิ
- เลือดจาง
- ซีด
- หน้ามืด
- เวียนศีรษะ
- เหนื่อยง่าย
- เลือดออกง่ายบริเวณผิวหนัง และเหงือก
- เป็นจ้ำตามตัว
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- อาจพบก้อนในท้องเนื่องจาก ตับ ม้ามโต
- ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ
- เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย
- มีไข้
หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรค
การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
โดยทั่วไปจะใช้การรักษา ด้วยยาเคมีบำบัดเป็นหลัก ส่วนการปลูกถ่ายไขกระดูก เพื่อให้ผลการรักษาดีขึ้นหรือโรคสงบได้
การป้องกัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- เลือกทานอาหารมีประโยชน์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารกัมมันตภาพรังสี และสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
- ตรวจสุขภาพประจำปี จะช่วยคัดกรองโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง หรือมะเร็งชนิดที่เป็นก้อนได้
การตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มแรกจะทำให้มีการตอบสนองต่อการรักษาและมีโอกาสหายมากกว่าระยะลุกลามหรือระยะสุดท้าย เพราะโดยส่วนใหญ่มักพบว่าผู้ป่วยกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง อาการก็อยู่ในระยะลุกลามไปมากแล้ว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะโรคมะเร็งยิ่งพบโรคได้เร็วเพียงใด ชีวิตก็ปลอดภัยมากขึ้นด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)
PART 2 คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)
บทความนี้เราจะมาพูดถึงคำนามกลุ่มที่ 2 คือ คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) นั่นเอง
คำนามนับได้ (Countable Noun)
คือ คำนามที่เราสามารถระบุได้ว่ามี กี่ชิ้น กี่อัน กี่ตัว กี่แห่ง ฯลฯ
เช่น ดินสอ 5 แท่ง —— 5 pencils
หนังสือ 8 เล่ม —— 8 books
บ้าน 1 หลัง ——- a house
จะเห็นได้ว่าคำนามข้างต้นพวก ดินสอ หนังสือ บ้าน นี้ เป็นคำนามนับได้ค่ะ เพราะเราสามารถระบุจำนวนของสิ่งนั้นๆได้ว่ามีเท่าไหร่
ซี่งคำนามนับได้ (Countable Noun) จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ คำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์ ที่เราได้อธิบายไปแล้วใน part 1 นั่นเอง สามารถคลิ๊กและกลับไปอ่านดูได้เลยค่ะ
คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)
คือ คำนามที่เราไม่สามารถระบุจำนวน หรือบอกว่ามีกี่ชิ้นกี่อันได้ อาทิ ของเหลวต่างๆ เช่น นม น้ำ ไวน์ หรือ ข้าว น้ำตาล หรือของที่มีปริมาณมากๆ เช่น ผม ฟางหญ้า เป็นต้น จะให้เราพูดว่า ขอข้าว 2 เม็ดจ้า หรือ ขอนม 3 หยด ก็กระไรอยู่จริงมั้ยล่ะคะ ฝรั่งเลยกำหนดคำพวกนี้เป็นคำนามนับไม่ได้
ลองมาดูกันว่ามีคำนามใดบ้างที่ไม่สามารถนับได้ในภาษาอังกฤษ
ซึ่งคำนามนับไม่ได้เหล่านี้ จะไม่สามารถเปลี่ยนรูปไปเป็นพหูพจน์ได้ค่ะ แบบ Milk เติม s ด้านท้าย กลายเป็น Milks นี่ไม่มีน้า ห้ามใช้เด็ดขาด ! แล้วที่นี้เวลาต้องการขอนมหลายแก้วต้องพูดว่าไงล่ะ?
โดยปกติแล้ว เวลาที่เราจะทำให้คำนามนับไม่ได้อยู่ในรูปพหพจน์ เพื่อบอกปริมาณที่เพิ่มขึ้น เราจะต้องหากลุ่มคำบอกปริมาณมาเติมด้านหน้า
ยกตัวอย่าง
A glass of milk นม 1 แก้ว
A bar of soap สบู่ 1 ก้อน
A bowl of soup ซุป 1 ถ้วย
ถ้าเยอะกว่า 1 เราจะต้องเติม -s หรือ -es เข้าไปด้วย เพื่อทำให้อยู่ในรูปพหูพจน์ เช่น
5 glasses of milk นม 5 แก้ว
11 bars of soap สบู่ 11 ก้อน
2 bowls of soup ซุป 2 ถ้วย
มาดูกันว่ามีกลุ่มคำใดบ้างที่เราสามารถใช้นำหน้าคำนามเพื่อบอกปริมาณ
นอกจากนี้แล้วเราสามารถใช้ Article หรือ Quantifiers ในการบอกปริมาณคำนามได้ด้วยค่ะ เวลาที่เราต้องการบอกว่าของสิ่งนั้นมีมาก หรือ น้อย คำด้านล่างนี้ในการบอกปริมาณได้ค่ะ
a, many, few และ a few นั้น จะใช้กับคำนามนับได้เท่านั้นค่ะ เช่น
a ใช้กับคำนามนับได้ที่มีสิ่งเดียว อันเดียว หรือที่เดียว เช่น
a doctor คุณหมอ
a pen ปากกา
a meal มื้ออาหาร
a class ห้องเรียน
a college โรงเรียน
many แปลว่า เยอะ มาก หลาย ใช้เพื่อบอกปริมาณว่ามีหลายอย่าง เช่น
many cups แก้วหลายใบ
many books หนังสือหลายเล่ม
many libraries ห้องสมุดหลายแห่ง
many flights เที่ยวบินหลายไฟลท์
few และ a few แปลว่า เล็กน้อย นิดหน่อย ใช้เพื่อบอกปริมาณว่ามีไม่มาก เช่น
I got a few questions ผมมีคำถามนิดหน่อย
He need few tables เขาต้องการโต๊ะสัก 2-3 ตัว
She bought few apples เธอซื้อแอปเปิ้ลมาไม่กี่ลูก
Chris had a few problems คริสมีปัญหาเล็กน้อย
much, little and a little bit of จะใช้ได้แค่กับคำนามนับไม่ได้เท่านั้นค่ะ เช่น
much แปลว่า มาก ใช้นำหน้านามนับไม่ได้ เช่น
much money
much time
much food
much water
much energy
little และ a little bit of แปลว่า น้อย ใช้นำหน้านามนับไม่ได้ เช่น
little trouble
little equipment
little meat
little patience
a little bit of confidence
a little bit of sleep
a little bit of snow
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
BMW CE 02 สกูตเตอร์ไฟฟ้าเอาใจวัยรุ่น ชาร์จเดียววิ่งไกล 90 กม. เริ่ม 2.9 แสนบาท
BMW CE 02 สกูตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นเล็กรองจาก CE 04 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 15 แรงม้า และมีระยะทางขับขี่ไกลสุด 90 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง เคาะราคาจำหน่ายเริ่มต้น 8,500 ยูโร หรือประมาณ 330,000 บาท (ราคาจำหน่ายรุ่น 11 kW ในประเทศเยอรมนี)
BMW Motorrad ประกาศเปิดตัว BMW CE 02 ใหม่ ซึ่งถูกระบุว่าไม่ใช่ทั้งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหรือสกูตเตอร์ไฟฟ้า หากแต่เป็น “eParkourer” ที่สะท้อนถึงการใช้งานซอกแซกในเมือง (Parkour เป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่เน้นการปีนป่ายข้ามอุปสรรคอย่างว่องไว) เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพาหนะสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ควบคู่ไปกับสมรรถนะที่คล่องแคล่วตามฉบับจักรยานยนต์ไฟฟ้า
BMW CE 02 ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 11 kW หรือ 15 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 55 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.0 วินาทีเท่านั้น และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 95 กม./ชม. มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 3.92 kWh ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 90 กิโลเมตรเมื่อชาร์จจนเต็ม (คำนวณตามมาตรฐาน WMTC)
นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชันมอเตอร์ไฟฟ้า 4 kW หรือ 5 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุดเท่ากันอยู่ที่ 55 นิวตัน-เมตร ซึ่งสามารถขับขี่ได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไปตามกฎหมายของเยอรมนี (อายุขั้นต่ำจะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศในยุโรป) ทำความเร็วสูงสุดได้ 45 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ที่ลดขนาดความจุลงเหลือ 1.96 kWh ให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 45 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง
รถทุกคันจะมาพร้อมสายชาร์จขนาด 0.9 kW สำหรับใช้เสียบเข้ากับปลั๊กไฟบ้านปกติ โดยในรุ่น 4 kW จะสามารถชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลา 182 นาที ขณะที่รุ่น 11 kW จะใช้เวลาชาร์จ 312 นาที แต่ในรุ่น 11 kW ยังสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ชาร์จขนาด 1.5 kW ที่ช่วยลดระยะเวลาชาร์จลงเหลือ 210 นาที หรือหากชาร์จจาก 20-80% จะใช้เวลาประมาณ 102 นาทีเท่านั้น
BMW CE 02 มีโหมดการขับขี่มาตรฐานให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ Flow ที่เน้นการขับขี่ในเมืองทั่วไป และ Surf ที่เพิ่มความคล่องแคล่วฉับไวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งลูกค้ายังสามารถเลือกติดตั้งโหมด Flash เป็นออปชันเสริมได้ ซึ่งเปรียบได้กับโหมดสปอร์ตที่เน้นประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุดนั่นเอง
เบาะนั่งของ BMW CE 02 มีความสูงจากพื้นถนนเพียง 750 มม. มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน, หน้าจอ TFT ขนาด 3.5 นิ้ว, ช่องจ่ายไฟ USB-C, ระบบเชื่อมต่อ BMW Motorrad Connected Services, ระบบกุญแจ Keyless Ride, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ACS Automatic Stability Control) และ RSC (Recuperative Stability Control) รวมถึงระบบเบรก BMW Motorrad ABS ที่ล้อคู่หน้า
ส่วนราคาจำหน่าย BMW CE 02 ในประเทศเยอรมนีจะเริ่มต้นที่ 7,500 ยูโร หรือประมาณ 290,000 บาท ในรุ่น 4 kW ส่วนรุ่น 11 kW มีราคาเริ่มต้นที่ 8,500 ยูโร หรือประมาณ 330,000 บาท
The Pomelo Amphawa: ชมทิวทัศน์และสัมผัสธรรมชาติริมแม่น้ำบนอัฒจันทร์คอนกรีต
คาเฟ่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนผังแม่บท The Pomelo Amphawa ที่มีทั้งหมด 5 ส่วนไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารและรีสอร์ตตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสงคราม มีการผสมผสานระหว่างพืชเศรษฐกิจและพืชผักที่มีสีเขียวสดอยู่เต็มพื้นที่สวนลิ้นจี่ คาเฟ่มุ่งหน้าไปทางแม่น้ำแม่กลองตอนเหนือซึ่งเป็นแนวคิดในการเลี่ยงแสงแดดจัดในประเทศเขตร้อน ซึ่งผู้ออกแบบคาเฟ่แห่งนี้คือ Looklen Architects ที่มีแนวคิดการและผลงานการออกแบบที่น่าสนใจ
อัฒจันทร์คอนกรีตจุดชมวิวริมแม่น้ำแม่กลอง
การออกแบบที่มองหาความสัมพันธ์ระหว่างรูปทรงเรขาคณิต พื้นที่ภายในตกแต่งด้วยกระจกเป็นสี่เหลี่ยมมุมฉากภายใต้อัฒจันทร์คอนกรีตทรงกลมโดยปราศจากด้านหน้าหรือด้านหลังทำให้ตัวอาคารมีทางเข้าออกที่เป็นอิสระจากทุกทิศทางซึ่งเป็นความได้เปรียบของพื้นที่โดยรอบ ด้านที่มีพื้นที่ต่ำของอัฒจันทร์หันหน้าเข้าทางแม่น้ำจึงกลายเป็นจุดชมวิวที่ผู้มาเยี่ยมเยือนจะได้ปล่อยใจไปกับทิวทัศน์ของแม่น้ำแม่กลอง
วัสดุที่ใช้ส่วนมากเป็นคอนกรีตทำให้แสดงถึงรูปทรง ปริมาตรและไดนามิกของตัวอาคารได้อย่างชัดเจนทั้งเส้นโค้งและแนวขั้นบันไดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินและปีนป่ายได้ พื้นที่ใต้อัฒจันทร์เปรียบเสมือนใต้ถุนซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากบ้านทรงไทยสมัยก่อน คาเฟ่ได้จัดให้พื้นที่ใต้ถุนเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับทำกิจกรรมในระหว่างวันและป้องกันไม่ให้โดนแดด
รูปทรงสถาปัตยกรรมที่ส่งเสริมกิจกรรมตลอดวัน
ช่องรับแสงเกิดจากช่องว่างของอัฒจันทร์และมีการปลูกต้นไม้แทรกระหว่างช่องว่างช่วยให้แสงจากธรรมชาติส่องถึงใต้ถุนในตอนเย็นและตอนกลางคืนส่วนบนของอาคารสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำ การออกแบบนี้ช่วยให้สถาปัตยกรรมสามารถใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
คาเฟ่มีที่นั่งหลากหลายรูปแบบให้เลือกทั้งภายในและภายนอกอาคาร สำหรับในอาคารจะเป็นโต๊ะแบบเบสิกและมีที่นั่งแบบบาร์สำหรับรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มครอบครัว ส่วนนอกอาคารจะเป็นที่นั่งแบบผสมระหว่างที่นั่งแบบตาข่ายและม้านั่งใต้ต้นไม้เป็นที่สบาย ๆ ไว้สำหรับการพักผ่อน
ผลจากการออกแบบสถาปัตยกรรมทำให้เกิดพื้นที่สาธารณะที่สามารถเข้าออกได้ตลอดทั้งวันและยังเป็นแลนด์มาร์กที่เข้ากันได้กับบรรยากาศโดยรอบของแม่น้ำแม่กลอง
Architects: Looklen Architects
Photographs:Rungkit Charoenwat
Lead Architect: Nuttapol Techopitch
ข้อมูลและภาพจาก: https://www.archdaily.com/1003045/
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/07/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,950.00 | 32,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,070.00 | 31,381.20 | 32,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,863.00 | 28,243.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,656.00 | 25,104.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 932.00 | 14,129.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 725.00 | 10,991.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,145.00 | 32,518.20 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/07/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 | 35.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.24 | 33.24 | 33.24 | 33.24 | 33.24 | – | 33.24 | 33.24 | 33.24 | 33.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.69 | 33.69 | – | – | – | – | – | – | – | 33.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.94 | 46.74 | 46.94 | 46.84 | – | – | – | – | – | 42.94 |
เบนซิน 95 | 43.34 | – | – | – | 44.61 | – | 43.84 | 43.49 | – | 43.34 |
ดีเซล B7 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซล B20 | 31.94 | 31.94 | 32.24 | – | 31.94 | – | 31.94 | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 38.94 | 39.94 | 39.94 | 39.94 | 39.94 | – | – | – | – | 38.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |